SlideShare una empresa de Scribd logo
1 de 35
Descargar para leer sin conexión
โครงงาน อาหาร
บทที่1
บทนา
ที่มาและความสาคัญ
เนื่องจากในทุกๆวันทุกคนนั้นล้วนแล้วแต่ตองรับประทานอาหารกันทุกคนจะอร่ อยกับ
้
ไม่อะไร และบ้างคนก็ตกงานไม่มีงานทา เราจึงหาวิธีการทาอาหาร และ ขั้นตอนทาอาหารให้
เพื่อนาไปใช้ในชีวตประวัน และยังสามารถนาไปประกอบอาชีพ หรื อหาร่ ายได้เสริ มได้อีกด้วย
ิ
วัตถุประสงค์
1.ต้องการให้ทุกคนทาอาหารเป็ น
2.ต้องการให้รับประทานอาหารที่อร่ อย
ขอบเขตของโครงงาน
คนในครอบครัว
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
1.ทาให้ทุกคนรับประทานอาหารที่อร่ อย
2.นาไปประกอบอาชีพหรื อหาร่ ายได้เสริ มได้
บทที่ 2
เอกสารอ้างอิง
อาหาร

อาหารประเภทผักและผลไม้ ตลอดจนเนื้อสัตว์นานาชนิด
อาหาร หมายถึงสสารใด ๆซึ่งบริ โภคเพื่อเสริ มโภชนาการให้แก่ร่างกาย อาหารมักมาจากพืชหรื อ
สัตว์ และมีสารอาหารสาคัญ อาทิ คาร์โบไฮเดรต ไขมัน โปรตีนวิตามิน หรื อแร่ ธาตุ สิ่ งมีชีวต
ิ
ย่อยและดูดซึมสสารที่เป็ นอาหารเข้าสู่ เซลล์เพื่อนาไปสร้างพลังงาน คงชีวต และ/หรื อ กระตุน
ิ
้
การเจริ ญเติบโต
ในอดีต มนุษย์ได้มาซึ่งอาหารด้วยสองวิธีการ คือ การล่าสัตว์และเก็บเกี่ยวพืชพันธุ์ (hunting and
gathering) และเกษตรกรรม ปัจจุบน พลังงานจากอาหารส่ วนใหญ่ที่ประชากรโลกบริ โภคนั้น
ั
ผลิตจากอุตสาหกรรมอาหาร ซึ่งดาเนินการโดยบรรษัทข้ามชาติซ่ ึงใช้เกษตรประณี ต และ
อุตสาหกรรมการเกษตรเพื่อเพิ่มผลผลิตของระบบให้ได้มากที่สุด
ความปลอดภัยของอาหารและความมันคงทางอาหารได้รับการเฝ้ ามองโดยหน่วยงานอย่าง
่
สมาคมระหว่างประเทศเพื่อคุมครองอาหาร, สถาบันทรัพยากรโลก, โครงการอาหารโลก
้
, องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ และสภาข้อมูลอาหารระหว่างประเทศ ซึ่ง
องค์การทั้งหลายนี้ระบุประเด็นปัญหาอย่าง ความยังยืน ความหลากหลายทางชีวภาพ การ
่
เปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ เศรษฐศาสตร์สารอาหาร การเติบโตของประชากร ทรัพยากรน้ า และการ
เข้าถึงอาหาร
สิ ทธิในการได้รับอาหารเป็ นสิ ทธิมนุษยชนซึ่งกาหนดขึ้นจากกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิ ทธิ
ทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม (ICESCR) โดยตระหนักถึง "สิ ทธิ ที่จะมีมาตรฐานการครอง
ชีพอย่างพอเพียง รวมทั้งอาหารที่เพียงพอ" เช่นเดียวกับ "สิ ทธิข้ นพื้นฐานที่จะปลอดจากความ
ั
หิวโหย"
แหล่งอาหาร
อาหารเกือบทั้งหมดมาจากพืชหรื อสัตว์ความรักแท้จริ งไม่มีอยูเ่ ลยถามใครก้บอกว่าเคย อาหาร
อื่นซึ่งมิได้มาจากพืชหรื อสัตว์ มีท้ งฟังไจที่รับประทานได้ โดยเฉพาะอย่างยิง เห็ด ฟังไจและ
ั
่
แบคทีเรี ยในบรรยากาศถูกใช้ในการเตรี ยมอาหารหมักหรื อดอง เช่น ขนมปังมีเชื้อ (leavened
bread), เครื่ องดื่มแอลกอฮอล์, เนยแข็ง, อาหารดอง, คมบุชะ (kombucha) และโยเกิร์ต อีก
ตัวอย่างหนึ่งคือ สาหร่ ายสี เขียวแกมน้ าเงิน อาทิ สไปรู ไลนา[2] สสารอนินทรี ยเ์ ช่น เบกกิงโซดา
และครี มทาร์ทาร์ (โพแทสเซียมไบทาร์เทรต) ยังถูกใช้ทางเคมีเพื่อเป็ นส่ วนประกอบอาหารอีก
ด้วย
นาข้าวในไต้หวัน
พืช
ดูบทความหลักที่ สมุนไพร และ เครื่ องเทศ
พืชหรื อส่ วนใดส่ วนหนึ่งของพืชหลายชนิดรับประทานเป็ นอาหาร มีพืชที่มนุษย์เพาะปลูกเพื่อ
เป็ นอาหารราว 2,000 ชนิด และพืชหลายชนิดมีหลายพันธุ์ปลูก (cultivar) ที่แตกต่างกัน[3]
เมล็ดพืชเป็ นแหล่งอาหารที่ดีสาหรับสัตว์ รวมทั้งมนุษย์ดวย เพราะเมล็ดมีสารอาหารที่จาเป็ นต่อ
้
การเจริ ญเติบโตในช่วงแรกของพืช ซึ่งมีท้ งไขมันที่มีประโยชน์ อย่าง กรดไขมันโอเมกา-3 อันที่
ั
่
จริ งแล้ว อาหารส่ วนใหญ่ที่มนุษย์บริ โภคนั้นเป็ นเมล็ดพืชอยูแล้ว เมล็ดพืชที่รับประทานได้น้ น มี
ั
ทั้งธัญพืช (ข้าวโพด ข้าวสาลี ข้าว เป็ นต้น), ถัว (ถัวฝัก ถัวฝักเมล็ดกลม ถัวเมล็ดแบน เป็ นต้น)
่ ่
่
่
และผลไม้เปลือกแข็ง เมล็ดน้ ามันมักนาไปคั้นเอาน้ ามัน เช่น ดอกทานตะวัน ลินิน ผักกาดก้าน
ขาว (รวมทั้ งน้ ามันคาโนลา) งา เป็ นต้น[4]
เมล็ดพืชมีปริ มาณไขมันไม่อิ่มตัวสู งมาก และถูกมองว่าเป็ นอาหารเพื่อสุ ขภาพ แม้จะไม่ใช่เมล็ด
พืชทุกชนิดที่รับประทานได้ เมล็ดพืชขนาดใหญ่ เช่น เมล็ดมะนาว อาจก่อให้เกิดอาการหอบได้
ขณะที่เมล็ดแอปเปิ ลและเชอร์รีมีพิษ (ไซยาไนด์)
่ ้
ผลไม้เป็ นรังไข่ของพืชที่สุกแล้ว รวมทั้งเมล็ดที่อยูขางใน พืชจานวนมากมีผลไม้ววฒนาแล้วซึ่ง
ิั
่
มีลกษณะดึงดูดเป็ นแหล่งอาหารแก่สัตว์ เพื่อที่วาสัตว์จะได้กินผลไม้น้ นและขับถ่ายเอาเมล็ดพืช
ั
ั
ไกลออกไป ดังนั้น ผลไม้จึงเป็ นส่ วนสาคัญในอาหารหลายวัฒนธรรม ผลไม้สวนครัว อย่าง
มะเขือเทศ มะละกอ และมะเขือ กินเหมือนผัก[5]
ผักเป็ นพืชประเภทที่สองที่รับประทานเป็ นอาหารโดยทัวไป ซึ่งรวมทั้งผักกินหัว (มันฝรั่งและ
่
แครอท) ผักกินใบ (ผักขมและผักกาดหอม) ผักต้น (หน่อไม้และหน่อไม้ฝรั่ง) และผักช่อ (อาร์ทิ
โชกและบรอกโคลี)

ฟาร์มโคนมในออตตาวาประเทศแคนาดา
สัตว์
่
สัตว์ใช้เป็ นอาหารไม่วาจะโดยทางตรงหรื อโดยทางอ้อมผ่านผลิตภัณฑ์ของสัตว์ เนื้อเป็ นตัวอย่าง
หนึ่งของผลิตภัณฑ์โดยตรงที่นามาจากสัตว์ ซึ่งมาจากระบบกล้ามเนื้อหรื อจากอวัยวะ ผลิตภัณฑ์
อาหารซึ่งผลิตจากสัตว์มีท้ งนมที่ผลิตจากต่อมน้ านม ซึ่งในหลายวัฒนธรรมมีการดื่มหรื อผ่าน
ั
กระบวนการเป็ นผลิตภัณฑ์นม (เนยแข็ง เนย เป็ นต้น) นอกเหนือจากนี้ นกหรื อสัตว์อื่น
วางไข่ ซึ่งมักนามาเป็ นอาหาร และผึ้งผลิตน้ าผึ้งจากน้ าต้อยของดอกไม้ ซึ่งเป็ นสารให้ความ
หวานที่ได้รับความนิยมในหลายวัฒนธรรม บางวัฒนธรรมบริ โภคเลือด บางครั้งในรู ปของไส้
กรอกเลือด โดยเป็ นสารเพิมความเข้มข้นของซอส หรื อแช่เกลือกินในเวลาที่ขาดแคลนอาหาร
่
และมีการใช้เลือดในสตู เช่น ชะมด[7]
บางวัฒนธรรมและคนไม่บริ โภคเนื้อหรื อผลิตภัณฑ์อาหารจากสัตว์ดวยเหตุผลทางวัฒนธรรม
้
อาหาร สุ ขภาพ เชื้อชาติ หรื ออุดมการณ์ มังสวิรัติไม่บริ โภคเนื้อ คือ อาหารใด ๆ ซึ่งเป็ นหรื อ
ประกอบด้วยส่ วนประกอบอาหารจากสัตว์
การผลิต

รถแทร็กเตอร์ที่ใช้ในการผลิตอาหาร
แต่เดิมมนุษย์ได้อาหารมาโดยวิธีเกษตรกรรม ด้วยความสนใจที่เพิ่มมากขึ้นในธุรกิจการเกษตร
ของบรรษัทข้ามชาติซ่ ึงถือครองผลผลิตอาหารโลกผ่านสิ ทธิบตรเหนืออาหารดัดแปลง
ั
พันธุกรรม จึงมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นสู่ การปฏิบติการเกษตรแบบยังยืน การปฏิบติดงกล่าว ซึ่ง
ั
ั ั
่
บางส่ วนได้รับการกระตุนจากความต้องการของผูบริ โภค ก่อให้เกิดความหลากหลายทาง
้
้
ชีวภาพ การพึ่งพาตนเองในระดับท้องถิ่น และวิธีเกษตรอินทรี ย[์ 8] อิทธิพลหลักต่อการผลิต
อาหาร มีท้ งองค์การระหว่างประเทศ (คือ องค์การการค้าโลกและนโยบายเกษตรร่ วม) ตลอดจน
ั
นโยบายของรัฐบาลแห่งชาติ หรื อกฎหมาย และสงคราม
ในวัฒนธรรมสมัยนิยม การผลิตอาหารเป็ นจานวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิงเนื้อ เช่น ไก่และวัว
่
ตกเป็ นเป้ าวิพากษ์วจารณ์จากสารคดีหลายเรื่ อง ล่าสุ ดคือ Food, Inc ซึ่งกล่าวถึงการฆ่าในปริ มาณ
ิ
มากและการปฏิบติต่อสัตว์อย่างเลว บ่อยครั้งบรรษัทขนาดใหญ่ทาไปเพื่อให้ได้กาไรมากขึ้น
ั
ควบคู่ไปกับกระแสปัจจุบนสู่ สิ่งแวดล้อมนิยม ประชาชนในวัฒนธรรมตะวันตกยังได้มีแนวโน้ม
ั
ใช้อาหารเสริ มสมุนไพรมากขึ้น เช่นเดียวกับอาหารสาหรับกลุ่มบุคคลเฉพาะ (เช่น ผูที่กาลัง
้
ควบคุมน้ าหนัก สตรี หรื อนักกรี ฑา), อาหารฟังก์ชน (อาหารเพิ่มคุณค่า เช่น ไข่โอเมกา-3) และ
ั
อาหารที่มีความหลากหลายทางชนชาติมากขึ้น
การเตรี ยมการครัว
ส่ วนประกอบอาหารในการทาแกงเขียวหวาน
หลายวัฒนธรรมมีอาหารที่คนจาได้ ซึ่งเป็ นชุดของประเพณี การทาอาหารโดยใช้เครื่ องเทศที่
หลากหลายหรื อการประกอบกันขึ้นของรสชาติอนเป็ นเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมนั้น ซึ่งวิวฒนา
ั
ั
ตามกาลเวลา ความแตกต่างอื่นรวมถึงความพึงใจ (ร้อนหรื อเย็น เผ็ด เป็ นต้น) และการปฏิบติ
ั
อาหาร ซึ่งการศึกษาเรื่ องดังกล่าวเรี ยกว่าวิทยาการทาอาหาร หลายวัฒนธรรมสร้างความ
หลากหลายในอาหารของตนโดยวิธีการเตรี ยม วิธีการปรุ ง และการผลิต ซึ่งยังรวมถึงการ
่
แลกเปลี่ยนอาหารอันซับซ้อนซึ่งช่วยให้วฒนธรรมต่าง ๆ อยูรอดเชิงเศรษฐกิจได้ดวยวิถีอาหาร
ั
้
มิใช่เพียงการบริ โภคเท่านั้น อาหารประจาชาติที่ได้รับความนิยม อาทิ อาหาร
อิตาลี ฝรั่งเศส ญี่ปุ่นจีน อเมริ กา แคจุน ไทยและอินเดีย หลายวัฒนธรรมทัวโลกศึกษาการ
่
วิเคราะห์พฤติกรรมอาหาร ขณะที่ในทางวิวฒนาการ มนุษย์เป็ นสัตว์กินพืช แม้จะมิใช่ในทาง
ั
ปฏิบติ ศาสนาและสิ่ งสร้างทางสังคม เช่น ศีลธรรม ลัทธิดาเนินการ (activism) หรื อสิ่ งแวดล้อม
ั
นิยมมักมีผลกระทบต่ออาหารที่มนุษย์บริ โภคบ่อยครั้ง อาหารถูกรับประทานและเพลิดเพลิน
่
ตามปกติผานสัมผัสรับรส ความเข้าใจของรสชาติจากการกินและดื่ม บางรสชาติสามารถ
เพลิดเพลินได้มากกว่ารสอื่น โดยมีจุดประสงค์ดานวิวฒนาการ
้ ั
ความเข้าใจรสชาติอาหาร
ดูบทความหลักที่ รสชาติ
สัตว์ โดยเฉพาะอย่างยิงมนุษย์ มีรสชาติหาแบบที่แตกต่างกัน คือ หวาน เปรี้ ยว เค็ม ขม และอูมา
้
่
มิ เมื่อสัตว์ววฒนา รสชาติที่ให้พลังงานมากที่สุด (ซึ่ งก็คือ น้ าตาลและไขมัน) เป็ นที่พอใจที่จะได้
ิั
กินมากที่สุด ขณะที่รสอื่น เช่น ขม ไม่น่าพึงใจสักเท่าใด ตรงข้ามกับไขมัน โดยเฉพาะอย่าง
ยิง ไขมันอิ่มตัว หนากว่าและมันกว่า ดังนั้นจึงถูกมองว่าน่าพึงใจที่จะได้กินมากกว่า
่
หวาน

อาหารหวาน
รสชาติหวานโดยทัวไปถือว่าเป็ นรสที่น่าพึงพอใจที่สุด เกือบทุกครั้งเกิด
่
จากน้ าตาลโมเลกุลเดี่ยวประเภทใดประเภทหนึ่ง อย่างกลูโคสหรื อ
ฟรักโทส หรื อน้ าตาลโมเลกุลคู่ อย่าง ซูโครส ซึ่งเป็ นน้ าตาลที่ประกอบ
กันขึ้นจากกลูโคสและฟรักโทส คาร์โบไฮเดรตซับซ้อนเป็ นโซ่ ยาวและ
ไม่มีรสชาติ สารให้ความหวานสังเคราะห์ เช่น ซูคราโลส ใช้เพื่อ
เลียนแบบโมเลกุลน้ าตาล ทาให้เกิดความรู ้สึกหวาน แต่ไม่ให้
แคลอรี น้ าตาลประเภทอื่นรวมไปถึงน้ าตาลดิบ ซึ่งเป็ นที่รู้จกกันจากสี
ั
่
อาพันของมัน เป็ นน้ าตาลที่ไม่ได้ผานกระบวนการ เนื่องจากน้ าตาลเป็ น
แหล่งพลังงานที่สาคัญและสาคัญต่อการดารงชีวต รสชาติของน้ าตาลจึง
ิ
น่าพึงใจ

เปรี้ ยว
ผลไม้สกุลส้มฝานบางหลายชนิด
รสเปรี้ ยวเกิดจากรสของกรด เช่น น้ าส้มสายชูในเครื่ องดื่มแอลกอฮอล์
อาหารเปรี้ ยวมีท้ งพืชสกุลส้ม โดยเฉพาะอย่างยิงเลมอน มะนาว และที่
ั
่
เปรี้ ยวน้อยกว่าอย่างส้ม รสเปรี้ ยวมีความสาคัญในเชิงวิวฒนาการเพราะ
ั

