SlideShare una empresa de Scribd logo
1 de 12
Descargar para leer sin conexión
4




                                             บทที่ 2


                                        เอกสารที่เกียวข้ อง
                                                    ่


         ในการจัดทาโครงงานคอมพิวเตอร์ การพัฒนาเว็บบล็อก (WebBlog) ด้วย Wordpress
เรื่ อง เทคโนโลยีแท็บเล็ตนี้ ผูจดทาโครงงานได้ศึกษาเอกสารและจากเว็บไซต์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
                               ้ั
ดังต่อไปนี้

         2.1 ความสาคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศและอินเทอร์เน็ต
         2.2 ข้อมูลเกี่ยวกับสื่อสังคม Social Media
         2.3 เว็บบล็อก (WebBlog)

2.1 ความสาคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศและอินเทอร์ เน็ต

ความสาคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ
              เทคโนโลยีสารสนเทศมีความสาคัญต่อการพัฒนาประเทศในด้านต่าง ๆ เป็ นอย่าง
มาก ตัวอย่างเช่น
1. การศึกษา เทคโนโลยีสารสนเทศ ช่วยในด้านการค้นคว้าศึกษาแหล่งข้อมูล ทาให้การศึกษา
ง่ายขึ้นและไร้ขีดจากัด ผูเ้ รี ยนมีความสะดวกในการค้นคว้าวิจย
                                                           ั

2. การดารงชีวิตประจาวัน ทาให้มีความสะดวกคล่องตัวและรวดเร็ วในการทากิจกรรมต่าง ๆ ที่
เกิดขึ้นในชีวิตประจาวัน สามารถทางานได้หลายอย่างในเวลาเดียวกันได้หรื อทางานใช้เวลาน้อยลง

3. การดาเนินธุรกิจ ทาให้มีการแข่งขันระหว่างธุรกิจมากขึ้น ทาให้ตองมีการพัฒนาองค์กรเพื่อให้
                                                               ้
ทันกับข้อมูลข่าวสารอยูตลอดเวลา
                      ่
อันส่งผลต่อการพัฒนาประเทศอย่างต่อเนื่อง

4. อัตราการขยายตัวทุก ๆ ด้านที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ ว เพราะมีการติดต่อสื่อสารที่เจริ ญก้าวหน้า
ทันสมัย รวดเร็ วถูกต้องและ ทาให้
เป็ นโลกที่ไร้พรหรมแดน
5




5. ระบบการทางานมีคอมพิวเตอร์มาใช้ซื่อสามารถทางานได้มากขึ้น งานบางอย่างมนุษย์ทาไม่ได้
ก็ใช้คอมพิวเตอร์ช่วยทางานแทนซึ่งได้ผลถูกต้องรวดเร็ ว

ความสาคัญของอินเทอร์ เน็ต
      ในปัจจุบนอินเทอร์เน็ตมีบทบาทและมีความสาคัญต่อชีวิตประจาวันของคนเราเป็ นอย่าง
              ั
มาก เพราะทาให้วิถีชีวิตเราทันสมัยและทันเหตุการณ์อยูเ่ สมอ เนื่องจากอินเทอร์เน็ตจะมีการเสนอ
ข้อมูลข่าวปัจจุบน และสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นให้ผใช้ทราบเปลี่ยนแปลงไปทุกวัน สารสนเทศที่เสนอ
                ั                              ู้
ในอินเทอร์เน็ตจะมีมากมายหลายรู ปแบบเพื่อสนองความสนใจและความต้องการของผูใช้ทุก
                                                                       ้
กลุ่ม อินเทอร์เน็ตจึงเป็ นแหล่งสารสนเทศสาคัญสาหรับทุกคนเพราะสามารถค้นหาสิ่งที่ตนสนใจ
ได้ในทันทีโดยไม่ตองเสียเวลาเดินทางไปค้นคว้าในห้องสมุด หรื อแม้แต่การรับรู้ข่าวสารทัวโลกก็
                 ้                                                                 ่
สามารถอ่านได้ในอินเทอร์เน็ตจากเว็บไซต์ต่าง ๆ ของหนังสือพิมพ์
      ดังนั้นอินเทอร์เน็ตจึงมีความสาคัญกับวิถีชีวิตของคนเราในปัจจุบนเป็ นอย่างมากในทุก ๆ
                                                                   ั
ด้าน ไม่ว่าจะเป็ นบุคคลที่อยูในวงการธุรกิจ การศึกษา ต่างก็ได้รับประโยชน์จากอินเทอร์เน็ต
                             ่
ด้วยกันทั้งนั้น

      1. ด้านการศึกษา อินเทอร์เน็ตมีความสาคัญ ดังนี้
             1. สามารถใช้เป็ นแหล่งค้นคว้าหาข้อมูล ไม่ว่าจะเป็ นข้อมูลทางวิชาการ ข้อมูลด้าน
การบันเทิง ด้านการแพทย์ และอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
             2. ระบบเครื อข่ายอินเทอร์เน็ต จะทาหน้าที่เปรี ยบเสมือนเป็ นห้องสมุดขนาดใหญ่
             3. นักเรี ยนนักศึกษาสามารถใช้อินเทอร์เน็ตติดต่อกับมหาวิทยาลัยหรื อโรงเรี ยนอื่น ๆ
เพื่อค้นหาข้อมูลที่กาลังศึกษาอยูได้ ทั้งที่ขอมูลที่เป็ นข้อความเสียง ภาพเคลื่อนไหวต่าง ๆ
                                ่           ้

      2. ด้านธุรกิจและการพาณิ ชย์ อินเทอร์เน็ตมีความสาคัญดังนี้
             1. ค้นหาข้อมูลต่าง ๆ เพื่อช่วยในการตัดสินใจทางธุรกิจ
             2. สามารถซื้อขายสินค้า ทาธุรกรรมผ่านระบบเครื อข่าย
             3. เป็ นช่องทางในการประชาสัมพันธ์ โฆษณาสินค้า ติดต่อสื่อสารทางธุรกิจ
             4. ผูใช้ที่เป็ นบริ ษท หรื อองค์กรต่าง ๆ ก็สามารถเปิ ดให้บริ การ และสนับสนุนลูกค้า
                  ้               ั
6




ของตนผ่านระบบเครื อข่ายอินเทอร์เน็ตได้ เช่น การให้คาแนะนา สอบถามปัญหาต่าง ๆ ให้แก่
ลูกค้า แจกจ่ายตัวโปรแกรมทดลองใช้ (Shareware) โปรแกรมแจกฟรี (Freeware)

      3. ด้านการบันเทิง อินเทอร์เน็ตมีความสาคัญดังนี้
            1. การพักผ่อนหย่อนใจ สันทนาการ เช่น การค้นหาวารสารต่าง ๆ ผ่านระบบ
เครื อข่ายอินเทอร์ เน็ต ที่เรี ยกว่า Magazine Online รวมทั้งหนังสือพิมพ์และข่าวสารอื่น ๆ โดยมี
ภาพประกอบที่จอคอมพิวเตอร์เหมือนกับวารสารตามร้านหนังสือทัว ๆ ไป      ่
            2. สามารถฟังวิทยุหรื อดูรายการโทรทัศน์ผานระบบเครื อข่ายอินเทอร์เน็ตได้
                                                   ่
            3. สามารถดึงข้อมูล (Download) ภาพยนตร์มาดูได้

  2.2 ข้ อมูลเกียวกับสื่อสังคม Social Media
                ่
        2.2.1 ความหมายของ Social Media
                 Social Media คือโครงข่ายการสร้าง Media ที่มีการตอบสนองทางสังคมได้หลาย
ทิศทาง โดยคนที่สร้างสื่อใช้ความสามารถในการเข้าถึงได้ง่ายของอินเตอร์เน็ท ความจริ งแล้ว Social
Media เกิดขึ้นเพราะความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ในความเป็ นสัตว์สงคมที่ตองการการปฎิ
                                                               ั      ้
สัมพันธ์กนและต้องการความเห็นกันนันเอง ในครั้งแรกนั้นเกิดจากยุคเว็บ 2.0 ( จาก broadcast
         ั                       ่
media monologues : one to many เป็ น social media dialogues :many to many ) และเมื่อเกิด media
จานวนมากก็จะเกิดสถิติของแต่ละ Category ,เกิดกลุ่มผูเ้ สพสื่อแต่ละCategory และการคัดเลือก
คุณภาพ Media ตามธรรมชาติ


        2.2.2 ประวัตความเป็ นมาและพัฒนาการของ Social Media
                    ิ

                  พูดถึงกันมากเหลือเกินสาหรับ สื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) ซึ่งเรี ยกได้ว่า
เป็ นตัวกลาง เป็ นเครื่ องมือ สาหรับการสื่อสารระหว่างกัน โดยปัจจุบนได้ขยายผลกว้างครอบคลุม
                                                                      ั
ไปถึง การทางานร่ วมกัน ทั้งภายใน และ ภายนอกองค์กร โดยอาศัยเว็บ และ โมบายเทคโนโลยี เป็ น
ตัวช่วย ถ้าจะเปรี ยบเทียบก็น่าจะเป็ นคู่แฝดแห่งยุคดิจิต อล อย่างเมื่อกว่า 200 ปี ก่อน มีแฝดอินจัน ที่
ไปสร้างชื่อเสียงในต่างประเทศ จนมีการตั้งชื่อแฝดลักษณะที่มีลาตัวติดกันเช่นนี้ว่า แฝดสยาม
7




