SlideShare una empresa de Scribd logo
1 de 6
Descargar para leer sin conexión
ลิซ เมอร์เรย์ : จากเด็กจรจัด สู่ฮาร์วาร์ด
..Homeless to Harvard..
จากเด็กข้างถนน ไร้ที่อยู่อาศัย ไม่มีเงินแม้แต่เพนนีเดียวในกระเป๋า แต่ด้วยหัวใจใฝ่
ดี เธอสามารถเข้าไปเป็นนักศึกษา มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดลิซ เมอร์เรย์ ได้
กลายเป็นแรงบันดาลใจให้แก่วัยรุ่นผู้ด้อยโอกาสจานวนมาก
เธอเกิดเมื่อวันที่ 23 กันยายน ปี ค.ศ. 1980 อาศัยอยู่กับพี่สาวและพ่อแม่
ขี้ยาในอพาร์ตเม้นท์สกปรกในย่านชุมชนแออัด เขตบร็องซ์ รัฐนิวยอร์ก
เมื่ออายุ 9 ขวบ เธอต้องหาเลี้ยงครอบครัวด้วยการตระเวนขออาหาร
ตามร้านชาขณะที่พ่อและแม่เสพโคเคนอยู่กับบ้าน
เมื่ออายุ 15 ปี พ่อย้ายเข้าไปอยู่สถานพักพิงสาหรับผู้ไร้ที่อยู่อาศัย ส่วน
แม่ตายเพราะติดเชื้อเอดส์ลิซกลายเป็นเด็กข้างถนน ไม่มีที่ซุกหัวนอน
กลางคีบแอบงีบหลับบนม้ายาวในสวนสาธารณะ สถานีรถไฟใต้ดิน หรือ
โชคดีก็ได้นอนโซฟาบ้านเพื่อน
ในวันฝังศพแม่ ลิซยืนดูอยู่ห่าง ๆ ด้วยความอนาถใจ ร่างของแม่ถูกใส่ใน
โลงกระดานไม้อัด แม้แต่ป้ายหน้าหลุมศพก็เขียนด้วยปากกาเคมี เธอ
เริ่มครุ่นคิดถึงอนาคตของตัวเองบางคนอาจท้อแท้กับชีวิต บางคนอาจ
ใช้เป็นข้ออ้างที่จะเลือกทาชั่ว แต่ลิซ เมอร์เรย์ ใช้ความล้มเหลวของพ่อ
แม่เป็นเครื่องเตือนใจ
ถ้าเธอใช้ชีวิตอย่างไร้จุดหมาย อนาคตของเธอคงไม่ต่างจากผู้ให้กาเนิด
เธอตั้งปณิธานว่าเธอจะต้องสร้างชีวิตที่ดีกว่าด้วยตัวเอง
โชคดีที่ลิซคบเพื่อนสูงวัยที่ฉลาดคนหนึ่งซึ่งมองเห็นศักยภาพภายในตัว
เธอ เขาใช้อุบายกระตุ้นพลังแห่งการเรียนรู้ด้วยการมอบสารนุกรมเก่า ๆ
ชุดหนึ่งให้เป็นของขวัญ ลิซจะหยิบมันขึ้นมาพลิกดูภาพประกอบอย่าง
สนใจทุกครั้งที่มีเวลา อยากรู้ว่าตัวอักษรที่บรรยายใต้ภาพบอกอะไร
ต่อมาเพื่อนสูงวัยผู้นั้นยังซื้อตั๋วพาลิซไปทัวร์มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สิ่ง
ที่ได้พบเห็นสร้างแรงบันดาลใจให้ลิซอยากเรียนหนังสือและตั้งความหวัง
ว่าสักวันหนึ่งเธอจะต้องเข้ามายืนในรั้วมหาวิทยาลัยแห่งนี้ให้ได้
หลังกลับจากทัวร์ ลิซตัดสินใจสมัครเข้าเป็นนักเรียนในโปรแกรมพิเศษ
สาหรับผู้ด้อยโอกาส เธอทุ่มเทเพื่อการเรียนอย่างมุมานะและบริหารเวลา
อย่างเป็นระบบ เพราะต้องทางานเลี้ยงชีพ พร้อมกับการลงวิชาเรียนเป็น
สองเท่าของเพื่อนร่วมชั้น
เธอต้องทาถึงขนาดเอาหนังสือเรียนห้อยติดผนังและอ่านไปด้วยขณะ
