SlideShare una empresa de Scribd logo
1 de 10
Descargar para leer sin conexión
บทที่ 5
ตนทุน และจุดคุมทุน
(Cost & Break Event Point)
ในการผลิตสินคาหรือบริการนั้น จะตองมีคาใชจายหรือรายจายในปจจัยการผลิตที่ใชใน
กระบวนการผลิตเกิดขึ้นซึ่งเราเรียกวา “ตนทุนการผลิต” (cost of production) ในการวิเคราะหเชิง
เศรษฐศาสตร จํ า เป น ต อ งนํ า ตั ว เลขของต น ทุ น หรื อ ค า ใช จ า ยต า ง ๆ ในการผลิ ต ไปวิ เ คราะห
เปรียบเทียบเพื่อเลือกโครงการที่เหมาะสมที่สุด หรือใชในการวิเคราะหเพื่อหาจุดคมทุน ตนทุน
สามารถแบงออกไดเปนหลายลักษณะ ทั้งนี้ขึ้นอยูกับจุดประสงควานําไปวิเคราะหในลักษณะไหน
เชน นําไปวิเคราะหจุดคุมทุน นําไปวิเคราะหวาจะดําเนินกิจการไดหรือไม การวิเคราะหการทดแทน
ทรัพยสิน เปนตน

ตนทุนที่เกิดจากปจจัยการผลิต
เนื่องจากปจจัยการผลิตแบงออกเปน 2 ประเภท คือ ปจจัยคงที่ กับปจจัยผันแปร ดังนั้น
ตนทุนการผลิตซึ่งเปนคาใชจายหรือรายจายในปจจัยการผลิตจึงแบงตามประเภทของปจจัยการผลิต
ออกเปน 2 ประเภทเชนเดียวกัน คือ
1. ตนทุนคงที่ (fixed cost) หมายถึง คาใชจายหรือรายจายในการผลิตที่เกิดจากการใชปจจัย
คงที่ หรือกลาวอีกอยางหนึ่งไดวาตนทุนคงที่เปนคาใชจายหรือรายจายที่ไมขึ้นอยูกับปริมาณหรือ
จํานวนหนวยของผลผลิต กลาวคือ ไมวาจะผลิตปริมาณมาก ปริมาณนอย หรือไมผลิตเลย กิจการก็
จะเสียคาใชจายในจํานวนที่คงที่ ตัวอยางของตนทุนคงที่ ไดแก คาใชจายในการลงทุนซื้อที่ดิน
คาใชจายในการกอสรางอาคารสํานักงานโรงงาน เปนตน ซึ่งคาใชจายเหลานี้เปนคาใชจายที่ตายตัว
ไมเปลี่ยนแปลงตามปริมาณการผลิต สมมติเชน ตนทุนคงที่รวมเปนเงิน 1,000,000 บาทตอป ไมวา
กิจการจะผลิตสินคาหรือไม ตนทุนคงที่จะยังคงเทาเดิมคือ 1,000,000 บาท
2. ตนทุนผันแปร (variable cost) หมายถึง คาใชจายหรือรายจายในการผลิตที่เกิดจากการใช
ปจจัยผันแปร หรือกลาวอีกอยางหนึ่งไดวาตนทุนผันแปรเปนคาใชจายหรือรายจายที่ขึ้นอยูกับ
บทที่ 5 ตนทุน และจุดคุมทุน
ปริมาณของผลผลิต กลาวคือ ถาผลิตปริมาณมากก็จะเสียตนทุนมาก ถาผลิตปริมาณนอยก็จะเสีย
ตนทุนนอย และจะไมตองจายเลยถาไมมีการผลิต ตัวอยางของตนทุนผันแปร ไดแก คาใชจายที่เปน
คาแรงงาน คาวัตถุดิบ คาขนสง คาน้ําประปา คาไฟฟา ฯลฯ ตนทุนผันแปรจะมีลักษณะผันแปรไป
ตามจํานวนหนวยผลิตและขาย สมมติเชน การผลิตสินคา 5,000 ชิ้น ตนทุนคาวัตถุดิบมีคา 10,000
บาท แตเมื่อผลิตสินคาเพิ่มขึ้นเปน 10,000 ชิ้น ตนทุนคาวัตถุดิบจะสูงขึ้นเปน 20,000 บาท เปนตน
นอกจากนี้ เรายั ง สามารถแบ ง ต น ทุ น การผลิ ต ออกเป น ต น ทุ น ทางบั ญ ชี กั บ ต น ทุ น ทาง
เศรษฐศาสตร ซึ่งทั้ง 2 ประเภทมีความแตกตางกันดังนี้
1. ตนทุนทางบัญชี (business cost) หมายถึง คาใชจายตาง ๆ ที่เกิดขึ้นเนื่องจากการผลิตซึ่ง
คิดเฉพาะรายจายที่เห็นชัดเจน มีการจายเกิดขึ้นจริงๆ (explicit cost)
2. ตนทุนทางเศรษฐศาสตร (economic cost) หมายถึง คาใชจายทั้งหมดที่เกิดขึ้นเนื่องจาก
การผลิต ทั้งรายจายที่เห็นชัดเจนวามีการจายจริงและรายจายที่มองไมเห็นชัดเจนหรือไมตองจายจริง
(implicit cost) รายจายที่เห็นชัดเจนวามีการจายจริง ไดแก คาใชจายตาง ๆ ที่จายออกไปเปนตัวเงิน
เชน เงินเดือน คาจาง คาเชา ดอกเบี้ย คาวัตถุดิบ คาขนสง และอื่น ๆ รายจายที่มองไมเห็นชัดเจนวามี
การจายจริง เปนคาใชจายที่ไมไดจายออกไปเปนตัวเงิน แตผูผลิตหรือผูประกอบการจะตองประเมิน
ขึ้นมาและถือเปนตนทุนการผลิตสวนหนึ่ง ไดแก ราคาหรือผลตอบแทนของปจจัยการผลิตในสวนที่
ผูผลิตเปนเจาของเองและไดนําปจจัยนั้นมาใชรวมในการผลิต ดวย เชน นายสมชายเปดรานขาย
ของชําที่บานของตนเองหรือใชบานเปนสถานที่ทํางาน ซึ่งในกรณีนี้ นายสมชายไมไดคิดคาเชาบาน
ของตนเองที่นํามาใชในการประกอบกิจการดังกลาว ซึ่งถานายสมชายนําบานไปใหผูอื่นเชาเพื่อ
ดําเนินกิจการเขาจะตองไดรับคาเชา ดังนั้นคาเชาบานสวนที่ควรจะไดแตกลับไมไดดังกลาว ถือวา
เปนตนทุนคาเสียโอกาสของนายสมชาย (opportunity cost) ซึ่งตนทุนดังกลาวจะนํามารวมอยูใน
ตนทุนทางเศรษฐศาสตร นอกจากนี้ คาจางของนายสมชายที่ควรจะไดรับหากนายสมชายไปรับจาง
ทํางานใหผูอื่น แตกลับไมไดรับเพราะตองมาดําเนินกิจการเอง เงินคาจางสวนนี้ก็ตองนํามารวมใน
ตนทุนทางเศรษฐศาสตรดวยเชนกัน
ตนทุนที่มองไมเห็นเหลานี้จะถูกนับรวมเขาไปดวยทําใหตนทุนทางเศรษฐศาสตรสูงกวา
ตนทุน ทางบัญชี ดังนั้นกําไรในทางเศรษฐศาสตรจึงนอยกวากําไรในทางบัญชีเสมอ

68

ดร.พจน พจนพาณิชยกุล มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร
เอกสารประกอบการเรียน วิชา เศรษฐศาสตรวิศวกรรม

ชนิดของตนทุน
ตนทุนแบงออกไดหลายลักษณะ ขึ้นอยูกับการนําไปวิเคราะห ดังรายละเอียดตอไปนี้
1. ตนทุนเริ่มแรก (First Costs) ตุนทุนเริ่มแรกเปนคาใชจายเริ่มแรกหรือขั้นตนทั้งหมดของ
การลงทุน (initial investment) ของธุรกิจ ตัวอยางเชน คากอสรางตัวโรงงาน คาเครื่องจักร คาติดตั้ง
คาฝกอบรม คาขนสง คาเครื่องมือและอุปกรณสําหรับเครื่องจักร เปนตน ทั้งหมดนี้เรียกวาตนทุน
เริ่มแรก ซึ่งจะเห็นไดวาเงินทุนเริ่มแรกนั้นสําคัญมากบางโครงการตองใชเงินจํานวนมาก อาจเปน
ประการแรกที่จะเลือกหรือไมเลือกโครงการนั้นก็เปนได
2. ตนทุนดําเนินการ (Operating Costs) ตนทุนการดําเนินการจะเกิดขึ้นเมื่อเริ่มเปดกิจการ
ประกอบดวยคาแรงทางตรง (direct labor) คาวัสดุทางตรง (direct material) และคาโสหุย (factory
overhead) หรือเรียกวาคาใชจายโรงงาน เปนตน ตนทุนการดําเนินการจะเกิดขึ้นตลอดระยะเวลาของ
การดําเนินกิจการ สวนใหญจะกําหนดเปนรายป
3. ตนทุนอนาคต (Future Costs) เปนตนทุนที่เตรียมไวใชในอนาคต โดยจะตองคํานึงถึง
มูลคาของเงินที่เปลี่ยนแปลงตามระยะเวลา เชน ในปนี้เครื่องจักรมีราคา 1,000,000 บาท แต จะซื้อ
อีกในปหนา ราคาตองมีการเปลี่ยนแปลงอยางแนนอน ผูวิเคราะหการลงทุนจะตองคํานึงถึงตนทุน
อนาคตนี้ดวย
4. ตนทุนตามบัญชี (Book Costs) เปนตนทุนที่ปรากฏในบัญชีโดยที่หนักคาเสื่อมราคาใน
แตละปออก เชน ซื้อเครื่องจักรใชในการผลิตราคา 1,000,000 บาท อายุการใชงาน 5 ป ราคามูลคา
ซาก 10,000 บาท ถานําเอา 5 ไปหารราคาเครื่องจักร จะไดคาเสื่อมโดยเฉลี่ย 1,000,000/5 = 200,000
บาทตอป เมื่อใชงานไป 1 ป มูลคาตามบัญชีจะเหลือเปน 1,000,000 – 200,000 = 800,000 บาท ถา
ขายกิจการไป ราคาขายของเครื่องจักรอาจสูงหรือต่ํากวา 800,000 บาทก็เปนได
5. ตนทุนจม (Sunk Costs) เปนตนทุนที่จายไปแลวในอดีต แตยังไมสามารถคืนทุนได
ในตอนนี้ เชน ซื้อเครื่องจักรราคา 200,000 บาท ถือวาเปนตนทุนจม หลังจากใชงานไป 5 ป ก็หมด
สภาพตามบัญชี มีมูลคาซาก 20,000 บาท แตถาขายไดจริง ๆ ราคา 10,000 บาท เปนตนทุนที่จมอยู
10,000 บาท เปนตน
6. ตนทุนสวนเพิ่ม (Incremental Costs) เปนตนทุนที่เพิ่มขึ้นจากการลงทุนไวแตเดิม ซึ่ง
จะตองไดผลตอบแทนคุมกับที่ไดลงทุนเพิ่มขึ้น
7. ตนทุนทดแทนทรัพยสิน (Replacement Costs) เมื่อทรัพยสินใชไปไดระยะหนึ่งอาจจะ
ล า สมั ย หรื อ เสื่ อ มสภาพ ผลผลิ ต ลดลง ความแม น ยํ า ลดลง และทํ า ให ต น ทุ น การผลิ ต สู ง ขึ้ น
ดร.พจน พจนพาณิชยกุล มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร

69
บทที่ 5 ตนทุน และจุดคุมทุน
จึงจําเปนตองทดแทนดวยทรัพยสินที่ทันสมัยขึ้น และชวยประหยัดคาใชจายไดดีกวาเดิม ตนทุน
ทดแทนหมายถึงคาใชจายทั้งหมด รวมทั้งคาติดตั้งและสามารถดําเนินการได
8. ตนทุนเงินสด (Cash Costs) คือตนทุนที่ตองจายเปนเงินทั้งหมด เพื่อจะไดทราบการ
ไหลเวียนของเงินสดเขาและเงินสดออกนั่นเอง
9. ตนทุนเปลี่ยนยายได (Postponable Costs) เปนตนทุนที่สามารถลดหรือเพิ่มได แลวแต
ความจําเปนในระยะเวลานั้น ๆ ตัวอยางเชน คาซอมบํารุงรักษา ถามีผลกําไรมากยอมจายสูงได แต
ถาขาดทุนอาจตองลดลง เปนตน ซึ่งจะตรงกันขามกับตนทุนที่เปลี่ยนยายไมได เชน คาแรงงาน เปน
ตน
10. ตนทุนคางจายและตนทุนรอตัดบัญชี (Accrued and Deferred Costs) เปนตนทุนที่คาง
จาย หรือตนทุนที่ไดรับบริการลวงหนาแลวแตจายตอนหลัง เชน คาประกันภัย ซึ่งใหความคุมครอง
นับแตตนป แตชําระเงินตนกลางปก็ได สวนตนทุนรอตัดบัญชีก็คือตนทุนที่จายลวงหนา เชน คาเชา
คาวัสดุคงคลัง เปนตน
11. ตนทุนแยกไดและตนทุนรวม (Traceable and Common Costs) ตนทุนแยกไดนั้นเปน
ตนทุนที่สามารถกําหนดหรือแยกแยะไดแนนอนวาเปนคาใชจายอะไร เชน ตนทุนวัสดุทางตรง
คาแรงทางตรง ซึ่งประเมิ นไดงาย เปนตน สวนตนทุนที่ไมสามารถแยกไดเรียกวาตนทุนรวม ซึ่งไม
สามารถแยกแยะหรือจัดสรรใหชัดเจนได เชน คาใชไฟฟา คาน้ํา เปนตน
12. ตนทุนเพิ่มขึ้นตอหนวย (Marginal Costs) เปนตุนที่เพิ่มขึ้นตอหนวยผลิต เชน เดิมผลิต
100 หนวย ตนทุน 100 บาท คิดเปนตนทุนหนวยละ 1 บาท ถาเพิ่มการผลิตเปนอีก 50 หนวย ตนทุน
ก็เพิ่มขึ้นอีก 40 บาท คิดเปนตนทุนที่เพิ่มตอหนวย 0.80 บาทตอหนวยผลิต ซึ่งตนทุนสวนเพิ่มขึ้นตอ
หนวยนี้นิยมนําไปใชในการตัดสินใจ
13. ตนทุนควบคุมไดและตนทุนลดได (Controllable and Reducible Costs) เปนตนทุนที่
ควบคุมไดและตนทุนลดได สวนใหญเปนตนทุนการผลิตที่เราควบคุมคาใชจายตางๆ ไดระดับหนึ่ง
สวนตนทุนควบคุมไดแตลดไมไดคือทรัพยสินเครื่องอุปโภคบริโภคที่จําเปนตองใช และตนทุนที่ลด
ไดแตควบคุมไมได เชน คาโฆษณา เปนตน
14. ตนทุนเพื่อการตัดสินใจ (Decision Making Costs) สวนใหญแลวจะเปนตนทุนใน
อนาคตซึ่งวางแผนไวโดยมีทางเลือกตาง ๆ เพื่อการตัดสินใจ
15. ตนทุนเสียโอกาส (Opportunity Costs) เปนมูลคาที่สูญเสียไปจากการนําเอาทุนไปใชใน
ทางเลือกอื่น ๆ ที่ใหผลตอบแทนนอยกวาโครงการที่ควรจะเลือก เชน มีเงินอยู 100,000 บาท นําไป
ฝากธนาคารไดอัตราดอกเบี้ย 10% ตอป ไดกําไรทั้งหมด 10,000 บาทตอป แตถาเขานําเงินไปลงทุน
70

ดร.พจน พจนพาณิชยกุล มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร
เอกสารประกอบการเรียน วิชา เศรษฐศาสตรวิศวกรรม

ในโครงการที่ไดผลตอบแทนเปนกําไร 50,000 บาทตอป แตเขาไมไดเลือกเพราะคิดวาฝากธนาคาร
มั่นคงกวา จึงทําใหเขาเสียโอกาส แทนที่จะเอาทุน 100,000 บาทไปลงทุนโครงการ เปนตน
16. ตนทุนทางตรงและตนทุนทางออม (Direct and Indirect Costs) ตนทุนทางตรงเปน
ตนทุนที่ใชผลิตสินคาจริง เชน คาแรง คาวัสดุ สามารถคิดเปนคาใชจายตอหนวยที่ผลิตได สวน
ตนทุนทางออมนั้นเปนตนทุนที่ไมไดใชโดยตรงกับการผลิต และประเมินเปนคาใชจายตอหนวยได
ยาก เปนตนทุนรวม เชน คาไฟฟา คาใชจายการบริหาร เปนตน
17. ตนทุนคงที่และตนทุนแปรผัน (Fixed and Variable Costs) ตนทุนคงที่คืนตนทุนที่
เกิดขึ้นเทากันตลอดกิจกรรม เชน คาเสื่อมราคา คาประกันภัย คาเชาโรงงาน เปนตน ไมวาปริมาณ
การผลิตจะนอยหรือมาก คาใชจายจะคงที่ตลอด สวนตนทุนแปรผันคือตนทุนที่เกิดขึ้นแลวแต
จํานวนหรือปริมาณการผลิต ถาผลิตมากจายมากเชน คาแรงทางตรง คาวัสดุทางตรง เปนตน
18. ตนทุนรวม (Total Costs) เปนตนทุนรวมระหวางตนทุนคงที่และตนทุนแปร
19. ตนทุนมาตรฐาน (Standard Costs) คือ ตนทุนในการผลิตสินคาซึ่งประมาณขึ้นกอนการ
ผลิตจริง มีไวเพื่อเทียบกับการผลิตจริงวาเบี่ยงเบนไปเทาไร แลวจะปรับปรุงอยางไร
20. ตนทุนในการผลิต (Production Costs) ตนทุนในการผลิตในทางบัญชีแบงเปนคาใชจาย
3 ประเภทคือ
ก. คาวัตถุดิบทางตรง (Direct Material Costs) ซึ่งเปนวัตถุดิบที่เปนสวนประกอบที่สําคัญ
ในการผลิต และสามารถคิดเปนคาใชจายตอหนวยผลิตไดแนนอน เชน การผลิตเกาอี้
วัตถุดิบหลักคือไม ใชจํานวน 100 บาทตอเกาอี้ 1 ตัว เปนตน
ข. คาแรงงานทางตรง (Direct Labor Costs) เปนคาแรงที่สามารถชี้เฉพาะลงไปไดวาเปน
ของผลิตภัณฑใดที่ผลิตขึ้น ไดแก คาแรงงานคนงานทอผา เย็บผา เปนตน
ค. คาใชจายโรงงาน (Factory Overhead Costs) เปนคาใชจายที่เกิดขึ้นนอกเหนือไปจาก 2
ประเภทขางตนนี้ เปนคาใชจายโรงงานหรือคาโสหุยทั้งหมด เชน เงินเดือนผูจัดการ คา
น้ํา คาไฟฟา เปนตน
21. ตนทุนจากการขายและบริหาร (Distribution and Administrative Expenses) เปนตนทุน
ที่เกิดขึ้น เรียกรวม ๆ วาคาใชจายในทางการคา เปนคาใชจายที่เกิดขึ้นจากการนําเอาสินคาไปสู
ผูบริโภค เชน คาโฆษณา คานายหนา คาเงินเดือนฝายขาย เปนตน

ดร.พจน พจนพาณิชยกุล มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร

71
บทที่ 5 ตนทุน และจุดคุมทุน

ความแปรผันของตนทุน
การคํานวณหาจุดคุมทุนนั้นจะตองใชตนทุนคงที่และตนทุนแปรผันไปคํานวณ ดังนั้นถา
ประมาณตนทุนทั้งสองประเภทไมถูกตอง อาจทําใหการตัดสินใจในโครงการตาง ๆ ผิดพลาดได
ตนทุนมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา สิ่งที่ทําใหตนทุนแปรเปลี่ยนคือ
1. การผันแปรของตนทุนกับปริมาณการผลิต โดยทั่วไปถาผลิตมากขึ้น ตนทุนโดยรวม
จะตองสูงขึ้น แตตนทุนตอหนวยอาจจะลดลง
2. ลักษณะการใชจายของตนทุน การจายคาแรงเปนรายชิ้นยอมแตกตางกับการจายเปน
แบบรายเดือน คาใชจายที่จายบางอยางก็ไมแปรเปลี่ยนตามปริมาณการผลิต เชน คาประกัน คาภาษี
3. นโยบายฝายบริหาร เปนการตัดสินใจจัดซื้อของผูบริหาร เชน ซื้อเปนจํานวนนอย หรือ
จํานวนมาก ตัดสินใจโฆษณาหรือไม เปนตน เหลานี้จะมีผลตอตนทุน
4. การควบคุมการจาย ซึ่งเปนการควบคุมตนทุน ก็มีผลตอความแปรผันของตนทุนวาจะ
คุมแบบธรรมดาหรือคุมแบบเขมงวด เปนตน
5. การกําหนดปริมาณการผลิต ถาผลิตนอยกวาความสามารถของเครื่องจักร ก็อาจทําให
ตนทุนตอหนวยสูง เพราะคาใชจายคงที่ตอหนวยสูง จึงตองผลิตใหมีปริมาณที่เหมาะสม

