Más contenido relacionado La actualidad más candente (20) Más de Boonlert Aroonpiboon (20) Reference2. เนื้อหา
บทนา
ความหมาย
ปัญหา
วัตถุประสงค์/ความสาคัญของการอ้างอิง
มาตรฐานการอ้างอิง
วิธีการเขียนอ้างอิง
วิธีการเขียนอ้างอิงตามบัณฑิตวิทยาลัย
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
คาย่อที่ใช้ในการเขียนเอกสารและสิ่งอ้างอิง
3. บทนา
การพัฒนาผลงานทางวิชาการโดยเฉพาะเกี่ยวการศึกษา
การค้นหาความจริง หรือหาคาตอบจากการศึกษางานวิจัย
ต่างๆ จะต้องอาศัยองค์ความรู้ที่ได้จากเอกสารที่ผู้เขียนได้
ศึกษามาอย่างดีแล้ว
การค้นคว้าหาความรู้จากเอกสาร สื่อต่างๆ ที่เป็นองค์ความรู้
ช่วยให้ผู้ศึกษาได้นาแนวความคิด ทฤษฎี หลักการไปใช้
อ้างอิง (Reference) เพือให้เกิดประโยชน์ในการพัฒนาทาง
่
วิชาการให้มองค์ความรู้ทกว้างขวางขึ้น
ี ี่
4. บทนา
เอกสารอ้างอิงเป็นข้อมูลยืนยันแนวคิดของผู้ศึกษา ว่ามี
ความน่าเชื่อถือ
ทาให้การเขียนรายงานวิจัยมีน้าหนักว่ามีความเป็นไปได้โดย
มีแนวคิด ทฤษฎีรองรับ และเกิดความน่าเชื่อถือว่าผู้ศึกษาได้
ศึกษาค้นคว้ามาอย่างดีแล้ว ทาให้ผลงานได้รับการยอมรับ
จากการหาคาตอบในการทาวิจัย หรือการศึกษารายงานใน
การพัฒนางานวิชาการของตนเอง
6. ปัญหา
การทาเอกสารวิจัยต่างๆ เป็นการนาแนวคิด องค์ความรู้จาก
แหล่งต่างๆ ที่มีอยู่ มาประยุกต์ ปรับใช้งาน
ก่อเกิดปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
พ.ศ. 2537
ภายใต้บังคับบทบัญญัติในวรรคหนึ่ง การกระทาอย่างใดอย่างหนึ่งแก่งาน อันมีลิขสิทธิ์ตามวรรคหนึ่ง
มิให้ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ ถ้าได้กระทาดังต่อไปนี้
(1) วิจัยหรือศึกษางานนั้น อันมิใช่การกระทาเพื่อหากาไร
(2) ทาซ้า ดัดแปลง นาออกแสดง หรือทาให้ปรากฏโดยผู้สอน เพื่อประโยชน์ ในการสอนของตน
อันมิใช่การกระทาเพื่อหากาไร
8. มาตรฐานการอ้างอิง
มาตรฐาน MLA (Modern Language Association)
นิยมใช้กันมากในสาขามนุษยศาสตร์
ให้ความสาคัญกับรายการชื่อเรื่อง
มาตรฐาน APA (The American Psychological
Association)
นิยมใช้กันมากในสาขาสังคมศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และอื่นๆ
ที่เกี่ยวข้อง
ให้ความสาคัญกับความทันสมัยของสารนิเทศ (ปีที่พิมพ์)
11. การอ้างอิงแบบเชิงอรรถ
หมายถึง การอ้างอิงที่อยู่ตอนล่างของหน้า หรือที่เรียกว่า
แบบระบุตัวเลข
เมื่อต้องการอ้างอิงเอกสารใดก็ใส่หมายเลขไว้ท้ายข้อความ
จะอ้างอิง โดยใส่เลขอารบิค ในลักษณะตัวยก (Superscript)
เหนือข้อความที่อ้าง
ส่วนรายละเอียดของหลักฐานจะปรากฏอยู่ตอนล่างของหน้า
ถ้าหากมีการอ้างอิงในหน้าใดก็จะต้องปรากฏรายละเอียดของ
หลักฐานในหน้านั้นๆ เมื่อขึ้นหน้าใหม่ตัวเลขลาดับการอ้างอิง
ก็จะเริ่มที่ 1 ใหม่
19. การอ้างอิงเอกสารหนึ่งเรื่องที่มีผู้แต่งคนเดียว
รูปแบบที่ 1
รายได้ต่อคนในสาขาเกษตรจะต่ากว่าสาขาอื่นที่มิใช่การเกษตรอยู่
ระหว่างหกถึงเก้าเท่า เหตุผลสาคัญคือมูลค่าผลผลิตไม่ได้เพิ่มมาก ขณะที่
จานวนประชากรหรือแรงงานในสาขาเกษตรเพิ่มขึ้นตลอดเวลา (สมนึก,
2530)
Factors contributing to increased preharvest losses are
continued planting of nonresistant varieties, planting of modern
varieties with a small genetic base for resistance to certain pest
species, continuous year-round planting, and overdependence on
pesticides (Oka, 1982)
21. การอ้างอิงเอกสารหนึ่งเรื่องที่มีผู้แต่งคนเดียว
รูปแบบที่ 2
สมนึก (2530) กล่าวไว้วา รายได้ต่อคนในสาขาเกษตรจะต่ากว่า
่
สาขาอื่นที่มิใช่การเกษตรอยู่ระหว่างหกถึงเก้าเท่า เหตุผลสาคัญคือมูลค่า
ผลผลิตไม่ได้เพิ่มมาก ขณะที่จานวนประชากรหรือแรงงานในสาขาเกษตร
