SlideShare a Scribd company logo
1 of 5
Download to read offline
บทที 1 การรู้เท่ าทันสือและสารสนเทศ (Media and Information Literacy)
       วัตถุประสงค์
                  . เพือให้ เข้ าใจคําจํากัดความและหลักการวิเคราะห์เพือการรู้เท่าทันสือ
                  . เพือให้ เข้ าใจคําจํากัดความและองค์ประกอบสําคัญของการรู้ สารสนเทศ
                 3. เพือให้ เข้ าใจหลักการวิเคราะห์เพือการรู้ เท่าทันสือและสารสนเทศ
       กิจกรรม
                  . นําสือมาวิเคราะห์องค์ประกอบต่าง ๆ
                  . วิเคราะห์ปัญหาลูกติดเกมโดยใช้ ทกษะการรู้สารสนเทศ โดยระบุปัญหา สาเหตุ และวิธี
                                                       ั
                 แก้ ปัญหาด้ วยทักษะการรู้สารสนเทศ
       ประเด็นทีควรพิจารณา
                  .ความเข้ าใจทีหลากหลายขององค์ประกอบสือ
                  .การใช้ ข้อมูลจากหลายแหล่งและความน่าเชือถือของแหล่งสารสนเทศ
                 3.การประยุกต์ทกษะการรู้ สารสนเทศในกระบวนการตัดสินใจและการแก้ ปัญหา
                                    ั

       หน่ วยที 1 ความหมาย ความสําคัญของ MIL
          การรู้ เท่าทันสือและสารสนเทศ (Media and Information Literacy) เป็ นกระบวนการที
ประกอบด้ วยหลักการของการรู้ เ ท่าทันสือ(Media Literacy) และการรู้ เท่าทันสารสนเทศ (Information
Literacy) จากสือเดิม เช่น สือสิงพิมพ์ วิทยุกระจายเสียง โทรทัศน์ ภาพยนตร์ และสือใหม่ เช่น สือดิจิทล
                                                                                                 ั
อินเทอร์ เน็ต โทรศัพท์มือถือ และสือ Social Network ต่างๆ

                 การรู้เท่ าทันสือ(Media Literacy)
                 Media Literacy เป็ นคําศัพท์วิชาการด้ านการสือสารมวลชน ทีเกิดขึนในประเทศแคนาดา
และใช้ แ พร่ ห ลายกันในประเทศสหรั ฐ อเมริ กา บางประเทศในยุโรปและญี ปุ่ น เป็ นคําเดียวกันกับคํ าว่า
media studies (ใช้ ในอังกฤษ) media education (ใช้ ในอังกฤษและฝรังเศส) และ media literacy (ใช้ ใน
อเมริ กา)เป็ นแนวคิดที ได้ รับ การยอมรั บในระดับสากล ดังได้ ระบุไว้ ในยุทธศาสตร์ การดําเนินงานด้ าน
สือสารมวลชนขององค์การยูเนสโก (UNESCO) ซึงอยู่ในกรอบแนวคิดเรื อง“การส่งเสริ มเสรี ภาพในการ
แสดงออกและการเสริ มสร้ างสมรรถนะในการเข้ าถึงข้ อมูลข่าวสารและความรู้ อย่างทัวถึง และเท่าเทียมกัน”
โดยมีหลักการหนึงระบุไว้ ว่าด้ วย “การยกระดับการรู้ เท่าทันสือให้ สูงขึน” ส่งผลให้ ประเทศสมาชิกนานา
ประเทศขององค์การยูเนสโกได้ ขานรับหลักการนี และนําไปขับเคลือนในประเทศของตน สําหรับประเทศ
ไทยนัน ได้ มีการขับเคลือนกระบวนการรู้ เท่าทันสือมาเป็ นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 10 ปี และยังต้ องการการ
ขับเคลือนต่อไปอย่างไม่หยุดยัง เพือการสร้ างภูมิค้ มกันให้ กบเยาวชนของชาติ
                                                  ุ        ั
หลักการวิเคราะห์ เพือการรู้เท่ าทันสือ
                หลักการสําหรั บการพัฒนาทักษะการรู้เท่าทันสือทีกล่าวมาข้ างต้ นทีว่าด้ วยการเข้ าถึงสือ
การวิเคราะห์ สือ การประเมินค่าสือ และการสร้ างสรรค์สือ ทักษะเหล่านีคือทักษะทีต้ องใช้ วิเคราะห์ ถึง
รายละเอียดในแบบจําลององค์ประกอบของการวิเคราะห์สือ (Key Concept Model of Media Analysis)
ดังภาพที 2.1