การวิเคราะหจุดคุมทุน (Break Event Point)
จุดคุมทุน หมายถึง จุดที่รายไดรวม (Total Revenue) เทากับตนทุนรวม (Total Cost) พอดี
นั่นคือ กิจการสามารถหารายไดหลังหักคาใชจายผันแปรแลวเทากันตนทุนคงที่ หรืออีกนัยหนึ่งคือ
กิจการไมไดรับผลกําไร และไมไดรับผลขาดทุน จากการใชทรัพยสินหรือยอดกําไรเทากับศูนย
สูตร จุดคุมทุน
เมื่อ

72

P
x
FC
V

คือ
คือ
คือ
คือ

รายไดรวม = ตนทุนรวม
P(x) = FC + V(x) …………………………..(สมการที่ 5.1)
ราคาขายตอหนวย
จํานวนหนวยที่ผลิตและจําหนาย
ตนทุนคงที่รวม
ตนทุนผันแปรตอหนวย
ดร.พจน พจนพาณิชยกุล มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร
เอกสารประกอบการเรียน วิชา เศรษฐศาสตรวิศวกรรม

จากสมการที่ 5.1 ถาตองการทราบจํานวนหนวยของสินคาที่จะผลิตและจําหนาย แลวทําให
คุมทุนพอดี จะเทากับ
P(x) = FC + V(x)
P(x) – V(x) = FC
x (P – V) = FC
x

=

FC
P −V

…………………………..(สมการที่ 5.2)

P – V เรียกวา “กําไรสวนเพิ่ม” (Contribution Margin) อาจกลาวไดวา ทุก ๆ หนวยที่ขาย
เพิ่มขึ้น กิจการจะไดกําไรเพิ่มขึ้น P – V บาท
สําหรับกิจการที่มีการตั้งเปาหมายการทํากําไรเอาไว สามารถคํานวณหาจํานวนหนวยที่ขาย
แลวทําใหไดกําไรเทากับจํานวนนั้น โดยใชแนวคิดของจุดคุมทุน ไดวา
สูตร
X =
FC + กําไรทีตั้งเปาหมายไว
่
P-V
ตัวอยาง บริษัท รุงเรือง จํากัด ดําเนินกิจการผลิตและจําหนายเสื้อกันหนาว ในราคาตัวละ 500 บาท
บริษัทมีตนทุนคงที่ในการผลิตเปนเงิน 1,000,000 บาท ในการผลิตเสื้อ 1 ตัว มีตนทุนผันแปรเกิดขึ้น
จํานวน 300 บาท บริษัทตั้งเปาหมายกําไรไวเปนเงิน 150,000 บาท บริษัทตองผลิตและจําหนายเสื้อ
กันหนาวกี่ตัว
วิธีทํา จากสูตร
X =
FC + กําไรทีตั้งเปาหมายไว
่
P-V
X =
1,000,000 + 150,000
500 - 300
∴ ตองผลิต และจําหนายจํานวน =
5,750 ตัว

ดร.พจน พจนพาณิชยกุล มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร

73
บทที่ 5 ตนทุน และจุดคุมทุน
จํานวนเงิน (ลานบาท)
Total revenues
Profit
Total costs
Variable costs
1

Fixed costs

Loss

5,000

จํานวนหนวย

รูปที่ 5.1 จุดคุมทุน
จากรูป 5.1 สามารถแยกวิเคราะหได 3 ชวง ดังนี้
ชวงที่ 1 ในชวงตนที่เริ่มผลิตและจําหนายสินคา กิจการจะประสบผลขาดทุน คือ รายจายสูง
กวารายได เนื่องจากกินการในชวงนี้มีรายไดหลังหักคาใชจายผันแปรแลวยังต่ํากวาตนทุนคงที่
ชวงที่ 2 ณ ระดับการผลิตและจําหนายสินคา 5,000 หนวย กิจการมีรายไดทั้งสิ้นเทากับ
คาใชจายพอดี ยอดขาย 5,000 หนวย จึงเปนยอดขาย ณ จุดคุมทุน
ชวงที่ 3 ในชวงสุดทายที่ผลิตและจําหนายเกิน 5,000 หนวยขึ้นไป กิจการจะมีรายไดหลัง
หักคาใชจายผันแปรแลวสูงกวาคาใชจายคงที่ หรือมีรายไดทั้งสิ้นสูงกวารายจายทั้งสิ้น ดังนั้นการ
จําหนายในชวงนี้จะกอใหเกิดผลกําไร

74

ดร.พจน พจนพาณิชยกุล มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร
เอกสารประกอบการเรียน วิชา เศรษฐศาสตรวิศวกรรม

บทสรุป
ในการผลิตสินคาหรือบริการนั้น จะตองมีคาใชจายหรือรายจายในปจจัยการผลิตที่ใชใน
กระบวนการผลิตเกิดขึ้นซึ่งเราเรียกวา “ตนทุนการผลิต” (cost of production)
เนื่องจากปจจัยการผลิตแบงออกเปน 2 ประเภท คือ ปจจัยคงที่ กับปจจัยผันแปร ดังนั้น
ตนทุนการผลิตซึ่งเปนคาใชจายหรือรายจายในปจจัยการผลิตจึงแบงตามประเภทของปจจัยการผลิต
ออกเปน 2 ประเภทเชนเดียวกัน คือ
1. ตนทุนคงที่ (fixed cost) หมายถึง คาใชจายหรือรายจายในการผลิตที่เกิดจากการใชปจจัย
คงที่ หรือกลาวอีกอยางหนึ่งไดวาตนทุนคงที่เปนคาใชจายหรือรายจายที่ไมขึ้นอยูกับปริมาณหรือ
จํานวนหนวยของผลผลิต กลาวคือ ไมวาจะผลิตปริมาณมาก ปริมาณนอย หรือไมผลิตเลย กิจการก็
จะเสียคาใชจายในจํานวนที่คงที่
2. ตนทุนผันแปร (variable cost) หมายถึง คาใชจายหรือรายจายในการผลิตที่เกิดจากการใช
ปจจัยผันแปร หรือกลาวอีกอยางหนึ่งไดวาตนทุนผันแปรเปนคาใชจายหรือรายจายที่ขึ้นอยูกับ
ปริมาณของผลผลิต กลาวคือ ถาผลิตปริมาณมากก็จะเสียตนทุนมาก ถาผลิตปริมาณนอยก็จะเสีย
ตนทุนนอย และจะไมตองจายเลยถาไมมีการผลิต
นอกจากนี้ เรายั ง สามารถแบ ง ต น ทุ น การผลิ ต ออกเป น ต น ทุ น ทางบั ญ ชี กั บ ต น ทุ น ทาง
เศรษฐศาสตร ซึ่งทั้ง 2 ประเภทมีความแตกตางกันดังนี้
1. ตนทุนทางบัญชี (business cost) หมายถึง คาใชจายตาง ๆ ที่เกิดขึ้นเนื่องจากการผลิตซึ่ง
คิดเฉพาะรายจายที่เห็นชัดเจน มีการจายเกิดขึ้นจริงๆ (explicit cost)
2. ตนทุนทางเศรษฐศาสตร (economic cost) หมายถึง คาใชจายทั้งหมดที่เกิดขึ้นเนื่องจาก
การผลิต ทั้งรายจายที่เห็นชัดเจนวามีการจายจริงและรายจายที่มองไมเห็นชัดเจนหรือไมตองจายจริง
(implicit cost) รายจายที่เห็นชัดเจนวามีการจายจริง ไดแก คาใชจายตาง ๆ ที่จายออกไปเปนตัวเงิน
เชน เงินเดือน คาจาง คาเชา ดอกเบี้ย คาวัตถุดิบ คาขนสง และอื่น ๆ รายจายที่มองไมเห็นชัดเจนวามี
การจายจริง เปนคาใชจายที่ไมไดจายออกไปเปนตัวเงิน แตผูผลิตหรือผูประกอบการจะตองประเมิน
ขึ้นมาและถือเปนตนทุนการผลิตสวนหนึ่ง ไดแก ราคาหรือผลตอบแทนของปจจัยการผลิตในสวนที่
ผูผลิตเปนเจาของเองและไดนําปจจัยนั้นมาใชรวมในการผลิต ดวย
จุดคุมทุน หมายถึง จุดที่รายไดรวม (Total Revenue) เทากับตนทุนรวม (Total Cost) พอดี
นั่นคือ กิจการสามารถหารายไดหลังหักคาใชจายผันแปรแลวเทากันตนทุนคงที่ หรืออีกนัยหนึ่งคือ
กิจการไมไดรับผลกําไร และไมไดรับผลขาดทุน จากการใชทรัพยสินหรือยอดกําไรเทากับศูนย
ดร.พจน พจนพาณิชยกุล มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร

75
บทที่ 5 ตนทุน และจุดคุมทุน

คําถามประจําบทที่ 5

1. ตนทุนที่เกิดจากปจจัยการผลิต แบงออกเปนกี่ประเภท อะไรบาง จงอธิบายมาใหเขาใจ
2. ตนทุนทางบัญชี (business cost) ตางกับตนทุนทางเศรษฐศาสตร (economic cost) อยางไร
จงอธิบายมาใหเขาใจ
3. จุดคุมทุน (Break Event Point) จะเกิดขึ้นไดในกรณีใด และหากยอดการจําหนายต่ํากวา
จุดคุมทุน จะกอใหเกิดผลเชนไร
4. บริษัท สมศักดิ์ เครื่องเย็น จํากัด ทําการผลิตและจําหนายตูทําน้ําเย็น ในราคาเครื่องละ 2,500
บาท โดยที่ในการผลิตนั้นจะกอใหเกิดตนทุนคงที่ เปนจํานวนเงิน 500,000 บาท และตนทุน
ผันแปรเครื่องละ 1,500 บาท ถาบริษัททําการผลิตและจําหนายจํานวน 550 เครื่อง จะทําให
บริษัทมีผลกําไรหรือขาดทุน เทาใด
5. จากขอ 4 ถาบริษัทลดราคาจําหนายเหลือเครื่องละ 2,000 บาท จะตองทําการผลิตและ
จําหนายกี่เครื่องจึงจะกอใหเกิดการคุมทุน

