Más contenido relacionado
La actualidad más candente (20)
Similar a ศิลาจารึกหลักที่ ๑ (20)
ศิลาจารึกหลักที่ ๑
- 1. ศิลาจารึกหลักที่ ๑ (พ่อขุนรามคาแหง)
พ่อขุนรามคาแหงมหาราช
ประวัติการค้นพบ
ขณะสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หวยังไม่ได้เสวยราชย์ และทรงผนวชประทับอยู่ ณ วัดราชาธิราชนั้นได้
ั
เสด็จประพาสหัวเมืองฝ่ายเหนือในพ.ศ.๒๓๗๖ เมื่อเสด็จไปถึงเมืองสุโขทัย ได้ทรงพบศิลาจารึก๒หลัก และ
แท่นหิน ๑ แท่น ตั้งอยู่ทเี่ นินปราสาทในพระราชวังเก่าสุโขทัย ต่อมาภายหลังปรากฎว่าเป็นศิลาจารึกของพ่อ
ขุนรามคาแหงหลักหนึงศิลาจารึกภาษาขอมของพระมหาธรรมราชาลิไทยหลักหนึงและแท่นหินนั้น คือ พระ
่ ่
ที่นั่งมนังคศิลาบาตรพระองค์ได้โปรดให้นาโบราณวัตถุทั้งสามชิ้นกลับมายังพระนคร และได้ทรงพยายาม
อ่านศิลาจารึกของพ่อขุนรามคาแหง จนทราบว่าจารึกนี้สันนิษฐานว่าสร้างเมื่อ พ.ศ.๑๘๓๕
ภายหลังเมื่อได้เสวยสิริราชสมบัติแล้วจึงโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายจากวัดบวรนิเวศไปตั้ งไว้ที่ศาลารายภายในวัด
พระศรีรัตนศาสดาราม ข้างด้านเหนือพระอุโบสถหลังที่สองนับจากตะวันตก จนถึงปีพ,ศ.2466จึงได้ย้ายมา
ไว้ที่หอสมุดวชิรญาณในปีพ.ศ.2468จึงโปรดเกล้าให้ย้ายจารึกมาเก็บไว้ณพระที่นั่งศิวโมกขพิมานพ.ศ.2511
จึงได้ย้ายเฉพาะศิลาจารึกพ่อขุนรามคาแหงมหาราชไปตั้งที่อาคารสร้างใหม่ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระ
นครด้านเหนือชั้นบน ซึ่งเป็นห้องแสดงศิลปะสมัยสุโขทัยเพื่อประโยชน์ในการศึกษาทางประวัติศาสตร์และ
โบราณคดี และได้จัดทาศิลาจารึกหลักจาลองขึ้นเก็บรักษาไว้ที่หอวชิราวุธแทน
ศิลาจารึกหลักที่ ๑(พ่อขุนรามคาแหง)
- 2. ลักษณะของศิลาจารึกพ่อขุนรามคาแหง
ลักษณะของศิลาจารึกพ่อขุนรามคาแหงเป็นหินชนวนสีเ่ หลียมมียอดแหลมปลายมน สูง ๑ เมตร ๑๑
่
เซนติเมตร มีข้อความจารึกทั้ง ๔ ด้าน สูง ๕๙ เซนติเมตรกว้าง ๓๕ เซนติเมตร ด้านที่ ๑และ๒ มี ๓๕ บรรทัด
ด้านที่ ๓และด้านที่ ๔ มี ๒๗ บรรทัด
การบันทึกของศิลาจารึกพ่อขุนรามคาแหงแบ่งออกเป็น 3 ตอน
