SlideShare una empresa de Scribd logo
1 de 18
Descargar para leer sin conexión
สถาบันทางการเมือง มี 5 หัวข้อ
1.ความหมายของสถาบัน
2.รัฐธรรมนูญ
3.สถาบันฝ่ ายนิ ติบญญัติ
                   ั
4.สถาบันฝ่ ายบริหาร
5.สถาบันฝ่ ายตุลาการ
1.ความหมาย สถาบัน แปลว่า ก่อตัง 2 นัย คือ
1.สถาบันทีเป็ นรูปธรรม เช่น วิทยาเขตหนองคาย สมาคม ไทย-ลาว
2.สถาบันทีเป็ นนามธรรม เช่น ระเบียบ กฎเกณฑ์ทีทีปฏิ บติในสังคม
                                                          ั
บรรทัดฐานของพฤติ กรรมทีสร้างขึนมีโครงสร้างแน่ นอน+ปฏิ บติสืบกันมาจนยอมรับกัน
                                                            ั
ทางสังคมทีแสดงออก
 สถาบันทางการเมือง (political institution) คือสถาบันทีแสดงถึงความสัมพันธ์
ระหว่างการเมืองและสมาชิ กของสังคม/ระหว่างสมาชิ ก/ปฏิบติกิจกรรมทางการเมือง
                                                        ั
อย่างต่อเนื อง สถาบันการเมืองทีสําคัญ มี 4 ประการ ดังนี
2.. รัฐธรรมนูญ (Constitution)
2.1 ประเภทของรัฐธรรมนูญ กฎหมายสูงสุดของรัฐ แบ่งเป็ น 4 ประเภทหลัก คื อ
1รัฐธรรมนูญลายลักษณ์อกษร 2.รัฐธรรมนูญจารีตประเพณี
                        ั
3.รัฐธรรมนูญรัฐเดียวรัฐรวม 4. รัฐธรรมนูญสาธารณรัฐและรัฐธรรมนูญกษัตริย ์
2.2นักวิชาการบางคนแบ่ง เป็ น 2 ประเภท คือ 1.แบบลายลักษณ์อกษร2.แบบจารีต
                                                         ั
  1.รัฐธรรมนูญลายลักษณ์อกษร กฎหมายสูงสุดทีเขียนไว้เป็ นลายลักษณ์อกษร
                           ั                                      ั
  รธน.ของอเมริกาเป็ นต้นแบบ วัตถุประสงค์ /อํานาจอธิปไตย /....กรณี รธน.ไทย
  2.รัฐธรรมนูญตามจารีตประเพณี รธน. อังกฤษเป็ นต้นแบบ
  3.รัฐธรรมนูญรัฐเดียว รัฐธรรมนูญรวม รัฐทีใช้รฐธรรมนูญรัฐเดี ยว อํานาจอธิปไตยอยู่ที
                                              ั
  รัฐบาลเดียว แบ่งอํานาจไปสู่ส่วนภูมิภาค /กระจายอํานาจไปท้องถิน
  รัฐธรรมนูญรัฐรวม คื อรัฐบาลซ้อนกัน 2 ระบบ มีฝ่ายบริหาร นิ ติบญญัติ ตุลาการใน
                                                                 ั
  รัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิน มี 2 แบบ 1.รัฐบาลกลาง มีอํานาจเท่าทีท้องถิน
  กําหนด* federation ของสหรัฐอเมริกา 2.รัฐบาลท้องถินมีอํานาจเท่าทีรัฐบาลกลาง
  กําหนด
   4.รัฐธรรมนูญสาธารณรัฐ และรัฐธรรมนูญกษัตริย ์ รัฐธรรมนูญสาธาฯปธธ.เป็ นประมุข
  รัฐอย่างเดียว /ปธธ.เป็ นประมุข+ผูนําบริหาร รัฐธรรมนูญกษัตริย ์ *
                                   ้
  สมบูรณาญาสิ ทธิราชย์และกษัตริยอยู่ภายใต้รฐธรรมนูญ (Constitutional Monarchy
                                     ์          ั
  หรือ Limited Monarchy)
2.3 การตีความรัฐธรรมนูญ          เพือความศักดิสิทธิของกฎหมายสูงสุดและ
ปองกันการวินิจฉัยกฎหมายทีผิ ดพลาดเช่น ศาลสูง(Supreme Court)ของอเมริกา
 ้
ศาลรัฐธรรมนูญของไทย (หลังพฤษภาทมิฬ 2535 เริมเรียกร้องรัฐธรรมนูญทีเป็ น
เจตนารมณ์ของปชช.ทีจะปฎิรการเมือง ขยายผลมาเป็ นรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน
                           ู
2540 (ฉบับปั จจุบนเป็ นรธน.ลายลักษณ์อกษร ปี พ.ศ. 2550 12 หมวด
                  ั                   ั
................)
2.4 จุดกําเนิ ดของรัฐธรรมนูญ
1.)วิวฒนาการ(ค่อยเป็ นค่อยไป) ช่วงชิ งอํานาจ กษัตริยกบรัฐสภาของอังกฤษ
      ั                                             ์ ั
2.)ปฏิวติ/รัฐประหาร กรณี การปฏิวติฝรังเศส ค.ศ. 1789/ปฏิวติรสเซีย(ความ
        ั                       ั                         ั ั
แตกต่างของปฎิวติ* Revolution ปชช.ล้มล้างอํานาจ/รวดเร็ว แต่ รัฐประหาร* Coup
                 ั
D etatคือ......
3.)ประมุขรัฐมอบให้ กรณี ร.7 พระราชทานอํานาจรธน.แก่ปชช.ชาวไทย
4.)การรวมตัวของประชาชนก่อกําเนิ ดรัฐ กรณี ปชช.สหรัฐจากมลรัฐรวมตัว
5.)ประเทศทียึ ดครองมอบให้ กรณี ญีปุ่ นรับจากสัมพันธมิตรหลังสงครามโลก 2
2.5 ลักษณะของรัฐธรรมนูญทีดี (รัฐธรรมนูญทีดีตองเหมาะสมกับสภาพรัฐ)
                                            ้
1.) มีขอความชัดเจนแน่ นอน
       ้
2.)กําหนดสิทธิ เสรีภาพของประชาชนไว้ชดเจน ั
3.)ครอบคลุมบทบัญญัติการปกครองรัฐไว้ครบถ้วน
4.)ไม่ควรยาวเกินไป
5.)กําหนดวิธีการแก้ไข เพิมเติ มรัฐธรรมนูญ
2.6 เนื อหาสาระของรัฐธรรมนูญ
1.) ระบุถึงอุดมการณ์ 2.)โครงร่างของรัฐบาล อํานาจ/หน้าที 3. การแบ่งอํานาจ
4. กําหนดขอบเขตสิทธิ ของบุคคล และกรอบอํานาจรัฐ 5. กําหนดวิธีการแก้ไข
 การแก้ไข เพิมเติม รัฐธรรมนูญ 5วิธี คื อ 1.แก้ไขโดยฝ่ ายนิ ติบญญัติ(เสียงข้างมาก)
                                                              ั
2.แก้ไขโดยฝ่ ายนิ ติบญญัติคะแนนพิเศษ 2/3 หรือ 3/4 3.แก้ไขโดยฝ่ ายนิ ติบญญัติ
                      ั                                                        ั
แต่ตองขอประชามติ 4.แก้ไขโดยปชช.ทัวไป (ดีทีสุด) 5.แก้ไขโดยตังองค์กรพิเศษทํา
     ้
หน้าทีแก้ไข
3.สถาบันนิ ติบญญัติ
              ั
3.1 สถาบันนิ ติบญญัติ คือฝ่ ายรัฐสภา มีหน้าทีหลักคือออกกฎหมาย และการเป็ นตัวแทน
                ั
ประชาชน /ควบคุมการทํางานของรัฐบาลในระบบรัฐสภา
*สภานิ ติบญญัติเกิดขึนครังแรกในอังกฤษ สมัยพระเจ้าวิลเลียมส์ตงสภามหาสภา (Great
            ั                                                 ั
Council) หรือ Magnum Consilium Great Council ต่อมาสมัยพระเจ้าเฮนรีที 3 ขัดแย้งกับ
สภาจึงเปลียนเป็ นชือ parliament
3.2ปั จจุบนประเทศทีมีระบบรัฐสภาแบ่งสถาบันนิ ติบญญัติเป็ น 2 รูปแบบ คือ
          ั                                     ั
1.) ระบบสภาเดียวหรือ เอกสภา (Unicameral)มีสภาเดียวส่วนใหญ่อยู่ในระดับการปกครองส่วน
ท้องถิน ในสหรัฐอเมริกา เช่น สภาแขวง (County Board) สภาเมือง (City Councils)
2.) ระบบสองสภา (Bicameral) ทวิสภา (Bicameral) มี 2 สภา รูปแบบในการออก
กฎหมายแบบนี เป็ นทีนิ ยมในประเทศต่างๆ ทัวโลก ถือกําเนิ ดขึนครังแรกในประเทศ
อังกฤษ โดยทัวไปแบ่งเป็ น 2 สภา เรียกว่า Bicameral (Houses/Chambers)
   **สภาล่าง (สส.) ประกอบด้วยบุคคลธรรมดาหลากหลาย มาจากการเลื อกตัง
   **สภาสูง (สว.) คนทีมีลกษณะพิเศษ มาจากการแต่งตังหรือเลื อกตัง
                             ั
อํานาจและหน้าทีของสภาคู่ มี 2 รูปแบบ
รูปแบบที 1 - ระบบสภาคู่ทีมีอํานาจเท่าเทียมกัน เช่นรัฐสภาสหรัฐ (Congress)
ประกอบด้วยสภาสูง (หรือวุฒิสภา) และสภาล่าง(หรือสภาผูแทนราษฎร)
                                                         ้
รูปแบบที 2 - ระบบสภาคู่ทีมีอํานาจเน้นหนักทีสภาเดียว ระบบรัฐสภาอังกฤษซึงมีสภาสูง
หรือสภาขุนนาง (House of Lords) และสภาผูแทนราษฎรหรือสภาสามัญ (House of
                                            ้
Commons)
3.3 หลักการเลื อกผูแทนของสภามี 4 วิธีการ คือ
                     ้
  1.)การเลื อกผูแทนหรือตัวแทนจากชนชัน
                 ้
  2.) การเลื อกตัวแทนทางภูมิศาสตร์หรือหน่ วยการเมือง
  3.) การเลื อกตัวแทนประชากร เป็ นวิธีการเลื อกทีแพร่หลายมากทีสุด
แบ่งเขตซึงมีสมาชิ กได้เพียงคนเดียว และแบ่งเป็ นเขตซึงมีสมาชิ กได้หลายคน
**จุดอ่อน คื อ ประชากรมีการเคลือนย้ายเสมอ ต้องกําหนดเขตใหม่/เหมาะสม
  4.)การเลื อกตัวแทนจากกลุ่มอาชี พ
  3.4อํานาจและหน้าทีของสถาบันฝ่ ายนิ ติบญญัติ
                                        ั
  1.) ออกกฎหมาย(law - mating) เป็ นอํานาจหน้าทีหลักของสถาบันฝ่ ายนิ ติบญญัติ
                                                                       ั
  2.) การมีส่วนร่วมในอํานาจฝ่ ายบริหาร(executive)
  3.)การมีส่วนร่วมในทางตุลาการ
  4.)บทบาทในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ               5.) บทบาทในการเลื อกตัง
บทบาทของรัฐสภาในระบบประธานาธิบดี     กรณี ตวอย่างสหรัฐอเมริกา
                                           ั
* วุฒิสภาและสส.มีอํานาจเท่าเทียมกัน
*วุฒืสภามาจากรัฐต่างๆ ตัวแทนรัฐละ 2 คน วุฒสภาดํารงตําแหน่ งคราวละ 6 ปี และ
