More Related Content
Similar to โวหารภาพพจน์ (20)
โวหารภาพพจน์
- 1. โวหารภาพพจน์
ความหมายของโวหารภาพพจน์
โวหาร คือ การใช้ถ้อยคำาอย่างมีชั้นเชิง เป็นการ
แสดงข้อความออกมาในทำานองต่างๆ เพื่อให้ข้อความได้เนื้อ
ความดี มีความหมายแจ่มแจ้ง เหมาะสมน่าฟัง ในการเขียนเรื่อง
ราวอาจใช้โวหารต่างๆ กัน แล้วแต่ชนิดของข้อความ (สมถวิล
วิเศษสมบัติ. ๒๕๔๔ : ๑๒๙)
โวหารภาพพจน์ คือ กลวิธีการนำาเสนอสารโดย
การพลิกแพลงภาษาที่ใช้พูด หรือเขียนให้แปลกออกไปจากภาษา
ตามตัวอักษรทำาให้ผู้อ่านเกิดภาพในใจ เกิดความประทับใจ
เกิดความรู้สึกสะเทือนใจ เป็นการเปรียบเทียบให้เห็นภาพอย่าง
ชัดเจน )
ประเภทของโวหารภาพพจน์
1. อุปมาโวหาร (Simile)
อุปมา คือ การเปรียบเทียบว่าสิ่งหนึ่งเหมือนกับ
สิ่งหนึ่งโดยใช้คำาเชื่อมที่มีความหมายเช่นเดียวกับคำาว่า “
เหมือน ” เช่น ดุจ ดั่ง ราว ราวกับ เปรียบ ประดุจ เฉก เล่ห์
ปาน ประหนึ่ง เพียง เพี้ยง พ่าง ปูน ถนัด ละหม้าย เสมอ กล
อย่าง ฯลฯ
ตัวอย่างเช่น
ปัญญาประดุจดังอาวุธ
ไพเราะกังวานปานเสียงนกร้อง
ท่าทางหล่อนราวกับนางพญา
จมูกเหมือนลูกชมพู่ ใบหู
เหมือนทอดมันร้อนๆ
ปากเธอเหมือนกระจับอ่อนๆ ฟันเรียง
สลอนเหมือนข้าวโพดพันธุ์ดี
ตาเหมือนตามฤคมาศ พิศ
คิ้วพระลอราช
ประดุจแก้วเกาทัณฑ์ ก่งนา
- 2. สูงระหงทรงเพรียวเรียวลูด งาม
ละม้ายคล้ายอูฐกะหลาป๋า
พิศแต่หัวจรดเท้าขาวแต่ตา สอง
แก้มกัลยาดังลูกยอ
คิ้วก่งดังก่งเขาดีดฝ้าย
จมูกละม้ายคล้ายพร้าขอ
หูกลวงดวงพักตร์หักงอ ลำา
คอโตตันสั้นกลม
สองเต้าห้อยตุงดังถุงตะเคียว โคน
เหี่ยวแห้งรวบเหมือนบวบต้ม
เสวยสลายาจุกพระโอษฐ์อม มัน
น่าเชยน่าชมนางเทวี
(ระเด่นลันได
: พระมหามาตรี (ทรัพย์))
2. อุปลักษณ์ ( Metaphor )
อุปลักษณ์ ก็คล้ายกับอุปมาโวหารคือเป็นการ
เปรียบเทียบเหมือนกัน แต่เป็นการเปรียบเทียบสิ่งหนึ่งเป็นอีกสิ่ง
หนึ่ง การเปรียบเทียบสิ่งหนึ่งเป็นอีกสิ่งหนึ่ง มักจะมีคำา เป็น คือ
มี ๓ ลักษณะ
๑. ใช้คำากริยา เป็น คือ = เปรียบเป็น
เช่น โทสะคือไฟ
๒. ใช้คำาเปรียบเป็น เช่น ไฟโทสะ ดวง
ประทีปแห่งโลก ตกเหวรักจะดิ้นรนไปจนตาย
๓. แสดงการเปรียบเทียบโดยปริยาย
เช่น มโหรีจากราวป่ามาเรื่อยรี่
อุปลักษณ์จะไม่กล่าวโดยตรงเหมือนอุปมา แต่ใช้วิธี
กล่าวเป็นนัยให้เข้าใจเอาเอง ที่สำาคัญอุปลักษณ์จะไม่มีคำาเชื่อม
เหมือนอุปมา
ตัวอย่างเช่น ขอเป็นเกือกทองรองบาทา ไปจนกว่า
ชีวันจะบรรลัย
ทหารเป็นรั้วของชาติ
เธอคือดอกฟ้าแต่ฉันนั้นคือหมาวัด
