SlideShare a Scribd company logo
1 of 114
Download to read offline
0
เอกสารประกอบ
เวที
21 ธันวาคม 2553
1
สารบัญ
ลําดับ พื้นที่ เรื่อง หนา
ประสบการณจากน้ําคลื่น
1 พังงา กระบวนการฟนฟูวิถีชีวิตโดยผูประสบภัยเปนแกนหลัก
กรณี : พื้นที่ประสบภัยสึนามิ ชายฝงอันดามัน ประเทศไทย
2
2 พังงา การศึกษาแนวทางการพัฒนาการจัดการความเสี่ยงจากภัย
พิบัติโดยชุมชนเปนฐานจากภาคประชาสังคม : กรณีศึกษา
ชุมชนบานน้ําเค็ม ต.บางมวง อ.ตะกั่วปา จ.พังงา
11
ประสบการณสูน้ําทวม
3 นครราชสีมา น้ําคลื่นเจอน้ําทวม ประสบการณจากน้ําเค็มสูกระเบื้องใหญ 21
4 ลพบุรี บทเรียนจาก น้ํา น้ํา ประสบการณสํารวจพื้นที่น้ําทวม
อ.บานหมี่ จ.ลพบุรี 20-25 ตุลาคม 2553
28
5 ปทุมธานี กระบวนการ “สรางสายใยเครือขาย ทามกลางสายน้ํา...
ทวม” กรณี : เครือขายสิ่งแวดลอมชุมชนจังหวัดปทุมธานี
39
6 สงขลา ประสบการณการรับมือภัยพิบัติ น้ําทวมใหญ 2010
และพายุดีเปรสชั่น บทเรียนจากภาคสาธารณสุข
44
7 สงขลา เครือขายอาสาสมัครจัดการภัยพิบัติจังหวัดสงขลา 62
8 ปตตานี หลังพายุใหญพาดผาน "อาวปตตานี" 70
9 กรุงเทพ สรุปบทเรียน ศอบ (ศูนยอาสาประชาชนฟนฟูภัยพิบัติ) 76
10 ภาคอีสาน (ราง) ขอเสนอเบื้องตนแผนงานปฏิรูปการจัดการน้ําอีสาน
คณะอนุกรรมการปฏิรูปที่ดิน ทรัพยากร สิ่งแวดลอม และน้ํา
105
2
กระบวนการฟนฟูวิถีชีวิตโดยผูประสบภัยเปนแกนหลัก
กรณี : พื้นที่ประสบภัยสึนามิ ชายฝงอันดามัน ประเทศไทย
3
กระบวนการฟนฟูวิถีชีวิตโดยผูประสบภัยเปนแกนหลัก
กรณี : พื้นที่ประสบภัยสึนามิ ชายฝงอันดามัน ประเทศไทย
โดย
นายไมตรี จงไกรจักร เครือขายผูประสบภัยสึนามิ
นายจํานงค จิตรนิรัตร อาสาสมัครสึนามิ
นางปรีดา คงแปน มูลนิธิชุมชนไท
ความเปนมาและการเริ่มกระบวนการ
หลังจากเหตุการณคลื่นยักษสึนามิถลม 6 จังหวัด ชายฝงทะเลอันดามัน ที่สงผลใหเกิด
ความสูญเสียชีวิตคนในครอบครัว ทรัพยสิน เครื่องมือประกอบอาชีพ การทํามาหากิน ฯลฯ จาก
ปญหาวิกฤตความเดือนรอนเฉพาะหนาในชวงแรก ไดนํามาสูปญหาที่ยิ่งใหญขึ้น ชาวบานบาง
ชุมชนไมสามารถกลับไปปลูกบานในที่เดิมได เนื่องจากปญหาที่ดิน ซึ่งเปนปญหาพื้นฐานเดิม
แตการเกิดคลื่นยักษถลมทําใหเปดภาพปญหาเรื่องที่ดินของชาวบานที่อาศัยอยูชายฝงทะเลมา
ยาวนานมีความชัดเจนและรุนแรงขึ้น นอกจากนี้สึนามิทําใหพบวากลุมคนชาวเล กลุมคนไทย
พลัดถิ่น และกลุมประมงพื้นบาน ที่มีวัฒธรรมและวิถีชีวิตเรียบงายกับธรรมชาติ และเปนเจาของ
ทะเลที่แทจริง กําลังถูกรุกรานจากขางนอกอยางรุนแรง
จากหมูบานที่ประสบภัยธรณีพิบัติ 407 หมูบาน จํานวนผูเดือดรอน 12,480 ครอบครัว
บานพักอาศัยเสียหาย 6,824 หลัง มีชุมชนผูประสบภัยรายแรง 47 หมูบาน ประมาณ 5,448
ครอบครัว ซึ่งมีผูเสียชีวิตประมาณ 8,000 คน
เหตุการณภัยพิบัติแตละครั้งที่เกิดขึ้น ประชาชนจํานวนมากเดือดรอนสิ้นเนื้อประดาตัว
อกสั่นขวัญหาย คนที่รอดชีวิต มีทั้งหวงการคนหาศพของญาติพี่นองที่ตายหรือสูญหาย และตอง
กังวลกับการหาอาหาร น้ํา ยาและที่พักที่ปลอดภัย
ทามกลางการทํางาน พวกเราหลอรวมประสบการณ รวมพลังทั้งหมดที่มีอยู ชวยกัน
ทํางาน แบงงานกันทําโดยอัตโนมัติ มีเปาหมายเดียวกัน คือแกปญหาผูประสบภัยทั้งเฉพาะหนา
และระยะยาว เปนประสบการณที่อยูในความทรงจําของทุกคน .... ทั้งชาวบานที่ประสบภัยสึ
นามิ......และนักพัฒนาก็เรียนรูการแกปญหาไปกับกระแสสึนามิ เชนกัน .
ในภาวะฉุกเฉิน ผูที่เดือดรอนจะรอรับบริการอยางเดียวไมได เพราะจะมีผูเดือดรอน
จํานวนมาก ปญหาที่เกิดขึ้นแตละครอบครัวมีมากตามมาดวย ประกอบกับระบบของหนวยงาน
ราชการตางๆ ไมคลองตัว ไมไดมีแผนเพื่อการรับมือกับปญหาวิกฤติ หนทางที่ดีที่สุดคือ ทํา
ใหผูประสบภัย ลุกขึ้นมาแกปญหาดวยตัวของเขาเอง การสนับสนุนให ผูเดือดรอนชวยเหลือ
กันเอง และสรางการมีสวนรวม หลักๆคือ การรวมคนเดือดรอน รวมเสบียง รวมดูแลคนออนแอ
รวมหาที่อยูอาศัย ทําใหการฟนฟูทุกดานจะเกิดขึ้นอยางรวดเร็ว และมีพัฒนาการตอเนื่องระยะ
ยาวบทเรียนกรณีภัยพิบัติสึนามิ มีขั้นตอนที่สําคัญ ดังนี้
4
๑. การกูวิกฤติ ในชวง ๗ วันแรกของการเกิดภัยพิบัติ กรณีสึนามิในประเทศไทย ไม
มีแผนการเตรียมความพรอมลวงหนา แตเมื่อเกิดเหตุ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ออกมา
ชวยเหลือเองโดยอัตโนมัติ แบงเปน ๓ สวน หลักๆ คือ ๑.) การชวยแหลือผูบาดเจ็บและคนหา
ศพ ที่ประกอบดวยทั้งภาครัฐและเอกชน ตางคนตางลงพื้นที่อยางอิสระของแตละองคกร แต
เปนความรวมมือที่ดี เมื่อขอมูลมารวมที่โรงพยาบาล วัด และศาลากลางจังหวัด ๒.) การระดม
ของชวยเหลือ ซึ่งจะมีการสื่อสารทุกรูปแบบทั้ง โทรศัพท วิทยุและโทรทัศน การบริจาค
ชวยเหลือจึงมาจากทั่วประเทศอยางรวดเร็ว ๓.) การสํารวจแบบเร็วๆวาคนที่รอดตายและ
เดือดรอนจะอยูตอไปอยางไร เพราะอยูในภาวะสับสนวุนวาย วัดหรือโรงเรียนอยูอาศัยได
หรือไม หองน้ําควรมีการจัดหาเพิ่มเติม การทําศูนยพักชั่วคราว ควรมีการสํารวจพื้นที่โดย
สอบถามกับผูประสบภัย ใหไดพื้นที่ที่ผูประสบภัยเชื่อวาปลอดภัย เชน กรณีเกิดภัยสึนามิ ตอง
เปนพื้นที่ไกลทะเล
๒. จัดหาเตนสและที่พักชั่วคราว เพื่อเปนที่รวมคน สรางขวัญกําลังใจผูประสบภัย
และบรรเทาทุกขเฉพาะหนา เหตุผลที่ตองหาเตนสที่พักชั่วครา เพราะการสรางบานพัก
ชั่วคราวตองใชเวลานานนับเดือน ควรมีการวางแผน ทําผังการกางเตนส และมีกําลังคนที่มาก
พอ คืนแรกผูประสบภัยเขามาพักอาจจะไมมาก แตคืนที่สองคืนที่สาม จะมีคนเขามาเพิ่มอีก
หลายเทาตัว นักจัดระบบชุมชนตองมีทีมในการจัดการ ควรมีทีมทําขอมูล และ มีการจัด
สํานักงานฯเพื่อเปนศูนยกลางในการประสานงาน
๓. เริ่มจัดระบบชุมชนในที่พักชั่วคราวทันที โดยแบงเปนกลุมยอย หรือโซน ตามกลุม
ผูเดือดรอน อาจใชแถวเตนเปนตัวแบง หรือตามสภาพ กลุมหนึ่งไมควรเกิน ๒๐ ครอบครัว แต
ละกลุมเลือกตัวแทน ๓-๕ คน มาเปนคณะประสานงาน
๔. จัดประชุมตัวแทนกลุม หรือ คณะประสานงาน เพื่อ สรางแกนนําใหม ทามกลาง
วิกฤต ในชวงแรกควรมีการประชุมหารือรวมกันทุกคืน รวมทั้งจัดประชุมชี้แจงแกผูเดือดรอน
กระตุนใหมาแกปญหารวมกัน ไมรอใหคนอื่นชวยเพราะผูเดือดรอนมีจํานวนมาก แตคนชวยมี
นอย ผูประสบภัยตองเริ่มเองกอน แลวบอกความตองการที่ชัดเจนตอผูที่จะมาชวยเหลือ
และใชที่ประชุมใหญตั้งกติกาการอยูรวมกันในที่พักชั่วคราว
๕ใการแกปญหาเฉพาะหนารวมกัน แตละคนจะเอาเรื่องที่เดือดรอนมาหารือกัน มีการ
วางกติกาการอยูรวมกัน...เชน ไมดื่มเหลา การดูแลความปลอดภัย การรับของบริจาค การ
จัดการขยะ การดูแลเด็ก ฯลฯ
๖ใการประชุมปรึกษาหารืออยางเขมขน.....และนําผลที่ไดไปปฎิบัติ มีการติดตามผล
รวมกันเปนการเรียนรูทามกลางการทํา ทําใหแกนนําเริ่มเขาใจการรวมคิดรวมทํา ในการ
จัดการศูนยพักชั่วคราวรวมกัน อยางคอยเปนคอยไป
5
๗ .รวบรวมขอมูลของสมาชิก เชน ชื่อ สกุล สมาชิกครอบครัว ผูพิการ คนทอง
เด็ก คนแก คนปวย คนตาย ที่อยูอาศัยดั้งเดิม ความตองการเรงดวน ระยะยาว ควรแบงงาน
ใหตัวแทนกลุมทําหนาที่ในการสํารวจ และมาสรุปรวมกัน จะเปนกระบวนการที่ทําใหตัวแทน
กลุมรูจักสมาชิกในกลุมของตนเองมายิ่งขึ้น ควรมีนักแผนที่ สถาปนิก สนับสนุน มีการ
ประสานสื่อมวลชน มีกลองถายรูป วีดีทัศน เก็บบรรยากาศตางๆไว
๘. ประสานงานกับหนวยงาน หรือ องคกรตางๆในการเขามาชวยเหลือ เชน จัดสราง
โรงเรือนอาคารที่จําเปน เพื่อ พยาบาล อาหารเสบียง ศูนยเด็ก หรือสวม น้ําดื่มน้ําใช การดูแล
ความปลอดภัย-จัดทําแผนระยะตางๆเสนอตอฝายเกี่ยวของ
การประสานความรวมมือหลายองคกรทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ทามกลางภาวะความ
ไรระเบียบ เพื่อใหการจัดระบบการชวยเหลือประสบภัยบรรลุเปาหมาย ใชการประชุมหารือ
รวมกันเปนหลัก กรณีที่พักชั่คราวอบต.บางมวง เตนสที่พักจํานวนกวา 800 หลัง เปนที่ดึงดูดให
ผูสนับสนุนทั้งหลายหลั่งไหลเขามาไมขาดสาย มีกลุมองคกรตางๆมากวา 50 แหงที่มารวม
สนับสนุน เปนพลังภาคประชาชนที่นาสนใจ
๙. การจัดระบบรับบริจาคเขากองกลาง เพื่อแกวิกฤตความวุนวาย สลายความขัดแยง
และเปนแบบฝกหัดของการสรางความเอื้ออาทรตอกัน ซึ่งกรณีประเทศไทยสงผลใหเกิดกองทุน
หมุนเวียนยั่งยืนจนถึงปจจุบัน
หลังจากที่มีการตั้งเตนสชั่วคราวนับพันหลัง การหลั่งไหลของผูบริจาคมีเขามาอยาง
มากมาย ผูบริจาคสวนใหญ ตองการแจกของใหถึงมือผูประสบภัย มีการเขาแถวรับของกัน
วันละนับสิบครั้ง บางรายนําของมานอยบางคนไดบางคนไมได เกิดความขัดแยงกันขึ้น
ประกอบกับที่พักเล็กมากจนไมมีที่เก็บของ......
ควรมีการประชุมหารือเรื่องการรับบริจาคของและเงินเขากองกลาง และมีการตั้ง
คณะทํางาน ฯ เพื่อทําหนาที่อธิบายใหผูบริจาคเขาใจ การติดปายประชาสัมพันธแจกเอกสาร
เปนภาษาอังกฤษ การเปดบัญชีธนาคารรวมกัน ของเขาโกดังตองมีการจัดระบบการเบิกจาย
ของใชที่จําเปนอยางเปนธรรม
๑๐. ทีมหลักในการจัดการบริหารศูนยพักชั่วคราวควรเปนนักพัฒนาที่มีประสบการณื
มีความยืดหยุนคลองตัว สวนราชการเปนหนวยสนับสนุน ทีมงานควร พักอาศัยในแคมป
เพื่อประเมินสถานการณเปนระยะ
๑๑ . สรางศูนยกลางขยายการชวยเหลือไปสูพื้นที่อื่นตอไป เมื่อจัดระบบแคมปแรกลง
ตัวแลว ที่สําคัญสนับสนุนใหทีมตัวแทนชาวบาน ไดเปนผูขยายการชวยเหลือเพื่อนผูเดือดรอน
ดวยตัวเอง เพื่อสนับสนุนใหเกิดการผูกใจ สรางความสัมพันธที่ดี และเปนเพื่อนกันระยะยาว
แคมปแรกเกิดระบบการดูแลระดับหนึ่ง กอนขยายไปสูที่อื่น เชน มีเสบียงอาหาร หมอ
ตัวแทนกลุมการประชุม ขอมูล ระบบองคกรหนวยงาน การดูแลผูออนแอ สถานที่ศาสนพิธี
๑๒. สรางกิจกรรมหลากหลายตามความจําเปน และเปนการเตรียมความพรอม
ชาวบาน เชน ศูนยเด็กและเยาวชน กลุมอาชีพ (อาจหวังผลทางเศรษฐกิจหรือทางจิตใจ)
6
ฟนฟูวัฒนธรรม อาสาสมัครชุมชน การจัดการกองทุน การออมทรัพยหรือธนาคารชุมชน
สํารวจศักยภาพ ( หมอยา กอสราง ตอเรือ งานฝมือตางๆ) การออกแบบ วางผัง นาไร ที่อยู
อาศัย การสนับสนุนใหมีการเรียนรูทามกลางการทํา ทําใหเกิดคณะทํางานศูนยประสานงาน
บานน้ําเค็มและเกิดกองทุนของชุมชนจนถึงวันนี้
การฟนฟูจิตใจแกผูประสบภัยหลายวิธี การรวมคน การสรางที่พักชั่วคราว การประชุม
พูดคุย การแบงงานกันไปทํา เปนสวนหนึ่งของการฟนฟูและหลอหลอมจิตใจ นอกจากนี้ยังมี
หมอจากหลายองคกร มีผูนําศาสนาเกือบทุกศาสนาที่เขามารวม
๑๓. นักพัฒนาสังเกตและศึกษาแกนนําแตละคนอยางละเอียด ทํางานทางความคิด
กุมสภาพใหได อาจใชวิธีคุยบุคคล แตใหใชการประชุมทีมเปนหลัก ทุกครั้งมีการบันทึก
รายงานตอวงใหญ.
..... ความคิด ทาทีการใหมีสวนรวม
...... ความมีคุณธรรม ทุกดาน
...... การประสานงานกับคนอื่น ระดมความรวมมือได
...... ขยัน ทั้งการคิด และการทํา
...... มีแนวคิดทํางานเปนทีม
๑๔. กรณีเกิดปญหาที่ดิน ภัยพิบัติทุกแหงในประเทศไทย เกิดปญหาการไลที่
จากทั้งภาครัฐและเอกชน เนื่องจากเปนปญหาที่มีมาเดิม เพื่อไมใหเปนการซ้ําเติม
ผูประสบภัย ควรสนับสนุนใหสรางบานในที่ดินเดิม ปญหาเรื่องเอกสารสิทธิที่ดินพิจารณาที
หลัง อาจมีการใชคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน ตั้งอนุกรรมการแกไขปญหาที่ดินหลังภัยพิบัติ
หรือฟองศาล แลวแตกรณี ควรมีนักกฎหมายเขามาชวยเหลือ และ สนับสนุนการจัดทําขอมูล
ประวัติศาสตรชุมชน ทําแผนที่ ใชภาพถายทางอากาศยืนยัน
๑๕. การสรางบานและวางผังชุมชน แบบมีสวนรวม ควรหารือกับชาวบานหาก
ชุมชนใดตองการกลับไปสูที่เดิมได ควรสนับสนุนงบประมาณในการสรางบานใหมอยางรวดเร็ว
โดย มีสถาปนิกมาชวยออกแบบผังชุมชนและแบบบาน โดยใชกระบวนการมีสวนรวมของ
ชาวบาน ใหเปนแบบบานที่มาจากความตองการของชาวบาน .......สอดคลองกับวัฒธรรมวิถี
ชีวิตชุมชนและทองถิ่น ในชวงสรางบาน ใหใชการสราวบานเปนเงื่อนไขในการสรางคน สราง
ความภูมิใจของชุมชน โดยทุกคนทั้งผูชาย ผูหญิง เด็ก มารวมกันสรางบาน ใหมีการแบงงาน
กันทํา เชน มีฝายกอสราง ฝายการเงิน ฝายอาหารและน้ํา ฝายประสานงานกับอาสาสมัคร
เปนตน
ซึ่งกรณีเมืองไทย มี ๒ ลักษณะ คือ (๑). ชุมชนที่ผูสนับสนุนมีเงื่อนไขใหผูอยูอาศัย
สรางบานกันเอง ( มีการระดมอาสาสมัครทั้งในและตางประเทศมารวมกันสราง ) เปน
กระบวนการสรางการมีสวนรวมของชุมชน ทําใหคนในชุมชนรักและหวงแหนชุมชน เกิดการ
เรียนรูนิสัยใจคอ ความเอื้ออาทร ความสามรถที่แทจริงระหวางกันชัดเจน เปนประโยชนกับ
7
การจัดตั้งคณะกรรมการในการบริหารจัดการเรื่องตางๆของชุมชนในระยะตอไป (๒) .ชุมชนที่
หนวยงานราชการ (ทหาร ) สรางบานใหแลวเสร็จ ผูอยูอาศัยเขาไปอยูอยางเดียว ขาดการมี
สวนรวม ชุมชนเหลานี้ มีปญหาในการจัดการทุกดาน เพราะรอใหราชการมาจัดการให อีกทั้ง
แบบบานที่สรางไมเหมาะสมกับการใชงานในวิถีประจําวัน เชน ไมมีพื้นที่วางเครืองมือประมง
เปนตน และในกรณีเมืองไทย บานน็อคดาวนสําเร็จรูปจากตางประเทศไมสอดคลองกับสภาพ
อากาศทําใหรอนอบอาว
๑๖. การชวยเหลือคนชายขอบ เชน ชาวเล คนไรสัญชาติ หรือแรงงานตางดาว
เมื่อเกืดภัยพิบัติคนเหลานี้จะไมไดรับการชวยเหลือ เพราะไมมีบัตรประชาชน ไมมีสิทธิใด จึง
ควรมีการสนใจเปนพิเศษ คนเหลานี้จะมีปญหาความไมมั่นคงในการอยุอาศัยตามมา
๑๗. การฟนฟูวัฒนธรรม ประเพณี พิธีกรรม ศาสนา การละเลนพื้นบาน ภูมิ
ปญญา ภาษาของชาวบาน รวมทั้งการสนับสนุนใหเกิดลานวัฒธรรม พิพิธภัณฑทองถิ่น
สิ่งเหลานี้ เปนกระบวนการรวมคน สรางขวัญกําลังใจ บําบัดความโศกเศราเสียใจ สรางความ
มั่นใจและเพิ่มพลังชีวิต โดยเฉพาะกลุมคนชายขอบ หรือคนกลุมนอย มีโอกาสแสดงออกใน
ลักษณะตางๆ กรณีประเทศไทยสามารถฟนฟูกลุมศิลปนอันดามันที่มีการแสดง เชน ร็องแง็ง
ลิเกปา มโนราห รํามะนา ฯลฯ ไดถึง ๓๐ กลุม
๑๘. การเรงสรางชุมชนใหมที่เขมแข็งในที่ดินเดิม การยายออกจากที่พักชั่วคราว
กลับสูชุมชนเดิม ควรมีการวางแผนรวมระหวางผูประสบภัย และมีสิ่งอํานวยความสะดวก
พื้นฐาน เชน น้ํา ไฟ ที่ทําการชุมชน คณะกรรมการชุมชนที่ผานการหารือกัน ศูนยดูแล
เด็ก คนปวย กองทุนการประกอบอาชีพ หรือพื้นที่สาธารณะอื่นๆ คารมีกิจกรรมตอเนื่องใน
ชุมชน รวมทั้ง การทําบุญ ทําพิธีกรรม เพื่อสรางขวัญกําลังใจกอนการเขาบานใหมเปนเรื่อง
สําคัญ อีกประการหนึ่ง
๑๙. การเกิดเครือขายผูประสบภันสึนามิ ในกรณีประเทศไทยมีการประกาศตั้ง
เครือขายผูประสบภัยสึนามิ ตั้งแต ๓ เดือนแรกของการประสบภัย โดยสนับสนุนใหแกนนํา
ของผูประสบภัยแตละพื้นที่ ไดพบปะแลกเปลี่ยนกัน ซึ่งในเบื้องตนมีสมาชิกประมาณ ๓๐