1/3 ของวุฒิสมาชิ ก ต้องเลื อกใหม่ทุก 2 ปี
*หน้าทีของสส. และ สว. คื อ
  **การออกกฎหมาย/แก้ไขรัฐธรรมนูญ
  ** สว.ให้การรับรองการแต่งตังข้าราชการระดับสูงของปธธ.
  ** สส.ทํา impeachment กล่าวโทษฝ่ ายพลเรือน/ตุลาการหรือปธธ.ให้พนจากตําแหน่ ง
                                                                ้
ได้
  ** วุฒิสภามีอํานาจปลด ปธธ.(removal)ได้ 2/3ของวุฒิสภา
3.5โครงสร้างรัฐสภาไทย                 โดยทัวไปมักแบ่งออกเป็ น 2 ประเภท คือ สภาเดียว
  (Unicameral System) และสภาคู่ (Bicameral System)
  บทบาทของรัฐสภาไทย
  1.วุฒิสภาทําหน้าทีเป็ นพีเลียง กําเนิ ดจากอังกฤษ สภาขุนนาง ไทยเริมมีการเลือกตัง สว.ปี
  2540
  2.สส.มีอํานาจมากกว่าสว.
  3.รัฐสภามีอํานาจตรวจสอบข้อเท็จจริงใน คณะกรรมาธิการประจําวุฒิสภา หรือประจําสภา
  ผูแทนราษฎร
    ้
**ขันตอนการ/กระบวนการออกกฎหมาย ครม./รัฐสภาเป็ นผูเ้ สนอร่างกม. นําร่างเข้าสู่สภา
การพิจารณาร่างกฎหมาย รัฐสภา มี 3 วาระ คือ(สส.และ สว.ใช้แบบเดียวกัน)
  วาระที 1. รับหลักการ อ่านชือ /อ่านสาระให้สภารับทราบ
  วาระที 2. แปรญัตติ      1.เปิ ดให้แสดงความคิดเห็น/อภิปรายแล้ว
                                 2. สภาเห็นชอบ ให้ตงคณะกรรมาธิการพิจารณา
                                                    ั
                                    ปรับแก้(แต่หามแก้หลักการ)
                                                 ้
                                 3.กรรมาธิการปรับแก้ เสร็จเรียบร้อย นําเสนอสภาเพือ
                                    ปรับแก้อีกครัง เมือปรับแก้เสร็จเสนอเข้าวาระ 3
   วาระที 3 ลงมติ          ให้อภิปรายแต่หามแก้ไขร่างกม. เมือลงมติเสร็จให้เสนอวุฒิสภา
                                            ้
  เมือวุฒิสภาพิจารณาเสร็จ เสนอประมุขประเทศ(พระมหากษัตริย)       ์
4. สถาบันฝ่ ายบริหาร     คณะผูบริหารประเทศในระบบรัฐสภา และปธธ.แตกต่างกัน
                              ้
4.1สถาบันฝ่ ายบริหารในระบบรัฐสภา
**ฝ่ ายบริหารบริหารประเทศ นํากม.ไปบังตับใช้ (บางครังออกม.เองได้)
**ในประเทศประชาธิปไตย อํานาจฝ่ ายบริหารมีจํากัด รัฐบาลอยู่ในการควบคุมของรัฐสภา
เมือลงมติ คณะผูบริหารต้องถือปฏิบติตามมติ
                 ้              ั
 ** นายก+รมต.เป็ นคณะเดียวกัน นายกหมดวาระ/ลาออก/ถูกไม่ไว้วางใจ รมต.ต้องออก
เพือให้รฐบาลมีเสถียรภาพ ระบบรัฐสภาให้อานาจฝ่ ายบริหารมีอํานาจในรัฐสภามาก แต่
        ั                               ํ
สมาชิก สส.ต้องปฏิบติตามมติพรรค
                    ั
4.2สถาบันฝ่ ายบริหารในระบบประธานาธิบดี
 **ปธธ.ได้รบเลือกโดยตรงจากประชาชน เป็ นผูนําฝ่ ายบริหาร/เลือกครม. รมต.ใน
            ั                               ้
ระบบปธธ.จึงมีหน้าทีเหมือนกับเลขานุการ (Secretary) ปธธ.เสนอแนวคิด /แนวทางการ
ปรับกม.ได้ แม้จะไม่มีอํานาจออก กม. /ปธธ.มีอํานาจแทรกตุลาการโดยลดโทษ อภัยโทษ
4.3อํานาจหน้าทีของฝ่ ายบริหาร มีหน้าทีครอบคลุม 6 ภารกิจหลัก คือ
1.) บทบาทหน้าทีในด้านการบริหารประเทศ
2.) บทบาทหน้าทีในการแต่งตังและถอดถอน ฝ่ ายบริหาร
3.) บทบาทในการมีส่วนร่วมด้านนิ ติบญญัติ
                                   ั
4.) บทบาทหน้าทีในทางตุลาการ
5.) บทบาทหน้าทีในด้านการฑูต
6.) บทบาทหน้าทีในทางการทหาร
4.4การเข้าสู่ตําแหน่ งและวาระการดํารงตําแหน่ งฝ่ ายบริหาร มี 5 วิธี คือ
1.) การสืบสายโลหิต 2.) การเลือกตังโดยตรง 3.) การเลือกตังโดยอ้อม
4.) โดยการแต่งตัง 5.) โดยการยึ ดอํานาจ
4.5วาระการดํารงตําแหน่ งของฝ่ ายบริหาร
1.) แบบไม่แน่ นอน เช่น ระบบรัฐสภารัฐบาลมีวาระเท่ากับรัฐสภา (เช่น 5 ปี )
2.)แบบแน่ นอน      เช่น ระบบประธานาธิบดี สหรัฐอเมริกา อยู่ในวาระ 4 ปี
**รัฐธรรมนูญฉบับแรกของประเทศไทยเรียกผูมีอํานาจบริหารราชการแผ่นดิ นว่า
                                           ้
คณะกรรมการราษฎร ในการยกร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2475
เรียกว่า คณะกรรมการราษฎร(คณะรัฐมนตรี) บทบาทรมต.ไทย. ในปั จจุบน มีดงนี
                                                                   ั    ั
 1. การกําหนดนโยบายในการบริหารราชการแผ่นดิน
2. บริหารราชการแผ่นดินตามนโยบายทีได้แถลงไว้ต่อสภาผูแทนราษฎร
                                                       ้
 3. ทําหน้าทีประสานงานระหว่างกระทรวง ทบวง กรม
4. วางระเบียบข้อบังคับให้กระทรวงทบวงกรมถือปฏิบติ ั
5. พิจารณาและลงมติเรืองต่างๆ ทีกระทรวงทบวงกรมเสนอ
6.อํานาจหน้าทีตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ
7.บทบาทหน้าทีของฝ่ ายบริหารภายใต้การชี นํ าของข้าราชการประจํา
5.สถาบันฝ่ ายตุลาการ
  5.1 การจัดองค์การของฝ่ ายตุลาการ ระบบงานศาลแบ่งเป็ น 3 ส่วน คือ
1.)ศาลระดับธรรมดา (Courts of original Jurisdiction) รับพิจารณาคดีครังแรก
2.) ศาลอุทธรณ์
3.) ศาลฎี กา
  5.2 การเข้าสู่ตําแหน่ งของสถาบันฝ่ ายตุลาการ มี 2 ระบบ คือ
1.) การเลื อกตัง การเลือกตังใช้เฉพาะผูพิพากษาของศาลบางประเภท
                                         ้
2.) การแต่งตัง ส่วนใหญ่เกือบทุกประเทศใช้วิธีแต่งตัง
การพ้นตําแหน่ ง การถูกกล่าวหาว่าปฏิบติมิชอบ มีการกระทําทีไม่เหมาะสม (impeachment)
                                    ั
  กระบวนการกล่าวหาจะเริมต้นจากสภาล่าง มีการสอบสวนมีกระบวนการสืบเนื องเพือประกัน
  ความยุติธรรมต่อผูพิพากษาเอง
                   ้
การสถาปนากระทรวงยุ ติธรรม และ การเปลียนแปลงทางการศาลไทย
** เมือปลายปี ร.ศ. 110 (พ.ศ.2434) รัฐบาลไทยได้ออกประกาศตังกระทรวงยุติธรรม **ศาล
       ต่างๆ ในกรุงเทพฯ ทีมีอยู่เดิม 16 ศาล ถูกยุบเหลือเพียง 7 ศาล กระทรวงยุติธรรมได้มี
       การปรับปรุงเปลียนแปลงการบริหาร การดําเนิ นการด้านศาลมาเป็ นลําดับตลอดมา
5.3ประเภทของศาลไทย แบ่งเป็ น 4 ประเภท คือ
  1. ศาลรัฐธรรมนูญ 2.ศาลยุติธรรม 3.ศาลปกครอง 4.ศาลทหาร
1.)ศาลรัฐธรรมนูญ เริมปรากฏในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2540
2.)ศาลยุติธรรม ศาลยุติธรรมยังเป็ นศาลทัวไป (Ordinary Court) ศาลยุติธรรมหรือศาลใน
       กระทรวงยุติธรรมแบ่งออกเป็ น 3 ชันศาล คือ ศาลชันต้น ศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกา
ศาลชํานัญพิเศษ อยู่ในศาลชันต้นในระบบศาลยุติธรรม มีดงนี
                                                   ั
1.) ศาลคดีเด็กและเยาวชนหรือศาลเยาวชนและครอบครัว
2.) ศาลแรงงาน
3) ศาลภาษี อากร
4) ศาลทรัพย์สินทางปั ญญาและการค้าระหว่างประเทศ
5) ศาลล้มละลาย
 3.)ศาลปกครอง รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับ พ.ศ. 2540 ได้บญญัติเรือง
                                                             ั
     ศาลปกครองไว้เป็ นการเฉพาะ
**ศาลปกครองแบ่งออกเป็ น 2 ชัน คือ 1.ศาลปกครองสูงสุด 2.ศาลปกครองชันต้น (ศาล
     ปกครองกลาง และศาลปกครองในภูมิภาค)
คดีทีขึนสู่ศาลปกครอง คือ คดีพิพาทเกียวกับการทีหน่ วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าทีของรัฐ
กระทําการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็ นการออกกฎ คําสังหรือการกระทําอืนใด
เนื องจากกระทําโดยไม่มีอานาจหรือนอกเหนื ออํานาจหน้าทีหรือไม่ถกต้องตามกฎหมาย หรือ
                        ํ                                     ู
โดยไม่ถกต้องตามรูปแบบขันตอน
        ู
 หรือโดยไม่สจริต หรือมีลกษณะเป็ นการเลือกปฏิบติทีไม่เป็ นธรรมหรือมีลกษณะเป็ นการสร้าง
              ุ           ั                   ั                     ั
ขันตอนโดยไม่จาเป็ น
                ํ
4.) ศาลทหาร          ศาลทหารมีอํานาจพิจารณาพิพากษาวางบทลงโทษผูกระทําผิ ดต่อ
                                                                ้
กฎหมายทหารหรือกฎหมายอืนในทางอาญา ในคดีซึงผูกระทําผิ ดเป็ นบุคคลทีอยู่ในอํานาจศาล
                                              ้
ทหารในขณะกระทําผิ ดและมีอํานาจสังลงโทษบุคคลใดๆทีกระทําความผิ ดฐานละเมิดอํานาจ
ศาลตามทีบัญญัติไว้ใน ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง

Más contenido relacionado

La actualidad más candente

คำสมาส [โหมดความเข้ากันได้]
คำสมาส [โหมดความเข้ากันได้]คำสมาส [โหมดความเข้ากันได้]
คำสมาส [โหมดความเข้ากันได้]Nongkran Jarurnphong
 
Resume ประวัติส่วนตัวสมัคร ครูเอกพลศึกษา
Resume ประวัติส่วนตัวสมัคร ครูเอกพลศึกษาResume ประวัติส่วนตัวสมัคร ครูเอกพลศึกษา
Resume ประวัติส่วนตัวสมัคร ครูเอกพลศึกษาMontree Dangreung
 
รัฐธรรมนูญและสถาบันการเมืองขั้นสูง
รัฐธรรมนูญและสถาบันการเมืองขั้นสูงรัฐธรรมนูญและสถาบันการเมืองขั้นสูง
รัฐธรรมนูญและสถาบันการเมืองขั้นสูงTanterm Thebest
 
เหตุการณ์ปฏิวัติ
เหตุการณ์ปฏิวัติเหตุการณ์ปฏิวัติ
เหตุการณ์ปฏิวัติtinnaphop jampafaed
 
เครื่องชี้วัดการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ
เครื่องชี้วัดการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจเครื่องชี้วัดการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ
เครื่องชี้วัดการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจPannatut Pakphichai
 
หน่วย 2 ระบบเศรษฐกิจในโลกปัจจุบัน
หน่วย 2 ระบบเศรษฐกิจในโลกปัจจุบันหน่วย 2 ระบบเศรษฐกิจในโลกปัจจุบัน
หน่วย 2 ระบบเศรษฐกิจในโลกปัจจุบันSRINAKARIN MOTHER PRINCESS SCHOOL
 
งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1whanpree
 
ไตรลักษณ์
ไตรลักษณ์ไตรลักษณ์
ไตรลักษณ์ppompuy pantham
 
หน่วย2_การผลิตสินค้าและบริการppt.pdf
หน่วย2_การผลิตสินค้าและบริการppt.pdfหน่วย2_การผลิตสินค้าและบริการppt.pdf
หน่วย2_การผลิตสินค้าและบริการppt.pdfsurakitsiin
 
สามัคคีเภทคำฉันท์
สามัคคีเภทคำฉันท์สามัคคีเภทคำฉันท์
สามัคคีเภทคำฉันท์Sp'z Puifai
 
ถอดคำประพันธ์มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี
ถอดคำประพันธ์มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรีถอดคำประพันธ์มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี
ถอดคำประพันธ์มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรีWarodom Techasrisutee
 
รัฐประศาสนศาสตร์
รัฐประศาสนศาสตร์รัฐประศาสนศาสตร์
รัฐประศาสนศาสตร์Thida Noodaeng
 
แบบทดสอบอาเซียน 30 ข้อ
แบบทดสอบอาเซียน 30 ข้อแบบทดสอบอาเซียน 30 ข้อ
แบบทดสอบอาเซียน 30 ข้อKruthai Kidsdee
 
ทฤษฎีระบบราชการ
ทฤษฎีระบบราชการทฤษฎีระบบราชการ
ทฤษฎีระบบราชการwiraja
 
หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา
หลักธรรมทางพระพุทธศาสนาหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา
หลักธรรมทางพระพุทธศาสนาmagicgirl123
 