76

ดร.พจน พจนพาณิชยกุล มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร

Más contenido relacionado

La actualidad más candente

การจัดการเชิงกลยุทธ์
การจัดการเชิงกลยุทธ์การจัดการเชิงกลยุทธ์
การจัดการเชิงกลยุทธ์Thida Noodaeng
 
บทที่ 6 ทฤษฎีการผลิต
บทที่ 6 ทฤษฎีการผลิตบทที่ 6 ทฤษฎีการผลิต
บทที่ 6 ทฤษฎีการผลิตOrnkapat Bualom
 
แบบทดสอบ Excel
แบบทดสอบ Excelแบบทดสอบ Excel
แบบทดสอบ Excelthanakornmaimai
 
บทที่ 1 การจัดการการผลิต และการปฏิบัติการเพื่อความยั่งยืน
บทที่ 1การจัดการการผลิตและการปฏิบัติการเพื่อความยั่งยืนบทที่ 1การจัดการการผลิตและการปฏิบัติการเพื่อความยั่งยืน
บทที่ 1 การจัดการการผลิต และการปฏิบัติการเพื่อความยั่งยืนคนป่า เถื่อนๆ
 
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง สารและการจำแนกสาร ชุดที่ 1 สสารและสาร
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง สารและการจำแนกสาร ชุดที่ 1 สสารและสารชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง สารและการจำแนกสาร ชุดที่ 1 สสารและสาร
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง สารและการจำแนกสาร ชุดที่ 1 สสารและสารKetsarin Prommajun
 
มูลค่าเงินตามเวลา
มูลค่าเงินตามเวลามูลค่าเงินตามเวลา
มูลค่าเงินตามเวลาtumetr1
 
การเงินธุรกิจ
การเงินธุรกิจการเงินธุรกิจ
การเงินธุรกิจsmile-girl
 
บทที่ 1 การจัดการการผลิตและการปฏิบัติการ
บทที่ 1 การจัดการการผลิตและการปฏิบัติการบทที่ 1 การจัดการการผลิตและการปฏิบัติการ
บทที่ 1 การจัดการการผลิตและการปฏิบัติการDr.Krisada [Hua] RMUTT
 
บทที่ 4 ชั้นกลาง 2 2003
บทที่ 4 ชั้นกลาง 2  2003บทที่ 4 ชั้นกลาง 2  2003
บทที่ 4 ชั้นกลาง 2 2003Pa'rig Prig
 
ตัวอย่างแบบจัดซื้อจัดจ้าง
ตัวอย่างแบบจัดซื้อจัดจ้างตัวอย่างแบบจัดซื้อจัดจ้าง
ตัวอย่างแบบจัดซื้อจัดจ้างSarit Kitbenja
 
การคำนวณ ผลตอบแทนจากการทำประกันชีวิต ด้วยวิธี IRR (INTERNAL RATE OF RETURN)
การคำนวณ ผลตอบแทนจากการทำประกันชีวิต ด้วยวิธี IRR (INTERNAL RATE OF RETURN)การคำนวณ ผลตอบแทนจากการทำประกันชีวิต ด้วยวิธี IRR (INTERNAL RATE OF RETURN)
การคำนวณ ผลตอบแทนจากการทำประกันชีวิต ด้วยวิธี IRR (INTERNAL RATE OF RETURN)Thailife Insurance Co.,Ltd.(PLC)
 
บทที่ 10 การประชุม
บทที่ 10 การประชุมบทที่ 10 การประชุม
บทที่ 10 การประชุมAj.Mallika Phongphaew
 
ธรรมบท โดย อาจารย์เสฐียรพงษ์ วรรณปก ไฟล์ Pdf
ธรรมบท โดย อาจารย์เสฐียรพงษ์ วรรณปก ไฟล์ Pdfธรรมบท โดย อาจารย์เสฐียรพงษ์ วรรณปก ไฟล์ Pdf
ธรรมบท โดย อาจารย์เสฐียรพงษ์ วรรณปก ไฟล์ PdfTongsamut vorasan
 
บทที่ 1 อะตอมและตารางธาตุ
บทที่ 1 อะตอมและตารางธาตุบทที่ 1 อะตอมและตารางธาตุ
บทที่ 1 อะตอมและตารางธาตุoraneehussem
 
การบริหารเงินทุนหมุนเวียน
การบริหารเงินทุนหมุนเวียนการบริหารเงินทุนหมุนเวียน
การบริหารเงินทุนหมุนเวียนtumetr1
 
สสาร ม.1
สสาร ม.1สสาร ม.1
สสาร ม.1dalarat
 
ธาตุและสารประกอบ
ธาตุและสารประกอบธาตุและสารประกอบ
ธาตุและสารประกอบwebsite22556
 
การจัดนิทรรศการ
การจัดนิทรรศการการจัดนิทรรศการ
การจัดนิทรรศการpeter dontoom
 

La actualidad más candente (20)

การจัดการเชิงกลยุทธ์
การจัดการเชิงกลยุทธ์การจัดการเชิงกลยุทธ์
การจัดการเชิงกลยุทธ์
 
บทที่ 6 ทฤษฎีการผลิต
บทที่ 6 ทฤษฎีการผลิตบทที่ 6 ทฤษฎีการผลิต
บทที่ 6 ทฤษฎีการผลิต
 
แบบทดสอบ Excel
แบบทดสอบ Excelแบบทดสอบ Excel
แบบทดสอบ Excel
 
บทที่ 1 การจัดการการผลิต และการปฏิบัติการเพื่อความยั่งยืน
บทที่ 1การจัดการการผลิตและการปฏิบัติการเพื่อความยั่งยืนบทที่ 1การจัดการการผลิตและการปฏิบัติการเพื่อความยั่งยืน
บทที่ 1 การจัดการการผลิต และการปฏิบัติการเพื่อความยั่งยืน
 
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง สารและการจำแนกสาร ชุดที่ 1 สสารและสาร
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง สารและการจำแนกสาร ชุดที่ 1 สสารและสารชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง สารและการจำแนกสาร ชุดที่ 1 สสารและสาร
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง สารและการจำแนกสาร ชุดที่ 1 สสารและสาร
 
มูลค่าเงินตามเวลา
มูลค่าเงินตามเวลามูลค่าเงินตามเวลา
มูลค่าเงินตามเวลา
 
การเงินธุรกิจ
การเงินธุรกิจการเงินธุรกิจ
การเงินธุรกิจ
 
Tas16 ppe
Tas16 ppeTas16 ppe
Tas16 ppe
 
บทที่ 1 การจัดการการผลิตและการปฏิบัติการ
บทที่ 1 การจัดการการผลิตและการปฏิบัติการบทที่ 1 การจัดการการผลิตและการปฏิบัติการ
บทที่ 1 การจัดการการผลิตและการปฏิบัติการ
 
บทที่ 4 ชั้นกลาง 2 2003
บทที่ 4 ชั้นกลาง 2  2003บทที่ 4 ชั้นกลาง 2  2003
บทที่ 4 ชั้นกลาง 2 2003
 
ตัวอย่างแบบจัดซื้อจัดจ้าง
ตัวอย่างแบบจัดซื้อจัดจ้างตัวอย่างแบบจัดซื้อจัดจ้าง
ตัวอย่างแบบจัดซื้อจัดจ้าง
 
การคำนวณ ผลตอบแทนจากการทำประกันชีวิต ด้วยวิธี IRR (INTERNAL RATE OF RETURN)
การคำนวณ ผลตอบแทนจากการทำประกันชีวิต ด้วยวิธี IRR (INTERNAL RATE OF RETURN)การคำนวณ ผลตอบแทนจากการทำประกันชีวิต ด้วยวิธี IRR (INTERNAL RATE OF RETURN)
การคำนวณ ผลตอบแทนจากการทำประกันชีวิต ด้วยวิธี IRR (INTERNAL RATE OF RETURN)
 
บทที่ 10 การประชุม
บทที่ 10 การประชุมบทที่ 10 การประชุม
บทที่ 10 การประชุม
 
ธรรมบท โดย อาจารย์เสฐียรพงษ์ วรรณปก ไฟล์ Pdf
ธรรมบท โดย อาจารย์เสฐียรพงษ์ วรรณปก ไฟล์ Pdfธรรมบท โดย อาจารย์เสฐียรพงษ์ วรรณปก ไฟล์ Pdf
ธรรมบท โดย อาจารย์เสฐียรพงษ์ วรรณปก ไฟล์ Pdf
 
03 cvp
03 cvp03 cvp
03 cvp
 
บทที่ 1 อะตอมและตารางธาตุ
บทที่ 1 อะตอมและตารางธาตุบทที่ 1 อะตอมและตารางธาตุ
บทที่ 1 อะตอมและตารางธาตุ
 
การบริหารเงินทุนหมุนเวียน
การบริหารเงินทุนหมุนเวียนการบริหารเงินทุนหมุนเวียน
การบริหารเงินทุนหมุนเวียน
 
สสาร ม.1
สสาร ม.1สสาร ม.1
สสาร ม.1
 
ธาตุและสารประกอบ
ธาตุและสารประกอบธาตุและสารประกอบ
ธาตุและสารประกอบ
 
การจัดนิทรรศการ
การจัดนิทรรศการการจัดนิทรรศการ
การจัดนิทรรศการ
 

Destacado

การบัญชีบริหาร
การบัญชีบริหารการบัญชีบริหาร
การบัญชีบริหารYeah Pitloke
 
บัญชีเบื้องต้น1
บัญชีเบื้องต้น1บัญชีเบื้องต้น1
บัญชีเบื้องต้น1Orawonya Wbac
 
แบบฝึกหัดบทที่ 7
แบบฝึกหัดบทที่ 7แบบฝึกหัดบทที่ 7
แบบฝึกหัดบทที่ 7PümPüy Ża
 
งบต้นทุนการผลิต
งบต้นทุนการผลิต งบต้นทุนการผลิต
งบต้นทุนการผลิต 0834731327
 
Managerial Accounting
Managerial AccountingManagerial Accounting
Managerial Accountingtltutortutor
 
งบการเงิน
งบการเงินงบการเงิน
งบการเงินsiriwaan seudee
 
Ch7 การบัญชีกิจการอุตสาหกรรม
Ch7 การบัญชีกิจการอุตสาหกรรมCh7 การบัญชีกิจการอุตสาหกรรม
Ch7 การบัญชีกิจการอุตสาหกรรมple2516
 
Managerial Accounting 101
Managerial Accounting 101Managerial Accounting 101
Managerial Accounting 101lsbryant
 
โครงสร้างทางการเงินและการจัดหาเงินทุน
โครงสร้างทางการเงินและการจัดหาเงินทุนโครงสร้างทางการเงินและการจัดหาเงินทุน
โครงสร้างทางการเงินและการจัดหาเงินทุนtumetr1
 
การบัญชีขั้นต้น 1
การบัญชีขั้นต้น 1การบัญชีขั้นต้น 1
การบัญชีขั้นต้น 1Siriya Lekkang
 
ความยืดหยุ่นของอุปสงค์ (Elasticity of demand)
ความยืดหยุ่นของอุปสงค์ (Elasticity of demand)ความยืดหยุ่นของอุปสงค์ (Elasticity of demand)
ความยืดหยุ่นของอุปสงค์ (Elasticity of demand)Areewan Plienduang
 
บทที่ 8 การกำหนดราคา และผลผลิตในตลาด
บทที่ 8 การกำหนดราคา และผลผลิตในตลาดบทที่ 8 การกำหนดราคา และผลผลิตในตลาด
บทที่ 8 การกำหนดราคา และผลผลิตในตลาดOrnkapat Bualom
 

Destacado (20)

การบัญชีบริหาร
การบัญชีบริหารการบัญชีบริหาร
การบัญชีบริหาร
 
บัญชีต้นทุน1
บัญชีต้นทุน1บัญชีต้นทุน1
บัญชีต้นทุน1
 
วิชาต้นทุน บทที่ 2 ต้นทุนและงบ 1
วิชาต้นทุน บทที่ 2 ต้นทุนและงบ 1วิชาต้นทุน บทที่ 2 ต้นทุนและงบ 1
วิชาต้นทุน บทที่ 2 ต้นทุนและงบ 1
 
บัญชีเบื้องต้น1
บัญชีเบื้องต้น1บัญชีเบื้องต้น1
บัญชีเบื้องต้น1
 
แบบฝึกหัดบทที่ 7
แบบฝึกหัดบทที่ 7แบบฝึกหัดบทที่ 7
แบบฝึกหัดบทที่ 7
 
งบต้นทุนการผลิต
งบต้นทุนการผลิต งบต้นทุนการผลิต
งบต้นทุนการผลิต
 
Managerial Accounting
Managerial AccountingManagerial Accounting
Managerial Accounting
 
งบการเงิน
งบการเงินงบการเงิน
งบการเงิน
 
Ch7 การบัญชีกิจการอุตสาหกรรม
Ch7 การบัญชีกิจการอุตสาหกรรมCh7 การบัญชีกิจการอุตสาหกรรม
Ch7 การบัญชีกิจการอุตสาหกรรม
 
Managerial Accounting 101
Managerial Accounting 101Managerial Accounting 101
Managerial Accounting 101
 
สรุปแนวข้อสอบการเงิน
สรุปแนวข้อสอบการเงินสรุปแนวข้อสอบการเงิน
สรุปแนวข้อสอบการเงิน
 
Ch5
Ch5Ch5
Ch5
 
โครงสร้างทางการเงินและการจัดหาเงินทุน
โครงสร้างทางการเงินและการจัดหาเงินทุนโครงสร้างทางการเงินและการจัดหาเงินทุน
โครงสร้างทางการเงินและการจัดหาเงินทุน
 
การบัญชีขั้นต้น 1
การบัญชีขั้นต้น 1การบัญชีขั้นต้น 1
การบัญชีขั้นต้น 1
 
Ch4
Ch4Ch4
Ch4
 
Chapter 1
Chapter 1Chapter 1
Chapter 1
 
Chapter 1
Chapter 1Chapter 1
Chapter 1
 
09chap3
09chap309chap3
09chap3
 
ความยืดหยุ่นของอุปสงค์ (Elasticity of demand)
ความยืดหยุ่นของอุปสงค์ (Elasticity of demand)ความยืดหยุ่นของอุปสงค์ (Elasticity of demand)
ความยืดหยุ่นของอุปสงค์ (Elasticity of demand)
 
บทที่ 8 การกำหนดราคา และผลผลิตในตลาด
บทที่ 8 การกำหนดราคา และผลผลิตในตลาดบทที่ 8 การกำหนดราคา และผลผลิตในตลาด
บทที่ 8 การกำหนดราคา และผลผลิตในตลาด
 

Similar a บทที่5ต้นทุนและจุดคุ้มทุน

1แผนธุรกิจ 1
1แผนธุรกิจ 11แผนธุรกิจ 1
1แผนธุรกิจ 1tonmai
 
หลักการทำบัญชีชุมชน และการเป็นผู้ประกอบการชุมชน
หลักการทำบัญชีชุมชน และการเป็นผู้ประกอบการชุมชนหลักการทำบัญชีชุมชน และการเป็นผู้ประกอบการชุมชน
หลักการทำบัญชีชุมชน และการเป็นผู้ประกอบการชุมชนtelecentreacademy
 
บทที่ 1 ความรู้พื้นฐานทางการบัญชี.pdf
บทที่ 1 ความรู้พื้นฐานทางการบัญชี.pdfบทที่ 1 ความรู้พื้นฐานทางการบัญชี.pdf
บทที่ 1 ความรู้พื้นฐานทางการบัญชี.pdfdrchanidap
 
การบริหารสินทรัพย์และสิ่งของเครื่องใช้
การบริหารสินทรัพย์และสิ่งของเครื่องใช้การบริหารสินทรัพย์และสิ่งของเครื่องใช้
การบริหารสินทรัพย์และสิ่งของเครื่องใช้สมพร บุญนวล
 
เรื่องที่ 2 การวิเคราะห์เลือกทำเลที่ตั้ง การจัดการด้านการค้าปลีก
เรื่องที่ 2 การวิเคราะห์เลือกทำเลที่ตั้ง การจัดการด้านการค้าปลีกเรื่องที่ 2 การวิเคราะห์เลือกทำเลที่ตั้ง การจัดการด้านการค้าปลีก
เรื่องที่ 2 การวิเคราะห์เลือกทำเลที่ตั้ง การจัดการด้านการค้าปลีกsupatra39
 
Seminar 8 1 07
Seminar 8 1 07Seminar 8 1 07
Seminar 8 1 07Jajew
 
The little book of valuation edit1
The little book of valuation edit1The little book of valuation edit1
The little book of valuation edit1Aonkung Hawhan
 
ระเบียนประวัติลูกค้า
ระเบียนประวัติลูกค้าระเบียนประวัติลูกค้า
ระเบียนประวัติลูกค้าSanphat Leowarin
 
บทที่1
บทที่1บทที่1
บทที่1praphol
 
คู่มือการเขียนแผนธุรกิจ2
คู่มือการเขียนแผนธุรกิจ2คู่มือการเขียนแผนธุรกิจ2
คู่มือการเขียนแผนธุรกิจ2Mobile_Clinic
 
เรื่องที่ 2 การวิเคราะห์เลือกทำเลที่ตั้ง การจัดการด้านการค้าปลีก
เรื่องที่ 2 การวิเคราะห์เลือกทำเลที่ตั้ง การจัดการด้านการค้าปลีกเรื่องที่ 2 การวิเคราะห์เลือกทำเลที่ตั้ง การจัดการด้านการค้าปลีก
เรื่องที่ 2 การวิเคราะห์เลือกทำเลที่ตั้ง การจัดการด้านการค้าปลีกarm_smiley
 

Similar a บทที่5ต้นทุนและจุดคุ้มทุน (20)

ฉลาดใช้ฉลาดออม
ฉลาดใช้ฉลาดออมฉลาดใช้ฉลาดออม
ฉลาดใช้ฉลาดออม
 
1แผนธุรกิจ 1
1แผนธุรกิจ 11แผนธุรกิจ 1
1แผนธุรกิจ 1
 
หลักการทำบัญชีชุมชน และการเป็นผู้ประกอบการชุมชน
หลักการทำบัญชีชุมชน และการเป็นผู้ประกอบการชุมชนหลักการทำบัญชีชุมชน และการเป็นผู้ประกอบการชุมชน
หลักการทำบัญชีชุมชน และการเป็นผู้ประกอบการชุมชน
 
บทที่ 1 ความรู้พื้นฐานทางการบัญชี.pdf
บทที่ 1 ความรู้พื้นฐานทางการบัญชี.pdfบทที่ 1 ความรู้พื้นฐานทางการบัญชี.pdf
บทที่ 1 ความรู้พื้นฐานทางการบัญชี.pdf
 
การบริหารสินทรัพย์และสิ่งของเครื่องใช้
การบริหารสินทรัพย์และสิ่งของเครื่องใช้การบริหารสินทรัพย์และสิ่งของเครื่องใช้
การบริหารสินทรัพย์และสิ่งของเครื่องใช้
 
เรื่องที่ 2 การวิเคราะห์เลือกทำเลที่ตั้ง การจัดการด้านการค้าปลีก
เรื่องที่ 2 การวิเคราะห์เลือกทำเลที่ตั้ง การจัดการด้านการค้าปลีกเรื่องที่ 2 การวิเคราะห์เลือกทำเลที่ตั้ง การจัดการด้านการค้าปลีก
เรื่องที่ 2 การวิเคราะห์เลือกทำเลที่ตั้ง การจัดการด้านการค้าปลีก
 
Seminar 8 1 07
Seminar 8 1 07Seminar 8 1 07
Seminar 8 1 07
 
Business model to Business plan
Business model to Business planBusiness model to Business plan
Business model to Business plan
 
The little book of valuation edit1
The little book of valuation edit1The little book of valuation edit1
The little book of valuation edit1
 
ใบงานที่ T7
ใบงานที่ T7ใบงานที่ T7
ใบงานที่ T7
 
ระเบียนประวัติลูกค้า
ระเบียนประวัติลูกค้าระเบียนประวัติลูกค้า
ระเบียนประวัติลูกค้า
 
Hw3 1-54
Hw3 1-54Hw3 1-54
Hw3 1-54
 
Hw3 1-54
Hw3 1-54Hw3 1-54
Hw3 1-54
 
Hw3 1-54
Hw3 1-54Hw3 1-54
Hw3 1-54
 
08 businessfinance v1
08 businessfinance v108 businessfinance v1
08 businessfinance v1
 
Chapter 6
Chapter 6Chapter 6
Chapter 6
 
บทที่1
บทที่1บทที่1
บทที่1
 
บัญชี
บัญชีบัญชี
บัญชี
 
คู่มือการเขียนแผนธุรกิจ2
คู่มือการเขียนแผนธุรกิจ2คู่มือการเขียนแผนธุรกิจ2
คู่มือการเขียนแผนธุรกิจ2
 