                                            ผู้ประกอบการสือ
                                           (Media Agencies)


                                                                             ประเภทของสือ
             ภาษาของสือ
                                                                           (Media Categories)
          (Media Languages)


                                          องค์ ประกอบของ
                                          การวิเคราะห์ สือ

            ผู้เปิ ดรับสือ
                                                                            เทคโนโลยีของสือ
         (Media Audiences)
                                                                          (Media Technologies)


                                          การนําเสนอของสือ
                                       (Media Representations)


    ภาพที . แบบจําลององค์ประกอบของการวิเคราะห์สือ (อ้ างจากพรทิพย์ เย็นจะบก,พ.ศ. 2554)

แบบจําลององค์ ประกอบของการวิเคราะห์ สือ (Key Concept Model of Media Analysis)
         แบบจําลององค์ประกอบของการวิเคราะห์สือประกอบด้ วยองค์ประกอบหลักๆทีจะต้ องพิจารณา
หรื อวิเคราะห์ประกอบกับ
                        ) ผู้ประกอบการสือ (Media Agencies)
                       ผู้ ป ระกอบการสื อหมายถึ ง เจ้ า ของหรื อ ผู้ ป ระกอบการสื อที มี อ ยู่ ห ลายระดับ
ด้ วยกัน อาจจะเป็ นระดับองค์ กร สถานี หน่วยงานราชการหรื อบริ ษัทเอกชนทีเป็ นเจ้ าของสือ หรื ออาจ
หมายถึง เจ้ าของคอลัมน์ ผู้อํานวยการผลิ ต ภาพยนตร์ เจ้ าของรายการวิท ยุ เจ้ าของรายการโทรทัศ น์
ตลอดจนผู้อุปถัมภ์ รายการที เป็ นผู้กํ าหนดเปาหมาย กํ าหนดนโยบาย กํ าหนดแนวเนื อหาและรู ป แบบ
                                            ้
รายการ ในการสร้ างสรรค์สอประเภทต่างๆออกมา
                        ื
                       2) ประเภทสือ (Media Categories)
                       สือมีอยู่หลากหลายประเภทในทีนี สือ หมายถึง สือมวลชนประเภท วิทยุ โทรทัศน์
ภาพยนตร์ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร และอินเทอร์ เน็ต ทีจําแนกตามลักษณะเฉพาะของสือ และในสือแต่ละ
ประเภทเรายัง จํ า แนกตามประเภท รู ป แบบและเนื อหาที สื อนํ า เสนอ เช่ น ในหนัง สื อ พิ ม พ์ แ ต่ล ะฉบับ
ประกอบด้ วยหลายคอลัมน์ เช่น ข่าว บทความ นิยาย รายการโทรทัศน์ก็ประกอบด้ วยรายการหลายรู ปแบบ
ในแต่ละช่วงเวลาต่าง ๆ เป็ นรายการละคร เกมโชว์ ข่าว เป็ นต้ น
                            3) เทคโนโลยีของสือ (Media Technologies)
                            เทคโนโลยีของสือ หมายถึง องค์ประกอบเชิงวิทยาศาสตร์ ทีใช้ สร้ างสือต่างๆ ขึน
เป็ นเครื องมื อ ประกอบการพิ ม พ์ การสร้ างภาพ การบัน ทึ ก ภาพ เสี ย ง ข้ อ ความ กราฟิ ก อาจจะเป็ น
เทคโนโลยีง่าย ๆ หรื อมีความสลับซับซ้ อนด้ วยระบบเครื องจักรกล ดิจิตอล คลืนแสง คลืนเสียงในระบบต่าง
ๆ ประกอบกับศิลปะแขนงต่าง ๆ ทีนํามาใช้ อย่างลงตัวในกระบวนการผลิตสือทุกประเภท
                            4) ภาษาของสือ (Media Languages)
                            สือแต่ละประเภทมีภาษาของตนเอง ผู้เปิ ดรับสือเป็ นผู้ตีความสิงทีสือนําเสนอ สือ
ทีใช้ แต่เสียงอย่างเดียว อย่างวิทยุกระจายเสียงใช้ ภาษาพูดเป็ นหลัก แต่สือสิงพิ มพ์ จะใช้ ภาษาเขียนเป็ น
หลัก ในขณะเดียวกัน สิงทีประกอบอยู่ในสือต่างๆ สามารถเป็ นสัญลักษณ์ ทีสือความหมายได้ โครงสร้ าง
การเล่าเรื อง การดําเนินเรื องของภาพยนตร์ ตางๆ ใช้ การตัดต่อภาพสือความหมายได้ ด้วยเช่นกัน ละครอาจ
                                                 ่
สือ ความดี ความชัว ผ่านตัวละครต่าง ๆ ได้ สิงทีสือด้ วยภาษาใช้ การสร้ างรหัสเพือสือความหมาย แต่ผ้ รับ  ู
สารจะเป็ นผู้ถอดรหัสและตีความออกมาตามประสบการณ์และความรู้ ของตนเอง
                            5) ผู้เปิ ดรับสือ (Media Audiences)
                            ผู้เปิ ดรั บสือหมายถึงกลุ่มเปาหมายของสือ ทีอาจเป็ นผู้ชมรายการโทรทัศน์ ผู้ฟัง
                                                         ้
รายการวิทยุ ผู้อ่านหนังสือพิมพ์ กลุ่มเปาหมายของสือแต่ละประเภทแตกต่างกันด้ วย เพศ วัย การศึกษา
                                             ้
ประสบการณ์ ความชอบ ความสนใจ ทัศนคติ ประเพณี วัฒนธรรม ซึงความหลากหลายเหล่านีจะส่งผลให้
การตีความ การรับรู้ และการเข้ าใจภาษาของสือ เนือหาของสือแตกต่างกันออกไปด้ วย ในขณะเดียวกันสือ
แต่ละประเภทจะมีกลุมเปาหมายเฉพาะของตน แต่ไม่สามารถควบคุมผู้เปิ ดรับคนอืน ๆ ได้ การตีความของ
                       ่ ้
ผู้เปิ ดรับสือจึงส่งผลกระทบในวงกว้ างได้
6) การนําเสนอของสือ (Media Representations)
                                  การนําเสนอของสือ หมายรวมถึง การนําเสนอเนือหาในรู ปแบบต่าง ๆ ของสือ ซึง
ส่ ง ผลต่อ การรั บ รู้ ของผู้ เ ปิ ดรั บ เป็ นอย่ า งยิ ง การนํ า เสนอข่ า วใหญ่ ใ นหน้ า หนึ ง ย่ อ มหมายถึง ข่ า วที มี
องค์ ป ระกอบที สํ าคัญ กว่าข่ าวเล็ก ๆ ในหน้ าใน การนํ าเสนอของละครช่วงหลังข่าวกับละครช่ วงเช้ าวัน
อาทิตย์ทําให้ เห็นคุณค่าความยิงใหญ่ของละครแตกต่างออกไป เทคนิคการนําเสนอเนือหาต่างๆ สามารถ
ทํ า ให้ ผ้ ู รับ เชื อในสิ งที อาจถู กหลอกลวงไปในทางที ผิ ด ได้ หรื อ เทคนิ ค การสร้ างภาพจํ า ลองเหตุก ารณ์
ประวัติศาสตร์ ต่าง ๆ ทําให้ คนดูมีส่วนร่ วมรับรู้ ในอดีตของชาติตนได้ ทังนีเป็ นเพราะคําทีว่า “สือทังหมดถูก
ประกอบสร้ างขึน”