ใบงานที่ 1 รวมกลุ่มเศรษฐกิจฯ พร้อมเฉลย
ใบงานที่ 1 รวมกลุ่มเศรษฐกิจฯ พร้อมเฉลยใบงานที่ 1 รวมกลุ่มเศรษฐกิจฯ พร้อมเฉลย
ใบงานที่ 1 รวมกลุ่มเศรษฐกิจฯ พร้อมเฉลยthnaporn999
 
ประวัติศาสตร์สุโขทัย
ประวัติศาสตร์สุโขทัยประวัติศาสตร์สุโขทัย
ประวัติศาสตร์สุโขทัยchatsawat265
 

La actualidad más candente (20)

คำสมาส [โหมดความเข้ากันได้]
คำสมาส [โหมดความเข้ากันได้]คำสมาส [โหมดความเข้ากันได้]
คำสมาส [โหมดความเข้ากันได้]
 
Resume ประวัติส่วนตัวสมัคร ครูเอกพลศึกษา
Resume ประวัติส่วนตัวสมัคร ครูเอกพลศึกษาResume ประวัติส่วนตัวสมัคร ครูเอกพลศึกษา
Resume ประวัติส่วนตัวสมัคร ครูเอกพลศึกษา
 
รัฐธรรมนูญและสถาบันการเมืองขั้นสูง
รัฐธรรมนูญและสถาบันการเมืองขั้นสูงรัฐธรรมนูญและสถาบันการเมืองขั้นสูง
รัฐธรรมนูญและสถาบันการเมืองขั้นสูง
 
สถาบันเศรษฐกิจ
สถาบันเศรษฐกิจสถาบันเศรษฐกิจ
สถาบันเศรษฐกิจ
 
เหตุการณ์ปฏิวัติ
เหตุการณ์ปฏิวัติเหตุการณ์ปฏิวัติ
เหตุการณ์ปฏิวัติ
 
เครื่องชี้วัดการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ
เครื่องชี้วัดการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจเครื่องชี้วัดการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ
เครื่องชี้วัดการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ
 
คัมภีร์ฉันทศาสตร์ Ppt[1]
คัมภีร์ฉันทศาสตร์ Ppt[1]คัมภีร์ฉันทศาสตร์ Ppt[1]
คัมภีร์ฉันทศาสตร์ Ppt[1]
 
หน่วย 2 ระบบเศรษฐกิจในโลกปัจจุบัน
หน่วย 2 ระบบเศรษฐกิจในโลกปัจจุบันหน่วย 2 ระบบเศรษฐกิจในโลกปัจจุบัน
หน่วย 2 ระบบเศรษฐกิจในโลกปัจจุบัน
 
งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1
 
ไตรลักษณ์
ไตรลักษณ์ไตรลักษณ์
ไตรลักษณ์
 
หน่วย2_การผลิตสินค้าและบริการppt.pdf
หน่วย2_การผลิตสินค้าและบริการppt.pdfหน่วย2_การผลิตสินค้าและบริการppt.pdf
หน่วย2_การผลิตสินค้าและบริการppt.pdf
 
สามัคคีเภทคำฉันท์
สามัคคีเภทคำฉันท์สามัคคีเภทคำฉันท์
สามัคคีเภทคำฉันท์
 
ถอดคำประพันธ์มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี
ถอดคำประพันธ์มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรีถอดคำประพันธ์มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี
ถอดคำประพันธ์มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี
 
รัฐประศาสนศาสตร์
รัฐประศาสนศาสตร์รัฐประศาสนศาสตร์
รัฐประศาสนศาสตร์
 
แบบทดสอบอาเซียน 30 ข้อ
แบบทดสอบอาเซียน 30 ข้อแบบทดสอบอาเซียน 30 ข้อ
แบบทดสอบอาเซียน 30 ข้อ
 
ทฤษฎีระบบราชการ
ทฤษฎีระบบราชการทฤษฎีระบบราชการ
ทฤษฎีระบบราชการ
 
หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา
หลักธรรมทางพระพุทธศาสนาหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา
หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา
 
ประวัติศาสตร์ไทยสมัยธนบุรี
ประวัติศาสตร์ไทยสมัยธนบุรีประวัติศาสตร์ไทยสมัยธนบุรี
ประวัติศาสตร์ไทยสมัยธนบุรี
 
ใบงานที่ 1 รวมกลุ่มเศรษฐกิจฯ พร้อมเฉลย
ใบงานที่ 1 รวมกลุ่มเศรษฐกิจฯ พร้อมเฉลยใบงานที่ 1 รวมกลุ่มเศรษฐกิจฯ พร้อมเฉลย
ใบงานที่ 1 รวมกลุ่มเศรษฐกิจฯ พร้อมเฉลย
 
ประวัติศาสตร์สุโขทัย
ประวัติศาสตร์สุโขทัยประวัติศาสตร์สุโขทัย
ประวัติศาสตร์สุโขทัย
 

Destacado

การเมืองการปกครอง
การเมืองการปกครองการเมืองการปกครอง
การเมืองการปกครองkroobannakakok
 
พลเมืองที่ดี
พลเมืองที่ดีพลเมืองที่ดี
พลเมืองที่ดีkroobannakakok
 
ภูมิปัญญา
ภูมิปัญญาภูมิปัญญา
ภูมิปัญญาkroobannakakok
 
วัฒนธรรม (ความหมายและความสำคัญ)
วัฒนธรรม  (ความหมายและความสำคัญ)วัฒนธรรม  (ความหมายและความสำคัญ)
วัฒนธรรม (ความหมายและความสำคัญ)kroobannakakok
 
วัฒนธรรมไทยในปัจจุบัน
วัฒนธรรมไทยในปัจจุบันวัฒนธรรมไทยในปัจจุบัน
วัฒนธรรมไทยในปัจจุบันkroobannakakok
 
วัฒนธรรมไทยในปัจจุบัน (ต่อ)
วัฒนธรรมไทยในปัจจุบัน (ต่อ)วัฒนธรรมไทยในปัจจุบัน (ต่อ)
วัฒนธรรมไทยในปัจจุบัน (ต่อ)kroobannakakok
 
ประวัติศาสตร์ ม.2
ประวัติศาสตร์ ม.2ประวัติศาสตร์ ม.2
ประวัติศาสตร์ ม.2Arom Chumchoengkarn
 
สถาบันนิยมใหม่กับการศึกษารัฐธรรมนูญ (New Institutionalism and Constitution)
สถาบันนิยมใหม่กับการศึกษารัฐธรรมนูญ (New Institutionalism and Constitution)สถาบันนิยมใหม่กับการศึกษารัฐธรรมนูญ (New Institutionalism and Constitution)
สถาบันนิยมใหม่กับการศึกษารัฐธรรมนูญ (New Institutionalism and Constitution)Weera Wongsatjachock
 
บริหารราชการไทย 5
บริหารราชการไทย 5บริหารราชการไทย 5
บริหารราชการไทย 5Saiiew
 
ประโยคตามเจตนา 7
ประโยคตามเจตนา 7ประโยคตามเจตนา 7
ประโยคตามเจตนา 7Nongkran Jarurnphong
 
ประโยคความรวม กลุ่ม๓
ประโยคความรวม กลุ่ม๓ประโยคความรวม กลุ่ม๓
ประโยคความรวม กลุ่ม๓Nongkran Jarurnphong
 
งานนำเสนอ1ภาษาไทย(ประโยคความรวม) (2)
งานนำเสนอ1ภาษาไทย(ประโยคความรวม) (2)งานนำเสนอ1ภาษาไทย(ประโยคความรวม) (2)
งานนำเสนอ1ภาษาไทย(ประโยคความรวม) (2)Nongkran Jarurnphong
 
ชนิดของประโยคแบ่งตามเจตนา ๕ ๙
ชนิดของประโยคแบ่งตามเจตนา ๕ ๙ชนิดของประโยคแบ่งตามเจตนา ๕ ๙
ชนิดของประโยคแบ่งตามเจตนา ๕ ๙Nongkran Jarurnphong
 
การมีส่วนร่วมทางการเมือง
การมีส่วนร่วมทางการเมืองการมีส่วนร่วมทางการเมือง
การมีส่วนร่วมทางการเมืองAkaraphon Kaewkhamthong
 
การเมืองในองค์การ
การเมืองในองค์การการเมืองในองค์การ
การเมืองในองค์การบะห์ บาตู
 
พุทธศาสนากับการบริหาร
พุทธศาสนากับการบริหารพุทธศาสนากับการบริหาร
พุทธศาสนากับการบริหารAnchalee BuddhaBucha
 

Destacado (20)

การเมืองการปกครอง
การเมืองการปกครองการเมืองการปกครอง
การเมืองการปกครอง
 
พลเมืองที่ดี
พลเมืองที่ดีพลเมืองที่ดี
พลเมืองที่ดี
 
ภูมิปัญญา
ภูมิปัญญาภูมิปัญญา
ภูมิปัญญา
 
วัฒนธรรม (ความหมายและความสำคัญ)
วัฒนธรรม  (ความหมายและความสำคัญ)วัฒนธรรม  (ความหมายและความสำคัญ)
วัฒนธรรม (ความหมายและความสำคัญ)
 