เค็ม
ความเค็มเป็ น
รสชาติของไอออน
โลหะแอล
คาไล เช่น โซเดียม
และ
โพแทสเซียม ซึ่ง
ไอออนดังกล่าวพบ
ในอาหารเกือบทุก
ชนิดในสัดส่ วน
น้อยถึงปานกลางที่
ทาให้เกิดรส แม้การ
ทานเกลือบริ สุทธิ์
มักเป็ นสิ่ งที่ไม่พึง
ใจอย่างยิง มีเกลือ
่
มากมายหลาย
ประเภท แต่ละอย่าง
ก็มีระดับความเค็ม
แตกต่างกันออกไป
มีท้ งเกลือสมุทรเฟล
ั
อเดอแซล เกลือโค
เชอร์ เกลือสิ นเธาว์
และเกลือเทา
นอกเหนือไปจาก
การให้รสชาติแล้ว
เป็ นสัญญาณว่าอาหารนั้นอาจเน่าเสี ยไปเพราะแบคทีเรี ย อย่างไรก็ดี
อาหารหลายชนิดค่อนข้างเป็ นกรด และช่วยกระตุนต่อมรับรสและทาให้
้
เกิดรสชาติข้ ึนได้

ความสาคัญของ
เกลือคือ ร่ างกาย
ต้องการและรักษา
สมดุลอิเล็กโทรไลต์
อย่างละเอียดอ่อน
ซึ่งเป็ นหน้าที่ของ
ไต
เกลืออาจเติม
ไอโอดีนได้ ซึ่งเป็ น
สารอาหารจาเป็ นที่
สนับสนุนการ
ทางานของ
ไทรอยด์ อาหาร
กระป๋ องบางอย่าง ที่
โดดเด่นคือ ซุปและ
ซุปห่อ มักมีเกลือ
ปริ มาณสู งเพื่อเป็ น
วิธีถนอมอาหารให้
่
อยูได้นานขึ้น ใน
อดีต เกลือถูกใช้
เป็ นสารกันเสี ยของ
เนื้อ เพราะเกลือ
กระตุนให้เกิดการ
้
ขับน้ า ดังนั้นจึงทา
หน้าที่เป็ นเหมือน
สารกันเสี ย
คล้ายกัน
อาหารแห้งยังเพิ่ม
ความปลอดภัยของ
อาหารด้วย
ขม
ความขมเป็ นการรับ
รสที่ไม่เป็ นที่พอใจ
อย่างยิง โดยมี
่
ลักษณะเป็ นรสชาติ
ฉุนเสี ยดแทง ดาร์
กช็อกโกแลตหรื อ
ช็อกโกแลตที่ยงไม่
ั
เติม
น้ าตาล คาเฟอีน ผิวเ
ลมอน ผลไม้บาง
ชนิดเป็ นที่รู้จกกัน
ั
ว่ามีรสขม
อูมามิ
ดูบทความหลักที่ อู
มามิ
อูมามิ เป็ นคาใน
ภาษาญี่ปุ่น หมายถึง
อร่ อย เป็ นรสชาติที่
รู ้จกกันน้อยที่สุด
ั
แต่มีประวัติ
ยาวนานในอาหาร
เอเชีย อูมามิเป็ น
รสชาติของกลูตา
เมต โดยเฉพาะอย่าง
ยิง โมโนโซเดียมก
่
ลูตาเมต (ผงชูรส) มี
ลักษณะเป็ นรส
อร่ อย รสเนื้อและ
มัน แซลมอนและ
เห็ดเป็ นอาหารที่มีอู
มามิสูง เนื้อสัตว์
หรื อผลิตภัณฑ์สัตว์
่
อย่างอื่นก็ถูกระบุวา
มีรสอูมามิเช่นกัน
การจัดอาหาร
การจัดอาหารตามหลักความงามและดึงดูดตาสามารถกระตุนให้คนบริ โภคอาหารได้ มีคากล่าว
้
โดยทัวไปว่าคน "ทานอาหารด้วยตา" อาหารที่ถูกจัดในวิธีที่สะอาดและน่ารับประทานจะ
่
กระตุนให้รสชาติอาหารดีข้ ึน แม้จะไม่ค่อยน่าพึงใจก็ตาม[13]
้
การเตรี ยมอาหาร[
แม้อาหารหลายชนิดสามารถรับประทานได้ดิบ ๆ แต่อีกหลายชนิดก็ตองผ่านขั้นตอนการเตรี ยม
้
บางอย่างด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย ความน่ารับประทาน ความรู ้สึกในปาก หรื อรสชาติ ใน
ขั้นเบื้องต้น การเตรี ยมอาหารอาจมีท้ งการล้าง การตัด การเล็ม หรื อการเพิ่มอาหารหรื อ
ั
ส่ วนประกอบอาหารอื่น เช่น เครื่ องเทศ นอกจากนี้ การเตรี ยมอาหารอาจมีการผสม การให้ความ
ร้อนหรื อความเย็น การทาอาหารแบบใช้ความดัน การหมักหรื อการประกอบกับอาหารอื่น ที่
บ้าน การเตรี ยมอาหารส่ วนใหญ่เกิดขึ้นในครัว การเตรี ยมอาหารบางอย่างเป็ นไปเพื่อเพิ่มรสชาติ
หรื อให้ดึงดูดตามากขึ้น ส่ วนการเตรี ยมอาหารอย่างอื่นอาจช่วยถนอมอาหาร และบางอย่าง
เกี่ยวข้องกับเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม
การเตรี ยมเนื้อสัตว์
การเตรี ยมอาหารที่มาจากสัตว์น้ นมักเกี่ยวข้องกับการฆ่า การผ่าท้อง การแขวน การแบ่งส่ วน
ั
และการแปรสภาพซากสัตว์ ในประเทศพัฒนาแล้ว ขั้นตอนต่าง ๆ มักทานอกบ้านในโรงฆ่า
สัตว์ ซึ่งใช้เพื่อนาสัตว์ท้ งหมดผ่านกระบวนการการผลิตเนื้อสัตว์ ส่ วนในระดับท้องถิ่น คน
ั
ชาแหละเนื้ออาจทุบเนื้อขนาดใหญ่ให้เป็ นชิ้นขนาดเล็ก แล้วห่อ นอกเหนือจากนี้ ปลาและอาหาร
ทะเล

การทาอาหารด้วยกระทะเหล็กในจีน
ดูบทความหลักที่ การทาอาหาร
คาว่า "การทาอาหาร" นั้นครอบคลุมวิธีการ อุปกรณ์และการประกอบส่ วนประกอบอาหาร
ทั้งหลายเพื่อเพิ่มรสชาติหรื อการย่อยได้ของอาหารนั้น เทคนิคการทาอาหาร เช่น ศิลปะการ
ทาอาหาร โดยทัวไปแล้วต้องอาศัยการเลือก วัด และประกอบส่ วนประกอบอาหารเป็ นลาดับ
่
ขั้นตอนในความพยายามเพื่อให้ได้ผลออกมาตามต้องการ ข้อจากัดของความสาเร็จนั้นรวมถึง
ส่ วนประกอบอาหาร สภาพแวดล้อม อุปกรณ์ และทักษะของคนครัวแต่ละคน ความหลากหลาย
ของการทาอาหารทัวโลกสะท้อนถึงการพิจารณาทางโภชนาการ สุ นทรี ย ์ เกษตรกรรม เศรษฐกิจ
่
วัฒนธรรมและศาสนามากมายที่มีผล
การทาอาหารจาเป็ นต้องให้ความร้อนแก่อาหาร ซึ่งโดยปกติ แม้จะไม่เสมอไป ที่มีการ
เปลี่ยนแปลงโมเลกุลทางเคมี ดังนั้นจึงเปลี่ยนรสชาติ รสสัมผัส ลักษณะปรากฏและคุณสมบัติ
ทางโภชนาการไปด้วย การทาอาหารโปรตีนบางอย่าง เช่น ไข่ขาว เนื้อสัตว์และปลา ทาให้
โปรตีนสู ญเสี ยสภาพ และทาให้มนแข็ง การต้มเป็ นวิธีการทาอาหารที่ตองอาศัยภาชนะบรรจุ มี
ั
้
การปฏิบติมาอย่างน้อยตั้งแต่สหัสวรรษที่ 10 ก่อนคริ สตกาล ด้วยการใช้เครื่ องปั้นดินเผา[18]
ั
อุปกรณ์ทาอาหาร
ในการทาอาหารมีการใช้อุปกรณ์มากมายหลายชนิด
เตาอบส่ วนใหญ่เป็ นอุปกรณ์มีโพรงสาหรับให้ความร้อนสู ง และใช้ในการอบหรื อย่าง และ
วิธีการทาอาหารแบบร้อนแห้ง อาหารต่าง ๆ ต้องใช้เตาอบต่างชนิดกัน ตัวอย่างเช่น อาหาร
อินเดียใช้เตาอบทันดูร์ (Tandoor oven) ซึ่งเป็ นเตาดินเหนียวทรงกระบอกซึ่ งใช้ความร้อนสู ง
เพียงค่าเดียว ครัวตะวันตกใช้เตาอบลมร้อน เตาอบธรรมดา เตาปิ้ งหรื อเตาอบแบบให้แผ่ความ
ร้อนอย่าง เตาไมโครเวฟ ซึ่งสามารถปรับเปลียนอุณหภูมิได้ อาหารอิตาลีคลาสสิ กรวมไปถึงการ
ใช้เตาอิฐซึ่งให้ความร้อนโดยการเผาไม้ฟืน เตาอบนี้อาจใช้การเผาไม้ เผาถ่าน ใช้แก๊ส ไฟฟ้ าหรื อ
เผาน้ ามัน
มีการใช้เตา (cooktop) อีกหลายแบบเช่นกัน ซึ่งมีประเภทเชื้อเพลิงหลายประเภทตามที่ได้กล่าว
มาในส่ วนเตาอบข้างบน เตาใช้เพื่อให้ความร้อนแก่ภาชนะบนแหล่งความร้อน เช่น กระทะขอบ
ตั้ง (sauté pan) หม้อต้ม กระทะทอด หรื อหม้อความดัน อุปกรณ์เหล่านี้สามารถใช้วธีทาอาหาร
ิ
แบบชื้นหรื อแห้งได้
นอกเหนือจากนี้ หลายวัฒนธรรมยังใช้เตาย่าง (grill) ในการทาอาหาร เตาย่างอาศัยการแผ่ความ
่ ้
ร้อนจากแหล่งที่อยูดานล่าง ซึ่งมักปิ ดด้วยตะแกรงโลหะและบางครั้งมีที่ปิดด้วย
การเตรี ยมอาหารดิบ
ซูชิซ่ ึงเป็ นอาหารดิบอย่างหนึ่ง
หลายวัฒนธรรมเน้นอาหารสัตว์และพืชแบบดิบ ๆ สลัด ซึ่งประกอบด้วยผักและผลไม้ดิบ พบได้
ในหลายประเทศ ซาชิมิในอาหารญี่ปุ่น ประกอบด้วยปลาดิบหรื อเนื้อสัตว์ดิบเฉือนเป็ นชิ้นบาง
และซูชิมกมีปลาดิบหรื ออาหารทะเลดิบเป็ นส่ วนประกอบด้วย สเต็กทาร์ทาร์และแซลมอนทาร์
ั
ทาร์เป็ นอาหารที่ทาจากเนื้อวัวดิบหรื อแซลมอนดิบมาหันเป็ นชิ้นเล็ก ๆ หรื อบด ผสมกับ
่
ส่ วนประกอบอาหารอื่นอีกหลายชนิด แล้วเสิ ร์ฟพร้อมกับขนมปังฝรั่งเศส (บาแก็ต), ขนมปังบริ
ยอช (brioche) หรื อมันฝรั่งทอดในอิตาลี คาร์ปาชชิโอเป็ นอาหารซึ่งประกอบด้วยเนื้อวัวเฉื อน
บางมาก ๆ ราดด้วยวินนะเกรท (vinaigrette) ซึ่งทาจากน้ ามันมะกอก การรับประทานอาหารดิบ
เป็ นความเคลื่อนไหวด้านอาหารเพื่อสุ ขภาพ ซึ่งนาเสนออาหารมังสวิรัติเป็ นส่ วนใหญ่ ซึ่งมี
ผลไม้ ผักและธัญพืชดิบ ซึ่งเตรี ยมได้หลายวิธี เช่น การสกัดน้ า การอบแห้งอาหาร และวิธีการ
เตรี ยมอื่นซึ่งไม่ใช้ความร้อนเกิน 47.8 °C ตัวอย่างของอาหารเนื้อดิบ เช่น เซบิเช (ceviche)
อาหารละตินอเมริ กาซึ่งทาจากเนื้อดิบที่ปรุ งโดยน้ าผลไม้ที่มีกรดซิตริ กสู งจากเลมอนและมะนาว
ร่ วมกับพืชมีกลิ่นอย่างอื่น เช่น กระเทียม
การผลิตอาหาร
อาหารในบรรจุภณฑ์ถูกผลิตนอกบ้านเพื่อขาย ซึ่งอาจเรี ยบง่ายเหมือนพ่อค้าเนื้อกาลังเตรี ยมเนื้อ
ั
หรื อซับซ้อนเหมือนอุตสาหกรรมอาหารระหว่างประเทศสมัยใหม่ เทคนิคการแปรรู ปอาหาร
ขั้นต้นถูกจากัดเฉพาะแต่การถนอมอาหาร การห่อบรรจุ และการขนส่ ง ซึ่งส่ วนใหญ่เกี่ยวข้องกับ
การเติมเกลือ การหมัก การเปลี่ยนเป็ นนมข้น การอบแห้ง การแช่น้ าเกลือ การหมักดอง และการ
รมควัน การผลิตอาหารเกิดขึ้นระหว่างการปฏิวติอุตสาหกรรมในคริ สต์ศตวรรษที่ 19 พัฒนาการ
ั
นี้อาศัยประโยชน์จากตลาดมวลชนใหม่และการเกิดขึ้นของเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น การโม่บด
การถนอมอาหาร การห่อบรรจุและติดฉลาก และการขนส่ ง ซึ่งได้นามาซึ่งประโยชน์ของการ
เตรี ยมอาหารล่วงหน้าเพื่อประหยัดเวลาแก่คนทัวไปจานวนมากที่ไม่ได้จางคนรับใช้ภายในบ้าน
้
่
โภชนาการและปัญหาด้านอาหาร
ระหว่างสุ ขภาพสมบูรณ์ (optimal health) กับการเสี ยชีวตเนื่องจากการอดอยากหรื อทุพ
ิ
โภชนาการอันแตกต่างกันสุ ดขั้วนั้น ยังมีโรคหลายอย่างที่อาจเกิดขึ้นหรื อบรรเทาได้ดวยการ
เปลี่ยนอาหารที่รับประทานเข้าสู่ ร่างกาย การขาดอาหาร การบริ โภคอาหารเกิน และความไม่
สมดุลในอาหารอาจมีผลกระทบด้านลบต่อสุ ขภาพ ซึ่งอาจนาไปสู่ โรคอย่าง
ลักปิ ดลักเปิ ด อ้วน หรื อกระดูกพรุ น เช่นเดียวกับปั ญหาด้านจิตวิทยาและพฤติกรรม ศาสตร์แห่ง
โภชนาการพยายามทาความเข้าใจว่า ลักษณะอาหารมีอิทธิพลต่อสุ ขภาพอย่างไรและด้วยเหตุใด
สารอาหารในอาหารถูกจัดกลุ่มเป็ นหลายหมวด สารอาหารมหธาตุ (macronutrient) มีไขมัน
โปรตีนและคาร์โบไฮเดรต สารอาหารจุลธาตุ (micronutrient) มีแร่ ธาตุและวิตามิน
นอกเหนือจากนั้น อาหารยังรวมไปถึงน้ าและใยอาหาร
ร่ างกายซึ่งถูกออกแบบมาโดยการคัดเลือกโดยธรรมชาติ ให้พึงพอใจกับรสหวานและอาหาร
ไขมันสู งด้วยอาหารวิวฒนาการ ซึ่งเป็ นอาหารที่สมบูรณ์แบบสาหรับนักล่าและนักเก็บเกี่ยว
ั
ดังนั้น อาหารหวานและไขมันสู งในธรรมชาติจึงพบได้ยากและน่าพึงพอใจที่จะกินมาก แต่ใน
้
สมัยใหม่ ด้วยเทคโนโลยีที่กาวหน้าขึ้น อาหารที่น่าพึงพอใจนี้จึงง่ายแก่การเข้าถึงของผูบริ โภค
้
็
มากขึ้น แต่กก่อให้เกิดโรคอ้วนเช่นกัน
ความปลอดภัย
แบคทีเรี ยซัลโมเนลลาเป็ นสาเหตุทวไปของอาหารเป็ นพิษ โดยเฉพาะอย่างยิงในไก่และไข่ที่ยง
ั่
ั
่
ไม่สุก ซึ่งอาจรุ นแรงถึงขั้นเสี ยชีวตได้
ิ
การเจ็บป่ วยเนื่องจากอาหาร หรื อมักเรี ยกว่า "อาหารเป็ นพิษ" นั้น เกิดจาก
แบคทีเรี ย สารพิษ ไวรัส ปรสิ ต และพรี ออน มีผเู ้ สี ยชีวตประมาณ 7 ล้านคนทัวโลกเสี ยชีวต
ิ
ิ
่
เนื่องจากอาหารเป็ นพิษทุกปี โดยคิดเป็ นราว 10 เท่าของผูที่เจ็บป่ วยด้วยอาการเดียวกันแต่ไม่ถึง
้
ตายปัจจัยสองประการที่พบทัวไปว่าเป็ นเหตุนาไปสู่ กรณี อาหารเป็ นพิษจากแบคทีเรี ย คือ การ
่
่
ปนเปื้ อนข้ามของอาหารพร้อมรับประทานจากอาหารที่ไม่ผานการปรุ งอื่นและการควบคุม
อุณหภูมิที่ไม่เหมาะสม ส่ วนปัจจัยที่พบน้อยกว่า ปฏิกิริยาไม่พึงประสงค์เฉียบพลันยังอาจเกิดขึ้น
ได้ในกรณี ที่เกิดสารเคมีปนเปื้ อนในอาหารเกิดขึ้น ตัวอย่างเช่น จากการเก็บรักษาที่ไม่เหมาะสม
ั
หรื อการใช้สบู่และสารฆ่าเชื้อที่ไม่ได้ใช้กบอาหาร อาหารยังอาจปลอมปนได้ดวยสิ่ ง
้
แปลกปลอมหลายชนิดระหว่างการเกษตร การผลิต การปรุ งอาหาร การห่อบรรจุ การแจกจ่าย
หรื อการขาย สิ่ งแปลกปล้อมเหล่านี้อาจเป็ นไปทั้งยาฆ่าแมลง ผม ก้นบุหรี่ ไม้สับ และสิ่ ง
ปนเปื้ อนทุกรู ปแบบ นอกจากนี้ เป็ นไปได้ที่อาหารบางประเภทจะได้รับการปนเปื้ อนหากเก็บ
รักษาในภาชนะที่ไม่ปลอดภัย อย่างเช่น หม้อเซรามิกเคลือบตะกัว
่
่
อาหารเป็ นพิษถูกระบุวาเป็ นโรคตั้งแต่สมัยฮิปโปคราตีส (ประมาณ พ.ศ. 83-166) การขายอาหาร
่ ั่
บูด ปนเปื้ อนหรื อปลอมปนมีอยูทวไปจนกระทังมีการริ เริ่ มสุ ขอนามัย การแช่เย็นและการ
่
ควบคุมหนอนพยาธิในคริ สต์ศตวรรษที่ 19 การค้นพบเทคนิคฆ่าแบคทีเรี ยโดยใช้ความร้อน และ
การศึกษาทางจุลชีววิทยาอื่น ๆ โดยนักวิทยาศาสตร์อย่าง หลุยส์ ปาสเตอร์ มีคุณูปการต่อ
มาตรฐานการสุ ขาภิบาลสมัยใหม่ซ่ ึงพบทัวไปในประเทศพัฒนาแล้วในปัจจุบน สุ ขอนามัย
ั
่
ดังกล่าวได้รับการพัฒนาต่อโดยผลงานของจุสตุส ฟอน ไลบิก (Justus von Liebig) ซึ่งนาไปสู่
การพัฒนาการเก็บรักษาอาหารสมัยใหม่และวิธีการถนอมอาหาร เมื่อไม่กี่ปีมานี้ ความเข้าใจ
สาเหตุของอาหารเป็ นพิษที่เพิ่มขึ้นนาไปสู่ การพัฒนาแนวการศึกษาอย่างเป็ นระบบมากขึ้น อย่าง
การวิเคราะห์อนตรายและจุดวิกฤตที่ตองควบคุม (Hazard Analysis and Critical Control Points,
ั
้
HACCP) ซึ่งสามารถระบุและกาจัดความเสี่ ยงได้มาก
มาตรการที่แนะนาในการประกันความปลอดภัยของอาหาร รวมทั้งการรักษาพื้นที่เตรี ยมอาหาร
่
ให้สะอาด และเก็บอาหารต่างชนิดกันแยกกัน ประกันอุณหภูมิหองให้อยูในระดับที่พอเหมาะ
้
และแช่เย็นอาหารทันทีหลังทาอาหาร
อาหารซึ่งเน่าเสี ยได้ง่าย อย่างเนื้อสัตว์ นมและอาหารทะเล จาเป็ นต้องเตรี ยมด้วยวิธีการเฉพาะ
เพื่อหลีกเลี่ยงมิให้ปนเปื้ อนผูบริ โภคที่เตรี ยมอาหารดังกล่าวให้น้ น ด้วยเหตุน้ ี หลักการทัวไปคือ
้
ั
่
อาหารเย็น (เช่น ผลิตภัณฑ์นม) ควรเก็บไว้ในที่เย็นและอาหารร้อน (เช่น ซุป) ควรทาให้อุ่น
จนกว่าจะเก็บ เนื้อสัตว์แช่เย็น เช่น ไก่ ซึ่งจะถูกนาไปทาอาหาร ไม่ควรวางไว้ที่อุณหภูมิหอง
้
เพื่อให้น้ าแข็งละลาย เพราะมีความเสี่ ยงที่แบคทีเรี ยที่เป็ นอันตรายจะเติบโต อย่างเช่น ซัล
โมเนลลา หรื อ อี. โคไล
การแพ้
บางคนแพ้หรื อตอบสนองไวต่ออาหารซึ่งไม่เป็ นปั ญหาต่อคนส่ วนใหญ่ โดยเกิดขึ้นเมื่อระบบ
ภูมิคุมกันของบุคคลเข้าใจผิดว่าโปรตีนอาหารบางชนิดเป็ นสิ่ งแปลกปลอมอันตรายและโจมตี
้
มัน ผูใหญ่ราว 2% และเด็กราว 8% มีการแพ้อาหาร ปริ มาณของเนื้ออาหารแม้เล็กน้อยอาจไป
้
กระตุนให้เกิดปฏิกิริยาในบุคคลที่รู้สึกไวจริ ง ๆ ได้ ในบางกรณี แม้แต่กลิ่นของอาหารในอากาศ
้
ก็อาจทาให้เกิดปฏิกิริยารุ นแรงถึงชีวตได้ในผูป่วยอาการหนักมาก อาหารที่ทาให้เกิดการแพ้ที่
ิ
้
พบทัวไปเช่น โปรตีนกลูเตนในข้าว ข้าวโพด หอย ถัวลิสงและถัวเหลือง[31] อาหารที่ทาให้เกิด
่
่
่
อาหารแพ้น้ ีมกมีอาการแสดงอย่างท้องร่ วง ผืนคัน การบวมพอง อาเจียน และการขย้อน อาการ
ั
่
เกี่ยวกับการย่อยอาหารมักเกิดขึ้นภายในครึ่ งชัวโมงหลังสารที่ทาให้เกิดการแพ้เข้าสู่ ร่างกาย
่
น้อยครั้งที่การแพ้อาหารสามารถนาไปสู่ ภาวะฉุกเฉิ นทางการแพทย์ได้ เช่น ภาวะช็อกที่เกิดจาก
การแพ้ ความดันโลหิตต่า และหมดสติ สารที่ทาให้เกิดภูมิแพ้ที่เกี่ยวข้องกับปฏิกิริยาประเภทนี้
คือถัวลิสง แต่ผลิตภัณฑ์ยางก็สามารถก่อให้เกิดปฏิกิริยาที่คล้ายกันการรักษาขั้นต้นทาโดยการ
่
ให้เอพิเนฟริ น (อะดรี นาลิน) ซึ่งมักให้ในรู ปตัวฉีดอัตโนมัติ (autoinjector)
การค้าเชิงพาณิ ชย์