รับจ้างล้างจาน ลิซตระหนักดีว่าการศึกษาเท่านั้นที่จะช่วยเปลี่ยนแปลง
ชีวิต ในเวลาเพียงสองปี ลิซสามารถสอบข้ามชั้นแบบก้าวกระโดด จนไล่
ทันเพื่อนวัยเดียวกัน และอีกสองปีเธอจะจบไฮสกูลได้สาเร็จพร้อมจะเข้า
เรียนต่อระดับมหาวิทยาลัย
ครูที่รับผิดชอบการเรียนของลิซเอ่ยชมว่าเธอเป็นนักเรียนที่ฉลาดและ
ตั้งใจที่สุดเท่าที่เห็นมา
การเรียนจบไฮสกูลในสี่ปีเป็นความสามารถอันน่ามหัศจรรย์ แต่ไม่ใช่
บัตรผ่านประตูสู่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดที่มีชื่อเสียงก้องโลกถ้าดูพื้นฐาน
ครอบครัว ประวัติการศึกษา และเงินออมที่เตรียมไว้เพื่อการศึกษา
โอกาสที่คณะกรรมการของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดจะคัดเลือกเธอเข้าเป็น
นักศึกษาแทบจะเป็นศูนย์ แต่ลิซไม่ยอมแพ้ เธอสมัครชิงทุนการศึกษา
ทุกแห่งที่ทาได้
วันหนึ่งเธอได้ยินว่าหนังสือพิมพ์ นิวยอร์ก ไทม์ส มีโครงการมอบ
ทุนการศึกษาแก่เด็กยากจนที่เรียนดี จากัดเพียงหกทุนเท่านั้น โดยส่งไป
เรียนที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เธอจึงมุมานะเรียนหนักขึ้นเพื่อจะชิงทุน
เป็นความฝันที่สูงมากสาหรับเด็กข้างถนน
การเรียนหนังสือโดยใช้ริมถนนนิวยอร์กเป็นโต๊ะเรียนไม่ใช่เรื่องง่าย การ
ชิงทุนการศึกษา นิวยอร์ก ไทม์ส ยิ่งยากเย็นแสนเข็ญโดยเฉพาะสาหรับ
เด็กด้อยโอกาสอย่างเธอ ต้องใช้ความมุ่งมั่นและกาลังใจแรงกล้าที่จะฝ่า
อุปสรรคของประโยคที่ว่า ‚เรียนไปทาไม ยังไงก็ไม่มีอะไรดีขึ้น‛
บ่อยครั้งเธอต้องนอนบนขบวนรถไฟสายบีจากเขต เดอะ บรองซ์,
สถานีรถไฟ และสวนสาธารณะ แต่เธอไม่ทิ้งการเรียน บนถนนใน
นิวยอร์ก เธอมองเห็นผู้หญิงถือกระเป๋ากุชชี ชาแนล เดินผ่านวัยรุ่นที่
สวมเสื้อผ้าสกปรกเที่ยวขอเศษเหรียญ ความแตกต่างทางชนชั้นถ่าง
กว้างเหลือเกิน
เมืองใหญ่อย่างนิวยอร์กวุ่นวายเกินกว่าจะมีใครก้มลงมองเด็กจรจัดข้าง
ถนนคนหนึ่ง ในฤดูหนาวสภาพแวดล้อมยิ่งทารุณ เมื่อป่าคอนกรีตปก
คลุมด้วยน้าแข็ง ไม่ใช่สวรรค์สาหรับคนจรจัดแน่นอน แต่เธอก็ยังฮึดสู้
ต่อไป
เธอบอกว่า ‚ฉันต้องการมากเหลือเกินที่จะประสบความสาเร็จ เข้าฮาร์
วาร์ด ได้เงินทุนจาก นิวยอร์ก ไทม์ส… สิ่งที่ต้องการคือความศรัทธานิด
หน่อยและการลงมือทา‛
เมื่อเธอรู้สึกตัวอีกครั้ง เธอกาลังนั่งอยู่ในห้องพักของเธอที่
มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เมื่ออายุสิบเก้ามหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดได้เปิด
ประตูต้อนรับเด็กสาวจากกองขยะให้เข้าศึกษาต่อทางด้านจิตวิทยา
คลินิก
ภายหลังเธอเล่าความรู้สึกยามนั่งในหอพักนักศึกษาวันนั้นว่า ‚…ความ
เปล่าเปลี่ยวเฆี่ยนตีฉันอย่างหนัก มันไม่ใช่การเปลี่ยนผ่านที่ง่ายดาย
เลย‛
อย่างไรก็ตาม เธอก็จาต้องหยุดเรียนพักใหญ่เมื่อพ่อตายระหว่างที่เธอ
เรียนฮาร์วาร์ด ก่อนจากโลกไป พ่อทิ้งโน้ตให้เธอว่า ‚พ่อทิ้งความฝันของ
พ่อไว้เบื้องหลังนานมาแล้ว แต่พ่อรู้ว่าความฝันเหล่านั้นปลอดภัยในมือ
ลูกแล้ว‛ และเธอก็สานฝันของพ่อสาเร็จ
ระหว่างการศึกษา ลิซใช้เวลาว่างเดินทางไปบรรยายตามแหล่งสลัม
เพื่อให้เด็กวัยรุ่นได้เห็นตัวอย่างว่า แม้จะเป็นเด็กจรจัดไร้ที่พักพิง ไม่มี
เงิน กินอาหารจากกองขยะ ทุกคนอาจมีชีวิตที่ดีได้ถ้าตั้งใจจริง
“ บทสรุป
ลิซ กล่าวว่าเธอไม่รับพรจากนางฟ้าองค์ใด ความสาเร็จเกิดจากการมี
เป้าหมายชีวิตที่แน่นอน เชื่อมั่นในศักยภาพของตัวเอง บวกกับความ
อุตสาหะ
อย่ามัวแต่มองคนอื่นและคิดว่าพวกเขาทาได้ เพราะเขามีบางอย่างเหนือ
คุณมนุษย์ทุกคนมีเท่ากัน เพียงจะใช้สิ่งที่มีให้เกิดประโยขน์เต็มร้อย
หรือไม่ คุณต้องเชื่อว่าอนาคตอยู่ในกามือของคุณ และคุณเป็นผู้กาหนด
เอง
เธอบอกว่า ‚ฉันอยากให้คุณมองภาพกว้าง เราทุกคนเชื่อมโยงกัน มัน
เป็นวงจร ผู้คนสร้างความเปลี่ยนแปลงต่อชีวิตผู้คน ความฝันที่
ปราศจากการเกื้อหนุนก็เหมือนเครื่องบินไร้ปีก… ฉันอยากให้วิสัยทัศน์
ของฉันเป็นตัวกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงในโลก‛
เธอพยายามบอกให้คนอื่นหัดมองว่า ต่อให้ชีวิตทนทุกข์ทรมานเพียงไร
จงอย่าสิ้นหวัง
‚เมื่อทุกข์ทรมาน ฉันต้องมองว่าสิ่งต่างๆ สามารถที่จะไม่เหมือนเดิมได้
ฉันเริ่มไขว่คว้าคุณค่าของบทเรียนซึ่งฉันเรียนจากการอาศัยอยู่ตามข้าง
ถนน‛
ครั้งหนึ่งเธอพูดให้คนอื่นฟังว่า ‚เหตุผลที่ฉันกาลังยืนที่นี่ต่อหน้าพวก
คุณในวันนี้ก็เพราะฉันเลือก ‘ทางสายบน’ ซึ่งเป็นทางสายที่ทุกคนเลือก
ได้‛
คนบางคนสามารถสร้างชีวิตจากศูนย์ บางคนสร้างจากชีวิตติดลบ และ
บางคนไม่ยอมสร้างอะไรเลยจากสิ่งที่มีมากมาย บางทีความแตกต่าง
ของทางสายบนกับทางสายล่างอยู่ที่การมองเห็นคุณค่าของชีวิตของ
ตัวเองหรือไม่ ง่าย ๆ
พลังอานาจที่ยิ่งใหญ่ที่ควรศรัทธาอันดับแรก...อยู่ในตัวคุณเอง
หมายเหตุ : ในปี 2003 ชีวิตของ ลิซ เมอร์เรย์ ได้รับการสร้างเป็น
ภาพยนตร์เรื่อง Homeless to Harvard
Credit : นิตยสารแพรว โดย สรจักร / winbookclub.com โดย วินทร์ เลียววา
ริณ
ตัวอย่างหนัง homeless to harvard trailer
http://www.youtube.com/watch?v=kuqoAVQTipQ

ลิซ เมอร์เรย์

  • 1. ลิซ เมอร์เรย์ : จากเด็กจรจัด สู่ฮาร์วาร์ด ..Homeless to Harvard.. จากเด็กข้างถนน ไร้ที่อยู่อาศัย ไม่มีเงินแม้แต่เพนนีเดียวในกระเป๋า แต่ด้วยหัวใจใฝ่ ดี เธอสามารถเข้าไปเป็นนักศึกษา มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดลิซ เมอร์เรย์ ได้ กลายเป็นแรงบันดาลใจให้แก่วัยรุ่นผู้ด้อยโอกาสจานวนมาก เธอเกิดเมื่อวันที่ 23 กันยายน ปี ค.ศ. 1980 อาศัยอยู่กับพี่สาวและพ่อแม่ ขี้ยาในอพาร์ตเม้นท์สกปรกในย่านชุมชนแออัด เขตบร็องซ์ รัฐนิวยอร์ก
  • 2. เมื่ออายุ 9 ขวบ เธอต้องหาเลี้ยงครอบครัวด้วยการตระเวนขออาหาร ตามร้านชาขณะที่พ่อและแม่เสพโคเคนอยู่กับบ้าน เมื่ออายุ 15 ปี พ่อย้ายเข้าไปอยู่สถานพักพิงสาหรับผู้ไร้ที่อยู่อาศัย ส่วน แม่ตายเพราะติดเชื้อเอดส์ลิซกลายเป็นเด็กข้างถนน ไม่มีที่ซุกหัวนอน กลางคีบแอบงีบหลับบนม้ายาวในสวนสาธารณะ สถานีรถไฟใต้ดิน หรือ โชคดีก็ได้นอนโซฟาบ้านเพื่อน ในวันฝังศพแม่ ลิซยืนดูอยู่ห่าง ๆ ด้วยความอนาถใจ ร่างของแม่ถูกใส่ใน โลงกระดานไม้อัด แม้แต่ป้ายหน้าหลุมศพก็เขียนด้วยปากกาเคมี เธอ เริ่มครุ่นคิดถึงอนาคตของตัวเองบางคนอาจท้อแท้กับชีวิต บางคนอาจ ใช้เป็นข้ออ้างที่จะเลือกทาชั่ว แต่ลิซ เมอร์เรย์ ใช้ความล้มเหลวของพ่อ แม่เป็นเครื่องเตือนใจ ถ้าเธอใช้ชีวิตอย่างไร้จุดหมาย อนาคตของเธอคงไม่ต่างจากผู้ให้กาเนิด เธอตั้งปณิธานว่าเธอจะต้องสร้างชีวิตที่ดีกว่าด้วยตัวเอง โชคดีที่ลิซคบเพื่อนสูงวัยที่ฉลาดคนหนึ่งซึ่งมองเห็นศักยภาพภายในตัว เธอ เขาใช้อุบายกระตุ้นพลังแห่งการเรียนรู้ด้วยการมอบสารนุกรมเก่า ๆ ชุดหนึ่งให้เป็นของขวัญ ลิซจะหยิบมันขึ้นมาพลิกดูภาพประกอบอย่าง สนใจทุกครั้งที่มีเวลา อยากรู้ว่าตัวอักษรที่บรรยายใต้ภาพบอกอะไร ต่อมาเพื่อนสูงวัยผู้นั้นยังซื้อตั๋วพาลิซไปทัวร์มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สิ่ง ที่ได้พบเห็นสร้างแรงบันดาลใจให้ลิซอยากเรียนหนังสือและตั้งความหวัง ว่าสักวันหนึ่งเธอจะต้องเข้ามายืนในรั้วมหาวิทยาลัยแห่งนี้ให้ได้ หลังกลับจากทัวร์ ลิซตัดสินใจสมัครเข้าเป็นนักเรียนในโปรแกรมพิเศษ สาหรับผู้ด้อยโอกาส เธอทุ่มเทเพื่อการเรียนอย่างมุมานะและบริหารเวลา
  • 3. อย่างเป็นระบบ เพราะต้องทางานเลี้ยงชีพ พร้อมกับการลงวิชาเรียนเป็น สองเท่าของเพื่อนร่วมชั้น เธอต้องทาถึงขนาดเอาหนังสือเรียนห้อยติดผนังและอ่านไปด้วยขณะ รับจ้างล้างจาน ลิซตระหนักดีว่าการศึกษาเท่านั้นที่จะช่วยเปลี่ยนแปลง ชีวิต ในเวลาเพียงสองปี ลิซสามารถสอบข้ามชั้นแบบก้าวกระโดด จนไล่ ทันเพื่อนวัยเดียวกัน และอีกสองปีเธอจะจบไฮสกูลได้สาเร็จพร้อมจะเข้า เรียนต่อระดับมหาวิทยาลัย ครูที่รับผิดชอบการเรียนของลิซเอ่ยชมว่าเธอเป็นนักเรียนที่ฉลาดและ ตั้งใจที่สุดเท่าที่เห็นมา การเรียนจบไฮสกูลในสี่ปีเป็นความสามารถอันน่ามหัศจรรย์ แต่ไม่ใช่ บัตรผ่านประตูสู่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดที่มีชื่อเสียงก้องโลกถ้าดูพื้นฐาน ครอบครัว ประวัติการศึกษา และเงินออมที่เตรียมไว้เพื่อการศึกษา โอกาสที่คณะกรรมการของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดจะคัดเลือกเธอเข้าเป็น นักศึกษาแทบจะเป็นศูนย์ แต่ลิซไม่ยอมแพ้ เธอสมัครชิงทุนการศึกษา ทุกแห่งที่ทาได้ วันหนึ่งเธอได้ยินว่าหนังสือพิมพ์ นิวยอร์ก ไทม์ส มีโครงการมอบ ทุนการศึกษาแก่เด็กยากจนที่เรียนดี จากัดเพียงหกทุนเท่านั้น โดยส่งไป เรียนที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เธอจึงมุมานะเรียนหนักขึ้นเพื่อจะชิงทุน เป็นความฝันที่สูงมากสาหรับเด็กข้างถนน การเรียนหนังสือโดยใช้ริมถนนนิวยอร์กเป็นโต๊ะเรียนไม่ใช่เรื่องง่าย การ ชิงทุนการศึกษา นิวยอร์ก ไทม์ส ยิ่งยากเย็นแสนเข็ญโดยเฉพาะสาหรับ
  • 4. เด็กด้อยโอกาสอย่างเธอ ต้องใช้ความมุ่งมั่นและกาลังใจแรงกล้าที่จะฝ่า อุปสรรคของประโยคที่ว่า ‚เรียนไปทาไม ยังไงก็ไม่มีอะไรดีขึ้น‛ บ่อยครั้งเธอต้องนอนบนขบวนรถไฟสายบีจากเขต เดอะ บรองซ์, สถานีรถไฟ และสวนสาธารณะ แต่เธอไม่ทิ้งการเรียน บนถนนใน นิวยอร์ก เธอมองเห็นผู้หญิงถือกระเป๋ากุชชี ชาแนล เดินผ่านวัยรุ่นที่ สวมเสื้อผ้าสกปรกเที่ยวขอเศษเหรียญ ความแตกต่างทางชนชั้นถ่าง กว้างเหลือเกิน เมืองใหญ่อย่างนิวยอร์กวุ่นวายเกินกว่าจะมีใครก้มลงมองเด็กจรจัดข้าง ถนนคนหนึ่ง ในฤดูหนาวสภาพแวดล้อมยิ่งทารุณ เมื่อป่าคอนกรีตปก คลุมด้วยน้าแข็ง ไม่ใช่สวรรค์สาหรับคนจรจัดแน่นอน แต่เธอก็ยังฮึดสู้ ต่อไป เธอบอกว่า ‚ฉันต้องการมากเหลือเกินที่จะประสบความสาเร็จ เข้าฮาร์ วาร์ด ได้เงินทุนจาก นิวยอร์ก ไทม์ส… สิ่งที่ต้องการคือความศรัทธานิด หน่อยและการลงมือทา‛ เมื่อเธอรู้สึกตัวอีกครั้ง เธอกาลังนั่งอยู่ในห้องพักของเธอที่ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เมื่ออายุสิบเก้ามหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดได้เปิด ประตูต้อนรับเด็กสาวจากกองขยะให้เข้าศึกษาต่อทางด้านจิตวิทยา คลินิก ภายหลังเธอเล่าความรู้สึกยามนั่งในหอพักนักศึกษาวันนั้นว่า ‚…ความ เปล่าเปลี่ยวเฆี่ยนตีฉันอย่างหนัก มันไม่ใช่การเปลี่ยนผ่านที่ง่ายดาย เลย‛