ชุมชน และจะมีผูประสบภัยที่เพิ่มขึ้นเปน ๑๓๐ ชุมชนในระยะตอมา ใหใชปญหารวมเปน
เงื่อนไขในการเชื่อมโยงกันเปนเครือขาย ฯ กรณีเมืองไทยมีปญหาที่ดิน ปญหาไมมีบัตรไมมี
สิทธิไดรีบการชวยเหลือ เครือขาย ฯ จึงทําหนาที่ในการรวบรวมปญหาเสนอตอรัฐบาล โดย
การเผยแพรทางสื่อสาธารณะ การเสนอผานหนวยงานราชการที่เกี่ยวของ และการเจรจากับ
รัฐบาลเปนระยะ สงผลใหรัฐบาลตั้งคณะอนุกรรมการแกไขปญหาที่ดินในพื้นที่ธรณีพิบัติ
อยางเรงดวน
๒๐. การสนับสนุนใหชุมชนทําแผนแมบทในการแกปญหาและพัฒนาชุมชนระยะยาว
การยายกลับเขาสูชุมชนเดิม เรื่องอาชีพ รายได การอยูการกิน การเรียนหนังสือของเด็ก เปน
เรื่องสําคัญที่จะตองสนับสนุน และการสนับสนุนควรเนนความยั่งยืน ใหผูประสบภัยสามารถ
8
พึ่งตนเองไดในระยะยาว ควรมีการจัดทําแผนรวมกันทั้งในระดับชุมชนวาจะทําอะไรกอนหลัง
และแผนการพัฒนาความเขมแข็งของเครือขาย กรณี บานน้ําเค็ม จังหวัดพังงา นอกจากมี
แผนการพัฒนาชุมชนแลว มีการทําแผนเตรียมความพรอมรับมือกรณีเกิดภัยพิบัติ โดยมีทีม
อาสาสมัครชาวบาน มีการซอมหนีภัย วิทยุสื่อสาร การเฝาระวังคลื่น กรณีจังหวัดภูเก็ต
เครือขายชุมชนพัฒนาเมืองภูเก็ต รวมลงนามความรวมมือกับองคกรที่เกี่ยวของ ในการปลูก
ปาชายเลน ๑ ลานตน การพัฒนาแกนนํา และการสนับสนุนใหเกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรูดูงาน
การประชุมสรุปบทเรียน ใหผูประสบภัยรวมกันระดมความเห็นและตรวจสอบจุดออน จุดแข็ง
ของตนเอง เปนระยะ และนักพัฒนาควรใชทั้งความสําเร็จและความลมเหลว เปนบทเรียนใน
การทําใหแกนนําชุมชนไดเขาใจ และวิเคราะหได
ขั้นตอนการสนับสนุนใหกลุมผูประสบภัยเชื่อมโยงกันเปนเครือขาย
กระบวนการ “สึนามิ”
การแกปญหาเฉพาะหนาที่พัก / อาหาร ฯลฯ
สนับสนุนการรวมกลุม / การมีสวนรวม / คณะทํางานรับบริจาคของ / คณะทํางานบานพัก
สรางบานถาวร / ออกแบบบาน/ ชุมชนสรางบานเอง
การฟนฟูวิถีชีวิต / วัฒนธรรม / ประเพณี / ศิลปน
กองทุนฟนฟูชุมชน / เรือ / กลุมอาชีพ
การพัฒนาแกนนํา / ขยายคณะทํางาน
การแกไขปญหาที่ดิน/ สํารวจขอมูล / เชื่อมโยงในระดับ
พื้นที่และเครือขาย
การเชื่อมประสานระหวาเครือขาย“เครือขาย
ผูประสบภัย6จังหวัด”
การเสนอผลการฟนฟูโดยชุมชน
ครบรอบ1 ป
การเสนอแกปญหา
เชิงนโยบาย
อนุกรรมการแกไข
ปญหาที่ดินสึนามิ
ปญหาที่ดิน / กรณีพิพาทเอกชน /ที่ดินรัฐ
การคืนสัญชาติ
รัฐบาล
ผลกระทบเชิงนโยบาย
อพท. / โฉนดน้ํา
การพัฒนา ฯลฯ
๑๔. การบริจาคเปนดาบ ๒ คม ขอควรระวัง คือ การบริจาคทําใหผูประสบภัยหวัง
พึ่งพิงคนอื่นมากขึ้นจนแกไขยาก กรณีเมืองไทย คือ( ๑.) ผูบริจาคที่ใจบุญไมเขาใจการสราง
เงื่อนไขใหเกิดความเขมแข็งในชุมชน บริจาคโดยไมเขาใจ ไมรูจักสภาพของชุมชน ทําใหผูนํา
บางคนยักยอกเงินขาดความเชื่อถือจากสมาชิกเปนการใหที่ทําลายโดยไมเจตนา ( ๒.) ผู
บริจาคที่สรางเงื่อนไขในการพัฒนาเพื่อความยั่งยืนของชุมชน ซึ่งตองมีกลไกในการบริหาร
9
จัดการกองทุนรวมกัน มีการตรวจสอบ มีการแบงงานกันทํา เปนตน แตควรมีการติดตามจาก
ผูสนับสนุนอยางตอเนื่อง เพราะยังมีปญหาเกิดขึ้นอีกหลายประการ
๒๓. สนับสนุนใหสรุปปญหาและ ผลการทํางานฟนฟูชุมชนของเครือขายชุมชน
ผูประสบภัย เพื่อเสนอตอสาธารณะ เปนการสรางความภาคภูมิใจ ความมั่นใจในการ
รวมกันคิก รวมกันทํา และรวมกันผลักดันการแกปญหาอื่นๆในระยะยาว
กรณีประเทศไทย ผลการทํางานของเครือขาย มีดังนี้
• สรางบานผูประสบภัย ๑,๐๓๐ หลังใน ๑๙ ชุมชน
• สรางและซอมเรือประมง ๑,๗๐๐ ลํา
• จัดตั้งกลุมอาชีพ ๔๙ กลุม มีสมาชิก ๑,๕๐๐ คน
• จัดตั้งกองทุนเรือ กองทุนอาชีพ และกลุมออมทรัพย ๗๒ กลุม
• จัดตั้ง กลุมเยาวชน กลุมอนุรักษปาชายเลน ๑๒ กลุม
• แกปญหาที่ดินได ๑๓ กรณี จํานวน ๑,๑๕๖ ครัวเรือน
ขอเสนอใหรัฐแกไขปญหาเพื่อที่ชุมชนผูประสบภัยจะทํางานฟนฟูชุมชนอยางยั่งยืน
๑.) ออกระเบียบรับรองชุมชนผูประสบภัยในที่ดินรัฐ เปน “สิทธิรวมของชุมชน ”
๒.) เพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่เอกชนออกโดยมิชอบ และทับซอนชุมชน
๓.) จัดหาไฟฟาและน้ําประปาใหชุมชนผูประสบภัย
๔.) แกไข ระเบียบ ขอบังที่เปนอุปสรรคในสรางบาน
๔.) เรงสํารวจแกปญหาคนไรสัญชาติ
๕.) จัดสรรงบประมาณเปนกองทุนหมุนเวียนใหชุมชนผูประสบภัย
๖.) ใหเด็กที่ประสบภัยทุกคน มีสิทธิพิเศษในการเรียนและรักษาสุขภาพ
๗.)บรรจุหลักสูตรสึนามิและภูมิปญญาทองถิ่นเกี่ยวกับการเตือนภัยในโรงเรียนริมทะเล
๘.)ใหชุมชนจัดระบบเตือนภัยของตนเองเสริมระบบเตือนภัย เชน วิทยุชุมชน วิทยุสื่อสาร
๙.) ชุมชนผูประสบภัยมีสวนรวมทุกขั้นตอนในการจัดผังที่ดินใหม
๑๐). ยกเลิกโครงการพัฒนาขนาดใหญที่กระทบตอวิถีชีวิตชุมชน
10
บทสรุป
กรณีประเทศไทย การเกิดภัยพิบัติ ทําใหสังคมไดรับรุวา ยังมีชุมชนตาง ๆ ที่ไมไดรับ
การปกปองคุมครอง และการไมไดรับสวัสดิการพื้นฐาน เชน บัตรประจําตัวประชาชน
การศึกษา ยารักษาโรค เครื่องนุงหม ที่อยูอาศัย มีคุณภาพชีวิตต่ํากวาเกณฑปกติของคน
ชายขอบ เชน ชาวเลและคนไทยพลัดถิ่น มีความไมมั่นคงในที่ดินและที่อยูอาศัย แมจะมี
ประวัติศาสตรชุมชนมายาวนานกวา 100 ปก็ตาม
มีนโยบายและแผนพัฒนาของรัฐที่มีผลกระทบ ตอวิถีชีวิตชาวเล ชาวประมง และวิธีการ
ทํามาหากินโดยรวมและเกิดความขัดแยงในการแยงชิงทรัพยากร ชาวเลไมมีโอกาสอยูริมหาดที่
เคยอยูจอดเรือ ไมมีอิสระในการหาปลาเพราะทะเลมีเจาของ ทําอาชีพบริการไมได เพราะมี
แผนการสัมปทาน
ทาเรือนําลึกของตางชาติ หรือกิจการการลงทุน ตาง ๆ ไมยอมรับกติกาการอนุรักษ
ทรัพยากรของชุมชนตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ เปนตน
สึนามิเปนภัยพิบัติจากธรรมชาติ แตเปดใหเห็นถึงสิ่งที่มนุษยกระทําตอมนุษย จะเห็น
ไดวาในที่สุดแลวกลับกลายเปนปญหาความไมเปนธรรมในการพัฒนา ทีไปละเมิดสิทธิของ
ชุมชน ที่อยู กอนสึนามิมานับรอยป คุณภาพชีวิตของคนชายฝงอันดามันจึงทุกขยาก ตกต่ําลง
ทุกวันในขณะที่ทรัพยากรที่อุดมสมบูรณกลับตกอยูในมือของนักธุรกิจทั้งไทยและตางประเทศ
ที่ดินชายหาด ทั้งบนฝงและพื้นที่เกาะ แมกระทั่งปาชายเลน ก็ตกไปเปนทรัพยากรสวนบุคคล
แทบทั้งหมด ซึ่งในการแกไขปญหานี้ ตองเปนการแกไขในระดับนโยบายที่เปดโอกาสให
ชุมชน ประชาชนคนเล็กๆ ทุกชาติพันธุ มีสวนรวมเปนตัวหลักในการพัฒนาทองถิ่นและ
ประเทศ
กรณีสึนามิประเทศไทย ไดพิสุจนใหเห็นแลววา กระบวนการพัฒนาสามารถเปลี่ยน
วิกฤตเปนโอกาสได สามารถทําใหคนที่ตางคนตางอยู รวมกันเปนเครือขายชวยเหลือกัน
สามารถทําใหเกิดเครือขายชุมชนที่เขมแข็ง มีคุณภาพ เขารวมการพัฒนาเรื่องอื่นๆ ของสังคม
ไดอยางยั่งยืน
ดังนั้น การเปลี่ยนภัยพิบัติเปนกระบวนการพัฒนาควรเปนยุทธศาสตรสําคัญ ที่
หนวยงานที่เกี่ยวของในระดับนานาชาติ ทั้ง ยูเอ็น อาเซี่ยน ธนาคารโลก กาชาดสากล ฯลฯ
ใหการสนับสนุนฟนฟูวิถีชีวิตชุมชนผูประสบภัยพิบัติทุกประเภท ที่กําลังเกิดขึ้นและที่จะ
เกิดขึ้นอีกในอนาคต
11
การศึกษาแนวทางการพัฒนาการจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติโดยชุมชนเปนฐาน
จากภาคประชาสังคม : กรณีศึกษาชุมชนบานน้ําเค็ม ต.บางมวง อ.ตะกั่วปา จ.พังงา
12
1
นักศึกษาโปรแกรมทักษะการจัดการทรัพยากรฐานชุมชน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกลาธนบุรี
2
สายสังคมศาสตรและมนุยศาสตร คณะศิลปศาสตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกลาธนบุรี
3
สถาบันการบริหารและจิตวิทยา
การศึกษาแนวทางการพัฒนาการจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติโดยชุมชนเปนฐาน
จากภาคประชาสังคม : กรณีศึกษาชุมชนบานน้ําเค็ม ต.บางมวง อ.ตะกั่วปา จ.พังงา
ศิรินันต สุวรรณโมลี1
สุรพงษ ชูเดช2
และ มิชิตา จําปาเทศ รอดสุทธิ3
บทคัดยอ
บทความนี้เปนนําเสนอผลการศึกษาเชิงคุณภาพเกี่ยวกับการศึกษาปญหา อุปสรรค
และแนวทางการพัฒนาการจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติโดยมีชุมชนเปนฐานจากภาคประชา
สังคม จากบทเรียนของชุมชนบานน้ําเค็ม ตามแนวความคิดการดํารงชีวิตอยางยั่งยืน
(sustainable livelihoods) โดยใชเทคนิคเดลฟาย (Delphi) ในการรวบรวมขอคิดเห็นจาก
ผูปฏิบัติงานภาคประชาสังคม ไดแก ชุมชน องคกรพัฒนาเอกชนและภาครัฐที่รวมดําเนินงานกัน
จํานวน 10 คน ผลการศึกษาพบวา 1) ในการดําเนินงาน พบปญหาดานการมีสวนรวม ดาน
งบประมาณ ดานความรูความเขาใจในสิทธิหนาที่ในการดําเนินงานและดานการประสานงาน
ระหวางองคกร 2) แนวทางในการพัฒนาการดําเนินงานคือ ภาคชุมชนควรมีการรวมกลุมและ
การจัดการองคกรชุมชน (Organization Building) ซึ่งเปนหัวใจของกระบวนการจัดการความ
เสี่ยงจากภัยพิบัติโดยมีชุมชนเปนฐาน ตั้งแตชวงตนของการฟนฟูชุมชน สวนภาครัฐและองคกร
พัฒนาเอกชน ควรประสานการดําเนินงานรวมกัน โดยดานการมีสวนรวมนั้น องคกรพัฒนา
เอกชนสามารถชวยทํางานเชิงลึกวางรากฐานการจัดการตนเองใหกับชุมชนได ดานงบประมาณ
และอุปกรณ ในชวงตนนั้นองคกรพัฒนาเอกชนสามารถจัดหามาใหกับชุมชนไดคลองตัวกวา
ภาครัฐ สวนภาครัฐสนับสนุนการสานตอการดําเนินงานใหกับในระยะยาวควบคูไปกับใหความรู
และสรางความเขาใจในสิทธิหนาที่ในการดําเนินงานที่ถูกตองแกชุมชน
คําสําคัญ : ภัยพิบัติ, การจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติโดยมีชุมชนเปนฐาน, การดํารงชีวิต
อยางยั่งยืน
บทนํา
เหตุการณสึนามิซัดชายฝงอันดามัน ในวันที่ 26 ธันวาคม 2547 ไดสรางจุดเปลี่ยนใหประเทศ
ไทยไดตระหนักถึงวิกฤตที่เกิดขึ้นจากความเสียหายจากภัยพิบัติ และไดทําใหคนไทยไดรวมตัว
รวมใจเปนหนึ่งเดียวกัน จนเกิดความเปนประชาสังคม (Civil Society) จากผูที่มีจิตอาสาทั้ง
ประชาชนทั่วไป ภาครัฐ และภาคเอกชนที่อยูนอกพื้นที่ประสบภัยโยงความชวยเหลือกันอยางไร
พรมแดน โดยมีทุนทางสังคมของความไววางใจมาชวยลดชองวางระหวางบุคคลหรือองคกร ทํา
ใหทุกภาคสวนรวมกันทํางานไดในฉับพลัน ดังกรณีของชุมชนบานน้ําเค็ม ต.บางมวง อ.ตะกั่ว
ปา จ.พังงา ที่ไดรับความชวยเหลือจากภาคประชาสังคม ตั้งแตการบริจาคตามความตองการขั้น
พื้นฐานไปจนถึงการสรางวิธีคิดที่ชี้ใหชุมชนเห็นความสําคัญในจัดการตนเอง
13
(Self-organization) เริ่มจากแกปญหาและเรียนรูจากปญหาควบคูกันไป โดยไมรอคอยแตความ
ชวยเหลือจากภายนอกชุมชน(สุริชัย, 2550) กระทั่งหาแนวทางในการสรางความมั่นคงใหกับ
การใชชีวิตในชุมชนโดยเลือกใชเทคนิคการจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติโดยมีชุมชนเปนฐาน
(Community-based Disaster Risk Management: CBDRM) มากําหนดมาตรการลดความ
เสี่ยงในการวางแผนการ บริหารทรัพยากร ปองกันและแกไขปญหาทุกขั้นตอน โดยอาศัยความ
เขาใจดานสภาพแวดลอมและบริบทของคนในชุมชนเปนหลัก (นิลุบล, 2006)
เมื่อพิจารณาปรากฏการณในขางตนแลวจะเห็นวา ความเปนประชาสังคมจากผูสนับสนุน
ภายนอกและการจัดการตนเองจากภายในชุมชนเปนปจจัยที่โยงใหการฟนฟูและเตรียมพรอม
รับมือกับภัยพิบัติเกิดขึ้นไดอยางครบวงจร
การศึกษาในครั้งนี้จึงสนใจกระบวนการจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติของชุมชนบาน
น้ําเค็ม ตําบลบางมวง อําเภอตะกั่วปา จังหวัดพังงา ซึ่งมีบทเรียนที่สามารถนําไปขยายผล สู
แนวทางการพัฒนาการจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติโดยมีชุมชนเปนฐานจากภาคประชาสังคม
โดยลดชองวางและเชื่อมโยงการดําเนินงานจากทั้ง 3 ภาคสวนไดแก ภาคชุมชน องคกรพัฒนา
เอกชน และภาครัฐได
วัตถุประสงค
1.เพื่อศึกษาปญหา อุปสรรค พรอมทั้งแนวทางการแกไขในการจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติ
โดยมีชุมชนเปนฐานของชุมชนบานน้ําเค็มจากภาคประชาสังคม
2.เพื่อศึกษาแนวทางการพัฒนาการจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติโดยมีชุมชนเปนฐานจาก
บทเรียนความรวมมือกันในภาคประชาสังคมของชุมชนบานน้ําเค็ม
วิธีดําเนินการวิจัย
ในการวิจัยครั้งนี้ผูวิจัยนําเอาเทคนิคเดลฟาย (Delphi) มาใชในการรวบรวมขอคิดเห็นเกี่ยวกับ
แนวทางการพัฒนาและสนับสนุนการจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติโดยมีชุมชนเปนฐาน โดย
เลือกผูเชี่ยวชาญแบบเจาะจง (Purposive Sampling) และใชวิธีบอกตอ (Snowball Sampling)
จากผูปฏิบัติงาน ผูเชี่ยวชาญจากชุมชน องคกรพัฒนาเอกชนและภาครัฐ จํานวน10 คน
ผลการวิจัย
1. การศึกษาบทบาทของแตละภาคสวนในกระบวนการจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติ
โดยมีชุมชนเปนฐาน
โดยทั่วไปกระบวนการ CBDRM จะประกอบดวยขั้นตอนการดําเนินงานทั้งหมด 7 ขั้นตอน
(นิลุบล, 2006) ดังภาพที่ 1 ซึ่งหากแบงชวงเวลาในการดําเนินงานตามแนวคิดการจัดการตนเอง
(Seixas และคณะ, 2008) แลวจะพบวาการดําเนินงานมีอยู 2 ชวงใหญๆ คือ ชวงเริ่มตนการ
จัดการ ไดแก กระบวนการ CBDRM ขั้นที่ 1-5 และชวงสานตอการจัดการ ไดแก
กระบวนการ CBDRM ขั้นที่ 6-7
14
ขั้นตอนที่
7 • การติดตามการทํางาน การรายงานผลและการปรับปรุงแกไข
6 • การเสริมสรางขีดความสามารถใหแกชุมชน
5 • การประเมินความเสี่ยงจากภัยพิบัติโดยการมีสวนรวมของชุมชน
4 • การจัดทําแผนการจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติโดยการมีสวนรวมของชุมชน
3 • การจัดองคกรชุมชนในการจัดการภัยพิบัติ
2 • การทํามวลชนสัมพันธ และการสรางความเขาใจกับชุมชน
1 • การเลือกชุมชนและพื้นที่ดําเนินงาน
ภาพที่ 1 ขั้นตอนของการจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติโดยมีชุมชนเปนฐาน
1.1 ชวงเริ่มตนการจัดการ
กอนที่ศูนยเตรียมความพรอมปองกันภัยพิบัติแหงเอเชีย (ADPC) จะจัดการอบรม CBDRM
ในป พ.ศ.2547 ชาวบานไดรับการสนับสนุนขององคกรพัฒนาเอกชนในการจัดระบบการ
รวมกลุมและสรางการเรียนรูผานการลงมือปฏิบัติตั้งแตพักอยูที่ศูนยพักชั่วคราวบางมวง ในการ
แกปญหาความเปนอยูจากผลกระทบของสึนามิ เชน การฟนฟูและจัดตั้งกลุมอาชีพ การ
แกปญหากรรมสิทธิ์ที่ดิน การฟนฟูวัฒนธรรมซึ่งเปนกระบวนการรวมคน บําบัดความโศกเศรา
เสียใจ สรางความมั่นใจและเพิ่มพลังชีวิต การสนับสนุนใหชุมชนทําแผนแมบทในการแกปญหา
และพัฒนาชุมชนระยะยาวเพื่อการพึ่งพาตนเอง การสานเครือขายผูประสบภัยสําหรับ
แลกเปลี่ยน รับฟงปญหาระหวางผูประสบภัยและยื่นขอเสนอในการจัดการปญหาตอภาครัฐ ซึ่ง