เพิ่มขึ้นตลอดเวลา
Oka (1982) pointed out that factors contributing to
increased preharvest losses are continued planting of
nonresistant varieties, planting of modern varieties with a small
genetic base for resistance to certain pest species, continuous
year-round planting, and overdependence on pesticides
23. การอ้างอิงเอกสารหนึ่งเรื่องที่มีผู้แต่งคนเดียว
รูปแบบที่ 3
ใน พ.ศ. 2530 สมนึก กล่าวไว้วา รายได้ต่อคนในสาขาเกษตรจะต่า
่
กว่าสาขาอื่นทีมิใช่การเกษตรอยู่ระหว่างหกถึงเก้าเท่า เหตุผลสาคัญคือ
่
มูลค่าผลผลิตไม่ได้เพิ่มมาก ขณะที่จานวนประชากรหรือแรงงานในสาขา
เกษตรเพิ่มขึ้นตลอดเวลา
In 1982, Oka pointed out that factors contributing to
increased preharvest losses are continued planting of
nonresistant varieties, planting of modern varieties with a small
genetic base for resistance to certain pest species, continuous
year-round planting, and overdependence on pesticides
25. การอ้างอิงเอกสารหนึ่งเรื่องที่มีผแต่ง 2 คน
ู้
ระบุนามผู้แต่งหลักตามหลักเกณฑ์ผู้แต่งคนเดียวทั้ง 2 คน โดยใช้คา
“และ” หรือ “and” คั่นระหว่างนามผู้แต่ง (ไม่ต้องมีเครื่องหมาย จุลภาค
คั่น)
....................... (เมธี และปราณี, 2538)
........................(Crosson and Resenberg, 1989)
เมธี และปราณี (2538) ได้เสนอแนะว่า ...............................
Crosson and Resenberg (1989) concluded that …………
ใน พ.ศ. 2538 เมธี และปราณี ได้เสนอแนะว่า ...............................
In 1989, Crosson and Resenberg concluded that …………
26. การอ้างอิงเอกสารหนึ่งเรื่องที่มีผแต่ง 3 คน
ู้
ระบุนามผู้แต่งหลักตามหลักเกณฑ์ผู้แต่งคนเดียวทั้ง 3 คน
ในการอ้างอิงครั้งแรก
ใช้เครื่องหมาย จุลภาค คั่นระหว่างนามคนที่หนึ่งและคนทีสอง
่
ใช้คา “และ” หรือ “and” คั่นระหว่างนามผู้แต่งคนทีสอง และคนทีสาม
่ ่
ในการอ้างอิงครั้งถัดไป ให้ระบุนามผู้แต่งคนแรก ต่อด้วย
“และคณะ” สาหรับเอกสารภาษาไทย หรือ “et at.” สาหรับ
เอกสารภาษาต่างประเทศ โดยไม่ต้องมีเครื่องหมาย จุลภาค
คั่น
27. การอ้างอิงเอกสารหนึ่งเรื่องที่มีผแต่ง 3 คน
ู้
ผ่องพรรณ, ประสงค์ และสันติ (2546) ได้วิเคราะห์.....
...............................................................................................
.....
ผ่องพรรณ และคณะ (2546) สรุปผลการประเมิน ............. ...............
นอกจากนี้ ผ่องพรรณ และคณะ ยังได้เสนอแนะ........
28. การอ้างอิงเอกสารหนึ่งเรื่องที่มีผแต่ง 3 คน
ู้
McCracken, Warmbrod and Miller (1998) suggested that ..... .........
............................... ................. ................ .........
............
McCracken et al. (1998) found ……… McCracken et al. also found
…………………………………………………….
29. การอ้างอิงเอกสารหนึ่งเรื่องที่มีผแต่ง 3 คน
ู้
กรณีที่การอ้างอิงครั้งที่ 2 เป็นต้นไป การไม่ระบุนามผู้แต่งทุกคน แล้วทา
ให้เกิดความสับสนระหว่างเอกสาร 2 เรื่อง ก็ให้ระบุนามผู้แต่งทุกคน
ผ่องพรรณ, ประสงค์ และสันติ (2546) ......
ผ่องพรรณ, ชีพสุมน และสันติ (2546) .....
McCracken, Warmbrod and Miller (2000)
McCracken, Newcomb and Warnbrod (2000)
30. การอ้างอิงเอกสารหนึ่งเรื่องที่มีผแต่ง
ู้
มากกว่า 3 คน
ให้ระบุนามผู้แต่งคนแรก ต่อด้วย “และคณะ” สาหรับเอกสารภาษาไทย
หรือ “et at.” สาหรับเอกสารภาษาต่างประเทศ ด้วยหลักเกณฑ์การเขียน
อ้างอิงผู้แต่งคนเดียว โดยไม่ต้องมีเครื่องหมาย จุลภาค คั่น
ผ่องพรรณ และคณะ (2546) ......