เธอเป็นดินหรือเธอเป็นหญ้าแท้จริงมีค่า
กว่าใครนิรันดร์
ชาวนาเป็นกระดูกสันหลังของชาติ
ครูคือแม่พิม์ของชาติ
- 3. ชีวิตคือการต่อสู้ ศัตรูคือยากำาลัง
3. สัญลักษณ์ ( symbol )
สัญลักษณ์ เป็นการเรียกชื่อสิ่งๆหนึ่งโดยใช้คำาอื่น
มาแทน ไม่เรียกตรงๆ ส่วนใหญ่คำาที่นำามาแทนจะเป็นคำาที่เกิด
จากการเปรียบเทียบและตีความ ซึ่งใช้กันมานานจนเป็นที่เข้าใจ
และรู้จักกันโดยทั่วไป ทั้งนี้อาจเป็นเพราะผู้ประพันธ์ต้องการ
เปรียบเทียบเพื่อสร้างภาพพจน์หรือมิฉะนั้นก็อาจจะอยู่ในภาวะที่
กล่าวโดยตรงไม่ได้ เพราะไม่สมควรจึงต้องใช้สัญลักษณ์แทน
ตัวอย่างเช่น เมฆหมอก แทน
อุปสรรค
สีดำา แทน ความ
ตาย ความชั่วร้าย
สีขาว แทน ความ
บริสุทธิ์
กุหลาบแดง แทน ความรัก
หงส์ แทน คนชั้น
สูง
กา แทน คน
ตำ่าต้อย
ดอกไม้ แทน ผู้หญิง
แสงสว่าง แทน สติ
ปัญญา
เพชร แทน ความ
แข็งแกร่ง ความเป็นเลิศ
แก้ว แทน ความดี
งาม ของมีค่า
ลา แทน คนโง่
คนน่าสงสาร
ลา แทน คน
พาล คนคด
สุนัขจิ้งจอก แทน คนเจ้าเล่ห์
ยักษ์ แทน อธรรม
อันของสูงแม้ปองต้องจิต ถ้า
ไม่คิดปีนป่ายจะได้หรือ
ไม่ใช่ของตลาดที่อาจซื้อ ฤๅ
แย่งยื้อถือได้โดยไม่ยอม
- 4. ไม่คิดสอยมัวคอยดอกไม้ร่วง คง
ชวดดวงบุปผชาติสะอาดหอม
ดูแต่ภุมรินเที่ยวบินตอม จึ่ง
ได้ดอมดมกลิ่นสุมาลี
(ท้าว
แสนปม : พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว)
4. บุคลาธิษฐาน ( Personification )
บุคลาธิษฐาน หรือ บุคคลวัต บุคคลสมมติ คือการ
กล่าวถึงสิ่งต่างๆ ที่ไม่มีชีวิต ไม่มีความคิด ไม่มีวิญญาณ เช่น
โต๊ะ เก้าอี้ อิฐ ปูน หรือสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่มนุษย์ เช่น ต้นไม้
สัตว ์์ โดยให้สิ่งต่างๆเหล่านี้ แสดงกิริยาอาการและความรู้สึก
ได้เหมือนมนุษย์ ให้มีคุณลักษณะต่างๆ เหมือนสิ่งมีชีวิต ( บุคลา
ธิษฐาน มาจากคำาว่า บุคคล + อธิษฐานหมายถึง อธิษฐานให้
กลายเป็นบุคคล )
ตัวอย่างเช่น มองซิ..มองทะเล เห็นลมคลื่นเห่
จูบหิน
บางครั้งมันบ้าบิ่น กระแทกหิน
ดังครืนครืน
ทะเลไม่เคยหลับไหล ใครตอบได้
ไหมไฉนจึงตื่น
บางครั้งยังสะอื้น ทะเลมันตื่น
อยู่รำ่าไป
ฟ้าหัวเราะเยาะข้าชะตาหรือ ดินนั้นถืออภิสิทธิ์
ชีวิตข้าเองไม่เกรงดินฟ้า
ไส้เดือนเที่ยวเกี้ยวสาว
ชาวอัปสรนอนชั้นฟ้า
ทุกจุลินทรีย์
อะมีบา เชิดหน้าได้ดิบได้
เสียงร้องไห้รำ่าหาเหมือนฟ้าร้อง พระ
เสื้อเมืองเมินมองแล้วร้องไห้
พระธรณีตีอกด้วยตกใจ โล
กบาลถอนฤทัยไม่อาจมอง
5. อธิพจน์ ( Hyperbole )
- 5. อติพจน์ หรือ อธิพจน์ คือโวหารที่กล่าวเกิน