การนาเข้าอาหารใน พ.ศ. 2548
การนาเข้าและส่ งออกระหว่างประเทศ
ธนาคารโลกรายงานว่า สหภาพยุโรปเป็ นผูนาเข้าอาหารรายใหญ่ที่สุดของโลกใน พ.ศ. 2548
้
ตามด้วยสหรัฐอเมริ กาและญี่ปุ่น ปัจจุบนอาหารมีการแลกเปลี่ยนและค้าขายกันในระดับโลกเป็ น
ั
หลัก ความหลากหลายและการเข้าถึงอาหารไม่ถูกจากัดโดยความแตกต่างของอาหารที่ปลูกขึ้น
ในท้องถิ่นหรื อข้อจากัดของฤดูเพาะปลูกอีกต่อไป ระหว่าง พ.ศ. 2504 ถึง 2542 มีการส่ งออก
อาหารทัวโลกเพิ่มขึ้นกว่าในอดีตถึง 400% ปัจจุบน บางประเทศพึ่งพาการส่ งออกมาอาหาร
ั
่
ในทางเศรษฐกิจ ซึ่งบางประเทศส่ งออกอาหารคิดเป็ นถึงมากกว่า 80% ของปริ มาณการส่ งออก
ทั้งหมด
ใน พ.ศ. 2537 มากกว่า 100 ประเทศเป็ นผูลงนามในการประชุมความตกลงทัวไปว่าด้วยภาษี
้
่
ศุลกากรและการค้า (GATT) รอบอุรุกวัย ในการเพิ่มการเปิ ดเสรี ทางการค้า ซึ่งรวมทั้งความตก
ลงที่จะลดการจ่ายเงินอุดหนุนแก่เกษตรกร ซึ่งเคยได้รับการสนับสนุนจากการบังคับการ
สนับสนุนเงินเกษตรกรรม ภาษีศุลกากร โควตานาเข้าสิ นค้า และการแก้ปัญหาข้อพิพาทด้าน
การค้าซึ่งไม่สามารถแก้ไขได้แบบทวิภาคี ขององค์การการค้าโลก[35] เมื่อมีการตั้งการกีดกัน
ทางการค้าบนพื้นฐานพิพาทของสาธารณสุ ขและความปลอดภัย องค์การการค้าโลกจะหยิบยก
กรณี พิพาทนั้นสู่ คณะกรรมาธิการอาหารสากล (Codex Alimentarius Commission) ซึ่งก่อตั้งขึ้น
ใน พ.ศ. 2505 โดยองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ และองค์การอนามัย
โลก การเปิ ดเสรี ทางการค้าได้มีผลกระทบต่อการค้าอาหารของโลกอย่างมาก
การตลาดและการขายปลีก

่
อาหารในบรรจุภณฑ์ที่วางขายอยูบนชั้นในซูเปอร์มาร์เกตแห่งหนึ่ง
ั
การตลาดอาหารเป็ นลาดับกิจกรรมซึ่งนาอาหารจากฟาร์มจนถึงผูบริ โภค การตลาดของ
้
ผลิตภัณฑ์อาหารเพียงอย่างหนึ่งนั้นอาจเป็ นกระบวนการอันซับซ้อนซึ่งมีผผลิตและบริ ษทหลาย
ู้
ั
รายเข้ามาเกี่ยวข้องได้ ตัวอย่างเช่น ในการผลิตซุปก๋ วยเตี๋ยวไก่กระป๋ องหนึ่งมีหาสิ บหกบริ ษทเข้า
้
ั
มาเกี่ยวข้อง ธุรกิจเหล่านี้ไม่เพียงแต่เกี่ยวข้องเฉพาะผูดาเนินการผลิตไก่และผักเท่านั้น แต่ยง
้
ั
รวมถึงบริ ษทที่ขนส่ งส่ วนประกอบอาหารและบริ ษทที่พิมพ์ฉลากและผลิตกระป๋ องด้วย ระบบ
ั
ั
การตลาดอาหารเป็ นนายจ้างภาคเอกชนทั้งโดยตรงและโดยอ้อมที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริ กา
ช่วงก่อนสมัยใหม่ การขายอาหารส่ วนเกินนั้นมีข้ ึนทุกสัปดาห์โดยเกษตรกรจะนาผลผลิตไปขาย
ในวันที่มีตลาดสดของหมู่บาน ที่ซ่ ึงอาหารถูกขายแก่ร้านขายของชาในร้านค้าท้องถิ่นและจะมี
้
ผูบริ โภคในท้องถิ่นไปซื้อด้วยการเข้าสู่ ยคปฏิวติอุตสาหกรรมและการพัฒนาอุตสาหกรรมแปร
้
ุ
ั
รู ปอาหาร มีอาหารหลากชนิดขึ้นที่สามารถขายและกระจายไปยังพื้นที่ห่างไกลได้
ไม่เหมือนกับผูผลิตอาหาร การขายปลีกอาหารนั้มีบริ ษทขนาดใหญ่มากควบคุมซูเปอร์มาร์เก็ต
้
ั
เพียงไม่กี่แห่ง ซูเปอร์มาร์เก็ตยักษ์ใหญ่เหล่านี้มีอนาาจซื้อสู งเหนือเกษตรกรและผุผลิต และมี
้
อิทธิพลอย่างมากต่อผุบริ โภค อย่างไรก็ดี เงินน้อยกว่า 10% จากผูบริ โภคตกถึงมือเกษตรกร โดย
้
้
เงินส่ วนใหญ่จ่ายเป็ นค่าโฆษณา ค่าขนส่ งและบริ ษทคนกลาง
ั
ราคา
ดัชนีราคาอาหารโลก พ.ศ. 2533-2554 สังเกตราคาอาหารสู งเป็ นสถิติในช่วงวิกฤติราคาอาหาร
โลก (พ.ศ. 2550–2551) ตามด้วยการผันผวนของราคาอีกครั้งนับแต่ พ.ศ. 2553
มีรายงานในวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2551 ว่า ผูบริ โภคทัวโลกกาลังเผชิญกับราคาอาหารที่
้
่
เพิ่มขึ้น เหตุผลที่เป็ นเช่นนั้นรวมถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศและการเปลียนแปลงขนาด
ใหญ่ในเศรษฐกิจโลก รวมทั้งราคาน้ ามันที่เพิ่มสู งขึ้น ปริ มาณสารองอาหารลดลง และความ
ต้องการของผูบริ โภคที่เพิ่มขึ้นในจีนและอินเดียในระยะยาว มีการคาดว่าราคาอาหารจะมี
้
เสถียรภาพ โดยเกษตรกรจะปลูกพืชเป็ นทั้งเชื้อเพลิงและอาหาร ซึ่งจะดึงราคากลับลงมาโดย
เหตุการณ์ดงกล่าวเกิดขึ้นในกรณี ของข้าวสาลีแล้วโดยมีการปลูกธัญพืชดังกล่าวมากขึ้นใน
ั
สหรัฐอเมริ กา แคนาดาและยุโรปใน พ.ศ. 2552 อย่างไรก็ดี องค์การอาหารและการเกษตรเสนอ
ว่าผูบริ โภคยังต้องรับมือกับอาหารที่แพงขึ้นจนถึง พ.ศ. 2561ในคริ สต์ทศวรรษ 1980 และ 1990
้
การให้เงินอุดหนุนฟาร์มและโครงการสนับสนุนทาให้ประเทศส่ งออกธัญพืชรายใหญ่ของโลกมี
ปริ มาณผลผลิตเกินมาก ซึ่ งสามารถระบายออกมาในช่วงขาดแคลนอาหารเพือให้ราคาลดลงได้
่
อย่างไรก็ตาม นโยบายการค้าแบบใหม่ทาให้การผลิตทางเกษตรกรรมตอบสนองต่อความ
่
ต้องการของตลาดมากขึ้นมาก และทาให้ปริ มาณอาหารสารองของโลกอยูในระดับต่าสุ ดนับแต่
พ.ศ. 2526
่
ในช่วงห้าปี หลัง (พ.ศ. 2546-2551) เห็นได้วามีสัดส่ วนอุตสาหกรรมการผลิตนมเหลวและนมผง
ของชาติเอเชียเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งใน พ.ศ. 2551 คิดเป็ นสัดส่ วนการผลิตมากกว่า 30% โดย
จีนเพียงประเทศเดียวมีสัดส่ วนการผลิตและการบริ โภคในอุตสาหกรรมแปรรู ปและถนอมผลไม้
และผักทัวโลกถึงมากกว่า 10% แนวโน้มดังกล่าวปรากฏชัดเจนเช่นกันในอุตสาหกรรมการผลิต
่
เครื่ องดื่มอัดลมและน้ าขวด เช่นเดียวกับการผลิตโกโก้ ช็อกโกแลตและลูกกวาดน้ าตาลโลก โดย
่
พยากรณ์วาจะเติบโต 5.7% และ 10% ตามลาดับใน พ.ศ. 2551 ตามความต้องการที่เพิ่มขึ้นใน
ตลาดจีนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ความมันคงทางอาหาร
่
ดูบทความหลักที่ ความมันคงทางอาหาร
่

