Más contenido relacionado
La actualidad más candente (7)
Similar a Smart farm white paper chapter 5 (20)
Más de Pisuth paiboonrat (20)
Smart farm white paper chapter 5
- 1. 5 Learning projects:
Smart Farm, Smart Farmers,
Smart Officers
ผลการดำาเนินการของ Smart Farm Flagship ในส่วนของโครงการนำาร่องภาคสนาม ยัง
มุ่งเน้นปรัชญาของ Flagship คือการสร้าง Co-creation กับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน
ในการนำาเทคโนโลยีสารสนเทศมาพัฒนาภาคการเกษตร ซึ่ง Flagship ได้วางแผนการ
ปฏิบัติไว้ 3 ส่วน คือ ปีแรกสร้างเครือข่ายเรียนรู้ร่วมกัน และสร้างแนวทางการปฏิบัติงาน
เชิงนโยบาย ส่วนที่สองคือการแสวงหาโจทย์งานจากหน่วยงานภาคี และนำาร่องงานเพื่อ
สร้างความเป็น Smart Farm ให้ชัดเจนและลงตัว ส่วนสุดท้ายคือการสร้าง Standard &
Procedures ของการเป็น Smart Farm/Smart Farmers บนฐานนวัตกรรมบริการด้านการ
จัดการความรู้และการใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม เพื่อสร้างฐานการเกษตรไทยให้เติบโต
ต่อเนื่องอย่างมั่นคงด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม
ในส่วนของโครงการนำาร่อง สามารถมองได้ 2 มุมมอง กล่าวคือ
1. ในมิติขององค์กรที่ร่วมดำาเนินงาน ประกอบด้วย กรมหม่อนไหม กรมการข้าว
สวก. สวทช. และ International Consortium
- 2. ภาพที่ 5-1 แสดงกรอบงานที่ Smart Farm Flagship ร่วมดำาเนินการ
โครงการนำาร่องที่ดำาเนินการแล้ว อยู่ระหว่างดำาเนินการ และกำาลังจะดำาเนินการ
ประกอบด้วย
โครงการ Smart Thai Silk
เนื่องจากผ้าไหมไทยเป็นที่รู้จักทั่วโลกว่าเป็นไหมที่มีคุณภาพดี มีความอ่อนนุ่ม มีสี
ธรรมชาติที่เป็นเอกลักษณ์ ความต้องการไหมไทยมีสูงแต่ในปัจจุบันผู้ประกอบอาชีพทอ
ผ้าไหมในประเทศลดลงเป็นอย่างมาก ด้วยเกษตรกรส่วนหนึ่งหันไปปลูกพืชเสณษฐกิจ
ชนิดอื่นแทนหม่อน และหาคนรุ่นใหม่เข้ามาในอุตสาหกรรมทอผ้าไหมพื้นบ้านยากขึ้น
ประกอบกับผ้าไหมไทยกำาลังเผชิญกับกฏระเบียบที่เคร่งครัดขึ้นด้านคุณภาพและ
มาตรฐานสิ่งทอธรรมชาติในการส่งออกผ้าไหมไปตลาดสำาคัญทั่วโลก ทำาอย่างไรจึงจะ
รักษาเอกลักษณ์ผ้าไทยและอุตสาหกรรมผ้าไหมไทยไว้ได้เป็นโจทย์เร่งด่วนที่จะต้องแก้
โดยการเปิดรับเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่เข้ามาสนับสนุนภาคการผลิตหม่อนและ
หนอนไหมอย่างเร่งด่วน
ดังนั้นเนคเทคร่วมกับกรมหม่อนไหม มีวตถุประสงค์หลักในการนำาเทคโนโลยีสารสนเทศ
ั
- 3. ไปพัฒนาระบบการผลิตหม่อนและคุณภาพในกระบวนการเลี้ยงไหม ตลอดจนการวัด
คุณภาพเส้นไหม จำานวนโครงการทั้งหมด 6 โครงการ งบประมาณดำาเนินการจากกรม
หม่อนไหมและสำานักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ รวม ล้านบาท มีโครงการย่อย
ประกอบด้วย
• หลัก สูต รการประยุก ต์ใ ช้ส ื่อ การเรีย นการสอนออนไลน์ด ้ว ย
LearnSquare (LearnSquare Thai Opensource e-Learning System) เป็น
โครงการจัดทำาระบบ Learn Online ความรู้ด้านการจัดการแปลงหม่อน และการ
ผลิตเส้นไหมคุณภาพ ดำาเนินการปี 2554 โดยใช้เทคโนโลยี ของ LearnSquare
( Thai Open source e-Learning System) เป็นระบบบริหารจัดการการเรียนรู้
ออนไลน์ผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ โดยผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ตามอัธยาศัย
ทุกที่ ทุกเวลา ในรูปแบบสื่อมัลติมีเดีย ทั้งบทความ ภาพ เสียง หรือวีดีโอ ที่
สามารถโต้ตอบได้เสมือนการเรียนในห้องเรียนปกติซึ่งถือเป็นการเปิดโอกาส
ทางการศึกษาให้กว้างมากขึ้น และมีมาตรฐานที่เท่าเทียมกัน นำามาสร้างหลักสูตร
e-Learning และอบรมการใช้งานให้กับเจ้าหน้ากรมหม่อนไหมทั้งส่วนกลางและ
ภูมิภาค
• โครงการพัฒ นาระบบตรวจวัด และควบคุม เพื่อ การบริห ารจัด การนำ้า ใน
แปลงปลูก หม่อ น เนื่องจากใบหม่อนมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อการสร้าง
เส้นไหมของดักแด้หนอนไหมและเป็นอาหารหลักเพียงชนิดเดียวที่เกษตรกรใช้
เป็นหลัก ดังนั้นผลผลิตและคุณภาพใบหม่อนย่อมมีความสำาคัญต่อการผลิตผ้า
ไหมโดยตรง นอกจากนี้ในหม่อนยังสามารถนำามาใช้เป็นเครื่องดื่มประเภทชา
สมุนไพรที่มีสารออกฤทธิ์ที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ที่มีอาการความดันโลหิตสูง เป็นที่
ต้องการของผู้รักสุขภาพทั้งในและต่างประเทศ ระบบการตรวจวัดและควบคุมนำ้า
ในแปลงหม่อนจึงเป็นระบบที่จำาเป็นในพื้นที่ที่มีปัญหานำ้าต้นทุนแตกต่างกัน การ
วัดความชื้นดินระดับ root zone ร่วมกับการวิเคราะห์ข้อมูล อุณหภูมิอากาศ
ความชื้นในทรงพุ่ม ความเข้มแสง และปริมาณนำ้าฝน จะนำามาสู่การทำาตาราง
บริหารจัดการนำ้าบนระบบข้อมูลจริงที่ทำาให้ต้นหม่อนมีการเติบโตที่สมำ่าเสมอและ
ให้ผลผลิตคุณภาพสูงสุด เนคเทคได้ดำาเนินการติดตั้งสถานีตรวจวัดสภาพอากาศ
ขนาดเล็ก ให้กับศูนย์วิจัยหม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติ จำานวน 4 แห่ง ประกอบด้วย
ศูนย์วิจัยหม่อนไหมฯสระบุรี ศูนย์วิจัยฯชุมพร ศูนย์วิจัยหม่อนไหมนครราชสีมา
- 4. และศูนย์วิจัยฯหม่อนไหมร้อยเอ็ด โดยนำาร่องระบบการควบคุมการให้นำ้าแปลง
หม่อนที่ทำางานอัตโนมัติร่วมกับสถานีตรวจวัด ที่ศูนย์วิจัยหม่อนไหมฯสระบุรี ซึ่ง
การดำาเนินการแล้วเสร็จในเดือนตุลาคม 2012 นอกจากนี้ข้อมูลที่ได้จากเครื่องมือ
ประกอบยังสามารถบอกการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศเฉพาะถิ่นในบริเวณ
นั้น ทำาให้สามารถวางแผนจัดการการผลิตใบหม่อนได้อย่างมีประสิทธิภาพเต็ม
ศักยภาพของพื้นที่
• โครงการพัฒ นาโปรแกรมนับ ไข่ไ หม (Research and development of
Silkworm Egg Counter Program) ผ้าไหมและผลิตภัณฑ์จากไหม นับว่าเป็น
ผลิตภัณฑ์ที่สร้างรายได้ให้เกษตรกรไทยมหาศาล โดยมูลค่าการส่งออกรังไหม
เส้นไหม และผลิตภัณฑ์ไหมของประเทศไทย ปีพ.ศ. 2554 มีมูลค่าถึง 550 ล้าน
บาท 1 นอกจากนี้ผ้าไหมยังแสดงออกถึงวัฒนธรรมไทย ซึ่งเป็นเอกลักษณฺประจำา
ชาติ โดยประเทศไทยให้ความสำาคัญกับหม่อนไหม จนมีการจัดตั้งกรมหม่อนไหม
ในปีพ.ศ. 2551 ซึ่งกรมหม่อนไหมมีภารกิจมากมาย และหนึ่งในภารกิจสำาคัญคือ
ผลิตไข่ไหมให้เกษตรกร โดยปีงบประมาณ 2553 กำาหนดเป้าหมายไว้ที่ -134,200
แผ่น และสามารถผลิต 133,045 แผ่น 2 โดยที่ในแต่ละแผ่นมีจำานวนไข่ไหม
ประมาณ 20,000-30,000 ฟอง แต่เนื่องจากไข่ไหมมีขนาดเล็กมาก ทำาให้การนับ
ไข่ไหมให้ถูกต้องด้วยสายตามนุษย์เป็นไปยากมาก ปัจจุบันนี้จึงใช้วธีประเมิน
ิ
จำานวนไข่ไหมที่จะขายให้เกษตรกรจากการชั่งนำ้าหนักไข่ไหมจำานวนหนึ่งแล้ว
คำานวณแบบประมาณการ ซึ่งมีข้อผิดพลาดค่อนข้างมาก และเป็นไปได้ที่ขายไข่
ไหมให้เกษตรกรไม่ครบจำานวนหรือขายไข่ไหมมากเกินกว่าที่ตกลงไปมาก
ทำาให้จำานวนหนอนไหมที่ออกมาไม่แน่นอน ส่งผลการเลี้ยงดูทำาได้ยากขึ้นต่อไป
นอกจากนี้การประมาณการยังไม่สามารถจำาแนกไข่ดีไข่เสียออกจากกันได้อีก
ด้วย และการเก็บข้อมูลจำานวนไข่ไหมต่อไหมแต่ละตัววางไข่ ก็ทำาได้ไม่ถูกต้อง
ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกนส์และคอมพิวเตอร์จะนำาเทคโนโลยีประมวผลภาพ
มาช่วยในทำาการนับไข่ไหมด้วยการสแกนแผ่นไข่ไหมด้วยเครื่องสแกนเนอร์
แล้วใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ประมวลผลเชิงภาพ เพื่อนับไข่ไหมทั้งหมด พร้อม
ทั้งจำาแนกไข่ดีไข่เสียออกจากกัน โดยจะมีวิธีการดำาเนินการดังนี้
• 2.1 ทำาการเก็บภาพตัวอย่างแผ่นไข่ไหม
• 2.2 พัฒนาโปรแกรมนับไข่ไหม โดยน่าจะมีที่ต้องพัฒนาเพิ่มเติม คือ
- 5. • การปรับปรุงคุณภาพภาพ โดยเฉพาะภาพบนกระดาษสีอ่อน
• การหาขอบเขตของไข่ไหม
• การหาตำาแหน่งของไข่ไหมทั้งหมด
• การแยกแยะไข่ไหมที่ดีและเสีย
• การนับจำานวนไข่ไหมทั้งสองประเภท
ระบบดังกล่าวได้ส่งมอบเมื่อตุลาคม 2555 โดยติดตั้งใช้งานที่ศูนย์วิจัย
หม่อนไหมเฉลิมพระเกียติ 5 แห่ง ประกอบด้วย ศูนย์วิจัยฯสระบุรี ศูนย์วิจัยฯ
นครราชสีมา ศูนย์วิจัยฯชุมพร ศูนย์วิจัยฯร้อยเอ็ด ศูนย์วิจัยฯน่าน
• โครงการวิจ ัย และพัฒ นาระบบตรวจเพศดัก แด้ห นอนไหมความแม่น ยำา
สูง ด้ว ยแสง (Research and development of photonics-based highly-
accurate silkworm sex identifying systems) ตั้งแต่ชนชาติจีนได้ริเริ่มการนำารัง
ของหนอนไหมมาทำาเป็นเส้นไหมและทอเป็นเครื่องนุ่งห่มเมื่อประมาณเจ็ดพันกว่า
ปีมาแล้ว การผลิตรังของหนอนไหมแบบครบวงจรก็เริ่มพัฒนาขึ้นเป็นลำาดับจาก
การที่ทำากันเป็นอาชีพหลัก และ อาชีพเสริมของครอบครัว ไปสู่อุตสาหกรรมใน
ครัวเรือน และ อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ มูลค่าในมุมมองทางด้านเศรษฐกิจของ
อุตสาหกรรมการผลิตไหมและเครื่องนุ่งห่มที่ทำาจากเส้นไหมของประเทศไทยอยู่
ในระดับที่มากกว่า 5,000 ล้านบาท และคาดว่าอาจถึงระดับหมื่นล้านบาทได้ ทั้งนี้
ทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้ระหว่างการเลี้ยงไหม การปลูกหม่อน และ ผลิตภัณฑ์จากเส้น
ไหม มีมูลค่าในตัวเอง ยกตัวอย่างเช่น มูลของหนอนไหมที่ถ่ายออกมาระหว่าง
การเจริญเติบโตสามารถนำาไปสกัดสารวิตามินเคสำาหรับใช้ในผลิตภัณฑ์เครื่อง
สำาอางและสามารถนำาไปทำาผลิตภัณฑ์ชาขี้ไหม ส่วนรังไหมเองนอกเหนือจากนำา
ไปทำาเป็นเส้นไหมและทอเป็นผ้าไหมที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มผ่านทางลวดลาย
การทอ และ แบบของเครื่องนุ่งห่มแล้ว ยังสามารถนำาไปละลายเป็นนำ้าดื่มบำารุงสุข
ภาพได้อีกในการผลิตรังของหนอนไหมมีหลายกระบวนการอยู่ด้วยกัน ซึ่ง
กระบวนการที่สำาคัญกระบวนการหนึ่ง คือ การคัดแยกเพศของหนอนไหมในช่วง
การเติบโตของหนอนไหมที่เหมาะสมเพื่อจะได้ติดตามการเจริญเติบโต ความแข็ง
แรง และ ลักษณะที่สำาคัญที่จะนำามาใช้ในขั้นตอนการผสมพันธุ์ต่อไป วิธีการที่
สามารถคัดแยกเพศของไหมได้ถูกต้องมากที่สุด คือ การตรวจลักษณะทาง
พันธุกรรม แต่เนื่องจากวิธีการนี้เป็นแบบทำาลายที่จะต้องเสียหนอนไหมไป จึงไม่
- 6. ได้นำามาใช้ในอุตสาหกรรม รวมถึงการใช้ภาพถ่ายคลื่นแม่เหล็ก (Magnetic
Resonance Imaging) เป็นอีกเทคนิคหนึ่งที่นอกจากจะใช้ศึกษาการเติบโตและ
การเปลี่ยนรูปร่างในระยะต่างๆ ของตัวไหมได้ แต่เนื่องจากระบบการถ่ายภาพ
ด้วยคลื่นแม่เหล็กมีราคาสูง และ ประสิทธิภาพในการคัดแยกยังไม่สูงมากนัก จึง
ทำาให้วิธีการนี้ไม่เป็นที่ยอมรับ วิธีการที่ใช้กันทั่วไป คือ การคัดแยกผ่านการ
สังเกตด้วยตาเปล่าจากจุดเด่นบริเวณก้นของหนอนไหมช่วงระยะที่เป็นดักแด้ ซึ่ง
วิธีการนี้ต้องอาศัยผู้ที่มีประสบการณ์ และเนื่องจากจุดเด่นบริเวณก้นของดักแด้
ของหนอนไหมมีขนาดประมาณหนึ่งมิลลิเมตรยังส่งผลเสียต่อสายตาของผู้คัด
แยกได้ อีกวิธีการหนึ่งที่ชวยลดเวลาในการคัดแยกลงได้คือการดูสีที่รังของ
่
หนอนไหม อย่างไรก็ตาม เนื่องจากปัจจุบันรังของหนอนไหมมีหลากหลายสีซึ่ง
ขึ้นอยู่กับพันธุ์ของผีเสื้อที่เลี้ยง ทำาให้วิธีการนี้ไม่สามารถคัดแยกเพศของหนอน
ไหมได้ดีเท่ากับการคัดแยกด้วยการตรวจสอบลักษณะเด่นที่ได้อธิบายไว้ก่อน
หน้า การชั่งนำ้าหนักเป็นอีกวิธีการหนึ่งที่ชวยให้การคัดแยกทำาได้รวดเร็วขึ้น ซึ่ง
่
วิธีการนี้อยู่บนพื้นฐานที่ว่ารังไหมหรือดักแด้ของหนอนไหมที่เป็นเพศเมียจะมี
ขนาดและนำ้าหนักมากกว่ารังไหมหรือดักแด้ของหนอนไหมที่เป็นของเพศผู้
ศูนย์วิจัยหม่อนไหมหลายๆ ศูนย์ในประเทศไทยก็ได้เลือกใช้วิธีการนี้ถึงแม้ว่าจะ
คัดได้ทีละตัวและเครื่องคัดแยกเพศหนอนไหมมีราคาประมาณ 5 ล้านบาท
นอกจากนี้ การนำาถาดมาเจาะรูหลายๆ รูโดยให้แต่ละรูมีขนาดเท่ากับขนาดของ
รังของหนอนไหมเพศผู้จะทำาให้คัดแยกเพศของหนอนไหมได้รวดเร็วขึ้น แต่
เนื่องจากในปัจจุบันมีการพัฒนาของพันธุ์ไหมมากขึ้นรวมไปถึงอัตราการเจริญ
เติบโตของหนอนไหมแต่ละตัวก็ไม่เหมือนกัน ทำาให้นำ้าหนักและขนาดของรังไหม
หรือของดักแด้ของหนอนไหมที่เป็นเพศเมียมีค่าใกล้เคียงกับของเพศผู้ได้ ส่งผล
ให้เกิดข้อผิดพลาดสูงในระหว่างการคัดแยกเพศดักแด้ของหนอนไหม ปัจจุบัน
ศูนย์วิจัยหนอนไหมบางศูนย์ได้ยกเลิกการใช้เครื่องคัดแยกเพศดักแด้ไหมด้วย
การชั่งนำ้าหนักแล้วและหันกลับมาใช้การสังเกตด้วยตาเปล่าแทน นอกเหนือจาก
วิธีการดังกล่าวข้างต้น การนำาองค์ความรู้ทางแสงเข้ามาช่วยก็ได้มีการนำาเสนอ
ขึ้นมาเพื่อใช้คัดแยกเพศของหนอนไหม ซึ่งครอบคลุมการตรวจสอบจาก
สเปกตรัมของแสงที่สะท้อนมาจากดักแด้ของหนอนไหมที่จะต้องอาศัยเครื่องสเปก
โตรมิเตอร์ที่มีราคาค่อนข้างสูง และ มีขั้นตอนประมวลผลข้อมูลสเปกตรัมที่มี