McCracken et al. (2000)
35. การอ้างอิงเอกสารหลายเรื่องที่มผู้แต่ง
ี
คนเดียวกัน
กรณีปีที่พิมพ์ตางกัน
่
ระบุนามผู้แต่งครั้งเดียว แล้วระบุปีที่พิมพ์ตามลาดับ โดยใช้เครื่องหมาย
จุลภาค คั่นระหว่างปี
(ผ่องพรรณ, 2546, 2547)
World Bank (1982, 1985, 1987)
36. การอ้างอิงเอกสารหลายเรื่องที่มผู้แต่ง
ี
คนเดียวกัน
กรณีปีที่พิมพ์ซากัน
้
ใช้อักษร ก ข ค ... ตามหลังปีที่พิมพ์สาหรับเอกสารภาษาไทย
ใช้อักษร a b c … ตามหลังปีที่พิมพ์สาหรับเอกสารภาษาต่างประเทศ
(ผ่องพรรณ, 2546ก, 2546ข)
World Bank (1982a, 1982b, 1982c)
43. การอ้างอิงสองทอด
การอ้างอิงโดยระบุผู้แต่งต้นฉบับ
ระบุนามและปีที่พิมพ์ของเอกสารต้นฉบับ ตามด้วย
อ้างถึงใน กรณีเอกสารภาษาไทย
cited in กรณีเอกสารภาษาต่างประเทศ
แล้วระบุนามและปีที่พิมพ์ของเอกสารอันดับรอง
(McCracken, 1996 อ้างถึงใน ผ่องพรรณ, 2543)
(Campbell and Stanly, 1969 cited in Cray, 1992)
55. การอ้างอิงแบบเชิงอรรถ
xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx xxxxxxxxxxx xxxx
xxxxxxxxxxx xxxxxxxxxxxxxxxxxหมายเลขกากับเชิงอรรถแบบตัวยก xxx
xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx
หมายเลขกากับเชิงอรรถแบบตัวยก รายละเอียดเนื้อหา (นามผู้แต่ง, ปีที่พมพ์: เลขหน้า)
ิ
56. การอ้างอิงแบบเชิงอรรถ
การที่จะทาภาวะสมดุล...... ............. .............. ......... .......
......................จานวนภาษีหรืออัตราภาษีที่เหมาะสมนั้น5 สามารถใช้เรียก
เก็บจากการใช้.....................................................
5อัตราภาษีที่เหมาะสมนี้ หมายถึง ภาษี...... ............. .......... ..... ....(สม
พร, 2533: 142)
60. การอ้างอิงแบบคัดลอกข้อความ
การสืบทอดทางภูมิปัญญาไทย โดยผ่านกระบวนการวิจัยจะเป็น
การแสวงหาองค์ความรู้ใหม่ ทีมีรากฐานทรัพยากรทางภูมิปัญญาที่มั่นคง
่
ของไทย ดังคาอุปมาที่ว่า “การติดตา ต่อกิ่งยอดมะม่วง เกษตรผูชานาญ
้
มักจะเลือกลาต้นที่มีรากแก้ว หรือรากเหง้าที่มั่นคงเป็นอันดับแรก เมื่อได้
รากเหง้าที่มั่นคงแล้ว สามารถต่อยอด ติดตา ขยายพันธุ์ใหม่ได้มากมาย
เปรียบเสมือนการสืบทอดภูมิปัญญา ฉันใดก็ฉนนั้น” (สามารถ, 2537: 89)
ั
61. การอ้างอิงแบบคัดลอกข้อความ
ความเป็นไปของโลกและชีวิตจึงพัฒนาเป็น
“ความเชื่อ” จึงเกิดระบบคุณค่าและการรับศาสนาเข้า
มาอยู่ในชุมชนพร้อมพิธีกรรมต่างๆ ดังที่ สุรเชษฐ์
(2534) อธิบายไว้ว่า
. . . การผลิตมีความสัมพันธ์กับวัฒนธรรมการอยู่ร่วมกันอย่างแนบแน่น
การเพาะปลูกพืชผลการเกษตร มีปัจจัยเกี่ยวกับดิน น้า และแรงงานมา
เกี่ยวข้อง . . .
63. การอ้างอิงแบบคัดลอกข้อความ
การที่จะเข้าใจหลักการและทฤษฏีทางเศรษฐศาสตร์
สิ่งแวดล้อมได้เป็นอย่างดีนั้น จาเป็นจะต้องทราบความหมาย
ของคาบางคาที่เกี่ยวข้อง เช่น นิเวศวิทยา ระบบนิเวศน์ ชีวาลัย
ซึ่งคาว่าชีวาลัยนี้หมายถึง
โลก บรรยากาศทีห่อหุ้มโลก และสิ่งที่มชีวิตบนพื้นโลกทั้งหมด คา
่ ี
ว่าชีวาลัยจึงเป็นคาที่กว้าง ครอบคลุมเฉพาะโลกเท่านั้นไม่รวมถึง
ระบบอื่นๆ นอกโลก (Seneca and Taussig, 1979: 5 แปลโดย
เรืองเดช, 2532)
64. พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ 2537
พระราชบัญญัตลขสิทธิพ.ศ. 2537 ภูมพลอดุลยเดช
ิ ิ ์ ิ
ป.ร.ให้ไว้ ณ วันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2537เป็นปีที่ 49 ใน
รัชกาลปัจจุบัน
บททั่วไป
สิ่งที่ไม่ถือว่าเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัตินี้
การละเมิดลิขสิทธิ์
ข้อยกเว้นการละเมิดลิขสิทธิ์
ที่มา: http://www.kodmhai.com/m4/m4-16/H6/H-6.html
65. พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ 2537
มาตรา 4
“ลิขสิทธิ” หมายความว่า สิทธิแต่ผู้เดียวที่จะทาการใดๆ
์
ตามพระราชบัญญัตินี้ เกี่ยวกับงานที่ผสร้างสรรค์ได้ทา
ู้
ขึ้น
“ผูสร้างสรรค์” หมายความว่า ผู้ทาหรือผู้ก่อให้เกิดงาน
้
สร้างสรรค์อย่างใด อย่างหนึ่งที่เป็นงานอันมีลิขสิทธิตาม
์
พระราชบัญญัตนี้ิ
66. พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ 2537
“วรรณกรรม” หมายความว่า งานนิพนธ์ที่ทาขึนทุกชนิด
้
เช่น หนังสือ จุลสาร สิงเขียน สิงพิมพ์ ปาฐกถา เทศนา
่ ่
คาปราศรัย สุนทรพจน์ และให้หมายความรวมถึง
โปรแกรมคอมพิวเตอร์ด้วย
“นาฏกรรม” หมายความว่า งานเกียวกับการรา การเต้น
่
การทาท่า หรือ การแสดงทีประกอบขึนเป็นเรืองราว และ
่ ้ ่
ให้หมายความรวมถึงการแสดงโดยวิธีใบ้ด้วย
67. พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ 2537
“ศิลปกรรม” หมายความว่า งานอันมีลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใดหรือ หลายอย่างดังต่อไปนี้
(1) งานจิตรกรรม ได้แก่งานสร้างสรรค์รูปทรงที่ประกอบด้วยเส้น แสง สี หรือสิ่งอื่น อย่างใดอย่างหนึ่ง
หรือหลายอย่างรวมกัน ลงบนวัสดุอย่างเดียว หรือหลายอย่าง
(2) งานประติมากรรม ได้แก่งานสร้างสรรค์รูปทรงทีเกี่ยวกับปริมาตร ที่สมผัสและจับต้องได้
่ ั
(3) งานภาพพิมพ์ ได้แก่งานสร้างสรรค์ภาพด้วยกรรมวิธีทางการพิมพ์ และหมายความรวมถึงแม่พิมพ์
หรือแบบพิมพ์ทใช้ในการพิมพ์ด้วย
ี่
(4) งานสถาปัตยกรรม ได้แก่งานออกแบบอาคารหรือสิงปลูกสร้าง งานออกแบบตกแต่งภายในหรือ
่
ภายนอก ตลอดจนบริเวณของอาคารหรือสิงปลูกสร้างหรือ การสร้างสรรค์หุ่นจาลองของอาคารหรือ
่
สิ่งปลูกสร้าง
(5) งานภาพถ่าย ได้แก่งานสร้างสรรค์ภาพที่เกิดจากการใช้เครืองมือ บันทึกภาพโดยให้แสงผ่านเลนซ์
่
ไปยังฟิล์มหรือกระจก และล้างด้วยน้ายาซึ่งมีสูตรเฉพาะ หรือด้วยกรรมวิธใด ๆ อันทาให้เกิดภาพขึน
ี ้
หรือการบันทึกภาพโดยเครื่องมือหรือวิธีการ อย่างอื่น
(6) งานภาพประกอบ แผนที่ โครงสร้าง ภาพร่าง หรืองานสร้างสรรค์ รูปทรงสามมิติอันเกี่ยวกับ
ภูมิศาสตร์ ภูมิประเทศ หรือวิทยาศาสตร์
(7) งานศิลปประยุกต์ ได้แก่งานที่นาเอางานตาม (1) ถึง (6) อย่างใด อย่างหนึงหรือหลายอย่างรวมกัน
่
ไปใช้ประโยชน์อย่างอื่น นอกเหนือจากการชื่นชมในคุณค่า ของตัวงานดังกล่าวนั้น เช่น นาไปใช้สอย
นาไปตกแต่งวัสดุหรือสิ่งของอันเป็นเครืองใช้ หรือนาไปใช้เพือประโยชน์ทางการค้า
่ ่
ทั้งนี้ ไม่ว่างานตาม (1) ถึง (7) จะมีคณค่าทางศิลปะหรือไม่ และให้หมายความรวมถึง
ุ
ภาพถ่ายและแผนผังของงานดังกล่าวด้วย
68. พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ 2537
“ดนตรีกรรม” หมายความว่า งานเกี่ยวกับเพลงที่แต่งขึ้นเพื่อบรรเลง หรือ
ขับร้องไม่ว่าจะมีทานองและคาร้องหรือมีทานองอย่างเดียว และให้
หมายความรวมถึง โน้ตเพลงหรือแผนภูมิเพลงที่ได้แยกและเรียบเรียง
เสียงประสานแล้ว
“โสตทัศนวัสดุ” หมายความว่า งานอันประกอบด้วยลาดับของภาพโดย
บันทึก ลงในวัสดุไม่ว่าจะมีลักษณะอย่างใด อันสามารถที่จะนามาเล่นซ้า
ได้อีก โดยใช้เครื่องมือ ที่จาเป็นสาหรับการใช้วสดุนั้น และให้หมายความ
ั
รวมถึงเสียงประกอบงานนั้นด้วย ถ้ามี
“ภาพยนตร์” หมายความว่า โสตทัศนวัสดุอันประกอบด้วยลาดับของภาพ
ซึ่งสามารถนาออกฉายต่อเนื่องได้อย่างภาพยนตร์หรือสามารถบันทึกลง
บนวัสดุอื่น เพื่อนาออก ฉายต่อเนื่องได้อย่างภาพยนตร์ และให้
หมายความรวมถึงเสียงประกอบภาพยนตร์นั้นด้วย ถ้ามี
69. พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ 2537
“สิ่งบันทึกเสียง” หมายความว่า งานอันประกอบด้วย
ลาดับของเสียงดนตรี เสียงการแสดง หรือเสียงอื่น