ความจริง เพื่อสร้างและเน้นความรู้สึกและอารมณ์ ทำาให้ผู้ฟังเกิด
ความรู้สึกที่ลึกซึ้ง ภาพพจน์ชนิดนี้นิยมใช้กันมากแม้ในภาษาพูด
เพราะเป็นการกล่าวที่ทำาให้เห็นภาพได้ง่ายและแสดงความรู้สึก
ของกวีได้อย่างชัดเจน
ตัวอย่างเช่น คิดถึงใจจะขาด
คอแห้งเป็นผง
ร้อนตับจะแตก
หนาวกระดูกจะหลุด
การบินไทยรักคุณเท่าฟ้า
คิดถึงเธอทุกลมหายใจเข้าออก
เอียงอกเทออกอ้าง อวดองค์ อร
เอย
เมรุชุบสมุทรดินลง เลขแต้ม
อากาศจักจารผจง จารึก พอ
ฤา
โฉมแม่หยาดฟ้าแย้ม อยู่ร้อนฤา
เห็น
*ในกรณีที่ใช้โวหารตำ่ากว่าจริง
เรียกว่า "อวพจน์"
ตัวอย่างเช่น เล็กเท่าขี้ตาแมว
เพียงชั่วลัดนิ้วมือเดียว
รอสักอึดใจเดียว
6. สัทพจน์ ( Onematoboeia )
สัทพจน์ หมายถึง ภาพพจน์ที่เลียนเสียงธรรมชาติ
เช่น เสียงดนตรี เสียงสัตว์ เสียงคลื่น เสียงลม เสียงฝน
ตก เสียงนำ้าไหล ฯลฯ การใช้ภาพพจน์ประเภทนี้จะทำาให้
เหมือนได้ยินเสียงนั้นจริง ๆ
ตัวอย่างเช่น ลูกหมาร้องบ๊อก ๆ ๆ ลุกนกร้องจิ๊บๆๆ
ลูกแมวร้องเหมียว ๆ ๆ
เปรี้ยง ๆ ดังเสียงฟ้าฟาด
ตะแลกแต๊กแต๊กตะแลกแต๊กแต๊ก
กระเดื่องดังแทรกสำารวลสรวลสันต์
คลื่นซัดครืนครืนซ่าที่ผาแดง
นำ้าพุพุ่งซ่า ไหลมาฉาดฉาน เห็น
ตระการ เสียงกังวาน
- 6. มันดังจอกโครม จอกโครม มันดังจอก
จอก โครม โครม
บัดเดี๋ยวดังหง่างเหง่งวังเวงแว่ว
อ้อยอี๋เอียง อ้อยอี๋เอียงส่งเสียงร้อง
เสียงลิงค่างบ่างชะนีวะหวีดโหวย
กระหึมโหยห้อยไม้น่าใจหาย
ป๊ะโท่นป๊ะโท่นป๊ะโท่นโท่น
7. นามนัย ( Metonymy )
นามนัย คือ การใช้คำาหรือวลีซึ่งบ่งลักษณะหรือ
คุณสมบัติของสิ่งใดสิ่งหนึ่งแทนอีกสิ่งหนึ่ง คล้ายๆ สัญลักษณ์
แต่ต่างกันตรงที่ นามนัยนั้นจะดึงเอาลักษณะบางส่วนของสิ่งหนึ่ง
มากล่าวให้หมายถึงส่วนทั้งหมด หรือใช้ชื่อส่วนประกอบสำาคัญ
ของสิ่งนั้นแทนสิ่งนั้นทั้งหมด
ตัวอย่างเช่น เมืองโอ่ง หมายถึง
จังหวัดราชบุรี
เมืองย่าโม หมายถึง
จังหวัดนครราชสีมา
ทีมเสือเหลือง หมายถึง ทีม
มาเลเซีย
ทีมกังหันลม หมายถึง ทีม
เนเธอร์แลนด์
ทีมสิงโตคำาราม หมายถึง
อังกฤษ
ฉัตร มงกุฎ หมายถึง
กษัตริย์
เก้าอี้ หมายถึง
ตำาแหน่ง หน้าที่
มือที่สาม หมายถึง ผู้
ก่อความเดือดร้อน
เอวบาง หมายถึง
นาง ผู้หญิง
8. ปรพากย์ ( Paradox )
ปฏิพากย์ หรือ ปรพากย์ คือการใช้ถ้อยคำาที่มี
ความหมายตรงกันข้ามหรือขัดแย้งกันมากล่าว อย่างกลมกลืนกัน
เพื่อเพิ่มความหมายให้มีนำ้าหนักมากยิ่งขึ้น
ตัวอย่างเช่น เลวบริสุทธิ์ บาปบริสุทธิ์
สวยเป็นบ้า สวยอย่างร้ายกาจ