เปนกิจกรรมที่วางรากฐานในการจัดการตนเองใหกับชาวบาน
จนเมื่อชาวบานยายจากศูนยพักชั่วคราวบางมวง กลับมายังชุมชนบานน้ําเค็มซึ่งเปนที่พัก
อาศัยเดิม การสรางทีมที่จะเตรียมพรอมตอความเสี่ยงจากคลื่นสึนามิซึ่งเคยสรางความสูญเสีย
ใหกับชุมชนก็เริ่มขึ้นโดยมีชาวบานเปนตัวหลักในการตั้งคณะกรรมการ จัดการคนในชุมชนให
ทําหนาที่ตางๆ โดยมีศูนยในการบริหารการจัดการ คือ ศูนยประสานงานชุมชนบานน้ําเค็มซึ่ง
ทําหนาที่ประสานกับองคกรที่เขามาชวยทั้งภาครัฐ องคกรพัฒนาเอกชน อาสาสมัครและคน
ทั่วไป และศูนยอาสาสมัครปองกันภัยฝายพลเรือน (อปพร.) บานน้ําเค็ม เปนแกนหลักในการ
เฝาระวังและเตรียมพรอมตอภัยจากคลื่นสึนามิ โดยมีองคกรบริหารสวนตําบลบางมวงสนับสนุน
งบประมาณในการอบรมและจัดซื้ออุปกรณที่จําเปนตอการกูภัย การซอมอพยพ สวนองคกร
พัฒนาเอกชนเปนพี่เลี้ยงที่ใหคําปรึกษาในการทําแผนจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติซึ่งตองใช
เวลาถึง 1 ปเต็ม
15
1.2 ชวงสานตอการจัดการ
หลังจากที่เกิดแผนเตรียมความพรอมรับมือกับภัยพิบัติจนชุมชนตั้งทีมและสามารถดําเนินงาน
จนเปนระบบของตนเองแลว องคกรพัฒนาเอกชนที่อยูในพื้นที่ก็คอยๆ ลดบทบาทของตนเองลง
จากพี่เลี้ยงที่อยูใกลชิด มาเปนผูชวยที่คอยสังเกตการณ ใหคําปรึกษาเมื่อชุมชนตองการความ
ชวยเหลือและใหการสนับสนุนการพัฒนาความสามารถตอยอดที่จําเปนตอการพัฒนาตนเองของ
ชุมชน สวนภาครัฐหลังจากสนับสนุนกระบวนการ CBDRM และทีมอปพร.ของบานน้ําเค็มแลว
ยังมีการพัฒนาความสามารถของอาสาสมัครตอเนื่องดวยการฝกอบรมทักษะในการกูชีพกูภัยใน
โครงการ หนึ่งตําบล หนึ่งทีมกูภัย (OTOS) และนําชุมชนเขารวมโครงการชุมชนเขมแข็ง
เตรียมพรอมปองกันภัยเปนชุมชนนํารองในป พ.ศ.2551 ซึ่งใชถึงเวลา 1 ปเต็มในการพัฒนา
ระบบขอมูลและการจัดการความรูดานภัยพิบัติของชุมชน พัฒนาแผนการจัดการความเสี่ยงภัย
ตอยอดจาก CBDRM เดิมที่ไดรับการอบรมไวแลวใหเขมแข็งใหครอบคลุมภัยอื่นๆ ตลอดจน
สามารถพึ่งพาตนเองในการบริหารจัดการภัยพิบัติ โดยกรมปองกันและบรรเทาสาธารณภัย ใน
กระทรวงมหาดไทยเปนผูรับรองใหบานน้ําเค็มไดเปนชุมชนนํารองในโครงการชุมชนเขมแข็ง
เตรียมพรอมปองกันภัย
2. การศึกษาแนวทางการพัฒนาการจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติโดยมีชุมชนเปนฐาน
ในศึกษาครั้งนี้ใชแนวคิดการดํารงชีวิตอยางยั่งยืน (DFID, 2000) ศึกษาความสัมพันธของ
องคประกอบที่มีผลตอวิธีการดํารงชีวิต 5 ประการ นํามาอธิบายแนวทางในการพัฒนาการ
จัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติแกชุมชนโดยใชความคิดเห็นจากผูเชี่ยวชาญดานปญหาและแนว
ทางแกไขที่พบในการดําเนินงานตามกรอบการดําเนินงานการดํารงชีวิตอยางยั่งยืน
ตนทุนในการดํารงชีวิต
วิธีการ
ดําเนิน
ชีวิต
H = ทุนมนุษย (humancapital)
N = ทุนธรรมชาติ (natural capital)
F = ทุนทางการเงิน (financialcapital)
P = ทุนกายภาพ (physicalcapital)
S = ทุนทางสังคม (socialcapital)
H
S N
P F
ความเสี่ยงและ
ความเปราะบาง
-ความเสียหาย
-แนวโนม
-ฤดูกาล
องคกรและกระบวนการ
ที่กอใหเกิดการเปลี่ยนแปลง
โครงสราง
-ภาครัฐ
-ภาคเอกชน
กระบวนการ
-กฎหมาย-นโยบาย
-วัฒนธรรม - สถาบัน
ผลที่ชุมชนไดรับ
-รายไดที่เพิ่มขึ้น
-ความเปนอยูที่ดีขึ้น
-ความเปราะบางลดลง
-มีความยั่งยืนในการ
ใชทรัพยากรธรรมชาติ
มากขึ้น
ภาพที่2 กรอบการดําเนินงานในการดํารงชีวิตอยางยั่งยืน (Sustainable livelihoods framework)
องคประกอบในการดํารงชีวิตอยางยั่งยืนทั้ง 5 ประการ ดังภาพที่ 2 นั้น มีความสัมพันธกัน คือ
16
- บริบทของความเสี่ยงและความเปราะบาง (vulnerability context) ใชอธิบายความเสี่ยง
ของชุมชนที่อาจเกิดความเสียหายอยางฉับพลัน เชน ภัยธรรมชาติ การขาดเงินใชจาย
ปญหาความขัดแยง การเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล เชน การทําอาชีพในชวงฤดูตางๆ
แนวโนมของปจจัยตางๆ ที่มีผลกระทบตอวิถีการดํารงชีพ เชน แนวโนมประชากร
ทรัพยากร เศรษฐกิจ รัฐบาล นโยบาย และเทคโนโลยี เปนตน
- ตนทุนในการดํารงชีวิต (livelihood assets) ใชอธิบายถึงตนทุนชุมชนนํามาใชในการ
ดําเนินงาน ไดแก
H = ทุนมนุษย (human capital) เชน ความรู ขีดความสามารถในการทํางาน ภาวะผูนํา สุขภาพ
N = ทุนธรรมชาติ (natural capital) เชน พื้นที่ทํากิน การชลประทาน ทรัพยากรชายฝง
F = ทุนทางการเงิน (financial capital) เชน เงินเดือน กองทุนในชุมชน เครื่องมือทํากิน บาน
P = ทุนกายภาพ (physical capital) เชน ถนน ไฟฟา ประปา และสาธารณูปโภคตางๆ
S = ทุนทางสังคม (social capital) เชน การรวมกลุม ภาคีเครือขาย ประชาสังคมที่สนับสนุน
- องคกรและกระบวนการที่กอใหเกิดการเปลี่ยนแปลง (transforming structures &
processes) ใชอธิบายปจจัยสนับสนุนจากอิทธิพลของทรัพยากร ที่ในขณะเดียวกันก็ทําให
เกิดการเปลี่ยนแปลงของภาครัฐและชุมชน ที่นําไปสูการปรับปรุงการดําเนินงานเพื่อสราง
ความมั่นคงในการดําเนินชีวิต ซึ่งการวิจัยในครั้งนี้มีกระบวนการจัดการความเสี่ยงจากภัย
พิบัติโดยมีชุมชนเปนฐานเปนกระบวนการที่สรางการเปลี่ยนแปลง
- ยุทธวิธีในการดําเนินชีวิต (livelihood strategies)ใชอธิบายแนวทางในการปรับปรุงวิธี
ดําเนินชีวิตใหมีความมั่นคงมากขึ้น
- ผลที่ชุมชนไดรับ (livelihood outcomes) เปนผลไดที่เกิดจากการเลือกวิถีการดําเนินชีวิต
ซึ่งการศึกษาในครั้งนี้จะใหความสําคัญกับการลดความเปราะบางในการดํารงชีวิตเปนหลัก
3. ภาพรวมของปญหาและแนวทางแกไขในการดําเนินงาน
ในการตั้งทีมเตรียมพรอมรับมือภัยพิบัติชวงแรกๆพบวา ชาวบานขาดความเชื่อถือในการ
ดําเนินงานกันเอง ปญหาอคติและความขัดแยงภายในชุมชน ซึ่งแกไขไดโดยสรางความรูความ
เขาใจในการดําเนินงานและสรางความรวมมือกันในการแกปญหาและลดความขัดแยงที่เกิดขึ้น
จนเขาสูชวงสานตอการจัดการ ก็พบปญหาดานการสรางการมีสวนรวมในระยะยาวและปญหา
การขาดงบประมาณในระยะยาว ซึ่งสามารถแกไขไดโดยดวยการผสานกลุมตางๆในชุมชน ให
เกิดการสื่อสารกันอยางตอเนื่อง ซึ่งนําไปสูการพึ่งพาตนเองในการสรางรายไดมาสํารองหรือ
หมุนเวียนการดําเนินงานตอไป สวนปญหาที่มาจากภายนอกชุมชน โดยมากจะมาจากขอจํากัด
ของภาครัฐ การแกปญหา คือ ผูปฏิบัติงานจากทุกภาคสวนปรับเปลี่ยนทัศนคติใหเปนการ
ทํางาน ทุกองคกรตองทํางานเปนทีมเดียวกัน ตองใหความสําคัญกับการดําเนินงานโดยชุมชน
เปนฐาน กลาวคือ ตองทํางานโดยใหชุมชนเปนศูนยกลาง ทุกสวนตองเห็นประโยชนของชุมชน
เปนหลัก ใหอํานาจการตัดสินใจอยูที่ชุมชน
17
4. แนวทางการพัฒนาและขยายผลการดําเนินงาน
4.1 แนวทางในการพัฒนาการดําเนินงาน
จากการสัมภาษณถึงปญหาและแนวทางในการแกไขจากการดําเนินงานในขางตน ผูวิจัยไดสราง
แนวทางในการพัฒนากระบวนการ CBDRM ทั้ง 7 ขั้น ออกมาเปนแผนภาพที่ 3 ไดดังนี้
ภาพที่ 3 แนวทางแกปญหาที่พบในกระบวนการจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติโดยมีชุมชนเปนฐาน
การจัดองคกรชุมชนในการจัดการภัยพิบัติ
3
ขั้นแรกตองคนหาแกนนําที่เปนตัวจริงมาเปนอาสาสมัครรวมกันทํางาน
จากนั้นกระตุนใหภายในชุมชนไดเชื่อมโยงการเรียนรูเขาดวยกัน
องคกรปกครองสวนทองถิ่นตองมีสวนรวมในการประเมินความเสี่ยง ทําแผนลดความ
เสี่ยงของชุมชน และเผยแพรแผนที่เกิดขึ้นสูชาวบานทั่วไปดวย
การประเมินความเสี่ยงจากภัยพิบัติโดยการมีสวนรวมของชุมชน
4
การจัดทําแผนการจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติโดยการมีสวนรวม
5
ทําแผนโดยใหอํานาจในการตัดสินใจ (Empowerment) โดยการมีสวนรวม
จากภายในชุมชนเปนหลัก ตามความรูความเขาใจและการยอมรับรวมกัน
การเสริมสรางขีดความสามารถใหแกชุมชน
6
ควรสนับสนุนทํางานภาคชุมชนใหเขมแข็ง ควบคูกับสอนวิธีใชอํานาจหนาที่และ
แนวทางดําเนินงานภาคปฏิบัติในเชิงรุก แกผูบริหารองคกรปกครองสวนทองถิ่นดวย
การติดตามการทํางาน การรายงานผลและการปรับปรุงแกไข
7
สรางเครือขาย ผสานคณะทํางานดานการจัดการภัยเขากับกลุมตางๆ ในชุมชนและขยาย
ไปสูนอกชุมชน เพื่อเพิ่มโอกาสในการแลกเปลี่ยนบทเรียน
ควรตรวจสอบการรวมกลุมของคณะทํางานเปนประจําทุกป วาฝอหรือสลายตัวไปหรือยัง
เพื่อที่จะไดสนับสนุนใหมีการสรรหาผูที่มาดําเนินงานแทนผูที่หายไป
ทุกภาคสวนรวมกัน สื่อสารเรื่องสิทธิ หนาที่ และความรูพื้นฐานดานภัยพิบัติอยางชัดเจน
เพื่อสรางความตระหนักในการจัดการตนเองแกชุมชน
การทํามวลชนสัมพันธ และการสรางความเขาใจกับชุมชน2
เลือกชุมชนที่มีความพรอมและความตั้งใจตอการจัดการตนเองกอน
การเลือกชุมชนและพื้นที่ดําเนินงาน
1
ขั้นตอนที่
18
4.2 โมเดลการสําหรับการขยายผลการดําเนินงาน
จากการสรุปขอมูลในการสัมภาษณ ผูวิจัยไดนําบทเรียนและปญหาที่พบในการดําเนินของชุมชน
บานน้ําเค็มสามารถสรางโมเดลการเตรียมพรอมรับมือภัยพิบัติดวยกระบวนการจัดการความ
เสี่ยงจากภัยพิบัติโดยมีชุมชนเปนฐาน ดังโมเดลในภาพที่ 4 โดยนําผลบทเรียนจากการจัดตั้งทีม
ประสานงานของบานน้ําเค็มที่สามารถนําไปใชในการขยายผลสูชุมชนอื่นๆ ไดเปนขั้นตอนการ
ดําเนินงานดังนี้
เตรียมพรอมชวยเหลือกันและกันในอนาคต
ชวงเริ่มตนการจัดการชวงสานตอการจัดการ
รวมกลุม
แลกเปลี่ยนความคิดเห็น
สรางความตระหนัก
หาแกนนําและสรางทีม
แบงหนาที่รับผิดชอบ
สรางทีมปฏิบัติงาน
สรางแผนเตรียมพรอมรับมือภัยพิบัติ
วางรากฐานการจัดการตนเอง
หาแกนนําตัวจริงที่จะรับผิดชอบการดําเนินงาน
ทุนมนุษย
ทุนทาง
สังคม
ทุนทาง
การเงิน
ทุน
สิ่งแวดลอม
ทุนทาง
กายภาพ
ทรัพยากร
ผสานเขากับกลุมตางๆในชุมชน
สรางเครือขายกับชุมชนขางเคียง
และองคกรที่เกี่ยวของ
พัฒนาขีดความสามารถเพิ่มเติม
โยงการดําเนินงานและการรวมกลุม
สรางการดําเนินงานในระยะยาว
พัฒนาทักษะการจัดการภัยพิบัติ(สรางทุนมนุษย)
ภาครัฐเอื้ออํานาจดวยการรับรองการดําเนินงาน
ระดมความคิดประเมินความเสี่ยงรวมกับชาวบาน
ตอยอดทักษะในการจัดการภัยที่จําเป็นเพิ่มเติม
ดําเนินงานลดความเสี่ยงทางกายภาพแกชุมชน
จัดหาเครื่องมือและอุปกรณที่จําเป็นในการจัดการ
แลกเปลี่ยนเรียนรู สะทอนบทเรียนระหวางชุมชน
ตองมีพี่เลี้ยงที่ให
คําปรึกษาใน
การดําเนินงาน
สื่อสารเรื่องความ
รับผิดชอบและ
เจาภาพที่ชัดเจน
ภาพที่ 4 โมเดลการเตรียมพรอมรับมือภัยพิบัติของชุมชนบานน้ําเค็ม
19
4.3 ภาพรวมของแนวทางในการพัฒนาการดําเนินงาน
การจัดการที่ยั่งยืนนั้นไมสามารถทําแยกสวนเพียงประเด็นใดประเด็นเดียวได การสรางรากฐาน
ใหชุมชนจัดการตนเองไดอยางแทจริงนั้นตองแกปญหาตางๆไปพรอมๆกัน โดยการ
เตรียมพรอมรับมือภัยพิบัตินั้น ควรเริ่มผูปฏิบัติงานควรเริ่มจากศึกษาทุนทั้ง 5 ประการ ที่มีอยู
ในชุมชนไดแก ทุนมนุษย ทุนทางสังคม ทุนสิ่งแวดลอม ทุนกายภาพ และทุนทางการเงิน โดย
ใหความสําคัญกับการใชทุนทางสังคมและการสรางทุนมนุษย มาสรางกระบวนการที่จะ
กอใหเกิดการเปลี่ยนแปลงที่จะพัฒนาชุมชน ซึ่งในการสนับสนุนในชุมชนเกิดการจัดการตนเอง
นั้น ภาครัฐควรพัฒนานโยบายใหเจาหนาที่กับชุมชนปฏิบัติงานดวยการมีสวนรวมกันเพิ่มมาก
ขึ้น ขณะเดียวกันก็ควรจะสงเสริมการแลกเปลี่ยนเรียนรู ทั้งระหวางชุมชนและระหวางภาคสวน
ขับเคลื่อนใหเกิดเครือขายที่พรอมจะชวยกันแกปญหา
บทสรุป
ในการศึกษาปญหาที่พบในการจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติโดยมีชุมชนเปนฐานของชุมชน
บานน้ําเค็มจากภาคประชาสังคมนั้น พบวา ในการแกปญหานั้นทุนมนุษยและทุนทางสังคมเปน
ปจจัยหลักในการขับเคลื่อนชุมชน กลาวคือ ความรูที่มีอยูในทุนมนุษยและความรวมมือจากทุก
ภาคสวนทั้งภายในชุมชนและภายนอกชุมชนจากทุนทางสังคม เปนสิ่งที่ชวยคลี่คลายปญหาดาน
การมีสวนรวม ปญหาดานงบประมาณ ปญหาดานความรูความเขาใจในสิทธิหนาที่ในการ
ดําเนินงาน ปญหาดานสภาพแวดลอมและปญหาดานการประสานงานระหวางองคกร ในขณะที่
ทุนทางการเงินและทุนทางกายภาพยังเปนขอจํากัดในการดําเนินงาน
ปญหาและแนวทางการในการแกไขที่กลาวมาในขางตน ไดสะทอนใหเห็นวา แนว
ทางการพัฒนาการจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติโดยมีชุมชนเปนฐาน จะตองใหความสําคัญกับ
การวางรากฐานใหคนในชุมชนพึ่งพาตนเองเปนหลักตั้งแตตน โดยสนับสนุนใหชาวบานรวมกลุม
กัน ระดมความคิดมาวางแผนจัดการปญหา ซึ่งถัดมาก็ตองตอยอดทางความรู ทั้งจากการ
สะทอนประสบการณจากดําเนินงานมาเปนบทเรียนและการแลกเปลี่ยนเรียนรูจากชุมชนอื่นมา
ปรับใชกับการดําเนินงานของตนเอง รวมกับเขารับการอบรมทักษะดานตางๆที่จะสรางเสริมการ
พัฒนาศักยภาพของสมาชิกหรือคณะกรรมการของชุมชน เพื่อพัฒนาการดําเนินงานของชุมชน
ตอไป
อภิปรายผล
ในการศึกษาแนวทางการพัฒนาการจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติตามแนวคิดการดํารงชีวิต
อยางยั่งยืน นอกจากความคิดเห็นจากผูเชี่ยวชาญแลว ควรมีการวิจัยเชิงปริมาณเพื่อสํารวจ
ความคิดเห็นที่มีตอความเสี่ยงและความเปราะบาง ตนทุนในการดํารงชีวิตของชุมชน และการ
จัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในชุมชนที่ผานมา รวมไปถึงความตองการของคนใน
ชุมชนที่มีตอการพัฒนาการดําเนินงานตอไป
20
เอกสารอางอิง
นิลุบล สูพานิช, 2006, คูมือแนวทางการปฏิบัติงานสําหรับผูปฏิบัติงานภาคสนาม ในการ
จัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติโดยอาศัยชุมชนเปนฐานในประเทศไทย,
กรมปองกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย, 2549.
สุริชัย หวันแกว และคณะ, 2549, สังคมวิทยา สึนามิ: การรับมือภัยพิบัติ, นโยบายการรับมือ
ภัยสึนามิ, สถาบันวิจัยสังคม และศูนยการศึกษาการพัฒนาสังคม คณะรัฐศาสตร
จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย, พิมพครั้งที่ 1 พฤศจิกายน 2550,: กรุงเทพมหานคร.
Seixas et al., Self-organization in integrated conservation and development
Initiatives, International Journal of the Commons, Vol.2, no 1 January 2008, pp. 99-125.
DFID. 2000, Sustainable Livelihoods Guidance Sheets. Department for International
Development. (Available at www.livelihood.org/info_guidancesheets.htm.).
21
น้ําคลื่นเจอน้ําทวม ประสบการณจากน้ําเค็มสูกระเบื้องใหญ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ
รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ

More Related Content

More from freelance

Ch 8 basic emergency medical service and triage
Ch 8 basic emergency medical service and triageCh 8 basic emergency medical service and triage
Ch 8 basic emergency medical service and triagefreelance
 
Ch 3 disaster risk assessment
Ch 3 disaster risk assessmentCh 3 disaster risk assessment
Ch 3 disaster risk assessmentfreelance
 
Ch 2 disaster informatics
Ch 2 disaster informaticsCh 2 disaster informatics
Ch 2 disaster informaticsfreelance
 
Ch 1 disaster education
Ch 1 disaster educationCh 1 disaster education
Ch 1 disaster educationfreelance
 
Ch 7 damange and need assessment
Ch 7 damange and need assessmentCh 7 damange and need assessment
Ch 7 damange and need assessmentfreelance
 
Ch 6 geological hazard
Ch 6  geological hazardCh 6  geological hazard
Ch 6 geological hazardfreelance
 
Ch 5 fire hazard
Ch 5 fire hazardCh 5 fire hazard
Ch 5 fire hazardfreelance
 
Ch 4 disaster risk reduction
Ch 4 disaster risk reductionCh 4 disaster risk reduction
Ch 4 disaster risk reductionfreelance
 
Week 8 survival
Week 8 survivalWeek 8 survival
Week 8 survivalfreelance
 
Week 9 emergency medical
Week 9 emergency medicalWeek 9 emergency medical
Week 9 emergency medicalfreelance
 
Week 7 geo hazard and damage and need assessment (DANA)
Week 7 geo hazard and damage and need assessment (DANA)Week 7 geo hazard and damage and need assessment (DANA)
Week 7 geo hazard and damage and need assessment (DANA)freelance
 
Week 6 geo hazard and Incident command systems
Week 6 geo hazard and Incident command systemsWeek 6 geo hazard and Incident command systems
Week 6 geo hazard and Incident command systemsfreelance
 
Week 4 disaster risk reduction
Week 4  disaster risk reductionWeek 4  disaster risk reduction
Week 4 disaster risk reductionfreelance
 
Week 2 disaster informatics
Week 2 disaster informaticsWeek 2 disaster informatics
Week 2 disaster informaticsfreelance
 
Week 3 meteorological hazard and risk assessment
Week 3 meteorological hazard and risk assessmentWeek 3 meteorological hazard and risk assessment
Week 3 meteorological hazard and risk assessmentfreelance
 
Week 1 intro to disaster
Week 1 intro to disasterWeek 1 intro to disaster
Week 1 intro to disasterfreelance
 
กลุ่มรียากระดาษแอนเดอะแก๊งค์ --สรุปหนังสือปราชญาวิทยาศาสตร์โดยสังเขป
กลุ่มรียากระดาษแอนเดอะแก๊งค์ --สรุปหนังสือปราชญาวิทยาศาสตร์โดยสังเขปกลุ่มรียากระดาษแอนเดอะแก๊งค์ --สรุปหนังสือปราชญาวิทยาศาสตร์โดยสังเขป
กลุ่มรียากระดาษแอนเดอะแก๊งค์ --สรุปหนังสือปราชญาวิทยาศาสตร์โดยสังเขปfreelance
 
กลุ่มRobot มนุษย์ต้องเปลี่ยนแปลงตนเอง...ด่วน-2
กลุ่มRobot มนุษย์ต้องเปลี่ยนแปลงตนเอง...ด่วน-2กลุ่มRobot มนุษย์ต้องเปลี่ยนแปลงตนเอง...ด่วน-2
กลุ่มRobot มนุษย์ต้องเปลี่ยนแปลงตนเอง...ด่วน-2freelance
 
ผู้ใหญ่ปอย --ประวัติศาสตร์ฉบับย่อของลัทธิเสรีนิยมใหม่ เชื่อมโยง
ผู้ใหญ่ปอย --ประวัติศาสตร์ฉบับย่อของลัทธิเสรีนิยมใหม่ เชื่อมโยงผู้ใหญ่ปอย --ประวัติศาสตร์ฉบับย่อของลัทธิเสรีนิยมใหม่ เชื่อมโยง
ผู้ใหญ่ปอย --ประวัติศาสตร์ฉบับย่อของลัทธิเสรีนิยมใหม่ เชื่อมโยงfreelance
 
กลุ่มMixer --เสรีนิยมใหม่
กลุ่มMixer --เสรีนิยมใหม่กลุ่มMixer --เสรีนิยมใหม่
กลุ่มMixer --เสรีนิยมใหม่freelance
 

More from freelance (20)

Ch 8 basic emergency medical service and triage
Ch 8 basic emergency medical service and triageCh 8 basic emergency medical service and triage
Ch 8 basic emergency medical service and triage
 
Ch 3 disaster risk assessment
Ch 3 disaster risk assessmentCh 3 disaster risk assessment
Ch 3 disaster risk assessment
 
Ch 2 disaster informatics
Ch 2 disaster informaticsCh 2 disaster informatics
Ch 2 disaster informatics
 
Ch 1 disaster education
Ch 1 disaster educationCh 1 disaster education
Ch 1 disaster education
 
Ch 7 damange and need assessment
Ch 7 damange and need assessmentCh 7 damange and need assessment
Ch 7 damange and need assessment
 
Ch 6 geological hazard
Ch 6  geological hazardCh 6  geological hazard
Ch 6 geological hazard
 
Ch 5 fire hazard
Ch 5 fire hazardCh 5 fire hazard
Ch 5 fire hazard
 
Ch 4 disaster risk reduction
Ch 4 disaster risk reductionCh 4 disaster risk reduction
Ch 4 disaster risk reduction
 
Week 8 survival
Week 8 survivalWeek 8 survival
Week 8 survival
 
Week 9 emergency medical
Week 9 emergency medicalWeek 9 emergency medical
Week 9 emergency medical
 
Week 7 geo hazard and damage and need assessment (DANA)
Week 7 geo hazard and damage and need assessment (DANA)Week 7 geo hazard and damage and need assessment (DANA)
Week 7 geo hazard and damage and need assessment (DANA)
 
Week 6 geo hazard and Incident command systems
Week 6 geo hazard and Incident command systemsWeek 6 geo hazard and Incident command systems
Week 6 geo hazard and Incident command systems
 
Week 4 disaster risk reduction
Week 4  disaster risk reductionWeek 4  disaster risk reduction
Week 4 disaster risk reduction
 
Week 2 disaster informatics
Week 2 disaster informaticsWeek 2 disaster informatics
Week 2 disaster informatics
 
Week 3 meteorological hazard and risk assessment
Week 3 meteorological hazard and risk assessmentWeek 3 meteorological hazard and risk assessment
Week 3 meteorological hazard and risk assessment
 
Week 1 intro to disaster
Week 1 intro to disasterWeek 1 intro to disaster
Week 1 intro to disaster
 
กลุ่มรียากระดาษแอนเดอะแก๊งค์ --สรุปหนังสือปราชญาวิทยาศาสตร์โดยสังเขป
กลุ่มรียากระดาษแอนเดอะแก๊งค์ --สรุปหนังสือปราชญาวิทยาศาสตร์โดยสังเขปกลุ่มรียากระดาษแอนเดอะแก๊งค์ --สรุปหนังสือปราชญาวิทยาศาสตร์โดยสังเขป
กลุ่มรียากระดาษแอนเดอะแก๊งค์ --สรุปหนังสือปราชญาวิทยาศาสตร์โดยสังเขป
 
กลุ่มRobot มนุษย์ต้องเปลี่ยนแปลงตนเอง...ด่วน-2
กลุ่มRobot มนุษย์ต้องเปลี่ยนแปลงตนเอง...ด่วน-2กลุ่มRobot มนุษย์ต้องเปลี่ยนแปลงตนเอง...ด่วน-2
กลุ่มRobot มนุษย์ต้องเปลี่ยนแปลงตนเอง...ด่วน-2
 
ผู้ใหญ่ปอย --ประวัติศาสตร์ฉบับย่อของลัทธิเสรีนิยมใหม่ เชื่อมโยง
ผู้ใหญ่ปอย --ประวัติศาสตร์ฉบับย่อของลัทธิเสรีนิยมใหม่ เชื่อมโยงผู้ใหญ่ปอย --ประวัติศาสตร์ฉบับย่อของลัทธิเสรีนิยมใหม่ เชื่อมโยง
ผู้ใหญ่ปอย --ประวัติศาสตร์ฉบับย่อของลัทธิเสรีนิยมใหม่ เชื่อมโยง
 
กลุ่มMixer --เสรีนิยมใหม่
กลุ่มMixer --เสรีนิยมใหม่กลุ่มMixer --เสรีนิยมใหม่
กลุ่มMixer --เสรีนิยมใหม่
 

รวมเรื่องราวการฟื้นฟูน้ำท่วมปี 53 รวมไว้ในหนังสือชื่อบทเรียน 6 ปี สึนามิ

  • 2. 1 สารบัญ ลําดับ พื้นที่ เรื่อง หนา ประสบการณจากน้ําคลื่น 1 พังงา กระบวนการฟนฟูวิถีชีวิตโดยผูประสบภัยเปนแกนหลัก กรณี : พื้นที่ประสบภัยสึนามิ ชายฝงอันดามัน ประเทศไทย 2 2 พังงา การศึกษาแนวทางการพัฒนาการจัดการความเสี่ยงจากภัย พิบัติโดยชุมชนเปนฐานจากภาคประชาสังคม : กรณีศึกษา ชุมชนบานน้ําเค็ม ต.บางมวง อ.ตะกั่วปา จ.พังงา 11 ประสบการณสูน้ําทวม 3 นครราชสีมา น้ําคลื่นเจอน้ําทวม ประสบการณจากน้ําเค็มสูกระเบื้องใหญ 21 4 ลพบุรี บทเรียนจาก น้ํา น้ํา ประสบการณสํารวจพื้นที่น้ําทวม อ.บานหมี่ จ.ลพบุรี 20-25 ตุลาคม 2553 28 5 ปทุมธานี กระบวนการ “สรางสายใยเครือขาย ทามกลางสายน้ํา... ทวม” กรณี : เครือขายสิ่งแวดลอมชุมชนจังหวัดปทุมธานี 39 6 สงขลา ประสบการณการรับมือภัยพิบัติ น้ําทวมใหญ 2010 และพายุดีเปรสชั่น บทเรียนจากภาคสาธารณสุข 44 7 สงขลา เครือขายอาสาสมัครจัดการภัยพิบัติจังหวัดสงขลา 62 8 ปตตานี หลังพายุใหญพาดผาน "อาวปตตานี" 70 9 กรุงเทพ สรุปบทเรียน ศอบ (ศูนยอาสาประชาชนฟนฟูภัยพิบัติ) 76 10 ภาคอีสาน (ราง) ขอเสนอเบื้องตนแผนงานปฏิรูปการจัดการน้ําอีสาน คณะอนุกรรมการปฏิรูปที่ดิน ทรัพยากร สิ่งแวดลอม และน้ํา 105
  • 4. 3 กระบวนการฟนฟูวิถีชีวิตโดยผูประสบภัยเปนแกนหลัก กรณี : พื้นที่ประสบภัยสึนามิ ชายฝงอันดามัน ประเทศไทย โดย นายไมตรี จงไกรจักร เครือขายผูประสบภัยสึนามิ นายจํานงค จิตรนิรัตร อาสาสมัครสึนามิ นางปรีดา คงแปน มูลนิธิชุมชนไท ความเปนมาและการเริ่มกระบวนการ หลังจากเหตุการณคลื่นยักษสึนามิถลม 6 จังหวัด ชายฝงทะเลอันดามัน ที่สงผลใหเกิด ความสูญเสียชีวิตคนในครอบครัว ทรัพยสิน เครื่องมือประกอบอาชีพ การทํามาหากิน ฯลฯ จาก ปญหาวิกฤตความเดือนรอนเฉพาะหนาในชวงแรก ไดนํามาสูปญหาที่ยิ่งใหญขึ้น ชาวบานบาง ชุมชนไมสามารถกลับไปปลูกบานในที่เดิมได เนื่องจากปญหาที่ดิน ซึ่งเปนปญหาพื้นฐานเดิม แตการเกิดคลื่นยักษถลมทําใหเปดภาพปญหาเรื่องที่ดินของชาวบานที่อาศัยอยูชายฝงทะเลมา ยาวนานมีความชัดเจนและรุนแรงขึ้น นอกจากนี้สึนามิทําใหพบวากลุมคนชาวเล กลุมคนไทย พลัดถิ่น และกลุมประมงพื้นบาน ที่มีวัฒธรรมและวิถีชีวิตเรียบงายกับธรรมชาติ และเปนเจาของ ทะเลที่แทจริง กําลังถูกรุกรานจากขางนอกอยางรุนแรง จากหมูบานที่ประสบภัยธรณีพิบัติ 407 หมูบาน จํานวนผูเดือดรอน 12,480 ครอบครัว บานพักอาศัยเสียหาย 6,824 หลัง มีชุมชนผูประสบภัยรายแรง 47 หมูบาน ประมาณ 5,448 ครอบครัว ซึ่งมีผูเสียชีวิตประมาณ 8,000 คน เหตุการณภัยพิบัติแตละครั้งที่เกิดขึ้น ประชาชนจํานวนมากเดือดรอนสิ้นเนื้อประดาตัว อกสั่นขวัญหาย คนที่รอดชีวิต มีทั้งหวงการคนหาศพของญาติพี่นองที่ตายหรือสูญหาย และตอง กังวลกับการหาอาหาร น้ํา ยาและที่พักที่ปลอดภัย ทามกลางการทํางาน พวกเราหลอรวมประสบการณ รวมพลังทั้งหมดที่มีอยู ชวยกัน ทํางาน แบงงานกันทําโดยอัตโนมัติ มีเปาหมายเดียวกัน คือแกปญหาผูประสบภัยทั้งเฉพาะหนา และระยะยาว เปนประสบการณที่อยูในความทรงจําของทุกคน .... ทั้งชาวบานที่ประสบภัยสึ นามิ......และนักพัฒนาก็เรียนรูการแกปญหาไปกับกระแสสึนามิ เชนกัน . ในภาวะฉุกเฉิน ผูที่เดือดรอนจะรอรับบริการอยางเดียวไมได เพราะจะมีผูเดือดรอน จํานวนมาก ปญหาที่เกิดขึ้นแตละครอบครัวมีมากตามมาดวย ประกอบกับระบบของหนวยงาน ราชการตางๆ ไมคลองตัว ไมไดมีแผนเพื่อการรับมือกับปญหาวิกฤติ หนทางที่ดีที่สุดคือ ทํา ใหผูประสบภัย ลุกขึ้นมาแกปญหาดวยตัวของเขาเอง การสนับสนุนให ผูเดือดรอนชวยเหลือ กันเอง และสรางการมีสวนรวม หลักๆคือ การรวมคนเดือดรอน รวมเสบียง รวมดูแลคนออนแอ รวมหาที่อยูอาศัย ทําใหการฟนฟูทุกดานจะเกิดขึ้นอยางรวดเร็ว และมีพัฒนาการตอเนื่องระยะ ยาวบทเรียนกรณีภัยพิบัติสึนามิ มีขั้นตอนที่สําคัญ ดังนี้
  • 5. 4 ๑. การกูวิกฤติ ในชวง ๗ วันแรกของการเกิดภัยพิบัติ กรณีสึนามิในประเทศไทย ไม มีแผนการเตรียมความพรอมลวงหนา แตเมื่อเกิดเหตุ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ออกมา ชวยเหลือเองโดยอัตโนมัติ แบงเปน ๓ สวน หลักๆ คือ ๑.) การชวยแหลือผูบาดเจ็บและคนหา ศพ ที่ประกอบดวยทั้งภาครัฐและเอกชน ตางคนตางลงพื้นที่อยางอิสระของแตละองคกร แต เปนความรวมมือที่ดี เมื่อขอมูลมารวมที่โรงพยาบาล วัด และศาลากลางจังหวัด ๒.) การระดม ของชวยเหลือ ซึ่งจะมีการสื่อสารทุกรูปแบบทั้ง โทรศัพท วิทยุและโทรทัศน การบริจาค ชวยเหลือจึงมาจากทั่วประเทศอยางรวดเร็ว ๓.) การสํารวจแบบเร็วๆวาคนที่รอดตายและ เดือดรอนจะอยูตอไปอยางไร เพราะอยูในภาวะสับสนวุนวาย วัดหรือโรงเรียนอยูอาศัยได หรือไม หองน้ําควรมีการจัดหาเพิ่มเติม การทําศูนยพักชั่วคราว ควรมีการสํารวจพื้นที่โดย สอบถามกับผูประสบภัย ใหไดพื้นที่ที่ผูประสบภัยเชื่อวาปลอดภัย เชน กรณีเกิดภัยสึนามิ ตอง เปนพื้นที่ไกลทะเล ๒. จัดหาเตนสและที่พักชั่วคราว เพื่อเปนที่รวมคน สรางขวัญกําลังใจผูประสบภัย และบรรเทาทุกขเฉพาะหนา เหตุผลที่ตองหาเตนสที่พักชั่วครา เพราะการสรางบานพัก ชั่วคราวตองใชเวลานานนับเดือน ควรมีการวางแผน ทําผังการกางเตนส และมีกําลังคนที่มาก พอ คืนแรกผูประสบภัยเขามาพักอาจจะไมมาก แตคืนที่สองคืนที่สาม จะมีคนเขามาเพิ่มอีก หลายเทาตัว นักจัดระบบชุมชนตองมีทีมในการจัดการ ควรมีทีมทําขอมูล และ มีการจัด สํานักงานฯเพื่อเปนศูนยกลางในการประสานงาน ๓. เริ่มจัดระบบชุมชนในที่พักชั่วคราวทันที โดยแบงเปนกลุมยอย หรือโซน ตามกลุม ผูเดือดรอน อาจใชแถวเตนเปนตัวแบง หรือตามสภาพ กลุมหนึ่งไมควรเกิน ๒๐ ครอบครัว แต ละกลุมเลือกตัวแทน ๓-๕ คน มาเปนคณะประสานงาน ๔. จัดประชุมตัวแทนกลุม หรือ คณะประสานงาน เพื่อ สรางแกนนําใหม ทามกลาง วิกฤต ในชวงแรกควรมีการประชุมหารือรวมกันทุกคืน รวมทั้งจัดประชุมชี้แจงแกผูเดือดรอน กระตุนใหมาแกปญหารวมกัน ไมรอใหคนอื่นชวยเพราะผูเดือดรอนมีจํานวนมาก แตคนชวยมี นอย ผูประสบภัยตองเริ่มเองกอน แลวบอกความตองการที่ชัดเจนตอผูที่จะมาชวยเหลือ และใชที่ประชุมใหญตั้งกติกาการอยูรวมกันในที่พักชั่วคราว ๕ใการแกปญหาเฉพาะหนารวมกัน แตละคนจะเอาเรื่องที่เดือดรอนมาหารือกัน มีการ วางกติกาการอยูรวมกัน...เชน ไมดื่มเหลา การดูแลความปลอดภัย การรับของบริจาค การ จัดการขยะ การดูแลเด็ก ฯลฯ ๖ใการประชุมปรึกษาหารืออยางเขมขน.....และนําผลที่ไดไปปฎิบัติ มีการติดตามผล รวมกันเปนการเรียนรูทามกลางการทํา ทําใหแกนนําเริ่มเขาใจการรวมคิดรวมทํา ในการ จัดการศูนยพักชั่วคราวรวมกัน อยางคอยเปนคอยไป
  • 6. 5 ๗ .รวบรวมขอมูลของสมาชิก เชน ชื่อ สกุล สมาชิกครอบครัว ผูพิการ คนทอง เด็ก คนแก คนปวย คนตาย ที่อยูอาศัยดั้งเดิม ความตองการเรงดวน ระยะยาว ควรแบงงาน ใหตัวแทนกลุมทําหนาที่ในการสํารวจ และมาสรุปรวมกัน จะเปนกระบวนการที่ทําใหตัวแทน กลุมรูจักสมาชิกในกลุมของตนเองมายิ่งขึ้น ควรมีนักแผนที่ สถาปนิก สนับสนุน มีการ ประสานสื่อมวลชน มีกลองถายรูป วีดีทัศน เก็บบรรยากาศตางๆไว ๘. ประสานงานกับหนวยงาน หรือ องคกรตางๆในการเขามาชวยเหลือ เชน จัดสราง โรงเรือนอาคารที่จําเปน เพื่อ พยาบาล อาหารเสบียง ศูนยเด็ก หรือสวม น้ําดื่มน้ําใช การดูแล ความปลอดภัย-จัดทําแผนระยะตางๆเสนอตอฝายเกี่ยวของ การประสานความรวมมือหลายองคกรทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ทามกลางภาวะความ ไรระเบียบ เพื่อใหการจัดระบบการชวยเหลือประสบภัยบรรลุเปาหมาย ใชการประชุมหารือ รวมกันเปนหลัก กรณีที่พักชั่คราวอบต.บางมวง เตนสที่พักจํานวนกวา 800 หลัง เปนที่ดึงดูดให ผูสนับสนุนทั้งหลายหลั่งไหลเขามาไมขาดสาย มีกลุมองคกรตางๆมากวา 50 แหงที่มารวม สนับสนุน เปนพลังภาคประชาชนที่นาสนใจ ๙. การจัดระบบรับบริจาคเขากองกลาง เพื่อแกวิกฤตความวุนวาย สลายความขัดแยง และเปนแบบฝกหัดของการสรางความเอื้ออาทรตอกัน ซึ่งกรณีประเทศไทยสงผลใหเกิดกองทุน หมุนเวียนยั่งยืนจนถึงปจจุบัน หลังจากที่มีการตั้งเตนสชั่วคราวนับพันหลัง การหลั่งไหลของผูบริจาคมีเขามาอยาง มากมาย ผูบริจาคสวนใหญ ตองการแจกของใหถึงมือผูประสบภัย มีการเขาแถวรับของกัน วันละนับสิบครั้ง บางรายนําของมานอยบางคนไดบางคนไมได เกิดความขัดแยงกันขึ้น ประกอบกับที่พักเล็กมากจนไมมีที่เก็บของ...... ควรมีการประชุมหารือเรื่องการรับบริจาคของและเงินเขากองกลาง และมีการตั้ง คณะทํางาน ฯ เพื่อทําหนาที่อธิบายใหผูบริจาคเขาใจ การติดปายประชาสัมพันธแจกเอกสาร เปนภาษาอังกฤษ การเปดบัญชีธนาคารรวมกัน ของเขาโกดังตองมีการจัดระบบการเบิกจาย ของใชที่จําเปนอยางเปนธรรม ๑๐. ทีมหลักในการจัดการบริหารศูนยพักชั่วคราวควรเปนนักพัฒนาที่มีประสบการณื มีความยืดหยุนคลองตัว สวนราชการเปนหนวยสนับสนุน ทีมงานควร พักอาศัยในแคมป เพื่อประเมินสถานการณเปนระยะ ๑๑ . สรางศูนยกลางขยายการชวยเหลือไปสูพื้นที่อื่นตอไป เมื่อจัดระบบแคมปแรกลง ตัวแลว ที่สําคัญสนับสนุนใหทีมตัวแทนชาวบาน ไดเปนผูขยายการชวยเหลือเพื่อนผูเดือดรอน ดวยตัวเอง เพื่อสนับสนุนใหเกิดการผูกใจ สรางความสัมพันธที่ดี และเปนเพื่อนกันระยะยาว แคมปแรกเกิดระบบการดูแลระดับหนึ่ง กอนขยายไปสูที่อื่น เชน มีเสบียงอาหาร หมอ ตัวแทนกลุมการประชุม ขอมูล ระบบองคกรหนวยงาน การดูแลผูออนแอ สถานที่ศาสนพิธี ๑๒. สรางกิจกรรมหลากหลายตามความจําเปน และเปนการเตรียมความพรอม ชาวบาน เชน ศูนยเด็กและเยาวชน กลุมอาชีพ (อาจหวังผลทางเศรษฐกิจหรือทางจิตใจ)
  • 7. 6 ฟนฟูวัฒนธรรม อาสาสมัครชุมชน การจัดการกองทุน การออมทรัพยหรือธนาคารชุมชน สํารวจศักยภาพ ( หมอยา กอสราง ตอเรือ งานฝมือตางๆ) การออกแบบ วางผัง นาไร ที่อยู อาศัย การสนับสนุนใหมีการเรียนรูทามกลางการทํา ทําใหเกิดคณะทํางานศูนยประสานงาน บานน้ําเค็มและเกิดกองทุนของชุมชนจนถึงวันนี้ การฟนฟูจิตใจแกผูประสบภัยหลายวิธี การรวมคน การสรางที่พักชั่วคราว การประชุม พูดคุย การแบงงานกันไปทํา เปนสวนหนึ่งของการฟนฟูและหลอหลอมจิตใจ นอกจากนี้ยังมี หมอจากหลายองคกร มีผูนําศาสนาเกือบทุกศาสนาที่เขามารวม ๑๓. นักพัฒนาสังเกตและศึกษาแกนนําแตละคนอยางละเอียด ทํางานทางความคิด กุมสภาพใหได อาจใชวิธีคุยบุคคล แตใหใชการประชุมทีมเปนหลัก ทุกครั้งมีการบันทึก รายงานตอวงใหญ. ..... ความคิด ทาทีการใหมีสวนรวม ...... ความมีคุณธรรม ทุกดาน ...... การประสานงานกับคนอื่น ระดมความรวมมือได ...... ขยัน ทั้งการคิด และการทํา ...... มีแนวคิดทํางานเปนทีม ๑๔. กรณีเกิดปญหาที่ดิน ภัยพิบัติทุกแหงในประเทศไทย เกิดปญหาการไลที่ จากทั้งภาครัฐและเอกชน เนื่องจากเปนปญหาที่มีมาเดิม เพื่อไมใหเปนการซ้ําเติม ผูประสบภัย ควรสนับสนุนใหสรางบานในที่ดินเดิม ปญหาเรื่องเอกสารสิทธิที่ดินพิจารณาที หลัง อาจมีการใชคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน ตั้งอนุกรรมการแกไขปญหาที่ดินหลังภัยพิบัติ หรือฟองศาล แลวแตกรณี ควรมีนักกฎหมายเขามาชวยเหลือ และ สนับสนุนการจัดทําขอมูล ประวัติศาสตรชุมชน ทําแผนที่ ใชภาพถายทางอากาศยืนยัน ๑๕. การสรางบานและวางผังชุมชน แบบมีสวนรวม ควรหารือกับชาวบานหาก ชุมชนใดตองการกลับไปสูที่เดิมได ควรสนับสนุนงบประมาณในการสรางบานใหมอยางรวดเร็ว โดย มีสถาปนิกมาชวยออกแบบผังชุมชนและแบบบาน โดยใชกระบวนการมีสวนรวมของ ชาวบาน ใหเปนแบบบานที่มาจากความตองการของชาวบาน .......สอดคลองกับวัฒธรรมวิถี ชีวิตชุมชนและทองถิ่น ในชวงสรางบาน ใหใชการสราวบานเปนเงื่อนไขในการสรางคน สราง ความภูมิใจของชุมชน โดยทุกคนทั้งผูชาย ผูหญิง เด็ก มารวมกันสรางบาน ใหมีการแบงงาน กันทํา เชน มีฝายกอสราง ฝายการเงิน ฝายอาหารและน้ํา ฝายประสานงานกับอาสาสมัคร เปนตน ซึ่งกรณีเมืองไทย มี ๒ ลักษณะ คือ (๑). ชุมชนที่ผูสนับสนุนมีเงื่อนไขใหผูอยูอาศัย สรางบานกันเอง ( มีการระดมอาสาสมัครทั้งในและตางประเทศมารวมกันสราง ) เปน กระบวนการสรางการมีสวนรวมของชุมชน ทําใหคนในชุมชนรักและหวงแหนชุมชน เกิดการ เรียนรูนิสัยใจคอ ความเอื้ออาทร ความสามรถที่แทจริงระหวางกันชัดเจน เปนประโยชนกับ
  • 8. 7 การจัดตั้งคณะกรรมการในการบริหารจัดการเรื่องตางๆของชุมชนในระยะตอไป (๒) .ชุมชนที่ หนวยงานราชการ (ทหาร ) สรางบานใหแลวเสร็จ ผูอยูอาศัยเขาไปอยูอยางเดียว ขาดการมี สวนรวม ชุมชนเหลานี้ มีปญหาในการจัดการทุกดาน เพราะรอใหราชการมาจัดการให อีกทั้ง แบบบานที่สรางไมเหมาะสมกับการใชงานในวิถีประจําวัน เชน ไมมีพื้นที่วางเครืองมือประมง เปนตน และในกรณีเมืองไทย บานน็อคดาวนสําเร็จรูปจากตางประเทศไมสอดคลองกับสภาพ อากาศทําใหรอนอบอาว ๑๖. การชวยเหลือคนชายขอบ เชน ชาวเล คนไรสัญชาติ หรือแรงงานตางดาว เมื่อเกืดภัยพิบัติคนเหลานี้จะไมไดรับการชวยเหลือ เพราะไมมีบัตรประชาชน ไมมีสิทธิใด จึง ควรมีการสนใจเปนพิเศษ คนเหลานี้จะมีปญหาความไมมั่นคงในการอยุอาศัยตามมา ๑๗. การฟนฟูวัฒนธรรม ประเพณี พิธีกรรม ศาสนา การละเลนพื้นบาน ภูมิ ปญญา ภาษาของชาวบาน รวมทั้งการสนับสนุนใหเกิดลานวัฒธรรม พิพิธภัณฑทองถิ่น สิ่งเหลานี้ เปนกระบวนการรวมคน สรางขวัญกําลังใจ บําบัดความโศกเศราเสียใจ สรางความ มั่นใจและเพิ่มพลังชีวิต โดยเฉพาะกลุมคนชายขอบ หรือคนกลุมนอย มีโอกาสแสดงออกใน ลักษณะตางๆ กรณีประเทศไทยสามารถฟนฟูกลุมศิลปนอันดามันที่มีการแสดง เชน ร็องแง็ง ลิเกปา มโนราห รํามะนา ฯลฯ ไดถึง ๓๐ กลุม ๑๘. การเรงสรางชุมชนใหมที่เขมแข็งในที่ดินเดิม การยายออกจากที่พักชั่วคราว กลับสูชุมชนเดิม ควรมีการวางแผนรวมระหวางผูประสบภัย และมีสิ่งอํานวยความสะดวก พื้นฐาน เชน น้ํา ไฟ ที่ทําการชุมชน คณะกรรมการชุมชนที่ผานการหารือกัน ศูนยดูแล เด็ก คนปวย กองทุนการประกอบอาชีพ หรือพื้นที่สาธารณะอื่นๆ คารมีกิจกรรมตอเนื่องใน ชุมชน รวมทั้ง การทําบุญ ทําพิธีกรรม เพื่อสรางขวัญกําลังใจกอนการเขาบานใหมเปนเรื่อง สําคัญ อีกประการหนึ่ง ๑๙. การเกิดเครือขายผูประสบภันสึนามิ ในกรณีประเทศไทยมีการประกาศตั้ง เครือขายผูประสบภัยสึนามิ ตั้งแต ๓ เดือนแรกของการประสบภัย โดยสนับสนุนใหแกนนํา ของผูประสบภัยแตละพื้นที่ ไดพบปะแลกเปลี่ยนกัน ซึ่งในเบื้องตนมีสมาชิกประมาณ ๓๐ ชุมชน และจะมีผูประสบภัยที่เพิ่มขึ้นเปน ๑๓๐ ชุมชนในระยะตอมา ใหใชปญหารวมเปน เงื่อนไขในการเชื่อมโยงกันเปนเครือขาย ฯ กรณีเมืองไทยมีปญหาที่ดิน ปญหาไมมีบัตรไมมี สิทธิไดรีบการชวยเหลือ เครือขาย ฯ จึงทําหนาที่ในการรวบรวมปญหาเสนอตอรัฐบาล โดย การเผยแพรทางสื่อสาธารณะ การเสนอผานหนวยงานราชการที่เกี่ยวของ และการเจรจากับ รัฐบาลเปนระยะ สงผลใหรัฐบาลตั้งคณะอนุกรรมการแกไขปญหาที่ดินในพื้นที่ธรณีพิบัติ อยางเรงดวน ๒๐. การสนับสนุนใหชุมชนทําแผนแมบทในการแกปญหาและพัฒนาชุมชนระยะยาว การยายกลับเขาสูชุมชนเดิม เรื่องอาชีพ รายได การอยูการกิน การเรียนหนังสือของเด็ก เปน เรื่องสําคัญที่จะตองสนับสนุน และการสนับสนุนควรเนนความยั่งยืน ใหผูประสบภัยสามารถ
  • 9. 8 พึ่งตนเองไดในระยะยาว ควรมีการจัดทําแผนรวมกันทั้งในระดับชุมชนวาจะทําอะไรกอนหลัง และแผนการพัฒนาความเขมแข็งของเครือขาย กรณี บานน้ําเค็ม จังหวัดพังงา นอกจากมี แผนการพัฒนาชุมชนแลว มีการทําแผนเตรียมความพรอมรับมือกรณีเกิดภัยพิบัติ โดยมีทีม อาสาสมัครชาวบาน มีการซอมหนีภัย วิทยุสื่อสาร การเฝาระวังคลื่น กรณีจังหวัดภูเก็ต เครือขายชุมชนพัฒนาเมืองภูเก็ต รวมลงนามความรวมมือกับองคกรที่เกี่ยวของ ในการปลูก ปาชายเลน ๑ ลานตน การพัฒนาแกนนํา และการสนับสนุนใหเกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรูดูงาน การประชุมสรุปบทเรียน ใหผูประสบภัยรวมกันระดมความเห็นและตรวจสอบจุดออน จุดแข็ง ของตนเอง เปนระยะ และนักพัฒนาควรใชทั้งความสําเร็จและความลมเหลว เปนบทเรียนใน การทําใหแกนนําชุมชนไดเขาใจ และวิเคราะหได ขั้นตอนการสนับสนุนใหกลุมผูประสบภัยเชื่อมโยงกันเปนเครือขาย กระบวนการ “สึนามิ” การแกปญหาเฉพาะหนาที่พัก / อาหาร ฯลฯ สนับสนุนการรวมกลุม / การมีสวนรวม / คณะทํางานรับบริจาคของ / คณะทํางานบานพัก สรางบานถาวร / ออกแบบบาน/ ชุมชนสรางบานเอง การฟนฟูวิถีชีวิต / วัฒนธรรม / ประเพณี / ศิลปน กองทุนฟนฟูชุมชน / เรือ / กลุมอาชีพ การพัฒนาแกนนํา / ขยายคณะทํางาน การแกไขปญหาที่ดิน/ สํารวจขอมูล / เชื่อมโยงในระดับ พื้นที่และเครือขาย การเชื่อมประสานระหวาเครือขาย“เครือขาย ผูประสบภัย6จังหวัด” การเสนอผลการฟนฟูโดยชุมชน ครบรอบ1 ป การเสนอแกปญหา เชิงนโยบาย อนุกรรมการแกไข ปญหาที่ดินสึนามิ ปญหาที่ดิน / กรณีพิพาทเอกชน /ที่ดินรัฐ การคืนสัญชาติ รัฐบาล ผลกระทบเชิงนโยบาย อพท. / โฉนดน้ํา การพัฒนา ฯลฯ ๑๔. การบริจาคเปนดาบ ๒ คม ขอควรระวัง คือ การบริจาคทําใหผูประสบภัยหวัง พึ่งพิงคนอื่นมากขึ้นจนแกไขยาก กรณีเมืองไทย คือ( ๑.) ผูบริจาคที่ใจบุญไมเขาใจการสราง เงื่อนไขใหเกิดความเขมแข็งในชุมชน บริจาคโดยไมเขาใจ ไมรูจักสภาพของชุมชน ทําใหผูนํา บางคนยักยอกเงินขาดความเชื่อถือจากสมาชิกเปนการใหที่ทําลายโดยไมเจตนา ( ๒.) ผู บริจาคที่สรางเงื่อนไขในการพัฒนาเพื่อความยั่งยืนของชุมชน ซึ่งตองมีกลไกในการบริหาร
  • 10. 9 จัดการกองทุนรวมกัน มีการตรวจสอบ มีการแบงงานกันทํา เปนตน แตควรมีการติดตามจาก ผูสนับสนุนอยางตอเนื่อง เพราะยังมีปญหาเกิดขึ้นอีกหลายประการ ๒๓. สนับสนุนใหสรุปปญหาและ ผลการทํางานฟนฟูชุมชนของเครือขายชุมชน ผูประสบภัย เพื่อเสนอตอสาธารณะ เปนการสรางความภาคภูมิใจ ความมั่นใจในการ รวมกันคิก รวมกันทํา และรวมกันผลักดันการแกปญหาอื่นๆในระยะยาว กรณีประเทศไทย ผลการทํางานของเครือขาย มีดังนี้ • สรางบานผูประสบภัย ๑,๐๓๐ หลังใน ๑๙ ชุมชน • สรางและซอมเรือประมง ๑,๗๐๐ ลํา • จัดตั้งกลุมอาชีพ ๔๙ กลุม มีสมาชิก ๑,๕๐๐ คน • จัดตั้งกองทุนเรือ กองทุนอาชีพ และกลุมออมทรัพย ๗๒ กลุม • จัดตั้ง กลุมเยาวชน กลุมอนุรักษปาชายเลน ๑๒ กลุม • แกปญหาที่ดินได ๑๓ กรณี จํานวน ๑,๑๕๖ ครัวเรือน ขอเสนอใหรัฐแกไขปญหาเพื่อที่ชุมชนผูประสบภัยจะทํางานฟนฟูชุมชนอยางยั่งยืน ๑.) ออกระเบียบรับรองชุมชนผูประสบภัยในที่ดินรัฐ เปน “สิทธิรวมของชุมชน ” ๒.) เพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่เอกชนออกโดยมิชอบ และทับซอนชุมชน ๓.) จัดหาไฟฟาและน้ําประปาใหชุมชนผูประสบภัย ๔.) แกไข ระเบียบ ขอบังที่เปนอุปสรรคในสรางบาน ๔.) เรงสํารวจแกปญหาคนไรสัญชาติ ๕.) จัดสรรงบประมาณเปนกองทุนหมุนเวียนใหชุมชนผูประสบภัย ๖.) ใหเด็กที่ประสบภัยทุกคน มีสิทธิพิเศษในการเรียนและรักษาสุขภาพ ๗.)บรรจุหลักสูตรสึนามิและภูมิปญญาทองถิ่นเกี่ยวกับการเตือนภัยในโรงเรียนริมทะเล ๘.)ใหชุมชนจัดระบบเตือนภัยของตนเองเสริมระบบเตือนภัย เชน วิทยุชุมชน วิทยุสื่อสาร ๙.) ชุมชนผูประสบภัยมีสวนรวมทุกขั้นตอนในการจัดผังที่ดินใหม ๑๐). ยกเลิกโครงการพัฒนาขนาดใหญที่กระทบตอวิถีชีวิตชุมชน
  • 11. 10 บทสรุป กรณีประเทศไทย การเกิดภัยพิบัติ ทําใหสังคมไดรับรุวา ยังมีชุมชนตาง ๆ ที่ไมไดรับ การปกปองคุมครอง และการไมไดรับสวัสดิการพื้นฐาน เชน บัตรประจําตัวประชาชน การศึกษา ยารักษาโรค เครื่องนุงหม ที่อยูอาศัย มีคุณภาพชีวิตต่ํากวาเกณฑปกติของคน ชายขอบ เชน ชาวเลและคนไทยพลัดถิ่น มีความไมมั่นคงในที่ดินและที่อยูอาศัย แมจะมี ประวัติศาสตรชุมชนมายาวนานกวา 100 ปก็ตาม มีนโยบายและแผนพัฒนาของรัฐที่มีผลกระทบ ตอวิถีชีวิตชาวเล ชาวประมง และวิธีการ ทํามาหากินโดยรวมและเกิดความขัดแยงในการแยงชิงทรัพยากร ชาวเลไมมีโอกาสอยูริมหาดที่ เคยอยูจอดเรือ ไมมีอิสระในการหาปลาเพราะทะเลมีเจาของ ทําอาชีพบริการไมได เพราะมี แผนการสัมปทาน ทาเรือนําลึกของตางชาติ หรือกิจการการลงทุน ตาง ๆ ไมยอมรับกติกาการอนุรักษ ทรัพยากรของชุมชนตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ เปนตน สึนามิเปนภัยพิบัติจากธรรมชาติ แตเปดใหเห็นถึงสิ่งที่มนุษยกระทําตอมนุษย จะเห็น ไดวาในที่สุดแลวกลับกลายเปนปญหาความไมเปนธรรมในการพัฒนา ทีไปละเมิดสิทธิของ ชุมชน ที่อยู กอนสึนามิมานับรอยป คุณภาพชีวิตของคนชายฝงอันดามันจึงทุกขยาก ตกต่ําลง ทุกวันในขณะที่ทรัพยากรที่อุดมสมบูรณกลับตกอยูในมือของนักธุรกิจทั้งไทยและตางประเทศ ที่ดินชายหาด ทั้งบนฝงและพื้นที่เกาะ แมกระทั่งปาชายเลน ก็ตกไปเปนทรัพยากรสวนบุคคล แทบทั้งหมด ซึ่งในการแกไขปญหานี้ ตองเปนการแกไขในระดับนโยบายที่เปดโอกาสให ชุมชน ประชาชนคนเล็กๆ ทุกชาติพันธุ มีสวนรวมเปนตัวหลักในการพัฒนาทองถิ่นและ ประเทศ กรณีสึนามิประเทศไทย ไดพิสุจนใหเห็นแลววา กระบวนการพัฒนาสามารถเปลี่ยน วิกฤตเปนโอกาสได สามารถทําใหคนที่ตางคนตางอยู รวมกันเปนเครือขายชวยเหลือกัน สามารถทําใหเกิดเครือขายชุมชนที่เขมแข็ง มีคุณภาพ เขารวมการพัฒนาเรื่องอื่นๆ ของสังคม ไดอยางยั่งยืน ดังนั้น การเปลี่ยนภัยพิบัติเปนกระบวนการพัฒนาควรเปนยุทธศาสตรสําคัญ ที่ หนวยงานที่เกี่ยวของในระดับนานาชาติ ทั้ง ยูเอ็น อาเซี่ยน ธนาคารโลก กาชาดสากล ฯลฯ ใหการสนับสนุนฟนฟูวิถีชีวิตชุมชนผูประสบภัยพิบัติทุกประเภท ที่กําลังเกิดขึ้นและที่จะ เกิดขึ้นอีกในอนาคต
  • 13. 12 1 นักศึกษาโปรแกรมทักษะการจัดการทรัพยากรฐานชุมชน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกลาธนบุรี 2 สายสังคมศาสตรและมนุยศาสตร คณะศิลปศาสตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกลาธนบุรี 3 สถาบันการบริหารและจิตวิทยา การศึกษาแนวทางการพัฒนาการจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติโดยชุมชนเปนฐาน จากภาคประชาสังคม : กรณีศึกษาชุมชนบานน้ําเค็ม ต.บางมวง อ.ตะกั่วปา จ.พังงา ศิรินันต สุวรรณโมลี1 สุรพงษ ชูเดช2 และ มิชิตา จําปาเทศ รอดสุทธิ3 บทคัดยอ บทความนี้เปนนําเสนอผลการศึกษาเชิงคุณภาพเกี่ยวกับการศึกษาปญหา อุปสรรค และแนวทางการพัฒนาการจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติโดยมีชุมชนเปนฐานจากภาคประชา สังคม จากบทเรียนของชุมชนบานน้ําเค็ม ตามแนวความคิดการดํารงชีวิตอยางยั่งยืน (sustainable livelihoods) โดยใชเทคนิคเดลฟาย (Delphi) ในการรวบรวมขอคิดเห็นจาก ผูปฏิบัติงานภาคประชาสังคม ไดแก ชุมชน องคกรพัฒนาเอกชนและภาครัฐที่รวมดําเนินงานกัน จํานวน 10 คน ผลการศึกษาพบวา 1) ในการดําเนินงาน พบปญหาดานการมีสวนรวม ดาน งบประมาณ ดานความรูความเขาใจในสิทธิหนาที่ในการดําเนินงานและดานการประสานงาน ระหวางองคกร 2) แนวทางในการพัฒนาการดําเนินงานคือ ภาคชุมชนควรมีการรวมกลุมและ การจัดการองคกรชุมชน (Organization Building) ซึ่งเปนหัวใจของกระบวนการจัดการความ เสี่ยงจากภัยพิบัติโดยมีชุมชนเปนฐาน ตั้งแตชวงตนของการฟนฟูชุมชน สวนภาครัฐและองคกร พัฒนาเอกชน ควรประสานการดําเนินงานรวมกัน โดยดานการมีสวนรวมนั้น องคกรพัฒนา เอกชนสามารถชวยทํางานเชิงลึกวางรากฐานการจัดการตนเองใหกับชุมชนได ดานงบประมาณ และอุปกรณ ในชวงตนนั้นองคกรพัฒนาเอกชนสามารถจัดหามาใหกับชุมชนไดคลองตัวกวา ภาครัฐ สวนภาครัฐสนับสนุนการสานตอการดําเนินงานใหกับในระยะยาวควบคูไปกับใหความรู และสรางความเขาใจในสิทธิหนาที่ในการดําเนินงานที่ถูกตองแกชุมชน คําสําคัญ : ภัยพิบัติ, การจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติโดยมีชุมชนเปนฐาน, การดํารงชีวิต อยางยั่งยืน บทนํา เหตุการณสึนามิซัดชายฝงอันดามัน ในวันที่ 26 ธันวาคม 2547 ไดสรางจุดเปลี่ยนใหประเทศ ไทยไดตระหนักถึงวิกฤตที่เกิดขึ้นจากความเสียหายจากภัยพิบัติ และไดทําใหคนไทยไดรวมตัว รวมใจเปนหนึ่งเดียวกัน จนเกิดความเปนประชาสังคม (Civil Society) จากผูที่มีจิตอาสาทั้ง ประชาชนทั่วไป ภาครัฐ และภาคเอกชนที่อยูนอกพื้นที่ประสบภัยโยงความชวยเหลือกันอยางไร พรมแดน โดยมีทุนทางสังคมของความไววางใจมาชวยลดชองวางระหวางบุคคลหรือองคกร ทํา ใหทุกภาคสวนรวมกันทํางานไดในฉับพลัน ดังกรณีของชุมชนบานน้ําเค็ม ต.บางมวง อ.ตะกั่ว ปา จ.พังงา ที่ไดรับความชวยเหลือจากภาคประชาสังคม ตั้งแตการบริจาคตามความตองการขั้น พื้นฐานไปจนถึงการสรางวิธีคิดที่ชี้ใหชุมชนเห็นความสําคัญในจัดการตนเอง
  • 14. 13 (Self-organization) เริ่มจากแกปญหาและเรียนรูจากปญหาควบคูกันไป โดยไมรอคอยแตความ ชวยเหลือจากภายนอกชุมชน(สุริชัย, 2550) กระทั่งหาแนวทางในการสรางความมั่นคงใหกับ การใชชีวิตในชุมชนโดยเลือกใชเทคนิคการจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติโดยมีชุมชนเปนฐาน (Community-based Disaster Risk Management: CBDRM) มากําหนดมาตรการลดความ เสี่ยงในการวางแผนการ บริหารทรัพยากร ปองกันและแกไขปญหาทุกขั้นตอน โดยอาศัยความ เขาใจดานสภาพแวดลอมและบริบทของคนในชุมชนเปนหลัก (นิลุบล, 2006) เมื่อพิจารณาปรากฏการณในขางตนแลวจะเห็นวา ความเปนประชาสังคมจากผูสนับสนุน ภายนอกและการจัดการตนเองจากภายในชุมชนเปนปจจัยที่โยงใหการฟนฟูและเตรียมพรอม รับมือกับภัยพิบัติเกิดขึ้นไดอยางครบวงจร การศึกษาในครั้งนี้จึงสนใจกระบวนการจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติของชุมชนบาน น้ําเค็ม ตําบลบางมวง อําเภอตะกั่วปา จังหวัดพังงา ซึ่งมีบทเรียนที่สามารถนําไปขยายผล สู แนวทางการพัฒนาการจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติโดยมีชุมชนเปนฐานจากภาคประชาสังคม โดยลดชองวางและเชื่อมโยงการดําเนินงานจากทั้ง 3 ภาคสวนไดแก ภาคชุมชน องคกรพัฒนา เอกชน และภาครัฐได วัตถุประสงค 1.เพื่อศึกษาปญหา อุปสรรค พรอมทั้งแนวทางการแกไขในการจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติ โดยมีชุมชนเปนฐานของชุมชนบานน้ําเค็มจากภาคประชาสังคม 2.เพื่อศึกษาแนวทางการพัฒนาการจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติโดยมีชุมชนเปนฐานจาก บทเรียนความรวมมือกันในภาคประชาสังคมของชุมชนบานน้ําเค็ม วิธีดําเนินการวิจัย ในการวิจัยครั้งนี้ผูวิจัยนําเอาเทคนิคเดลฟาย (Delphi) มาใชในการรวบรวมขอคิดเห็นเกี่ยวกับ แนวทางการพัฒนาและสนับสนุนการจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติโดยมีชุมชนเปนฐาน โดย เลือกผูเชี่ยวชาญแบบเจาะจง (Purposive Sampling) และใชวิธีบอกตอ (Snowball Sampling) จากผูปฏิบัติงาน ผูเชี่ยวชาญจากชุมชน องคกรพัฒนาเอกชนและภาครัฐ จํานวน10 คน ผลการวิจัย 1. การศึกษาบทบาทของแตละภาคสวนในกระบวนการจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติ โดยมีชุมชนเปนฐาน โดยทั่วไปกระบวนการ CBDRM จะประกอบดวยขั้นตอนการดําเนินงานทั้งหมด 7 ขั้นตอน (นิลุบล, 2006) ดังภาพที่ 1 ซึ่งหากแบงชวงเวลาในการดําเนินงานตามแนวคิดการจัดการตนเอง (Seixas และคณะ, 2008) แลวจะพบวาการดําเนินงานมีอยู 2 ชวงใหญๆ คือ ชวงเริ่มตนการ จัดการ ไดแก กระบวนการ CBDRM ขั้นที่ 1-5 และชวงสานตอการจัดการ ไดแก กระบวนการ CBDRM ขั้นที่ 6-7
  • 15. 14 ขั้นตอนที่ 7 • การติดตามการทํางาน การรายงานผลและการปรับปรุงแกไข 6 • การเสริมสรางขีดความสามารถใหแกชุมชน 5 • การประเมินความเสี่ยงจากภัยพิบัติโดยการมีสวนรวมของชุมชน 4 • การจัดทําแผนการจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติโดยการมีสวนรวมของชุมชน 3 • การจัดองคกรชุมชนในการจัดการภัยพิบัติ 2 • การทํามวลชนสัมพันธ และการสรางความเขาใจกับชุมชน 1 • การเลือกชุมชนและพื้นที่ดําเนินงาน ภาพที่ 1 ขั้นตอนของการจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติโดยมีชุมชนเปนฐาน 1.1 ชวงเริ่มตนการจัดการ กอนที่ศูนยเตรียมความพรอมปองกันภัยพิบัติแหงเอเชีย (ADPC) จะจัดการอบรม CBDRM ในป พ.ศ.2547 ชาวบานไดรับการสนับสนุนขององคกรพัฒนาเอกชนในการจัดระบบการ รวมกลุมและสรางการเรียนรูผานการลงมือปฏิบัติตั้งแตพักอยูที่ศูนยพักชั่วคราวบางมวง ในการ แกปญหาความเปนอยูจากผลกระทบของสึนามิ เชน การฟนฟูและจัดตั้งกลุมอาชีพ การ แกปญหากรรมสิทธิ์ที่ดิน การฟนฟูวัฒนธรรมซึ่งเปนกระบวนการรวมคน บําบัดความโศกเศรา เสียใจ สรางความมั่นใจและเพิ่มพลังชีวิต การสนับสนุนใหชุมชนทําแผนแมบทในการแกปญหา และพัฒนาชุมชนระยะยาวเพื่อการพึ่งพาตนเอง การสานเครือขายผูประสบภัยสําหรับ แลกเปลี่ยน รับฟงปญหาระหวางผูประสบภัยและยื่นขอเสนอในการจัดการปญหาตอภาครัฐ ซึ่ง เปนกิจกรรมที่วางรากฐานในการจัดการตนเองใหกับชาวบาน จนเมื่อชาวบานยายจากศูนยพักชั่วคราวบางมวง กลับมายังชุมชนบานน้ําเค็มซึ่งเปนที่พัก อาศัยเดิม การสรางทีมที่จะเตรียมพรอมตอความเสี่ยงจากคลื่นสึนามิซึ่งเคยสรางความสูญเสีย ใหกับชุมชนก็เริ่มขึ้นโดยมีชาวบานเปนตัวหลักในการตั้งคณะกรรมการ จัดการคนในชุมชนให ทําหนาที่ตางๆ โดยมีศูนยในการบริหารการจัดการ คือ ศูนยประสานงานชุมชนบานน้ําเค็มซึ่ง ทําหนาที่ประสานกับองคกรที่เขามาชวยทั้งภาครัฐ องคกรพัฒนาเอกชน อาสาสมัครและคน ทั่วไป และศูนยอาสาสมัครปองกันภัยฝายพลเรือน (อปพร.) บานน้ําเค็ม เปนแกนหลักในการ เฝาระวังและเตรียมพรอมตอภัยจากคลื่นสึนามิ โดยมีองคกรบริหารสวนตําบลบางมวงสนับสนุน งบประมาณในการอบรมและจัดซื้ออุปกรณที่จําเปนตอการกูภัย การซอมอพยพ สวนองคกร พัฒนาเอกชนเปนพี่เลี้ยงที่ใหคําปรึกษาในการทําแผนจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติซึ่งตองใช เวลาถึง 1 ปเต็ม