ตอนที่ ๑ ตั้งแต่บรรทัดที่ ๑ – ๑๘เป็นเรืองของพ่อขุนรามคาแหงทรงเล่าประวัติพระองค์เอง ตั้งแต่ประสูติจน
่
เสวยราชย์ใช้สรรพนามแทนชื่อของพระองค์ว่ากู
ตอนที่ ๒ ตั้งแต่บรรทัดที่ ๑๙ เล่าเหตุการณ์ต่างๆและขนบประเพณีของกรุงสุโขทัยเล่าเรื่องการสร้างพระ-
แท่นมนังคศิลาบาตร สร้างวัดมหาธาตุเมืองศรีสชนาลัยและการประดิษฐ์อักษรไทยใช้พระนามว่าพ่อขุน-
ั
รามคาแหง
ตอนที่ ๓ คงจารึกต่อจากตอนที๒หลายปีเพราะรูปร่างอักษรต่างไปมากกล่าวสรรเสริญและยอพระเกียรติของ
่
พ่อขุนรามคาแหงบรรยากาศถูมิสถานบ้านเมือง และขอบเขตของอาณาจักรสุโขทัย
- 19. คาศัพท์ที่ปรากฏ
ด้านที่๑
ไพร่ฝ้าหน้าใส- ไพร่พล
ญญ่าย มาจาก ย่ายย่าย แปลว่า ไปอย่างรวดเร็ว
จะแจ้น มาจาก แจ้นแจ้น คือ ชุลมุน
เบกพล แปลว่า เบิกพล หรือ แหวกพลอาจเป็นชื่อช้างก็ได้ตีหนัง
ตีหนัง วังช้าง - คล้องช้าง
ลูท่าง -เป็นการสะดวก
กว่า– ไป พ่อเชื้อ – พ่อที่ล่วงลับไปแล้ว
เสื้อคา - เป็นคาที่ใช้คู่กับพ่อเชื้อ
ช้างขอ – ช้างที่เคยขอ คือช้างที่ฝึกไว้ดีแล้ว
เยียเข้า– ยุ้งฉาง
ผิดแผกแสกว้างกัน– ทะเลาะกัน
แล่งความ – ตัดสินความ
บ่ใคร่พน – ไม่อยากได้
ี
บ่ใคร่เดือด– ไม่ริษยา
ตวง– จนกระทั่ง
หัวพู่งหัวรบ- ข้าศึกชั้นหัวหน้า
ไพร่ฝ้าหน้าปก – ประชาชนที่มีทกข์รอน
ุ ้
เจ็บท้องข้องใจ– ทะเลาะกัน
บ่ไร้ – ไม่ยาก
- 20. คาศัพท์ที่ปรากฏ
ด้านที่๒
ลางขนุน, หมาก – มะพร้าวประเภทหนึ่ง
ตระพัง– สระน้า
ตรีบูร– กาแพงสามชั้น
มักโอยทาน– นิยมถวายทานแกผู้ทรงศีล
พนม– ประดิษฐ์เป็นพุ่ม
แล่ปีแล้ญิบล้าน– ปีละสองล้าน(เบีย)
้
เท้า– ถึง
ดม– ระดม
บงคม– ประโคม
เลื้อน– ขับทานองเสนาะ
มี– อึ่งมี่
ราม– ปานกลาง
นีสไสยสุต- พระภิกษุผู้มีพรรษาครบ ๕
อรัญญิก– วัดในป่า
หลวก– ฉลาดหลักแหลม
ทะเลหลวง– ทุ่งกว้าง
แกล้ง- ตั้งใจ
- 21. คาศัพท์ที่ปรากฏ
ด้านที่ ๓
ปสาน – ตลาด
อัจนะ – สิ่งที่ควรบูชา
สรีดภงส – ทานบ,คลองส่งน้า, ทาง หรือท่อระบายน้า
น้าโคก – แอ่งน้าลึก
ขพุง – ชื่อภูเขา
ขพุง แปลว่า สูง
วันเดือนดับ -วันสินเดือนทางจันทรคติ
้
ผี – เทวดา
เดือนโอกแปดวัน – วันขึนแปดค่า
้