เรื่องที่ 2 การวิเคราะห์เลือกทำเลที่ตั้ง การจัดการด้านการค้าปลีก
เรื่องที่ 2 การวิเคราะห์เลือกทำเลที่ตั้ง การจัดการด้านการค้าปลีกเรื่องที่ 2 การวิเคราะห์เลือกทำเลที่ตั้ง การจัดการด้านการค้าปลีก
เรื่องที่ 2 การวิเคราะห์เลือกทำเลที่ตั้ง การจัดการด้านการค้าปลีก
 

บทที่5ต้นทุนและจุดคุ้มทุน

  • 1. บทที่ 5 ตนทุน และจุดคุมทุน (Cost & Break Event Point) ในการผลิตสินคาหรือบริการนั้น จะตองมีคาใชจายหรือรายจายในปจจัยการผลิตที่ใชใน กระบวนการผลิตเกิดขึ้นซึ่งเราเรียกวา “ตนทุนการผลิต” (cost of production) ในการวิเคราะหเชิง เศรษฐศาสตร จํ า เป น ต อ งนํ า ตั ว เลขของต น ทุ น หรื อ ค า ใช จ า ยต า ง ๆ ในการผลิ ต ไปวิ เ คราะห เปรียบเทียบเพื่อเลือกโครงการที่เหมาะสมที่สุด หรือใชในการวิเคราะหเพื่อหาจุดคมทุน ตนทุน สามารถแบงออกไดเปนหลายลักษณะ ทั้งนี้ขึ้นอยูกับจุดประสงควานําไปวิเคราะหในลักษณะไหน เชน นําไปวิเคราะหจุดคุมทุน นําไปวิเคราะหวาจะดําเนินกิจการไดหรือไม การวิเคราะหการทดแทน ทรัพยสิน เปนตน ตนทุนที่เกิดจากปจจัยการผลิต เนื่องจากปจจัยการผลิตแบงออกเปน 2 ประเภท คือ ปจจัยคงที่ กับปจจัยผันแปร ดังนั้น ตนทุนการผลิตซึ่งเปนคาใชจายหรือรายจายในปจจัยการผลิตจึงแบงตามประเภทของปจจัยการผลิต ออกเปน 2 ประเภทเชนเดียวกัน คือ 1. ตนทุนคงที่ (fixed cost) หมายถึง คาใชจายหรือรายจายในการผลิตที่เกิดจากการใชปจจัย คงที่ หรือกลาวอีกอยางหนึ่งไดวาตนทุนคงที่เปนคาใชจายหรือรายจายที่ไมขึ้นอยูกับปริมาณหรือ จํานวนหนวยของผลผลิต กลาวคือ ไมวาจะผลิตปริมาณมาก ปริมาณนอย หรือไมผลิตเลย กิจการก็ จะเสียคาใชจายในจํานวนที่คงที่ ตัวอยางของตนทุนคงที่ ไดแก คาใชจายในการลงทุนซื้อที่ดิน คาใชจายในการกอสรางอาคารสํานักงานโรงงาน เปนตน ซึ่งคาใชจายเหลานี้เปนคาใชจายที่ตายตัว ไมเปลี่ยนแปลงตามปริมาณการผลิต สมมติเชน ตนทุนคงที่รวมเปนเงิน 1,000,000 บาทตอป ไมวา กิจการจะผลิตสินคาหรือไม ตนทุนคงที่จะยังคงเทาเดิมคือ 1,000,000 บาท 2. ตนทุนผันแปร (variable cost) หมายถึง คาใชจายหรือรายจายในการผลิตที่เกิดจากการใช ปจจัยผันแปร หรือกลาวอีกอยางหนึ่งไดวาตนทุนผันแปรเปนคาใชจายหรือรายจายที่ขึ้นอยูกับ
  • 2. บทที่ 5 ตนทุน และจุดคุมทุน ปริมาณของผลผลิต กลาวคือ ถาผลิตปริมาณมากก็จะเสียตนทุนมาก ถาผลิตปริมาณนอยก็จะเสีย ตนทุนนอย และจะไมตองจายเลยถาไมมีการผลิต ตัวอยางของตนทุนผันแปร ไดแก คาใชจายที่เปน คาแรงงาน คาวัตถุดิบ คาขนสง คาน้ําประปา คาไฟฟา ฯลฯ ตนทุนผันแปรจะมีลักษณะผันแปรไป ตามจํานวนหนวยผลิตและขาย สมมติเชน การผลิตสินคา 5,000 ชิ้น ตนทุนคาวัตถุดิบมีคา 10,000 บาท แตเมื่อผลิตสินคาเพิ่มขึ้นเปน 10,000 ชิ้น ตนทุนคาวัตถุดิบจะสูงขึ้นเปน 20,000 บาท เปนตน นอกจากนี้ เรายั ง สามารถแบ ง ต น ทุ น การผลิ ต ออกเป น ต น ทุ น ทางบั ญ ชี กั บ ต น ทุ น ทาง เศรษฐศาสตร ซึ่งทั้ง 2 ประเภทมีความแตกตางกันดังนี้ 1. ตนทุนทางบัญชี (business cost) หมายถึง คาใชจายตาง ๆ ที่เกิดขึ้นเนื่องจากการผลิตซึ่ง คิดเฉพาะรายจายที่เห็นชัดเจน มีการจายเกิดขึ้นจริงๆ (explicit cost) 2. ตนทุนทางเศรษฐศาสตร (economic cost) หมายถึง คาใชจายทั้งหมดที่เกิดขึ้นเนื่องจาก การผลิต ทั้งรายจายที่เห็นชัดเจนวามีการจายจริงและรายจายที่มองไมเห็นชัดเจนหรือไมตองจายจริง (implicit cost) รายจายที่เห็นชัดเจนวามีการจายจริง ไดแก คาใชจายตาง ๆ ที่จายออกไปเปนตัวเงิน เชน เงินเดือน คาจาง คาเชา ดอกเบี้ย คาวัตถุดิบ คาขนสง และอื่น ๆ รายจายที่มองไมเห็นชัดเจนวามี การจายจริง เปนคาใชจายที่ไมไดจายออกไปเปนตัวเงิน แตผูผลิตหรือผูประกอบการจะตองประเมิน ขึ้นมาและถือเปนตนทุนการผลิตสวนหนึ่ง ไดแก ราคาหรือผลตอบแทนของปจจัยการผลิตในสวนที่ ผูผลิตเปนเจาของเองและไดนําปจจัยนั้นมาใชรวมในการผลิต ดวย เชน นายสมชายเปดรานขาย ของชําที่บานของตนเองหรือใชบานเปนสถานที่ทํางาน ซึ่งในกรณีนี้ นายสมชายไมไดคิดคาเชาบาน ของตนเองที่นํามาใชในการประกอบกิจการดังกลาว ซึ่งถานายสมชายนําบานไปใหผูอื่นเชาเพื่อ ดําเนินกิจการเขาจะตองไดรับคาเชา ดังนั้นคาเชาบานสวนที่ควรจะไดแตกลับไมไดดังกลาว ถือวา เปนตนทุนคาเสียโอกาสของนายสมชาย (opportunity cost) ซึ่งตนทุนดังกลาวจะนํามารวมอยูใน ตนทุนทางเศรษฐศาสตร นอกจากนี้ คาจางของนายสมชายที่ควรจะไดรับหากนายสมชายไปรับจาง ทํางานใหผูอื่น แตกลับไมไดรับเพราะตองมาดําเนินกิจการเอง เงินคาจางสวนนี้ก็ตองนํามารวมใน ตนทุนทางเศรษฐศาสตรดวยเชนกัน ตนทุนที่มองไมเห็นเหลานี้จะถูกนับรวมเขาไปดวยทําใหตนทุนทางเศรษฐศาสตรสูงกวา ตนทุน ทางบัญชี ดังนั้นกําไรในทางเศรษฐศาสตรจึงนอยกวากําไรในทางบัญชีเสมอ 68 ดร.พจน พจนพาณิชยกุล มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร
  • 3. เอกสารประกอบการเรียน วิชา เศรษฐศาสตรวิศวกรรม ชนิดของตนทุน ตนทุนแบงออกไดหลายลักษณะ ขึ้นอยูกับการนําไปวิเคราะห ดังรายละเอียดตอไปนี้ 1. ตนทุนเริ่มแรก (First Costs) ตุนทุนเริ่มแรกเปนคาใชจายเริ่มแรกหรือขั้นตนทั้งหมดของ การลงทุน (initial investment) ของธุรกิจ ตัวอยางเชน คากอสรางตัวโรงงาน คาเครื่องจักร คาติดตั้ง คาฝกอบรม คาขนสง คาเครื่องมือและอุปกรณสําหรับเครื่องจักร เปนตน ทั้งหมดนี้เรียกวาตนทุน เริ่มแรก ซึ่งจะเห็นไดวาเงินทุนเริ่มแรกนั้นสําคัญมากบางโครงการตองใชเงินจํานวนมาก อาจเปน ประการแรกที่จะเลือกหรือไมเลือกโครงการนั้นก็เปนได 2. ตนทุนดําเนินการ (Operating Costs) ตนทุนการดําเนินการจะเกิดขึ้นเมื่อเริ่มเปดกิจการ ประกอบดวยคาแรงทางตรง (direct labor) คาวัสดุทางตรง (direct material) และคาโสหุย (factory overhead) หรือเรียกวาคาใชจายโรงงาน เปนตน ตนทุนการดําเนินการจะเกิดขึ้นตลอดระยะเวลาของ การดําเนินกิจการ สวนใหญจะกําหนดเปนรายป 3. ตนทุนอนาคต (Future Costs) เปนตนทุนที่เตรียมไวใชในอนาคต โดยจะตองคํานึงถึง มูลคาของเงินที่เปลี่ยนแปลงตามระยะเวลา เชน ในปนี้เครื่องจักรมีราคา 1,000,000 บาท แต จะซื้อ อีกในปหนา ราคาตองมีการเปลี่ยนแปลงอยางแนนอน ผูวิเคราะหการลงทุนจะตองคํานึงถึงตนทุน อนาคตนี้ดวย 4. ตนทุนตามบัญชี (Book Costs) เปนตนทุนที่ปรากฏในบัญชีโดยที่หนักคาเสื่อมราคาใน แตละปออก เชน ซื้อเครื่องจักรใชในการผลิตราคา 1,000,000 บาท อายุการใชงาน 5 ป ราคามูลคา ซาก 10,000 บาท ถานําเอา 5 ไปหารราคาเครื่องจักร จะไดคาเสื่อมโดยเฉลี่ย 1,000,000/5 = 200,000 บาทตอป เมื่อใชงานไป 1 ป มูลคาตามบัญชีจะเหลือเปน 1,000,000 – 200,000 = 800,000 บาท ถา ขายกิจการไป ราคาขายของเครื่องจักรอาจสูงหรือต่ํากวา 800,000 บาทก็เปนได 5. ตนทุนจม (Sunk Costs) เปนตนทุนที่จายไปแลวในอดีต แตยังไมสามารถคืนทุนได ในตอนนี้ เชน ซื้อเครื่องจักรราคา 200,000 บาท ถือวาเปนตนทุนจม หลังจากใชงานไป 5 ป ก็หมด สภาพตามบัญชี มีมูลคาซาก 20,000 บาท แตถาขายไดจริง ๆ ราคา 10,000 บาท เปนตนทุนที่จมอยู 10,000 บาท เปนตน 6. ตนทุนสวนเพิ่ม (Incremental Costs) เปนตนทุนที่เพิ่มขึ้นจากการลงทุนไวแตเดิม ซึ่ง จะตองไดผลตอบแทนคุมกับที่ไดลงทุนเพิ่มขึ้น 7. ตนทุนทดแทนทรัพยสิน (Replacement Costs) เมื่อทรัพยสินใชไปไดระยะหนึ่งอาจจะ ล า สมั ย หรื อ เสื่ อ มสภาพ ผลผลิ ต ลดลง ความแม น ยํ า ลดลง และทํ า ให ต น ทุ น การผลิ ต สู ง ขึ้ น ดร.พจน พจนพาณิชยกุล มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร 69
  • 4. บทที่ 5 ตนทุน และจุดคุมทุน จึงจําเปนตองทดแทนดวยทรัพยสินที่ทันสมัยขึ้น และชวยประหยัดคาใชจายไดดีกวาเดิม ตนทุน ทดแทนหมายถึงคาใชจายทั้งหมด รวมทั้งคาติดตั้งและสามารถดําเนินการได 8. ตนทุนเงินสด (Cash Costs) คือตนทุนที่ตองจายเปนเงินทั้งหมด เพื่อจะไดทราบการ ไหลเวียนของเงินสดเขาและเงินสดออกนั่นเอง 9. ตนทุนเปลี่ยนยายได (Postponable Costs) เปนตนทุนที่สามารถลดหรือเพิ่มได แลวแต ความจําเปนในระยะเวลานั้น ๆ ตัวอยางเชน คาซอมบํารุงรักษา ถามีผลกําไรมากยอมจายสูงได แต ถาขาดทุนอาจตองลดลง เปนตน ซึ่งจะตรงกันขามกับตนทุนที่เปลี่ยนยายไมได เชน คาแรงงาน เปน ตน 10. ตนทุนคางจายและตนทุนรอตัดบัญชี (Accrued and Deferred Costs) เปนตนทุนที่คาง จาย หรือตนทุนที่ไดรับบริการลวงหนาแลวแตจายตอนหลัง เชน คาประกันภัย ซึ่งใหความคุมครอง นับแตตนป แตชําระเงินตนกลางปก็ได สวนตนทุนรอตัดบัญชีก็คือตนทุนที่จายลวงหนา เชน คาเชา คาวัสดุคงคลัง เปนตน 11. ตนทุนแยกไดและตนทุนรวม (Traceable and Common Costs) ตนทุนแยกไดนั้นเปน ตนทุนที่สามารถกําหนดหรือแยกแยะไดแนนอนวาเปนคาใชจายอะไร เชน ตนทุนวัสดุทางตรง คาแรงทางตรง ซึ่งประเมิ นไดงาย เปนตน สวนตนทุนที่ไมสามารถแยกไดเรียกวาตนทุนรวม ซึ่งไม สามารถแยกแยะหรือจัดสรรใหชัดเจนได เชน คาใชไฟฟา คาน้ํา เปนตน 12. ตนทุนเพิ่มขึ้นตอหนวย (Marginal Costs) เปนตุนที่เพิ่มขึ้นตอหนวยผลิต เชน เดิมผลิต 100 หนวย ตนทุน 100 บาท คิดเปนตนทุนหนวยละ 1 บาท ถาเพิ่มการผลิตเปนอีก 50 หนวย ตนทุน ก็เพิ่มขึ้นอีก 40 บาท คิดเปนตนทุนที่เพิ่มตอหนวย 0.80 บาทตอหนวยผลิต ซึ่งตนทุนสวนเพิ่มขึ้นตอ หนวยนี้นิยมนําไปใชในการตัดสินใจ 13. ตนทุนควบคุมไดและตนทุนลดได (Controllable and Reducible Costs) เปนตนทุนที่ ควบคุมไดและตนทุนลดได สวนใหญเปนตนทุนการผลิตที่เราควบคุมคาใชจายตางๆ ไดระดับหนึ่ง สวนตนทุนควบคุมไดแตลดไมไดคือทรัพยสินเครื่องอุปโภคบริโภคที่จําเปนตองใช และตนทุนที่ลด ไดแตควบคุมไมได เชน คาโฆษณา เปนตน 14. ตนทุนเพื่อการตัดสินใจ (Decision Making Costs) สวนใหญแลวจะเปนตนทุนใน อนาคตซึ่งวางแผนไวโดยมีทางเลือกตาง ๆ เพื่อการตัดสินใจ 15. ตนทุนเสียโอกาส (Opportunity Costs) เปนมูลคาที่สูญเสียไปจากการนําเอาทุนไปใชใน ทางเลือกอื่น ๆ ที่ใหผลตอบแทนนอยกวาโครงการที่ควรจะเลือก เชน มีเงินอยู 100,000 บาท นําไป ฝากธนาคารไดอัตราดอกเบี้ย 10% ตอป ไดกําไรทั้งหมด 10,000 บาทตอป แตถาเขานําเงินไปลงทุน 70 ดร.พจน พจนพาณิชยกุล มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร
  • 5. เอกสารประกอบการเรียน วิชา เศรษฐศาสตรวิศวกรรม ในโครงการที่ไดผลตอบแทนเปนกําไร 50,000 บาทตอป แตเขาไมไดเลือกเพราะคิดวาฝากธนาคาร มั่นคงกวา จึงทําใหเขาเสียโอกาส แทนที่จะเอาทุน 100,000 บาทไปลงทุนโครงการ เปนตน 16. ตนทุนทางตรงและตนทุนทางออม (Direct and Indirect Costs) ตนทุนทางตรงเปน ตนทุนที่ใชผลิตสินคาจริง เชน คาแรง คาวัสดุ สามารถคิดเปนคาใชจายตอหนวยที่ผลิตได สวน ตนทุนทางออมนั้นเปนตนทุนที่ไมไดใชโดยตรงกับการผลิต และประเมินเปนคาใชจายตอหนวยได ยาก เปนตนทุนรวม เชน คาไฟฟา คาใชจายการบริหาร เปนตน 17. ตนทุนคงที่และตนทุนแปรผัน (Fixed and Variable Costs) ตนทุนคงที่คืนตนทุนที่ เกิดขึ้นเทากันตลอดกิจกรรม เชน คาเสื่อมราคา คาประกันภัย คาเชาโรงงาน เปนตน ไมวาปริมาณ การผลิตจะนอยหรือมาก คาใชจายจะคงที่ตลอด สวนตนทุนแปรผันคือตนทุนที่เกิดขึ้นแลวแต จํานวนหรือปริมาณการผลิต ถาผลิตมากจายมากเชน คาแรงทางตรง คาวัสดุทางตรง เปนตน 18. ตนทุนรวม (Total Costs) เปนตนทุนรวมระหวางตนทุนคงที่และตนทุนแปร 19. ตนทุนมาตรฐาน (Standard Costs) คือ ตนทุนในการผลิตสินคาซึ่งประมาณขึ้นกอนการ ผลิตจริง มีไวเพื่อเทียบกับการผลิตจริงวาเบี่ยงเบนไปเทาไร แลวจะปรับปรุงอยางไร 20. ตนทุนในการผลิต (Production Costs) ตนทุนในการผลิตในทางบัญชีแบงเปนคาใชจาย 3 ประเภทคือ ก. คาวัตถุดิบทางตรง (Direct Material Costs) ซึ่งเปนวัตถุดิบที่เปนสวนประกอบที่สําคัญ ในการผลิต และสามารถคิดเปนคาใชจายตอหนวยผลิตไดแนนอน เชน การผลิตเกาอี้ วัตถุดิบหลักคือไม ใชจํานวน 100 บาทตอเกาอี้ 1 ตัว เปนตน ข. คาแรงงานทางตรง (Direct Labor Costs) เปนคาแรงที่สามารถชี้เฉพาะลงไปไดวาเปน ของผลิตภัณฑใดที่ผลิตขึ้น ไดแก คาแรงงานคนงานทอผา เย็บผา เปนตน ค. คาใชจายโรงงาน (Factory Overhead Costs) เปนคาใชจายที่เกิดขึ้นนอกเหนือไปจาก 2 ประเภทขางตนนี้ เปนคาใชจายโรงงานหรือคาโสหุยทั้งหมด เชน เงินเดือนผูจัดการ คา น้ํา คาไฟฟา เปนตน 21. ตนทุนจากการขายและบริหาร (Distribution and Administrative Expenses) เปนตนทุน ที่เกิดขึ้น เรียกรวม ๆ วาคาใชจายในทางการคา เปนคาใชจายที่เกิดขึ้นจากการนําเอาสินคาไปสู ผูบริโภค เชน คาโฆษณา คานายหนา คาเงินเดือนฝายขาย เปนตน ดร.พจน พจนพาณิชยกุล มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร 71
  • 6. บทที่ 5 ตนทุน และจุดคุมทุน ความแปรผันของตนทุน การคํานวณหาจุดคุมทุนนั้นจะตองใชตนทุนคงที่และตนทุนแปรผันไปคํานวณ ดังนั้นถา ประมาณตนทุนทั้งสองประเภทไมถูกตอง อาจทําใหการตัดสินใจในโครงการตาง ๆ ผิดพลาดได ตนทุนมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา สิ่งที่ทําใหตนทุนแปรเปลี่ยนคือ 1. การผันแปรของตนทุนกับปริมาณการผลิต โดยทั่วไปถาผลิตมากขึ้น ตนทุนโดยรวม จะตองสูงขึ้น แตตนทุนตอหนวยอาจจะลดลง 2. ลักษณะการใชจายของตนทุน การจายคาแรงเปนรายชิ้นยอมแตกตางกับการจายเปน แบบรายเดือน คาใชจายที่จายบางอยางก็ไมแปรเปลี่ยนตามปริมาณการผลิต เชน คาประกัน คาภาษี 3. นโยบายฝายบริหาร เปนการตัดสินใจจัดซื้อของผูบริหาร เชน ซื้อเปนจํานวนนอย หรือ จํานวนมาก ตัดสินใจโฆษณาหรือไม เปนตน เหลานี้จะมีผลตอตนทุน 4. การควบคุมการจาย ซึ่งเปนการควบคุมตนทุน ก็มีผลตอความแปรผันของตนทุนวาจะ คุมแบบธรรมดาหรือคุมแบบเขมงวด เปนตน 5. การกําหนดปริมาณการผลิต ถาผลิตนอยกวาความสามารถของเครื่องจักร ก็อาจทําให ตนทุนตอหนวยสูง เพราะคาใชจายคงที่ตอหนวยสูง จึงตองผลิตใหมีปริมาณที่เหมาะสม การวิเคราะหจุดคุมทุน (Break Event Point) จุดคุมทุน หมายถึง จุดที่รายไดรวม (Total Revenue) เทากับตนทุนรวม (Total Cost) พอดี นั่นคือ กิจการสามารถหารายไดหลังหักคาใชจายผันแปรแลวเทากันตนทุนคงที่ หรืออีกนัยหนึ่งคือ กิจการไมไดรับผลกําไร และไมไดรับผลขาดทุน จากการใชทรัพยสินหรือยอดกําไรเทากับศูนย สูตร จุดคุมทุน เมื่อ 72 P x FC V คือ คือ คือ คือ รายไดรวม = ตนทุนรวม P(x) = FC + V(x) …………………………..(สมการที่ 5.1) ราคาขายตอหนวย จํานวนหนวยที่ผลิตและจําหนาย ตนทุนคงที่รวม ตนทุนผันแปรตอหนวย ดร.พจน พจนพาณิชยกุล มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร
  • 7. เอกสารประกอบการเรียน วิชา เศรษฐศาสตรวิศวกรรม จากสมการที่ 5.1 ถาตองการทราบจํานวนหนวยของสินคาที่จะผลิตและจําหนาย แลวทําให คุมทุนพอดี จะเทากับ P(x) = FC + V(x) P(x) – V(x) = FC x (P – V) = FC x = FC P −V …………………………..(สมการที่ 5.2) P – V เรียกวา “กําไรสวนเพิ่ม” (Contribution Margin) อาจกลาวไดวา ทุก ๆ หนวยที่ขาย เพิ่มขึ้น กิจการจะไดกําไรเพิ่มขึ้น P – V บาท สําหรับกิจการที่มีการตั้งเปาหมายการทํากําไรเอาไว สามารถคํานวณหาจํานวนหนวยที่ขาย แลวทําใหไดกําไรเทากับจํานวนนั้น โดยใชแนวคิดของจุดคุมทุน ไดวา สูตร X = FC + กําไรทีตั้งเปาหมายไว ่ P-V ตัวอยาง บริษัท รุงเรือง จํากัด ดําเนินกิจการผลิตและจําหนายเสื้อกันหนาว ในราคาตัวละ 500 บาท บริษัทมีตนทุนคงที่ในการผลิตเปนเงิน 1,000,000 บาท ในการผลิตเสื้อ 1 ตัว มีตนทุนผันแปรเกิดขึ้น จํานวน 300 บาท บริษัทตั้งเปาหมายกําไรไวเปนเงิน 150,000 บาท บริษัทตองผลิตและจําหนายเสื้อ กันหนาวกี่ตัว วิธีทํา จากสูตร X = FC + กําไรทีตั้งเปาหมายไว ่ P-V X = 1,000,000 + 150,000 500 - 300 ∴ ตองผลิต และจําหนายจํานวน = 5,750 ตัว ดร.พจน พจนพาณิชยกุล มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร 73
  • 8. บทที่ 5 ตนทุน และจุดคุมทุน จํานวนเงิน (ลานบาท) Total revenues Profit Total costs Variable costs 1 Fixed costs Loss 5,000 จํานวนหนวย รูปที่ 5.1 จุดคุมทุน จากรูป 5.1 สามารถแยกวิเคราะหได 3 ชวง ดังนี้ ชวงที่ 1 ในชวงตนที่เริ่มผลิตและจําหนายสินคา กิจการจะประสบผลขาดทุน คือ รายจายสูง กวารายได เนื่องจากกินการในชวงนี้มีรายไดหลังหักคาใชจายผันแปรแลวยังต่ํากวาตนทุนคงที่ ชวงที่ 2 ณ ระดับการผลิตและจําหนายสินคา 5,000 หนวย กิจการมีรายไดทั้งสิ้นเทากับ คาใชจายพอดี ยอดขาย 5,000 หนวย จึงเปนยอดขาย ณ จุดคุมทุน ชวงที่ 3 ในชวงสุดทายที่ผลิตและจําหนายเกิน 5,000 หนวยขึ้นไป กิจการจะมีรายไดหลัง หักคาใชจายผันแปรแลวสูงกวาคาใชจายคงที่ หรือมีรายไดทั้งสิ้นสูงกวารายจายทั้งสิ้น ดังนั้นการ จําหนายในชวงนี้จะกอใหเกิดผลกําไร 74 ดร.พจน พจนพาณิชยกุล มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร
  • 9. เอกสารประกอบการเรียน วิชา เศรษฐศาสตรวิศวกรรม บทสรุป ในการผลิตสินคาหรือบริการนั้น จะตองมีคาใชจายหรือรายจายในปจจัยการผลิตที่ใชใน กระบวนการผลิตเกิดขึ้นซึ่งเราเรียกวา “ตนทุนการผลิต” (cost of production) เนื่องจากปจจัยการผลิตแบงออกเปน 2 ประเภท คือ ปจจัยคงที่ กับปจจัยผันแปร ดังนั้น ตนทุนการผลิตซึ่งเปนคาใชจายหรือรายจายในปจจัยการผลิตจึงแบงตามประเภทของปจจัยการผลิต ออกเปน 2 ประเภทเชนเดียวกัน คือ 1. ตนทุนคงที่ (fixed cost) หมายถึง คาใชจายหรือรายจายในการผลิตที่เกิดจากการใชปจจัย คงที่ หรือกลาวอีกอยางหนึ่งไดวาตนทุนคงที่เปนคาใชจายหรือรายจายที่ไมขึ้นอยูกับปริมาณหรือ จํานวนหนวยของผลผลิต กลาวคือ ไมวาจะผลิตปริมาณมาก ปริมาณนอย หรือไมผลิตเลย กิจการก็ จะเสียคาใชจายในจํานวนที่คงที่ 2. ตนทุนผันแปร (variable cost) หมายถึง คาใชจายหรือรายจายในการผลิตที่เกิดจากการใช ปจจัยผันแปร หรือกลาวอีกอยางหนึ่งไดวาตนทุนผันแปรเปนคาใชจายหรือรายจายที่ขึ้นอยูกับ ปริมาณของผลผลิต กลาวคือ ถาผลิตปริมาณมากก็จะเสียตนทุนมาก ถาผลิตปริมาณนอยก็จะเสีย ตนทุนนอย และจะไมตองจายเลยถาไมมีการผลิต นอกจากนี้ เรายั ง สามารถแบ ง ต น ทุ น การผลิ ต ออกเป น ต น ทุ น ทางบั ญ ชี กั บ ต น ทุ น ทาง เศรษฐศาสตร ซึ่งทั้ง 2 ประเภทมีความแตกตางกันดังนี้ 1. ตนทุนทางบัญชี (business cost) หมายถึง คาใชจายตาง ๆ ที่เกิดขึ้นเนื่องจากการผลิตซึ่ง คิดเฉพาะรายจายที่เห็นชัดเจน มีการจายเกิดขึ้นจริงๆ (explicit cost) 2. ตนทุนทางเศรษฐศาสตร (economic cost) หมายถึง คาใชจายทั้งหมดที่เกิดขึ้นเนื่องจาก การผลิต ทั้งรายจายที่เห็นชัดเจนวามีการจายจริงและรายจายที่มองไมเห็นชัดเจนหรือไมตองจายจริง (implicit cost) รายจายที่เห็นชัดเจนวามีการจายจริง ไดแก คาใชจายตาง ๆ ที่จายออกไปเปนตัวเงิน เชน เงินเดือน คาจาง คาเชา ดอกเบี้ย คาวัตถุดิบ คาขนสง และอื่น ๆ รายจายที่มองไมเห็นชัดเจนวามี การจายจริง เปนคาใชจายที่ไมไดจายออกไปเปนตัวเงิน แตผูผลิตหรือผูประกอบการจะตองประเมิน ขึ้นมาและถือเปนตนทุนการผลิตสวนหนึ่ง ไดแก ราคาหรือผลตอบแทนของปจจัยการผลิตในสวนที่ ผูผลิตเปนเจาของเองและไดนําปจจัยนั้นมาใชรวมในการผลิต ดวย จุดคุมทุน หมายถึง จุดที่รายไดรวม (Total Revenue) เทากับตนทุนรวม (Total Cost) พอดี นั่นคือ กิจการสามารถหารายไดหลังหักคาใชจายผันแปรแลวเทากันตนทุนคงที่ หรืออีกนัยหนึ่งคือ กิจการไมไดรับผลกําไร และไมไดรับผลขาดทุน จากการใชทรัพยสินหรือยอดกําไรเทากับศูนย ดร.พจน พจนพาณิชยกุล มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร 75
  • 10. บทที่ 5 ตนทุน และจุดคุมทุน คําถามประจําบทที่ 5 1. ตนทุนที่เกิดจากปจจัยการผลิต แบงออกเปนกี่ประเภท อะไรบาง จงอธิบายมาใหเขาใจ 2. ตนทุนทางบัญชี (business cost) ตางกับตนทุนทางเศรษฐศาสตร (economic cost) อยางไร จงอธิบายมาใหเขาใจ 3. จุดคุมทุน (Break Event Point) จะเกิดขึ้นไดในกรณีใด และหากยอดการจําหนายต่ํากวา จุดคุมทุน จะกอใหเกิดผลเชนไร 4. บริษัท สมศักดิ์ เครื่องเย็น จํากัด ทําการผลิตและจําหนายตูทําน้ําเย็น ในราคาเครื่องละ 2,500 บาท โดยที่ในการผลิตนั้นจะกอใหเกิดตนทุนคงที่ เปนจํานวนเงิน 500,000 บาท และตนทุน ผันแปรเครื่องละ 1,500 บาท ถาบริษัททําการผลิตและจําหนายจํานวน 550 เครื่อง จะทําให บริษัทมีผลกําไรหรือขาดทุน เทาใด 5. จากขอ 4 ถาบริษัทลดราคาจําหนายเหลือเครื่องละ 2,000 บาท จะตองทําการผลิตและ จําหนายกี่เครื่องจึงจะกอใหเกิดการคุมทุน 76 ดร.พจน พจนพาณิชยกุล มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร