9. 3.5 กฎการเคลื่อนที่ข้อที่สองของนิวตัน
กฎข้อ 2 “เมื่อมีแรงลัพธ์ซึ่งมีขนาดไม่เป็นศูนย์มากระท่าต่อวัตถุ จะท่าให้วัตถุเกิดความเร่งในทิศเดียวกับ
แรงลัพธ์ที่มากระท่าและขนาดของความเร่งนี้จะแปลผันตรงกับขนาดของแรงลัพธ์และแปลผกผันกับมวล
ของวัตถุ
ในกฎข้อที่ 2 คาว่าแรงลัพธ์จะพูดถึงแรงภายนอกที่กระทาวัตถุ หากพิจารณากฎข้อที่ 2 จะเห็น
ได้ว่าเราสามารถสรุปได้เป็นสมการสั้นๆ โดยถ้า F เป็นแรงลัพธ์ที่กระทาต่อมวล m แล้วทาให้มวลมี
ความเร่วคงที่ a ดังรูป 3.6 จะได้
F = ma
โดยทิศทางของแรงลัพธ์และความเร่งของมวลจะไปทิศทางเดียวกัน
รูป 3.6
จากสมการ (3.1 ) ถ้า m เท่ากับ 1 กิโลกรัม a เท่ากับ 1 เมตรต่อวินาที2 จะได้แรง F เท่ากับ 1
นิวตัน ดังนั้นแรง 1 นิวตัน หมายถึง แรงที่สามารถทาให้วัตถุมีมวล 1 กิโลกรัมเคลื่อนที่ไปด้วยความเร่ง 1
เมตรต่อวินาที2
ตัวอย่าง 7 มวล m ขนาด 10 กิโลเมตร มีแรง F 1 และ F 2 กระทาดังรูป ถ้าขนาดของ F 1 และ F 2 มีค่า
10 และ 20 นิวตันตามลาดับ จงหาขนาดและทิศทางความเร่งของมวล m
10. วิธีทา ตามกฎการเคลื่อนที่ข้อสองของนิวตันจะได้
F = ma
F 1+ F 2 = m a
(+10)+(-20) = (10)a
2
a = -1 m/s
เครื่องหมายของ a ในที่นี้หมายถึง a และ F 2 มีทิศเดียวกัน เพราะตอนแทนค่า F 1 และ F 2 เราแทนแรง F 1
ด้วย +10 เพราะพุ่งไปทางขวา แทนแรง F 2 ด้วย –20 เพราะพุ่งไปทางซ้าย ดังนั้น a มีทิศพุ่งไปทางซ้าย
นั่นคือ ความเร่งของมวล m เท่ากับ 1 เมตรต่อวินาที 2 พุ่งไปทางซ้าย
ตัวอย่าง 8 เด็กคนหนึ่งรากแคร่บนพื้นราบลื่นด้วยเชือกเบา เอียงทามุม 15 องศากับแนวราบ ดังรูป ถ้าแคร่มี
มวล 20 กิโลกรัม และเด็กคนนี้ต้องออกแรงดึง 10 นิวตัน อยากทราบว่าแคร่จะเคลื่อนไปด้วยความเร่งเท่าไร
วิธีทา
จากรูป เราแตกแรง F ( ซึ่งสมมติว่าเป็นแรงที่เด็กคนนั้นใช้ดึง) ให้ออกเป็น 2 แนว คือ
แนวราบและแนวดิ่ง
แนวราบ อยู่ในแนวเคลื่อนที่ คือ F cos 15
แนวดิ่ง อยู่ในแนวตั้งฉากกับการเคลื่อนที่ คือ F sin 15
แรงในดิ่งไม่มีผลต่อการเคลื่อนที่ของแคร่ในแนวราบ สมมติแคร่เคลื่อนที่ไปในแนวราบด้วย
ความเร่ง a ตามกฎข้อสองของนิวตัน จะได้
F = ma
F cos 15 = m a
11. a= F cos 15
= (10 )( 0 . 966 )
= 0.48 m/s2
m 20
นั่นคือ แคร่จะเคลื่อนที่ไปด้วยความเร่ง 0.48 เมตรต่อวินาที2
ตัวอย่าง 9 อนุภาคมวล m ขนาด 5.2 กิโลกรัม ถูกแรงสองแรงดึงในทิศทางที่ตั้งฉากกัน ดังรูป แรง F1
และ F 2 มีขนาด 3.7 และ 4.3 นิวตัน ตามลาดับ จงหาขนาดและทิศทางของความเร่งของอนุภาค
วิธีทา
หา F F เป็นแรงลัพธ์ที่กระทากับอนุภาคมวล m เราสามารถหา F ได้โดยรวม
แรง F 1 และ F 2 แบบเวกเตอร์
เขียนแบบเวกเตอร์ : F = F 1+ F 2
เขียนแบบสเกลาร์ : F = 2
F F
1 2
2
F = ( 4 . 3 ) = 5.7 N
2 2
(3 .7 )
จากรูป ถ้าจะหา ซึ่งเป็นมุมที่แรงลัพธ์ F จะทากับ F 2 จะได้
tan = F1
= 3 .7
= 0.86
F2 4 .3
= tan-1 0.86 = 40.7
หา a a เป็นความเร่งของอนุภาค เราสามารถหาได้โดยใช้กฎข้อสองของนิวตัน
จาก F = m a
5.7 = (5.2)a
a = 1.1 m/s2 และมีทิศเดียวกับ F
นั่นคือ ความเร่งของอนุภาคมีขนาด 1.1 เมตรต่อวินาที 2 ทามุม tan-1 0.86 กับ F 2
12.
ตัวอย่าง 10 ออกแรง F ลากวัตถุ m ไปในแนวราบ ทาให้มวลมีความเร่งสม่าเสมอ ได้ทดลองเพิ่มขนาดของ
ของแง F พบว่าแรง F มีความสัมพันธ์กับความเร่ง a ของมวล m ตามกราฟที่กาหนดให้ จงคานวณของวัตถุ
ก้อนนี้
วิธีทา จากกราฟที่โจทย์กาหนดให้ จะเห็นว่าขนาดออกแรงวัตถุ 5 N วัตถุมีความเร่งเป็นศูนย์ แสดงว่าวัตถุ
ยังไม่เคลื่อนที่ทั้งนี้มีสาเหตุมาจากการที่วัตถุวางบนพื้นฝืด การจะให้วัตถุเคลื่อนที่ต้องออกแรงเพื่อให้ชนะ
ความฝืดเสียก่อน
จากกฎข้อสองของนิวตัน F = m a ถ้าเรานา F มาเขียนกราฟกับความเร่ง a เราจะได้
กราฟเส้นตรงโดยมีความชันเท่ากับมวล m ดังนั้นการหามวลของวัตถุข้อนี้จึงสามารถหาได้จากความชันของ
เส้นกราฟ
m = ความชันของเส้นกราฟ
20 5
=
15
1 . 25 kg
12 0 12
นั่นคือ วัตถุก้อนนี้มีมวล 1.25 กิโลกรัม
3.6 นาหนัก
เราทราบว่าถ้าปล่อยวัตถุมวล m ให้ตกอย่างเสรีบริเวณผิวโลก มันจ ะตกด้วยความเร่งคงที่
g ( g 9 . 8 เมตรต่อวิน าทที) โดยไม่คิดแรงต้านทานของอากาศ เมื่อมวลที่ตกมีความเร้งจึงต้องเกิดแรงลัพธ์ตาม
กฎข้อสองของนิวตัน และมีค่า
F mg
เรานิยามน้าหนักว่า แรงที่โลกดึงดูดวั ตถุ ดังนั้นขณะที่วัตถุตกอย่างเสรีซึ่งมีแรง F กระทา
เราดึงแล้วปล่อย F คือแรงที่โลกดึงดูดวัตถุมวล m ถ้า W เป็นน้าหนักของวัตถุมวล m ก้อนนี้ เราจะได้ ( ดู
รูป 3.7 ประกอบ )
W mg
15. ก. มวลของโลก
รูป 3.10
จากรูป 3.10 วัตถุมวล m อยู่ที่ผิวโลกซึ่งมีมวล me มีรัศมี Re วัตถุและโลกต่างดูดซึ่งกันและกัน
ด้วยแรง Fe มีค่าเป็น
FG
Gm e m
2
………..(3-4 )
R e
แรงที่วัตถุและโลกต่างดูดซึ่งกันและกันนี้แท้จริงคือน้าหนักของวัตถุนั่นเอง ดังนั้นถ้า g เป็น
อัตราเร่งโน้มถ่วงที่ผิวโลกจากสมการ (3-4) จะเขียนใหม่ได้เป็น
Gm e m
mg 2
………..(3-5 )
R e
2
me
gR e
………..(3-6 )
G
สมการ 3-6 เป็นสมการที่แสดงค่ามวลของโลก ซึ่วถ้าททราบรัศมีของโลกเราจะสามารถ
คานวณมวลของโลกได้สมมติถ้ารัศมีของลกเท่ากับ 6.38 102 เมตร จะได้มวลของโลก meเท่ากับ
6 2
( 9 . 8 )( 6 . 3 10 )
me = 11
6 . 67 10
me = 5.98 10 4 kg ……(3-7 )
ข.ความเร่งเนื่องจากความโน้มถ่วง ณ ตาแหน่งห่างจากโลก ในการพิจารณามวล
ของโลก เราจะไม่ได้สมการ(3-5) ถ้าเราตัดมวล m ทั้งสองข้างจะได้
g = Gm e
2
………….(3-8 )
Re
จากสมการ (3-8) จะเห็นว่า ค่า g ซึ่งเป็นค่าความเร่งเนื่องจากแรงโน้มถ่วง จะมีค่าขึ้นกับรัศมี
โลก Re หรืออาจกล่าวให้ชัดเจนขึ้นว่า g ขึ้นกับระยะทางห่างจากโลกออกไป กล่าวคือ g จากเมื่อระยะทาง
น้อย และ g จะน้อยเมื่อระยะทางงมาก หรือกล่าวสรุปว่า g แปรผันกับระยะห่างจากจุดศูนย์กลางของโลกยก
กาลังสอง
16. ค. ความเร่งเนื่องจากแรงโน้มถ่วง ณ ตาแหน่งลึกลงไปใต้ผิวโลก ในกรณีที่
พิจารณา g ที่ตาแหน่งลึกลงไปใต้ผิวโลกจะพบว่า g แปรผันโดยตรงกับระยะจากศูนย์กลางของโลกถึง
ตาแหน่งที่พิจารณา และมีค่าเป็นศูนย์ที่จุดศูนย์กลางของโลก โดยจะได้
g = 4 G R ………….(3-9 )
3
เมื่อ เป็นความหนาแน่นของโลก และ R เป็นระยะจากศูนย์กลางโลกถึงตาแหน่งพิจารณา
*************************************************************************************