                 การรู้สารสนเทศ (Information Literacy)
                 การรู้สารสนเทศ(Information Literacy) เป็ นส่วนสําคัญพืนฐานของการเรี ยนรู้ด้วยตนเอง
และการเรี ยนรู้ ตลอดชี วิต เนืองจากการรู้ สารสนเทศ หมายถึง การรู้ ว่าต้ องการสารสนเทศอะไร เมือไร
สารสนเทศนันอยู่ทีใด รู ป แบบใด เมือศึกษา ค้ นคว้ าและอ่านดูแ ล้ วเชื อถื อได้ มากน้ อยเพี ย งใด โดยการ
สังเคราะห์ก่อนทีจะนํามาไปใช้ เพือการสือสารเผยแพร่ ให้ ผ้ อืนเข้ าใจได้ ซึงองค์ประกอบสําคัญของการรู้ เท่า
                                                         ู
ทันสารสนเทศคือ
                         1) ความตระหนัก ในความต้ อ งการสารสนเทศ (Recognize information
                             needs) คือการรู้ วา ตนเองมีความต้ องการสารสนเทศใดบ้ าง
                                               ่
                         2) ความสามารถในการเข้ าถึง การประเมินคุณภาพ หรื อความน่าเชื อถื อของ
                             สารสนเทศได้ (Locate and evaluate the quality of information) คือ การ
                             รู้ วา สารสนเทศทีตนต้ องการนันสามารถทีจะหาได้ จากแหล่งใด ด้ วยวิธีการ
                                  ่
                             ใด และเมื อหามาได้ แล้ ว สามารถที จะประเมิ น ได้ ว่ า คุ ณ ภาพของ
                             สารสนเทศทีได้ มานันมีคณภาพหรื อไม่ มากน้ อยเพียงใด เป็ นต้ น
                                                    ุ
                         3) ความสามารถในการจัด เก็ บ และการสื บ ค้ น แหล่ ง สารสนเทศตามที ตน
                             ต้ องการ (Store and retrieve information) คือความรู้ ความสามารถ และ
                             ทักษะในการจัดเก็บ และการนํามาใช้ อีกได้ อย่างมีประสิทธิภาพ
                         4) ความสามารถในการใช้ ส ารสนเทศอย่ า งมี ป ระสิ ท ธิ ภ าพสอดคล้ อ งกั บ
                             คุณธรรมจริ ยธรรมของสังคมนันๆ (Make effective and ethical use of
                             information)
                         5) ความสามารถในการประยุ ก ต์ ใ ช้ สารสนเทศในการสื อสารอย่ า งมี
                             ประสิทธิ ภาพ (Apply information to create and communicate
                             knowledge)
แบบจําลององค์ ประกอบของการวิเคราะห์ สารสนเทศ (Key Concept Model of Information
Analysis)
           แบบจําลององค์ประกอบของการวิเคราะห์สารสนเทศประกอบด้ วยองค์ประกอบหลักๆหลาย
แนวทาง และแบบจําลองทีได้ รับความนิยมมากในปั จจุบนคือ แบบจําลองการรู้ สารสนเทศตามโมเดล
                                                       ั
Big Skills ทีพัฒนาขึนโดย Mike Eisenberg และ Bob Berkowitz ได้ นําไปใช้ ตงแต่ระดับอนุบาลถึง
                                                                              ั
ระดับอุดมศึกษา เพราะเป็ นทังทักษะชีวิตและทักษะการแก้ ปัญหาโดยใช้ สารสนเทศ มีการนําไปประยุกต์
เพือการเรี ยนการสอนทักษะสารสนเทศในสถาบันการศึกษาต่างๆ โดยทักษะทัง ทักษะดังกล่าวไม่
จําเป็ นต้ องเรี ยงลําดับ ได้ แก่
                                  ทักษะที การกําหนดภาระงาน (Task Definition) เป็ นการระบุปัญหา
หรื อกําหนดขอบเขตของสารสนเทศทีต้ องการใช้ และกําหนดวัตถุประสงค์เพือการค้ นหาสารสนเทศในขัน
ต่อไป
                                  ทั ก ษะที การกํ า หนดกลยุ ท ธ์ แ สวงหาสารสนเทศ (Information
Seeking Strategies) เป็ นการกําหนดว่าแหล่งสารสนเทศใดมีสารสนเทศทีต้ องการ และประเมินความ
เหมาะสมของแหล่งสารสนเทศกับปั ญหาทีได้ กําหนดไว้ ข้างต้ น เพือให้ สารสนเทศได้ ตรงกับความต้ องการ
อย่างแท้ จริ ง
                                  ทักษะที การกําหนดแหล่งสารสนเทศและการเข้ าถึงสารสนเทศ
(Location and Access) เป็ นการระบุแหล่งทีอยู่ของสารสนเทศและค้ นหาสารสนเทศตามแหล่งสารสนเทศ
ทีได้ กําหนดไว้
                                  ทักษะที การใช้ สารสนเทศ (Use of Information) เป็ นการอ่าน
พิจารณาสารสนเทศทีต้ องการ และคัดเลือกข้ อมูลข่าวสารทีเกียวข้ องออกมาใช้ ได้ ตรงกับทีต้ องการ
                                  ทักษะที 5 การสังเคราะห์ (Synthesis) เป็ นการสร้ างชินงานขึนใหม่ โดย
การใช้ เทคนิคการคิดวิเคราะห์และออกแบบงานใหม่ให้ ดีกว่าเดิม
                                  ทักษะที 6 การประเมินผล (Evaluation) เป็ นการประเมินผลงานทีได้ ทํา
ขึน รวมทังการประเมินกระบวนการแก้ ไขปั ญหาสารสนเทศด้ วย