ถ้าว่าไปแล้ว แฝดสยามในยุคดิจิตอล ก็คงหนีไม่พน สื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) กับ สมาร์ท
                                                    ้
โฟน (Smartphone) ที่มกจะไปเป็ นคู่ยากที่จะแยกออกจากกันได้ เมื่อศึกษาถึงคาจากัดความของ
                           ั
สังคมออนไลน์ (Social Media) จะพบว่าคือกลุ่มของแอพพลิเคชัน บนอินเทอร์เน็ต ที่สร้างขึ้นมา
                                                                ่
บนพื้นฐานแนวคิด และเทคโนโลยี Web 2.0 ซึ่งรองรับให้มีการสร้าง และ แลกเปลี่ยน คอนเทนต์ที่
ผูใช้เป็ นผูสร้างเอง (User-generated content) เมื่อพิจารณาโดยรวมแล้ว สามารถเรี ยกได้ว่า สื่อสังคม
  ้          ้
ออนไลน์ (Social Media) เป็ นการผสมผสานกันระหว่าง เทคโนโลยี กับ การสื่อสารระหว่างกันใน
สังคม เพื่อสร้างเสริ มมูลค่าให้เพิ่มขึ้น
            เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป โดยเฉพาะยุคดิจิตอลอย่างทุกวันนี้ การแสดงควา มคิดเห็นดูจะเป็ น
เรื่ องง่าย บนสื่อสังคมออนไลน์ เป็ นหนึ่งตัวอย่างที่ทาให้พนักงานรายหนึ่งในอเมริ กา ถูกไล่ออก
หลังจากที่เธอได้วิจารณ์เจ้านายของเธอบน เฟชบุ๊ก (Facebook) เรื่ องเกิดขึ้นเมื่อปี ที่ผานมา พนักงาน
                                                                                     ่
หญิงรายนี้ได้เขียนข้อคิดเห็นของเธอ บนหน้าเฟชบุ๊ก ด้วยคา พูดที่หยาบคาย คดีน้ ีถกจับตามองทัว
                                                                                       ู        ่
จากทุกวงการ ด้วยความกังขาว่า นายจ้างมีสิทธิที่จะลงโทษพนักงานที่เขียนข้อคิดเห็นบน สังคม
ออนไลน์ หรื อไม่ เท่าที่ทราบในเมืองไทยเรายังไม่เคยได้ยน เหตุการณ์ลกษณะนี้เกิดขึ้น
                                                          ิ            ั
         เกมในเฟซบุ๊ก น่าจะเป็ นตัวสร้างความ สัมพันธ์ได้อย่างดี ด้วยกลยุทธ์ว่าใครมีเพื่อนเยอะก็
จะได้อะไรเพิมขึ้นในเกม นอกจากนั้น ยังมีการหลอกล่อให้ตองมีเพื่อนมาร่ วมกันเป็ นส่วนหนึ่งใน
            ่                                            ้
เกม ปลูกผักเลี้ยงปลากันใหญ่ วันก่อนมีโอกาสไปบรรยายเรื่ องสังคมออนไลน์ให้กบกรมส่งเสริ ม
                                                                               ั
การเกษตร ก็เล่าไปว่าบ้านเราน่าจะ ทาเกมลักษณะนี้ในรู ปแบบไทยๆ บ้านเรามีเกษตรกร กว่าครึ่ ง
ค่อนประเทศ นี่ยงไม่นบรวมท่านที่ชอบทาการเกษตรบนโลกออนไลน์
                 ั ั
          ในทางกลับกัน บางประเทศกลับห้ามใช้งานเว็บนี้ บางบริ ษทก็หามใช้เนื่องจากเสียเวลา
                                                                 ั ้
การทางานของพนักงาน เฟซบุ๊คได้รับการจัดอันดับเป็ นเว็บสังคมออนไลน์ที่มีผใช้มากที่สุดในปี
                                                                               ู้
ค.ศ. 2009 จานวนผูใช้เพิ่มขึ้นเป็ นเท่าตัว และที่น่าสนใจก็คือจานวนผูเ้ ล่นอินเทอร์เน็ตในสหรัฐฯ
                    ้
เข้าใช้งานมากกว่ากูเกิลเป็ นครั้งแรกช่วงต้นปี 2010 อีกด้วย
              ล่าสุดมีข่าวการใช้เฟซบุ๊ก เพื่อช่วยเหลือชี วิต ปกติเรามักจะได้ยนการใช้สงคมออนไลน์
                                                                             ิ        ั
เป็ นสื่อ เป็ นเครื่ องมือทางการตลาด แต่ล่าสุดมีข่าวจากสานักข่าวต่างประเทศได้รายงานเกี่ยวกับการ
ประกาศรับบริ จาคไตในเฟซบุ๊ก เรื่ องเกิดที่สหรัฐฯ มีผป่วยที่ตองการปลูกถ่ายไต ต้องเปลี่ยนไตใหม่
                                                          ู้      ้
ภายในเวลาจากัด เมื่อปรึ กษากับแพทย์ที่ดูแลอยู่ จึงได้ตดสินใจลองประกาศลงในเฟซบุ๊ก แล้วก็มีผที่
                                                             ั                                  ู้
ประสงค์จะบริ จาคไตให้ โดยไม่ได้มีความสนิทสนมกันเป็ นพิเศษแต่อย่างใด เป็ นเพียงเพื่อนในเฟ
ซบุ๊ก ผูรับบริ จาคเมื่อได้รับข้อความแสดงความจานงจะบริ จาคไตให้ ในตอนแรกยังคิดว่าเป็ นเรื่ อง
         ้
ล้อเล่นกัน แต่เมื่อต้นเดือนเมษายน 2010 แพทย์ก็ได้เปลี่ยนไตที่บริ จาคให้ไปเป็ นที่เรี ยบร้อยแล้ว
8




          การศึกษาล่าสุดพบว่าหญิงสาววัยรุ่ น ที่นงจ้องเฟชบุ๊คทั้งวัน อาจเป็ นสาเหตุให้เกิดอาการ
                                                 ั่
ผิดปกติในเรื่ องการทานอาหาร จากการศึกษาพบว่าสองสาเหตุหลักที่ทาให้เกิด อาการก ารทาน
อาหารผิดปกติ คือ การใช้เวลามากเกินไปกับ พฤติกรรมการบริ โภคสื่อ และ การเป็ นตัวของตัวเอง
มากเกินไป ผลจากการสารวจเด็กวัยรุ่ นช่วงอายุ 12 ถึง 19 ปี พบว่าพฤติกรรมการบริ โภคสื่อ
อินเทอร์เน็ต และ โทรทัศน์ มีผลกระทบต่อพฤติกรรมของแต่ละคนโดยตรง
          จากผลการสารวจพบว่า ยิงใช้เวลากับเฟชบุ๊ก มากเท่าไหร่ ก็จะมีโอกาสจะพบอาการ
                               ่
อยากอาหารมากผิดปกติ ภาวะเบื่ออาหาร ไม่พึงพอใจในสรี ระของตัวเอง และ ความต้องการอยาก
ลดน้ าหนัก มากขึ้น
           เมื่อมีจานวนผูใช้ สื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) มากขึ้นเท่าใร ย่อมเป็ นโอกาสในการ
                         ้
ทาธุรกิจ จึงเกิดคาว่า Social Commerce ขึ้น และได้รับความสนใจมากในช่วงนี้ หรื อถ้าลองค้นหา
คาว่า “e-mail vs. Social Media” ในกูเกิล จะพบผลลัพธ์มากเป็ นหลายหมื่น จึงเป็ นสิ่งที่ชดเจนว่า
                                                                                       ั
เป็ นหัวข้อร้อน จนบางที คนนิยามว่าเป็ นการทาสงครามบนโลกดิจิตอ ล บ้างก็กล่าวว่าคงเป็ นจุดจบ
ของ อีเมล์ และคลื่นลูกใหม่ที่มาก็คือ สื่อสังคมออนไลน์ (Social Media)
            อีกแง่มุมหนึ่งที่ดูเข้าท่าก็คือ ทั้งอีเมล์ และ สื่อสังคมออนไลน์ จะเป็ นตัวเสริ มกันและกัน
เพื่อการตัดสินใจทางธุรกิจ เราควรที่จะโฟกัสสองเรื่ องใหญ่ๆ คือ กลุ่มเป้ าหมาย และ เจตนา มาเริ่ ม
ด้วยกลุ่มเป้ าหมาย
* ถ้ากลุ่มเป้ าหมายอายุต่ากว่า 20 ปี น่าจะค่อนข้างชัดเจนว่า การใช้สื่อสังคมออนไลน์ จะเป็ น
ทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด
*ถ้ากลุ่มธุรกิจเป็ นกลุ่มเป้ าหมายของเรา การใช้อีเมล์ ถูกมองว่าเราจะได้ผลเร็ วกว่า ใน ทางกลับกัน
ถ้าลูกค้าทัวไปเป็ นกลุ่มเป้ าหมายของธุรกิจ การใช้ สื่อสังคมออนไลน์ น่าจะได้ผลที่ดีกว่า เนื่องจาก
           ่
ลูกค้าจะเชื่อ และฟัง ความเห็นของคนอื่นๆ ที่ให้ไว้บนสื่อสังคมออนไลน์
*สาหรับกลุ่มเป้ าหมายที่อยูที่ทางาน อีเมล์เป็ นคาตอบของเรา แต่ถาต้องการมุ่งไปที่อ ยูที่บาน สื่อ
                           ่                                   ้                    ่ ้
สังคมออนไลน์ น่าจะให้ผลตอบรับที่ดีกว่า
          จะเห็นได้ว่าการวิเคราะห์กลุ่มเป้ าหมายทั้งทาง ประชากรศาสตร์ (Demographic) และเชิง
จิตวิทยา เป็ นสิ่งที่สาคัญทั้งคู่ ในการเลือกว่า อีเมล์ หรื อ สื่อสังคมออนไลน์ จะเหมาะสมกับธุรกิจ
อย่างไรก็ตามในหลายกรณี เราควรใช้ท้งสองช่องทาง ในการติดต่อสื่อสาร
                                           ั
9




          ส่ วนเจตนา หรือ รูปแบบของธุรกิจ ก็เป็ นอีกหนึ่งปัจจัยที่ควรนามาพิจารณา
* ถ้าต้องการทาธุรกิจแบบ ขายตรง สื่อสังคมออนไลน์ อาจจะไม่ค่อยเหมาะสมนัก อีเมล์ น่าจะให้
ผลลัพธ์ที่ดีกว่า
* เมื่อมีความต้องการที่จะสร้างความสัมพันธ์ ในระยะยาว การเริ่ มต้นด้วย สื่อสังคมออนไลน์
ในช่วงแรก แล้วปรับมาใช้อีเมล์ น่าจะเป็ นแนวทางที่ดี
* หากธุรกิจของเราต้องการ การตอบรับที่รวดเร็ ว สาหรับกลุ่มวัยรุ่ นแล้ว สื่อสังคมออนไลน์ เป็ น
ทางเลือกที่เหมาะสม ส่วนกลุ่มวั ยทางานที่ทางานมาพอสมควร การตอบรับอีเมล์ ของคนกลุ่มนี้ ก็
จะค่อยข้างเร็ ว
* เมื่อเราต้องการที่จะทาธุรกิจ ผ่านการสื่อสาร อีเมล์ ยังคงเป็ นสิ่งที่เราต้องใช้ เราต้องจัดการกับ
อีเมล์ที่เข้ามาอย่างมีประสิทธิภาพ และรวดเร็ ว ถ้าไม่สามารถโต้ตอบด้วยความรวดเร็ วแล้ว ธุร กิจ
ของเราอาจจะมีปัญหาได้ ต่างกับถ้าเราไม่ ทวิต ทุกวัน คงจะไม่มีผลกระทบต่อธุรกิจมากเท่าไหร่ นก        ั




           2.2.3 ประเภทเว็บไซต์ที่ให้ บริการ Social Media
                  (1) Blog – ซึ่งเป็ นการลดรู ปจากคาว่า Weblog ซึ่งถือเป็ นระบบจัดการเนื้อหา
(Content Management System: CMS) รู ปแบบหนึ่ง ซึ่งทาให้ผใช้สามารถเขียนบทความเรี ยกว่า
                                                              ู้
Post และทาการเผยแพร่ ได้โดยง่าย ไม่ยงยากในการที่จะต้องมานังเรี ยนรู้ถึงภาษา HTML หรื อ
                                         ุ่                      ่
โปรแกรมทา web site ทั้งนี้การเรี ยงของเนื้อหาจะเรี ยงจากเนื้อหาที่มาใหม่สุดก่อน จากนั้นก็
ลดหลันลงไปตามลาดับของเวลา (Chronological Order) การเกิดของ Blog เปิ ดโอกาสให้ใครๆที่มี
         ่
ความสามารถในด้านต่างๆ สามารถเผยแพร่ ความรู้ดงกล่าวด้วยการเขียนได้อย่างเสรี ไม่มีขีดจากัด
                                                    ั
เรื่ องเทคนิคอย่างในอดีตอีกต่อไป ทาให้เกิด Blog ขึ้นมาจานวนมากมาย และเพิ่มเนื้อหาให้กบโลก  ั
ออนไลน์ได้เป็ นจานวนมหาศาลอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน นอกจากนี้เครื่ องมือที่สาคัญที่ทาให้เกิด
ลักษณะของ Social คือการเปิ ดให้เพื่อนๆเข้ามาแสดงความเห็นได้นนเอง    ั่