- 7. ความซับซ้อนและใช้เวลานาน อีกวิธีการหนึ่งคือการตรวจสอบจากแสงที่เรือง
ออกมาจากรังของหนอนไหมภายใต้แสงอัลตราไวโอเล็ต A (Ultraviolet A)
อย่างไรก็ตาม แสงที่สะท้อนจากดักแด้และแสงที่เรืองออกมาจากรังของหนอน
ไหมแต่ละพันธุ์มีความแตกต่างกัน จึงไม่สามารถคัดแยกเพศของหนอนไหมได้ทุก
สายพันธุ์ เมื่อพิจารณาถึงวิธีการที่ได้กล่าวมาข้างต้นพบว่าวิธีการดังกล่าวยังไม่
สามารถคัดแยกเพศดักแด้ของหนอนไหมได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำา และมี
ต้นทุนในการผลิตตำ่าได้ ดังนั้น เพื่อที่จะตรวจสอบเพศดักแด้ของหนอนไหมของ
หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องของประเทศไทยให้ได้ประสิทธิภาพสูงขึ้น แนวทาง
หนึ่งคือการตรวจสอบทางกายวิภาคโดยเฉพาะเอกลักษณ์หรืออวัยวะภายในที่
สามารถใช้ในการระบุเพศดักแด้ของหนอนไหมได้อย่างต่อมไคติน (Chitin
gland) เนื่องจากผิวหนังดักแด้ของหนอนไหมมีองค์ประกอบของไคตินอยู่และตัว
ดักแด้ของหนอนไหมก็มีขนาดของความหนาไม่เกิน 10 มิลลิเมตร ทำาให้เรา
สามารถใช้แหล่งกำาเนิดแสงที่ให้กำาลังของแสงตำ่า และให้แสงที่มีความยาวคลื่น
ยาวอย่างแสงสีแดงในย่านที่ตามองเห็นที่มีความยาวคลื่นตั้งแต่ 600 นาโนเมตร
ขึ้นไปจนถึงแสงในย่านอินฟราเรดใกล้ที่มีความยาวคลื่น 1100 นาโนเมตร ได้
ทั้งนี้เพราะว่าแสงที่มีคุณสมบัติดังกล่าวสามารถแผ่ทะลุลงไปยังวัสดุที่เป็นไคติน
ได้ดี ไม่เป็นอันตรายต่อตัวดักแด้ของหนอนไหม และยังช่วยให้เห็นองค์ประกอบ
ภายในที่ที่แสงเคลื่อนที่ผ่านไปในตัวด้วย เมื่อนำาองค์ความรู้ดังกล่าวมาผสมผสาน
เข้ากับการประมวลผลภาพที่ประกอบไปด้วยขั้นตอนอย่างการกรองสัญญาณ
รบกวนออกจากภาพ และ การค้นหาวัตถุที่สนใจ จะทำาให้สามารถตรวจสอบเพศ
ดักแด้ของหนอนไหมได้อย่างรวดเร็ว มีกระบวนการที่ไม่ซับซ้อน และ ไม่มีการ
สัมผัสกับตัวดักแด้ของหนอนไหมระหว่างทำาการตรวจสอบกระบวนการดังกล่าว
เป็นกระบวนการที่สำาคัญที่จะต้องศึกษาและพัฒนาในโครงการนี้เพื่อให้ได้ระบบที่
สามารถตรวจสอบเพศดักแด้ของหนอนไหมและมีความแม่นยำา ตรวจสอบได้
รวดเร็ว และมีต้นทุนในการผลิตตำ่า ระบบดังกล่าวนี้จะติดตั้งทีศูนย์วิจัยหม่อน
่
ไหมฯ จำานวน 5 แห่ง
• โครงการวิจ ัย พัฒ นาเครื่อ งมือ ต้น แบบในการตรวจวัด ความสมำ่า เสมอ
ของเส้น ไหมสำา หรับ ใช้จ ัด ชัน คุณ ภาพมาตรฐานเส้น ไหมไทย ด้วยไหม
้
ไทยมีความต้องการของผู้ใช้สูงโดยเฉพาะในยุโรป บริษัทที่เป็นผู้นำาแฟชั่นเครื่อง