ผลิตภัณฑ์อาหารที่สาคัญบางชนิด เช่น ขนมปัง ข้าว และพาสตา
ความมันคงทางอาหารหมายถึงการหาได้ของอาหารและการเข้าถึงอาหารได้ของบุคคล
่
่ ้
ครัวเรื อนที่มีความมันคงทางอาหารหมายความว่า ผูอยูอาศัยไม่อยูดวยความหิวโหยหรื อกลัวอด
้ ่
่
อยาก ใน พ.ศ. 2546 ประชากรโลกมากถึง 2 พันล้านคนขาดความมันคงทางอาหารเป็ นครั้งคราว
่
หรื อบ่อยครั้งเนื่องจากความยากจน และมีเด็กเสี ยชีวตด้วยความหิวโหยกว่าหกล้านคนต่อปี หรื อ
ิ
คิดเป็ น 17,000 คนต่อวัน
ภาวะขาดอาหารนาไปสู่ ภาวะทุพโภชนาการและการอดอยากในที่สุด ซึ่งบ่อยครั้งมักเกี่ยวข้อง
กับทุพภิกขภัย หรื อการขาดแคลนอาหารของทั้งชุมชน ภาวะดังกล่าวสามารถมีผลกระทบ
เสี ยหายร้ายแรงและกว้างขวางต่อสุ ขภาพและอัตราการตายของมนุษย์ การปั นส่ วนเป็ นวิธีการที่
ใช้บางครั้งเพื่อแจกจ่ายอาหารในยามขาดแคลน ที่โดดเด่นคือ ในยามสงคราม
การอดอยากเป็ นปั ญหาระหว่างประเทศที่สาคัญ มีประชากรราว 815 ล้านคนได้รับอาหารน้อย
กว่าความต้องการภาวะขาดอาหารถูกมองว่าเป็ นความต้องการที่ขาดดุล (deficit) ในลาดับขั้น
ความต้องการของมาสโลว์ และวัดโดยใช้ตววัดทุพภิกขภัย
ั
ความช่วยเหลือด้านอาหารสามารถเป็ นประโยชน์แก่ประชากรที่เดือดร้อนจากการขาดแคลน
อาหาร นอกจากนี้ยงสามารถใช้เพื่อพัฒนาชีวตของประชากรได้ในระยะสั้น เพื่อที่สังคมนั้นจะ
ั
ิ
สามารถยกมาตรฐานการครองชีพจนถึงจุดที่ไม่จาเป็ นต้องพึ่งความช่วยเหลือด้านอาหารอีก
ต่อไปในทางกลับกัน ความช่วยเหลือด้านอาหารที่จดการอย่างเลวก็อาจก่อให้เกิดปัญหาโดยไป
ั
รบกวนตลาดท้องถิ่น ฉุดราคาพืชผลการเกษตร และกีดกันการผลิตอาหาร บางครั้งวัฏจักรการ
พึ่งพาความช่วยเหลือด้านอาหารอาจเกิดขึ้น ข้อกาหนดการให้ความช่วยเหลือดังกล่าว หรื อการขู่
ว่าจะยกเลิกให้ความช่วยเหลือนั้น บางครั้งใช้เป็ นเครื่ องมือทางการเมืองเพื่อเข้าไปมีอิทธิพลต่อ
นโยบายของประเทศเป้ าหมาย ซึ่งเป็ นยุทธศาสตร์ที่รู้จกกันในชื่อ การเมืองอาหาร บางครั้ง
ั
ข้อกาหนดความช่วยเหลือด้านอาหารนั้นกาหนดให้อาหารบางประเภทต้องซื้ อโดยเจาะจงผูขาย
้
และความช่วยเหลือด้านอาหารสามารถนาไปใช้ในทางที่ผดเพื่อเพิ่มพูนตลาดของประเทศผู ้
ิ
บริ จาคนั้น ความพยายามระหว่างประเทศเพื่อแจกจ่ายอาหารแก่ประเทศซที่ขดสนที่สุดนั้นมัก
ั
ได้รับการประสานงานโดยโครงการอาหารโลก
นิยามทางกฎหมาย
บางประเทศมีการกาหนดนิยามทางกฎหมายของอาหาร ซึ่งประเทศเหล่านี้กาหนดว่า อาหาร
่
หมายถึงวัตถุใด ๆ ซึ่งต้องผ่านขั้นตอน ผ่านขั้นตอนบางส่ วน หรื อไม่ผานขั้นตอนเพื่อการบริ โภค
รายชื่อสิ่ งที่รวมว่าเป็ นอาหารนั้น มีท้ งสสารใด ๆ ซึ่งคาดว่า หรื อมีเหตุให้คาดว่า จะถูกย่อยโดย
ั
่
มนุษย์ นอกเหนือไปจากอาหารเหล่านี้ เครื่ องดื่ม หมากฝรั่ง น้ าหรื อสิ่ งอื่นที่ผานขั้นตอนไป
่
รวมอยูในวัตถุอาหารดังกล่าวเป็ นส่ วนหนึ่งของนิยามทางกฎหมายของอาหารด้วย สิ่ งที่ไม่
่
รวมอยูในนิยามทางกฎหมายของอาหาร มี อาหารสัตว์ สัตว์เป็ น ๆ (ยกเว้นแต่ที่ถูกเตรี ยมไว้ขาย
ในตลาด) พืชก่อนการเก็บเกี่ยว ผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ เครื่ องสาอาง ยาสู บและผลิตภัณฑ์
ยาสู บ สารเสพติดหรื อยากล่อมประสาท ตลอดจนเศษตกค้างและสิ่ งปนเปื้ อน
ในกฎหมายไทย พระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 นิยามอาหารว่า "ของกินหรื อเครื่ องค้ าจุน
ชีวต" โดยแบ่งเป็ น
ิ
่
(1) วัตถุทุกชนิดที่คนกิน ดื่ม อม หรื อนาเข้าสู่ ร่างกายไม่วาด้วยวิธีใด ๆ หรื อในรู ปลักษณะใด ๆ
แต่ไม่รวมถึงยา วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท หรื อยาเสพติดให้โทษ ตามกฎหมายว่าด้วยการ
นั้น แล้วแต่กรณี
(2) วัตถุที่มุ่งหมายสาหรับใช้หรื อใช้เป็ นส่ วนผสมในการผลิตอาหารรวมถึงวัตถุเจือปนอาหาร สี
และเครื่ องปรุ งแต่งกลิ่นรส
บทที่ 3
วิธีการดาเนินงาน
ขั้นตอนการสร้ างบล็อก
่
1. ให้ทาการสมัครบัญชีของ Gmail ของ google แต่ถาใครมีบญชี Gmail อยูแล้วก็ทาการล็อกอิน
้
ั
เพื่อสร้างบล็อก ของ http://www.blogger.com/ ได้เลย ซึ่งโดยปกติแล้ว เมื่อเราเข้าไปที่เว็บ
www.blogger.com หน้าเพจแรกจะถามบัญชีถึงบัญชี Gmail ของผูที่จะทาการสร้างบล็อก
้
่
สาหรับนักศึกษาที่มีบญชี Gmail อยูแล้ว ก็กรอกชื่อบัญชี Gmail และ รหัสผ่านของตน ดังภาพ
ั

หากใครยังไม่มีบญชีให้คลิกที่เมนู Sign up เพื่อทาการสมัครบัญชี Gmail ใหม่
ั
2.เมื่อเราเข้าไปที่ www.blogger.com ที่ได้ทาการล็อกอินบัญชีของ Gmail แล้ว หน้าแรกของ
blogger
จะมีหน้าตาดังภาพ ใคลิกไปที่เมนู “บล็อกใหม่ ” เพื่อทาการสร้างบล็อก

1. เมื่อเราคลิกไปที่เมนูเพื่อสร้างบล็อกใหม่แล้ว ให้ทาการกรอกรายละเอียดดังนี้ คือ ตรง
หัวข้อ ให้พิมพ์ชื่อบล็อก ตรงที่อยู่ ให้ต้ งชื่อ URL ซึ่งควรใช้ชื่อเป็ นภาษาอังกฤษและ
ั
ตัวเลข และต้องดูตรงสถานะของบล็อกด้วยว่าชื่อ URL ที่ต้ งไปนั้นมีผใช้แล้วหรื อยังไม่มี
ั
ู้
่
ผูใช้ มันจะแจ้งว่า “ที่อยูบล็อกนี้สามารถใช้ได้” เสร็จแล้วให้ทาการเลือกรู ปแบบ จาก
้
แม่แบบว่าจะให้บล็อกมีหน้าตาในการแสดงผลเช่นไร เมื่อเลือกแล้วก็ คลิกเมนู “สร้ าง
บล็อก”

2. เมื่อทาการสร้างบล็อกแล้ว เราจะกลับมาที่หน้าจัดการบล็อกเพื่อทาการตกแต่งบล็อกให้ดู
สวยงามโดยการใส่ รูปภาพ
หรื อ โค๊ดต่างๆ ให้นกศึกษาทาการคลิกลูกศรสี ดา เพื่อเลือกเมนู รู ปแบบ ดังภาพ
ั
3. เมื่อคลิกเมนูรูปแบบ แล้วจะมีหน้าตาดังภาพให้คลิกที่ เมนู เครื่องมือออกแบบเทม
เพลต เพื่อปรับแต่งหน้าเทมเพลตตามที่เราต้องการ

เมื่อคลิกแล้วทาการเลือกรู ปเทมเพลต ตามต้องการ เมื่อเลือกแล้วให้คลิกที่ เมนู “ใช้ กบ
ั
บล็อก” เพื่อบันทึกรู ปแบบเทมเพลต
4. เมื่อทาการเลือกรู ปแบบของเทมเพลตแล้วให้กลับมาที่ “รู ปแบบ” อีกครั้ง เพื่อทาการใส่
หัวบล็อกและตกแต่งบล็อก
โดยคลิกเลือกเมนู แก้ไข ตรงส่ วนของ ชื่อบล็อก

เมื่อคลิกเมนู แก้ไข แล้วให้คลิกที่ เมนู “เลือกไฟล์ ” เพื่อเลือกไฟล์ภาพที่จะนามาเป็ นหัว
บล็อก
เมื่อเลือกภาพได้แล้วกด open จากนั้นระบบจะทาการอัพโหลดภาพดังกล่าวเข้าไป
เมื่อระบบอัพโหลดภาพเสร็จแล้ว ให้คลิกเลือก เมนู “แทนทีชื่อและคาอธิบาย”
่
่
เสร็จแล้วกดเมนู “บันทึก” เพื่อทาการบันทึกภาพดังกล่าวซึ่งจะเข้าไปอยูในตาแหน่งหัว
บล็อก ดังภาพ

5. เมื่อทาการใส่ หวบล็อกเสร็จแล้ว ให้คลิกที่เมนู “เพิม Gadget”
ั
่
เพื่อใส่ โค๊ด ปฏิทิน นาฬิกา สถิติผเู ้ ยียมชม แล้วแต่ความต้องการของเรา แล้วคลิก
่
เมนู “บันทึกการจัดเรียง”
8. เมื่อทาการใส่ โค๊ดตกแต่งตามต้องการแล้ว ให้เลือกเมนู “หน้ าเว็บ” เพื่อทาการสร้าง
หน้าเว็บเพจต่างๆ ตามต้องการ
คลิกที่เมนู “แสดงหน้าเว็บเป็ น” เลือกลูกศรสี ดา แล้วคลิกเลือกรู ปแบบ “แท็บด้าน
บนสุ ด”
แล้วกด “บันทึกการจัดเรี ยง” ดังภาพ

เมื่อทาการเลือกตาแหน่งของแท๊บเมนูแล้ว ให้ คลิกเมนู หน้าเว็บใหม่และเลือกลูกศรสี ดา
เลือกเมนู “หน้าเว็บเปล่า” เพื่อสร้างหน้าเพจต่างๆ
9.เมื่อคลิกเมนูสร้างหน้าเว็บแล้ว ให้ต้ งชื่อเว็บเพจ ตรงช่อง และพิมพ์รายละเอียดลงไป
ั
แล้วคลิกที่เมนู “บันทึก”

10.เมื่อทาการสร้างเมนูเว็บเพจ แล้ว ท่านสามารถที่จะทาลิงค์ไปเว็บไซต์หรื อบล็อกต่างๆ
โดยคลิกที่เมนู เพิ่ม “Gadget”
แล้วเลือก ฟังก์ชน “รายชื่อลิงค์” แล้วคลิกเครื่ องหมาย + เพื่อสร้างลิงค์ ดังภาพ
ั
เมื่อคลิกที่ฟังชันก์ รายชื่อลิงค์แล้ว ให้ทาการ พิมพ์ชื่อเมนู ว่า “ Link Exchange” และ
copy ลิงค์ ที่ตองการเชื่อมโยงของเพื่อนมาใส่ ไว้ในช่อง URL ของไซต์ใหม่ และ ตรงชื่อ
้
เว็บไซต์ให้ พิมพ์ชื่อ ของเว็บบั้นๆ ที่ตองการทาลิงค์ เมื่อทาเสร็จ ให้คลิกที่ เมนู “เพิ่ม
้
ลิงค์” เพื่อทาการเพิ่มลิงค์เว็บไซต์อื่นๆต่อไปแล้วคลิกที่เมนู “บันทึก” ดังภาพ
บทที่ 4
ผลการดาเนินงาน
บทที่ 5
สรุ ป
่
จากผลการทดลองสรุ ปได้วา ในการทาบล็อกเกี่ยวกับอาหารมีผสนใจพอสมควร ส่ วน
ู้
ใหญ่นาไปทาให้ขอบคนในครอบครัวรับประทาน และก็ได้คาชมเชยมาว่าอาหารมื้อนี้อร่ อยมาก
มีบางส่ วนนาไปประกอบอาชีพและกิจการก่อรุ่ งเรื่ องไปเลื่อยๆ
้

Más contenido relacionado

La actualidad más candente

ปกนอก ปกใน
ปกนอก ปกในปกนอก ปกใน
ปกนอก ปกในamixdouble
 
หน้าปกโครงงานคอมพิวเตอร์
หน้าปกโครงงานคอมพิวเตอร์หน้าปกโครงงานคอมพิวเตอร์
หน้าปกโครงงานคอมพิวเตอร์kand-2539
 
โครงงานรายงาน
โครงงานรายงานโครงงานรายงาน
โครงงานรายงานWinNie Sjr
 
การอ้างอิงทางวิชาการ
การอ้างอิงทางวิชาการการอ้างอิงทางวิชาการ
การอ้างอิงทางวิชาการWatcharapol Wiboolyasarin
 
การสำรวจพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
การสำรวจพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4การสำรวจพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
การสำรวจพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4Sombom
 
ตัวอย่างหนังสือราชการ
ตัวอย่างหนังสือราชการตัวอย่างหนังสือราชการ
ตัวอย่างหนังสือราชการjustymew
 
โครงงานเรื่อง กล้วย (กล้วยแขก)
โครงงานเรื่อง กล้วย (กล้วยแขก) โครงงานเรื่อง กล้วย (กล้วยแขก)
โครงงานเรื่อง กล้วย (กล้วยแขก) Np Vnk
 
โครงงานวิทยาศาสตร์เรื่อง เปลือกไข่ไล่มด
โครงงานวิทยาศาสตร์เรื่อง เปลือกไข่ไล่มดโครงงานวิทยาศาสตร์เรื่อง เปลือกไข่ไล่มด
โครงงานวิทยาศาสตร์เรื่อง เปลือกไข่ไล่มดพัน พัน
 
การจัดทัพของอิเหนา
การจัดทัพของอิเหนาการจัดทัพของอิเหนา
การจัดทัพของอิเหนาenksodsoon
 
กล่องนม
กล่องนมกล่องนม
กล่องนมNIng Bussara
 
กล้วยบวชชี
กล้วยบวชชีกล้วยบวชชี
กล้วยบวชชีToeyy Piraya
 
เกณฑ์การประเมินรูบริคส์
เกณฑ์การประเมินรูบริคส์เกณฑ์การประเมินรูบริคส์
เกณฑ์การประเมินรูบริคส์Lamai Fungcholjitt
 
โครงงานเรื่อง การศึกษาต้นไม้ในโรงเรียน
โครงงานเรื่อง การศึกษาต้นไม้ในโรงเรียนโครงงานเรื่อง การศึกษาต้นไม้ในโรงเรียน
โครงงานเรื่อง การศึกษาต้นไม้ในโรงเรียนพัน พัน
 

La actualidad más candente (20)

ปกนอก ปกใน
ปกนอก ปกในปกนอก ปกใน
ปกนอก ปกใน
 
ฎีกาผ้าป่าโรงเรียนปรางค์ทองวิทยา
ฎีกาผ้าป่าโรงเรียนปรางค์ทองวิทยาฎีกาผ้าป่าโรงเรียนปรางค์ทองวิทยา
ฎีกาผ้าป่าโรงเรียนปรางค์ทองวิทยา
 
หน้าปกโครงงานคอมพิวเตอร์
หน้าปกโครงงานคอมพิวเตอร์หน้าปกโครงงานคอมพิวเตอร์
หน้าปกโครงงานคอมพิวเตอร์
 
ฎีกาผ้าป่าเพื่อการศึกษา57
ฎีกาผ้าป่าเพื่อการศึกษา57ฎีกาผ้าป่าเพื่อการศึกษา57
ฎีกาผ้าป่าเพื่อการศึกษา57
 
โครงงานรายงาน
โครงงานรายงานโครงงานรายงาน
โครงงานรายงาน
 
การอ้างอิงทางวิชาการ
การอ้างอิงทางวิชาการการอ้างอิงทางวิชาการ
การอ้างอิงทางวิชาการ
 
ปก
ปกปก
ปก
 
อาหาร Fast food
อาหาร Fast foodอาหาร Fast food
อาหาร Fast food
 
การสำรวจพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
การสำรวจพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4การสำรวจพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
การสำรวจพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
 
หน่วย 1
หน่วย 1หน่วย 1
หน่วย 1
 
ตัวอย่างหนังสือราชการ
ตัวอย่างหนังสือราชการตัวอย่างหนังสือราชการ
ตัวอย่างหนังสือราชการ
 
โครงงาน 5 บท
โครงงาน  5 บทโครงงาน  5 บท
โครงงาน 5 บท
 
โครงงานเรื่อง กล้วย (กล้วยแขก)
โครงงานเรื่อง กล้วย (กล้วยแขก) โครงงานเรื่อง กล้วย (กล้วยแขก)
โครงงานเรื่อง กล้วย (กล้วยแขก)
 
โครงงานวิทยาศาสตร์เรื่อง เปลือกไข่ไล่มด
โครงงานวิทยาศาสตร์เรื่อง เปลือกไข่ไล่มดโครงงานวิทยาศาสตร์เรื่อง เปลือกไข่ไล่มด
โครงงานวิทยาศาสตร์เรื่อง เปลือกไข่ไล่มด
 
การจัดทัพของอิเหนา
การจัดทัพของอิเหนาการจัดทัพของอิเหนา
การจัดทัพของอิเหนา
 
กล่องนม
กล่องนมกล่องนม
กล่องนม
 
เอกสารประกอบการเรียนเล่ม3
เอกสารประกอบการเรียนเล่ม3เอกสารประกอบการเรียนเล่ม3
เอกสารประกอบการเรียนเล่ม3
 
กล้วยบวชชี
กล้วยบวชชีกล้วยบวชชี
กล้วยบวชชี
 
เกณฑ์การประเมินรูบริคส์
เกณฑ์การประเมินรูบริคส์เกณฑ์การประเมินรูบริคส์
เกณฑ์การประเมินรูบริคส์
 
โครงงานเรื่อง การศึกษาต้นไม้ในโรงเรียน
โครงงานเรื่อง การศึกษาต้นไม้ในโรงเรียนโครงงานเรื่อง การศึกษาต้นไม้ในโรงเรียน
โครงงานเรื่อง การศึกษาต้นไม้ในโรงเรียน
 

Similar a โครงงานบล็อกเรื่องอาหาร

นวัตกรรมสุขศึกษา
นวัตกรรมสุขศึกษานวัตกรรมสุขศึกษา
นวัตกรรมสุขศึกษาkrusupkij
 
หน่วยที่1ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการเกษตร
หน่วยที่1ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการเกษตรหน่วยที่1ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการเกษตร
หน่วยที่1ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการเกษตรvarut
 
ธวัชชัย วงค์อนันต์
ธวัชชัย วงค์อนันต์ธวัชชัย วงค์อนันต์
ธวัชชัย วงค์อนันต์Tawadchai Wong-anan
 
10 สุดยอดอาหารที่ควรทานทุก
10 สุดยอดอาหารที่ควรทานทุก10 สุดยอดอาหารที่ควรทานทุก
10 สุดยอดอาหารที่ควรทานทุกPanjaree Bungong
 
ชุดส่งเสริมความรู้โภชนาการและการบริโภค
ชุดส่งเสริมความรู้โภชนาการและการบริโภคชุดส่งเสริมความรู้โภชนาการและการบริโภค
ชุดส่งเสริมความรู้โภชนาการและการบริโภคtassanee chaicharoen
 