ในแง่ของการตลาด Blog อาจจะถูกนามาใช้ได้ใน 2 รู ปแบบ คือ การที่บริ ษทจัดทา Blog (Corporate
                                                                       ั
Blog) ขึ้นมาเพื่อพูดจากับบรรดาลูกค้า และ Blog ที่เขียนจาก Blogger อิสระ ที่มีความสามารถเขียน
เรื่ องที่ตนถนัดและมีผติดตามจานวนมาก จนกลายเป็ น Marketing Influencer
                      ู้
10




(2) Twitter และ Microblog อื่นๆ – เป็ นรู ปแบบหนึ่งของ Blog ที่จากัดขนาดของการ Post แต่ละครั้ง
ไว้ที่ 140 ตัวอักษร โดยแรกเริ่ มเดิมที ผูออกแบบ Twitter ต้องการให้ผใช้เขียนเรื่ องราวว่าคุณกาลัง
                                         ้                          ู้
ทาอะไรอยูในขณะนี้ (What are you doing?) แต่กิจการต่างๆกลับนา Twitter ไปใช้ในทางธุรกิจ ไม่
             ่
ว่าจะเป็ นการสร้างการบอกต่อ เพิมยอดขาย สร้าง Brand หรื อเป็ นเครื่ องมือสาหรับการบริ หาร
                                   ่
ความสัมพันธ์ลกค้า (CRM) ทั้งนี้เรายังสามารถใช้เป็ นเครื่ องมือในการประชาสัมพันธ์บทความ
                 ู
ใหม่ๆบน Blog ของเราได้ดวย Twitter นั้นเป็ นนิยมขึ้นมากอย่างรวดเร็ ว จนทาให้เว็บไซต์ประเภท
                           ้
Social Network ต่างๆ เพิ่ม Feature ที่ให้ผใช้สามารถบอกได้ว่าตอนนี้กาลังทาอะไรกันอยู่ นั้นก็คือ
                                           ู้
การนา Microblog เข้าไปเป็ นส่วนหนึ่งด้วยนั้นเอง

(3) Social Networking – จากชื่อก็สามารถแปลความหมายได้ว่าเป็ นเครื อข่ายที่เชื่อมโยงเรากับ
เพื่อนๆจนกลายเป็ นสังคม ทั้งนี้ผใช้จะเริ่ มต้นสร้างตัวตนของตนเองขึ้นในส่วนของ Profile ซึ่งประ
                                ู้
กกอบด้วยข้อมูลส่วนตัว (Info) รู ป (Photo) การจดบันทึก (Note) หรื อการใส่วิดีโอ (Video) และ
อื่นๆ นอกจากนี้ Social Networking ยังมีเครื่ องมือสาคัญในการสร้างจานวนเพื่อนให้มากขึ้น คือ ใน
ส่วนของ Invite Friend และ Find Friend รวมถึงการสร้างเพื่อนจากเพื่อนของเพื่อนอีกด้วย

นักการตลาดนา Social Networking มาใช้ในการมีปฏิสมพันธ์กบลูกค้า อาจจะอยูในรู ปของการ
                                                     ั        ั                ่
สร้าง Brand ผ่านเกมส์หรื อ Application ต่างๆ หรื ออาจใช้เป็ นเครื่ องมือของ CRM ผ่านทาง Pages
และนอกจากนี้ตวลูกค้าเอง หากชื่นชอบในสินค้าหรื อบริ การ ก็สามารถร่ วมกลุ่มกันจัดตั้ง Group
                ั
ขึ้นมาได้

เว็บไซต์ที่มีลกษณะของ Social Networking มีมากมาย แต่อาจจะแบ่งได้เป็ น 2 ประเภท คือ ประเภท
              ั
แรกจะสนใจในการสร้างเครื อข่ายระหว่างเพื่อนๆหรื อครอบครัว เช่น Facebook, Hi5 หรื อ
Myspace และอีกประเภท คือสนใจในการสร้างเครื อข่ายในเชิงธุรกิจ ที่เปิ ดให้ใส่ Resume และ
ข้อมูลเชิงอาชีพต่างๆ เช่น Linkedin หรื อ Plaxo เป็ นต้น

(4) Media Sharing – เป็ นเว็บไซต์ที่เปิ ดโอกาสให้เราสามารถ upload รู ปหรื อวิดีโอเพื่อแบ่งปัน
ให้กบครอบครัว เพื่อนๆ หรื อแม้กระทังเพื่อเผยแพร่ ต่อสาธารณชน นักการตลาด ณ ปัจจุบนไม่
     ั                                   ่                                                 ั
จาเป็ นจะต้องทุ่มทุนในการสร้างหนังโฆษณาที่มีตนทุนสูง เราอาจจะใช้กล้องดิจิตอลราคาถูกๆ
                                                  ้
ถ่ายทอดความคิดเป็ นรู ปแบบวิดีโอ จากนั้นนาขึ้นไปสู่เว็บไซต์ Media Sharing อย่าง Youtube หาก
ความคิดของเราเป็ นที่ชื่นชอบ ก็ทาให้เกิดการบอกต่ออย่างแพร่ หลาย หรื อกรณี หากกิจการคุณขาย
สินค้าที่เน้นดีไซน์ที่สวยงาม ก็อาจจะถ่ายรู ปแล้วนาขึ้นไปสู่เว็บไซต์อย่าง Flickr เพื่อให้ลกค้าได้ชม
                                                                                         ู
หรื ออาจจะใช้เป็ นเครื่ องมือในการนาชมโรงงาน หรื อบรรยากาศในการทางานของกิจการ เป็ นต้น
11




หรื ออย่างกรณี ของ Multiply ที่คนไทยนิยมนารู ปภาพที่ตนเองถ่ายมาแสดงฝี มือ เหมือนเป็ นแกลลอ
รี ส่วนตัว ทาให้ผว่าจ้างได้เห็นฝี มือก่อนที่จะทาการจ้าง
                 ู้

(5) Social News and Bookmarking – เป็ นเว็บไซต์ที่เชื่อมโยงไปยังบทความหรื อเนื้อหาใดใน
อินเทอร์เน็ต โดยผูใช้เป็ นผูส่งและเปิ ดโอกาสให้คะแนนและทาการโหวตได้ เป็ นเสมือนมหาชน
                      ้     ้
ช่วยกลันกรองว่าบทความหรื อเนื้อหาใดนั้นเป็ นที่น่าสนใจที่สุด ในส่วนของ Social Bookmarking
          ่
นั้น เป็ นการที่เปิ ดโอกาสให้คุณสามารถทาการ Bookmark เนื้อหาหรื อเว็บไซต์ที่ชื่นชอบ โดยไม่
ขึ้นอยูกบคอมพิวเตอร์เครื่ องใดเครื่ องหนึ่ง แต่สามารถทาผ่านออนไลน์ และเนื้อหาในส่วนที่เราทา
        ่ ั
Bookmark ไว้น้ ี สามารถที่จะแบ่งปันให้คนอื่นๆได้ดวย นักการตลาดจะใช้เป็ นเครื่ องมือในการบอก
                                                    ้
ต่อและสร้างจานวนคนเข้ามายังที่เว็บไซต์หรื อ Campaign การตลาดที่ตองการ
                                                                   ้

(6) Online Forums – ถือเป็ นรู ปแบบของ Social Media ที่เก่าแก่ที่สุด เป็ นเสมือนสถานที่ที่ให้ผคน
                                                                                              ู้
เข้ามาพูดคุยในหัวข้อที่พวกเขาสนใจ ซึ่งอาจจะเป็ นเรื่ อง เพลง หนัง การเมือง กีฬา สุขภาพ หนังสือ
การลงทุน และอื่นๆอีกมากมาย ได้ทาการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น แสดงข้อมูลข่าวสาร ตลอดจนถึง
การแนะนาสินค้าหรื อบริ การต่างๆ นักการตลาดควนสนใจเนื้อหาที่พดคุยใน Forums เหล่านี้ เพราะ
                                                                      ู
บางครั้งอาจจะเป็ นคาวิจารณ์เกี่ยวกับตัวสินค้าและบริ การของเรา ซึ่งเราเองสามารถเข้าไปทาความ
เข้าใจ แก้ไขปัญหา ตลอดจนถึงใช้สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกบลูกค้า เว็บไซต์ประเภท Forums อาจจะ
                                                          ั
เป็ นเว็บไซต์ที่เปิ ดให้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันโดยเฉพาะ หรื ออาจจะเป็ นส่วนหนึ่งในเว็บไซต์
เนื้อหาต่างๆ




2.3 เว็บบล็อก (WebBlog)
           2.3.1 ความหมายของเว็บบล็อก (WebBlog)
                   บล็อก (Blog) หรื อ เว็บบล็อก (Weblog) เป็ นเว็บไซต์สาหรับเขียนบันทึกเล่า
เรื่ องราวประจาวันเพื่อสื่อสารความรู้สึกนึกคิด มุมมอง ประสบการณ์ ความรู้ และข่าวสาร ในเรื่ องที่
ผูเ้ ขียนท่านหนึ่งๆ (Blogger) สนใจโดยเฉพาะ ซึ่งลักษณะดังกล่าวนี้ทาให้บล็อกต่างกับเว็บบอร์ด
และเนื่องจากความจริ งใจและอิสระทางความคิดที่สื่อสารออกไป ซึ่งส่วนใหญ่อยูใน ลักษณะของ
                                                                                 ่
บุคคลที่หนึ่ง เป็ นการบ่งบอกถึงความเป็ นตัวตนของผูเ้ ขียนได้เป็ นอย่างดีทีเดียว จึงทาให้บล็อกเป็ น
สื่อที่นิยมมากขึ้นเรื่ อยๆ ในนานาประเทศ
12




        2.3.2 ประเภทของเว็บบล็อก

                  ประเภทของ Blog
บล็อกที่เราเห็นอยูในปัจจุบนนี้ ใช่มีเพียงแค่บล็อกที่เป็ นตัวหนังสือและรู ปภาพเท่านั้น หรื อ มีแค่
                   ่          ั
ออนไลน์ไดอารี่ เราแบ่งบล็อกออกได้ ดังต่อไปนี้
1. แบ่งตามลักษณะของมีเดียที่มีในบล็อกได้แก่1.1. Linklog บล็อกแบบนี้น่าจะเป็ นบล็อกรุ่ นแรก ๆ
เป็ นบล็อกที่รวมลิ๊งก์ที่เจ้าของบล็อกสนใจเอาไว้ ถ้าคณยังจาผูให้กาเนิดคาว่า “บล็อก” ที่ชื่อ จอห์น
                                                                ้
บาจเจอร์ได้ นันแหล่ะครับ robotwisdom.com ของเขาคือตัวอย่างของ linklog นันเอง แม้ว่าจะ
                ่                                                                ่
บล็อกแบบนี้จะเป็ นการรวมลิ๊งก์เท่านั้น แต่ก็ไม่เรี ยงเหมือนว็บไดเร็ กทอรี่ เพราะเจ้าของบล็อกจะ
โพสต์ลิ๊งก์ของเขา 1 – 2 ลิ๊งก์ต่อโพสต์เท่านั้นครับ ใครที่อยากมีบล็อกเป็ นของตนเองแต่ยงนึกไม่
                                                                                         ั
ออกว่าจะทาบล็อกแบบไหน linklog น่าจะเป็ นการเริ่ มต้นการทาบล็อกได้เป็ นอย่างดี1.2 Photoblog
ชื่อก็บอกอยูแล้วครับว่า Photo บล็อกประเภทนี้เน้นในโพสต์ภาพถ่ายที่เจ้าของบล็อกอยากนาเสนอ
              ่
และมักจะไม่เน้นที่จะเขียนข้อความมากนัก บางบล็อกเรี ยกได้ว่าภาพโดยเจ้าของบล็อกล้วน ๆ เลย
ครับ1.3. Vlog ย่อมาจาก Videoblog เป็ นบล็อกที่รวมวิดีโอคลิปไว้ในบล็อก Vlog เป็ นบล็อกที่เรี ยก
ได้ว่าเป็ นบล็อกที่นิยมทากันมากในอนาคต เพราะการเจริ ญเติบโตของไฮสปี ด อินเตอร์เน็ต หรื อ
อินเตอร์เน็ตบอร์ดแบนด์ ที่ทาให้การถ่ายทอดเสียง ภาพเคลื่อนไหว movie […]
2. แบ่งตามประเภทเนื้อหา ได้แก่2.1 บล็อกส่วนตัว(Personal Blog) นาแสนอความคิดเห็น กิจวัตร
ประจาวันของเจ้าของบล็อกเป็ นหลัก2.2 บล็อกข่าว(News Blog) บล็อกที่นาเสนอข่าวเป็ นหลัก2.3
บล็อกกลุ่ม(Collaborative Blog) เป็ นบล็อกที่เขียนกันเป็ นกลุ่ม เช่น blognone.com2.4 บล็อก
การเมือง(Politic Blog) ว่าด้วยเรื่ องการเมืองล้วน ๆ2.5 บล็อกเพื่อสิ่งแวดล้อม(Environment Blog)
พูดถึงเรื่ องราวของธรรมชาติและการรักษาสิ่งแวดล้อม2.6 มีเดียบล็อก(Media Blog) เป็ นบล็อกที่
วิเคราะห์สื่อต่างๆ สารคดีและสิ่งที่เกี่ยวกับสื่อ เช่น oknation.net/blog/black ของสุทธิชย หยุน2.7
                                                                                       ั ่
บล็อกบันเทิง(Entertainment Blog) บล็อกที่นาเสนอเรื่ องราวบันเทิงทั้งทางจอแก้ว และจอเงิน เรื่ อง
ซุบซุดารา กองถ่าย ฯลฯ2.8 บล็อกเพื่อการศึกษา(Educational Blog) ในโรงเรี ยน หรื อมหาวิทยาลัย
ในต่างประเทศมักจะใช้บล็อกเป็ นสื่อในการสอนหรื อ แลกเปลี่ยนความคิดกัน2.9 ติวเตอร์บล็อก
(Tutorial Blog) เป็ นบล็อกที่นาเสนอวิธีการต่าง
13




2.3.3 เว็บไซต์ที่ให้ บริการเว็บบล็อก

www.blogger.com
www.exteen.com
www.mapandy.com
www.buddythai.com
www.imigg.com
www.5iam.com
www.blogprathai.com
www.ndesignsblog.com
www.idatablog.com
www.inewblog.com
www.onblogme.com
www.freeseoblogs.com
www.sumhua.com
www.diaryi.net
www.istoreblog.com
www.skypream.com
www.thailandspace.com
www.sungson.com
www.gujaba.com
14




www.sabuyblog.com
www.ugetblog.com
www.jaideespace.com
www.maxsiteth.com
www.my2blog.com




2.3.4 ประวัตของเว็บไซต์ Wordpress
            ิ

WordPress คือ โปรแกรมสาเร็ จรู ปตัวหนึ่ง ที่เอาไว้สาหรั บสร้าง บล็อก หรื อ เว็บไซต์ สามารถใช้
งานได้ฟรี ถูกจัดอยูในประเภท CMS (Contents Management System) ซึ่งหมายถึง โปรแกรม
                   ่
สาเร็ จรู ปที่มีไว้สาหรับสร้างและบริ หารจัดการเนื้อหาและข้อมูลบนเว็บไซต์

WordPress ได้รับการพัฒนาและเขียนชุดคาสังมาจากภาษา PHP (เป็ นภาษาโปรแกรมมิ่งตัวหนึ่ง)
                                       ่
ทางานบนฐานข้อมูล MySQL ซึ่งเป็ นโปรแกรมสาหรับจัดการฐานข้อมูล มีหน้าที่เก็บ เรี ยกดู แก้ไข
เพิ่มและลบข้อมูล การใช้งาน WordPress ร่ วมกับ MySQL อยูภายใต้สญญาอนุญาตใช้งานแบบ
                                                       ่      ั
GNU General Public License

WordPress ปรากฏโฉมครั้งแรกในโลกเมื่อปี พ.ศ. 2546 (2003) เป็ นความร่ วมมือกันระหว่าง Matt
Mullenweg และ Mike Littlej มีเว็บไซต์หลักอยูที่ http://wordpress.org และยังมีบริ การ Free
                                            ่
Hosting (พื้นที่สาหรับเก็บทุกอย่างของเว็บ/บล็อก) โดยขอใช้บริ การได้ที่ http://wordpress.com
15




ปัจจุบนนี้ WordPress ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ ว จนมีผใช้งานมากกว่า 200 ล้านเว็บบล็อก
      ั                                                        ู้
ไปแล้ว แซงหน้า CMS ตัวอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็ น Drupal , Mambo และ Joomla สาเหตุเป็ นเพราะ ใช้
งานง่าย ไม่จาเป็ นต้องมีความรู้ในเรื่ อง Programing มีรูปแบบที่สวยงาม อีกทั้งยังมีผพฒนา Theme
                                                                                   ู้ ั
(รู ปแบบการแสดงผล) และ Plugins (โปรแกรมเสริ ม) ให้เลือกใช้ฟรี อย่างมากมาย

นอกจากนี้ สาหรับนักพัฒนา WordPress ยังมี Codex เอาไว้ให้เราได้เป็ นไกด์ไลน์ เพื่อศึกษา
องค์ประกอบส่วนต่าง ๆ ที่อยูภายใน สาหรับพัฒนาต่อยอด หรื อ นาไปสร้าง Theme และ Plugins
                           ่
ขึ้นมาเองได้อีกด้วย หนาซ้ า ยังมีรุ่นพิเศษ คือ WordPress MU สาหรับไว้ให้ผนาไปใช้ สามารถเปิ ด
                                                                         ู้
ให้บริ การพื้นที่ทาเว็บบล็อกเป็ นของตนเอง เพื่อให้ผอื่นมาสมัครขอร่ วมใช้บริ การในการสร้างเว็บ
                                                   ู้
บล็อก ภายใต้ชื่อโดเมนของเขา หรื อที่เรี ยกว่า Sub-Domain

        ความเป็ นมาของ wordpres เริ่ มจาก B2 หรื อ cafelog คือผูที่ให้กาเนิดการทางานของเว็บ
                                                                ้
บล๊อกที่ชื่อว่า wordpress ได้การผลิตบล็อกชนิดนี้ข้ นครั้งแรกประมาณปี 2003 ตอนนั้นมีบล็อก
                                                   ึ
wordpress อยูประมาณ 2000 บล็อก บล็อกที่ชื่อว่า wordpress นี้ เขียนด้วยภาษา PHP เพื่อที่จะใช้กบ
             ่                                                                               ั
MySQL โดยผูเ้ ขียน wordpress ก็คือ Michel Valdrighi เป็ นผูร่วมพัฒนา wordpress ตอนนั้น
                                                           ้
wordpress ยังอยูใน B2evolutionwordpress ได้ปรากฏสู่โลกในปี 2003 โดยเป็ นความพยายามของ
                ่
Matt Mullenweg และ Mike littleในปี 2004 ได้ถกเปลี่ยนแปลงโดย six apart ทาให้มีผงาน
                                            ู                                 ู้
wordpress จานวนมากขึ้น และเริ่ มก่อเกิดแบรนด์ wp หรื อ wordpress ขึ้นมาและมีการใช้งานมาก
ขึ้นและการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนมาถึงปัจจุบนในปี 2007 wordpress ได้รับรางวัลชนะเลิศในเรื่ อง
                                          ั
ของ Packt open source CMS award

Más contenido relacionado

La actualidad más candente

02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้องNinna Natsu
 
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ ครูสมร
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ ครูสมรแบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ ครูสมร
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ ครูสมรM'suKanya MinHyuk
 
โครงงาน แอนดรอยด์
โครงงาน แอนดรอยด์โครงงาน แอนดรอยด์
โครงงาน แอนดรอยด์teerarat55
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้องWilaiporn Seehawong
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้องSirintip Kongchanta
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้องTanyarad Chansawang
 
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องบทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องRung Sensabe
 
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องบทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องSupaporn Pakdeemee
 
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องบทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องShe's Mammai
 
01 บทที่ 1-บทนำ
01 บทที่ 1-บทนำ01 บทที่ 1-บทนำ
01 บทที่ 1-บทนำChi Cha Pui Fai
 
บทที่ 2 เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง เนื้อหา
บทที่ 2 เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง เนื้อหาบทที่ 2 เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง เนื้อหา
บทที่ 2 เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง เนื้อหาVisiene Lssbh
 

La actualidad más candente (16)

2
22
2
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ ครูสมร
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ ครูสมรแบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ ครูสมร
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ ครูสมร
 
โครงงาน แอนดรอยด์
โครงงาน แอนดรอยด์โครงงาน แอนดรอยด์
โครงงาน แอนดรอยด์
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องบทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องบทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องบทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
โครงงาน
โครงงานโครงงาน
โครงงาน
 
01 บทที่ 1-บทนำ
01 บทที่ 1-บทนำ01 บทที่ 1-บทนำ
01 บทที่ 1-บทนำ
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
1บทนำคอม11
1บทนำคอม111บทนำคอม11
1บทนำคอม11
 
บทที่1 บทนำ
บทที่1 บทนำบทที่1 บทนำ
บทที่1 บทนำ
 
บทที่ 2 เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง เนื้อหา
บทที่ 2 เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง เนื้อหาบทที่ 2 เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง เนื้อหา
บทที่ 2 เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง เนื้อหา
 

Destacado (9)

7
77
7
 
1
11
1
 
ศิราภรณ์ วังคีรี
ศิราภรณ์    วังคีรีศิราภรณ์    วังคีรี
ศิราภรณ์ วังคีรี
 
4
44
4
 
งานคอม
งานคอมงานคอม
งานคอม
 
4
44
4
 
งานคอม
งานคอมงานคอม
งานคอม
 
11
1111
11
 
หน้าปก
หน้าปกหน้าปก
หน้าปก
 

Similar a 2

บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องบทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องKittichai Pinlert
 
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องบทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องNew Tomza
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้องWilaiporn Seehawong
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง1
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง102 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง1
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง1Thanggwa Taemin
 
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องบทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องRung Sensabe
 
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องบทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องRung Sensabe
 
10 พฤติกรรมผู้บริโภคบน Facebook ที่นักการตลาดต้องรู้
10 พฤติกรรมผู้บริโภคบน Facebook ที่นักการตลาดต้องรู้10 พฤติกรรมผู้บริโภคบน Facebook ที่นักการตลาดต้องรู้
10 พฤติกรรมผู้บริโภคบน Facebook ที่นักการตลาดต้องรู้วัจนี ศรีพวงผกาพันธุ์
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้องKittipong Suwannachai
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้องChalita Vitamilkz
 
01 บทที่ 1-บทนำ
01 บทที่ 1-บทนำ01 บทที่ 1-บทนำ
01 บทที่ 1-บทนำChi Cha Pui Fai
 

Similar a 2 (20)

บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องบทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องบทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง1
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง102 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง1
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง1
 
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องบทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องบทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
10 พฤติกรรมผู้บริโภคบน Facebook ที่นักการตลาดต้องรู้
10 พฤติกรรมผู้บริโภคบน Facebook ที่นักการตลาดต้องรู้10 พฤติกรรมผู้บริโภคบน Facebook ที่นักการตลาดต้องรู้
10 พฤติกรรมผู้บริโภคบน Facebook ที่นักการตลาดต้องรู้
 
บทที่ 2
บทที่ 2บทที่ 2
บทที่ 2
 
บทที่ 2
บทที่ 2บทที่ 2
บทที่ 2
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
1บท1
1บท11บท1
1บท1
 
บทที่ 22
บทที่ 22บทที่ 22
บทที่ 22
 
บทที่ 22
บทที่ 22บทที่ 22
บทที่ 22
 
บทที่ 22
บทที่ 22บทที่ 22
บทที่ 22
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1
 
01 บทที่ 1-บทนำ
01 บทที่ 1-บทนำ01 บทที่ 1-บทนำ
01 บทที่ 1-บทนำ
 
บทที่ 2
บทที่ 2บทที่ 2
บทที่ 2
 
01 บทที่ 1-บทนำ
01 บทที่ 1-บทนำ01 บทที่ 1-บทนำ
01 บทที่ 1-บทนำ
 

Más de Siraporn Wangkeeree (15)

55
5555
55
 
444
444444
444
 
4
44
4
 
333
333333
333
 
3
33
3
 
3
33
3
 
หน้าปก2
หน้าปก2หน้าปก2
หน้าปก2
 
หน้าปก
หน้าปกหน้าปก
หน้าปก
 
หน้าปก
หน้าปกหน้าปก
หน้าปก
 
76777
7677776777
76777
 
6
66
6
 
6
66
6
 
5
55
5
 
3
33
3
 
งานคอม
งานคอมงานคอม
งานคอม
 

2

  • 1. 4 บทที่ 2 เอกสารที่เกียวข้ อง ่ ในการจัดทาโครงงานคอมพิวเตอร์ การพัฒนาเว็บบล็อก (WebBlog) ด้วย Wordpress เรื่ อง เทคโนโลยีแท็บเล็ตนี้ ผูจดทาโครงงานได้ศึกษาเอกสารและจากเว็บไซต์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ้ั ดังต่อไปนี้ 2.1 ความสาคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศและอินเทอร์เน็ต 2.2 ข้อมูลเกี่ยวกับสื่อสังคม Social Media 2.3 เว็บบล็อก (WebBlog) 2.1 ความสาคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศและอินเทอร์ เน็ต ความสาคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ เทคโนโลยีสารสนเทศมีความสาคัญต่อการพัฒนาประเทศในด้านต่าง ๆ เป็ นอย่าง มาก ตัวอย่างเช่น 1. การศึกษา เทคโนโลยีสารสนเทศ ช่วยในด้านการค้นคว้าศึกษาแหล่งข้อมูล ทาให้การศึกษา ง่ายขึ้นและไร้ขีดจากัด ผูเ้ รี ยนมีความสะดวกในการค้นคว้าวิจย ั 2. การดารงชีวิตประจาวัน ทาให้มีความสะดวกคล่องตัวและรวดเร็ วในการทากิจกรรมต่าง ๆ ที่ เกิดขึ้นในชีวิตประจาวัน สามารถทางานได้หลายอย่างในเวลาเดียวกันได้หรื อทางานใช้เวลาน้อยลง 3. การดาเนินธุรกิจ ทาให้มีการแข่งขันระหว่างธุรกิจมากขึ้น ทาให้ตองมีการพัฒนาองค์กรเพื่อให้ ้ ทันกับข้อมูลข่าวสารอยูตลอดเวลา ่ อันส่งผลต่อการพัฒนาประเทศอย่างต่อเนื่อง 4. อัตราการขยายตัวทุก ๆ ด้านที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ ว เพราะมีการติดต่อสื่อสารที่เจริ ญก้าวหน้า ทันสมัย รวดเร็ วถูกต้องและ ทาให้ เป็ นโลกที่ไร้พรหรมแดน
  • 2. 5 5. ระบบการทางานมีคอมพิวเตอร์มาใช้ซื่อสามารถทางานได้มากขึ้น งานบางอย่างมนุษย์ทาไม่ได้ ก็ใช้คอมพิวเตอร์ช่วยทางานแทนซึ่งได้ผลถูกต้องรวดเร็ ว ความสาคัญของอินเทอร์ เน็ต ในปัจจุบนอินเทอร์เน็ตมีบทบาทและมีความสาคัญต่อชีวิตประจาวันของคนเราเป็ นอย่าง ั มาก เพราะทาให้วิถีชีวิตเราทันสมัยและทันเหตุการณ์อยูเ่ สมอ เนื่องจากอินเทอร์เน็ตจะมีการเสนอ ข้อมูลข่าวปัจจุบน และสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นให้ผใช้ทราบเปลี่ยนแปลงไปทุกวัน สารสนเทศที่เสนอ ั ู้ ในอินเทอร์เน็ตจะมีมากมายหลายรู ปแบบเพื่อสนองความสนใจและความต้องการของผูใช้ทุก ้ กลุ่ม อินเทอร์เน็ตจึงเป็ นแหล่งสารสนเทศสาคัญสาหรับทุกคนเพราะสามารถค้นหาสิ่งที่ตนสนใจ ได้ในทันทีโดยไม่ตองเสียเวลาเดินทางไปค้นคว้าในห้องสมุด หรื อแม้แต่การรับรู้ข่าวสารทัวโลกก็ ้ ่ สามารถอ่านได้ในอินเทอร์เน็ตจากเว็บไซต์ต่าง ๆ ของหนังสือพิมพ์ ดังนั้นอินเทอร์เน็ตจึงมีความสาคัญกับวิถีชีวิตของคนเราในปัจจุบนเป็ นอย่างมากในทุก ๆ ั ด้าน ไม่ว่าจะเป็ นบุคคลที่อยูในวงการธุรกิจ การศึกษา ต่างก็ได้รับประโยชน์จากอินเทอร์เน็ต ่ ด้วยกันทั้งนั้น 1. ด้านการศึกษา อินเทอร์เน็ตมีความสาคัญ ดังนี้ 1. สามารถใช้เป็ นแหล่งค้นคว้าหาข้อมูล ไม่ว่าจะเป็ นข้อมูลทางวิชาการ ข้อมูลด้าน การบันเทิง ด้านการแพทย์ และอื่น ๆ ที่น่าสนใจ 2. ระบบเครื อข่ายอินเทอร์เน็ต จะทาหน้าที่เปรี ยบเสมือนเป็ นห้องสมุดขนาดใหญ่ 3. นักเรี ยนนักศึกษาสามารถใช้อินเทอร์เน็ตติดต่อกับมหาวิทยาลัยหรื อโรงเรี ยนอื่น ๆ เพื่อค้นหาข้อมูลที่กาลังศึกษาอยูได้ ทั้งที่ขอมูลที่เป็ นข้อความเสียง ภาพเคลื่อนไหวต่าง ๆ ่ ้ 2. ด้านธุรกิจและการพาณิ ชย์ อินเทอร์เน็ตมีความสาคัญดังนี้ 1. ค้นหาข้อมูลต่าง ๆ เพื่อช่วยในการตัดสินใจทางธุรกิจ 2. สามารถซื้อขายสินค้า ทาธุรกรรมผ่านระบบเครื อข่าย 3. เป็ นช่องทางในการประชาสัมพันธ์ โฆษณาสินค้า ติดต่อสื่อสารทางธุรกิจ 4. ผูใช้ที่เป็ นบริ ษท หรื อองค์กรต่าง ๆ ก็สามารถเปิ ดให้บริ การ และสนับสนุนลูกค้า ้ ั
  • 3. 6 ของตนผ่านระบบเครื อข่ายอินเทอร์เน็ตได้ เช่น การให้คาแนะนา สอบถามปัญหาต่าง ๆ ให้แก่ ลูกค้า แจกจ่ายตัวโปรแกรมทดลองใช้ (Shareware) โปรแกรมแจกฟรี (Freeware) 3. ด้านการบันเทิง อินเทอร์เน็ตมีความสาคัญดังนี้ 1. การพักผ่อนหย่อนใจ สันทนาการ เช่น การค้นหาวารสารต่าง ๆ ผ่านระบบ เครื อข่ายอินเทอร์ เน็ต ที่เรี ยกว่า Magazine Online รวมทั้งหนังสือพิมพ์และข่าวสารอื่น ๆ โดยมี ภาพประกอบที่จอคอมพิวเตอร์เหมือนกับวารสารตามร้านหนังสือทัว ๆ ไป ่ 2. สามารถฟังวิทยุหรื อดูรายการโทรทัศน์ผานระบบเครื อข่ายอินเทอร์เน็ตได้ ่ 3. สามารถดึงข้อมูล (Download) ภาพยนตร์มาดูได้ 2.2 ข้ อมูลเกียวกับสื่อสังคม Social Media ่ 2.2.1 ความหมายของ Social Media Social Media คือโครงข่ายการสร้าง Media ที่มีการตอบสนองทางสังคมได้หลาย ทิศทาง โดยคนที่สร้างสื่อใช้ความสามารถในการเข้าถึงได้ง่ายของอินเตอร์เน็ท ความจริ งแล้ว Social Media เกิดขึ้นเพราะความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ในความเป็ นสัตว์สงคมที่ตองการการปฎิ ั ้ สัมพันธ์กนและต้องการความเห็นกันนันเอง ในครั้งแรกนั้นเกิดจากยุคเว็บ 2.0 ( จาก broadcast ั ่ media monologues : one to many เป็ น social media dialogues :many to many ) และเมื่อเกิด media จานวนมากก็จะเกิดสถิติของแต่ละ Category ,เกิดกลุ่มผูเ้ สพสื่อแต่ละCategory และการคัดเลือก คุณภาพ Media ตามธรรมชาติ 2.2.2 ประวัตความเป็ นมาและพัฒนาการของ Social Media ิ พูดถึงกันมากเหลือเกินสาหรับ สื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) ซึ่งเรี ยกได้ว่า เป็ นตัวกลาง เป็ นเครื่ องมือ สาหรับการสื่อสารระหว่างกัน โดยปัจจุบนได้ขยายผลกว้างครอบคลุม ั ไปถึง การทางานร่ วมกัน ทั้งภายใน และ ภายนอกองค์กร โดยอาศัยเว็บ และ โมบายเทคโนโลยี เป็ น ตัวช่วย ถ้าจะเปรี ยบเทียบก็น่าจะเป็ นคู่แฝดแห่งยุคดิจิต อล อย่างเมื่อกว่า 200 ปี ก่อน มีแฝดอินจัน ที่ ไปสร้างชื่อเสียงในต่างประเทศ จนมีการตั้งชื่อแฝดลักษณะที่มีลาตัวติดกันเช่นนี้ว่า แฝดสยาม
  • 4. 7 ถ้าว่าไปแล้ว แฝดสยามในยุคดิจิตอล ก็คงหนีไม่พน สื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) กับ สมาร์ท ้ โฟน (Smartphone) ที่มกจะไปเป็ นคู่ยากที่จะแยกออกจากกันได้ เมื่อศึกษาถึงคาจากัดความของ ั สังคมออนไลน์ (Social Media) จะพบว่าคือกลุ่มของแอพพลิเคชัน บนอินเทอร์เน็ต ที่สร้างขึ้นมา ่ บนพื้นฐานแนวคิด และเทคโนโลยี Web 2.0 ซึ่งรองรับให้มีการสร้าง และ แลกเปลี่ยน คอนเทนต์ที่ ผูใช้เป็ นผูสร้างเอง (User-generated content) เมื่อพิจารณาโดยรวมแล้ว สามารถเรี ยกได้ว่า สื่อสังคม ้ ้ ออนไลน์ (Social Media) เป็ นการผสมผสานกันระหว่าง เทคโนโลยี กับ การสื่อสารระหว่างกันใน สังคม เพื่อสร้างเสริ มมูลค่าให้เพิ่มขึ้น เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป โดยเฉพาะยุคดิจิตอลอย่างทุกวันนี้ การแสดงควา มคิดเห็นดูจะเป็ น เรื่ องง่าย บนสื่อสังคมออนไลน์ เป็ นหนึ่งตัวอย่างที่ทาให้พนักงานรายหนึ่งในอเมริ กา ถูกไล่ออก หลังจากที่เธอได้วิจารณ์เจ้านายของเธอบน เฟชบุ๊ก (Facebook) เรื่ องเกิดขึ้นเมื่อปี ที่ผานมา พนักงาน ่ หญิงรายนี้ได้เขียนข้อคิดเห็นของเธอ บนหน้าเฟชบุ๊ก ด้วยคา พูดที่หยาบคาย คดีน้ ีถกจับตามองทัว ู ่ จากทุกวงการ ด้วยความกังขาว่า นายจ้างมีสิทธิที่จะลงโทษพนักงานที่เขียนข้อคิดเห็นบน สังคม ออนไลน์ หรื อไม่ เท่าที่ทราบในเมืองไทยเรายังไม่เคยได้ยน เหตุการณ์ลกษณะนี้เกิดขึ้น ิ ั เกมในเฟซบุ๊ก น่าจะเป็ นตัวสร้างความ สัมพันธ์ได้อย่างดี ด้วยกลยุทธ์ว่าใครมีเพื่อนเยอะก็ จะได้อะไรเพิมขึ้นในเกม นอกจากนั้น ยังมีการหลอกล่อให้ตองมีเพื่อนมาร่ วมกันเป็ นส่วนหนึ่งใน ่ ้ เกม ปลูกผักเลี้ยงปลากันใหญ่ วันก่อนมีโอกาสไปบรรยายเรื่ องสังคมออนไลน์ให้กบกรมส่งเสริ ม ั การเกษตร ก็เล่าไปว่าบ้านเราน่าจะ ทาเกมลักษณะนี้ในรู ปแบบไทยๆ บ้านเรามีเกษตรกร กว่าครึ่ ง ค่อนประเทศ นี่ยงไม่นบรวมท่านที่ชอบทาการเกษตรบนโลกออนไลน์ ั ั ในทางกลับกัน บางประเทศกลับห้ามใช้งานเว็บนี้ บางบริ ษทก็หามใช้เนื่องจากเสียเวลา ั ้ การทางานของพนักงาน เฟซบุ๊คได้รับการจัดอันดับเป็ นเว็บสังคมออนไลน์ที่มีผใช้มากที่สุดในปี ู้ ค.ศ. 2009 จานวนผูใช้เพิ่มขึ้นเป็ นเท่าตัว และที่น่าสนใจก็คือจานวนผูเ้ ล่นอินเทอร์เน็ตในสหรัฐฯ ้ เข้าใช้งานมากกว่ากูเกิลเป็ นครั้งแรกช่วงต้นปี 2010 อีกด้วย ล่าสุดมีข่าวการใช้เฟซบุ๊ก เพื่อช่วยเหลือชี วิต ปกติเรามักจะได้ยนการใช้สงคมออนไลน์ ิ ั เป็ นสื่อ เป็ นเครื่ องมือทางการตลาด แต่ล่าสุดมีข่าวจากสานักข่าวต่างประเทศได้รายงานเกี่ยวกับการ ประกาศรับบริ จาคไตในเฟซบุ๊ก เรื่ องเกิดที่สหรัฐฯ มีผป่วยที่ตองการปลูกถ่ายไต ต้องเปลี่ยนไตใหม่ ู้ ้ ภายในเวลาจากัด เมื่อปรึ กษากับแพทย์ที่ดูแลอยู่ จึงได้ตดสินใจลองประกาศลงในเฟซบุ๊ก แล้วก็มีผที่ ั ู้ ประสงค์จะบริ จาคไตให้ โดยไม่ได้มีความสนิทสนมกันเป็ นพิเศษแต่อย่างใด เป็ นเพียงเพื่อนในเฟ ซบุ๊ก ผูรับบริ จาคเมื่อได้รับข้อความแสดงความจานงจะบริ จาคไตให้ ในตอนแรกยังคิดว่าเป็ นเรื่ อง ้ ล้อเล่นกัน แต่เมื่อต้นเดือนเมษายน 2010 แพทย์ก็ได้เปลี่ยนไตที่บริ จาคให้ไปเป็ นที่เรี ยบร้อยแล้ว
  • 5. 8 การศึกษาล่าสุดพบว่าหญิงสาววัยรุ่ น ที่นงจ้องเฟชบุ๊คทั้งวัน อาจเป็ นสาเหตุให้เกิดอาการ ั่ ผิดปกติในเรื่ องการทานอาหาร จากการศึกษาพบว่าสองสาเหตุหลักที่ทาให้เกิด อาการก ารทาน อาหารผิดปกติ คือ การใช้เวลามากเกินไปกับ พฤติกรรมการบริ โภคสื่อ และ การเป็ นตัวของตัวเอง มากเกินไป ผลจากการสารวจเด็กวัยรุ่ นช่วงอายุ 12 ถึง 19 ปี พบว่าพฤติกรรมการบริ โภคสื่อ อินเทอร์เน็ต และ โทรทัศน์ มีผลกระทบต่อพฤติกรรมของแต่ละคนโดยตรง จากผลการสารวจพบว่า ยิงใช้เวลากับเฟชบุ๊ก มากเท่าไหร่ ก็จะมีโอกาสจะพบอาการ ่ อยากอาหารมากผิดปกติ ภาวะเบื่ออาหาร ไม่พึงพอใจในสรี ระของตัวเอง และ ความต้องการอยาก ลดน้ าหนัก มากขึ้น เมื่อมีจานวนผูใช้ สื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) มากขึ้นเท่าใร ย่อมเป็ นโอกาสในการ ้ ทาธุรกิจ จึงเกิดคาว่า Social Commerce ขึ้น และได้รับความสนใจมากในช่วงนี้ หรื อถ้าลองค้นหา คาว่า “e-mail vs. Social Media” ในกูเกิล จะพบผลลัพธ์มากเป็ นหลายหมื่น จึงเป็ นสิ่งที่ชดเจนว่า ั เป็ นหัวข้อร้อน จนบางที คนนิยามว่าเป็ นการทาสงครามบนโลกดิจิตอ ล บ้างก็กล่าวว่าคงเป็ นจุดจบ ของ อีเมล์ และคลื่นลูกใหม่ที่มาก็คือ สื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) อีกแง่มุมหนึ่งที่ดูเข้าท่าก็คือ ทั้งอีเมล์ และ สื่อสังคมออนไลน์ จะเป็ นตัวเสริ มกันและกัน เพื่อการตัดสินใจทางธุรกิจ เราควรที่จะโฟกัสสองเรื่ องใหญ่ๆ คือ กลุ่มเป้ าหมาย และ เจตนา มาเริ่ ม ด้วยกลุ่มเป้ าหมาย * ถ้ากลุ่มเป้ าหมายอายุต่ากว่า 20 ปี น่าจะค่อนข้างชัดเจนว่า การใช้สื่อสังคมออนไลน์ จะเป็ น ทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด *ถ้ากลุ่มธุรกิจเป็ นกลุ่มเป้ าหมายของเรา การใช้อีเมล์ ถูกมองว่าเราจะได้ผลเร็ วกว่า ใน ทางกลับกัน ถ้าลูกค้าทัวไปเป็ นกลุ่มเป้ าหมายของธุรกิจ การใช้ สื่อสังคมออนไลน์ น่าจะได้ผลที่ดีกว่า เนื่องจาก ่ ลูกค้าจะเชื่อ และฟัง ความเห็นของคนอื่นๆ ที่ให้ไว้บนสื่อสังคมออนไลน์ *สาหรับกลุ่มเป้ าหมายที่อยูที่ทางาน อีเมล์เป็ นคาตอบของเรา แต่ถาต้องการมุ่งไปที่อ ยูที่บาน สื่อ ่ ้ ่ ้ สังคมออนไลน์ น่าจะให้ผลตอบรับที่ดีกว่า จะเห็นได้ว่าการวิเคราะห์กลุ่มเป้ าหมายทั้งทาง ประชากรศาสตร์ (Demographic) และเชิง จิตวิทยา เป็ นสิ่งที่สาคัญทั้งคู่ ในการเลือกว่า อีเมล์ หรื อ สื่อสังคมออนไลน์ จะเหมาะสมกับธุรกิจ อย่างไรก็ตามในหลายกรณี เราควรใช้ท้งสองช่องทาง ในการติดต่อสื่อสาร ั
  • 6. 9 ส่ วนเจตนา หรือ รูปแบบของธุรกิจ ก็เป็ นอีกหนึ่งปัจจัยที่ควรนามาพิจารณา * ถ้าต้องการทาธุรกิจแบบ ขายตรง สื่อสังคมออนไลน์ อาจจะไม่ค่อยเหมาะสมนัก อีเมล์ น่าจะให้ ผลลัพธ์ที่ดีกว่า * เมื่อมีความต้องการที่จะสร้างความสัมพันธ์ ในระยะยาว การเริ่ มต้นด้วย สื่อสังคมออนไลน์ ในช่วงแรก แล้วปรับมาใช้อีเมล์ น่าจะเป็ นแนวทางที่ดี * หากธุรกิจของเราต้องการ การตอบรับที่รวดเร็ ว สาหรับกลุ่มวัยรุ่ นแล้ว สื่อสังคมออนไลน์ เป็ น ทางเลือกที่เหมาะสม ส่วนกลุ่มวั ยทางานที่ทางานมาพอสมควร การตอบรับอีเมล์ ของคนกลุ่มนี้ ก็ จะค่อยข้างเร็ ว * เมื่อเราต้องการที่จะทาธุรกิจ ผ่านการสื่อสาร อีเมล์ ยังคงเป็ นสิ่งที่เราต้องใช้ เราต้องจัดการกับ อีเมล์ที่เข้ามาอย่างมีประสิทธิภาพ และรวดเร็ ว ถ้าไม่สามารถโต้ตอบด้วยความรวดเร็ วแล้ว ธุร กิจ ของเราอาจจะมีปัญหาได้ ต่างกับถ้าเราไม่ ทวิต ทุกวัน คงจะไม่มีผลกระทบต่อธุรกิจมากเท่าไหร่ นก ั 2.2.3 ประเภทเว็บไซต์ที่ให้ บริการ Social Media (1) Blog – ซึ่งเป็ นการลดรู ปจากคาว่า Weblog ซึ่งถือเป็ นระบบจัดการเนื้อหา (Content Management System: CMS) รู ปแบบหนึ่ง ซึ่งทาให้ผใช้สามารถเขียนบทความเรี ยกว่า ู้ Post และทาการเผยแพร่ ได้โดยง่าย ไม่ยงยากในการที่จะต้องมานังเรี ยนรู้ถึงภาษา HTML หรื อ ุ่ ่ โปรแกรมทา web site ทั้งนี้การเรี ยงของเนื้อหาจะเรี ยงจากเนื้อหาที่มาใหม่สุดก่อน จากนั้นก็ ลดหลันลงไปตามลาดับของเวลา (Chronological Order) การเกิดของ Blog เปิ ดโอกาสให้ใครๆที่มี ่ ความสามารถในด้านต่างๆ สามารถเผยแพร่ ความรู้ดงกล่าวด้วยการเขียนได้อย่างเสรี ไม่มีขีดจากัด ั เรื่ องเทคนิคอย่างในอดีตอีกต่อไป ทาให้เกิด Blog ขึ้นมาจานวนมากมาย และเพิ่มเนื้อหาให้กบโลก ั ออนไลน์ได้เป็ นจานวนมหาศาลอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน นอกจากนี้เครื่ องมือที่สาคัญที่ทาให้เกิด ลักษณะของ Social คือการเปิ ดให้เพื่อนๆเข้ามาแสดงความเห็นได้นนเอง ั่ ในแง่ของการตลาด Blog อาจจะถูกนามาใช้ได้ใน 2 รู ปแบบ คือ การที่บริ ษทจัดทา Blog (Corporate ั Blog) ขึ้นมาเพื่อพูดจากับบรรดาลูกค้า และ Blog ที่เขียนจาก Blogger อิสระ ที่มีความสามารถเขียน เรื่ องที่ตนถนัดและมีผติดตามจานวนมาก จนกลายเป็ น Marketing Influencer ู้
  • 7. 10 (2) Twitter และ Microblog อื่นๆ – เป็ นรู ปแบบหนึ่งของ Blog ที่จากัดขนาดของการ Post แต่ละครั้ง ไว้ที่ 140 ตัวอักษร โดยแรกเริ่ มเดิมที ผูออกแบบ Twitter ต้องการให้ผใช้เขียนเรื่ องราวว่าคุณกาลัง ้ ู้ ทาอะไรอยูในขณะนี้ (What are you doing?) แต่กิจการต่างๆกลับนา Twitter ไปใช้ในทางธุรกิจ ไม่ ่ ว่าจะเป็ นการสร้างการบอกต่อ เพิมยอดขาย สร้าง Brand หรื อเป็ นเครื่ องมือสาหรับการบริ หาร ่ ความสัมพันธ์ลกค้า (CRM) ทั้งนี้เรายังสามารถใช้เป็ นเครื่ องมือในการประชาสัมพันธ์บทความ ู ใหม่ๆบน Blog ของเราได้ดวย Twitter นั้นเป็ นนิยมขึ้นมากอย่างรวดเร็ ว จนทาให้เว็บไซต์ประเภท ้ Social Network ต่างๆ เพิ่ม Feature ที่ให้ผใช้สามารถบอกได้ว่าตอนนี้กาลังทาอะไรกันอยู่ นั้นก็คือ ู้ การนา Microblog เข้าไปเป็ นส่วนหนึ่งด้วยนั้นเอง (3) Social Networking – จากชื่อก็สามารถแปลความหมายได้ว่าเป็ นเครื อข่ายที่เชื่อมโยงเรากับ เพื่อนๆจนกลายเป็ นสังคม ทั้งนี้ผใช้จะเริ่ มต้นสร้างตัวตนของตนเองขึ้นในส่วนของ Profile ซึ่งประ ู้ กกอบด้วยข้อมูลส่วนตัว (Info) รู ป (Photo) การจดบันทึก (Note) หรื อการใส่วิดีโอ (Video) และ อื่นๆ นอกจากนี้ Social Networking ยังมีเครื่ องมือสาคัญในการสร้างจานวนเพื่อนให้มากขึ้น คือ ใน ส่วนของ Invite Friend และ Find Friend รวมถึงการสร้างเพื่อนจากเพื่อนของเพื่อนอีกด้วย นักการตลาดนา Social Networking มาใช้ในการมีปฏิสมพันธ์กบลูกค้า อาจจะอยูในรู ปของการ ั ั ่ สร้าง Brand ผ่านเกมส์หรื อ Application ต่างๆ หรื ออาจใช้เป็ นเครื่ องมือของ CRM ผ่านทาง Pages และนอกจากนี้ตวลูกค้าเอง หากชื่นชอบในสินค้าหรื อบริ การ ก็สามารถร่ วมกลุ่มกันจัดตั้ง Group ั ขึ้นมาได้ เว็บไซต์ที่มีลกษณะของ Social Networking มีมากมาย แต่อาจจะแบ่งได้เป็ น 2 ประเภท คือ ประเภท ั แรกจะสนใจในการสร้างเครื อข่ายระหว่างเพื่อนๆหรื อครอบครัว เช่น Facebook, Hi5 หรื อ Myspace และอีกประเภท คือสนใจในการสร้างเครื อข่ายในเชิงธุรกิจ ที่เปิ ดให้ใส่ Resume และ ข้อมูลเชิงอาชีพต่างๆ เช่น Linkedin หรื อ Plaxo เป็ นต้น (4) Media Sharing – เป็ นเว็บไซต์ที่เปิ ดโอกาสให้เราสามารถ upload รู ปหรื อวิดีโอเพื่อแบ่งปัน ให้กบครอบครัว เพื่อนๆ หรื อแม้กระทังเพื่อเผยแพร่ ต่อสาธารณชน นักการตลาด ณ ปัจจุบนไม่ ั ่ ั จาเป็ นจะต้องทุ่มทุนในการสร้างหนังโฆษณาที่มีตนทุนสูง เราอาจจะใช้กล้องดิจิตอลราคาถูกๆ ้ ถ่ายทอดความคิดเป็ นรู ปแบบวิดีโอ จากนั้นนาขึ้นไปสู่เว็บไซต์ Media Sharing อย่าง Youtube หาก ความคิดของเราเป็ นที่ชื่นชอบ ก็ทาให้เกิดการบอกต่ออย่างแพร่ หลาย หรื อกรณี หากกิจการคุณขาย สินค้าที่เน้นดีไซน์ที่สวยงาม ก็อาจจะถ่ายรู ปแล้วนาขึ้นไปสู่เว็บไซต์อย่าง Flickr เพื่อให้ลกค้าได้ชม ู หรื ออาจจะใช้เป็ นเครื่ องมือในการนาชมโรงงาน หรื อบรรยากาศในการทางานของกิจการ เป็ นต้น
  • 8. 11 หรื ออย่างกรณี ของ Multiply ที่คนไทยนิยมนารู ปภาพที่ตนเองถ่ายมาแสดงฝี มือ เหมือนเป็ นแกลลอ รี ส่วนตัว ทาให้ผว่าจ้างได้เห็นฝี มือก่อนที่จะทาการจ้าง ู้ (5) Social News and Bookmarking – เป็ นเว็บไซต์ที่เชื่อมโยงไปยังบทความหรื อเนื้อหาใดใน อินเทอร์เน็ต โดยผูใช้เป็ นผูส่งและเปิ ดโอกาสให้คะแนนและทาการโหวตได้ เป็ นเสมือนมหาชน ้ ้ ช่วยกลันกรองว่าบทความหรื อเนื้อหาใดนั้นเป็ นที่น่าสนใจที่สุด ในส่วนของ Social Bookmarking ่ นั้น เป็ นการที่เปิ ดโอกาสให้คุณสามารถทาการ Bookmark เนื้อหาหรื อเว็บไซต์ที่ชื่นชอบ โดยไม่ ขึ้นอยูกบคอมพิวเตอร์เครื่ องใดเครื่ องหนึ่ง แต่สามารถทาผ่านออนไลน์ และเนื้อหาในส่วนที่เราทา ่ ั Bookmark ไว้น้ ี สามารถที่จะแบ่งปันให้คนอื่นๆได้ดวย นักการตลาดจะใช้เป็ นเครื่ องมือในการบอก ้ ต่อและสร้างจานวนคนเข้ามายังที่เว็บไซต์หรื อ Campaign การตลาดที่ตองการ ้ (6) Online Forums – ถือเป็ นรู ปแบบของ Social Media ที่เก่าแก่ที่สุด เป็ นเสมือนสถานที่ที่ให้ผคน ู้ เข้ามาพูดคุยในหัวข้อที่พวกเขาสนใจ ซึ่งอาจจะเป็ นเรื่ อง เพลง หนัง การเมือง กีฬา สุขภาพ หนังสือ การลงทุน และอื่นๆอีกมากมาย ได้ทาการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น แสดงข้อมูลข่าวสาร ตลอดจนถึง การแนะนาสินค้าหรื อบริ การต่างๆ นักการตลาดควนสนใจเนื้อหาที่พดคุยใน Forums เหล่านี้ เพราะ ู บางครั้งอาจจะเป็ นคาวิจารณ์เกี่ยวกับตัวสินค้าและบริ การของเรา ซึ่งเราเองสามารถเข้าไปทาความ เข้าใจ แก้ไขปัญหา ตลอดจนถึงใช้สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกบลูกค้า เว็บไซต์ประเภท Forums อาจจะ ั เป็ นเว็บไซต์ที่เปิ ดให้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันโดยเฉพาะ หรื ออาจจะเป็ นส่วนหนึ่งในเว็บไซต์ เนื้อหาต่างๆ 2.3 เว็บบล็อก (WebBlog) 2.3.1 ความหมายของเว็บบล็อก (WebBlog) บล็อก (Blog) หรื อ เว็บบล็อก (Weblog) เป็ นเว็บไซต์สาหรับเขียนบันทึกเล่า เรื่ องราวประจาวันเพื่อสื่อสารความรู้สึกนึกคิด มุมมอง ประสบการณ์ ความรู้ และข่าวสาร ในเรื่ องที่ ผูเ้ ขียนท่านหนึ่งๆ (Blogger) สนใจโดยเฉพาะ ซึ่งลักษณะดังกล่าวนี้ทาให้บล็อกต่างกับเว็บบอร์ด และเนื่องจากความจริ งใจและอิสระทางความคิดที่สื่อสารออกไป ซึ่งส่วนใหญ่อยูใน ลักษณะของ ่ บุคคลที่หนึ่ง เป็ นการบ่งบอกถึงความเป็ นตัวตนของผูเ้ ขียนได้เป็ นอย่างดีทีเดียว จึงทาให้บล็อกเป็ น สื่อที่นิยมมากขึ้นเรื่ อยๆ ในนานาประเทศ
  • 9. 12 2.3.2 ประเภทของเว็บบล็อก ประเภทของ Blog บล็อกที่เราเห็นอยูในปัจจุบนนี้ ใช่มีเพียงแค่บล็อกที่เป็ นตัวหนังสือและรู ปภาพเท่านั้น หรื อ มีแค่ ่ ั ออนไลน์ไดอารี่ เราแบ่งบล็อกออกได้ ดังต่อไปนี้ 1. แบ่งตามลักษณะของมีเดียที่มีในบล็อกได้แก่1.1. Linklog บล็อกแบบนี้น่าจะเป็ นบล็อกรุ่ นแรก ๆ เป็ นบล็อกที่รวมลิ๊งก์ที่เจ้าของบล็อกสนใจเอาไว้ ถ้าคณยังจาผูให้กาเนิดคาว่า “บล็อก” ที่ชื่อ จอห์น ้ บาจเจอร์ได้ นันแหล่ะครับ robotwisdom.com ของเขาคือตัวอย่างของ linklog นันเอง แม้ว่าจะ ่ ่ บล็อกแบบนี้จะเป็ นการรวมลิ๊งก์เท่านั้น แต่ก็ไม่เรี ยงเหมือนว็บไดเร็ กทอรี่ เพราะเจ้าของบล็อกจะ โพสต์ลิ๊งก์ของเขา 1 – 2 ลิ๊งก์ต่อโพสต์เท่านั้นครับ ใครที่อยากมีบล็อกเป็ นของตนเองแต่ยงนึกไม่ ั ออกว่าจะทาบล็อกแบบไหน linklog น่าจะเป็ นการเริ่ มต้นการทาบล็อกได้เป็ นอย่างดี1.2 Photoblog ชื่อก็บอกอยูแล้วครับว่า Photo บล็อกประเภทนี้เน้นในโพสต์ภาพถ่ายที่เจ้าของบล็อกอยากนาเสนอ ่ และมักจะไม่เน้นที่จะเขียนข้อความมากนัก บางบล็อกเรี ยกได้ว่าภาพโดยเจ้าของบล็อกล้วน ๆ เลย ครับ1.3. Vlog ย่อมาจาก Videoblog เป็ นบล็อกที่รวมวิดีโอคลิปไว้ในบล็อก Vlog เป็ นบล็อกที่เรี ยก ได้ว่าเป็ นบล็อกที่นิยมทากันมากในอนาคต เพราะการเจริ ญเติบโตของไฮสปี ด อินเตอร์เน็ต หรื อ อินเตอร์เน็ตบอร์ดแบนด์ ที่ทาให้การถ่ายทอดเสียง ภาพเคลื่อนไหว movie […] 2. แบ่งตามประเภทเนื้อหา ได้แก่2.1 บล็อกส่วนตัว(Personal Blog) นาแสนอความคิดเห็น กิจวัตร ประจาวันของเจ้าของบล็อกเป็ นหลัก2.2 บล็อกข่าว(News Blog) บล็อกที่นาเสนอข่าวเป็ นหลัก2.3 บล็อกกลุ่ม(Collaborative Blog) เป็ นบล็อกที่เขียนกันเป็ นกลุ่ม เช่น blognone.com2.4 บล็อก การเมือง(Politic Blog) ว่าด้วยเรื่ องการเมืองล้วน ๆ2.5 บล็อกเพื่อสิ่งแวดล้อม(Environment Blog) พูดถึงเรื่ องราวของธรรมชาติและการรักษาสิ่งแวดล้อม2.6 มีเดียบล็อก(Media Blog) เป็ นบล็อกที่ วิเคราะห์สื่อต่างๆ สารคดีและสิ่งที่เกี่ยวกับสื่อ เช่น oknation.net/blog/black ของสุทธิชย หยุน2.7 ั ่ บล็อกบันเทิง(Entertainment Blog) บล็อกที่นาเสนอเรื่ องราวบันเทิงทั้งทางจอแก้ว และจอเงิน เรื่ อง ซุบซุดารา กองถ่าย ฯลฯ2.8 บล็อกเพื่อการศึกษา(Educational Blog) ในโรงเรี ยน หรื อมหาวิทยาลัย ในต่างประเทศมักจะใช้บล็อกเป็ นสื่อในการสอนหรื อ แลกเปลี่ยนความคิดกัน2.9 ติวเตอร์บล็อก (Tutorial Blog) เป็ นบล็อกที่นาเสนอวิธีการต่าง
  • 11. 14 www.sabuyblog.com www.ugetblog.com www.jaideespace.com www.maxsiteth.com www.my2blog.com 2.3.4 ประวัตของเว็บไซต์ Wordpress ิ WordPress คือ โปรแกรมสาเร็ จรู ปตัวหนึ่ง ที่เอาไว้สาหรั บสร้าง บล็อก หรื อ เว็บไซต์ สามารถใช้ งานได้ฟรี ถูกจัดอยูในประเภท CMS (Contents Management System) ซึ่งหมายถึง โปรแกรม ่ สาเร็ จรู ปที่มีไว้สาหรับสร้างและบริ หารจัดการเนื้อหาและข้อมูลบนเว็บไซต์ WordPress ได้รับการพัฒนาและเขียนชุดคาสังมาจากภาษา PHP (เป็ นภาษาโปรแกรมมิ่งตัวหนึ่ง) ่ ทางานบนฐานข้อมูล MySQL ซึ่งเป็ นโปรแกรมสาหรับจัดการฐานข้อมูล มีหน้าที่เก็บ เรี ยกดู แก้ไข เพิ่มและลบข้อมูล การใช้งาน WordPress ร่ วมกับ MySQL อยูภายใต้สญญาอนุญาตใช้งานแบบ ่ ั GNU General Public License WordPress ปรากฏโฉมครั้งแรกในโลกเมื่อปี พ.ศ. 2546 (2003) เป็ นความร่ วมมือกันระหว่าง Matt Mullenweg และ Mike Littlej มีเว็บไซต์หลักอยูที่ http://wordpress.org และยังมีบริ การ Free ่ Hosting (พื้นที่สาหรับเก็บทุกอย่างของเว็บ/บล็อก) โดยขอใช้บริ การได้ที่ http://wordpress.com
  • 12. 15 ปัจจุบนนี้ WordPress ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ ว จนมีผใช้งานมากกว่า 200 ล้านเว็บบล็อก ั ู้ ไปแล้ว แซงหน้า CMS ตัวอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็ น Drupal , Mambo และ Joomla สาเหตุเป็ นเพราะ ใช้ งานง่าย ไม่จาเป็ นต้องมีความรู้ในเรื่ อง Programing มีรูปแบบที่สวยงาม อีกทั้งยังมีผพฒนา Theme ู้ ั (รู ปแบบการแสดงผล) และ Plugins (โปรแกรมเสริ ม) ให้เลือกใช้ฟรี อย่างมากมาย นอกจากนี้ สาหรับนักพัฒนา WordPress ยังมี Codex เอาไว้ให้เราได้เป็ นไกด์ไลน์ เพื่อศึกษา องค์ประกอบส่วนต่าง ๆ ที่อยูภายใน สาหรับพัฒนาต่อยอด หรื อ นาไปสร้าง Theme และ Plugins ่ ขึ้นมาเองได้อีกด้วย หนาซ้ า ยังมีรุ่นพิเศษ คือ WordPress MU สาหรับไว้ให้ผนาไปใช้ สามารถเปิ ด ู้ ให้บริ การพื้นที่ทาเว็บบล็อกเป็ นของตนเอง เพื่อให้ผอื่นมาสมัครขอร่ วมใช้บริ การในการสร้างเว็บ ู้ บล็อก ภายใต้ชื่อโดเมนของเขา หรื อที่เรี ยกว่า Sub-Domain ความเป็ นมาของ wordpres เริ่ มจาก B2 หรื อ cafelog คือผูที่ให้กาเนิดการทางานของเว็บ ้ บล๊อกที่ชื่อว่า wordpress ได้การผลิตบล็อกชนิดนี้ข้ นครั้งแรกประมาณปี 2003 ตอนนั้นมีบล็อก ึ wordpress อยูประมาณ 2000 บล็อก บล็อกที่ชื่อว่า wordpress นี้ เขียนด้วยภาษา PHP เพื่อที่จะใช้กบ ่ ั MySQL โดยผูเ้ ขียน wordpress ก็คือ Michel Valdrighi เป็ นผูร่วมพัฒนา wordpress ตอนนั้น ้ wordpress ยังอยูใน B2evolutionwordpress ได้ปรากฏสู่โลกในปี 2003 โดยเป็ นความพยายามของ ่ Matt Mullenweg และ Mike littleในปี 2004 ได้ถกเปลี่ยนแปลงโดย six apart ทาให้มีผงาน ู ู้ wordpress จานวนมากขึ้น และเริ่ มก่อเกิดแบรนด์ wp หรื อ wordpress ขึ้นมาและมีการใช้งานมาก ขึ้นและการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนมาถึงปัจจุบนในปี 2007 wordpress ได้รับรางวัลชนะเลิศในเรื่ อง ั ของ Packt open source CMS award