Más contenido relacionado
ลิซ เมอร์เรย์
- 1. ลิซ เมอร์เรย์ : จากเด็กจรจัด สู่ฮาร์วาร์ด
..Homeless to Harvard..
จากเด็กข้างถนน ไร้ที่อยู่อาศัย ไม่มีเงินแม้แต่เพนนีเดียวในกระเป๋า แต่ด้วยหัวใจใฝ่
ดี เธอสามารถเข้าไปเป็นนักศึกษา มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดลิซ เมอร์เรย์ ได้
กลายเป็นแรงบันดาลใจให้แก่วัยรุ่นผู้ด้อยโอกาสจานวนมาก
เธอเกิดเมื่อวันที่ 23 กันยายน ปี ค.ศ. 1980 อาศัยอยู่กับพี่สาวและพ่อแม่
ขี้ยาในอพาร์ตเม้นท์สกปรกในย่านชุมชนแออัด เขตบร็องซ์ รัฐนิวยอร์ก
- 2. เมื่ออายุ 9 ขวบ เธอต้องหาเลี้ยงครอบครัวด้วยการตระเวนขออาหาร
ตามร้านชาขณะที่พ่อและแม่เสพโคเคนอยู่กับบ้าน
เมื่ออายุ 15 ปี พ่อย้ายเข้าไปอยู่สถานพักพิงสาหรับผู้ไร้ที่อยู่อาศัย ส่วน
แม่ตายเพราะติดเชื้อเอดส์ลิซกลายเป็นเด็กข้างถนน ไม่มีที่ซุกหัวนอน
กลางคีบแอบงีบหลับบนม้ายาวในสวนสาธารณะ สถานีรถไฟใต้ดิน หรือ
โชคดีก็ได้นอนโซฟาบ้านเพื่อน
ในวันฝังศพแม่ ลิซยืนดูอยู่ห่าง ๆ ด้วยความอนาถใจ ร่างของแม่ถูกใส่ใน
โลงกระดานไม้อัด แม้แต่ป้ายหน้าหลุมศพก็เขียนด้วยปากกาเคมี เธอ
เริ่มครุ่นคิดถึงอนาคตของตัวเองบางคนอาจท้อแท้กับชีวิต บางคนอาจ
ใช้เป็นข้ออ้างที่จะเลือกทาชั่ว แต่ลิซ เมอร์เรย์ ใช้ความล้มเหลวของพ่อ
แม่เป็นเครื่องเตือนใจ
ถ้าเธอใช้ชีวิตอย่างไร้จุดหมาย อนาคตของเธอคงไม่ต่างจากผู้ให้กาเนิด
เธอตั้งปณิธานว่าเธอจะต้องสร้างชีวิตที่ดีกว่าด้วยตัวเอง
โชคดีที่ลิซคบเพื่อนสูงวัยที่ฉลาดคนหนึ่งซึ่งมองเห็นศักยภาพภายในตัว
เธอ เขาใช้อุบายกระตุ้นพลังแห่งการเรียนรู้ด้วยการมอบสารนุกรมเก่า ๆ
ชุดหนึ่งให้เป็นของขวัญ ลิซจะหยิบมันขึ้นมาพลิกดูภาพประกอบอย่าง
สนใจทุกครั้งที่มีเวลา อยากรู้ว่าตัวอักษรที่บรรยายใต้ภาพบอกอะไร
ต่อมาเพื่อนสูงวัยผู้นั้นยังซื้อตั๋วพาลิซไปทัวร์มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สิ่ง
ที่ได้พบเห็นสร้างแรงบันดาลใจให้ลิซอยากเรียนหนังสือและตั้งความหวัง
ว่าสักวันหนึ่งเธอจะต้องเข้ามายืนในรั้วมหาวิทยาลัยแห่งนี้ให้ได้
หลังกลับจากทัวร์ ลิซตัดสินใจสมัครเข้าเป็นนักเรียนในโปรแกรมพิเศษ
สาหรับผู้ด้อยโอกาส เธอทุ่มเทเพื่อการเรียนอย่างมุมานะและบริหารเวลา
- 3. อย่างเป็นระบบ เพราะต้องทางานเลี้ยงชีพ พร้อมกับการลงวิชาเรียนเป็น
สองเท่าของเพื่อนร่วมชั้น
เธอต้องทาถึงขนาดเอาหนังสือเรียนห้อยติดผนังและอ่านไปด้วยขณะ
รับจ้างล้างจาน ลิซตระหนักดีว่าการศึกษาเท่านั้นที่จะช่วยเปลี่ยนแปลง
ชีวิต ในเวลาเพียงสองปี ลิซสามารถสอบข้ามชั้นแบบก้าวกระโดด จนไล่
ทันเพื่อนวัยเดียวกัน และอีกสองปีเธอจะจบไฮสกูลได้สาเร็จพร้อมจะเข้า
เรียนต่อระดับมหาวิทยาลัย
ครูที่รับผิดชอบการเรียนของลิซเอ่ยชมว่าเธอเป็นนักเรียนที่ฉลาดและ
ตั้งใจที่สุดเท่าที่เห็นมา
การเรียนจบไฮสกูลในสี่ปีเป็นความสามารถอันน่ามหัศจรรย์ แต่ไม่ใช่
บัตรผ่านประตูสู่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดที่มีชื่อเสียงก้องโลกถ้าดูพื้นฐาน
ครอบครัว ประวัติการศึกษา และเงินออมที่เตรียมไว้เพื่อการศึกษา
โอกาสที่คณะกรรมการของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดจะคัดเลือกเธอเข้าเป็น
นักศึกษาแทบจะเป็นศูนย์ แต่ลิซไม่ยอมแพ้ เธอสมัครชิงทุนการศึกษา
ทุกแห่งที่ทาได้
วันหนึ่งเธอได้ยินว่าหนังสือพิมพ์ นิวยอร์ก ไทม์ส มีโครงการมอบ
ทุนการศึกษาแก่เด็กยากจนที่เรียนดี จากัดเพียงหกทุนเท่านั้น โดยส่งไป
เรียนที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เธอจึงมุมานะเรียนหนักขึ้นเพื่อจะชิงทุน
เป็นความฝันที่สูงมากสาหรับเด็กข้างถนน
การเรียนหนังสือโดยใช้ริมถนนนิวยอร์กเป็นโต๊ะเรียนไม่ใช่เรื่องง่าย การ
ชิงทุนการศึกษา นิวยอร์ก ไทม์ส ยิ่งยากเย็นแสนเข็ญโดยเฉพาะสาหรับ
- 4. เด็กด้อยโอกาสอย่างเธอ ต้องใช้ความมุ่งมั่นและกาลังใจแรงกล้าที่จะฝ่า
อุปสรรคของประโยคที่ว่า ‚เรียนไปทาไม ยังไงก็ไม่มีอะไรดีขึ้น‛
บ่อยครั้งเธอต้องนอนบนขบวนรถไฟสายบีจากเขต เดอะ บรองซ์,
สถานีรถไฟ และสวนสาธารณะ แต่เธอไม่ทิ้งการเรียน บนถนนใน
นิวยอร์ก เธอมองเห็นผู้หญิงถือกระเป๋ากุชชี ชาแนล เดินผ่านวัยรุ่นที่
สวมเสื้อผ้าสกปรกเที่ยวขอเศษเหรียญ ความแตกต่างทางชนชั้นถ่าง
กว้างเหลือเกิน
เมืองใหญ่อย่างนิวยอร์กวุ่นวายเกินกว่าจะมีใครก้มลงมองเด็กจรจัดข้าง
ถนนคนหนึ่ง ในฤดูหนาวสภาพแวดล้อมยิ่งทารุณ เมื่อป่าคอนกรีตปก
คลุมด้วยน้าแข็ง ไม่ใช่สวรรค์สาหรับคนจรจัดแน่นอน แต่เธอก็ยังฮึดสู้
ต่อไป
เธอบอกว่า ‚ฉันต้องการมากเหลือเกินที่จะประสบความสาเร็จ เข้าฮาร์
วาร์ด ได้เงินทุนจาก นิวยอร์ก ไทม์ส… สิ่งที่ต้องการคือความศรัทธานิด
หน่อยและการลงมือทา‛
เมื่อเธอรู้สึกตัวอีกครั้ง เธอกาลังนั่งอยู่ในห้องพักของเธอที่
มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เมื่ออายุสิบเก้ามหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดได้เปิด
ประตูต้อนรับเด็กสาวจากกองขยะให้เข้าศึกษาต่อทางด้านจิตวิทยา
คลินิก
ภายหลังเธอเล่าความรู้สึกยามนั่งในหอพักนักศึกษาวันนั้นว่า ‚…ความ
เปล่าเปลี่ยวเฆี่ยนตีฉันอย่างหนัก มันไม่ใช่การเปลี่ยนผ่านที่ง่ายดาย
เลย‛
- 5. อย่างไรก็ตาม เธอก็จาต้องหยุดเรียนพักใหญ่เมื่อพ่อตายระหว่างที่เธอ
เรียนฮาร์วาร์ด ก่อนจากโลกไป พ่อทิ้งโน้ตให้เธอว่า ‚พ่อทิ้งความฝันของ
พ่อไว้เบื้องหลังนานมาแล้ว แต่พ่อรู้ว่าความฝันเหล่านั้นปลอดภัยในมือ
ลูกแล้ว‛ และเธอก็สานฝันของพ่อสาเร็จ
ระหว่างการศึกษา ลิซใช้เวลาว่างเดินทางไปบรรยายตามแหล่งสลัม
เพื่อให้เด็กวัยรุ่นได้เห็นตัวอย่างว่า แม้จะเป็นเด็กจรจัดไร้ที่พักพิง ไม่มี
เงิน กินอาหารจากกองขยะ ทุกคนอาจมีชีวิตที่ดีได้ถ้าตั้งใจจริง
“ บทสรุป
ลิซ กล่าวว่าเธอไม่รับพรจากนางฟ้าองค์ใด ความสาเร็จเกิดจากการมี
เป้าหมายชีวิตที่แน่นอน เชื่อมั่นในศักยภาพของตัวเอง บวกกับความ
อุตสาหะ
อย่ามัวแต่มองคนอื่นและคิดว่าพวกเขาทาได้ เพราะเขามีบางอย่างเหนือ
คุณมนุษย์ทุกคนมีเท่ากัน เพียงจะใช้สิ่งที่มีให้เกิดประโยขน์เต็มร้อย
หรือไม่ คุณต้องเชื่อว่าอนาคตอยู่ในกามือของคุณ และคุณเป็นผู้กาหนด
เอง
เธอบอกว่า ‚ฉันอยากให้คุณมองภาพกว้าง เราทุกคนเชื่อมโยงกัน มัน
เป็นวงจร ผู้คนสร้างความเปลี่ยนแปลงต่อชีวิตผู้คน ความฝันที่
ปราศจากการเกื้อหนุนก็เหมือนเครื่องบินไร้ปีก… ฉันอยากให้วิสัยทัศน์
ของฉันเป็นตัวกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงในโลก‛
เธอพยายามบอกให้คนอื่นหัดมองว่า ต่อให้ชีวิตทนทุกข์ทรมานเพียงไร
จงอย่าสิ้นหวัง