- 8. ได้นำามาใช้ในอุตสาหกรรม รวมถึงการใช้ภาพถ่ายคลื่นแม่เหล็ก (Magnetic
Resonance Imaging) เป็นอีกเทคนิคหนึ่งที่นอกจากจะใช้ศึกษาการเติบโตและ
การเปลี่ยนรูปร่างในระยะต่างๆ ของตัวไหมได้ แต่เนื่องจากระบบการถ่ายภาพ
ด้วยคลื่นแม่เหล็กมีราคาสูง และ ประสิทธิภาพในการคัดแยกยังไม่สูงมากนัก จึง
ทำาให้วิธีการนี้ไม่เป็นที่ยอมรับ วิธีการที่ใช้กันทั่วไป คือ การคัดแยกผ่านการ
สังเกตด้วยตาเปล่าจากจุดเด่นบริเวณก้นของหนอนไหมช่วงระยะที่เป็นดักแด้ ซึ่ง
วิธีการนี้ต้องอาศัยผู้ที่มีประสบการณ์ และเนื่องจากจุดเด่นบริเวณก้นของดักแด้
ของหนอนไหมมีขนาดประมาณหนึ่งมิลลิเมตรยังส่งผลเสียต่อสายตาของผู้คัด
แยกได้ อีกวิธีการหนึ่งที่ชวยลดเวลาในการคัดแยกลงได้คือการดูสีที่รังของ
่
หนอนไหม อย่างไรก็ตาม เนื่องจากปัจจุบันรังของหนอนไหมมีหลากหลายสีซึ่ง
ขึ้นอยู่กับพันธุ์ของผีเสื้อที่เลี้ยง ทำาให้วิธีการนี้ไม่สามารถคัดแยกเพศของหนอน
ไหมได้ดีเท่ากับการคัดแยกด้วยการตรวจสอบลักษณะเด่นที่ได้อธิบายไว้ก่อน
หน้า การชั่งนำ้าหนักเป็นอีกวิธีการหนึ่งที่ชวยให้การคัดแยกทำาได้รวดเร็วขึ้น ซึ่ง
่
วิธีการนี้อยู่บนพื้นฐานที่ว่ารังไหมหรือดักแด้ของหนอนไหมที่เป็นเพศเมียจะมี
ขนาดและนำ้าหนักมากกว่ารังไหมหรือดักแด้ของหนอนไหมที่เป็นของเพศผู้
ศูนย์วิจัยหม่อนไหมหลายๆ ศูนย์ในประเทศไทยก็ได้เลือกใช้วิธีการนี้ถึงแม้ว่าจะ
คัดได้ทีละตัวและเครื่องคัดแยกเพศหนอนไหมมีราคาประมาณ 5 ล้านบาท
นอกจากนี้ การนำาถาดมาเจาะรูหลายๆ รูโดยให้แต่ละรูมีขนาดเท่ากับขนาดของ
รังของหนอนไหมเพศผู้จะทำาให้คัดแยกเพศของหนอนไหมได้รวดเร็วขึ้น แต่
เนื่องจากในปัจจุบันมีการพัฒนาของพันธุ์ไหมมากขึ้นรวมไปถึงอัตราการเจริญ
เติบโตของหนอนไหมแต่ละตัวก็ไม่เหมือนกัน ทำาให้นำ้าหนักและขนาดของรังไหม
หรือของดักแด้ของหนอนไหมที่เป็นเพศเมียมีค่าใกล้เคียงกับของเพศผู้ได้ ส่งผล
ให้เกิดข้อผิดพลาดสูงในระหว่างการคัดแยกเพศดักแด้ของหนอนไหม ปัจจุบัน
ศูนย์วิจัยหนอนไหมบางศูนย์ได้ยกเลิกการใช้เครื่องคัดแยกเพศดักแด้ไหมด้วย
การชั่งนำ้าหนักแล้วและหันกลับมาใช้การสังเกตด้วยตาเปล่าแทน นอกเหนือจาก
วิธีการดังกล่าวข้างต้น การนำาองค์ความรู้ทางแสงเข้ามาช่วยก็ได้มีการนำาเสนอ
ขึ้นมาเพื่อใช้คัดแยกเพศของหนอนไหม ซึ่งครอบคลุมการตรวจสอบจาก
สเปกตรัมของแสงที่สะท้อนมาจากดักแด้ของหนอนไหมที่จะต้องอาศัยเครื่องสเปก
โตรมิเตอร์ที่มีราคาค่อนข้างสูง และ มีขั้นตอนประมวลผลข้อมูลสเปกตรัมที่มี