วันเดือนเต็ม – วันเพ็ญ
เดือนบ้างแปดวัน – วันแรมแปดค่า
คัล – เฝ้า
กระพัดลยาง - สายเชือกที่ผูกกูบหรือสับประคับ คล้องไว้กับโคนหางช้างและรัดกับตัวช้าง
รูจาครี ชื่อช้าง
ชเลียง เมืองเชลียง คือ เมืองสวรรคโลกเก่า
กลวง บริเวณ หรือ ท่ามกลาง
- 22. คาศัพท์ที่ปรากฏ
ด้านที่๔
มาออก – มาเป็นเมืองขึ้น
๑๒๐๗ ศกปีกุน – มหาศักราช ๑๒๐๗ ตรงกับปีระกาถ้าเป็นปีกน จะต้องตรงกับมหาศักราช ๑๒๐๙
ุ
เวียงผา – กาแพงหิน
๑๒๐๕ เป็นมหาศักราช - ตรงกับพุทธศักราช ๑๘๒๖
หา – หาก
แคะ เปรียว - ว่องไว
รอด – ตลอด
สรลวงสองแคว – พิษณุโลก
ลุมบาจาย – เมืองหล่มเก่า
สคา – เมืองแถวแม่น้าป่าสัก
คนที – บ้านโคน กาแพงเพชร
พระบาง เมืองนครสวรรค์
แพรก เมืองชัยนาท
สูพรรณภูมิ - เมืองเก่าแถวสุพรรณบุรี
แพล เมืองแพร่
ม่าน - เมืองอยู่ระหว่าแพร่กับน่าน
พลัว – อาเภอปัว จังหวัดน่าน
ชวา - เมืองหลวงพระบาง
- 23. วรรณศิลป์ในศิลาจารึก
วรรณศิลป์ คือ ศิลปะของการประพันธ์ซึ่งเป็นคุณสมบัติหนึงที่วรรณคดีควรจะมีดงนันการศึกษาถึง
่ ั ้
วรรณศิลป์ของศิลาจารึกสุโขทัยหลักที่ ๑ย่อมสามารถตอบข้อสงสัยเกี่ยวกับการเป็นวรรณคดีของศิลาจารึก
หลักที่หนึงได้
่
จากการศึกษาวรรณศิลป์ในศิลาจารึกสุโขทัยหลักที่๑ พบความโดนเด่นทางวรรณศิลป์ที่น่าสนใจสอง
ประการ คือการใช้คาหรือวลีที่มลักษณะเหมือนคาอุทานเสริมบท และ การมีคาสร้อยสลับวรรคซึงลักษณะ
ี ่
ดังกล่าวเป็นหลักฐานที่สนับสนุนความเป็นวรรณคดีของศิลาจารึกสุโขทัยหลักที่ ๑ ทั้งยังถือได้ว่าเป็นข้อมูลที่
มีประโยชน์ต่อการศึกษาในเชิงวิวัฒนาการวรรณคดีไทยในระดับต่อไปอีกด้วย
ก) การใช้วลีที่มลักษณะเหมือนคาอุทานเสริมบท
ี
ในศิลาจารึกหลักที่หนึงมีการประพันธ์ด้วยคาทีมีโครงสร้างคล้ายคาอุทานเสริมบทซึ่งมักจะมีสี่พยางค์คอ
่ ่ ื
พยางค์ที่ ๑ กับพยางค์ที่ ๓ จะเป็นคาเดียวกันและพยางค์ที่ ๒ กับพยางค์ที่ ๔ของคาจะเป็นคาที่ต่างกันแต่ก็มี
ความหมายในทานองเดียวกัน
ตัวอย่างเช่น
“บ่ฆ่าบ่ตี”
จะสังเกตเห็นว่าคาพยางค์แรกและคาพยางค์ที่ ๓ เป็นคาเดียวกัน คือคาว่า “บ่”
ส่วน“ฆ่า” และ “ตี” ในพยางค์ที่ ๒ และ ๓ ตามลาดับนั้น มีความหมายไปในทานองเดียวกัน เกี่ยวกับการทา
ร้ายเพียงแต่ “ฆ่า” เป็นการทาร้ายอย่างรุนแรงกว่า
“กลางบ้านกลางเมือง”
ตัวอย่างนี้ซ้าคาว่า“กลาง” ในพยางค์ตาแหน่งที่ ๑ และ ๓ ส่วนคาว่า “บ้าน” และ “เมือง” ในตาแหน่งที่ ๒และ
๔ ก็มีความหมายในกลุมเดียวกันคือสถานทีอยูอาศัยของคน เพียงแต่ “เมือง”มีความหมายที่เป็นสถานที่ทมี
่ ่ ่ ี่
ขอบเขตกว้างใหญ่กว่า “บ้าน”นอกจากคา ๔ พยางค์แล้วลักษณะที่คล้ายกับคาอุทานเสริมบทยังปรากฏให้
เห็นได้ในคา ๖พยางค์ด้วย ดังเช่น
“บ่มีเงือนบ่มทอง”และ “บ่มีช้างบ่มีม้า”
ี
ทั้งนี้จากการพิจารณาศิลาจารึกหลักที่หนึ่งลักษณะดังกล่าวจะมีปรากฏในคา๔ พยางค์มากที่สุด
ลักษณะของคาที่ที่คล้ายกับคาอุทานเสริมบทนี้จะทาให้ร้อยแก้วกึ่งร่ายของศิลาจารึกหลักที่หนึงมีความ
่
ไพเราะสมกับเป็น
วรรณคดีมากยิ่งขึ้นเพราะมีคาทีก่อให้เกิดความสมดุลทั้งจังหวะ เสียง และความหมายดังที่กล่าวไปข้างต้น
่
- 24. ข) การมีคาสร้อยสลับวรรค
คาสร้อยสลับวรรค คือ การที่คาประพันธ์มีคาสร้อยต่อท้ายวรรคในแต่ละวรรคซึ่งมีเพือเสริมความหมาย
่
ให้ชัดเจนขึนและใช้ในกรณีคาประพันธ์มีความหมายที่คล้ายและเป็นไปในทางเดียวกัน ดังตัวอย่าง
้
“... ได้ตัวเนื้อตัวปลา ...เอามาแก่พ่อ...ได้หมากส้มหมากหวาน อันใดกินอร่อยดี...เอามาแก่พ่อ...ไปตีหนังวัง
ช้างได้ ...เอามาแก่พ่อ...ไปท่บ้านท่เมืองได้ช้างได้งวง ได้ปั่วได้นาง ได้เงือนได้ทอง ...เอามาเวนแก่พอ... ...”
่
จากตัวอย่างจะพบว่า “...เอามาแก่พ่อ...” หรือ “...เอามาเวนแก่พอ...” เป็นคาสร้อยสลับวรรค โดยที่คาสร้อย
่
นั้นเป็นวลี
“...ป่าพร้าวก็หลายในเมืองนี้ ป่าลางก็หลายในเมืองนี้ หมากม่วงก็หลายในเมืองนี้หมากขามก็หลายในเมืองนี้
...”
จากตัวอย่าง “ก็หลายในเมืองนี” เป็นคาสร้อยสลับวรรคโดยทีคาสร้อยนั้นเป็นวลีเช่นเดียวกับ คาสร้อย
้ ่
“...เอามาแก่พ่อ...”
นอกจากนี้ในศิลาจารึกหลักที่ ๑ ยังมีคาสร้อยสลับวรรคทีเ่ ป็นคาพยางค์เดียวด้วย ดังเห็นได้จาก คาว่า “ค้า”
ในตัวอย่าง
“... ใครจักใคร่ค้าช้า ค้า ใครจักใคร่ค้าม้า ค้า ใครจักใคร่ค้าเงือนค้าทองค้า ...”