More Related Content

Viewers also liked (14)

Il cilindro
Il cilindroIl cilindro
Il cilindro
 
Rombo
RomboRombo
Rombo
 
Insieme contro il cancro
Insieme contro il cancroInsieme contro il cancro
Insieme contro il cancro
 
Dpcs2014 brochure
Dpcs2014 brochureDpcs2014 brochure
Dpcs2014 brochure
 
Spanish grammar book pt 2
Spanish grammar book pt 2Spanish grammar book pt 2
Spanish grammar book pt 2
 
Presentació eines al núvol per a l'empresa
Presentació eines al núvol per a l'empresaPresentació eines al núvol per a l'empresa
Presentació eines al núvol per a l'empresa
 
La piramide
La piramideLa piramide
La piramide
 
Mil chapter 1_2(1)
Mil chapter 1_2(1)Mil chapter 1_2(1)
Mil chapter 1_2(1)
 
Mil chapter 1_4(1)
Mil chapter 1_4(1)Mil chapter 1_4(1)
Mil chapter 1_4(1)
 
Mil chapter 1_3(1)
Mil chapter 1_3(1)Mil chapter 1_3(1)
Mil chapter 1_3(1)
 
Mil chapter 1_3(2)
Mil chapter 1_3(2)Mil chapter 1_3(2)
Mil chapter 1_3(2)
 
Componentes del curriculo dominicano
Componentes del curriculo dominicanoComponentes del curriculo dominicano
Componentes del curriculo dominicano
 
Profesiones pamela
Profesiones pamelaProfesiones pamela
Profesiones pamela
 
Pregunta piscina Getafe Norte
Pregunta piscina Getafe NortePregunta piscina Getafe Norte
Pregunta piscina Getafe Norte
 

Mil chapter 1_1(1)

  • 1. บทที 1 การรู้เท่ าทันสือและสารสนเทศ (Media and Information Literacy) วัตถุประสงค์ . เพือให้ เข้ าใจคําจํากัดความและหลักการวิเคราะห์เพือการรู้เท่าทันสือ . เพือให้ เข้ าใจคําจํากัดความและองค์ประกอบสําคัญของการรู้ สารสนเทศ 3. เพือให้ เข้ าใจหลักการวิเคราะห์เพือการรู้ เท่าทันสือและสารสนเทศ กิจกรรม . นําสือมาวิเคราะห์องค์ประกอบต่าง ๆ . วิเคราะห์ปัญหาลูกติดเกมโดยใช้ ทกษะการรู้สารสนเทศ โดยระบุปัญหา สาเหตุ และวิธี ั แก้ ปัญหาด้ วยทักษะการรู้สารสนเทศ ประเด็นทีควรพิจารณา .ความเข้ าใจทีหลากหลายขององค์ประกอบสือ .การใช้ ข้อมูลจากหลายแหล่งและความน่าเชือถือของแหล่งสารสนเทศ 3.การประยุกต์ทกษะการรู้ สารสนเทศในกระบวนการตัดสินใจและการแก้ ปัญหา ั หน่ วยที 1 ความหมาย ความสําคัญของ MIL การรู้ เท่าทันสือและสารสนเทศ (Media and Information Literacy) เป็ นกระบวนการที ประกอบด้ วยหลักการของการรู้ เ ท่าทันสือ(Media Literacy) และการรู้ เท่าทันสารสนเทศ (Information Literacy) จากสือเดิม เช่น สือสิงพิมพ์ วิทยุกระจายเสียง โทรทัศน์ ภาพยนตร์ และสือใหม่ เช่น สือดิจิทล ั อินเทอร์ เน็ต โทรศัพท์มือถือ และสือ Social Network ต่างๆ การรู้เท่ าทันสือ(Media Literacy) Media Literacy เป็ นคําศัพท์วิชาการด้ านการสือสารมวลชน ทีเกิดขึนในประเทศแคนาดา และใช้ แ พร่ ห ลายกันในประเทศสหรั ฐ อเมริ กา บางประเทศในยุโรปและญี ปุ่ น เป็ นคําเดียวกันกับคํ าว่า media studies (ใช้ ในอังกฤษ) media education (ใช้ ในอังกฤษและฝรังเศส) และ media literacy (ใช้ ใน อเมริ กา)เป็ นแนวคิดที ได้ รับ การยอมรั บในระดับสากล ดังได้ ระบุไว้ ในยุทธศาสตร์ การดําเนินงานด้ าน สือสารมวลชนขององค์การยูเนสโก (UNESCO) ซึงอยู่ในกรอบแนวคิดเรื อง“การส่งเสริ มเสรี ภาพในการ แสดงออกและการเสริ มสร้ างสมรรถนะในการเข้ าถึงข้ อมูลข่าวสารและความรู้ อย่างทัวถึง และเท่าเทียมกัน” โดยมีหลักการหนึงระบุไว้ ว่าด้ วย “การยกระดับการรู้ เท่าทันสือให้ สูงขึน” ส่งผลให้ ประเทศสมาชิกนานา ประเทศขององค์การยูเนสโกได้ ขานรับหลักการนี และนําไปขับเคลือนในประเทศของตน สําหรับประเทศ ไทยนัน ได้ มีการขับเคลือนกระบวนการรู้ เท่าทันสือมาเป็ นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 10 ปี และยังต้ องการการ ขับเคลือนต่อไปอย่างไม่หยุดยัง เพือการสร้ างภูมิค้ มกันให้ กบเยาวชนของชาติ ุ ั
  • 2. หลักการวิเคราะห์ เพือการรู้เท่ าทันสือ หลักการสําหรั บการพัฒนาทักษะการรู้เท่าทันสือทีกล่าวมาข้ างต้ นทีว่าด้ วยการเข้ าถึงสือ การวิเคราะห์ สือ การประเมินค่าสือ และการสร้ างสรรค์สือ ทักษะเหล่านีคือทักษะทีต้ องใช้ วิเคราะห์ ถึง รายละเอียดในแบบจําลององค์ประกอบของการวิเคราะห์สือ (Key Concept Model of Media Analysis) ดังภาพที 2.1 ผู้ประกอบการสือ (Media Agencies) ประเภทของสือ ภาษาของสือ (Media Categories) (Media Languages) องค์ ประกอบของ การวิเคราะห์ สือ ผู้เปิ ดรับสือ เทคโนโลยีของสือ (Media Audiences) (Media Technologies) การนําเสนอของสือ (Media Representations) ภาพที . แบบจําลององค์ประกอบของการวิเคราะห์สือ (อ้ างจากพรทิพย์ เย็นจะบก,พ.ศ. 2554) แบบจําลององค์ ประกอบของการวิเคราะห์ สือ (Key Concept Model of Media Analysis) แบบจําลององค์ประกอบของการวิเคราะห์สือประกอบด้ วยองค์ประกอบหลักๆทีจะต้ องพิจารณา หรื อวิเคราะห์ประกอบกับ ) ผู้ประกอบการสือ (Media Agencies) ผู้ ป ระกอบการสื อหมายถึ ง เจ้ า ของหรื อ ผู้ ป ระกอบการสื อที มี อ ยู่ ห ลายระดับ ด้ วยกัน อาจจะเป็ นระดับองค์ กร สถานี หน่วยงานราชการหรื อบริ ษัทเอกชนทีเป็ นเจ้ าของสือ หรื ออาจ หมายถึง เจ้ าของคอลัมน์ ผู้อํานวยการผลิ ต ภาพยนตร์ เจ้ าของรายการวิท ยุ เจ้ าของรายการโทรทัศ น์
  • 3. ตลอดจนผู้อุปถัมภ์ รายการที เป็ นผู้กํ าหนดเปาหมาย กํ าหนดนโยบาย กํ าหนดแนวเนื อหาและรู ป แบบ ้ รายการ ในการสร้ างสรรค์สอประเภทต่างๆออกมา ื 2) ประเภทสือ (Media Categories) สือมีอยู่หลากหลายประเภทในทีนี สือ หมายถึง สือมวลชนประเภท วิทยุ โทรทัศน์ ภาพยนตร์ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร และอินเทอร์ เน็ต ทีจําแนกตามลักษณะเฉพาะของสือ และในสือแต่ละ ประเภทเรายัง จํ า แนกตามประเภท รู ป แบบและเนื อหาที สื อนํ า เสนอ เช่ น ในหนัง สื อ พิ ม พ์ แ ต่ล ะฉบับ ประกอบด้ วยหลายคอลัมน์ เช่น ข่าว บทความ นิยาย รายการโทรทัศน์ก็ประกอบด้ วยรายการหลายรู ปแบบ ในแต่ละช่วงเวลาต่าง ๆ เป็ นรายการละคร เกมโชว์ ข่าว เป็ นต้ น 3) เทคโนโลยีของสือ (Media Technologies) เทคโนโลยีของสือ หมายถึง องค์ประกอบเชิงวิทยาศาสตร์ ทีใช้ สร้ างสือต่างๆ ขึน เป็ นเครื องมื อ ประกอบการพิ ม พ์ การสร้ างภาพ การบัน ทึ ก ภาพ เสี ย ง ข้ อ ความ กราฟิ ก อาจจะเป็ น เทคโนโลยีง่าย ๆ หรื อมีความสลับซับซ้ อนด้ วยระบบเครื องจักรกล ดิจิตอล คลืนแสง คลืนเสียงในระบบต่าง ๆ ประกอบกับศิลปะแขนงต่าง ๆ ทีนํามาใช้ อย่างลงตัวในกระบวนการผลิตสือทุกประเภท 4) ภาษาของสือ (Media Languages) สือแต่ละประเภทมีภาษาของตนเอง ผู้เปิ ดรับสือเป็ นผู้ตีความสิงทีสือนําเสนอ สือ ทีใช้ แต่เสียงอย่างเดียว อย่างวิทยุกระจายเสียงใช้ ภาษาพูดเป็ นหลัก แต่สือสิงพิ มพ์ จะใช้ ภาษาเขียนเป็ น หลัก ในขณะเดียวกัน สิงทีประกอบอยู่ในสือต่างๆ สามารถเป็ นสัญลักษณ์ ทีสือความหมายได้ โครงสร้ าง การเล่าเรื อง การดําเนินเรื องของภาพยนตร์ ตางๆ ใช้ การตัดต่อภาพสือความหมายได้ ด้วยเช่นกัน ละครอาจ ่ สือ ความดี ความชัว ผ่านตัวละครต่าง ๆ ได้ สิงทีสือด้ วยภาษาใช้ การสร้ างรหัสเพือสือความหมาย แต่ผ้ รับ ู สารจะเป็ นผู้ถอดรหัสและตีความออกมาตามประสบการณ์และความรู้ ของตนเอง 5) ผู้เปิ ดรับสือ (Media Audiences) ผู้เปิ ดรั บสือหมายถึงกลุ่มเปาหมายของสือ ทีอาจเป็ นผู้ชมรายการโทรทัศน์ ผู้ฟัง ้ รายการวิทยุ ผู้อ่านหนังสือพิมพ์ กลุ่มเปาหมายของสือแต่ละประเภทแตกต่างกันด้ วย เพศ วัย การศึกษา ้ ประสบการณ์ ความชอบ ความสนใจ ทัศนคติ ประเพณี วัฒนธรรม ซึงความหลากหลายเหล่านีจะส่งผลให้ การตีความ การรับรู้ และการเข้ าใจภาษาของสือ เนือหาของสือแตกต่างกันออกไปด้ วย ในขณะเดียวกันสือ แต่ละประเภทจะมีกลุมเปาหมายเฉพาะของตน แต่ไม่สามารถควบคุมผู้เปิ ดรับคนอืน ๆ ได้ การตีความของ ่ ้ ผู้เปิ ดรับสือจึงส่งผลกระทบในวงกว้ างได้
  • 4. 6) การนําเสนอของสือ (Media Representations) การนําเสนอของสือ หมายรวมถึง การนําเสนอเนือหาในรู ปแบบต่าง ๆ ของสือ ซึง ส่ ง ผลต่อ การรั บ รู้ ของผู้ เ ปิ ดรั บ เป็ นอย่ า งยิ ง การนํ า เสนอข่ า วใหญ่ ใ นหน้ า หนึ ง ย่ อ มหมายถึง ข่ า วที มี องค์ ป ระกอบที สํ าคัญ กว่าข่ าวเล็ก ๆ ในหน้ าใน การนํ าเสนอของละครช่วงหลังข่าวกับละครช่ วงเช้ าวัน อาทิตย์ทําให้ เห็นคุณค่าความยิงใหญ่ของละครแตกต่างออกไป เทคนิคการนําเสนอเนือหาต่างๆ สามารถ ทํ า ให้ ผ้ ู รับ เชื อในสิ งที อาจถู กหลอกลวงไปในทางที ผิ ด ได้ หรื อ เทคนิ ค การสร้ างภาพจํ า ลองเหตุก ารณ์ ประวัติศาสตร์ ต่าง ๆ ทําให้ คนดูมีส่วนร่ วมรับรู้ ในอดีตของชาติตนได้ ทังนีเป็ นเพราะคําทีว่า “สือทังหมดถูก ประกอบสร้ างขึน” การรู้สารสนเทศ (Information Literacy) การรู้สารสนเทศ(Information Literacy) เป็ นส่วนสําคัญพืนฐานของการเรี ยนรู้ด้วยตนเอง และการเรี ยนรู้ ตลอดชี วิต เนืองจากการรู้ สารสนเทศ หมายถึง การรู้ ว่าต้ องการสารสนเทศอะไร เมือไร สารสนเทศนันอยู่ทีใด รู ป แบบใด เมือศึกษา ค้ นคว้ าและอ่านดูแ ล้ วเชื อถื อได้ มากน้ อยเพี ย งใด โดยการ สังเคราะห์ก่อนทีจะนํามาไปใช้ เพือการสือสารเผยแพร่ ให้ ผ้ อืนเข้ าใจได้ ซึงองค์ประกอบสําคัญของการรู้ เท่า ู ทันสารสนเทศคือ 1) ความตระหนัก ในความต้ อ งการสารสนเทศ (Recognize information needs) คือการรู้ วา ตนเองมีความต้ องการสารสนเทศใดบ้ าง ่ 2) ความสามารถในการเข้ าถึง การประเมินคุณภาพ หรื อความน่าเชื อถื อของ สารสนเทศได้ (Locate and evaluate the quality of information) คือ การ รู้ วา สารสนเทศทีตนต้ องการนันสามารถทีจะหาได้ จากแหล่งใด ด้ วยวิธีการ ่ ใด และเมื อหามาได้ แล้ ว สามารถที จะประเมิ น ได้ ว่ า คุ ณ ภาพของ สารสนเทศทีได้ มานันมีคณภาพหรื อไม่ มากน้ อยเพียงใด เป็ นต้ น ุ 3) ความสามารถในการจัด เก็ บ และการสื บ ค้ น แหล่ ง สารสนเทศตามที ตน ต้ องการ (Store and retrieve information) คือความรู้ ความสามารถ และ ทักษะในการจัดเก็บ และการนํามาใช้ อีกได้ อย่างมีประสิทธิภาพ 4) ความสามารถในการใช้ ส ารสนเทศอย่ า งมี ป ระสิ ท ธิ ภ าพสอดคล้ อ งกั บ คุณธรรมจริ ยธรรมของสังคมนันๆ (Make effective and ethical use of information) 5) ความสามารถในการประยุ ก ต์ ใ ช้ สารสนเทศในการสื อสารอย่ า งมี ประสิทธิ ภาพ (Apply information to create and communicate knowledge)
  • 5. แบบจําลององค์ ประกอบของการวิเคราะห์ สารสนเทศ (Key Concept Model of Information Analysis) แบบจําลององค์ประกอบของการวิเคราะห์สารสนเทศประกอบด้ วยองค์ประกอบหลักๆหลาย แนวทาง และแบบจําลองทีได้ รับความนิยมมากในปั จจุบนคือ แบบจําลองการรู้ สารสนเทศตามโมเดล ั Big Skills ทีพัฒนาขึนโดย Mike Eisenberg และ Bob Berkowitz ได้ นําไปใช้ ตงแต่ระดับอนุบาลถึง ั ระดับอุดมศึกษา เพราะเป็ นทังทักษะชีวิตและทักษะการแก้ ปัญหาโดยใช้ สารสนเทศ มีการนําไปประยุกต์ เพือการเรี ยนการสอนทักษะสารสนเทศในสถาบันการศึกษาต่างๆ โดยทักษะทัง ทักษะดังกล่าวไม่ จําเป็ นต้ องเรี ยงลําดับ ได้ แก่ ทักษะที การกําหนดภาระงาน (Task Definition) เป็ นการระบุปัญหา หรื อกําหนดขอบเขตของสารสนเทศทีต้ องการใช้ และกําหนดวัตถุประสงค์เพือการค้ นหาสารสนเทศในขัน ต่อไป ทั ก ษะที การกํ า หนดกลยุ ท ธ์ แ สวงหาสารสนเทศ (Information Seeking Strategies) เป็ นการกําหนดว่าแหล่งสารสนเทศใดมีสารสนเทศทีต้ องการ และประเมินความ เหมาะสมของแหล่งสารสนเทศกับปั ญหาทีได้ กําหนดไว้ ข้างต้ น เพือให้ สารสนเทศได้ ตรงกับความต้ องการ อย่างแท้ จริ ง ทักษะที การกําหนดแหล่งสารสนเทศและการเข้ าถึงสารสนเทศ (Location and Access) เป็ นการระบุแหล่งทีอยู่ของสารสนเทศและค้ นหาสารสนเทศตามแหล่งสารสนเทศ ทีได้ กําหนดไว้ ทักษะที การใช้ สารสนเทศ (Use of Information) เป็ นการอ่าน พิจารณาสารสนเทศทีต้ องการ และคัดเลือกข้ อมูลข่าวสารทีเกียวข้ องออกมาใช้ ได้ ตรงกับทีต้ องการ ทักษะที 5 การสังเคราะห์ (Synthesis) เป็ นการสร้ างชินงานขึนใหม่ โดย การใช้ เทคนิคการคิดวิเคราะห์และออกแบบงานใหม่ให้ ดีกว่าเดิม ทักษะที 6 การประเมินผล (Evaluation) เป็ นการประเมินผลงานทีได้ ทํา ขึน รวมทังการประเมินกระบวนการแก้ ไขปั ญหาสารสนเทศด้ วย