  • 5. อย่างไรก็ตาม เธอก็จาต้องหยุดเรียนพักใหญ่เมื่อพ่อตายระหว่างที่เธอ เรียนฮาร์วาร์ด ก่อนจากโลกไป พ่อทิ้งโน้ตให้เธอว่า ‚พ่อทิ้งความฝันของ พ่อไว้เบื้องหลังนานมาแล้ว แต่พ่อรู้ว่าความฝันเหล่านั้นปลอดภัยในมือ ลูกแล้ว‛ และเธอก็สานฝันของพ่อสาเร็จ ระหว่างการศึกษา ลิซใช้เวลาว่างเดินทางไปบรรยายตามแหล่งสลัม เพื่อให้เด็กวัยรุ่นได้เห็นตัวอย่างว่า แม้จะเป็นเด็กจรจัดไร้ที่พักพิง ไม่มี เงิน กินอาหารจากกองขยะ ทุกคนอาจมีชีวิตที่ดีได้ถ้าตั้งใจจริง “ บทสรุป ลิซ กล่าวว่าเธอไม่รับพรจากนางฟ้าองค์ใด ความสาเร็จเกิดจากการมี เป้าหมายชีวิตที่แน่นอน เชื่อมั่นในศักยภาพของตัวเอง บวกกับความ อุตสาหะ อย่ามัวแต่มองคนอื่นและคิดว่าพวกเขาทาได้ เพราะเขามีบางอย่างเหนือ คุณมนุษย์ทุกคนมีเท่ากัน เพียงจะใช้สิ่งที่มีให้เกิดประโยขน์เต็มร้อย หรือไม่ คุณต้องเชื่อว่าอนาคตอยู่ในกามือของคุณ และคุณเป็นผู้กาหนด เอง เธอบอกว่า ‚ฉันอยากให้คุณมองภาพกว้าง เราทุกคนเชื่อมโยงกัน มัน เป็นวงจร ผู้คนสร้างความเปลี่ยนแปลงต่อชีวิตผู้คน ความฝันที่ ปราศจากการเกื้อหนุนก็เหมือนเครื่องบินไร้ปีก… ฉันอยากให้วิสัยทัศน์ ของฉันเป็นตัวกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงในโลก‛ เธอพยายามบอกให้คนอื่นหัดมองว่า ต่อให้ชีวิตทนทุกข์ทรมานเพียงไร จงอย่าสิ้นหวัง
  • 6. ‚เมื่อทุกข์ทรมาน ฉันต้องมองว่าสิ่งต่างๆ สามารถที่จะไม่เหมือนเดิมได้ ฉันเริ่มไขว่คว้าคุณค่าของบทเรียนซึ่งฉันเรียนจากการอาศัยอยู่ตามข้าง ถนน‛ ครั้งหนึ่งเธอพูดให้คนอื่นฟังว่า ‚เหตุผลที่ฉันกาลังยืนที่นี่ต่อหน้าพวก คุณในวันนี้ก็เพราะฉันเลือก ‘ทางสายบน’ ซึ่งเป็นทางสายที่ทุกคนเลือก ได้‛ คนบางคนสามารถสร้างชีวิตจากศูนย์ บางคนสร้างจากชีวิตติดลบ และ บางคนไม่ยอมสร้างอะไรเลยจากสิ่งที่มีมากมาย บางทีความแตกต่าง ของทางสายบนกับทางสายล่างอยู่ที่การมองเห็นคุณค่าของชีวิตของ ตัวเองหรือไม่ ง่าย ๆ พลังอานาจที่ยิ่งใหญ่ที่ควรศรัทธาอันดับแรก...อยู่ในตัวคุณเอง หมายเหตุ : ในปี 2003 ชีวิตของ ลิซ เมอร์เรย์ ได้รับการสร้างเป็น ภาพยนตร์เรื่อง Homeless to Harvard Credit : นิตยสารแพรว โดย สรจักร / winbookclub.com โดย วินทร์ เลียววา ริณ ตัวอย่างหนัง homeless to harvard trailer http://www.youtube.com/watch?v=kuqoAVQTipQ