  • 16. 15 1.2 ชวงสานตอการจัดการ หลังจากที่เกิดแผนเตรียมความพรอมรับมือกับภัยพิบัติจนชุมชนตั้งทีมและสามารถดําเนินงาน จนเปนระบบของตนเองแลว องคกรพัฒนาเอกชนที่อยูในพื้นที่ก็คอยๆ ลดบทบาทของตนเองลง จากพี่เลี้ยงที่อยูใกลชิด มาเปนผูชวยที่คอยสังเกตการณ ใหคําปรึกษาเมื่อชุมชนตองการความ ชวยเหลือและใหการสนับสนุนการพัฒนาความสามารถตอยอดที่จําเปนตอการพัฒนาตนเองของ ชุมชน สวนภาครัฐหลังจากสนับสนุนกระบวนการ CBDRM และทีมอปพร.ของบานน้ําเค็มแลว ยังมีการพัฒนาความสามารถของอาสาสมัครตอเนื่องดวยการฝกอบรมทักษะในการกูชีพกูภัยใน โครงการ หนึ่งตําบล หนึ่งทีมกูภัย (OTOS) และนําชุมชนเขารวมโครงการชุมชนเขมแข็ง เตรียมพรอมปองกันภัยเปนชุมชนนํารองในป พ.ศ.2551 ซึ่งใชถึงเวลา 1 ปเต็มในการพัฒนา ระบบขอมูลและการจัดการความรูดานภัยพิบัติของชุมชน พัฒนาแผนการจัดการความเสี่ยงภัย ตอยอดจาก CBDRM เดิมที่ไดรับการอบรมไวแลวใหเขมแข็งใหครอบคลุมภัยอื่นๆ ตลอดจน สามารถพึ่งพาตนเองในการบริหารจัดการภัยพิบัติ โดยกรมปองกันและบรรเทาสาธารณภัย ใน กระทรวงมหาดไทยเปนผูรับรองใหบานน้ําเค็มไดเปนชุมชนนํารองในโครงการชุมชนเขมแข็ง เตรียมพรอมปองกันภัย 2. การศึกษาแนวทางการพัฒนาการจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติโดยมีชุมชนเปนฐาน ในศึกษาครั้งนี้ใชแนวคิดการดํารงชีวิตอยางยั่งยืน (DFID, 2000) ศึกษาความสัมพันธของ องคประกอบที่มีผลตอวิธีการดํารงชีวิต 5 ประการ นํามาอธิบายแนวทางในการพัฒนาการ จัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติแกชุมชนโดยใชความคิดเห็นจากผูเชี่ยวชาญดานปญหาและแนว ทางแกไขที่พบในการดําเนินงานตามกรอบการดําเนินงานการดํารงชีวิตอยางยั่งยืน ตนทุนในการดํารงชีวิต วิธีการ ดําเนิน ชีวิต H = ทุนมนุษย (humancapital) N = ทุนธรรมชาติ (natural capital) F = ทุนทางการเงิน (financialcapital) P = ทุนกายภาพ (physicalcapital) S = ทุนทางสังคม (socialcapital) H S N P F ความเสี่ยงและ ความเปราะบาง -ความเสียหาย -แนวโนม -ฤดูกาล องคกรและกระบวนการ ที่กอใหเกิดการเปลี่ยนแปลง โครงสราง -ภาครัฐ -ภาคเอกชน กระบวนการ -กฎหมาย-นโยบาย -วัฒนธรรม - สถาบัน ผลที่ชุมชนไดรับ -รายไดที่เพิ่มขึ้น -ความเปนอยูที่ดีขึ้น -ความเปราะบางลดลง -มีความยั่งยืนในการ ใชทรัพยากรธรรมชาติ มากขึ้น ภาพที่2 กรอบการดําเนินงานในการดํารงชีวิตอยางยั่งยืน (Sustainable livelihoods framework) องคประกอบในการดํารงชีวิตอยางยั่งยืนทั้ง 5 ประการ ดังภาพที่ 2 นั้น มีความสัมพันธกัน คือ
  • 17. 16 - บริบทของความเสี่ยงและความเปราะบาง (vulnerability context) ใชอธิบายความเสี่ยง ของชุมชนที่อาจเกิดความเสียหายอยางฉับพลัน เชน ภัยธรรมชาติ การขาดเงินใชจาย ปญหาความขัดแยง การเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล เชน การทําอาชีพในชวงฤดูตางๆ แนวโนมของปจจัยตางๆ ที่มีผลกระทบตอวิถีการดํารงชีพ เชน แนวโนมประชากร ทรัพยากร เศรษฐกิจ รัฐบาล นโยบาย และเทคโนโลยี เปนตน - ตนทุนในการดํารงชีวิต (livelihood assets) ใชอธิบายถึงตนทุนชุมชนนํามาใชในการ ดําเนินงาน ไดแก H = ทุนมนุษย (human capital) เชน ความรู ขีดความสามารถในการทํางาน ภาวะผูนํา สุขภาพ N = ทุนธรรมชาติ (natural capital) เชน พื้นที่ทํากิน การชลประทาน ทรัพยากรชายฝง F = ทุนทางการเงิน (financial capital) เชน เงินเดือน กองทุนในชุมชน เครื่องมือทํากิน บาน P = ทุนกายภาพ (physical capital) เชน ถนน ไฟฟา ประปา และสาธารณูปโภคตางๆ S = ทุนทางสังคม (social capital) เชน การรวมกลุม ภาคีเครือขาย ประชาสังคมที่สนับสนุน - องคกรและกระบวนการที่กอใหเกิดการเปลี่ยนแปลง (transforming structures & processes) ใชอธิบายปจจัยสนับสนุนจากอิทธิพลของทรัพยากร ที่ในขณะเดียวกันก็ทําให เกิดการเปลี่ยนแปลงของภาครัฐและชุมชน ที่นําไปสูการปรับปรุงการดําเนินงานเพื่อสราง ความมั่นคงในการดําเนินชีวิต ซึ่งการวิจัยในครั้งนี้มีกระบวนการจัดการความเสี่ยงจากภัย พิบัติโดยมีชุมชนเปนฐานเปนกระบวนการที่สรางการเปลี่ยนแปลง - ยุทธวิธีในการดําเนินชีวิต (livelihood strategies)ใชอธิบายแนวทางในการปรับปรุงวิธี ดําเนินชีวิตใหมีความมั่นคงมากขึ้น - ผลที่ชุมชนไดรับ (livelihood outcomes) เปนผลไดที่เกิดจากการเลือกวิถีการดําเนินชีวิต ซึ่งการศึกษาในครั้งนี้จะใหความสําคัญกับการลดความเปราะบางในการดํารงชีวิตเปนหลัก 3. ภาพรวมของปญหาและแนวทางแกไขในการดําเนินงาน ในการตั้งทีมเตรียมพรอมรับมือภัยพิบัติชวงแรกๆพบวา ชาวบานขาดความเชื่อถือในการ ดําเนินงานกันเอง ปญหาอคติและความขัดแยงภายในชุมชน ซึ่งแกไขไดโดยสรางความรูความ เขาใจในการดําเนินงานและสรางความรวมมือกันในการแกปญหาและลดความขัดแยงที่เกิดขึ้น จนเขาสูชวงสานตอการจัดการ ก็พบปญหาดานการสรางการมีสวนรวมในระยะยาวและปญหา การขาดงบประมาณในระยะยาว ซึ่งสามารถแกไขไดโดยดวยการผสานกลุมตางๆในชุมชน ให เกิดการสื่อสารกันอยางตอเนื่อง ซึ่งนําไปสูการพึ่งพาตนเองในการสรางรายไดมาสํารองหรือ หมุนเวียนการดําเนินงานตอไป สวนปญหาที่มาจากภายนอกชุมชน โดยมากจะมาจากขอจํากัด ของภาครัฐ การแกปญหา คือ ผูปฏิบัติงานจากทุกภาคสวนปรับเปลี่ยนทัศนคติใหเปนการ ทํางาน ทุกองคกรตองทํางานเปนทีมเดียวกัน ตองใหความสําคัญกับการดําเนินงานโดยชุมชน เปนฐาน กลาวคือ ตองทํางานโดยใหชุมชนเปนศูนยกลาง ทุกสวนตองเห็นประโยชนของชุมชน เปนหลัก ใหอํานาจการตัดสินใจอยูที่ชุมชน
  • 18. 17 4. แนวทางการพัฒนาและขยายผลการดําเนินงาน 4.1 แนวทางในการพัฒนาการดําเนินงาน จากการสัมภาษณถึงปญหาและแนวทางในการแกไขจากการดําเนินงานในขางตน ผูวิจัยไดสราง แนวทางในการพัฒนากระบวนการ CBDRM ทั้ง 7 ขั้น ออกมาเปนแผนภาพที่ 3 ไดดังนี้ ภาพที่ 3 แนวทางแกปญหาที่พบในกระบวนการจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติโดยมีชุมชนเปนฐาน การจัดองคกรชุมชนในการจัดการภัยพิบัติ 3 ขั้นแรกตองคนหาแกนนําที่เปนตัวจริงมาเปนอาสาสมัครรวมกันทํางาน จากนั้นกระตุนใหภายในชุมชนไดเชื่อมโยงการเรียนรูเขาดวยกัน องคกรปกครองสวนทองถิ่นตองมีสวนรวมในการประเมินความเสี่ยง ทําแผนลดความ เสี่ยงของชุมชน และเผยแพรแผนที่เกิดขึ้นสูชาวบานทั่วไปดวย การประเมินความเสี่ยงจากภัยพิบัติโดยการมีสวนรวมของชุมชน 4 การจัดทําแผนการจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติโดยการมีสวนรวม 5 ทําแผนโดยใหอํานาจในการตัดสินใจ (Empowerment) โดยการมีสวนรวม จากภายในชุมชนเปนหลัก ตามความรูความเขาใจและการยอมรับรวมกัน การเสริมสรางขีดความสามารถใหแกชุมชน 6 ควรสนับสนุนทํางานภาคชุมชนใหเขมแข็ง ควบคูกับสอนวิธีใชอํานาจหนาที่และ แนวทางดําเนินงานภาคปฏิบัติในเชิงรุก แกผูบริหารองคกรปกครองสวนทองถิ่นดวย การติดตามการทํางาน การรายงานผลและการปรับปรุงแกไข 7 สรางเครือขาย ผสานคณะทํางานดานการจัดการภัยเขากับกลุมตางๆ ในชุมชนและขยาย ไปสูนอกชุมชน เพื่อเพิ่มโอกาสในการแลกเปลี่ยนบทเรียน ควรตรวจสอบการรวมกลุมของคณะทํางานเปนประจําทุกป วาฝอหรือสลายตัวไปหรือยัง เพื่อที่จะไดสนับสนุนใหมีการสรรหาผูที่มาดําเนินงานแทนผูที่หายไป ทุกภาคสวนรวมกัน สื่อสารเรื่องสิทธิ หนาที่ และความรูพื้นฐานดานภัยพิบัติอยางชัดเจน เพื่อสรางความตระหนักในการจัดการตนเองแกชุมชน การทํามวลชนสัมพันธ และการสรางความเขาใจกับชุมชน2 เลือกชุมชนที่มีความพรอมและความตั้งใจตอการจัดการตนเองกอน การเลือกชุมชนและพื้นที่ดําเนินงาน 1 ขั้นตอนที่
  • 19. 18 4.2 โมเดลการสําหรับการขยายผลการดําเนินงาน จากการสรุปขอมูลในการสัมภาษณ ผูวิจัยไดนําบทเรียนและปญหาที่พบในการดําเนินของชุมชน บานน้ําเค็มสามารถสรางโมเดลการเตรียมพรอมรับมือภัยพิบัติดวยกระบวนการจัดการความ เสี่ยงจากภัยพิบัติโดยมีชุมชนเปนฐาน ดังโมเดลในภาพที่ 4 โดยนําผลบทเรียนจากการจัดตั้งทีม ประสานงานของบานน้ําเค็มที่สามารถนําไปใชในการขยายผลสูชุมชนอื่นๆ ไดเปนขั้นตอนการ ดําเนินงานดังนี้ เตรียมพรอมชวยเหลือกันและกันในอนาคต ชวงเริ่มตนการจัดการชวงสานตอการจัดการ รวมกลุม แลกเปลี่ยนความคิดเห็น สรางความตระหนัก หาแกนนําและสรางทีม แบงหนาที่รับผิดชอบ สรางทีมปฏิบัติงาน สรางแผนเตรียมพรอมรับมือภัยพิบัติ วางรากฐานการจัดการตนเอง หาแกนนําตัวจริงที่จะรับผิดชอบการดําเนินงาน ทุนมนุษย ทุนทาง สังคม ทุนทาง การเงิน ทุน สิ่งแวดลอม ทุนทาง กายภาพ ทรัพยากร ผสานเขากับกลุมตางๆในชุมชน สรางเครือขายกับชุมชนขางเคียง และองคกรที่เกี่ยวของ พัฒนาขีดความสามารถเพิ่มเติม โยงการดําเนินงานและการรวมกลุม สรางการดําเนินงานในระยะยาว พัฒนาทักษะการจัดการภัยพิบัติ(สรางทุนมนุษย) ภาครัฐเอื้ออํานาจดวยการรับรองการดําเนินงาน ระดมความคิดประเมินความเสี่ยงรวมกับชาวบาน ตอยอดทักษะในการจัดการภัยที่จําเป็นเพิ่มเติม ดําเนินงานลดความเสี่ยงทางกายภาพแกชุมชน จัดหาเครื่องมือและอุปกรณที่จําเป็นในการจัดการ แลกเปลี่ยนเรียนรู สะทอนบทเรียนระหวางชุมชน ตองมีพี่เลี้ยงที่ให คําปรึกษาใน การดําเนินงาน สื่อสารเรื่องความ รับผิดชอบและ เจาภาพที่ชัดเจน ภาพที่ 4 โมเดลการเตรียมพรอมรับมือภัยพิบัติของชุมชนบานน้ําเค็ม
  • 20. 19 4.3 ภาพรวมของแนวทางในการพัฒนาการดําเนินงาน การจัดการที่ยั่งยืนนั้นไมสามารถทําแยกสวนเพียงประเด็นใดประเด็นเดียวได การสรางรากฐาน ใหชุมชนจัดการตนเองไดอยางแทจริงนั้นตองแกปญหาตางๆไปพรอมๆกัน โดยการ เตรียมพรอมรับมือภัยพิบัตินั้น ควรเริ่มผูปฏิบัติงานควรเริ่มจากศึกษาทุนทั้ง 5 ประการ ที่มีอยู ในชุมชนไดแก ทุนมนุษย ทุนทางสังคม ทุนสิ่งแวดลอม ทุนกายภาพ และทุนทางการเงิน โดย ใหความสําคัญกับการใชทุนทางสังคมและการสรางทุนมนุษย มาสรางกระบวนการที่จะ กอใหเกิดการเปลี่ยนแปลงที่จะพัฒนาชุมชน ซึ่งในการสนับสนุนในชุมชนเกิดการจัดการตนเอง นั้น ภาครัฐควรพัฒนานโยบายใหเจาหนาที่กับชุมชนปฏิบัติงานดวยการมีสวนรวมกันเพิ่มมาก ขึ้น ขณะเดียวกันก็ควรจะสงเสริมการแลกเปลี่ยนเรียนรู ทั้งระหวางชุมชนและระหวางภาคสวน ขับเคลื่อนใหเกิดเครือขายที่พรอมจะชวยกันแกปญหา บทสรุป ในการศึกษาปญหาที่พบในการจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติโดยมีชุมชนเปนฐานของชุมชน บานน้ําเค็มจากภาคประชาสังคมนั้น พบวา ในการแกปญหานั้นทุนมนุษยและทุนทางสังคมเปน ปจจัยหลักในการขับเคลื่อนชุมชน กลาวคือ ความรูที่มีอยูในทุนมนุษยและความรวมมือจากทุก ภาคสวนทั้งภายในชุมชนและภายนอกชุมชนจากทุนทางสังคม เปนสิ่งที่ชวยคลี่คลายปญหาดาน การมีสวนรวม ปญหาดานงบประมาณ ปญหาดานความรูความเขาใจในสิทธิหนาที่ในการ ดําเนินงาน ปญหาดานสภาพแวดลอมและปญหาดานการประสานงานระหวางองคกร ในขณะที่ ทุนทางการเงินและทุนทางกายภาพยังเปนขอจํากัดในการดําเนินงาน ปญหาและแนวทางการในการแกไขที่กลาวมาในขางตน ไดสะทอนใหเห็นวา แนว ทางการพัฒนาการจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติโดยมีชุมชนเปนฐาน จะตองใหความสําคัญกับ การวางรากฐานใหคนในชุมชนพึ่งพาตนเองเปนหลักตั้งแตตน โดยสนับสนุนใหชาวบานรวมกลุม กัน ระดมความคิดมาวางแผนจัดการปญหา ซึ่งถัดมาก็ตองตอยอดทางความรู ทั้งจากการ สะทอนประสบการณจากดําเนินงานมาเปนบทเรียนและการแลกเปลี่ยนเรียนรูจากชุมชนอื่นมา ปรับใชกับการดําเนินงานของตนเอง รวมกับเขารับการอบรมทักษะดานตางๆที่จะสรางเสริมการ พัฒนาศักยภาพของสมาชิกหรือคณะกรรมการของชุมชน เพื่อพัฒนาการดําเนินงานของชุมชน ตอไป อภิปรายผล ในการศึกษาแนวทางการพัฒนาการจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติตามแนวคิดการดํารงชีวิต อยางยั่งยืน นอกจากความคิดเห็นจากผูเชี่ยวชาญแลว ควรมีการวิจัยเชิงปริมาณเพื่อสํารวจ ความคิดเห็นที่มีตอความเสี่ยงและความเปราะบาง ตนทุนในการดํารงชีวิตของชุมชน และการ จัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในชุมชนที่ผานมา รวมไปถึงความตองการของคนใน ชุมชนที่มีตอการพัฒนาการดําเนินงานตอไป
  • 21. 20 เอกสารอางอิง นิลุบล สูพานิช, 2006, คูมือแนวทางการปฏิบัติงานสําหรับผูปฏิบัติงานภาคสนาม ในการ จัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติโดยอาศัยชุมชนเปนฐานในประเทศไทย, กรมปองกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย, 2549. สุริชัย หวันแกว และคณะ, 2549, สังคมวิทยา สึนามิ: การรับมือภัยพิบัติ, นโยบายการรับมือ ภัยสึนามิ, สถาบันวิจัยสังคม และศูนยการศึกษาการพัฒนาสังคม คณะรัฐศาสตร จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย, พิมพครั้งที่ 1 พฤศจิกายน 2550,: กรุงเทพมหานคร. Seixas et al., Self-organization in integrated conservation and development Initiatives, International Journal of the Commons, Vol.2, no 1 January 2008, pp. 99-125. DFID. 2000, Sustainable Livelihoods Guidance Sheets. Department for International Development. (Available at www.livelihood.org/info_guidancesheets.htm.).