ใด โดยบันทึกลงในวัสดุไม่ว่าจะมีลักษณะใดๆ อัน
สามารถที่จะ นามาเล่นซ้าได้อีกโดยใช้เครื่องมือที่
จาเป็นสาหรับการใช้วัสดุนั้น แต่ทั้งนี้มิให้หมายความ
รวมถึงเสียงประกอบภาพยนตร์หรือเสียงประกอบ
โสตทัศนวัสดุอย่างอื่น
“นักแสดง” หมายความว่า ผู้แสดง นักดนตรี นักร้อง
นักเต้น นักรา และผู้ซึ่ง แสดงท่าทาง ร้อง กล่าว
พากย์ แสดงตามบทหรือในลักษณะอื่นใด
“งานแพร่เสียงแพร่ภาพ” หมายความว่า งานที่นา
ออกสู่สาธารณชนโดย การแพร่เสียงทาง
วิทยุกระจายเสียง การแพร่เสียงและหรือภาพทาง
วิทยุโทรทัศน์หรือ โดยวิธีอย่างอื่นอันคล้ายคลึงกัน
70. พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ 2537
“ทาซ้า” หมายความรวมถึง คัดลอกไม่ว่าโดยวิธีใดๆ
เลียนแบบ ทาสาเนา ทาแม่พิมพ์ บันทึกเสียง บันทึกภาพ
หรือบันทึกเสียงและภาพ จากต้นฉบับ จากสาเนา หรือจาก
การโฆษณาในส่วนอันเป็นสาระสาคัญ ทั้งนี้ ไม่ว่าทั้งหมด
หรือบางส่วน สาหรับ ในส่วนที่เกี่ยวกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์
ให้หมายความถึง คัดลอกหรือทาสาเนา โปรแกรม
คอมพิวเตอร์จากสื่อบันทึกใด ไม่ว่าด้วยวิธีใดๆ ในส่วนอันเป็น
สาระสาคัญ โดยไม่มีลักษณะเป็นการจัดทางานขึ้นใหม่ ทั้งนี้
ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน
71. พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ 2537
“ดัดแปลง” หมายความว่า ทาซ้าโดยเปลี่ยนรูปใหม่ ปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติม หรือ
จาลองงานต้นฉบับในส่วนอันเป็นสาระสาคัญโดยไม่มีลักษณะเป็นการจัดทางาน
ขึ้นใหม่ ทั้งนี้ ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน
(1) ในส่วนที่เกี่ยวกับวรรณกรรม ให้หมายความรวมถึง แปลวรรณกรรม เปลี่ยนรูป
วรรณกรรมหรือรวบรวมวรรณกรรมโดยคัดเลือกและจัดลาดับใหม่
(2) ในส่วนที่เกี่ยวกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ให้หมายความรวมถึง ทาซ้า โดยเปลี่ยนรูป
ใหม่ ปรับปรุง แก้ไขเพิ่มเติมโปรแกรมคอมพิวเตอร์ในส่วนอันเป็นสาระสาคัญ โดยไม่มี
ลักษณะเป็นการจัดทาขึ้นใหม่
(3) ในส่วนที่เกี่ยวกับนาฏกรรม ให้หมายความรวมถึง เปลี่ยนงานที่มิใช่ นาฏกรรมให้เป็น
นาฏกรรม หรือเปลี่ยนนาฏกรรมให้เป็นงานที่มิใช่นาฏกรรม ทั้งนี้ ไม่ว่า ในภาษาเดิมหรือ
ต่างภาษากัน
(4) ในส่วนที่เกี่ยวกับศิลปกรรม ให้หมายความรวมถึง เปลี่ยนงานที่เป็น รูปสองมิติหรือสาม
มิติ ให้เป็นรูปสามมิติหรือสองมิติ หรือทาหุ่นจาลองจากงานต้นฉบับ
(5) ในส่วนที่เกี่ยวกับดนตรีกรรม ให้หมายความรวมถึง จัดลาดับเรียบเรียง เสียงประสาน
หรือเปลี่ยนคาร้องหรือทานองใหม่
72. พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ 2537
“เผยแพร่ต่อสาธารณชน” หมายความว่า ทาให้ปรากฏต่อสาธารณชน
โดยการแสดง การบรรยาย การสวด การบรรเลง การทาให้ปรากฏด้วย
เสียงและ หรือภาพ การก่อสร้าง การจาหน่าย หรือโดยวิธีอนใดซึ่งงานที่
ื่
ได้จดทาขึ้น
ั
“การโฆษณา” หมายความว่า การนาสาเนาจาลองของงานไม่ว่าในรูป
หรือลักษณะอย่างใดที่ทาขึ้นโดยความยินยอมของผู้สร้างสรรค์
ออกจาหน่าย โดยสาเนา จาลองนั้นมีปรากฏต่อสาธารณชนเป็นจานวน
มากพอสมควรตามสภาพของงานนั้น แต่ทั้งนี้ไม่หมายความรวมถึง การ
แสดงหรือการทาให้ปรากฏซึงนาฏกรรม ดนตรีกรรม หรือภาพยนตร์ การ
่
บรรยายหรือการปาฐกถา ซึ่งวรรณกรรม การแพร่เสียงแพร่ภาพ เกี่ยวกับ
งานใด การนาศิลปกรรมออกแสดงและการก่อสร้างงานสถาปัตยกรรม
73. พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ 2537
มาตรา 6
งานอันมีลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัตินี้ ได้แก่งานสร้างสรรค์ ประเภท