วัฒนธรรมไทยในปัจจุบัน
วัฒนธรรมไทยในปัจจุบันวัฒนธรรมไทยในปัจจุบัน
วัฒนธรรมไทยในปัจจุบัน
 
วัฒนธรรมไทยในปัจจุบัน (ต่อ)
วัฒนธรรมไทยในปัจจุบัน (ต่อ)วัฒนธรรมไทยในปัจจุบัน (ต่อ)
วัฒนธรรมไทยในปัจจุบัน (ต่อ)
 
ประวัติศาสตร์ ม.2
ประวัติศาสตร์ ม.2ประวัติศาสตร์ ม.2
ประวัติศาสตร์ ม.2
 
สถาบันนิยมใหม่กับการศึกษารัฐธรรมนูญ (New Institutionalism and Constitution)
สถาบันนิยมใหม่กับการศึกษารัฐธรรมนูญ (New Institutionalism and Constitution)สถาบันนิยมใหม่กับการศึกษารัฐธรรมนูญ (New Institutionalism and Constitution)
สถาบันนิยมใหม่กับการศึกษารัฐธรรมนูญ (New Institutionalism and Constitution)
 
บริหารราชการไทย 5
บริหารราชการไทย 5บริหารราชการไทย 5
บริหารราชการไทย 5
 
กลุ่มที่ ๑
กลุ่มที่ ๑กลุ่มที่ ๑
กลุ่มที่ ๑
 
กลุ่มที่ ๒
กลุ่มที่ ๒กลุ่มที่ ๒
กลุ่มที่ ๒
 
ประโยคตามเจตนา 7
ประโยคตามเจตนา 7ประโยคตามเจตนา 7
ประโยคตามเจตนา 7
 
ประโยคความรวม กลุ่ม๓
ประโยคความรวม กลุ่ม๓ประโยคความรวม กลุ่ม๓
ประโยคความรวม กลุ่ม๓
 
งานนำเสนอ1ภาษาไทย(ประโยคความรวม) (2)
งานนำเสนอ1ภาษาไทย(ประโยคความรวม) (2)งานนำเสนอ1ภาษาไทย(ประโยคความรวม) (2)
งานนำเสนอ1ภาษาไทย(ประโยคความรวม) (2)
 
Flickr
FlickrFlickr
Flickr
 
ชนิดของประโยคแบ่งตามเจตนา ๕ ๙
ชนิดของประโยคแบ่งตามเจตนา ๕ ๙ชนิดของประโยคแบ่งตามเจตนา ๕ ๙
ชนิดของประโยคแบ่งตามเจตนา ๕ ๙
 
การมีส่วนร่วมทางการเมือง
การมีส่วนร่วมทางการเมืองการมีส่วนร่วมทางการเมือง
การมีส่วนร่วมทางการเมือง
 
การเมืองในองค์การ
การเมืองในองค์การการเมืองในองค์การ
การเมืองในองค์การ
 
การปกครองคณะสงฆ์
การปกครองคณะสงฆ์การปกครองคณะสงฆ์
การปกครองคณะสงฆ์
 
พุทธศาสนากับการบริหาร
พุทธศาสนากับการบริหารพุทธศาสนากับการบริหาร
พุทธศาสนากับการบริหาร
 

Similar a สถาบันทางการเมือง

ระบอบประชาธิปไตย 3
ระบอบประชาธิปไตย 3ระบอบประชาธิปไตย 3
ระบอบประชาธิปไตย 3thnaporn999
 
กฎหมาย
กฎหมายกฎหมาย
กฎหมายmarena06008
 
กฏหมายและความสัมพันธ์คู่กรณี
กฏหมายและความสัมพันธ์คู่กรณีกฏหมายและความสัมพันธ์คู่กรณี
กฏหมายและความสัมพันธ์คู่กรณีthnaporn999
 
กฏหมายและความสัมพันธ์คู่กรณี
กฏหมายและความสัมพันธ์คู่กรณีกฏหมายและความสัมพันธ์คู่กรณี
กฏหมายและความสัมพันธ์คู่กรณีthnaporn999
 
ระบบร่างกฎหมายไทย Is
ระบบร่างกฎหมายไทย Isระบบร่างกฎหมายไทย Is
ระบบร่างกฎหมายไทย IsLawsom
 
ข้าราชการกับการเมือง
ข้าราชการกับการเมืองข้าราชการกับการเมือง
ข้าราชการกับการเมืองTaraya Srivilas
 
9789740329954
97897403299549789740329954
9789740329954CUPress
 
การปกครองของไทย
การปกครองของไทยการปกครองของไทย
การปกครองของไทยsangworn
 
การปกครองของไทย
การปกครองของไทยการปกครองของไทย
การปกครองของไทยsangworn
 
41201สรุปย่อกฎหมายมหาชน หน่วย 1-5 นิติ มสธ. (ชลบุรี).pdf
41201สรุปย่อกฎหมายมหาชน หน่วย 1-5 นิติ มสธ. (ชลบุรี).pdf41201สรุปย่อกฎหมายมหาชน หน่วย 1-5 นิติ มสธ. (ชลบุรี).pdf
41201สรุปย่อกฎหมายมหาชน หน่วย 1-5 นิติ มสธ. (ชลบุรี).pdfssuser04a0ab
 
Public health and the constitution (1)
Public health and the constitution (1)Public health and the constitution (1)
Public health and the constitution (1)Medical Student, GCM
 
ข้อสอบความรู้ทั่วไป
ข้อสอบความรู้ทั่วไปข้อสอบความรู้ทั่วไป
ข้อสอบความรู้ทั่วไปLhin Za
 
ระบบต่างที่มีอิทธิพลต่อระบบราชการ
ระบบต่างที่มีอิทธิพลต่อระบบราชการระบบต่างที่มีอิทธิพลต่อระบบราชการ
ระบบต่างที่มีอิทธิพลต่อระบบราชการSaiiew
 
Reconciliation-bill
Reconciliation-billReconciliation-bill
Reconciliation-billSanchai San
 

Similar a สถาบันทางการเมือง (20)

ระบอบประชาธิปไตย 3
ระบอบประชาธิปไตย 3ระบอบประชาธิปไตย 3
ระบอบประชาธิปไตย 3
 
Presentation3
Presentation3Presentation3
Presentation3
 
กฎหมาย
กฎหมายกฎหมาย
กฎหมาย
 
กฏหมายและความสัมพันธ์คู่กรณี
กฏหมายและความสัมพันธ์คู่กรณีกฏหมายและความสัมพันธ์คู่กรณี
กฏหมายและความสัมพันธ์คู่กรณี
 
กฏหมายและความสัมพันธ์คู่กรณี
กฏหมายและความสัมพันธ์คู่กรณีกฏหมายและความสัมพันธ์คู่กรณี
กฏหมายและความสัมพันธ์คู่กรณี
 
ส่งงานค่ะ ~
ส่งงานค่ะ ~ ส่งงานค่ะ ~
ส่งงานค่ะ ~
 
กฎหมาย
กฎหมายกฎหมาย
กฎหมาย
 
ระบบร่างกฎหมายไทย Is
ระบบร่างกฎหมายไทย Isระบบร่างกฎหมายไทย Is
ระบบร่างกฎหมายไทย Is
 
ข้าราชการกับการเมือง
ข้าราชการกับการเมืองข้าราชการกับการเมือง
ข้าราชการกับการเมือง
 
9789740329954
97897403299549789740329954
9789740329954
 
การปกครองของไทย
การปกครองของไทยการปกครองของไทย
การปกครองของไทย
 
การปกครองของไทย
การปกครองของไทยการปกครองของไทย
การปกครองของไทย
 
M1 unit 2
M1 unit 2M1 unit 2
M1 unit 2
 
41201สรุปย่อกฎหมายมหาชน หน่วย 1-5 นิติ มสธ. (ชลบุรี).pdf
41201สรุปย่อกฎหมายมหาชน หน่วย 1-5 นิติ มสธ. (ชลบุรี).pdf41201สรุปย่อกฎหมายมหาชน หน่วย 1-5 นิติ มสธ. (ชลบุรี).pdf
41201สรุปย่อกฎหมายมหาชน หน่วย 1-5 นิติ มสธ. (ชลบุรี).pdf
 
Public health and the constitution (1)
Public health and the constitution (1)Public health and the constitution (1)
Public health and the constitution (1)
 
ข้อสอบความรู้ทั่วไป
ข้อสอบความรู้ทั่วไปข้อสอบความรู้ทั่วไป
ข้อสอบความรู้ทั่วไป
 
สรุปพรบสภาตำบล
สรุปพรบสภาตำบลสรุปพรบสภาตำบล
สรุปพรบสภาตำบล
 
Political reform
Political reformPolitical reform
Political reform
 
ระบบต่างที่มีอิทธิพลต่อระบบราชการ
ระบบต่างที่มีอิทธิพลต่อระบบราชการระบบต่างที่มีอิทธิพลต่อระบบราชการ
ระบบต่างที่มีอิทธิพลต่อระบบราชการ
 