จากการค้นคว้าเบืองต้นแล้วคาสร้อยสลับวรรคทีเ่ ป็นวลีมีมากกว่าคาสร้อยสลับวรรคแบบที่เป็นคาพยางค์
้
เดียวและถึงแม้คาสร้อยสลับวรรคในศิลาจารึกหลักที่ ๑จะยังไม่คงที่ด้านจานวนคาและไม่สมบูรณ์ด้านการใช้
คาหรือวลีเดียวกันทุกคาสร้อยบ้างแต่คาสร้อยสลับวรรคของศิลาจารึกหลักที่หนึ่งนี้ได้แสดงให้เห็นว่าศิลา
จารึกหลักที่หนึ่งไม่ใช่แค่มรูปแบบการประพันธ์ร้อยแก้วที่มีสัมผัสในวรรคและระหว่างวรรคมากกว่าร้อย
ี
แก้วปกติแต่ยังเป็นร้อยแก้วที่ผู้ประพันธ์ได้สร้างลักษณะพิเศษอย่างคาสร้อยสลับวรรคแทรกไว้ ดงนันศิลา
ั ้
จารึกหลักที่หนึ่งจึงมีคุณค่าด้านวรรณศิลป์ในระดับที่เหมาะสมกับการได้รับการยกย่องให้เป็นวรรณคดีไทย
นอกจากนี้ลกษณะของคาสร้อยสลับวรรคที่พบในศิลาจารึกหลักที่ ๑ นี้ยังพบความคล้ายคลึงกับคาสร้อยสลับ
ั
วรรคของ “ลิลิตโองการแช่งน้า”วรรณคดีไทยสมัยอยุธยาตอนต้นด้วย
“...อย่ากินเข้าไปเพือ จนตาย อย่าอาศัยแก่น้า จนตาย นอนเรือนคารนคา จนตาย ลืมตาหงายสู่ฟ้าจนตาย ก้ม
่
หน้าลงแผ่นดิน จนตาย”
จากลักษณะของคาสร้อยสลับวรรคของวรรณคดีทงสองยุคสมัยจึงสามารถสัณนิษฐานได้ว่า ลักษณะคา
ั้
สร้อยสลับวรรคของวรรณคดีในสมัยอยุธยาตอนต้นอย่างลิลิตโองการแช่งน้า เป็นลักษณะที่สืบทอดมาจาก
วรรณคดีสมัยสุโขทัย อย่างศิลาจารึกหลักที่ ๑ อย่างไรก็ตามจุดเริ่มต้นของคาสร้อยสลับวรรคและคาสร้อย
- 25. โดยทั่วไปนันอาจมีความเป็นมาที่ยาวนานกว่าจะเป็นลักษณะของวรรณคดีสมัยสุโขทัยก็เป็นได้หากแต่ใน
้
ปัจจุบนหลักฐานที่พบจากวรรณคดีสองยุคสมัยนี้สามารถนาไปสูข้อสรุปว่าคาสร้อยสลับวรรคมีตนเค้ามา
ั ่ ้
จากวรรณคดีสมัยสุโขทัย
คุณค่าของศิลาจารึก
ศิลาจารึกนี้แม้มีเนือความสั้นเพียง 124 บรรทัดแต่บรรจุเรืองราวที่อุดมด้วยคุณค่าทางวิชาการหลายสาขา
้ ่
ทั้งในด้านนิติศาสตร์รัฐศาสตร์ เศรษฐกิจสังคม ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ ภาษาศาสตร์ วรรณคดี ศาสนา และ
จารีตประเพณีด้านนิติศาสตร์ ศิลาจารึกหลักนีอาจถือว่า เป็นกฎหมายรัฐธรรมนูญเทียบได้กบรัฐธรรมนูญ
้ ั
ฉบับแรกของอังกฤษมีการกาหนดสิทธิเสรีภาพของประชาชน และรักษาสิทธิมนุษยชน เห็นได้จากข้อความ
ที่กล่าวถึงมีการคุ้มครองเชลยศึก นอกจากนี้ ยังมีข้อความเสมือนเป็นบทบัญญัติในกฎมณเฑียรบาลและ
บทบัญญัติในกฎหมายแพ่งลักษณะครอบครัวและมรดกตลอดจนการพิจารณาความแห่งและอาญา
ด้านนิติศาสตร์
ศิลาจารึกหลักนี้อาจถือว่า เป็นกฎหมายรัฐธรรมนูญเทียบได้กบรัฐธรรมนูญฉบับแรกของ
ั
อังกฤษ มีการกาหนดสิทธิเสรีภาพของประชาชน และรักษาสิทธิมนุษยชน เห็นได้จาก
ข้อความที่กล่าวถึง มีการคุ้มครองเชลยศึก นอกจากนี้ ยังมีขอความเสมือนเป็นบทบัญญัติใน
้
กฎมณเฑียรบาลและบทบัญญัติในกฎหมายแพ่งลักษณะครอบครัวและมรดก ตลอดจนการ
พิจารณาความแพ่งและอาญา
- 26. ด้านรัฐศาสตร์
ศิลาจารึกหลักนี้ได้กล่าวถึงความใกล้ชิดระหว่างกษัตริย์กับประชาชนว่า พ่อขุน
รามคาแหงมหาราชโปรดให้ข้าราชบริพารเข้าเฝ้าปรึกษาราชการได้ทุกวัน ยกเว้นวันพระ
และเปิดโอกาสให้ราษฎรมาสั่นกระดิ่งเพื่ออุทธรณ์ฎกาได้ทุกเมื่อ
ี
ด้านเศรษฐกิจ
ข้อความที่จารึกไว้ว่า "ในน้ามีปลา ในนามีข้าว" แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจในสมัยสุโขทัย
นั้น มีความมันคงมาก นอกจากนี้ยังมีการชลประทาน การเกษตรกรรมอุดมสมบูรณ์ และการ
่
ค้าขายก็ทาโดยเสรี
ด้านประวัติศาสตร์
ศิลาจารึกหลักนี้ช่วยให้เราได้ทราบถึงประวัตความรุ่งเรืองชองชาติไทยในยุคสุโขทัย
ิ
และประวัตเิ รืองราวอื่นๆ เช่น ประวัติราชวงศ์สุโขทัย ประวัติการรวบรวมอาณาจักรไทยให้
่
เป็นปึกแผ่น ประวัตการค้าโดยเสรี ประวัติการสืบสร้างพระพุทธศาสนา และการประดิษฐ์
ิ
ลายสือไทย
- 27. ศิลาจารึกหลักนี้ได้ระบุอาณาเขตของสุโขทัยไว้อย่างชัดแจ้ง กล่าวถึงว่าทิศตะวันออก
จดเวียงจันทน์ เวียงคา ทิศใต้จดศรีธรรมราช และฝั่งทะเล ทิศตะวันตกถึงหงสาวดี ทิศเหนือ
ถึงเมืองแพร่ น่าน พลัว มีการกล่าวถึงชื่อเมืองสาคัญต่างๆ หลายเมือง เช่น เชลียง เพชรบุรี
่
นอกจากนี้ยงได้พรรณนาแหล่งทามาหากินและและแหล่งที่อยูอาศัยของชาวเมืองสุโขทัยไว้
ั ่
ด้านภาษาศาสตร์
ลายสือไทยสมัยพ่อขุนรามคาแหงมหาราชมีความสมบูรณ์ทั้งสระและพยัญชนะ
สามารถเขียนคาภาษาไทยได้ทุกคา และสามารถเลียนเสียงภาษาต่างประเทศได้ดีกว่าอักษร
แบบอื่นๆ เป็นอันมาก มีการใช้อักขรวิธีแบบนาสระและพยัญชนะมาเรียงไว้ในบรรทัด
เดียวกัน ซึ่งทาให้ประหยัดทังเนื้อที่และเวลาในการเขียน ภาษาเป็นสานวนง่ายๆ และมี
้
ภาษาต่างประเทศบ้าง ประโยคที่เขียนก็ออกเสียงอ่านได้เป็นจัง หวะคล้องจองกันคล้ายกับ
การอ่านร้อยกรองด้านวรรณคดี ศิลาจารึกหลักนีจัดว่าเป็นวรรณคดีเรื่องแรกของไทย เพราะ
้
มีข้อความไพเราะลึกซึ้งและกินใจ ก่อให้เกิดจินตนาการได้งดงาม
ด้านศาสนา
ข้อความในศิลาจารึกนี้ มีหลายตอนที่แสดงให้เห็นว่า พระพุทธศาสนาซึ่งเป็นศาสนาประจาชาติไทย
ในสมัยพ่อขุนรามคาแหงมหาราชนั้น ได้รับการอุปถัมภ์เชิดชูอย่างดียิ่ง ประชาชนชาวไทยได้ทานุบารุง
พระพุทธศาสนาให้มีความเจริญรุ่งเรืองสูงส่ง มีการสร้างปูชนียสถานและปูชนียวัตถุไว้เป็นจานวนมาก
พระพุทธรูปสมัยสุโขทัยสร้างขึ้นด้วยความศรัทธาในพระศาสนา จึงมีศิลปะงดงามยิง แม้ในปัจจุบันนี้กยังไม่
่ ็
- 28. สามารถจะสร้างให้งามทัดเทียมได้ด้านจารีตประเพณี ศิลาจารึกหลักนี้ช่วยให้ทราบว่า สมัยสุโขทัยนันมีหลัก
้
จารีตประเพณีหลายประการที่ประชาชนนับถือและปฏิบัติกันอยู่ มีทั้งประเพณีทางพระพุทธศาสนาและ
ประเพณีอื่น ๆ เช่น ประเพณีรักษาศีลเมือเข้าพรรษา ประเพณีฟังธรรมในวันพระ ประเพณีการทอดกฐิน
่
ประเพณีการเผาเทียนเล่นไฟ เป็นต้น
ศิลาจารึกพ่อขุนรามคาแหงมหาราชนี้ เป็นเอกสารที่สาคัญยิ่งชิ้นหนึ่งของชาติไทย
เป็นมรดกอันล้าค่าและทรงคุณค่าอย่างยิง มีสาระประโยชน์แก่ชาติบ้านเมืองนานัปการ ควร
่
พิทักษ์รักษาไว้ให้ดารงคงอยู่คู่ชาติไทยตลอดกาล
และเป็นที่น่ายินดีอย่างยิ่งที่คณะกรรมการที่ปรึกษานานาชาติขององค์การศึกษา
วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (องค์การยูเนสโก) ได้ประชุมเมือวันที่ 28-30
่
สิงหาคม 2546 ที่เมือง Gdansk ประเทศโปแลนด์ โดยได้พิจารณาใบสมัครจานวน 43
รายการ จาก 27 ประเทศทั่วโลก ผลการประชุมมีมติสนับสนุนเป็นเอกฉันท์ให้องค์การ
ยูเนสโกจดทะเบียนระดับโลก ศิลาจารึกหลักที่ 1 ของพ่อขุนรามคาแหง พร้อมกับอีก 22
รายการ จาก 20 ประเทศ ทั้งนี้ โครงการมรดกความทรงจาของโลกเป็นโครงการเพืออนุรักษ์
่
และเผยแพร่มรดกความทรงจาทีเ่ ป็นเอกสาร วัสดุหรือข้อมูลข่าวสารอืนๆ เช่น กระดาษ สื่อ
่
ทัศนูปกรณ์ และสืออิเล็กทรอนิกส์ดวย แต่จะต้องมีความสาคัญในระดับนานาชาติ และ
่ ้
จะต้องมีการเก็บรักษาในความทรงจาในระดับชาติและระดับภูมิภาคอยู่แล้ว ซึ่งเมื่อองค์การ
ยูเนสโกได้ประกาศจดทะเบียนแล้ว ประเทศเจ้าของมรดกมีพันธกรณีทางปัญญาและทาง
ศีลธรรมทีจะต้องอนุรักษ์ ให้อยู่ในสภาพที่ดี และเผยแพร่ให้ความรู้แก่มหาชนอนุชนรุนหลัง
่ ่
ทั่วโลกให้กว้างขวาง เพือให้มรดกดังกล่าวอยู่ในความทรงจาของโลกตลอดไป
่
นับเป็นความภาคภูมิใจของมหาวิทยาลัยรามคาแหงอย่างยิ่งที่นอกเหนือจากเป็น
สถาบันการศึกษาภายใต้พระนาม พ่อขุนรามคาแหงมหาราช กษัตริย์ผู้มีคุณูปการยิงใหญ่แก่
่
ชาติไทยแล้ว ศิลาจารึกพ่อขุนรามคาแหงมหาราช อันเป็น ตราประจามหาวิทยาลัยรามคาแหง