Más contenido relacionado Similar a งานนำเสนอเปรู. (7) Más de SRINAKARIN MOTHER PRINCESS SCHOOL (20) งานนำเสนอเปรู.6. เปรูมีประชากรประมาณ 28 ล้านคน เป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับสี่ของทวีปอเมริกาใต้จากข้อมูลปี พ . ศ . 2550 โดยการเติบโตของจำนวนประชากรลดลงจากร้อยละ 2.6 เหลือร้อยละ 1.6 ในช่วงปี พ . ศ . 2493 ถึง 2543 โดยคาดการณ์ว่าจะมีประชากรประมาณ 42 ล้านคนในปี พ . ศ . 2593 จากข้อมูลปี 2548 ร้อยละ 72.6 ของประชากรอาศัยอยู่ในเขตเมือง และร้อยละ 27.4 ในเขตชนบท เมืองหลักของเปรูได้แก่ ลิมา อาเรกีปา ตรูคีโย ชีกลาโย ปิวรา อีกีโตส ชิมโบเต กุสโก และ อวงกาโย ซึ่งมีประชากรมากกว่าสองแสนคนในการสำรวจปี พ . ศ . 2536 ประชากร 7. ข้อมูลเกี่ยวกับประเทศ ที่ตั้ง อยู่ในทวีปอเมริกาใต้ริมฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก มีพรมแดนด้านเหนือ ติดกับเอกวาดอร์และโคลอมเบีย ด้านตะวันออกติดกับบราซิล และโบลิเวีย และด้านใต้ติดกับชิลี พื้นที่ 1,285,200 ตารางกิโลเมตร มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ในทวีปอเมริกาใต้ และมีขนาดใหญ่กว่าประเทศไทย 2 เท่า ภูมิอากาศ ภาคตะวันออกของประเทศมีอากาศร้อนชื้น ภาคตะวันตกแห้งแล้งแบบทะเลทราย และแถบเทือกเขาแอนดีสมีอากาศหนาวเย็น เมืองหลวง กรุงลิมา ( Lima) ประชากร 29.15 ล้านคน ( 2552) ภาษา ภาษาสเปนเป็นภาษาราชการ รวมถึงภาษา Quechua และภาษา Aymara ซึ่งเป็นภาษาท้องถิ่นก็ได้รับการรับรองฐานะให้เป็นภาษาราชการด้วยเช่นกัน ศาสนา นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก ร้อยละ 81 และนิกายอื่นๆ อีกร้อยละ 10 เชื้อชาติ อินเดียนพื้นเมือง ร้อยละ 45 เมสติโซ ( ผิวขาวผสมชนพื้นเมือง ) ร้อยละ 37 ผิวขาว ร้อยละ 15 แอฟริกัน ญี่ปุ่น จีน และอื่นๆ ร้อยละ 3 8. การเมืองการปกครอง รูปแบบการปกครอง ประชาธิปไตยในระบอบสาธารณรัฐ ฝ่ายนิติบัญญัติ มีสภาเดียว เรียกว่า Democratic Constituent Congress มีสมาชิก 120 คน และมีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละ 5 ปี โดยอาจมีการยุบสภาระหว่างวาระการดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดี ทั้งนี้ การเลือกตั้งครั้งต่อไปจะมีขึ้นในวันที่ 10 เมษายน 2554 พร้อมกับการเลือกตั้งประธานาธิบดี 10. พรรคการเมืองสำคัญ พรรค American Popular Revolutionary Alliance (APRA) พรรค Peru Possible พรรค National Unity พรรค Union for Peru พรรค Peruvian Nationalist Party พรรค Force 2011 ฝ่ายตุลาการ ศาลชั้นต้น ซึ่งมีอยู่ในทุกจังหวัดสำคัญของทุกภาค และศาลฎีกาที่ตั้งอยู่ในกรุงลิมา 11. พื้นที่ 1,285,200 ตารางกิโลเมตร มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ในทวีปอเมริกาใต้ และมีขนาดใหญ่กว่าประเทศไทย 2 เท่า 14. อาหาร อาหารจานหลักของเปรูมีความหลากหลายเพราะมีส่วนผสมที่สามารถหาได้ในประเทศหลายอย่าง เช่น อาหารทะเล เนื้อสัตว์ต่าง ๆ เช่น เนื้อวัว เนื้อไก่ เนื้อ อัลปากา และเนื้อ หนูตะเภา นิยมรับประทานอาหารจานหลักกับมันฝรั่ง ( ซึ่งกล่าวกันว่ามีมากถึง 3 , 500 ชนิด ) ข้าวโพด หรือข้าว ในเขตเทือกเขาชาวเปรูมักจะกินซุปเพื่ออบอุ่นร่างกายก่อนออกไปเผชิญความหนาวเย็น อาหารเปรูที่มีชื่อเสียงคือ เซบีเช ซึ่งมีลักษณะคล้ายยำทะเล โดยนำเนื้อปลาสดหรือกุ้งสดที่หมักในน้ำมะนาวและพริกไทย มาผสมกับหัวหอมซอย 15. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของเปรูคือ ปิสโกซาวร์ ( Pisco sour) ซึ่งมีส่วนผสมของเหล้าปิสโก ( บรั่นดีที่ทำจากองุ่น ) น้ำมะนาว น้ำแข็ง ไข่ขาว และน้ำหวาน ชาวเปรูยังนิยมดื่มเครื่องดื่มจากข้าวโพดสีม่วงที่เรียกว่า ชีชาโมราดา ( Chicha morada) อีกด้วย 17. ดนตรีและการเต้นรำ ดนตรีของเปรูมีพื้นฐานจากดนตรีพื้นเมือง และได้รับอิทธิพลจากสเปนและแอฟริกาในภายหลัง ในยุคก่อนถูกสเปนครอบครองดนตรีก็มีความหลากหลายแตกต่างกันไปตามพื้นที่ เครื่องดนตรีพื้นเมืองที่แพร่หลายที่สุดคือขลุ่ย เกนา และกลอง ตินยา เมื่ออารยธรรมสเปนเข้ามากีตาร์ก็เป็นที่รู้จักและกลายเป็นเครื่องดนตรีที่เป็นที่นิยมมากที่สุดอย่างหนึ่งในเปรู [86] นอกจากนี้ กีตาร์ยังเป็นจุดกำเนิดให้แก่เครื่องดนตรีชนิดใหม่คือ ชารังโก อิทธิพลของดนตรีแบบแอฟริกาปรากฏให้เห็นในทั้งในจังหวะของเพลงและเครื่องดนตรี เช่น กลอง กาคอน 19. เทศกาล เปรูมีเทศกาลมากมายตลอดทั้งปี ซึ่งมีทั้งเทศกาลทางศาสนา เทศกาลเกี่ยวกับประเพณีของอินคา เทศกาลเกี่ยวกับการเกษตร และเทศกาลเพื่อเฉลิมฉลอง เช่น คาร์นิวาล ที่มีจุดเด่นที่การละเล่นสาดน้ำ อินตีไรย์มี หรือพิธีเพื่อบูชาพระอาทิตย์ซึ่งสืบทอดมาตั้งแต่สมัยอินคา เซญอร์เดโลสมีลาโกรส ( ลอร์ดออฟมิราเคิลส์ ) ซึ่งเป็นพาเรดทางศาสนาคริสต์ที่ใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาใต้ เป็นต้น 20. ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสาธารณรัฐเปรู 1. ความสัมพันธ์ทั่วไป ไทยและเปรูได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2508 ทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิด มีการแลกเปลี่ยนการเยือนอย่างสม่ำเสมอ โดยไทยได้เปิดสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงลิมา เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม . 2549 ( ค . ศ . 2006) ในขณะที่เปรูเปิดสถานเอกอัครราชทูตในไทยตั้งแต่ปี 2535 ( ค . ศ . 1992) และมีการแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์ประจำจังหวัดสงขลาและเชียงใหม่ ปี 2553 เป็นปีแห่งการครบรอบ 45 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน กระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตเปรู ประจำประเทศไทย จัดกิจกรรมเพื่อเฉลิมฉลองวาระสำคัญดังกล่าว ดังนี้ 21. การแลกเปลี่ยนสารแสดงความยินดีระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองประเทศ การจัดทำ Common Bilateral Agenda Thailand-Peru 2011-2012 ( ซึ่งเป็นเอกสารที่กระทรวงการต่างประเทศร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตเปรู ประจำประเทศไทย จัดทำขึ้นเพื่อใช้เป็นกรอบในการดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างกัน ) สาระสำคัญของ Common Bilateral Agenda Thailand - Peru 2011 - 2012 สรุปได้ ดังนี้ 22. • ด้านการเมือง ครอบคลุมเรื่องการประชุม JC ครั้งที่ 3 ( ที่เปรูจะเป็นเจ้าภาพ ) การเจรจาจัดทำและ / หรือลงนามในความตกลงทวิภาคี การประเมินผล / ทบทวนการบังคับใช้ความตกลงทวิภาคีที่ลงนามไปแล้ว การแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างกัน และการให้มีการหารือทวิภาคีระหว่างผู้แทนระดับสูงในช่วงการประชุมพหุภาคีในกรอบต่างๆ 23. • ด้านเศรษฐกิจ ครอบคลุมการบังคับใช้พิธีสาร Early Harvest บทบาทการเป็น hub ของแต่ละฝ่ายในภูมิภาคของตน การจัดสัมมนาเพื่อส่งเสริมการค้าการลงทุน รวมทั้งการจัดตั้ง Thai-Peru Business Council และการจัด Thai-Peru Business Summit Forum 24. • ด้านวัฒนธรรม ครอบคลุมการจัดกิจกรรมส่งเสริมความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรม อาทิ การจัดเทศกาลอาหาร การจัดการแสดง นิทรรศการภาพวาดและภาพถ่าย การสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างสถาบันต่างๆ เป็นต้น 25. • ด้านความร่วมมือ ครอบคลุมความร่วมมือในระดับทวิภาคีต่าง เช่น ความร่วมมือทางวิชาการในสาขาต่างๆ เช่น การพัฒนาการปลูกข้าว การแปรรูปอาหารทะเล โบราณคดี การพัฒนาความร่วมมือด้านไทยศึกษาและเปรูศึกษา และการพัฒนาความร่วมมือด้านศุลกากร เป็นต้น อีกทั้งได้กล่าวถึงการส่งเสริมความร่วมมือในกรอบพหุภาคีระหว่างทั้งสองฝ่ายด้วย 26. • ด้านกงสุล ครอบคลุมการพิจารณาเปิด สกม . ในเมืองสำคัญทางเศรษฐกิจต่างๆ โดยฝ่ายเปรูอยู่ระหว่างพิจารณาเปิด สกม . ที่ จ . ขอนแก่นและภูเก็ตเพิ่มเติม 27. การจัดเลี้ยงอาหารกลางวันแก่คณะกลุ่มมิตรภาพสมาชิกรัฐสภาเปรู - ไทยที่มีกำหนดเยือนไทยระหว่างวันที่ 14-21 พฤศจิกายน 2553 โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นเจ้าภาพ การจัดทำสิ่งพิมพ์เพื่อแสดงลำดับเหตุการณ์ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับเปรู 28. 2. ความสัมพันธ์ทางการเมือง ไทยกับเปรู มีความสัมพันธ์ที่ราบรื่นและใกล้ชิด มีการแลกเปลี่ยนการเยือนกันอย่างสม่ำเสมอ ทั้งในระดับราชวงศ์และรัฐบาล อาทิ 29. - ระดับพระราชวงศ์ คือ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จฯ เยือนเปรูอย่างเป็นทางการ ( ปี 2536) สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ฯ อัครราชกุมารี เสด็จเยือนเปรู ( ปี 2543) - ระดับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาล คือ นายกรัฐมนตรี ได้แก่ นายชวน หลีกภัย ( ปี 2542) และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ( ปี 2551) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ดร . กันตธีร์ ศุภมงคล เคยเดินทางเยือนเปรู 4 ครั้ง รวมทั้งในฐานะผู้แทนการค้าไทย ( ปี 2546 -2548) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ( นายสวนิต คงสิริ ) เยือนเปรูเมื่อเดือน ส . ค . 2550 ประธานกลุ่มมิตรภาพสมาชิกรัฐสภาไทย - เปรู 30. ฝ่ายเปรูเยือนไทย คือ ประธานาธิบดีเปรู ได้แก่ นายอัลเบร์โต ฟูจิโมริ ( ปี 2539) นายอเลฆานโดร โตเลโด ( ในช่วงการประชุมเอเปค เมื่อปี 2546) ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าต่างประเทศ ( นายคาร์ลอส โปซาดา ) และกลุ่มมิตรภาพสมาชิกรัฐสภาเปรู - ไทย นำโดยนายอัลแบร์โต เอสกูเดโร ประธานกลุ่มฯ เมื่อปี 2553 31. 3. ความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจ การค้าระหว่างไทยกับเปรูในปี 2553 มีมูลค่ารวม 414.86 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 213.28 จากปี 2553 โดยมูลค่าการค้าดังกล่าวคิดเป็น ร้อยละ 0.11 ของมูลค่าการค้ารวมของไทยกับทั่วโลก ไทยยังคงเป็นฝ่ายได้ดุล 203.63 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ด้วยมูลค่าการส่งออก 309.24 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 221.58 และนำเข้า 105.62 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 191.27 ทำให้เปรูเป็นคู่ค้าอันดับที่ 6 ของไทยในภูมิภาคลาตินอเมริกา ( รองจากบราซิล เม็กซิโก อาร์เจนตินา ชิลีและโคลอมเบีย ) 32. 4. ความสัมพันธ์ด้านการท่องเที่ยว ในปี 2553 มีชาวเปรูเดินทางมาประเทศไทยจำนวน 2,641 คน ทั้งนี้ การเดินทางของประชาชน ทั้งสองประเทศมีความสะดวก เนื่องจากไทยและเปรูได้ทำความตกลงยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูต ราชการ และธรรมดา ตั้งแต่ปี 2542 33. 5. ความร่วมมือทางด้านวิชาการ ไทยและเปรูลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการระหว่างสำนักงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ ( สพร .) กับ Peruvian International Cooperation Agency (APCI) ลงนามเมื่อวันที่ 27 ก . พ . 2549 ซึ่งฝ่ายไทยได้เสนอให้ความร่วมมือกับเปรูใน 3 สาขา ได้แก่ ( 1) การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ( Aquaculture) (2) การท่องเที่ยว ( Tourism) และ ( 3) ความหลากหลายทางชีวภาพ ( Biodiversity) ซึ่งเป็นสาขาที่ไทยมีความพร้อม 34. 6. ความสัมพันธ์ในกรอบความร่วมมือระหว่างประเทศ – การแลกเปลี่ยนการสนับสนุน ไทยและเปรูเป็นสมาชิกกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย - แปซิฟิก ( APEC) ซึ่งภูมิภาคลาตินอเมริกามี 3 ประเทศ คือ เม็กซิโก ชิลี และเปรู ที่เป็นสมาชิก และกรอบความร่วมมือระหว่างเอเชียตะวันออกและลาตินอเมริกา ( FEALAC) 35. 7. ความตกลงที่สำคัญ ไทยและเปรูได้ลงนามความตกลงทวิภาคีแล้ว 37 ฉบับ และยังอยู่ระหว่างการเจรจาอีกจำนวน 15 ฉบับ ความตกลงที่มีผลบังคับใช้แล้ว อาทิ บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศกับกับ National Aerospace Research and Development Commission of Peru (CONIDA) ซึ่งฝ่ายไทยตอบรับข้อเสนอโครงการความร่วมมือของเปรูใน 3 สาขาได้แก่ พืชเสพติด ( Illicit crops) การติดตามการทำลายป่าไม้ ( Deforestation monitoring) 36. แหล่งท่องเที่ยวในประเทศเปรู ประเทศเปรู ( Peru) มีชื่อทางการคือ สาธารณรัฐเปรู ( Republic Of Peru) เป็นประเทศที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกของทวีปอเมริกาใต้ มีพรมแดนทางทิศเหนือติดกับประเทศเอกวาดอร์และประเทศโคลอมเบีย ทิศตะวันออกติดกับประเทศบราซิลและประเทศโบลิเวีย ทางทิศใต้ติดกับประเทศชิลี และทิศตะวันตกติดกับมหาสมุทรแปซิฟิก ประเทศเปรูเป็นที่ตั้งของอารยธรรมการัล ซึ่งเป็นอารยธรรมเก่าแก่อันหนึ่งของโลก และอาณาจักรอินคา จักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาก่อนยุคโคลัมบัส ต่อมาภูมิภาคนี้ตกเป็นอาณานิคมของจักรวรรดิสเปน และได้รับเอกราชในปี พ . ศ . 2364