อาหาร fastfood การบูรณาการปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
อาหาร fastfood  การบูรณาการปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง อาหาร fastfood  การบูรณาการปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
อาหาร fastfood การบูรณาการปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง Kkae Rujira
 
พันธ์ุบุกในประเทศไทย
พันธ์ุบุกในประเทศไทยพันธ์ุบุกในประเทศไทย
พันธ์ุบุกในประเทศไทยWasan Yodsanit
 
3 ขนมและผลไม้
3 ขนมและผลไม้3 ขนมและผลไม้
3 ขนมและผลไม้Mint NutniCha
 
Finals projevt
Finals projevtFinals projevt
Finals projevtonginzone
 
ทุพโภชนาการ
ทุพโภชนาการทุพโภชนาการ
ทุพโภชนาการAobinta In
 
อาหารและโภชนาการ เรื่อง สารกันบูด
อาหารและโภชนาการ เรื่อง สารกันบูดอาหารและโภชนาการ เรื่อง สารกันบูด
อาหารและโภชนาการ เรื่อง สารกันบูดUsableLabs
 
10 สุดยอดอาหาร
10 สุดยอดอาหาร10 สุดยอดอาหาร
10 สุดยอดอาหารPanjaree Bungong
 
แผนการเรียนรู้เกษตร4
แผนการเรียนรู้เกษตร4แผนการเรียนรู้เกษตร4
แผนการเรียนรู้เกษตร4juckit009
 

Similar a โครงงานบล็อกเรื่องอาหาร (20)

นวัตกรรมสุขศึกษา
นวัตกรรมสุขศึกษานวัตกรรมสุขศึกษา
นวัตกรรมสุขศึกษา
 
หน่วยที่1ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการเกษตร
หน่วยที่1ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการเกษตรหน่วยที่1ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการเกษตร
หน่วยที่1ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการเกษตร
 
Lesson 3
Lesson 3Lesson 3
Lesson 3
 
farmland
farmlandfarmland
farmland
 
2
22
2
 
Health1 1-2
Health1 1-2Health1 1-2
Health1 1-2
 
Cbi ผ าน
Cbi ผ านCbi ผ าน
Cbi ผ าน
 
ธวัชชัย วงค์อนันต์
ธวัชชัย วงค์อนันต์ธวัชชัย วงค์อนันต์
ธวัชชัย วงค์อนันต์
 
10 สุดยอดอาหารที่ควรทานทุก
10 สุดยอดอาหารที่ควรทานทุก10 สุดยอดอาหารที่ควรทานทุก
10 สุดยอดอาหารที่ควรทานทุก
 
ชุดส่งเสริมความรู้โภชนาการและการบริโภค
ชุดส่งเสริมความรู้โภชนาการและการบริโภคชุดส่งเสริมความรู้โภชนาการและการบริโภค
ชุดส่งเสริมความรู้โภชนาการและการบริโภค
 
Palin
PalinPalin
Palin
 
อาหาร fastfood การบูรณาการปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
อาหาร fastfood  การบูรณาการปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง อาหาร fastfood  การบูรณาการปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
อาหาร fastfood การบูรณาการปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
 
พันธ์ุบุกในประเทศไทย
พันธ์ุบุกในประเทศไทยพันธ์ุบุกในประเทศไทย
พันธ์ุบุกในประเทศไทย
 
3 ขนมและผลไม้
3 ขนมและผลไม้3 ขนมและผลไม้
3 ขนมและผลไม้
 
BDC412 HISO sec3013
BDC412 HISO sec3013BDC412 HISO sec3013
BDC412 HISO sec3013
 
Finals projevt
Finals projevtFinals projevt
Finals projevt
 
ทุพโภชนาการ
ทุพโภชนาการทุพโภชนาการ
ทุพโภชนาการ
 
อาหารและโภชนาการ เรื่อง สารกันบูด
อาหารและโภชนาการ เรื่อง สารกันบูดอาหารและโภชนาการ เรื่อง สารกันบูด
อาหารและโภชนาการ เรื่อง สารกันบูด
 
10 สุดยอดอาหาร
10 สุดยอดอาหาร10 สุดยอดอาหาร
10 สุดยอดอาหาร
 
แผนการเรียนรู้เกษตร4
แผนการเรียนรู้เกษตร4แผนการเรียนรู้เกษตร4
แผนการเรียนรู้เกษตร4
 

Más de Bank Kitsana

อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์
อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์
อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์Bank Kitsana
 
โครงงานคอมพิวเตอรN
โครงงานคอมพิวเตอรNโครงงานคอมพิวเตอรN
โครงงานคอมพิวเตอรNBank Kitsana
 
แผนผังบทที่ ๒
แผนผังบทที่ ๒แผนผังบทที่ ๒
แผนผังบทที่ ๒Bank Kitsana
 
การพัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร์ประยุกต์ทางด้านธุรกิจ
การพัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร์ประยุกต์ทางด้านธุรกิจการพัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร์ประยุกต์ทางด้านธุรกิจ
การพัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร์ประยุกต์ทางด้านธุรกิจBank Kitsana
 
การพัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร์ประยุกต์ทางด้านธุรกิจ
การพัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร์ประยุกต์ทางด้านธุรกิจการพัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร์ประยุกต์ทางด้านธุรกิจ
การพัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร์ประยุกต์ทางด้านธุรกิจBank Kitsana
 
การประกันภัย
การประกันภัยการประกันภัย
การประกันภัยBank Kitsana
 
ไลน์รักไลน์ลวง
ไลน์รักไลน์ลวงไลน์รักไลน์ลวง
ไลน์รักไลน์ลวงBank Kitsana
 
งานคอมพิวเตอร์ บทที่ ๒
งานคอมพิวเตอร์ บทที่ ๒งานคอมพิวเตอร์ บทที่ ๒
งานคอมพิวเตอร์ บทที่ ๒Bank Kitsana
 
ประวัติส่วนตัว
ประวัติส่วนตัวประวัติส่วนตัว
ประวัติส่วนตัวBank Kitsana
 
เทศโนโลยีสารสนเทศ
เทศโนโลยีสารสนเทศเทศโนโลยีสารสนเทศ
เทศโนโลยีสารสนเทศBank Kitsana
 

Más de Bank Kitsana (10)

อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์
อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์
อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์
 
โครงงานคอมพิวเตอรN
โครงงานคอมพิวเตอรNโครงงานคอมพิวเตอรN
โครงงานคอมพิวเตอรN
 
แผนผังบทที่ ๒
แผนผังบทที่ ๒แผนผังบทที่ ๒
แผนผังบทที่ ๒
 
การพัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร์ประยุกต์ทางด้านธุรกิจ
การพัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร์ประยุกต์ทางด้านธุรกิจการพัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร์ประยุกต์ทางด้านธุรกิจ
การพัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร์ประยุกต์ทางด้านธุรกิจ
 
การพัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร์ประยุกต์ทางด้านธุรกิจ
การพัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร์ประยุกต์ทางด้านธุรกิจการพัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร์ประยุกต์ทางด้านธุรกิจ
การพัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร์ประยุกต์ทางด้านธุรกิจ
 
การประกันภัย
การประกันภัยการประกันภัย
การประกันภัย
 
ไลน์รักไลน์ลวง
ไลน์รักไลน์ลวงไลน์รักไลน์ลวง
ไลน์รักไลน์ลวง
 
งานคอมพิวเตอร์ บทที่ ๒
งานคอมพิวเตอร์ บทที่ ๒งานคอมพิวเตอร์ บทที่ ๒
งานคอมพิวเตอร์ บทที่ ๒
 
ประวัติส่วนตัว
ประวัติส่วนตัวประวัติส่วนตัว
ประวัติส่วนตัว
 
เทศโนโลยีสารสนเทศ
เทศโนโลยีสารสนเทศเทศโนโลยีสารสนเทศ
เทศโนโลยีสารสนเทศ
 

โครงงานบล็อกเรื่องอาหาร

  • 1. โครงงาน อาหาร บทที่1 บทนา ที่มาและความสาคัญ เนื่องจากในทุกๆวันทุกคนนั้นล้วนแล้วแต่ตองรับประทานอาหารกันทุกคนจะอร่ อยกับ ้ ไม่อะไร และบ้างคนก็ตกงานไม่มีงานทา เราจึงหาวิธีการทาอาหาร และ ขั้นตอนทาอาหารให้ เพื่อนาไปใช้ในชีวตประวัน และยังสามารถนาไปประกอบอาชีพ หรื อหาร่ ายได้เสริ มได้อีกด้วย ิ วัตถุประสงค์ 1.ต้องการให้ทุกคนทาอาหารเป็ น 2.ต้องการให้รับประทานอาหารที่อร่ อย ขอบเขตของโครงงาน คนในครอบครัว ผลที่คาดว่าจะได้รับ 1.ทาให้ทุกคนรับประทานอาหารที่อร่ อย 2.นาไปประกอบอาชีพหรื อหาร่ ายได้เสริ มได้
  • 2. บทที่ 2 เอกสารอ้างอิง อาหาร อาหารประเภทผักและผลไม้ ตลอดจนเนื้อสัตว์นานาชนิด อาหาร หมายถึงสสารใด ๆซึ่งบริ โภคเพื่อเสริ มโภชนาการให้แก่ร่างกาย อาหารมักมาจากพืชหรื อ สัตว์ และมีสารอาหารสาคัญ อาทิ คาร์โบไฮเดรต ไขมัน โปรตีนวิตามิน หรื อแร่ ธาตุ สิ่ งมีชีวต ิ ย่อยและดูดซึมสสารที่เป็ นอาหารเข้าสู่ เซลล์เพื่อนาไปสร้างพลังงาน คงชีวต และ/หรื อ กระตุน ิ ้ การเจริ ญเติบโต ในอดีต มนุษย์ได้มาซึ่งอาหารด้วยสองวิธีการ คือ การล่าสัตว์และเก็บเกี่ยวพืชพันธุ์ (hunting and gathering) และเกษตรกรรม ปัจจุบน พลังงานจากอาหารส่ วนใหญ่ที่ประชากรโลกบริ โภคนั้น ั ผลิตจากอุตสาหกรรมอาหาร ซึ่งดาเนินการโดยบรรษัทข้ามชาติซ่ ึงใช้เกษตรประณี ต และ อุตสาหกรรมการเกษตรเพื่อเพิ่มผลผลิตของระบบให้ได้มากที่สุด ความปลอดภัยของอาหารและความมันคงทางอาหารได้รับการเฝ้ ามองโดยหน่วยงานอย่าง ่ สมาคมระหว่างประเทศเพื่อคุมครองอาหาร, สถาบันทรัพยากรโลก, โครงการอาหารโลก ้ , องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ และสภาข้อมูลอาหารระหว่างประเทศ ซึ่ง องค์การทั้งหลายนี้ระบุประเด็นปัญหาอย่าง ความยังยืน ความหลากหลายทางชีวภาพ การ ่ เปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ เศรษฐศาสตร์สารอาหาร การเติบโตของประชากร ทรัพยากรน้ า และการ เข้าถึงอาหาร
  • 3. สิ ทธิในการได้รับอาหารเป็ นสิ ทธิมนุษยชนซึ่งกาหนดขึ้นจากกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิ ทธิ ทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม (ICESCR) โดยตระหนักถึง "สิ ทธิ ที่จะมีมาตรฐานการครอง ชีพอย่างพอเพียง รวมทั้งอาหารที่เพียงพอ" เช่นเดียวกับ "สิ ทธิข้ นพื้นฐานที่จะปลอดจากความ ั หิวโหย" แหล่งอาหาร อาหารเกือบทั้งหมดมาจากพืชหรื อสัตว์ความรักแท้จริ งไม่มีอยูเ่ ลยถามใครก้บอกว่าเคย อาหาร อื่นซึ่งมิได้มาจากพืชหรื อสัตว์ มีท้ งฟังไจที่รับประทานได้ โดยเฉพาะอย่างยิง เห็ด ฟังไจและ ั ่ แบคทีเรี ยในบรรยากาศถูกใช้ในการเตรี ยมอาหารหมักหรื อดอง เช่น ขนมปังมีเชื้อ (leavened bread), เครื่ องดื่มแอลกอฮอล์, เนยแข็ง, อาหารดอง, คมบุชะ (kombucha) และโยเกิร์ต อีก ตัวอย่างหนึ่งคือ สาหร่ ายสี เขียวแกมน้ าเงิน อาทิ สไปรู ไลนา[2] สสารอนินทรี ยเ์ ช่น เบกกิงโซดา และครี มทาร์ทาร์ (โพแทสเซียมไบทาร์เทรต) ยังถูกใช้ทางเคมีเพื่อเป็ นส่ วนประกอบอาหารอีก ด้วย
  • 4. นาข้าวในไต้หวัน พืช ดูบทความหลักที่ สมุนไพร และ เครื่ องเทศ พืชหรื อส่ วนใดส่ วนหนึ่งของพืชหลายชนิดรับประทานเป็ นอาหาร มีพืชที่มนุษย์เพาะปลูกเพื่อ เป็ นอาหารราว 2,000 ชนิด และพืชหลายชนิดมีหลายพันธุ์ปลูก (cultivar) ที่แตกต่างกัน[3] เมล็ดพืชเป็ นแหล่งอาหารที่ดีสาหรับสัตว์ รวมทั้งมนุษย์ดวย เพราะเมล็ดมีสารอาหารที่จาเป็ นต่อ ้ การเจริ ญเติบโตในช่วงแรกของพืช ซึ่งมีท้ งไขมันที่มีประโยชน์ อย่าง กรดไขมันโอเมกา-3 อันที่ ั ่ จริ งแล้ว อาหารส่ วนใหญ่ที่มนุษย์บริ โภคนั้นเป็ นเมล็ดพืชอยูแล้ว เมล็ดพืชที่รับประทานได้น้ น มี ั ทั้งธัญพืช (ข้าวโพด ข้าวสาลี ข้าว เป็ นต้น), ถัว (ถัวฝัก ถัวฝักเมล็ดกลม ถัวเมล็ดแบน เป็ นต้น) ่ ่ ่ ่ และผลไม้เปลือกแข็ง เมล็ดน้ ามันมักนาไปคั้นเอาน้ ามัน เช่น ดอกทานตะวัน ลินิน ผักกาดก้าน ขาว (รวมทั้ งน้ ามันคาโนลา) งา เป็ นต้น[4] เมล็ดพืชมีปริ มาณไขมันไม่อิ่มตัวสู งมาก และถูกมองว่าเป็ นอาหารเพื่อสุ ขภาพ แม้จะไม่ใช่เมล็ด พืชทุกชนิดที่รับประทานได้ เมล็ดพืชขนาดใหญ่ เช่น เมล็ดมะนาว อาจก่อให้เกิดอาการหอบได้ ขณะที่เมล็ดแอปเปิ ลและเชอร์รีมีพิษ (ไซยาไนด์) ่ ้ ผลไม้เป็ นรังไข่ของพืชที่สุกแล้ว รวมทั้งเมล็ดที่อยูขางใน พืชจานวนมากมีผลไม้ววฒนาแล้วซึ่ง ิั ่ มีลกษณะดึงดูดเป็ นแหล่งอาหารแก่สัตว์ เพื่อที่วาสัตว์จะได้กินผลไม้น้ นและขับถ่ายเอาเมล็ดพืช ั ั
  • 5. ไกลออกไป ดังนั้น ผลไม้จึงเป็ นส่ วนสาคัญในอาหารหลายวัฒนธรรม ผลไม้สวนครัว อย่าง มะเขือเทศ มะละกอ และมะเขือ กินเหมือนผัก[5] ผักเป็ นพืชประเภทที่สองที่รับประทานเป็ นอาหารโดยทัวไป ซึ่งรวมทั้งผักกินหัว (มันฝรั่งและ ่ แครอท) ผักกินใบ (ผักขมและผักกาดหอม) ผักต้น (หน่อไม้และหน่อไม้ฝรั่ง) และผักช่อ (อาร์ทิ โชกและบรอกโคลี) ฟาร์มโคนมในออตตาวาประเทศแคนาดา สัตว์ ่ สัตว์ใช้เป็ นอาหารไม่วาจะโดยทางตรงหรื อโดยทางอ้อมผ่านผลิตภัณฑ์ของสัตว์ เนื้อเป็ นตัวอย่าง หนึ่งของผลิตภัณฑ์โดยตรงที่นามาจากสัตว์ ซึ่งมาจากระบบกล้ามเนื้อหรื อจากอวัยวะ ผลิตภัณฑ์ อาหารซึ่งผลิตจากสัตว์มีท้ งนมที่ผลิตจากต่อมน้ านม ซึ่งในหลายวัฒนธรรมมีการดื่มหรื อผ่าน ั กระบวนการเป็ นผลิตภัณฑ์นม (เนยแข็ง เนย เป็ นต้น) นอกเหนือจากนี้ นกหรื อสัตว์อื่น วางไข่ ซึ่งมักนามาเป็ นอาหาร และผึ้งผลิตน้ าผึ้งจากน้ าต้อยของดอกไม้ ซึ่งเป็ นสารให้ความ หวานที่ได้รับความนิยมในหลายวัฒนธรรม บางวัฒนธรรมบริ โภคเลือด บางครั้งในรู ปของไส้ กรอกเลือด โดยเป็ นสารเพิมความเข้มข้นของซอส หรื อแช่เกลือกินในเวลาที่ขาดแคลนอาหาร ่ และมีการใช้เลือดในสตู เช่น ชะมด[7] บางวัฒนธรรมและคนไม่บริ โภคเนื้อหรื อผลิตภัณฑ์อาหารจากสัตว์ดวยเหตุผลทางวัฒนธรรม ้ อาหาร สุ ขภาพ เชื้อชาติ หรื ออุดมการณ์ มังสวิรัติไม่บริ โภคเนื้อ คือ อาหารใด ๆ ซึ่งเป็ นหรื อ ประกอบด้วยส่ วนประกอบอาหารจากสัตว์
  • 6. การผลิต รถแทร็กเตอร์ที่ใช้ในการผลิตอาหาร แต่เดิมมนุษย์ได้อาหารมาโดยวิธีเกษตรกรรม ด้วยความสนใจที่เพิ่มมากขึ้นในธุรกิจการเกษตร ของบรรษัทข้ามชาติซ่ ึงถือครองผลผลิตอาหารโลกผ่านสิ ทธิบตรเหนืออาหารดัดแปลง ั พันธุกรรม จึงมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นสู่ การปฏิบติการเกษตรแบบยังยืน การปฏิบติดงกล่าว ซึ่ง ั ั ั ่ บางส่ วนได้รับการกระตุนจากความต้องการของผูบริ โภค ก่อให้เกิดความหลากหลายทาง ้ ้ ชีวภาพ การพึ่งพาตนเองในระดับท้องถิ่น และวิธีเกษตรอินทรี ย[์ 8] อิทธิพลหลักต่อการผลิต อาหาร มีท้ งองค์การระหว่างประเทศ (คือ องค์การการค้าโลกและนโยบายเกษตรร่ วม) ตลอดจน ั นโยบายของรัฐบาลแห่งชาติ หรื อกฎหมาย และสงคราม ในวัฒนธรรมสมัยนิยม การผลิตอาหารเป็ นจานวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิงเนื้อ เช่น ไก่และวัว ่ ตกเป็ นเป้ าวิพากษ์วจารณ์จากสารคดีหลายเรื่ อง ล่าสุ ดคือ Food, Inc ซึ่งกล่าวถึงการฆ่าในปริ มาณ ิ มากและการปฏิบติต่อสัตว์อย่างเลว บ่อยครั้งบรรษัทขนาดใหญ่ทาไปเพื่อให้ได้กาไรมากขึ้น ั ควบคู่ไปกับกระแสปัจจุบนสู่ สิ่งแวดล้อมนิยม ประชาชนในวัฒนธรรมตะวันตกยังได้มีแนวโน้ม ั ใช้อาหารเสริ มสมุนไพรมากขึ้น เช่นเดียวกับอาหารสาหรับกลุ่มบุคคลเฉพาะ (เช่น ผูที่กาลัง ้ ควบคุมน้ าหนัก สตรี หรื อนักกรี ฑา), อาหารฟังก์ชน (อาหารเพิ่มคุณค่า เช่น ไข่โอเมกา-3) และ ั อาหารที่มีความหลากหลายทางชนชาติมากขึ้น การเตรี ยมการครัว
  • 7. ส่ วนประกอบอาหารในการทาแกงเขียวหวาน หลายวัฒนธรรมมีอาหารที่คนจาได้ ซึ่งเป็ นชุดของประเพณี การทาอาหารโดยใช้เครื่ องเทศที่ หลากหลายหรื อการประกอบกันขึ้นของรสชาติอนเป็ นเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมนั้น ซึ่งวิวฒนา ั ั ตามกาลเวลา ความแตกต่างอื่นรวมถึงความพึงใจ (ร้อนหรื อเย็น เผ็ด เป็ นต้น) และการปฏิบติ ั อาหาร ซึ่งการศึกษาเรื่ องดังกล่าวเรี ยกว่าวิทยาการทาอาหาร หลายวัฒนธรรมสร้างความ หลากหลายในอาหารของตนโดยวิธีการเตรี ยม วิธีการปรุ ง และการผลิต ซึ่งยังรวมถึงการ ่ แลกเปลี่ยนอาหารอันซับซ้อนซึ่งช่วยให้วฒนธรรมต่าง ๆ อยูรอดเชิงเศรษฐกิจได้ดวยวิถีอาหาร ั ้ มิใช่เพียงการบริ โภคเท่านั้น อาหารประจาชาติที่ได้รับความนิยม อาทิ อาหาร อิตาลี ฝรั่งเศส ญี่ปุ่นจีน อเมริ กา แคจุน ไทยและอินเดีย หลายวัฒนธรรมทัวโลกศึกษาการ ่ วิเคราะห์พฤติกรรมอาหาร ขณะที่ในทางวิวฒนาการ มนุษย์เป็ นสัตว์กินพืช แม้จะมิใช่ในทาง ั ปฏิบติ ศาสนาและสิ่ งสร้างทางสังคม เช่น ศีลธรรม ลัทธิดาเนินการ (activism) หรื อสิ่ งแวดล้อม ั นิยมมักมีผลกระทบต่ออาหารที่มนุษย์บริ โภคบ่อยครั้ง อาหารถูกรับประทานและเพลิดเพลิน ่ ตามปกติผานสัมผัสรับรส ความเข้าใจของรสชาติจากการกินและดื่ม บางรสชาติสามารถ เพลิดเพลินได้มากกว่ารสอื่น โดยมีจุดประสงค์ดานวิวฒนาการ ้ ั ความเข้าใจรสชาติอาหาร ดูบทความหลักที่ รสชาติ สัตว์ โดยเฉพาะอย่างยิงมนุษย์ มีรสชาติหาแบบที่แตกต่างกัน คือ หวาน เปรี้ ยว เค็ม ขม และอูมา ้ ่ มิ เมื่อสัตว์ววฒนา รสชาติที่ให้พลังงานมากที่สุด (ซึ่ งก็คือ น้ าตาลและไขมัน) เป็ นที่พอใจที่จะได้ ิั
  • 8. กินมากที่สุด ขณะที่รสอื่น เช่น ขม ไม่น่าพึงใจสักเท่าใด ตรงข้ามกับไขมัน โดยเฉพาะอย่าง ยิง ไขมันอิ่มตัว หนากว่าและมันกว่า ดังนั้นจึงถูกมองว่าน่าพึงใจที่จะได้กินมากกว่า ่ หวาน อาหารหวาน รสชาติหวานโดยทัวไปถือว่าเป็ นรสที่น่าพึงพอใจที่สุด เกือบทุกครั้งเกิด ่ จากน้ าตาลโมเลกุลเดี่ยวประเภทใดประเภทหนึ่ง อย่างกลูโคสหรื อ ฟรักโทส หรื อน้ าตาลโมเลกุลคู่ อย่าง ซูโครส ซึ่งเป็ นน้ าตาลที่ประกอบ กันขึ้นจากกลูโคสและฟรักโทส คาร์โบไฮเดรตซับซ้อนเป็ นโซ่ ยาวและ ไม่มีรสชาติ สารให้ความหวานสังเคราะห์ เช่น ซูคราโลส ใช้เพื่อ เลียนแบบโมเลกุลน้ าตาล ทาให้เกิดความรู ้สึกหวาน แต่ไม่ให้ แคลอรี น้ าตาลประเภทอื่นรวมไปถึงน้ าตาลดิบ ซึ่งเป็ นที่รู้จกกันจากสี ั ่ อาพันของมัน เป็ นน้ าตาลที่ไม่ได้ผานกระบวนการ เนื่องจากน้ าตาลเป็ น แหล่งพลังงานที่สาคัญและสาคัญต่อการดารงชีวต รสชาติของน้ าตาลจึง ิ น่าพึงใจ เปรี้ ยว ผลไม้สกุลส้มฝานบางหลายชนิด รสเปรี้ ยวเกิดจากรสของกรด เช่น น้ าส้มสายชูในเครื่ องดื่มแอลกอฮอล์ อาหารเปรี้ ยวมีท้ งพืชสกุลส้ม โดยเฉพาะอย่างยิงเลมอน มะนาว และที่ ั ่ เปรี้ ยวน้อยกว่าอย่างส้ม รสเปรี้ ยวมีความสาคัญในเชิงวิวฒนาการเพราะ ั เค็ม ความเค็มเป็ น รสชาติของไอออน โลหะแอล คาไล เช่น โซเดียม และ โพแทสเซียม ซึ่ง ไอออนดังกล่าวพบ ในอาหารเกือบทุก ชนิดในสัดส่ วน น้อยถึงปานกลางที่ ทาให้เกิดรส แม้การ ทานเกลือบริ สุทธิ์ มักเป็ นสิ่ งที่ไม่พึง ใจอย่างยิง มีเกลือ ่ มากมายหลาย ประเภท แต่ละอย่าง ก็มีระดับความเค็ม แตกต่างกันออกไป มีท้ งเกลือสมุทรเฟล ั อเดอแซล เกลือโค เชอร์ เกลือสิ นเธาว์ และเกลือเทา นอกเหนือไปจาก การให้รสชาติแล้ว
  • 9. เป็ นสัญญาณว่าอาหารนั้นอาจเน่าเสี ยไปเพราะแบคทีเรี ย อย่างไรก็ดี อาหารหลายชนิดค่อนข้างเป็ นกรด และช่วยกระตุนต่อมรับรสและทาให้ ้ เกิดรสชาติข้ ึนได้ ความสาคัญของ เกลือคือ ร่ างกาย ต้องการและรักษา สมดุลอิเล็กโทรไลต์ อย่างละเอียดอ่อน ซึ่งเป็ นหน้าที่ของ ไต เกลืออาจเติม ไอโอดีนได้ ซึ่งเป็ น สารอาหารจาเป็ นที่ สนับสนุนการ ทางานของ ไทรอยด์ อาหาร กระป๋ องบางอย่าง ที่ โดดเด่นคือ ซุปและ ซุปห่อ มักมีเกลือ ปริ มาณสู งเพื่อเป็ น วิธีถนอมอาหารให้ ่ อยูได้นานขึ้น ใน อดีต เกลือถูกใช้ เป็ นสารกันเสี ยของ เนื้อ เพราะเกลือ กระตุนให้เกิดการ ้ ขับน้ า ดังนั้นจึงทา หน้าที่เป็ นเหมือน สารกันเสี ย คล้ายกัน อาหารแห้งยังเพิ่ม
  • 10. ความปลอดภัยของ อาหารด้วย ขม ความขมเป็ นการรับ รสที่ไม่เป็ นที่พอใจ อย่างยิง โดยมี ่ ลักษณะเป็ นรสชาติ ฉุนเสี ยดแทง ดาร์ กช็อกโกแลตหรื อ ช็อกโกแลตที่ยงไม่ ั เติม น้ าตาล คาเฟอีน ผิวเ ลมอน ผลไม้บาง ชนิดเป็ นที่รู้จกกัน ั ว่ามีรสขม อูมามิ ดูบทความหลักที่ อู มามิ อูมามิ เป็ นคาใน ภาษาญี่ปุ่น หมายถึง อร่ อย เป็ นรสชาติที่ รู ้จกกันน้อยที่สุด ั แต่มีประวัติ ยาวนานในอาหาร เอเชีย อูมามิเป็ น รสชาติของกลูตา เมต โดยเฉพาะอย่าง ยิง โมโนโซเดียมก ่
  • 11. ลูตาเมต (ผงชูรส) มี ลักษณะเป็ นรส อร่ อย รสเนื้อและ มัน แซลมอนและ เห็ดเป็ นอาหารที่มีอู มามิสูง เนื้อสัตว์ หรื อผลิตภัณฑ์สัตว์ ่ อย่างอื่นก็ถูกระบุวา มีรสอูมามิเช่นกัน การจัดอาหาร การจัดอาหารตามหลักความงามและดึงดูดตาสามารถกระตุนให้คนบริ โภคอาหารได้ มีคากล่าว ้ โดยทัวไปว่าคน "ทานอาหารด้วยตา" อาหารที่ถูกจัดในวิธีที่สะอาดและน่ารับประทานจะ ่ กระตุนให้รสชาติอาหารดีข้ ึน แม้จะไม่ค่อยน่าพึงใจก็ตาม[13] ้ การเตรี ยมอาหาร[ แม้อาหารหลายชนิดสามารถรับประทานได้ดิบ ๆ แต่อีกหลายชนิดก็ตองผ่านขั้นตอนการเตรี ยม ้ บางอย่างด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย ความน่ารับประทาน ความรู ้สึกในปาก หรื อรสชาติ ใน ขั้นเบื้องต้น การเตรี ยมอาหารอาจมีท้ งการล้าง การตัด การเล็ม หรื อการเพิ่มอาหารหรื อ ั ส่ วนประกอบอาหารอื่น เช่น เครื่ องเทศ นอกจากนี้ การเตรี ยมอาหารอาจมีการผสม การให้ความ ร้อนหรื อความเย็น การทาอาหารแบบใช้ความดัน การหมักหรื อการประกอบกับอาหารอื่น ที่ บ้าน การเตรี ยมอาหารส่ วนใหญ่เกิดขึ้นในครัว การเตรี ยมอาหารบางอย่างเป็ นไปเพื่อเพิ่มรสชาติ หรื อให้ดึงดูดตามากขึ้น ส่ วนการเตรี ยมอาหารอย่างอื่นอาจช่วยถนอมอาหาร และบางอย่าง เกี่ยวข้องกับเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม การเตรี ยมเนื้อสัตว์
  • 12. การเตรี ยมอาหารที่มาจากสัตว์น้ นมักเกี่ยวข้องกับการฆ่า การผ่าท้อง การแขวน การแบ่งส่ วน ั และการแปรสภาพซากสัตว์ ในประเทศพัฒนาแล้ว ขั้นตอนต่าง ๆ มักทานอกบ้านในโรงฆ่า สัตว์ ซึ่งใช้เพื่อนาสัตว์ท้ งหมดผ่านกระบวนการการผลิตเนื้อสัตว์ ส่ วนในระดับท้องถิ่น คน ั ชาแหละเนื้ออาจทุบเนื้อขนาดใหญ่ให้เป็ นชิ้นขนาดเล็ก แล้วห่อ นอกเหนือจากนี้ ปลาและอาหาร ทะเล การทาอาหารด้วยกระทะเหล็กในจีน ดูบทความหลักที่ การทาอาหาร คาว่า "การทาอาหาร" นั้นครอบคลุมวิธีการ อุปกรณ์และการประกอบส่ วนประกอบอาหาร ทั้งหลายเพื่อเพิ่มรสชาติหรื อการย่อยได้ของอาหารนั้น เทคนิคการทาอาหาร เช่น ศิลปะการ ทาอาหาร โดยทัวไปแล้วต้องอาศัยการเลือก วัด และประกอบส่ วนประกอบอาหารเป็ นลาดับ ่ ขั้นตอนในความพยายามเพื่อให้ได้ผลออกมาตามต้องการ ข้อจากัดของความสาเร็จนั้นรวมถึง ส่ วนประกอบอาหาร สภาพแวดล้อม อุปกรณ์ และทักษะของคนครัวแต่ละคน ความหลากหลาย ของการทาอาหารทัวโลกสะท้อนถึงการพิจารณาทางโภชนาการ สุ นทรี ย ์ เกษตรกรรม เศรษฐกิจ ่ วัฒนธรรมและศาสนามากมายที่มีผล
  • 13. การทาอาหารจาเป็ นต้องให้ความร้อนแก่อาหาร ซึ่งโดยปกติ แม้จะไม่เสมอไป ที่มีการ เปลี่ยนแปลงโมเลกุลทางเคมี ดังนั้นจึงเปลี่ยนรสชาติ รสสัมผัส ลักษณะปรากฏและคุณสมบัติ ทางโภชนาการไปด้วย การทาอาหารโปรตีนบางอย่าง เช่น ไข่ขาว เนื้อสัตว์และปลา ทาให้ โปรตีนสู ญเสี ยสภาพ และทาให้มนแข็ง การต้มเป็ นวิธีการทาอาหารที่ตองอาศัยภาชนะบรรจุ มี ั ้ การปฏิบติมาอย่างน้อยตั้งแต่สหัสวรรษที่ 10 ก่อนคริ สตกาล ด้วยการใช้เครื่ องปั้นดินเผา[18] ั อุปกรณ์ทาอาหาร ในการทาอาหารมีการใช้อุปกรณ์มากมายหลายชนิด เตาอบส่ วนใหญ่เป็ นอุปกรณ์มีโพรงสาหรับให้ความร้อนสู ง และใช้ในการอบหรื อย่าง และ วิธีการทาอาหารแบบร้อนแห้ง อาหารต่าง ๆ ต้องใช้เตาอบต่างชนิดกัน ตัวอย่างเช่น อาหาร อินเดียใช้เตาอบทันดูร์ (Tandoor oven) ซึ่งเป็ นเตาดินเหนียวทรงกระบอกซึ่ งใช้ความร้อนสู ง เพียงค่าเดียว ครัวตะวันตกใช้เตาอบลมร้อน เตาอบธรรมดา เตาปิ้ งหรื อเตาอบแบบให้แผ่ความ ร้อนอย่าง เตาไมโครเวฟ ซึ่งสามารถปรับเปลียนอุณหภูมิได้ อาหารอิตาลีคลาสสิ กรวมไปถึงการ ใช้เตาอิฐซึ่งให้ความร้อนโดยการเผาไม้ฟืน เตาอบนี้อาจใช้การเผาไม้ เผาถ่าน ใช้แก๊ส ไฟฟ้ าหรื อ เผาน้ ามัน มีการใช้เตา (cooktop) อีกหลายแบบเช่นกัน ซึ่งมีประเภทเชื้อเพลิงหลายประเภทตามที่ได้กล่าว มาในส่ วนเตาอบข้างบน เตาใช้เพื่อให้ความร้อนแก่ภาชนะบนแหล่งความร้อน เช่น กระทะขอบ ตั้ง (sauté pan) หม้อต้ม กระทะทอด หรื อหม้อความดัน อุปกรณ์เหล่านี้สามารถใช้วธีทาอาหาร ิ แบบชื้นหรื อแห้งได้ นอกเหนือจากนี้ หลายวัฒนธรรมยังใช้เตาย่าง (grill) ในการทาอาหาร เตาย่างอาศัยการแผ่ความ ่ ้ ร้อนจากแหล่งที่อยูดานล่าง ซึ่งมักปิ ดด้วยตะแกรงโลหะและบางครั้งมีที่ปิดด้วย การเตรี ยมอาหารดิบ
  • 14. ซูชิซ่ ึงเป็ นอาหารดิบอย่างหนึ่ง หลายวัฒนธรรมเน้นอาหารสัตว์และพืชแบบดิบ ๆ สลัด ซึ่งประกอบด้วยผักและผลไม้ดิบ พบได้ ในหลายประเทศ ซาชิมิในอาหารญี่ปุ่น ประกอบด้วยปลาดิบหรื อเนื้อสัตว์ดิบเฉือนเป็ นชิ้นบาง และซูชิมกมีปลาดิบหรื ออาหารทะเลดิบเป็ นส่ วนประกอบด้วย สเต็กทาร์ทาร์และแซลมอนทาร์ ั ทาร์เป็ นอาหารที่ทาจากเนื้อวัวดิบหรื อแซลมอนดิบมาหันเป็ นชิ้นเล็ก ๆ หรื อบด ผสมกับ ่ ส่ วนประกอบอาหารอื่นอีกหลายชนิด แล้วเสิ ร์ฟพร้อมกับขนมปังฝรั่งเศส (บาแก็ต), ขนมปังบริ ยอช (brioche) หรื อมันฝรั่งทอดในอิตาลี คาร์ปาชชิโอเป็ นอาหารซึ่งประกอบด้วยเนื้อวัวเฉื อน บางมาก ๆ ราดด้วยวินนะเกรท (vinaigrette) ซึ่งทาจากน้ ามันมะกอก การรับประทานอาหารดิบ เป็ นความเคลื่อนไหวด้านอาหารเพื่อสุ ขภาพ ซึ่งนาเสนออาหารมังสวิรัติเป็ นส่ วนใหญ่ ซึ่งมี ผลไม้ ผักและธัญพืชดิบ ซึ่งเตรี ยมได้หลายวิธี เช่น การสกัดน้ า การอบแห้งอาหาร และวิธีการ เตรี ยมอื่นซึ่งไม่ใช้ความร้อนเกิน 47.8 °C ตัวอย่างของอาหารเนื้อดิบ เช่น เซบิเช (ceviche) อาหารละตินอเมริ กาซึ่งทาจากเนื้อดิบที่ปรุ งโดยน้ าผลไม้ที่มีกรดซิตริ กสู งจากเลมอนและมะนาว ร่ วมกับพืชมีกลิ่นอย่างอื่น เช่น กระเทียม การผลิตอาหาร อาหารในบรรจุภณฑ์ถูกผลิตนอกบ้านเพื่อขาย ซึ่งอาจเรี ยบง่ายเหมือนพ่อค้าเนื้อกาลังเตรี ยมเนื้อ ั หรื อซับซ้อนเหมือนอุตสาหกรรมอาหารระหว่างประเทศสมัยใหม่ เทคนิคการแปรรู ปอาหาร ขั้นต้นถูกจากัดเฉพาะแต่การถนอมอาหาร การห่อบรรจุ และการขนส่ ง ซึ่งส่ วนใหญ่เกี่ยวข้องกับ การเติมเกลือ การหมัก การเปลี่ยนเป็ นนมข้น การอบแห้ง การแช่น้ าเกลือ การหมักดอง และการ รมควัน การผลิตอาหารเกิดขึ้นระหว่างการปฏิวติอุตสาหกรรมในคริ สต์ศตวรรษที่ 19 พัฒนาการ ั นี้อาศัยประโยชน์จากตลาดมวลชนใหม่และการเกิดขึ้นของเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น การโม่บด
  • 15. การถนอมอาหาร การห่อบรรจุและติดฉลาก และการขนส่ ง ซึ่งได้นามาซึ่งประโยชน์ของการ เตรี ยมอาหารล่วงหน้าเพื่อประหยัดเวลาแก่คนทัวไปจานวนมากที่ไม่ได้จางคนรับใช้ภายในบ้าน ้ ่ โภชนาการและปัญหาด้านอาหาร ระหว่างสุ ขภาพสมบูรณ์ (optimal health) กับการเสี ยชีวตเนื่องจากการอดอยากหรื อทุพ ิ โภชนาการอันแตกต่างกันสุ ดขั้วนั้น ยังมีโรคหลายอย่างที่อาจเกิดขึ้นหรื อบรรเทาได้ดวยการ เปลี่ยนอาหารที่รับประทานเข้าสู่ ร่างกาย การขาดอาหาร การบริ โภคอาหารเกิน และความไม่ สมดุลในอาหารอาจมีผลกระทบด้านลบต่อสุ ขภาพ ซึ่งอาจนาไปสู่ โรคอย่าง ลักปิ ดลักเปิ ด อ้วน หรื อกระดูกพรุ น เช่นเดียวกับปั ญหาด้านจิตวิทยาและพฤติกรรม ศาสตร์แห่ง โภชนาการพยายามทาความเข้าใจว่า ลักษณะอาหารมีอิทธิพลต่อสุ ขภาพอย่างไรและด้วยเหตุใด สารอาหารในอาหารถูกจัดกลุ่มเป็ นหลายหมวด สารอาหารมหธาตุ (macronutrient) มีไขมัน โปรตีนและคาร์โบไฮเดรต สารอาหารจุลธาตุ (micronutrient) มีแร่ ธาตุและวิตามิน นอกเหนือจากนั้น อาหารยังรวมไปถึงน้ าและใยอาหาร ร่ างกายซึ่งถูกออกแบบมาโดยการคัดเลือกโดยธรรมชาติ ให้พึงพอใจกับรสหวานและอาหาร ไขมันสู งด้วยอาหารวิวฒนาการ ซึ่งเป็ นอาหารที่สมบูรณ์แบบสาหรับนักล่าและนักเก็บเกี่ยว ั ดังนั้น อาหารหวานและไขมันสู งในธรรมชาติจึงพบได้ยากและน่าพึงพอใจที่จะกินมาก แต่ใน ้ สมัยใหม่ ด้วยเทคโนโลยีที่กาวหน้าขึ้น อาหารที่น่าพึงพอใจนี้จึงง่ายแก่การเข้าถึงของผูบริ โภค ้ ็ มากขึ้น แต่กก่อให้เกิดโรคอ้วนเช่นกัน ความปลอดภัย
  • 16. แบคทีเรี ยซัลโมเนลลาเป็ นสาเหตุทวไปของอาหารเป็ นพิษ โดยเฉพาะอย่างยิงในไก่และไข่ที่ยง ั่ ั ่ ไม่สุก ซึ่งอาจรุ นแรงถึงขั้นเสี ยชีวตได้ ิ การเจ็บป่ วยเนื่องจากอาหาร หรื อมักเรี ยกว่า "อาหารเป็ นพิษ" นั้น เกิดจาก แบคทีเรี ย สารพิษ ไวรัส ปรสิ ต และพรี ออน มีผเู ้ สี ยชีวตประมาณ 7 ล้านคนทัวโลกเสี ยชีวต ิ ิ ่ เนื่องจากอาหารเป็ นพิษทุกปี โดยคิดเป็ นราว 10 เท่าของผูที่เจ็บป่ วยด้วยอาการเดียวกันแต่ไม่ถึง ้ ตายปัจจัยสองประการที่พบทัวไปว่าเป็ นเหตุนาไปสู่ กรณี อาหารเป็ นพิษจากแบคทีเรี ย คือ การ ่ ่ ปนเปื้ อนข้ามของอาหารพร้อมรับประทานจากอาหารที่ไม่ผานการปรุ งอื่นและการควบคุม อุณหภูมิที่ไม่เหมาะสม ส่ วนปัจจัยที่พบน้อยกว่า ปฏิกิริยาไม่พึงประสงค์เฉียบพลันยังอาจเกิดขึ้น ได้ในกรณี ที่เกิดสารเคมีปนเปื้ อนในอาหารเกิดขึ้น ตัวอย่างเช่น จากการเก็บรักษาที่ไม่เหมาะสม ั หรื อการใช้สบู่และสารฆ่าเชื้อที่ไม่ได้ใช้กบอาหาร อาหารยังอาจปลอมปนได้ดวยสิ่ ง ้ แปลกปลอมหลายชนิดระหว่างการเกษตร การผลิต การปรุ งอาหาร การห่อบรรจุ การแจกจ่าย หรื อการขาย สิ่ งแปลกปล้อมเหล่านี้อาจเป็ นไปทั้งยาฆ่าแมลง ผม ก้นบุหรี่ ไม้สับ และสิ่ ง ปนเปื้ อนทุกรู ปแบบ นอกจากนี้ เป็ นไปได้ที่อาหารบางประเภทจะได้รับการปนเปื้ อนหากเก็บ รักษาในภาชนะที่ไม่ปลอดภัย อย่างเช่น หม้อเซรามิกเคลือบตะกัว ่ ่ อาหารเป็ นพิษถูกระบุวาเป็ นโรคตั้งแต่สมัยฮิปโปคราตีส (ประมาณ พ.ศ. 83-166) การขายอาหาร ่ ั่ บูด ปนเปื้ อนหรื อปลอมปนมีอยูทวไปจนกระทังมีการริ เริ่ มสุ ขอนามัย การแช่เย็นและการ ่ ควบคุมหนอนพยาธิในคริ สต์ศตวรรษที่ 19 การค้นพบเทคนิคฆ่าแบคทีเรี ยโดยใช้ความร้อน และ การศึกษาทางจุลชีววิทยาอื่น ๆ โดยนักวิทยาศาสตร์อย่าง หลุยส์ ปาสเตอร์ มีคุณูปการต่อ
  • 17. มาตรฐานการสุ ขาภิบาลสมัยใหม่ซ่ ึงพบทัวไปในประเทศพัฒนาแล้วในปัจจุบน สุ ขอนามัย ั ่ ดังกล่าวได้รับการพัฒนาต่อโดยผลงานของจุสตุส ฟอน ไลบิก (Justus von Liebig) ซึ่งนาไปสู่ การพัฒนาการเก็บรักษาอาหารสมัยใหม่และวิธีการถนอมอาหาร เมื่อไม่กี่ปีมานี้ ความเข้าใจ สาเหตุของอาหารเป็ นพิษที่เพิ่มขึ้นนาไปสู่ การพัฒนาแนวการศึกษาอย่างเป็ นระบบมากขึ้น อย่าง การวิเคราะห์อนตรายและจุดวิกฤตที่ตองควบคุม (Hazard Analysis and Critical Control Points, ั ้ HACCP) ซึ่งสามารถระบุและกาจัดความเสี่ ยงได้มาก มาตรการที่แนะนาในการประกันความปลอดภัยของอาหาร รวมทั้งการรักษาพื้นที่เตรี ยมอาหาร ่ ให้สะอาด และเก็บอาหารต่างชนิดกันแยกกัน ประกันอุณหภูมิหองให้อยูในระดับที่พอเหมาะ ้ และแช่เย็นอาหารทันทีหลังทาอาหาร อาหารซึ่งเน่าเสี ยได้ง่าย อย่างเนื้อสัตว์ นมและอาหารทะเล จาเป็ นต้องเตรี ยมด้วยวิธีการเฉพาะ เพื่อหลีกเลี่ยงมิให้ปนเปื้ อนผูบริ โภคที่เตรี ยมอาหารดังกล่าวให้น้ น ด้วยเหตุน้ ี หลักการทัวไปคือ ้ ั ่ อาหารเย็น (เช่น ผลิตภัณฑ์นม) ควรเก็บไว้ในที่เย็นและอาหารร้อน (เช่น ซุป) ควรทาให้อุ่น จนกว่าจะเก็บ เนื้อสัตว์แช่เย็น เช่น ไก่ ซึ่งจะถูกนาไปทาอาหาร ไม่ควรวางไว้ที่อุณหภูมิหอง ้ เพื่อให้น้ าแข็งละลาย เพราะมีความเสี่ ยงที่แบคทีเรี ยที่เป็ นอันตรายจะเติบโต อย่างเช่น ซัล โมเนลลา หรื อ อี. โคไล การแพ้ บางคนแพ้หรื อตอบสนองไวต่ออาหารซึ่งไม่เป็ นปั ญหาต่อคนส่ วนใหญ่ โดยเกิดขึ้นเมื่อระบบ ภูมิคุมกันของบุคคลเข้าใจผิดว่าโปรตีนอาหารบางชนิดเป็ นสิ่ งแปลกปลอมอันตรายและโจมตี ้ มัน ผูใหญ่ราว 2% และเด็กราว 8% มีการแพ้อาหาร ปริ มาณของเนื้ออาหารแม้เล็กน้อยอาจไป ้ กระตุนให้เกิดปฏิกิริยาในบุคคลที่รู้สึกไวจริ ง ๆ ได้ ในบางกรณี แม้แต่กลิ่นของอาหารในอากาศ ้ ก็อาจทาให้เกิดปฏิกิริยารุ นแรงถึงชีวตได้ในผูป่วยอาการหนักมาก อาหารที่ทาให้เกิดการแพ้ที่ ิ ้ พบทัวไปเช่น โปรตีนกลูเตนในข้าว ข้าวโพด หอย ถัวลิสงและถัวเหลือง[31] อาหารที่ทาให้เกิด ่ ่ ่
  • 18. อาหารแพ้น้ ีมกมีอาการแสดงอย่างท้องร่ วง ผืนคัน การบวมพอง อาเจียน และการขย้อน อาการ ั ่ เกี่ยวกับการย่อยอาหารมักเกิดขึ้นภายในครึ่ งชัวโมงหลังสารที่ทาให้เกิดการแพ้เข้าสู่ ร่างกาย ่ น้อยครั้งที่การแพ้อาหารสามารถนาไปสู่ ภาวะฉุกเฉิ นทางการแพทย์ได้ เช่น ภาวะช็อกที่เกิดจาก การแพ้ ความดันโลหิตต่า และหมดสติ สารที่ทาให้เกิดภูมิแพ้ที่เกี่ยวข้องกับปฏิกิริยาประเภทนี้ คือถัวลิสง แต่ผลิตภัณฑ์ยางก็สามารถก่อให้เกิดปฏิกิริยาที่คล้ายกันการรักษาขั้นต้นทาโดยการ ่ ให้เอพิเนฟริ น (อะดรี นาลิน) ซึ่งมักให้ในรู ปตัวฉีดอัตโนมัติ (autoinjector) การค้าเชิงพาณิ ชย์ การนาเข้าอาหารใน พ.ศ. 2548 การนาเข้าและส่ งออกระหว่างประเทศ ธนาคารโลกรายงานว่า สหภาพยุโรปเป็ นผูนาเข้าอาหารรายใหญ่ที่สุดของโลกใน พ.ศ. 2548 ้ ตามด้วยสหรัฐอเมริ กาและญี่ปุ่น ปัจจุบนอาหารมีการแลกเปลี่ยนและค้าขายกันในระดับโลกเป็ น ั หลัก ความหลากหลายและการเข้าถึงอาหารไม่ถูกจากัดโดยความแตกต่างของอาหารที่ปลูกขึ้น ในท้องถิ่นหรื อข้อจากัดของฤดูเพาะปลูกอีกต่อไป ระหว่าง พ.ศ. 2504 ถึง 2542 มีการส่ งออก อาหารทัวโลกเพิ่มขึ้นกว่าในอดีตถึง 400% ปัจจุบน บางประเทศพึ่งพาการส่ งออกมาอาหาร ั ่ ในทางเศรษฐกิจ ซึ่งบางประเทศส่ งออกอาหารคิดเป็ นถึงมากกว่า 80% ของปริ มาณการส่ งออก ทั้งหมด
  • 19. ใน พ.ศ. 2537 มากกว่า 100 ประเทศเป็ นผูลงนามในการประชุมความตกลงทัวไปว่าด้วยภาษี ้ ่ ศุลกากรและการค้า (GATT) รอบอุรุกวัย ในการเพิ่มการเปิ ดเสรี ทางการค้า ซึ่งรวมทั้งความตก ลงที่จะลดการจ่ายเงินอุดหนุนแก่เกษตรกร ซึ่งเคยได้รับการสนับสนุนจากการบังคับการ สนับสนุนเงินเกษตรกรรม ภาษีศุลกากร โควตานาเข้าสิ นค้า และการแก้ปัญหาข้อพิพาทด้าน การค้าซึ่งไม่สามารถแก้ไขได้แบบทวิภาคี ขององค์การการค้าโลก[35] เมื่อมีการตั้งการกีดกัน ทางการค้าบนพื้นฐานพิพาทของสาธารณสุ ขและความปลอดภัย องค์การการค้าโลกจะหยิบยก กรณี พิพาทนั้นสู่ คณะกรรมาธิการอาหารสากล (Codex Alimentarius Commission) ซึ่งก่อตั้งขึ้น ใน พ.ศ. 2505 โดยองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ และองค์การอนามัย โลก การเปิ ดเสรี ทางการค้าได้มีผลกระทบต่อการค้าอาหารของโลกอย่างมาก การตลาดและการขายปลีก ่ อาหารในบรรจุภณฑ์ที่วางขายอยูบนชั้นในซูเปอร์มาร์เกตแห่งหนึ่ง ั การตลาดอาหารเป็ นลาดับกิจกรรมซึ่งนาอาหารจากฟาร์มจนถึงผูบริ โภค การตลาดของ ้ ผลิตภัณฑ์อาหารเพียงอย่างหนึ่งนั้นอาจเป็ นกระบวนการอันซับซ้อนซึ่งมีผผลิตและบริ ษทหลาย ู้ ั รายเข้ามาเกี่ยวข้องได้ ตัวอย่างเช่น ในการผลิตซุปก๋ วยเตี๋ยวไก่กระป๋ องหนึ่งมีหาสิ บหกบริ ษทเข้า ้ ั มาเกี่ยวข้อง ธุรกิจเหล่านี้ไม่เพียงแต่เกี่ยวข้องเฉพาะผูดาเนินการผลิตไก่และผักเท่านั้น แต่ยง ้ ั รวมถึงบริ ษทที่ขนส่ งส่ วนประกอบอาหารและบริ ษทที่พิมพ์ฉลากและผลิตกระป๋ องด้วย ระบบ ั ั การตลาดอาหารเป็ นนายจ้างภาคเอกชนทั้งโดยตรงและโดยอ้อมที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริ กา
  • 20. ช่วงก่อนสมัยใหม่ การขายอาหารส่ วนเกินนั้นมีข้ ึนทุกสัปดาห์โดยเกษตรกรจะนาผลผลิตไปขาย ในวันที่มีตลาดสดของหมู่บาน ที่ซ่ ึงอาหารถูกขายแก่ร้านขายของชาในร้านค้าท้องถิ่นและจะมี ้ ผูบริ โภคในท้องถิ่นไปซื้อด้วยการเข้าสู่ ยคปฏิวติอุตสาหกรรมและการพัฒนาอุตสาหกรรมแปร ้ ุ ั รู ปอาหาร มีอาหารหลากชนิดขึ้นที่สามารถขายและกระจายไปยังพื้นที่ห่างไกลได้ ไม่เหมือนกับผูผลิตอาหาร การขายปลีกอาหารนั้มีบริ ษทขนาดใหญ่มากควบคุมซูเปอร์มาร์เก็ต ้ ั เพียงไม่กี่แห่ง ซูเปอร์มาร์เก็ตยักษ์ใหญ่เหล่านี้มีอนาาจซื้อสู งเหนือเกษตรกรและผุผลิต และมี ้ อิทธิพลอย่างมากต่อผุบริ โภค อย่างไรก็ดี เงินน้อยกว่า 10% จากผูบริ โภคตกถึงมือเกษตรกร โดย ้ ้ เงินส่ วนใหญ่จ่ายเป็ นค่าโฆษณา ค่าขนส่ งและบริ ษทคนกลาง ั ราคา ดัชนีราคาอาหารโลก พ.ศ. 2533-2554 สังเกตราคาอาหารสู งเป็ นสถิติในช่วงวิกฤติราคาอาหาร โลก (พ.ศ. 2550–2551) ตามด้วยการผันผวนของราคาอีกครั้งนับแต่ พ.ศ. 2553 มีรายงานในวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2551 ว่า ผูบริ โภคทัวโลกกาลังเผชิญกับราคาอาหารที่ ้ ่ เพิ่มขึ้น เหตุผลที่เป็ นเช่นนั้นรวมถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศและการเปลียนแปลงขนาด ใหญ่ในเศรษฐกิจโลก รวมทั้งราคาน้ ามันที่เพิ่มสู งขึ้น ปริ มาณสารองอาหารลดลง และความ ต้องการของผูบริ โภคที่เพิ่มขึ้นในจีนและอินเดียในระยะยาว มีการคาดว่าราคาอาหารจะมี ้ เสถียรภาพ โดยเกษตรกรจะปลูกพืชเป็ นทั้งเชื้อเพลิงและอาหาร ซึ่งจะดึงราคากลับลงมาโดย เหตุการณ์ดงกล่าวเกิดขึ้นในกรณี ของข้าวสาลีแล้วโดยมีการปลูกธัญพืชดังกล่าวมากขึ้นใน ั สหรัฐอเมริ กา แคนาดาและยุโรปใน พ.ศ. 2552 อย่างไรก็ดี องค์การอาหารและการเกษตรเสนอ ว่าผูบริ โภคยังต้องรับมือกับอาหารที่แพงขึ้นจนถึง พ.ศ. 2561ในคริ สต์ทศวรรษ 1980 และ 1990 ้ การให้เงินอุดหนุนฟาร์มและโครงการสนับสนุนทาให้ประเทศส่ งออกธัญพืชรายใหญ่ของโลกมี ปริ มาณผลผลิตเกินมาก ซึ่ งสามารถระบายออกมาในช่วงขาดแคลนอาหารเพือให้ราคาลดลงได้ ่ อย่างไรก็ตาม นโยบายการค้าแบบใหม่ทาให้การผลิตทางเกษตรกรรมตอบสนองต่อความ
  • 21. ่ ต้องการของตลาดมากขึ้นมาก และทาให้ปริ มาณอาหารสารองของโลกอยูในระดับต่าสุ ดนับแต่ พ.ศ. 2526 ่ ในช่วงห้าปี หลัง (พ.ศ. 2546-2551) เห็นได้วามีสัดส่ วนอุตสาหกรรมการผลิตนมเหลวและนมผง ของชาติเอเชียเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งใน พ.ศ. 2551 คิดเป็ นสัดส่ วนการผลิตมากกว่า 30% โดย จีนเพียงประเทศเดียวมีสัดส่ วนการผลิตและการบริ โภคในอุตสาหกรรมแปรรู ปและถนอมผลไม้ และผักทัวโลกถึงมากกว่า 10% แนวโน้มดังกล่าวปรากฏชัดเจนเช่นกันในอุตสาหกรรมการผลิต ่ เครื่ องดื่มอัดลมและน้ าขวด เช่นเดียวกับการผลิตโกโก้ ช็อกโกแลตและลูกกวาดน้ าตาลโลก โดย ่ พยากรณ์วาจะเติบโต 5.7% และ 10% ตามลาดับใน พ.ศ. 2551 ตามความต้องการที่เพิ่มขึ้นใน ตลาดจีนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ความมันคงทางอาหาร ่ ดูบทความหลักที่ ความมันคงทางอาหาร ่ ผลิตภัณฑ์อาหารที่สาคัญบางชนิด เช่น ขนมปัง ข้าว และพาสตา ความมันคงทางอาหารหมายถึงการหาได้ของอาหารและการเข้าถึงอาหารได้ของบุคคล ่ ่ ้ ครัวเรื อนที่มีความมันคงทางอาหารหมายความว่า ผูอยูอาศัยไม่อยูดวยความหิวโหยหรื อกลัวอด ้ ่ ่ อยาก ใน พ.ศ. 2546 ประชากรโลกมากถึง 2 พันล้านคนขาดความมันคงทางอาหารเป็ นครั้งคราว ่ หรื อบ่อยครั้งเนื่องจากความยากจน และมีเด็กเสี ยชีวตด้วยความหิวโหยกว่าหกล้านคนต่อปี หรื อ ิ คิดเป็ น 17,000 คนต่อวัน
  • 22. ภาวะขาดอาหารนาไปสู่ ภาวะทุพโภชนาการและการอดอยากในที่สุด ซึ่งบ่อยครั้งมักเกี่ยวข้อง กับทุพภิกขภัย หรื อการขาดแคลนอาหารของทั้งชุมชน ภาวะดังกล่าวสามารถมีผลกระทบ เสี ยหายร้ายแรงและกว้างขวางต่อสุ ขภาพและอัตราการตายของมนุษย์ การปั นส่ วนเป็ นวิธีการที่ ใช้บางครั้งเพื่อแจกจ่ายอาหารในยามขาดแคลน ที่โดดเด่นคือ ในยามสงคราม การอดอยากเป็ นปั ญหาระหว่างประเทศที่สาคัญ มีประชากรราว 815 ล้านคนได้รับอาหารน้อย กว่าความต้องการภาวะขาดอาหารถูกมองว่าเป็ นความต้องการที่ขาดดุล (deficit) ในลาดับขั้น ความต้องการของมาสโลว์ และวัดโดยใช้ตววัดทุพภิกขภัย ั ความช่วยเหลือด้านอาหารสามารถเป็ นประโยชน์แก่ประชากรที่เดือดร้อนจากการขาดแคลน อาหาร นอกจากนี้ยงสามารถใช้เพื่อพัฒนาชีวตของประชากรได้ในระยะสั้น เพื่อที่สังคมนั้นจะ ั ิ สามารถยกมาตรฐานการครองชีพจนถึงจุดที่ไม่จาเป็ นต้องพึ่งความช่วยเหลือด้านอาหารอีก ต่อไปในทางกลับกัน ความช่วยเหลือด้านอาหารที่จดการอย่างเลวก็อาจก่อให้เกิดปัญหาโดยไป ั รบกวนตลาดท้องถิ่น ฉุดราคาพืชผลการเกษตร และกีดกันการผลิตอาหาร บางครั้งวัฏจักรการ พึ่งพาความช่วยเหลือด้านอาหารอาจเกิดขึ้น ข้อกาหนดการให้ความช่วยเหลือดังกล่าว หรื อการขู่ ว่าจะยกเลิกให้ความช่วยเหลือนั้น บางครั้งใช้เป็ นเครื่ องมือทางการเมืองเพื่อเข้าไปมีอิทธิพลต่อ นโยบายของประเทศเป้ าหมาย ซึ่งเป็ นยุทธศาสตร์ที่รู้จกกันในชื่อ การเมืองอาหาร บางครั้ง ั ข้อกาหนดความช่วยเหลือด้านอาหารนั้นกาหนดให้อาหารบางประเภทต้องซื้ อโดยเจาะจงผูขาย ้ และความช่วยเหลือด้านอาหารสามารถนาไปใช้ในทางที่ผดเพื่อเพิ่มพูนตลาดของประเทศผู ้ ิ บริ จาคนั้น ความพยายามระหว่างประเทศเพื่อแจกจ่ายอาหารแก่ประเทศซที่ขดสนที่สุดนั้นมัก ั ได้รับการประสานงานโดยโครงการอาหารโลก นิยามทางกฎหมาย บางประเทศมีการกาหนดนิยามทางกฎหมายของอาหาร ซึ่งประเทศเหล่านี้กาหนดว่า อาหาร ่ หมายถึงวัตถุใด ๆ ซึ่งต้องผ่านขั้นตอน ผ่านขั้นตอนบางส่ วน หรื อไม่ผานขั้นตอนเพื่อการบริ โภค รายชื่อสิ่ งที่รวมว่าเป็ นอาหารนั้น มีท้ งสสารใด ๆ ซึ่งคาดว่า หรื อมีเหตุให้คาดว่า จะถูกย่อยโดย ั
  • 23. ่ มนุษย์ นอกเหนือไปจากอาหารเหล่านี้ เครื่ องดื่ม หมากฝรั่ง น้ าหรื อสิ่ งอื่นที่ผานขั้นตอนไป ่ รวมอยูในวัตถุอาหารดังกล่าวเป็ นส่ วนหนึ่งของนิยามทางกฎหมายของอาหารด้วย สิ่ งที่ไม่ ่ รวมอยูในนิยามทางกฎหมายของอาหาร มี อาหารสัตว์ สัตว์เป็ น ๆ (ยกเว้นแต่ที่ถูกเตรี ยมไว้ขาย ในตลาด) พืชก่อนการเก็บเกี่ยว ผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ เครื่ องสาอาง ยาสู บและผลิตภัณฑ์ ยาสู บ สารเสพติดหรื อยากล่อมประสาท ตลอดจนเศษตกค้างและสิ่ งปนเปื้ อน ในกฎหมายไทย พระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 นิยามอาหารว่า "ของกินหรื อเครื่ องค้ าจุน ชีวต" โดยแบ่งเป็ น ิ ่ (1) วัตถุทุกชนิดที่คนกิน ดื่ม อม หรื อนาเข้าสู่ ร่างกายไม่วาด้วยวิธีใด ๆ หรื อในรู ปลักษณะใด ๆ แต่ไม่รวมถึงยา วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท หรื อยาเสพติดให้โทษ ตามกฎหมายว่าด้วยการ นั้น แล้วแต่กรณี (2) วัตถุที่มุ่งหมายสาหรับใช้หรื อใช้เป็ นส่ วนผสมในการผลิตอาหารรวมถึงวัตถุเจือปนอาหาร สี และเครื่ องปรุ งแต่งกลิ่นรส
  • 24. บทที่ 3 วิธีการดาเนินงาน ขั้นตอนการสร้ างบล็อก ่ 1. ให้ทาการสมัครบัญชีของ Gmail ของ google แต่ถาใครมีบญชี Gmail อยูแล้วก็ทาการล็อกอิน ้ ั เพื่อสร้างบล็อก ของ http://www.blogger.com/ ได้เลย ซึ่งโดยปกติแล้ว เมื่อเราเข้าไปที่เว็บ www.blogger.com หน้าเพจแรกจะถามบัญชีถึงบัญชี Gmail ของผูที่จะทาการสร้างบล็อก ้ ่ สาหรับนักศึกษาที่มีบญชี Gmail อยูแล้ว ก็กรอกชื่อบัญชี Gmail และ รหัสผ่านของตน ดังภาพ ั หากใครยังไม่มีบญชีให้คลิกที่เมนู Sign up เพื่อทาการสมัครบัญชี Gmail ใหม่ ั
  • 25. 2.เมื่อเราเข้าไปที่ www.blogger.com ที่ได้ทาการล็อกอินบัญชีของ Gmail แล้ว หน้าแรกของ blogger จะมีหน้าตาดังภาพ ใคลิกไปที่เมนู “บล็อกใหม่ ” เพื่อทาการสร้างบล็อก 1. เมื่อเราคลิกไปที่เมนูเพื่อสร้างบล็อกใหม่แล้ว ให้ทาการกรอกรายละเอียดดังนี้ คือ ตรง หัวข้อ ให้พิมพ์ชื่อบล็อก ตรงที่อยู่ ให้ต้ งชื่อ URL ซึ่งควรใช้ชื่อเป็ นภาษาอังกฤษและ ั
  • 26. ตัวเลข และต้องดูตรงสถานะของบล็อกด้วยว่าชื่อ URL ที่ต้ งไปนั้นมีผใช้แล้วหรื อยังไม่มี ั ู้ ่ ผูใช้ มันจะแจ้งว่า “ที่อยูบล็อกนี้สามารถใช้ได้” เสร็จแล้วให้ทาการเลือกรู ปแบบ จาก ้ แม่แบบว่าจะให้บล็อกมีหน้าตาในการแสดงผลเช่นไร เมื่อเลือกแล้วก็ คลิกเมนู “สร้ าง บล็อก” 2. เมื่อทาการสร้างบล็อกแล้ว เราจะกลับมาที่หน้าจัดการบล็อกเพื่อทาการตกแต่งบล็อกให้ดู สวยงามโดยการใส่ รูปภาพ หรื อ โค๊ดต่างๆ ให้นกศึกษาทาการคลิกลูกศรสี ดา เพื่อเลือกเมนู รู ปแบบ ดังภาพ ั
  • 27. 3. เมื่อคลิกเมนูรูปแบบ แล้วจะมีหน้าตาดังภาพให้คลิกที่ เมนู เครื่องมือออกแบบเทม เพลต เพื่อปรับแต่งหน้าเทมเพลตตามที่เราต้องการ เมื่อคลิกแล้วทาการเลือกรู ปเทมเพลต ตามต้องการ เมื่อเลือกแล้วให้คลิกที่ เมนู “ใช้ กบ ั บล็อก” เพื่อบันทึกรู ปแบบเทมเพลต
  • 28. 4. เมื่อทาการเลือกรู ปแบบของเทมเพลตแล้วให้กลับมาที่ “รู ปแบบ” อีกครั้ง เพื่อทาการใส่ หัวบล็อกและตกแต่งบล็อก โดยคลิกเลือกเมนู แก้ไข ตรงส่ วนของ ชื่อบล็อก เมื่อคลิกเมนู แก้ไข แล้วให้คลิกที่ เมนู “เลือกไฟล์ ” เพื่อเลือกไฟล์ภาพที่จะนามาเป็ นหัว บล็อก เมื่อเลือกภาพได้แล้วกด open จากนั้นระบบจะทาการอัพโหลดภาพดังกล่าวเข้าไป
  • 29. เมื่อระบบอัพโหลดภาพเสร็จแล้ว ให้คลิกเลือก เมนู “แทนทีชื่อและคาอธิบาย” ่ ่ เสร็จแล้วกดเมนู “บันทึก” เพื่อทาการบันทึกภาพดังกล่าวซึ่งจะเข้าไปอยูในตาแหน่งหัว บล็อก ดังภาพ 5. เมื่อทาการใส่ หวบล็อกเสร็จแล้ว ให้คลิกที่เมนู “เพิม Gadget” ั ่ เพื่อใส่ โค๊ด ปฏิทิน นาฬิกา สถิติผเู ้ ยียมชม แล้วแต่ความต้องการของเรา แล้วคลิก ่ เมนู “บันทึกการจัดเรียง”
  • 30. 8. เมื่อทาการใส่ โค๊ดตกแต่งตามต้องการแล้ว ให้เลือกเมนู “หน้ าเว็บ” เพื่อทาการสร้าง หน้าเว็บเพจต่างๆ ตามต้องการ คลิกที่เมนู “แสดงหน้าเว็บเป็ น” เลือกลูกศรสี ดา แล้วคลิกเลือกรู ปแบบ “แท็บด้าน บนสุ ด” แล้วกด “บันทึกการจัดเรี ยง” ดังภาพ เมื่อทาการเลือกตาแหน่งของแท๊บเมนูแล้ว ให้ คลิกเมนู หน้าเว็บใหม่และเลือกลูกศรสี ดา เลือกเมนู “หน้าเว็บเปล่า” เพื่อสร้างหน้าเพจต่างๆ
  • 31. 9.เมื่อคลิกเมนูสร้างหน้าเว็บแล้ว ให้ต้ งชื่อเว็บเพจ ตรงช่อง และพิมพ์รายละเอียดลงไป ั แล้วคลิกที่เมนู “บันทึก” 10.เมื่อทาการสร้างเมนูเว็บเพจ แล้ว ท่านสามารถที่จะทาลิงค์ไปเว็บไซต์หรื อบล็อกต่างๆ โดยคลิกที่เมนู เพิ่ม “Gadget” แล้วเลือก ฟังก์ชน “รายชื่อลิงค์” แล้วคลิกเครื่ องหมาย + เพื่อสร้างลิงค์ ดังภาพ ั
  • 32. เมื่อคลิกที่ฟังชันก์ รายชื่อลิงค์แล้ว ให้ทาการ พิมพ์ชื่อเมนู ว่า “ Link Exchange” และ copy ลิงค์ ที่ตองการเชื่อมโยงของเพื่อนมาใส่ ไว้ในช่อง URL ของไซต์ใหม่ และ ตรงชื่อ ้ เว็บไซต์ให้ พิมพ์ชื่อ ของเว็บบั้นๆ ที่ตองการทาลิงค์ เมื่อทาเสร็จ ให้คลิกที่ เมนู “เพิ่ม ้ ลิงค์” เพื่อทาการเพิ่มลิงค์เว็บไซต์อื่นๆต่อไปแล้วคลิกที่เมนู “บันทึก” ดังภาพ
  • 34.
  • 35. บทที่ 5 สรุ ป ่ จากผลการทดลองสรุ ปได้วา ในการทาบล็อกเกี่ยวกับอาหารมีผสนใจพอสมควร ส่ วน ู้ ใหญ่นาไปทาให้ขอบคนในครอบครัวรับประทาน และก็ได้คาชมเชยมาว่าอาหารมื้อนี้อร่ อยมาก มีบางส่ วนนาไปประกอบอาชีพและกิจการก่อรุ่ งเรื่ องไปเลื่อยๆ ้