Reconciliation-bill
Reconciliation-billReconciliation-bill
Reconciliation-bill
 

Más de kroobannakakok

การวางแผนการจัดการเรียนรู้ วิชาพระพุทธศาสนา ชั้นมัธยมศึกษาปีท
การวางแผนการจัดการเรียนรู้  วิชาพระพุทธศาสนา  ชั้นมัธยมศึกษาปีทการวางแผนการจัดการเรียนรู้  วิชาพระพุทธศาสนา  ชั้นมัธยมศึกษาปีท
การวางแผนการจัดการเรียนรู้ วิชาพระพุทธศาสนา ชั้นมัธยมศึกษาปีทkroobannakakok
 
นำเสนอวิชาการ
นำเสนอวิชาการนำเสนอวิชาการ
นำเสนอวิชาการkroobannakakok
 
การปกครองท้องถิ่นไทยกับการพัฒนา
การปกครองท้องถิ่นไทยกับการพัฒนาการปกครองท้องถิ่นไทยกับการพัฒนา
การปกครองท้องถิ่นไทยกับการพัฒนาkroobannakakok
 
การก่อตั้งอาณาจักรอยุธยา
การก่อตั้งอาณาจักรอยุธยาการก่อตั้งอาณาจักรอยุธยา
การก่อตั้งอาณาจักรอยุธยาkroobannakakok
 
กำเนิดอยุธยา
กำเนิดอยุธยากำเนิดอยุธยา
กำเนิดอยุธยาkroobannakakok
 
2. แนวโน้มการปกครองท้องถิ่น
2. แนวโน้มการปกครองท้องถิ่น2. แนวโน้มการปกครองท้องถิ่น
2. แนวโน้มการปกครองท้องถิ่นkroobannakakok
 
1 กำเนิดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
1 กำเนิดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น1 กำเนิดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
1 กำเนิดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นkroobannakakok
 
โครงสร้างทางสังคม
โครงสร้างทางสังคมโครงสร้างทางสังคม
โครงสร้างทางสังคมkroobannakakok
 

Más de kroobannakakok (12)

การวางแผนการจัดการเรียนรู้ วิชาพระพุทธศาสนา ชั้นมัธยมศึกษาปีท
การวางแผนการจัดการเรียนรู้  วิชาพระพุทธศาสนา  ชั้นมัธยมศึกษาปีทการวางแผนการจัดการเรียนรู้  วิชาพระพุทธศาสนา  ชั้นมัธยมศึกษาปีท
การวางแผนการจัดการเรียนรู้ วิชาพระพุทธศาสนา ชั้นมัธยมศึกษาปีท
 
นำเสนอวิชาการ
นำเสนอวิชาการนำเสนอวิชาการ
นำเสนอวิชาการ
 
การปกครองท้องถิ่นไทยกับการพัฒนา
การปกครองท้องถิ่นไทยกับการพัฒนาการปกครองท้องถิ่นไทยกับการพัฒนา
การปกครองท้องถิ่นไทยกับการพัฒนา
 
กรุงเทพ
กรุงเทพกรุงเทพ
กรุงเทพ
 
การก่อตั้งอาณาจักรอยุธยา
การก่อตั้งอาณาจักรอยุธยาการก่อตั้งอาณาจักรอยุธยา
การก่อตั้งอาณาจักรอยุธยา
 
กำเนิดอยุธยา
กำเนิดอยุธยากำเนิดอยุธยา
กำเนิดอยุธยา
 
3 เทศบาล
3 เทศบาล3 เทศบาล
3 เทศบาล
 
4. อบต
4.  อบต4.  อบต
4. อบต
 
2. แนวโน้มการปกครองท้องถิ่น
2. แนวโน้มการปกครองท้องถิ่น2. แนวโน้มการปกครองท้องถิ่น
2. แนวโน้มการปกครองท้องถิ่น
 
1 กำเนิดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
1 กำเนิดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น1 กำเนิดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
1 กำเนิดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
 
