Más contenido relacionado La actualidad más candente (20) Similar a คู่มือการดูแลตนเอง โรคข้อเข่าเสื่อม (20) Más de Utai Sukviwatsirikul (20) คู่มือการดูแลตนเอง โรคข้อเข่าเสื่อม4. คำ�นำ�
ในประเทศไทยปัญหาโรคกระดูกและข้อที่ไม่ได้เกิดจากการบาดเจ็บยัง
พบอยู่เป็นจำ�นวนมาก ซึ่งเป็นโรคที่เกิดจากการเสื่อมสึกหรอของข้อต่อต่างๆ ของ
ร่างกายภายหลังการใช้งานมานานภาวะข้อเสื่อมตามสภาพร่างกายนั้นจึงเกิดขึ้น
กับทุกคนเมื่อมีอายุมากขึ้น แต่จะเป็นปัญหาสำ�หรับภาวะข้อเสื่อมที่ทำ�ให้เกิด
อาการปวดเท้านั้น โรคข้อเสื่อมเป็นโรคที่พบได้บ่อยที่สุดถึงร้อยละ 50 ของจำ�นวน
ผู้ป่วยที่ไปพบแพทย์ด้วยอาการปวดข้อที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป บางรายพบตั้งแต่อายุ
30ปีพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชายและมีอาการปวดรุนแรงมากกว่าในจำ�นวนนี้
พบว่าเป็นอาการของข้อเข่าเสื่อมและอักเสบถึงร้อยละ 28.34 เนื่องจากเป็นข้อที่
รับนํ้าหนักและใช้งานมากการรักษาผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อมนับว่ามีความสำ�คัญที่จะ
ช่วยให้ผู้ป่วยมีความสามารถในการดูแลช่วยเหลือตนเองลดอาการปวด ลดอาการ
แทรกซ้อน ชะลอการเสื่อมของข้อ ป้องกันความพิการ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ศูนย์สมเด็จพระสังฆราชญาณสังวรเพื่อผู้สูงอายุ จึงจัดทำ�คู่มือการดูแล
ตนเองโรคข้อเข่าเสื่อมฉบับการวางแผนจำ�หน่ายผู้ป่วยสูงอายุโรคข้อเข่าเสื่อมโดย
สหสาขาวิชาชีพขึ้น เพื่อให้ผู้สูงอายุและประชาชนทั่วไปมีแนวทางการดูแลตนเอง
โรคข้อเข่าเสื่อมที่สามารถนำ�ไปประยุกต์ใช้ได้ โอกาสนี้ใคร่ขอขอบคุณคณะทำ�งาน
และผู้ทรงคุณวุฒิทุกท่านที่สละเวลาและทุ่มเทแรงกายแรงใจให้คู่มือฉบับนี้ สำ�เร็จ
ลุล่วง เพื่อเผยแพร่เป็นประโยชน์ต่อวงการแพทย์และสาธารณสุขต่อไป
คณะทำ�งานวิจัย
มกราคม 2554
กคู่มือการดูแลตนเอง โรคข้อเข่าเสื่อม
ฉบับการวางแผนจำ�หน่ายผู้ป่วยสูงอายุโรคข้อเข่าเสื่อมโดยสหสาขาวิชาชีพ
6. สารบัญ
หน้า
โรคข้อเสื่อม 1
พยาธิสภาพของข้อเสื่อม 2
ปัจจัยเสี่ยง 3
อาการและอาการแสดงของเข่าเสื่อม 4
แนวทางการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อม 6
อาหารสำ�หรับผู้สูงอายุโรคข้อเข่าเสื่อม 11
แนวทางปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค 12
ตัวอย่างปริมาณอาหาร 1 ส่วน 14
ตัวอย่างท่าการออกกำ�ลังกายข้อเข่าเสื่อม 21
ข้อแนะนำ�ในการออกกำ�ลังกายสำ�หรับข้อเข่าเสื่อม 31
บรรณานุกรม 33
คคู่มือการดูแลตนเอง โรคข้อเข่าเสื่อม
ฉบับการวางแผนจำ�หน่ายผู้ป่วยสูงอายุโรคข้อเข่าเสื่อมโดยสหสาขาวิชาชีพ
8. คู่มือการดูแลตนเอง โรคข้อเข่าเสื่อม
ฉบับการวางแผนจำ�หน่ายผู้ป่วยสูงอายุโรคข้อเข่าเสื่อมโดยสหสาขาวิชาชีพ
1
โรคข้อเสื่อม
(Degenerative joint disease)
โรคข้อเสื่อมเป็นโรคในกลุ่มข้ออักเสบ (Osteoarthritis, OA) ชนิดหนึ่งที่
พบได้บ่อยที่สุด พบได้ทั้งในผู้ชายและผู้หญิงที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป โดยพบว่า
ในกลุ่มผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 45 ผู้ชายเป็นมากกว่าผู้หญิง ในกลุ่มอายุมากกว่า 45 ปี
ผู้หญิงเป็นมากกว่าผู้ชาย และในผู้ที่มีอายุเกินกว่า75 ปีขึ้นไปทั้งชายและหญิงจะมี
ข้อเสื่อมมากกว่าร้อยละ 80 - 90 แต่อาจมีอาการต่างกันไป เช่น มีข้อเสื่อมแต่ไม่มี
อาการปวดถ้าไม่ใช้งานข้อนั้นๆ มาก ข้อต่อที่มักพบการเสื่อม ได้แก่ ข้อนิ้ว ข้อเข่า
ข้อสะโพก ข้อกระดูกหลังทั้งกระดูกสันหลังระดับคอ และกระดูกสันหลังระดับเอว
ดังแสดงในรูปที่ 1
รูปที่ 1 แสดงตำ�แหน่งเกิดโรคข้อเสื่อมที่พบบ่อย ได้แก่ บริเวณข้อนิ้วมือ ข้อเข่า
ข้อสะโพก และกระดูกสันหลัง
9. คู่มือการดูแลตนเอง โรคข้อเข่าเสื่อม
ฉบับการวางแผนจำ�หน่ายผู้ป่วยสูงอายุโรคข้อเข่าเสื่อมโดยสหสาขาวิชาชีพ
2
พยาธิสภาพของข้อเข่าเสื่อม
การดำ�เนินของโรคข้อเสื่อมเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ปกติแล้ว
ผิวกระดูกอ่อนที่อยู่ปลายกระดูกยาวจะช่วยให้ข้อเคลื่อนไหวราบลื่นและ
รองรับแรงกระแทกจากการลงนํ้าหนักได้ดี แต่ในผู้สูงอายุที่มีอาการของ
โรคข้อเข่าเสื่อม พบว่ามีการสึกกร้อนบริเวณผิวกระดูกอ่อนทำ�ให้กระดูกบริเวณ
ข้อต่อเกิดการเสียดสีกันและเกิดเสียงดังกรอบแกรบที่เรียกว่าข้อลั่นร่วมกับมีการ
อักเสบซึ่งมีอาการแสดงปวดบวมแดงร้อนบริเวณข้อนั้น การเสื่อมสลายของผิว
ในของข้อต่อ การอักเสบซํ้าๆ จะได้รับการตอบสนองโดยมีกระดูกงอก เมื่อมีการ
เสื่อมของข้อเป็นระยะเวลานานอาการมักเริ่มด้วยอาการปวดตลอดเวลาโดยเฉพาะ
ตอนกลางคืนและในขณะที่มีการเคลื่อนไหวข้อข้อติดในตอนเช้าหลังตื่นนอนหรือ
อยู่ในท่าใดท่าหนึ่งเป็นเวลานาน แต่จะเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น เมื่อขยับข้อสักครู่หนึ่ง
ผู้สูงอายุจึงไม่พยายามขยับข้อมากนัก เมื่อร่วมกับการมีนํ้าหนักตัวมากขึ้นและ
กล้ามเนื้อรอบข้ออ่อนแรง จะทำ�ให้เกิดการผิดรูปของข้อต่อ ทำ�ให้ปวดข้อมากขึ้น
เมื่อมีการเคลื่อนไหวข้อ โดยเฉพาะข้อเข่า และข้อสะโพกที่ต้องรับนํ้าหนักของ
ร่างกาย ดังตัวอย่างข้อเข่าเสื่อมที่แสดงในรูปที่ 2
10. คู่มือการดูแลตนเอง โรคข้อเข่าเสื่อม
ฉบับการวางแผนจำ�หน่ายผู้ป่วยสูงอายุโรคข้อเข่าเสื่อมโดยสหสาขาวิชาชีพ
3
รูปที่ 2 แสดงภาพข้อเข่าปกติเปรียบเทียบกับข้อเข่าที่เกิดภาวะข้อเสื่อม
ปัจจัยเสี่ยง
โรคข้อเข่าเสื่อมมีปัจจัยเสี่ยงหลายองค์ประกอบ ได้แก่
1. อายุ เป็นองค์ประกอบที่สำ�คัญที่สุด อายุที่มากขึ้นจะมีความชุกของ
ข้อเข่าเสื่อมเพิ่มขึ้น
2. โรคเมตาบอลิค เช่น โรคเก๊าท์ โรคเก๊าท์เทียม โครงเชื่อมกระดูกอ่อน
แข็งขึ้นกว่าปกติ ทำ�ให้การรับส่งแรงของข้อเข่าเปลี่ยนแปลงส่งผลทำ�ให้พบ
โรคข้อเข่าเสื่อมบ่อยขึ้น
3. โรคข้อที่มีการอักเสบ ผลจากเยื่อบุข้ออักเสบทำ�ให้เกิดการทำ�ลาย
โครงสร้างของกระดูกอ่อน เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
4. ความอ้วน บางรายงาน พบว่าโรคข้อเสื่อมเป็นมากขึ้นในคนอ้วน
โดยเฉพาะเพศหญิง และเกิดกับข้อที่รับนํ้าหนัก เช่น ข้อเข่า
11. คู่มือการดูแลตนเอง โรคข้อเข่าเสื่อม
ฉบับการวางแผนจำ�หน่ายผู้ป่วยสูงอายุโรคข้อเข่าเสื่อมโดยสหสาขาวิชาชีพ
4
5. ปัจจัยการรับแรงกระทำ�ที่ข้อเข่าเบี่ยงเบนไป เช่น การใช้งาน
มากเกินไป ทำ�ให้แนวเข่าโก่งงอกว่าปกติ การได้รับบาดเจ็บของข้อ
6. พันธุกรรม โรคข้อเสื่อมมีหลักฐานการถ่ายทอดทางพันธุกรรม แต่ที่
ตำ�แหน่งของข้อเข่ามีหลักฐานทางพันธุกรรมน้อยกว่าที่ข้อนิ้วมือ
7. กีฬาและการออกกำ�ลัง ประเภทที่เสี่ยงคือ ประเภทที่มีการกระแทก
ที่รุนแรงและซํ้าที่ต่อข้อ และประเภทที่มีโอกาสเกิดการบาดเจ็บจากการกระแทก
อาการและอาการแสดงโรคข้อเข่าเสื่อม
อาการของโรคข้อเข่าเสื่อม
1. ปวด มีลักษณะปวดตื้อๆทั่วๆไปบริเวณข้อ ไม่สามารถระบุตำ�แหน่ง
ชัดเจนได้และมักปวดเรื้อรังอาการปวดจะมากขึ้นเมื่อมีการใช้งาน หรือลงนํ้าหนัก
ลงบนข้อนั้นๆ และจะทุเลาลง เมื่อพักการใช้งาน เมื่อการดำ�เนินโรครุนแรงขึ้นอาจ
ทำ�ให้มีอาการปวดตลอดเวลา หรือปวดในช่วงเวลากลางคืนร่วมด้วย
2. ข้อฝืดตึง พบได้บ่อย จะมีการฝืดของข้อในช่วงเช้าและช่วงหลังจาก
การพักข้อนานๆ เช่นหลังจากตื่นนอนหรือนั่งนานๆ แต่มักไม่เกิน 30 นาที อาจพบ
อาการฝืดเกิดขึ้นชั่วคราวในท่างอหรือเหยียดข้อในช่วงแรกที่เรียกว่าปรากฏการณ์
ข้อฝืด
3. ข้อใหญ่ผิดรูป พบมีข้อบวมใหญ่ซึ่งเกิดจากกระดูกที่งอกโปนบริเวณ
ข้อ และเมื่อโรครุนแรงมากขึ้น อาจพบขาโก่ง ซึ่งพบได้บ่อยกว่าเข่าฉิ่ง อาจมีการ
บวมจากนํ้าซึมซ่านในข้อ อันเป็นผลจากการอักเสบในข้อเข่า แต่การบวมไม่ใช้
อาการจำ�เพาะของข้อเข่าเสื่อม
4. มีเสียงดังกรอบแกรบ ในข้อเข่าขณะเคลื่อนไหว
12. คู่มือการดูแลตนเอง โรคข้อเข่าเสื่อม
ฉบับการวางแผนจำ�หน่ายผู้ป่วยสูงอายุโรคข้อเข่าเสื่อมโดยสหสาขาวิชาชีพ
5
5. ทุพพลภาพในการเคลื่อนไหวและการทำ�งานมีความลำ�บากในการ
นั่ง ลุก เดิน หรือขึ้นลงบันได และหากเป็นมากอาจรบกวนการทำ�งานในหน้าที่
ประจำ�วัน ทำ�ให้คุณภาพชีวิตด้อยลง
6. ข้อเข่าเคลื่อนไหวได้จำ�กัด เหยียดตรงได้ลำ�บาก และเมื่อมีอาการ
มากขึ้น จะทำ�ให้งอเข่าได้ลดลงด้วย
อาการแสดงของข้อเข่าเสื่อม
ผู้ที่เป็นโรคข้อเสื่อมส่วนใหญ่มักไม่มีอาการแสดงก่อนอายุ 40 ปีนอกจาก
ผู้ที่ได้รับอุบัติเหตุของข้อต่อและในผู้ที่อ้วนมากๆ หากแต่อาการของโรคข้อเสื่อมที่
เกิดขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไปสามารถสังเกตได้จากภาพถ้ายรังสีอาการแสดงของโรค
ข้อเสื่อมสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ระยะ ได้แก่
1. ระยะเริ่มต้น อาการแสดงที่สำ�คัญ คือ อาการปวด บวม แดงร้อน
ของข้อ
2. ระยะปานกลาง ในระยะนี้จะพบว่าผู้สูงอายุจะมีอาการปวดเมื่อย
ร่วมกับมีอาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อรอบข้อมากขึ้น เริ่มสังเกตเห็นการผิดรูป
ของข้อ ซึ่งจะสามารถมองเห็นการโก่ง งออย่างชัดเจน การเคลื่อนไหวของข้อเริ่ม
ติดขัด
3. ระยะรุนแรง อาการแสดงในระยะนี้จะพบเมื่อมีการสึกกร้อนของ
กระดูกอ่อนอย่างมาก ทำ�ให้ข้อหลวม ไม่มั่นคง และผิวข้อหนาตัวขึ้นจากกระดูก
งอกหนา ข้อโก่ง งอ ผิดรูปชัดเจน งอหรือเหยียดเข่าได้ไม่สุดช่วงการเคลื่อนไหว
เมื่อเดินต้องกางขาให้กว่างขึ้น เพื่อสร่างความมั่นคงกล้ามเนื้อรอบข้อลีบเล็กลง
ขณะลุกขึ้นจากท่านั่ง และขณะเดินขึ้นลงบันไดจะมีอาการปวดที่รุนแรง อาจมี
เสียงดังกรอบแกรบ ในข้อขณะเคลื่อนไหว
14. คู่มือการดูแลตนเอง โรคข้อเข่าเสื่อม
ฉบับการวางแผนจำ�หน่ายผู้ป่วยสูงอายุโรคข้อเข่าเสื่อมโดยสหสาขาวิชาชีพ
7
การรักษาโดยวิธีไม่ใช้ยา
1. การให้ความรู้เรื่องข้อเข่าเสื่อมการดำ�เนินของโรคและการลดปัจจัย
เสี่ยงต่างๆ เพื่อลดความเจ็บปวดและเพิ่มทักษะการอยู่ร่วมกับโรคการให้ความรู้
อาจเป็นแบบเฉพาะตัวหรือเป็นกลุ่มย่อย ดังนี้
การพัก ช่วยป้องกันข้อไม่ให้เสียหายเพิ่มขึ้น ควรพักการใช้งาน
ของข้อนั้นในช่วงที่มีการอักเสบเฉียบพลันและมีอาการปวดมาก เมื่ออาการปวด
ลดลงจึงเริ่มให้มีการเคลื่อนไหวเบาๆ เท่าที่จะทำ�ได้
การปรับเปลี่ยนกิจวัตรประจำ�วันและหลีกเลี่ยงกิจกรรมบาง
อย่าง เช่น ลดการเดินขึ้นลงบันได หลีกเลี่ยงการอยู่ในท่าใดท่าหนึ่งเป็นเวลานานๆ
ไม่นั่งพับเพียบ ไม่คุกเข่า ไม่นั่งยองๆ ไม่นั่งขัดสมาธิ
การลดปวดด้วยการประคบความร้อน หรือความเย็น
2. การออกกำ�ลังกายและการบริหารกล้ามเนื้อรอบเข่า เป็นธีการ
รักษาที่ได้ผลดีสำ�หรับผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อม มีประสิทธิภาพในการลดอาการปวด
รวมทั้งเพิ่มความสามารถในการใช้งานข้อเข่า รูปแบบอาจเป็นการออกกำ�ลังกาย
บนบกหรือในนํ้า ที่โรงพยาบาลหรือบ้าน ส่วนชนิดของการออกกำ�ลังกายที่ดี
ประกอบด้วย
การบริหารเพื่อเพิ่มองศาการเคลื่อนไหวข้อเข่า ให้ข้อมีช่วงการ
เคลื่อนไหวได้มากเท่าที่จะทำ�ได้โดยไม่เจ็บ มีความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อและ
เนื้อเยื่อรอบข้อป้องกันการตึงและยึดติด
การบริหารเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหน้าขาและ
กล้ามเนื้อท้องขา ที่มีการเกร็งกล้ามเนื้อโดยไม่มีการเคลื่อนไหวข้อ ช่วงสั้นๆ วิธีนี้
อาจให้ทำ�ได้ในขณะที่มีอาการปวดข้อ หรือขณะที่มีการอักเสบเฉียบพลัน
เพื่อป้องกันการฝ่อลีบจากการไม่ได้ใช้งานและรักษาความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ
โดยให้เกร็งค้างไว้ 5 - 6 วินาที พักประมาณ 10 วินาที ให้ทำ�ซํ้า 10 ครั้งถือเป็น 1
15. คู่มือการดูแลตนเอง โรคข้อเข่าเสื่อม
ฉบับการวางแผนจำ�หน่ายผู้ป่วยสูงอายุโรคข้อเข่าเสื่อมโดยสหสาขาวิชาชีพ
8
ชุด ทำ� 1 - 2 ชุดต่อเนื่อง หากไม่เมื่อยหรือปวดมากขึ้นอาจทำ�ๆ พักๆ ได้ตลอดวัน
ยกเว้น ผู้ป่วยที่มีภาวะความดันโลหิตสูง ควรหลีกเลี่ยงการออกกำ�ลังกายด้วย
วิธีนี้เพราะทำ�ให้มีแรงต้านทานของเส้นเลือดส่วนปลายเพิ่มขึ้นและทำ�ให้
ความดันโลหิตสูงได้
การบริหารเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแบบที่กล้ามเนื้อ
รอบเข่ามีการเคลื่อนไหว ให้เริ่มวิธีนี้เมื่อการอักเสบทุเลาลงแล้วการออกกำ�ลังวิธีนี้
จะเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อโดยเพิ่มความต้านทาน ทีละน้อย อาจใช้การจัด
ท่าให้ออกกำ�ลังต้านแรงโน้มถ่วงของโลก การต้านด้วยการใช้แขนหรือขาด้านตรง
ข้ามฝืนไว้ การต้านด้วยการใช้ตุ้มนํ้าหนัก ถุงทราย ดัมเบล ขวดนํ้า สปริง แนะนำ�
ให้ทำ� 10 ครั้งต่อชุด ทำ� 3 ชุด สัปดาห์ละ 2 - 3 วัน แต่นํ้าหนักที่ใช้ต้องไม่มาก
เกินไป
การออกกำ�ลังแบบแอโรบิค เป็นการออกกำ�ลังกายเพื่อความ
ฟิตพร้อมของระบบต่างๆ ในร่างกาย เช่น หัวใจแข็งแรง ปอดดี กระดูกไม่บาง
กล้ามเนื้อส่วนต่างๆ กระชับ มีความแข็งแรงและใช้งานได้ทนทาน ได้แก่ การ
เดินช้าๆ การปั่นจักรยาน หรือการออกกำ�ลังกายในนํ้าซึ่งจะดีมากสำ�หรับผู้ป่วย
ข้อเข่าเสื่อม เนื่องจากนํ้ามีแรงพยุงตัวทำ�ให้ข้อเข่ารับนํ้าหนักน้อยลงขณะ
ออกกำ�ลังกายนอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการออกกำ�ลังชนิดที่มีแรงกระทำ�ต่อข้อ
มากๆ เช่น การวิ่ง การกระโดดเชือก หรือการเต้นแอโรบิคที่มีการกระโดด
จะเป็นผลร้ายต่อข้อเข่ามากกว่าผลดี
3. การใช้อุปกรณ์ เครื่องช่วยต่างๆ พิจารณาตามความรุนแรงของโรค
และสภาวะผู้ป่วยการใช้เครื่องช่วยพยุงข้ออุปกรณ์รัดข้อชนิดต่างๆ จะเสริมความ
มั่นคงของข้อให้กระชับขึ้น ลดโอกาสการผิดรูปของข้อ
การใช้ไม้เท้าหรือร่มจะช่วยแบ่งเบาแรงกระทำ�ต่อข้อเข่าได้
ประมาณร้อยละ 25 ของนํ้าหนักตัว ในกรณีที่ปวดมากควรถือไม้เท้าหรือร่มใน
มือด้านตรงข้ามกับข้างที่ปวด เพื่อช่วยในการลดแรงกระทำ�ต่อข้อ
16. คู่มือการดูแลตนเอง โรคข้อเข่าเสื่อม
ฉบับการวางแผนจำ�หน่ายผู้ป่วยสูงอายุโรคข้อเข่าเสื่อมโดยสหสาขาวิชาชีพ
9
การเสริมรองเท้าเป็นลิ่มทางด้านนอก (heel wedging) ในผู้ที่
เริ่มมีขาโก่งน้อยๆ มีรายงานว่าได้ผลดีต่อข้อเข่า
การใช้สนับเข่าช่วยเพิ่มประสาทสัมผัส ช่วยเสริมความมั่นคง
ข้อเข่า รวมทั้งช่วยลดอาการปวดข้อเข่า
4. การลดนํ้าหนัก นํ้าหนักที่เกินจะกระตุ้นการเสื่อมของข้อเข่าโดยตรง
แม้จะได้ยาจากแพทย์แต่หากนํ้าหนักตัวยังมากอยู่ ข้อเข่าก็จะมีโอกาสอักเสบ
ได้อีก การตรวจสอบนํ้าหนักตัวว่าอยู่ในเกณฑ์ตามอายุหรืออ้วนเกินไปใช้ดัชนี
มวลกาย (Body mass index, BMI) หาได้จากนํ้าหนักตัวในหน่วยกิโลกรัมหาร
ด้วยส่วนสูงในหน่วยเมตรยกกำ�ลังสอง) คนที่รูปร่างสมส่วนมีค่า ดัชนีมวลกาย
ไม่เกิน 25 กก./ม2
หาก ดัชนีมวลกายเกิน 30 กก./ม2
จัดว่าอ้วน การควบคุม
นํ้าหนักทำ�ได้ด้วยการควบคุมทั้งชนิดและปริมาณอาหาร อาทิการลดอาหาร
รสหวาน งดของมันรับประทานอาหารแต่พออิ่ม ดื่มนํ้าให้มาก
5. การรักษาทางกายภาพบำ�บัด ได้แก่ การบำ�บัดด้วยความร้อนหรือ
ความเย็น ความร้อนตื้นและความร้อนลึก เลเซอร์ การบำ�บัดด้วยกระแสไฟฟ้า
ความถี่ตํ่า และการใช้สนามแม่เหล็ก เพื่อลดอาการเจ็บปวดและลดการอักเสบ
ของข้อ รวมไปถึงการให้คำ�แนะนำ�ในการปฏิบัติตนการออกกำ�ลังกายเฉพาะ
โรคข้อเสื่อม เพื่อป้องกันการเกิดความพิการที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
6. การใช้วิธีการอื่นๆ ได้แก่ การฝังเข็ม ยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนใน
ด้านประสิทธิภาพของการรักษา แต่อาจนำ�มาใช้เพื่อบรรเทาอาการปวดและเพิ่ม
ประสิทธิภาพของการใช้ข้อเข่าวิธีการเหล่านี้ควรให้แพทย์ผู้ชำ�นาญเฉพาะทางเป็น
ผู้พิจารณาสั่งการรักษา
17. คู่มือการดูแลตนเอง โรคข้อเข่าเสื่อม
ฉบับการวางแผนจำ�หน่ายผู้ป่วยสูงอายุโรคข้อเข่าเสื่อมโดยสหสาขาวิชาชีพ
10
การรักษาโดยวิธีใช้ยา
การใช้ยา จุดประสงค์หลักของการใช้ยาเพื่อบรรเทาอาการปวดทำ�ให้
ผู้ป่วยสามารถมีการเคลื่อนไหวและใช้ข้อทำ�งานได้ดีขึ้น ในปัจจุบันมีการใช้
ยาหลายชนิดในการรักษาอาการปวด และการอักเสบในโรคข้อเสื่อม ได้แก่
ยา acetaminophen ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช้สเตียรอยด์ (Nonsteroidal
anti-inflammatory drugs: NSAIDS) ยาระงับอาการ
ปวดที่เข่าสารเสพติด(Narcoticanalgesics)รวมทั้งการให้ยาทางช่องข้อ
(Intrasynovial medication) นอกจากนี้ยังมีการศึกษาการใช้ยาในกลุ่มที่
เรียกว่ายาระงับอาการปวดที่ออกฤทธิ์ช้า (Symptomatic slowacting drugs)
ในโรคข้อเสื่อมเพิ่มมากขึ้น ตัวอย่างของยากลุ่มนี้ ได้แก่ glucosamine sulfate,
chondroitin sulfate และ diacerein เป็นต้น มีรายงานการใช้ยากลุ่มนี้เป็น
ระยะเวลานานอาจมีผลชะลอไม่ให้ข้อเสื่อมมากขึ้น หรืออาจมีส่วนทำ�ให้กระดูก
ผิวข้อเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นด้วย
การรักษาโดยวิธีผ่าตัด
การผ่าตัด จะใช้ในกรณีที่ไม่สามารถรักษาด้วยวิธีการใช้ยา และวิธีการ
ใช้ยาแล้วไม่ได้ผล ผู้ป่วยยังคงมีอาการปวดอยู่มาก หรือมีข้อถูกทำ�ลายอย่างมาก
และมีข้อผิดรูปเกิดขึ้น หรือมีภาวะแทรกซ้อน เช่น มีกระดูกทรุดตัว เป็นต้น การ
รักษาด้วยวิธีการผ่าตัดมีหลายวิธี ซึ่งแต่ละวิธีมีข้อบ่งชี้ในการทำ� ข้อดีและข้อเสีย
ที่แตกต่างกันออกไป อาจมีการส่องกล้องเข้าในข้อเข่า เพื่อขจัดสิ่งแปลกปลอม
และตกแต่งสภาพในข้อ การตัดแต่งกระดูกและจัดกระดูกที่โก่งงอให้ตรง รวมถึง
การเปลี่ยนข้อเทียม
18. คู่มือการดูแลตนเอง โรคข้อเข่าเสื่อม
ฉบับการวางแผนจำ�หน่ายผู้ป่วยสูงอายุโรคข้อเข่าเสื่อมโดยสหสาขาวิชาชีพ
11
อาหารสำ�หรับผู้สูงอายุโรคข้อเข่าเสื่อม
โรคข้อเสื่อม (Osteoarthritis) เป็นภาวะเสื่อมที่มีผลต่อข้อและเนื้อเยื่อ
ของข้อ มีอาการตึงตัวของกล้ามเนื้อ ปวดเมื่อมีการใช้งานของอวัยวะส่วนนั้น
ต่อมามีอาการข้อบวม ฯลฯ เมื่ออาการมากในขั้นท่ายๆ ข้อจะมีลักษณะผิดรูป
ผิดร่าง นอกจากการรับประทานยาเพื่อบรรเทาอาการปวดหรือการอักเสบเพื่อ
ป้องกันการลุกลามของโรคแล้ว ยังมีผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่น่าจะเป็นประโยชน์
กลูโคซามีนซัลเฟต (Glucosamine sulfate) เป็นสารประกอบที่พบใน
รูปแบบของยาและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร โดยทั่วไปมักรับประทานในขนาดวันละ
1,500 มิลลิกรัม การศึกษาในหลอดทดลอง พบว่ากลูโคซามีนซัลเฟตมีผลกระตุ้น
การสังเคราะห์และยับยั้งการสลายตัวของโปรติโอไกลแคน (Proteoglycans) ซึ่ง
เป็นส่วนประกอบสำ�คัญในกระดูกอ่อนที่ทำ�หน้าที่กันการกระแทกระหว่างกระดูก
ข้อ นอกจากนี้กลูโคซามีนยังแสดงฤทธิ์ต้านการอักเสบอย่างอ่อนๆ ด้วย สำ�หรับ
การศึกษาทางคลินิก (การศึกษาในมนุษย์) พบว่า ผลการรักษาคล้ายคลึงกับยา
ต้านการอักเสบ กลุ่มที่ไม่ใช้สเตียรอยด์ (NSAIDs) แต่ผลเริ่มต้นจะช้ากว่า และ
การบรรเทาอาการจะค่อยเป็นค่อยไป ไม่รวดเร็วเหมือนการใช้ยา ผลการบรรเทา
อาการมีตั้งแต่ปานกลางไปจนถึงมาก (รายงานการศึกษา 14 ใน 15 ฉบับ) ข้อดี
ของกลูโคซามีนซัลเฟต เหนือ ยาต้านการอักเสบกลุ่มที่ไม่ใช้สเตียรอยด์ (NSAIDs)
คือ ชะลอการเคลื่อนตัวเข้าหากันของข้อกระดูกที่ข้อเข่าเห็นผลนี้ชัดเจนเมื่อใช้ใน
ระยะยาว ตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไปและต่อเนื่องไป ชัดเจนมากขึ้นอีกหลัง 3 ปี
อาการไม่พึงประสงค์ ที่พบบ่อย คือ คลื่นไส้ ท้องเสีย แสบท้อง ปวดท้อง
อาการอื่นๆที่พบไม่บ่อยคือมึนงงปวดศีรษะนอนไม่หลับบวมอาการทางผิวหนัง
หัวใจเต้นเร็วข้อควรระวังคือไม่ควรใช้ในคนที่แพ้อาหารทะเลเนื่องจากกลูโคซามีน
อาจเตรียมจากสัตว์ทะเล อาจทำ�ให้เกิดอาการแพ้รุนแรงได้
19. คู่มือการดูแลตนเอง โรคข้อเข่าเสื่อม
ฉบับการวางแผนจำ�หน่ายผู้ป่วยสูงอายุโรคข้อเข่าเสื่อมโดยสหสาขาวิชาชีพ
12
การลดนํ้าหนักเป็นแนวทางการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคข้อเสื่อมอย่างหนึ่ง
เนื่องจากเวลายืนเดิน เข่าต้องรับนํ้าหนัก 3 - 4 เท่าของนํ้าหนักตัวในผู้ที่มี
นํ้าหนักตัวมาก เข่าจะยิ่งต้องรับนํ้าหนักมากกว่าปกติ ดังนั้นการลดนํ้าหนักจะช่วย
ลดแรงกระทำ�ต่อข้อเข่าได้มาก แบบแผนการลดนํ้าหนักที่ถูกต้องประกอบด้วย
3ประการคือการเรียนรู้โภชนาการที่ดีการออกกำ�ลังกายและเรียนรู้การปรับเปลี่ยน
พฤติกรรม
แนวทางปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค
1. กินให้ครบ3มื้อตามเวลาอาหารห้ามงดมื้อใดมื้อหนึ่งเพราะจะทำ�ให้
หิวและกินมากในมื้อถัดไป
2. ห้ามงดอาหารเช้า การงดอาหารเช้าจนเป็นนิสัยทำ�ให้การเผาผลาญ
ลดลงจากปกติ 1 - 2% อาจทำ�ให้นํ้าหนักตัวเพิ่มขึ้นได้ 4 กิโลแคลอรี่ ใน 1 ปี แม้ว่า
ไม่ได้กินเพิ่มก็ตาม
3. งดการกินอาหารจุกจิก ควรดื่มเครื่องดื่มที่ไม่มีพลังงาน เช่น นํ้า
นํ้าตะไคร้ นํ้าใบเตย นํ้าชา จะลดความรู้สึกหิวได้
4. หลีกเลี่ยงการกินอาหารกลางคืนหรือใกล้เวลานอน
5. งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ซึ่งกระตุ้นความอยากอาหาร
6. กินช้าๆเคี้ยวช้าๆการรีบร้อนทำ�ให้กินเกินอัตรากลไกการส่งสัญญาณ
ความอิ่มระหว่างกระเพาะอาหารและสมองใช้เวลาประมาณ 20 นาที
7. แยกแยะความหิวและความอยากให้ชัดเจน คนอ้วนมักกินเพราะ
ความอยากและความเคยชินมากกว่าหิว
20. คู่มือการดูแลตนเอง โรคข้อเข่าเสื่อม
ฉบับการวางแผนจำ�หน่ายผู้ป่วยสูงอายุโรคข้อเข่าเสื่อมโดยสหสาขาวิชาชีพ
13
วิธีลดไขมันในอาหาร
1. ใช้ปิรามิดแนะแนวอาหารหรือธงโภชนบัญญัติของคนไทยเป็น
แนวทางในการเลือกอาหาร
2. เลี่ยงอาหารทอดกรอบ อาหารผัดมาก หรือหนังสัตว์
3. รู้จักแยกแยะไขมันซ้อนรูป และเรียนรู้ปริมาณที่กิน เช่นไอศกรีม
ถั่วเปลือกแข็งประเภทนัท เมล็ดฟักทอง เมล็ดทานตะวัน เป็นต้น
4. เลือกเนื้อล้วนไม่ติดมันและจำ�กัดไม่เกินวันละ 6 ส่วนแลกเปลี่ยน
5. เลือกอาหารทะเลโดยเฉพาะปลา และเต้าหู้มากขึ้น
6. เพิ่มผัก ผลไม้
7. ลดอาหารแป้งและนํ้าตาล
8. งดหรือลดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ปริมาณอาหารที่แนะนำ� 1 วัน สำ�หรับผู้ป่วยที่มีนํ้าหนักตัวเกิน
(พลังงาน 1,200 กิโลแคลอรี่)
กลุ่มอาหารต่างๆ ปริมาณที่แนะนำ�
ข้าว แป้ง 6 ทัพพี
ผัก 3 - 4 ทัพพี
ผลไม้ 2 - 3 ส่วน
เนื้อสัตว์ไขมันตํ่า 5 ช้อนโต๊ะ
นมพร่องมันเนย 1 แก้ว
นํ้ามันพืช 3 - 4 ช้อนชา
นํ้าตาลทราย ไม่เกิน 3 ช้อน
29. คู่มือการดูแลตนเอง โรคข้อเข่าเสื่อม
ฉบับการวางแผนจำ�หน่ายผู้ป่วยสูงอายุโรคข้อเข่าเสื่อมโดยสหสาขาวิชาชีพ
22
ท่าที่ 2 นั่ง - เหยียดเข่า
นั่งห้อยขาบนเก้าอี้ อาจมีหมอนเล็กรองใต้เข่า เหยียดข้อเข่าให้ขายืน
ออกตรงๆ อย่างช้าๆ เกร็งเข่าค้างไว้ นับ 1 ถึง 10 แล้วค่อยๆ วางขาลงอย่างช้าๆ
(นับเป็น 1 เซต) พัก แล้วเหยียดขาอีกข้างหนึ่ง แบบเดียวกัน ทำ�สลับกันข้างละ
10 ครั้งต่อเนื่อง ให้ทำ� 3 เซต วันละ 3 รอบ
ท่าที่ 3 นอน – เหยียดเข่า - ยกขา
นอนหงาย เหยียดขาข้างที่จะออกกำ�ลังให้ตรง ชันเข่าอีกข้างหนึ่งไว้
ยกขาข้างที่เหยียดตรงให้สูงจากพื้นประมาณ 12 - 18 นิ้ว ค้างไว้ 3-10 วินาที
แล้วปล่อยวางลงช้าๆ พัก (ไม่นาน) ทำ�ซํ้า 10 ครั้ง ต่อเนื่อง (นับเป็น 1 เซต) ให้ทำ�
3 เซต วันละ 3 รอบ (เมื่อเก่งขึ้นอาจเพิ่มถุงทรายนํ้าหนักที่ข้อเท้า เพื่อเพิ่ม
ความแข็งแรง)
31. คู่มือการดูแลตนเอง โรคข้อเข่าเสื่อม
ฉบับการวางแผนจำ�หน่ายผู้ป่วยสูงอายุโรคข้อเข่าเสื่อมโดยสหสาขาวิชาชีพ
24
ท่าที่ 5 นอนควํ่า-ยกขา
นอนควํ่า ยกขาข้างที่จะออกกำ�ลังขึ้นโดยเข่าเหยียดตรงวางลงช้าๆ
พัก (ไม่นาน) ทำ�ซํ้า 10 ครั้งต่อเนื่อง (นับเป็น 1 เซต) ให้ทำ� 3 เซต วันละ 3 รอบ
(ในคนอ้วนมากหรือมีปัญหาระบบหายใจ หัวใจ ไม่ควรนอนควํ่า)
ท่าที่ 6 ยืน-ย่อเข่า
- ยืนตรงด้วยขา 2 ข้าง หรือขาข้างเดียว มือจับพนักเก้าอี้ไว้ค่อยๆ
ย่อเข่าลงเพียงเล็กน้อย (อย่าให้เกิน 30 องศา) โดยลำ�ตัวเหยียดตรง แล้วค่อยๆ
เหยียดตัวขึ้นตรง พัก (ไม่นาน) ทำ�ซํ้า 10 ครั้งต่อเนื่อง (นับเป็น 1 เซต) ให้ทำ�
3 เซต วันละ 3 รอบ (หากมีนํ้าหนักตัวมากหรือเข่าเสื่อมมาก ไม่ควรทำ�ท่านี้)
34. คู่มือการดูแลตนเอง โรคข้อเข่าเสื่อม
ฉบับการวางแผนจำ�หน่ายผู้ป่วยสูงอายุโรคข้อเข่าเสื่อมโดยสหสาขาวิชาชีพ
27
ท่าที่ 9 นอนตะแคง - ยกขา - กาง
นอนตะแคง เหยียดขา 2 ข้างตรง ยกขาที่อยู่ด้านบนขึ้นตรงๆ ค้างไว้
แล้ววางลงช้าๆ พัก (ไม่นาน) ทำ�ซํ้า 10 ครั้งต่อเนื่อง (นับเป็น 1 เซต) ให้ทำ� 3 เซต
วันละ 3 รอบ (เหมาะมากสำ�หรับการลดและกระชับสะโพก)
2. เพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็น
ท่าที่ 10 ยืดกล้ามเนื้อหน้าขาด้านหน้า
ยืนเกาะพนักเก้าอี้ หรือกำ�แพง สะโพกเหยียดตรง งอเข่าข้างที่ต้องการ
จะยืด ใช้มือข้างเดียวกันจับข้อเท้าไว้ ดันขึ้นเบาๆ ให้เท้าชิดกันมากที่สุด จนรู้สึก
ตึงต้นขาด้านหน้า ค้างไว้ 10 - 20 วินาที ทำ� 5 ครั้ง (อาจทำ�ในท่านอนตะแคง)
(ไม่แนะนำ�หากยังมีอาการปวดเข่าอยู่)
38. คู่มือการดูแลตนเอง โรคข้อเข่าเสื่อม
ฉบับการวางแผนจำ�หน่ายผู้ป่วยสูงอายุโรคข้อเข่าเสื่อมโดยสหสาขาวิชาชีพ
31
ข้อแนะนำ�ในการออกกำ�ลังกายสำ�หรับโรคข้อเข่าเสื่อม
ข้อต่อที่เสื่อมไปแล้วจะเป็นไปอย่างถาวร การออกกำ�ลังกายจึงต้องทำ�ให้
ถูกวิธี ควรระวัง ไม่ให้ไปเร่งการเสื่อมของข้อ การออกกำ�ลังกายในผู้ที่มีปัญหา
ข้อเข่าเสื่อมจึงควรได้รับการแนะนำ�จากแพทย์หรือนักกายภาพบำ�บัด โดยทั่วไป
การออกกำ�ลังกายต้องดำ�เนินตามข้อแนะนำ�ดังนี้
1. ต้องมีการอบอุ่นร่างกาย(Warmup)และยืดกล้ามเนื้อ(Stretching)
เป็นอันดับแรก ใช้เวลาประมาณ 5 - 10 นาที การยืดกล้ามเนื้อทำ�ให้มีการเตรียม
ของข้อต่อและกล้ามเนื้อ ป้องกันการเกิดการบาดเจ็บ ส่วนการ warm up ก็เพื่อ
ให้หัวใจค่อยๆ เพิ่มการทำ�งาน เช่น เริ่มจากเดินช้าๆ ก่อน
2. การออกกำ�ลังกายอย่างต่อเนื่อง (Exercise) เช่น เดิน ว่ายนํ้าใช้เวลา
ประมาณ 30 นาที สำ�หรับในผู้สูงอายุที่ปวดเข่าหรือสะโพกการเดินหรือวิ่งจึงไม่
สามารถทำ�ได้ อาจเปลี่ยนมาใช้วิธีเดินในนํ้าซึ่งจะช่วยลดแรงกระทำ�ที่เกิดต่อข้อลง
เนื่องจากมีแรงพยุงตัวจากนํ้ามาช่วยหรือจะว่ายนํ้าก็ได้ ข้อจำ�กัดคือหาสระว่ายนํ้า
ได้ยาก
3. การผ่อนคลายหลังจากออกกำ�ลังกาย (Cool down) และยืดกล้าม
เนื้ออีกครั้ง ให้หัวใจที่เคยทำ�งานหนักได้ทำ�งานช้าลงอย่างเป็นระบบ โดยเมื่อออก
กำ�ลังกายมาแล้วไม่ควรหยุดทันทีเพราะจะทำ�ให้เลือดกลับมาที่หัวใจได้ไม่มากพอ
ทำ�ให้เป็นอันตรายได้เช่นถ้าวิ่งก่อนให้ค่อยเปลี่ยนมาเป็นเดินช้าๆและจบด้วยการ
ยืดกล้ามเนื้ออีกครั้ง ขั้นตอนนี้ใช้เวลาประมาณ 5- 10 นาที
4. ไม่ควรออกกำ�ลังกายที่มีการเคลื่อนไหวรุนแรง เร็วหรือกระชาก
เพราะจะทำ�ให้บาดเจ็บได้
5. ควรออกกำ�ลังกายเป็นกลุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจับกลุ่ม
ออกกำ�ลังกับคนในวัยเดียวกัน มีความสามารถใกล้เคียงกันทำ�ให้ไม่มีบรรยากาศ
ของการแข็งขัน
6. หลีกเลี่ยงท่าที่ทำ�ให้เข่าบิด พับงอ รับนํ้าหนักเป็นเวลานาน
40. คู่มือการดูแลตนเอง โรคข้อเข่าเสื่อม
ฉบับการวางแผนจำ�หน่ายผู้ป่วยสูงอายุโรคข้อเข่าเสื่อมโดยสหสาขาวิชาชีพ
33
บรรณานุกรม
LaBotz M (2004). Patellofemoral syndrome. Physician and Sports-
medicine: http://www.physsportsmed.com
K S Thomas, K R Muir, M Doherty, A C Jones, S C O’Reilly, EJ Bassey.
Home based exercise programme for knee pain and knee
osteoarthritis: randomised controlled trial BMJ 2002; 325
(7367):752
Lawrence JS, Bremner JM, Bier F. Osteoarthritis-Prevalence in the
Population and Relationship between Symptom and X-ray
Changes. Ann Rheum Dis 1986; 25: 1-24.
Alta J. Strengthening Muscle. Exerc Sport Sci Rev. 1981; 9: 1-74.
Hochberg MC, Altma RD, Brandt KD, Clark BM, Dieppe PA, Griffin MR,
et al. Guidelines for the Medical Management of Osteoar-
thritis. Arthritis Rheum 1995; 38: 1541-6.
Felson DT, Zhang Y, Hannan MT, et al. The incidence and natural
history of knee osteoarthritis in elderly. The Framingham
osteoarthritis Study. Arthritis Rheum 1995; 38: 1500-5.
โครงการควบคุมโรคปวดข้อและปวดเมื่อย กระทรวงสาธารณสุขระบาดวิทยาของ
โรคปวดข้อและปวดเมื่อย. กรุงเทพมหานคร : งานแผนงานและสถิติ
ฝ่ายวิชาการโรงพยาบาลเลิดสิน 2530:39-48.
สมชาย อรรฆศิลป์, อุทิศ ดีสมโชค. โรคข้อเสื่อม (Osteoarthritis). ใน :
สุรศักดิ์ นิลนุกาวงศ์, สุรวุฒิ ปรีชานนท์ (บรรณาธิการ), คู่มือโรคข้อ
หน้า 272-278. พิมพ์ครั้งที่ 1 กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ เรือนแก้ว
การพิมพ์, 2541.