วรรณกรรม นาฏกรรม ศิลปกรรม ดนตรีกรรม โสตทัศนวัสดุ ภาพยนตร์ สิ่ง
บันทึกเสียง งานแพร่เสียงแพร่ภาพ หรืองานอื่นใดในแผนกวรรณคดี
แผนกวิทยาศาสตร์ หรือแผนกศิลปะ ของผูสร้างสรรค์ไม่ว่างานดังกล่าว
้
จะแสดงออกโดยวิธหรือรูปแบบอย่างใด
ี
การคุ้มครองลิขสิทธิ์ไม่คลุมถึงความคิด หรือขันตอน กรรมวิธหรือระบบ
้ ี
หรือวิธีใช้หรือทางาน หรือแนวความคิด หลักการ การค้นพบ หรือทฤษฎี
ทางวิทยาศาสตร์ หรือคณิตศาสตร์
74. พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ 2537
มาตรา 7
สิ่งต่อไปนี้ไม่ถือว่าเป็นงานอันมีลิขสิทธิตามพระราชบัญญัตินี้
์
(1) ข่าวประจาวัน และข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่มีลักษณะเป็นเพียงข่าวสาร อันมิใช่
งานในแผนกวรรณคดี แผนกวิทยาศาสตร์ หรือแผนกศิลปะ
(2) รัฐธรรมนูญ และกฎหมาย
(3) ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คาสั่ง คาชี้แจง และหนังสือโต้ตอบ ของ
กระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐหรือของท้องถิ่น
(4) คาพิพากษา คาสั่ง คาวินิจฉัย และรายงานของทางราชการ
(5) คาแปลและการรวบรวมสิ่งต่างๆ ตาม (1) ถึง (4) ที่กระทรวง ทบวง กรม
หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐหรือของท้องถิ่นจัดทาขึ้น
76. ข้อยกเว้นการละเมิดลิขสิทธิ์
มาตรา 32
การกระทาแก่งานอันมีลิขสิทธิ์ของบุคคลอื่นตามพระราชบัญญัตินี้ หากไม่ขัดต่อการ
แสวงหาประโยชน์จากงานอันมีลิขสิทธิ์ตามปกติของเจ้าของลิขสิทธิ์และไม่กระทบกระเทือน
ถึงสิทธิอันชอบด้วยกฎหมายของเจ้าของลิขสิทธิ์เกินสมควร มิให้ถือว่า เป็นการละเมิด
ลิขสิทธิ์
ภายใต้บังคับบทบัญญัติในวรรคหนึ่ง การกระทาอย่างใดอย่างหนึ่งแก่งาน อันมีลิขสิทธิ์ตาม
วรรคหนึ่งมิให้ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ ถ้าได้กระทาดังต่อไปนี้
(1) วิจัยหรือศึกษางานนั้น อันมิใช่การกระทาเพือหากาไร
่
(2) ใช้เพื่อประโยชน์ของตนเอง หรือเพือประโยชน์ของตนเองและบุคคลอื่น ในครอบครัวหรือญาติ
่
สนิท
(3) ติชม วิจารณ์ หรือแนะนาผลงานโดยมีการรับรู้ถึงความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ ในงานนั้น
(4) เสนอรายงานข่าวทางสื่อสารมวลชนโดยมีการรับรู้ถึงความเป็นเจ้าของ ลิขสิทธิในงานนัน
์ ้
(5) ทาซ้า ดัดแปลง นาออกแสดง หรือทาให้ปรากฏ เพื่อประโยชน์ในการ พิจารณาของศาลหรือเจ้า
พนักงานซึ่งมีอานาจตามกฎหมาย หรือในการรายงานผลการ พิจารณาดังกล่าว
(6) ทาซ้า ดัดแปลง นาออกแสดง หรือทาให้ปรากฏโดยผู้สอน เพือประโยชน์ ในการสอนของตน
่
อันมิใช่การกระทาเพื่อหากาไร
(7) ทาซ้า ดัดแปลงบางส่วนของงาน หรือตัดทอนหรือทาบทสรุปโดยผู้สอน หรือสถาบันศึกษา เพื่อ
แจกจ่ายหรือจาหน่ายแก่ผู้เรียนในชั้นเรียนหรือในสถาบันศึกษา ทังนี้ ต้องไม่เป็นการกระทาเพื่อหา
้
กาไร
(8) นางานนั้นมาใช้เป็นส่วนหนึ่งในการถามและตอบในการสอบ
79. การเขียนรายการเอกสารและสิ่งอ้างอิง
การย่อหน้า การเว้นระยะบรรทัด การเว้นระยะพิมพ์
การพิมพ์ให้ถือหลักการเว้นระยะหลังเครื่องหมายวรรคตอน ดังนี้
หลังเครื่องหมายทวิภาค (:) เว้น 1 ระยะพิมพ์
หลังเครื่องหมายอัฒภาค (;) เว้น 1 ระยะพิมพ์
หลังเครื่องหมายจุลภาค (,) เว้น 1 ระยะพิมพ์
หลังเครื่องหมายมหัพภาค (.) เว้น 2 ระยะพิมพ์
(ยกเว้นหลังอักษรย่อเว้น 1 ระยะพิมพ์)
หน้าเครื่องหมายไม่ต้องเว้นระยะพิมพ์
80. การเขียนรายการเอกสารและสิ่งอ้างอิง
การเรียงลาดับ
เรียงลาดับตามอักษรตัวแรกที่ปรากฏ ไม่ว่ารายการนั้นจะ
ขึ้นต้นด้วย ชื่อผู้แต่ง ชื่อบทความ ชือเรื่อง หรือชื่อ
่
เอกสารอ้างอิง ให้เริ่มด้วยแหล่งอ้างอิงภาษาไทยจนหมด
ก่อนจึงตามด้วยเอกสารอ้างอิงภาษาต่างประเทศ
ตัวอย่าง
นิศา ชูโต
มติชน.
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
American Psychological Association.
Rogers, E. M.
85. การเขียนรายการเอกสารและสิ่งอ้างอิง
การพิมพ์ชื่อผู้แต่ง - ผู้แต่งที่เป็นบุคคล
ผู้แต่ง 1 คน ภาษาไทยให้ขึ้นต้นด้วยชือ ตามด้วยนามสกุล กรณีที่มี
่
ฐานันดรศักดิ์ (เช่น ม.จ.ม.ร.ว. และ ม.ล.) บรรดาศักดิ์ (เช่น พระยา) ยศ
(เช่น พลเอก) ตามที่ระบุไว้ในเอกสารต้นฉบับ ให้ใส่ไว้หลังชื่อ ส่วน
ตาแหน่งทางวิชาการ ชื่อปริญญาไม่ต้องระบุ สาหรับสมณศักดิ์ให้ใช้
ตามที่ระบุในเอกสาร
เอกสารและสิ่งอ้างอิงภาษาต่างประเทศ ให้ขนต้นด้วยนามสกุล คั่นด้วย
ึ้
จุลภาค (,) และตามด้วยตัวอักษรตัวแรกของชื่อต้น ชือกลาง
่
89. การเขียนรายการเอกสารและสิ่งอ้างอิง
การพิมพ์ชื่อผู้แต่ง – ผู้แต่งเป็นสถาบัน
ให้ลงชื่อเต็มของสถาบัน โดยเรียงลาดับหน่วยงาน
ย่อยก่อนหน่วยงานใหญ่ถ้าสถาบันนั้นเป็นหน่วยงาน
รัฐบาล การระบุชื่อควรเริ่มต้นตั้งแต่กรม
ตัวอย่าง
กรมวิชาการ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์.
บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
ธนาคารแห่งประเทศไทย.
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ.
93. การเขียนรายการเอกสารและสิ่งอ้างอิง
การพิมพ์ชื่อเอกสารและสิงอ้างอิง่
การพิมพ์ชื่อเอกสารและสิ่งอ้างอิง เช่น ชื่อหนังสือ ชื่อวิทยานิพนธ์ ชื่อ
หนังสือพิมพ์ ให้พิมพ์ตัวตรงเข้ม ชื่อวิทยาศาสตร์ให้ตัวเอน
การพิมพ์ชื่อหนังสือและสิ่งอ้างอิงภาษาต่างประเทศ ให้ขึ้นต้น
ตัวอักษรแรกของทุกคาด้วยตัวอักษรพิมพ์ใหญ่ ยกเว้น คานาหน้านาม
บุพบท สันธาน แต่ถ้าคานานาม บุพบท และสันธานเป็นคาแรกของชื่อ
ก็ให้ขึ้นต้นด้วยตัวพิมพ์ใหญ่
94. การเขียนรายการเอกสารและสิ่งอ้างอิง
การพิมพ์ชื่อเอกสารและสิงอ้างอิง่
การพิมพ์ชื่อบทความในวารสารภาษาต่างประเทศ ให้ขึ้นต้นตัวอักษร
แรกของคาแรกด้วยตัวพิมพ์ใหญ่เพียงตัวเดียว คาอื่นๆ นอกนั้นใช้ตัว
เล็กหมด ยกเว้นคาเฉพาะซึ่งจาเป็น ต้องขึ้นต้นตัวอักษรตัวแรกด้วย
ตัวพิมพ์ใหญ่อยู่แล้ว ส่วนชื่อวารสารให้ขึ้นต้นตัวอักษรแรกของคาด้วย
ตัวพิมพ์ใหญ่ ยกเว้นคานาหน้าคานาม บุพบท สันธาน แต่ถ้าคาเหล่านี้
เป็นคาแรกของชื่อวารสารก็ให้ขึ้นต้นด้วยตัวพิมพ์ใหญ่
97. การเขียนรายการเอกสารและสิ่งอ้างอิง
สถานที่พมพ์
ิ
ให้ระบุสถานที่พิมพ์ ตามที่ปรากฏในเอกสารหรือสิงอ้างอิง
่
นั้นๆ
ถ้าปรากฏชือเมืองหลายเมือง ให้ระบุเมืองแรกชื่อเดียวเท่านั้น
่
กรณีไม่ปรากฏสถานทีพิมพ์ ให้ระบุตวอักษรย่อว่า ม.ป.ท.
่ ั
หรือ n.p.
99. รูปแบบและตัวอย่างการพิมพ์เอกสาร
และสิ่งอ้างอิง
หนังสือทั่วไป บทความในสารานุกรม
หนังสือแปล บทความในหนังสือพิมพ์หรือนิตยสาร
บทความในหนังสือที่ไม่มีบรรณาธิการ บทวิจารณ์หนังสือในวารสาร
บทความในหนังสือที่มีบรรณาธิการ วิทยานิพนธ์
บทความในวารสาร จุลสาร
100. รูปแบบและตัวอย่างการพิมพ์เอกสาร
และสิ่งอ้างอิง
เอกสารที่ยังไม่ได้ตีพิมพ์ หนังสือพิมพ์
เอกสารอัดสาเนาและเอกสารที่ไม่ตพมพ์อื่นๆ
ี ิ การอ้างอิงสองทอด
รายงาน โสตทัศนวัสดุ
หนังสือรายปี แฟ้มข้อมูล
ราชกิจจานุเบกษา อินเทอร์เน็ต
102. หนังสือทั่วไป
รูปแบบ
ผู้แต่ง. ปีทพิมพ์. ชื่อหนังสือ. ครั้งที่พิมพ์(ถ้ามี). สถานที่พมพ์:
ี่ ิ
สานักพิมพ์.
ตัวอย่าง
คึกฤทธิ์ ปราโมช, ม.ร.ว. 2537. “การศึกษาการสืบทอดและการ
เสริมสร้างวัฒนธรรม”. การศึกษากับการถ่ายทอดวัฒนธรรม: กรณี
หนังใหญ่วดขนอน. กรุงเทพฯ: บณิย์การพิมพ์
ั
สมบูรณ์ ไพรินทร์. ม.ป.ป. บันทึกเหตุการณ์ทางการเมืองตั้งแต่ 24
มิถุนายน 2575-2576 ธันวาคม 2515. 2 เล่ม. ม.ป.ท.
103. หนังสือแปล
รูปแบบ
ผู้แปล. ปีที่พิมพ์. ชื่อหนังสือ. สถานที่พิมพ์: สานักพิมพ์. แปลจาก
(translated from) ผู้แต่ง. ปีที่พิมพ์. ชื่อหนังสือ. สถานที่พิมพ์:
สานักพิมพ์.
ตัวอย่าง
ส. วาสนา ประวาลพฤกษ์. 2538. นักวางแผนวิจัยปฏิบัติการ.
กรุงเทพมหานคร: กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ. แปลจาก
S. Kemmis and R. McTaggart. (Eds.). 1988 The Action
Research Planner. Australia: Deakin University.
104. บทความในหนังสือที่ไม่มบรรณาธิการ
ี
หรือมีผู้เขียนคนเดียวกันตลอด
รูปแบบ
ผู้เขียนบทความ. ปีที่พิมพ์. ชื่อบทความ. ชื่อเอกสาร. จานวนเล่ม (ถ้ามี).
ครั้งที่พิมพ์(ถ้ามี). สถานที่พิมพ์, เลขหน้า.
ตัวอย่าง
ธวัชชัย ยงกิตติกุล. 2533 การเตรียมคนสาหรับระบบเศรษฐกิจไทยใน
อนาคต. รวมบทความการศึกษานอกโรงเรียน. เล่ม 9. กรุงเทพมหานคร:
โรงพิมพ์การศาสนา, หน้า 131-137.
105. บทความในหนังสือที่มี
บรรณาธิการหรือผู้รวบรวม
รูปแบบ
ผู้เขียนบทความ. ปีที่พิมพ์. ชื่อบทความ. ใน (in) ชื่อบรรณาธิการ.
ชื่อหนังสือ. จานวนเล่ม(ถ้ามี). สถานทีพิมพ์: สานักพิมพ์, เลข
่
หน้า.
ตัวอย่าง
ณรงค์ชัย อัครเศรณี. 2524. กลยุทธ์ในการระดมเงินทุนจาก
ต่างประเทศ. ในลือชัย จุลาสัย และมิ่งสรรพ์ สันติกาญจน์.
(บรรณาธิการ). เศรษฐกิจไทย: อดีตและอนาคต. กรุงเทพฯ:
บางกอกการพิมพ์, หน้า 273-293.
106. บทความในวารสาร
รูปแบบ
ผู้เขียนบทความ. ปีที่พิมพ์. ชื่อบทความ. ชื่อวารสาร ปีที่ (ฉบับที่
ถ้ามี): เลขหน้า.
ตัวอย่าง
พรพรรณ สุทธิเรืองวงศ์. 2546. บทบาทผู้นาของเกษตรหมู่บ้านเพื่อ
เพิ่มศักยภาพของชุมชนด้านการเกษตร. วิทยาสารเกษตรศาสตร์
24(1) : 28-40.
107. บทความในวารสาร
ในกรณีที่บทความไม่จบในฉบับ และยังมีพิมพ์ต่อในฉบับ
ต่อๆไป ให้ใช้เครื่องหมายอัฒภาค (;) คั่น แล้วใส่ฉบับที่
ของวารสารฉบับต่อไป คั่นด้วยเครื่องหมายทวิภาค (:)
พร้อมกากับเลขหน้า ทาเช่นนี้เรื่อยๆ จนกว่าบทความนั้นจะ
จบบริบูรณ์จึงใส่เครื่องหมายมหัพภาค (.)
ตัวอย่าง
สมชัย ฤชุพันธ์. 2519. หลักการในการจัดเก็บภาษีมรดกและภาษี
การให้. สรรพากรสาส์น 23(3): 13-23; (4): 37-53.
108. บทความในสารานุกรม
รูปแบบ
ผู้เขียนบทความ. ปีทพิมพ์. ชื่อบทความ. ชื่อสารานุกรม
ี่
เล่มที่: เลขหน้า.
ตัวอย่าง
วรศักดิ์ เพียรชอบ. 2529-2530. ฟุตบอล. สารานุกรม
ไทยฉบับราชบัณฑิตตยสถาน. 21: 13739-13745.
109. บทความในหนังสือพิมพ์หรือนิตยสาร
รูปแบบ
ผู้เขียนบทความ. ปีที่พิมพ์. ชื่อบทความ. ชื่อหนังสือพิมพ์หรือ
นิตยสาร (วัน เดือน ปี): เลขหน้า.
ตัวอย่าง
พชร สินสวัสดิ. 2536. การปรับกลยุทธ์เพื่อดึงดูดนักลงทุนไม่หนี
์
ไทย. สยามรัฐ (4 กรกฎาคม 2536): 7.