4. อบต
4.  อบต4.  อบต
4. อบต
 
โครงสร้างทางสังคม
โครงสร้างทางสังคมโครงสร้างทางสังคม
โครงสร้างทางสังคม
 

สถาบันทางการเมือง

  • 1. สถาบันทางการเมือง มี 5 หัวข้อ 1.ความหมายของสถาบัน 2.รัฐธรรมนูญ 3.สถาบันฝ่ ายนิ ติบญญัติ ั 4.สถาบันฝ่ ายบริหาร 5.สถาบันฝ่ ายตุลาการ
  • 2. 1.ความหมาย สถาบัน แปลว่า ก่อตัง 2 นัย คือ 1.สถาบันทีเป็ นรูปธรรม เช่น วิทยาเขตหนองคาย สมาคม ไทย-ลาว 2.สถาบันทีเป็ นนามธรรม เช่น ระเบียบ กฎเกณฑ์ทีทีปฏิ บติในสังคม ั บรรทัดฐานของพฤติ กรรมทีสร้างขึนมีโครงสร้างแน่ นอน+ปฏิ บติสืบกันมาจนยอมรับกัน ั ทางสังคมทีแสดงออก สถาบันทางการเมือง (political institution) คือสถาบันทีแสดงถึงความสัมพันธ์ ระหว่างการเมืองและสมาชิ กของสังคม/ระหว่างสมาชิ ก/ปฏิบติกิจกรรมทางการเมือง ั อย่างต่อเนื อง สถาบันการเมืองทีสําคัญ มี 4 ประการ ดังนี 2.. รัฐธรรมนูญ (Constitution) 2.1 ประเภทของรัฐธรรมนูญ กฎหมายสูงสุดของรัฐ แบ่งเป็ น 4 ประเภทหลัก คื อ 1รัฐธรรมนูญลายลักษณ์อกษร 2.รัฐธรรมนูญจารีตประเพณี ั 3.รัฐธรรมนูญรัฐเดียวรัฐรวม 4. รัฐธรรมนูญสาธารณรัฐและรัฐธรรมนูญกษัตริย ์
  • 3. 2.2นักวิชาการบางคนแบ่ง เป็ น 2 ประเภท คือ 1.แบบลายลักษณ์อกษร2.แบบจารีต ั 1.รัฐธรรมนูญลายลักษณ์อกษร กฎหมายสูงสุดทีเขียนไว้เป็ นลายลักษณ์อกษร ั ั รธน.ของอเมริกาเป็ นต้นแบบ วัตถุประสงค์ /อํานาจอธิปไตย /....กรณี รธน.ไทย 2.รัฐธรรมนูญตามจารีตประเพณี รธน. อังกฤษเป็ นต้นแบบ 3.รัฐธรรมนูญรัฐเดียว รัฐธรรมนูญรวม รัฐทีใช้รฐธรรมนูญรัฐเดี ยว อํานาจอธิปไตยอยู่ที ั รัฐบาลเดียว แบ่งอํานาจไปสู่ส่วนภูมิภาค /กระจายอํานาจไปท้องถิน รัฐธรรมนูญรัฐรวม คื อรัฐบาลซ้อนกัน 2 ระบบ มีฝ่ายบริหาร นิ ติบญญัติ ตุลาการใน ั รัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิน มี 2 แบบ 1.รัฐบาลกลาง มีอํานาจเท่าทีท้องถิน กําหนด* federation ของสหรัฐอเมริกา 2.รัฐบาลท้องถินมีอํานาจเท่าทีรัฐบาลกลาง กําหนด 4.รัฐธรรมนูญสาธารณรัฐ และรัฐธรรมนูญกษัตริย ์ รัฐธรรมนูญสาธาฯปธธ.เป็ นประมุข รัฐอย่างเดียว /ปธธ.เป็ นประมุข+ผูนําบริหาร รัฐธรรมนูญกษัตริย ์ * ้ สมบูรณาญาสิ ทธิราชย์และกษัตริยอยู่ภายใต้รฐธรรมนูญ (Constitutional Monarchy ์ ั หรือ Limited Monarchy)
  • 4. 2.3 การตีความรัฐธรรมนูญ เพือความศักดิสิทธิของกฎหมายสูงสุดและ ปองกันการวินิจฉัยกฎหมายทีผิ ดพลาดเช่น ศาลสูง(Supreme Court)ของอเมริกา ้ ศาลรัฐธรรมนูญของไทย (หลังพฤษภาทมิฬ 2535 เริมเรียกร้องรัฐธรรมนูญทีเป็ น เจตนารมณ์ของปชช.ทีจะปฎิรการเมือง ขยายผลมาเป็ นรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ู 2540 (ฉบับปั จจุบนเป็ นรธน.ลายลักษณ์อกษร ปี พ.ศ. 2550 12 หมวด ั ั ................) 2.4 จุดกําเนิ ดของรัฐธรรมนูญ 1.)วิวฒนาการ(ค่อยเป็ นค่อยไป) ช่วงชิ งอํานาจ กษัตริยกบรัฐสภาของอังกฤษ ั ์ ั 2.)ปฏิวติ/รัฐประหาร กรณี การปฏิวติฝรังเศส ค.ศ. 1789/ปฏิวติรสเซีย(ความ ั ั ั ั แตกต่างของปฎิวติ* Revolution ปชช.ล้มล้างอํานาจ/รวดเร็ว แต่ รัฐประหาร* Coup ั D etatคือ...... 3.)ประมุขรัฐมอบให้ กรณี ร.7 พระราชทานอํานาจรธน.แก่ปชช.ชาวไทย 4.)การรวมตัวของประชาชนก่อกําเนิ ดรัฐ กรณี ปชช.สหรัฐจากมลรัฐรวมตัว 5.)ประเทศทียึ ดครองมอบให้ กรณี ญีปุ่ นรับจากสัมพันธมิตรหลังสงครามโลก 2
  • 5. 2.5 ลักษณะของรัฐธรรมนูญทีดี (รัฐธรรมนูญทีดีตองเหมาะสมกับสภาพรัฐ) ้ 1.) มีขอความชัดเจนแน่ นอน ้ 2.)กําหนดสิทธิ เสรีภาพของประชาชนไว้ชดเจน ั 3.)ครอบคลุมบทบัญญัติการปกครองรัฐไว้ครบถ้วน 4.)ไม่ควรยาวเกินไป 5.)กําหนดวิธีการแก้ไข เพิมเติ มรัฐธรรมนูญ 2.6 เนื อหาสาระของรัฐธรรมนูญ 1.) ระบุถึงอุดมการณ์ 2.)โครงร่างของรัฐบาล อํานาจ/หน้าที 3. การแบ่งอํานาจ 4. กําหนดขอบเขตสิทธิ ของบุคคล และกรอบอํานาจรัฐ 5. กําหนดวิธีการแก้ไข การแก้ไข เพิมเติม รัฐธรรมนูญ 5วิธี คื อ 1.แก้ไขโดยฝ่ ายนิ ติบญญัติ(เสียงข้างมาก) ั 2.แก้ไขโดยฝ่ ายนิ ติบญญัติคะแนนพิเศษ 2/3 หรือ 3/4 3.แก้ไขโดยฝ่ ายนิ ติบญญัติ ั ั แต่ตองขอประชามติ 4.แก้ไขโดยปชช.ทัวไป (ดีทีสุด) 5.แก้ไขโดยตังองค์กรพิเศษทํา ้ หน้าทีแก้ไข
  • 6. 3.สถาบันนิ ติบญญัติ ั 3.1 สถาบันนิ ติบญญัติ คือฝ่ ายรัฐสภา มีหน้าทีหลักคือออกกฎหมาย และการเป็ นตัวแทน ั ประชาชน /ควบคุมการทํางานของรัฐบาลในระบบรัฐสภา *สภานิ ติบญญัติเกิดขึนครังแรกในอังกฤษ สมัยพระเจ้าวิลเลียมส์ตงสภามหาสภา (Great ั ั Council) หรือ Magnum Consilium Great Council ต่อมาสมัยพระเจ้าเฮนรีที 3 ขัดแย้งกับ สภาจึงเปลียนเป็ นชือ parliament 3.2ปั จจุบนประเทศทีมีระบบรัฐสภาแบ่งสถาบันนิ ติบญญัติเป็ น 2 รูปแบบ คือ ั ั 1.) ระบบสภาเดียวหรือ เอกสภา (Unicameral)มีสภาเดียวส่วนใหญ่อยู่ในระดับการปกครองส่วน ท้องถิน ในสหรัฐอเมริกา เช่น สภาแขวง (County Board) สภาเมือง (City Councils)
  • 7. 2.) ระบบสองสภา (Bicameral) ทวิสภา (Bicameral) มี 2 สภา รูปแบบในการออก กฎหมายแบบนี เป็ นทีนิ ยมในประเทศต่างๆ ทัวโลก ถือกําเนิ ดขึนครังแรกในประเทศ อังกฤษ โดยทัวไปแบ่งเป็ น 2 สภา เรียกว่า Bicameral (Houses/Chambers) **สภาล่าง (สส.) ประกอบด้วยบุคคลธรรมดาหลากหลาย มาจากการเลื อกตัง **สภาสูง (สว.) คนทีมีลกษณะพิเศษ มาจากการแต่งตังหรือเลื อกตัง ั อํานาจและหน้าทีของสภาคู่ มี 2 รูปแบบ รูปแบบที 1 - ระบบสภาคู่ทีมีอํานาจเท่าเทียมกัน เช่นรัฐสภาสหรัฐ (Congress) ประกอบด้วยสภาสูง (หรือวุฒิสภา) และสภาล่าง(หรือสภาผูแทนราษฎร) ้ รูปแบบที 2 - ระบบสภาคู่ทีมีอํานาจเน้นหนักทีสภาเดียว ระบบรัฐสภาอังกฤษซึงมีสภาสูง หรือสภาขุนนาง (House of Lords) และสภาผูแทนราษฎรหรือสภาสามัญ (House of ้ Commons)
  • 8. 3.3 หลักการเลื อกผูแทนของสภามี 4 วิธีการ คือ ้ 1.)การเลื อกผูแทนหรือตัวแทนจากชนชัน ้ 2.) การเลื อกตัวแทนทางภูมิศาสตร์หรือหน่ วยการเมือง 3.) การเลื อกตัวแทนประชากร เป็ นวิธีการเลื อกทีแพร่หลายมากทีสุด แบ่งเขตซึงมีสมาชิ กได้เพียงคนเดียว และแบ่งเป็ นเขตซึงมีสมาชิ กได้หลายคน **จุดอ่อน คื อ ประชากรมีการเคลือนย้ายเสมอ ต้องกําหนดเขตใหม่/เหมาะสม 4.)การเลื อกตัวแทนจากกลุ่มอาชี พ 3.4อํานาจและหน้าทีของสถาบันฝ่ ายนิ ติบญญัติ ั 1.) ออกกฎหมาย(law - mating) เป็ นอํานาจหน้าทีหลักของสถาบันฝ่ ายนิ ติบญญัติ ั 2.) การมีส่วนร่วมในอํานาจฝ่ ายบริหาร(executive) 3.)การมีส่วนร่วมในทางตุลาการ 4.)บทบาทในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 5.) บทบาทในการเลื อกตัง
  • 9. บทบาทของรัฐสภาในระบบประธานาธิบดี กรณี ตวอย่างสหรัฐอเมริกา ั * วุฒิสภาและสส.มีอํานาจเท่าเทียมกัน *วุฒืสภามาจากรัฐต่างๆ ตัวแทนรัฐละ 2 คน วุฒสภาดํารงตําแหน่ งคราวละ 6 ปี และ 1/3 ของวุฒิสมาชิ ก ต้องเลื อกใหม่ทุก 2 ปี *หน้าทีของสส. และ สว. คื อ **การออกกฎหมาย/แก้ไขรัฐธรรมนูญ ** สว.ให้การรับรองการแต่งตังข้าราชการระดับสูงของปธธ. ** สส.ทํา impeachment กล่าวโทษฝ่ ายพลเรือน/ตุลาการหรือปธธ.ให้พนจากตําแหน่ ง ้ ได้ ** วุฒิสภามีอํานาจปลด ปธธ.(removal)ได้ 2/3ของวุฒิสภา
  • 10. 3.5โครงสร้างรัฐสภาไทย โดยทัวไปมักแบ่งออกเป็ น 2 ประเภท คือ สภาเดียว (Unicameral System) และสภาคู่ (Bicameral System) บทบาทของรัฐสภาไทย 1.วุฒิสภาทําหน้าทีเป็ นพีเลียง กําเนิ ดจากอังกฤษ สภาขุนนาง ไทยเริมมีการเลือกตัง สว.ปี 2540 2.สส.มีอํานาจมากกว่าสว. 3.รัฐสภามีอํานาจตรวจสอบข้อเท็จจริงใน คณะกรรมาธิการประจําวุฒิสภา หรือประจําสภา ผูแทนราษฎร ้ **ขันตอนการ/กระบวนการออกกฎหมาย ครม./รัฐสภาเป็ นผูเ้ สนอร่างกม. นําร่างเข้าสู่สภา
  • 11. การพิจารณาร่างกฎหมาย รัฐสภา มี 3 วาระ คือ(สส.และ สว.ใช้แบบเดียวกัน) วาระที 1. รับหลักการ อ่านชือ /อ่านสาระให้สภารับทราบ วาระที 2. แปรญัตติ 1.เปิ ดให้แสดงความคิดเห็น/อภิปรายแล้ว 2. สภาเห็นชอบ ให้ตงคณะกรรมาธิการพิจารณา ั ปรับแก้(แต่หามแก้หลักการ) ้ 3.กรรมาธิการปรับแก้ เสร็จเรียบร้อย นําเสนอสภาเพือ ปรับแก้อีกครัง เมือปรับแก้เสร็จเสนอเข้าวาระ 3 วาระที 3 ลงมติ ให้อภิปรายแต่หามแก้ไขร่างกม. เมือลงมติเสร็จให้เสนอวุฒิสภา ้ เมือวุฒิสภาพิจารณาเสร็จ เสนอประมุขประเทศ(พระมหากษัตริย) ์
  • 12. 4. สถาบันฝ่ ายบริหาร คณะผูบริหารประเทศในระบบรัฐสภา และปธธ.แตกต่างกัน ้ 4.1สถาบันฝ่ ายบริหารในระบบรัฐสภา **ฝ่ ายบริหารบริหารประเทศ นํากม.ไปบังตับใช้ (บางครังออกม.เองได้) **ในประเทศประชาธิปไตย อํานาจฝ่ ายบริหารมีจํากัด รัฐบาลอยู่ในการควบคุมของรัฐสภา เมือลงมติ คณะผูบริหารต้องถือปฏิบติตามมติ ้ ั ** นายก+รมต.เป็ นคณะเดียวกัน นายกหมดวาระ/ลาออก/ถูกไม่ไว้วางใจ รมต.ต้องออก เพือให้รฐบาลมีเสถียรภาพ ระบบรัฐสภาให้อานาจฝ่ ายบริหารมีอํานาจในรัฐสภามาก แต่ ั ํ สมาชิก สส.ต้องปฏิบติตามมติพรรค ั 4.2สถาบันฝ่ ายบริหารในระบบประธานาธิบดี **ปธธ.ได้รบเลือกโดยตรงจากประชาชน เป็ นผูนําฝ่ ายบริหาร/เลือกครม. รมต.ใน ั ้ ระบบปธธ.จึงมีหน้าทีเหมือนกับเลขานุการ (Secretary) ปธธ.เสนอแนวคิด /แนวทางการ ปรับกม.ได้ แม้จะไม่มีอํานาจออก กม. /ปธธ.มีอํานาจแทรกตุลาการโดยลดโทษ อภัยโทษ
  • 13. 4.3อํานาจหน้าทีของฝ่ ายบริหาร มีหน้าทีครอบคลุม 6 ภารกิจหลัก คือ 1.) บทบาทหน้าทีในด้านการบริหารประเทศ 2.) บทบาทหน้าทีในการแต่งตังและถอดถอน ฝ่ ายบริหาร 3.) บทบาทในการมีส่วนร่วมด้านนิ ติบญญัติ ั 4.) บทบาทหน้าทีในทางตุลาการ 5.) บทบาทหน้าทีในด้านการฑูต 6.) บทบาทหน้าทีในทางการทหาร 4.4การเข้าสู่ตําแหน่ งและวาระการดํารงตําแหน่ งฝ่ ายบริหาร มี 5 วิธี คือ 1.) การสืบสายโลหิต 2.) การเลือกตังโดยตรง 3.) การเลือกตังโดยอ้อม 4.) โดยการแต่งตัง 5.) โดยการยึ ดอํานาจ
  • 14. 4.5วาระการดํารงตําแหน่ งของฝ่ ายบริหาร 1.) แบบไม่แน่ นอน เช่น ระบบรัฐสภารัฐบาลมีวาระเท่ากับรัฐสภา (เช่น 5 ปี ) 2.)แบบแน่ นอน เช่น ระบบประธานาธิบดี สหรัฐอเมริกา อยู่ในวาระ 4 ปี **รัฐธรรมนูญฉบับแรกของประเทศไทยเรียกผูมีอํานาจบริหารราชการแผ่นดิ นว่า ้ คณะกรรมการราษฎร ในการยกร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2475 เรียกว่า คณะกรรมการราษฎร(คณะรัฐมนตรี) บทบาทรมต.ไทย. ในปั จจุบน มีดงนี ั ั 1. การกําหนดนโยบายในการบริหารราชการแผ่นดิน 2. บริหารราชการแผ่นดินตามนโยบายทีได้แถลงไว้ต่อสภาผูแทนราษฎร ้ 3. ทําหน้าทีประสานงานระหว่างกระทรวง ทบวง กรม 4. วางระเบียบข้อบังคับให้กระทรวงทบวงกรมถือปฏิบติ ั 5. พิจารณาและลงมติเรืองต่างๆ ทีกระทรวงทบวงกรมเสนอ 6.อํานาจหน้าทีตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ 7.บทบาทหน้าทีของฝ่ ายบริหารภายใต้การชี นํ าของข้าราชการประจํา
  • 15. 5.สถาบันฝ่ ายตุลาการ 5.1 การจัดองค์การของฝ่ ายตุลาการ ระบบงานศาลแบ่งเป็ น 3 ส่วน คือ 1.)ศาลระดับธรรมดา (Courts of original Jurisdiction) รับพิจารณาคดีครังแรก 2.) ศาลอุทธรณ์ 3.) ศาลฎี กา 5.2 การเข้าสู่ตําแหน่ งของสถาบันฝ่ ายตุลาการ มี 2 ระบบ คือ 1.) การเลื อกตัง การเลือกตังใช้เฉพาะผูพิพากษาของศาลบางประเภท ้ 2.) การแต่งตัง ส่วนใหญ่เกือบทุกประเทศใช้วิธีแต่งตัง การพ้นตําแหน่ ง การถูกกล่าวหาว่าปฏิบติมิชอบ มีการกระทําทีไม่เหมาะสม (impeachment) ั กระบวนการกล่าวหาจะเริมต้นจากสภาล่าง มีการสอบสวนมีกระบวนการสืบเนื องเพือประกัน ความยุติธรรมต่อผูพิพากษาเอง ้
  • 16. การสถาปนากระทรวงยุ ติธรรม และ การเปลียนแปลงทางการศาลไทย ** เมือปลายปี ร.ศ. 110 (พ.ศ.2434) รัฐบาลไทยได้ออกประกาศตังกระทรวงยุติธรรม **ศาล ต่างๆ ในกรุงเทพฯ ทีมีอยู่เดิม 16 ศาล ถูกยุบเหลือเพียง 7 ศาล กระทรวงยุติธรรมได้มี การปรับปรุงเปลียนแปลงการบริหาร การดําเนิ นการด้านศาลมาเป็ นลําดับตลอดมา 5.3ประเภทของศาลไทย แบ่งเป็ น 4 ประเภท คือ 1. ศาลรัฐธรรมนูญ 2.ศาลยุติธรรม 3.ศาลปกครอง 4.ศาลทหาร 1.)ศาลรัฐธรรมนูญ เริมปรากฏในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2540 2.)ศาลยุติธรรม ศาลยุติธรรมยังเป็ นศาลทัวไป (Ordinary Court) ศาลยุติธรรมหรือศาลใน กระทรวงยุติธรรมแบ่งออกเป็ น 3 ชันศาล คือ ศาลชันต้น ศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกา
  • 17. ศาลชํานัญพิเศษ อยู่ในศาลชันต้นในระบบศาลยุติธรรม มีดงนี ั 1.) ศาลคดีเด็กและเยาวชนหรือศาลเยาวชนและครอบครัว 2.) ศาลแรงงาน 3) ศาลภาษี อากร 4) ศาลทรัพย์สินทางปั ญญาและการค้าระหว่างประเทศ 5) ศาลล้มละลาย 3.)ศาลปกครอง รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับ พ.ศ. 2540 ได้บญญัติเรือง ั ศาลปกครองไว้เป็ นการเฉพาะ **ศาลปกครองแบ่งออกเป็ น 2 ชัน คือ 1.ศาลปกครองสูงสุด 2.ศาลปกครองชันต้น (ศาล ปกครองกลาง และศาลปกครองในภูมิภาค)
  • 18. คดีทีขึนสู่ศาลปกครอง คือ คดีพิพาทเกียวกับการทีหน่ วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าทีของรัฐ กระทําการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็ นการออกกฎ คําสังหรือการกระทําอืนใด เนื องจากกระทําโดยไม่มีอานาจหรือนอกเหนื ออํานาจหน้าทีหรือไม่ถกต้องตามกฎหมาย หรือ ํ ู โดยไม่ถกต้องตามรูปแบบขันตอน ู หรือโดยไม่สจริต หรือมีลกษณะเป็ นการเลือกปฏิบติทีไม่เป็ นธรรมหรือมีลกษณะเป็ นการสร้าง ุ ั ั ั ขันตอนโดยไม่จาเป็ น ํ 4.) ศาลทหาร ศาลทหารมีอํานาจพิจารณาพิพากษาวางบทลงโทษผูกระทําผิ ดต่อ ้ กฎหมายทหารหรือกฎหมายอืนในทางอาญา ในคดีซึงผูกระทําผิ ดเป็ นบุคคลทีอยู่ในอํานาจศาล ้ ทหารในขณะกระทําผิ ดและมีอํานาจสังลงโทษบุคคลใดๆทีกระทําความผิ ดฐานละเมิดอํานาจ ศาลตามทีบัญญัติไว้ใน ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง