SlideShare una empresa de Scribd logo
1 de 10
Descargar para leer sin conexión
บทที่ 2

                                                   เอกสารทีเ่ กียวข้ อง
                                                                ่

                   ในการจัดทาโครงงานคอมพิวเตอร์ การพัฒนาเว็บบล็อก (WebBlog) ด้วย Wordpress
          เรื่ อง การสารวจความรู้และการปองกันโรคเอดส์ของนักเรี ยนชันมัธยมศึกษาปี ที่ 5/4
                                        ้                          ้
          โรงเรี ยนเลยอนุกลวิทยา อาเภอ เมือง จังหวัด เลย นี้ ผูจดทาโครงงานได้ศึกษาเอกสารและจาก
                          ู                                    ้ั
          เว็บไซต์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้

                   2.1 ความสาคัญของโรคเอดส์
                   2.2 ข้อมูลเกี่ยวกับ โรคเอดส์
                   2.3 ผลกระทบของโรคเอดส์
                   2.4 ความรู้เรื่ องโรคเอดส์
                   2.5 การปฏิบติ
                              ั

          2.1 ความสาคัญของโรคเอดส์


โรคเอดส์ (AIDS) คืออะไร (wikipedia.org)

      โรคเอดส์ หรือ โรคภูมคมกันบกพร่อง (Acquired Immune Deficiency Syndrome - AIDS) เป็ นกลุม
                                 ิ ุ้                                                                    ่
                         ่     ้                    ั                     ่
      อาการเจ็บป่ วยทีเกิดขึนเพราะร่างกายได้รบเชื้อไวรัสเอชไอวี (HIV) ซึงจะเข้าไปทาลายเม็ดเลือดขาว ทีเป็ น
                                                                                                     ่
      แหล่งสร้างภูมคมกันโรค ทาให้ภมคมกันโรคลดน้อยลง จึงทาให้ตดเชื้อโรคฉวยโอกาสแทรกซ้อนเข้าสูรางกาย
                    ิ ุ้              ู ิ ุ้                        ิ                              ่ ่
          ่ ้
      ได้งายขึน เช่น วัณโรคในปอด หรือต่อมน้าเหลือง เยือหุมสมองอักเสบจากเชื้อรา โรคผิวหนังบางชนิด หรือเป็ น
                                                        ่ ้
                                             ่                        ้
      มะเร็งบางชนิดได้งายกว่าคนปกติ ซึงสาเหตุของการเสียชีวตมักเกิดขึนจากโรคติดเชื้อฉวยโอกาสต่างๆ เหล่านี้
                             ่                               ิ
      ทาให้อาการจะรุนแรง และเสียชีวตอย่างรวดเร็ว
                                       ิ
      ปัจจุบ ันโรคเอดส์มการตรวจพบทั่วโลก และประมาณการว่ามีผเสียชีวตเนื่องจากโรคเอดส์ อย่างน้อย 25 ล้านคน
                           ี                                     ู้     ิ
      ตังแต่ถูกค้นพบในปี พ.ศ. 2524 (ค.ศ. 1981) นับเป็ นโรคทีมอ ันตรายสูงโรคหนึ่งของประวัตศาสตร์มนุษย์ชาติ
        ้                                                      ่ ี                           ิ
                                                                                                 ่
      ในปี พ.ศ. 2548 ประมาณการว่ามีผตดโรคเอดส์ประมาณ 3.1 ล้านคน(ระหว่าง 2.8 - 3.6 ล้าน) ซึง 570,000
                                               ู้ ิ
      คนของผูป่วยโรคเอดส์เป็ นเด็ก (UNAIDS, 2005)
                ้
2.2 ข้อมูลเกี่ยวกับ โรคเอดส์

            อาการของเอดส์ มี 2 ระยะ
   1. ระยะไม่มอาการ ผูตดเชื้อจะมีสขภาพแข็งแรง ไม่มอาการผิดปกติแต่อย่างใด ผูตดเชื้อส่วน
                 ี        ้ ิ            ุ         ี                                ้ ิ
   ใหญ่จะอยูในระยะนี้ และบางคนไม่ทราบว่า ตัวเองติดเชื้อ จึงอาจแพร่เชื้อไปสูผอนได้
               ่                                                           ่ ู้ ื ่
   2. ระยะมีอาการ ผูตดเชื้อส่วนใหญ่จะเริมแสดงอาการ ภายหลังจากได้รบเชื้อประมาณ 7-8 ปี
                      ้ ิ                  ่                        ั
   แบ่งเป็ น 2 ระยะ คือ
   - ระยะเริมปรากฎอาการ อาการทีพบคือ มีเชื้อราในปาก ต่อมน้าเหลืองโต งูสวัด มีไข้ ท้องเสีย
             ่                         ่
   น้าหนักลด มีตมคันบริเวณผิวหนัง
                   ุ่
   - ระยะโรคเอดส์ เป็ นระยะทีมภมตานทานลดลงมาก ทาให้ตดโรคติดเชื้อฉวยโอกาสได้งายขึน
                                ่ ี ู ิ ้                ิ                              ่ ้
   เช่น วัณโรค ปอดบวม เยือหุมสมองอักเสบ เป็ นต้น
                              ่ ้


   ป้ องกันตัวเอง ไม่ให้ตดเชื้อเอดส์ ได้อย่างไร
                         ิ
   รักเดียว ใจเดียว หากจะมีเพศสัมพันธ์กบหญิง ควรใช้ถุงยางอนามัยทุกครัง ทีมเพศสัมพันธ์
                                          ั                         ้ ่ ี
   ขอรับบริการปรึกษา เรื่อง โรคเอดส์ ก่อนแต่งงาน และก่อนทีจะมีบตรทุกท้อง
                                                          ่    ุ
   ไม่ดมเหล้า และงดใช้สารเสพติดทุกชนิด
        ื่




   2.3 ผลกระทบของโรคเอดส์


          โรคเอดส์ เป็ นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสเอชไอวี มีผลทาให้ภูมิคุมกันของร่ างกายเสื่ อมลง ร่ างกายจึงติดเชื้อฉวย
                                                                      ้
โอกาสได้ง่าย และเป็ นมะเร็งที่ปกติไม่พบในคนที่อายุนอยกว่า 60 ปี นอกจากผลกระทบทางด้านร่ างกายแล้ว ยังส่งผล
                                                       ้
กระทบทางด้านจิตสังคม และมักจะรุ นแรงกว่าโรคอื่น ๆ กล่าวคือ เกิดขึ้นทุกระยะตั้งแต่ก่อนทราบผลการตรวจ ระยะ
ทราบผลการวินิจฉัย ระยะได้รับการรักษา ระยะเกิดโรคแทรกซ้อน หรื อติดเชื้อซ้ า และระยะใกล้ตาย ผูป่วยส่วนใหญ่จะ
                                                                                                      ้
กังวล กลัวตาย กลัวสังคมรังเกียจ กลัวถูกทอดทิ้ง กลัวการถูกแยก บางคนอาจทุกข์ทรมานมากจากอาการทางกาย และจิต
สังคม จึงคิดฆ่าตัวตาย ผลกระทบของโรคเอดส์ มิใช่มีผลเฉพาะตัวผูป่วยเท่านั้น ยังมีผลกระทบต่อครอบครัว และบุคคล
                                                                  ้
ใกล้ชิด ต่อสังคม และประเทศชาติอีกด้วย
2.4 ความรู ้เรื่ องโรคเอดส์

  เอดส์ โรคติดเชื้อ HIV,AIDS

  เอดส์หรื อโรคเอดส์เป็ นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสไปทาลายระบบภูมิคุมกันของร่ างกายทาให้ร่างกายเสี่ ยงต่อการ
                                                                 ้
  ติดเชื้อฉวยโอกาส


                                                      ่
  ประเทศไทยมีการติดเชื้อ HIV เป็ นจานวนมากแม้วาเวลาผ่านไปนานพอสมควรก็ยงพบผูป่วยที่ติดเชื้อเพิ่ม
                                                                                    ั   ้
         ่
  ขึ้นอยูตลอดเวลา เป็ นการสมควรที่ทุกคนจะเรี ยนรู ้ถึงโรคและการป้ องกัน หากท่านมีผลเลือดบวกแสดงว่าท่าน
  ได้รับเชื้อ HIV จากการร่ วมเพศกับผูที่ติดเชื้อโดยที่ไม่ได้ป้องกัน หรื ออาจจะเกิดจากการฉี ดยาเสพติด
                                     ้

  HIV และ AIDS ต่ างกันอย่ างไร

  เชื้อ Human Immunodeficiency Virus(hiv) เป็ นเชื้อไวรัสที่ทาให้เกิดโรคเอดส์ เมื่อเชื้อ
  เข้าสู่ร่างกายเชื้อจะแบ่งตัวอย่างมากและมีการเกิดโรคที่อวัยวะต่างๆ เช่นสมอง หัวใจ ไตและที่สาคัญคือจะ
  ทาลายระบบภูมิคุมกันของร่ างกาย ระบบภูมิคุมกันนี้จะทาหน้าที่สร้างถูมิเพื่อต่อต้านการติดเชื้อและมะเร็ งบาง
                      ้                        ้
  ชนิด ในการสร้างภูมิจะต้องอาศัยเซลล์หลายชนิดที่สาคัญได้แก่เซลล์ CD4+ lymphocytes ซึ่งเป็ น
  เซลล์ที่เชื้อ HIV ชอบ เมื่อเซลล์ CD4+ lymphocytes ถูกทาลายโดยเชื้อมากจะทาให้ภูมิของ
  ร่ างกายอ่อนแอ ดังนั้นปั ญหาที่สาคัญของคนติดเชื้อ HIV คือปั ญหาของโรคที่เกิดจาดภูมิที่อ่อนแอลงเช่นโรค
  ติดเชื้อฉวยโอกาส opportunistic
  infections เช่นโรคปอดบวมและโรคเยือหุมสมองอักเสบ และมะเร็ งบางชนิด ปั จจุบนพบเชื้อ HIV มี2
                                              ่ ้                                      ั
  ชนิดคือ

         HIV-1 เป็ นชนิดที่แพร่ ระบาดทัวโลก
                                        ่
         HIV-2 พบที่แถบประเทศ Africa
         HIV-1มี sub-types หลายชนิด



HIV disease คือผูป่วยที่ได้รับเชื้อHIV และยังไม่เกิดอาการจากเชื้อฉวยโอกาสและมีจานวนเซลล์ CD4+
                  ้
                                                                                                  ่
lymphocytes มากกว่า 200 cells/mm3(ปกติมากกว่า 100 cell/mm)โดยทัวไปไม่มีอาการเป็ นเวลา 5-10 ปี แม้วาจะ
                                                                     ่
ไม่มีอาการเชื้อก็แบ่งตัวและทาลายระบบภูมิคุมกันของร่ างกาย และเมื่อภูมิถูกทาลายมากจนกระทังเกิดโรคที่เกิด
                                             ้                                           ่
จากภูมิบกพร่ อง

Acquired Immunodeficiency Syndrome หรื อโรคเอดส์ คือผูป่วยที่ได้รับเชื้อ HIV และโรคได้ลุกลามจนภูมิคุนกัน
                                                      ้                                             ้
บกพร่ อง และอาจจะทาให้เกิดโรคฉวยโอกาสและมะเร็ ง ตามองค์การควบคุมโรคติดเชื้อของอเมริ กาหมายถึง
    โรคติดเชื้อบางชนิดเช่น Pneumocystis carinii pneumonia (PCP), and
         cryptococcal meningitis
        มะเร็ งบางชนิดเช่น cervical cancer, Kaposi’s sarcoma, และมะเร็ งต่อม
         น้ าเหลืองที่ระบบประสาท( central
         nervous system lymphoma )
        CD4+ count น้อยกว่า 200 cells/mm3(ค่าปกติ 600-1000) หรื อ 14
         percent of lymphocytes

AIDS ทาลายร่ างกายอย่ างไร

        ทาลายระบบภูมิคุมกันของร่ างกายทาให้มีปัจจัยเสี่ ยงต่อการติดเชื้อฉวยโอกาสและมะเร็ ง
                        ้
        สมองถูกทาลายทาให้สมองเสื่ อมและความจาเสื่ อม
        ทาให้หวใจวายมีอาการเหนื่อยง่าย บวมเท้าและท้อง
                ั
        ทาให้ไตวาย
        ไม่สามารถทางานประจาวันได้เช่น การขับรถ
        มีการเปลี่ยนแปลงทางน้ าหนักและท้องร่ วงเรื้ อรัง

อาการของโรคติดเชื้อ HIV

อาการของการติดเชื้อ HIV จะมีความหลากหลายขึ้นกับระยะของโรค เนื่องจากเชื้อ HIV เป็ นไวรัสชนิดหนึ่ง
อาการของการติดเชื้อ HIV จะเหมือนอาการของไข้หวัดคือ มีไข้ ปวดศีรษะ มีผื่น อ่อนเพลีย เราไม่สามารถวินิจฉัย
ได้จากอาการ แม้วาผูได้รับเชื้อ HIV จะไม่มีอาการแต่เขาสามารถแพร่ เชื้อสู่ผอื่นได้ ฉนั้นผูที่มีพฤติกรรมเสี่ ยงควร
                 ่ ้                                                     ู้             ้
ได้รับการเจาะเลือด ในช่วงแรกของการติดเชื้อ HIV คุณอาจจะมีอาการดังต่อไปนี้

        ต่อมน้ าเหลืองโต ตับม้ามโต มักจะเป็ นอาการอันแรกของการติดเชื้อ
        ท้องร่ วง บางคนอาจจะเรื้ อรัง
        น้ าหนักลด.
        มีไข้
        ไอและหายใจลาบาก

เมื่อไม่ได้รับการรักษาเชื้อก็จะแบ่งตัวเรื่ อยและทาลายระบบภูมิคุมกันและกลายเป็ นโรคเอดส์ซ่ ึงจะมีอาการดังนี้
                                                               ้

        เหงื่ออกกลางคืน
        ไข้หนาวสัน ไข้สูงเรื้ อรัง
                       ่
        ไอเรื้ อรังและหายใจลาบาก
        ท้องร่ วงเรื้ อรัง
        ลิ้นเป็ นฝ้ าขาว
      ปวดศีรษะ
          ตามัวลงหรื อเห็นเป็ นเส้นลอยไปมา
          น้ าหนักลด
          การติดเชื้อฉวยโอกาส
          เป็ นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจบ่อย
          หากเป็ นผูหญิงก็มีอาการตกขาวบ่อย
                      ้
          เพลียและเหนื่อยง่าย
          บางคนมีผื่นตามตัว

ท่ านทีตดเชื้อ HIV จะมีสุขภาพดีจะต้ องทาอย่ างไร
       ่ ิ

ท่านที่ติดเชื้อ HIV สามารถมีสุขภาพดีได้โดยจะต้องปฏิบติตวโดยเคร่ งคัดดังนี้
                                                    ั ั

          ปรึ กษาแพทย์ท่ีเชี่ยวชาญโรคนี้
          ไปตามที่แพทย์นด รับประทานยาตามที่แพทย์สง หากมีผลข้างเคียงของยาต้องปรึ กษาแพทย์หามหยุดยา
                              ั                   ั่                                      ้
           เอง
          ฉี ดวัคซีนป้ องกันโรคปอดบวม
          ให้หยุดสรุ ปบุหรี่
          รับประทานอาหารที่มีคุณภาพ
          ออกกาลังกายอย่างสม่าเสมอ
          พักผ่อนให้เต็มที่
          รู ้จกผ่อนคลาย
                ั



การดาเนินของโรค HIV

ผูป่วยบางคนที่ได้รับเชื้อ HIV และดาเนินไปสู่โรค AIDS เร็ ว บางคนก็ดาเนินช้า ผูป่วยที่ดาเนินช้า(A slow
  ้                                                                             ้
progress)อาจจะเนื่องจากพันธุกรรม หรื อได้รับเชื้อชนิดที่มีความรุ นแรงน้อยซึ่งภูมิของร่ างกายสามารถคุมเชื้อได้
และการปฏิบติตวที่ดี ส่วนผูที่การดาเนินของเชื้อเร็ วอาจจะเนื่องจากได้รับสายพันธ์ที่มีความรุ นแรงมาก เชื้อมีการ
            ั ั             ้
แบ่งตัวมาก อายุมาก ติดยาเสพติด ติดสุรา

การรักษา

ตั้งแต่ได้รับเชื้อHIV จนกระทังเป็ นAIDS ผุป่วยส่วนใหญ่จะไม่มีอาการแต่เชื้อกาลังทาลายร่ างกายอย่างต่อเนื่อง
                             ่            ้
ก่อนที่จะมียารักษาโรคหรื อป้ องกันการไปสู่โรค AIDS หลายคนที่มีปัจจัยเสี่ ยงต่อการติดเชื้อ HIV จะไม่ยอมเจาะ
เลือดเพราะกลัวเจอเชื้อซึ่งยังไม่มีการรักษาแต่ปัจจุบนได้คนพบยาหลายชนิด ซึ่งสามารถลดการแย่งตัวของเชื้อทา
                                                    ั        ้
                                   ่
ให้ป้องกันโรค AIDS ได้ หากว่ารู ้วาติดเชื้อ HIV ตั้งแต่เริ่ มแรกการให้ยาป้ องกันโรค AIDS จะได้ผลดี

การติดต่ อของเชื้อ HIV

เชื้อ HIV สามารถติดต่อได้หลายทางดังต่อไปนี้

    1. ทางเพศสัมพันธ์โดยเฉพาะไม่ได้ใส่ถุงยางคุมกาเนิดเมื่อร่ วมเพศกับกลุ่มเสี่ ยงต่อการติดเชื้อ(ติดยาเสพติด
       รักร่ วมเพศ ไม่ทราบสถานะของคู่ขา ) ไม่วาจะเป็ นการร่ วมเพศระหว่างชายหญิงหรื อทางทวารหนัก
                                                    ่
       หรื อทางปาก หรื อการใช้อุปกรณื ทางเพศร่ วมกันโดยไม่ได้ทาความสะอาด เช่นถุงยางคุมกาเนิด การที่มี
       การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์เช่นหนองใน แผลริ มอ่อน หรื อการใช้ยาฆ่า sperm จะเพิมปั จจัยเสี่ ยงต่อ
                                                                                            ่
       การติดเชื้อ HIV พฤติกรรมเสี่ ยงทางเพศสัมพันธ์
    2. การใช้เข็มร่ วมกันสาหรับผูป่วยที่ใช้ยาเสพติดท่านควรจะใช้เข็มครั้งเดียวแล้วทิ้ง ไม่ควรใช้ร่วมกับคน
                                  ้
       อื่นโดยเฉพาะใช้ร่วมกันหลายคนและยังเสี่ ยงต่อการติดเชื้อตับอักเสบ บี
    3. เจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ถูกเข็มตา อัตราการติดเชื้อพบได้ 3/1000 ราย
    4. ติดต่อโดยการให้เลือดที่มีเชื้อโรค ซึ่งปั จจุบนการตรวจเลือดและการคัดกรองการบริ จาคทาให้ปัญหานี้
                                                      ั
       ลดลง
    5. การติดต่อจากแม่ไปลูก เด็กประมาณ1/4-1/3ของผูหญิงที่ติดเชื้อ HIV ที่ไม่ได้รับการรักษาจะติด
                                                            ้
       เชื้อ HIV แต่ถาหากแม่ได้รับการรักษาโอกาสติดเชื้อจะลดลงโดยเฉพาะหากผ่าตัดทางหน้าท้อง
                        ้

กิจกรรมทีไม่ ตดต่ อ
         ่ ิ

หลายท่านที่มีเพื่อนหรื อญาติเป็ นโรค AIDS กังวลจะติดเชื้อจากผูป่วย ทาให้ผป่วยเกิดอาการน้อยเนื้อต่าใจนาไปสู่
                                                                  ้          ู้
การซึมเศร้าท่านไม่สามารถติดเชื้อจาก อากาศ อาหาร น้ า ยุงหรื อแมลงกัด ห้องน้ า ช้อนซ่อม ท่านสามารถช่วย
ผูป่วยใส่เสื้ อผ้า ช่วยป้ อนอาหารอาบน้ าโดยที่ไม่ติดเชื้อ กิจกรรมที่ดาเนินตามปกติมกจะไม่ติดต่อเช่น
  ้                                                                               ั

        การจับมือหรื อการสัมผัสภายนอก
        การดื่มน้ าแก้วเดียวกัน
        การใช้ถวยชามร่ วมกัน
                 ้
        สัมผัสกับเหงื่อหรื อน้ าตาก็ไม่ติดต่อ
         การว่ายน้ าในสระเดียวกัน
        การใช้โถส้วมเดียวกัน
        ถูกแมลงหรื อยุงกัด
        การจูบกัน
        การบริ จาคเลือด
ความสาคัญของการวินิจฉัย

หลายคนที่มีปัจจัยเสี่ ยงต่อการติดเชื้อ HIV ไม่กล้าเจาะเลือดเพราะเข้าใจผิดว่าไม่สามารถรักษาหรื อป้ องกันได้
                                                    ่
หากท่านรอจนกระทั้งเกิดโรคติดเชื้อฉวยโอกาสจึงรู ้วาเป็ นโรค aids โอกาสที่จะรักษาและป้ องกันก็จะ
น้อยลง ดังนั้นท่านที่สงสัยว่าจะได้รับเชื้อ HIV เช่นใช้ยาเสพติดชนิดฉี ดเข้าเส้น มีเพศสัมพันธ์กบคู่ขาหลาย
                                                                                             ั
คนโดยที่ไม่ได้ป้องกัน รักร่ วมเพศ จะต้องรี บตรวจหาเชื้อ หากผลเลือดให้ผลบวกจะได้รับยาที่ชลอการเกิดโรค
AIDS และยาที่ลดการติดเชื้อฉวยโอกาสหากท่านไม่เจาะรอจนกระทั้งเป็ น AIDS ภูมิของท่านรวมทั้ง
อวัยวะภายในจะถูกทาลาย

โรคติดเชื้อ HIV และระบบภูมค้ ุมกัน
                          ิ

เมื่อเชื้อไวรัส Human Immunodeficiency Virus (HIV) เข้ากระแสเลือดเชื้อจะเข้าไป
ทาลายระบบภูมิคุมกัน การทาลายภูมิอาจจะเร็ วต่างกันในแต่ละคน บางคนทาลายเร็ วไม่กี่ปีก็เป็ นโรคเอดส์ แต่
                  ้
ส่วนใหญ่ใช้เวลา 10 ปี จึงจะกลายเป็ นโรคเอดส์ แต่อย่างไรก็ตามมีขอเท็จจริ งที่ควรทราบดังนี้
                                                               ้

      การเจาะเลือดหาปริ มาณเชื้อ HIV ในเลือด (viral load )จะสามารถคาดการณ์ไดว่าเชื้อจะทาลาย
       ระบบภูมิคุมกันเร็ วแค่ไหน ถ้าเชื้อมีปริ มาณมากจะทาลายภูมิของร่ างกายเร็ ว ยาต้านไวรัส HIV ที่ดีจะ
                  ้
       สามารถยับยังการแบ่งตัวของเชื้อทาให้หยุดยั้งการดาเนินของโรค
      การเจาะเลือดหาเซลล์ CD-4 จะบ่งบอกสภาพภูมิของร่ างกาย เซลล์ CD-4 ยิงต่าภูมิยงบกพร่ อง
                                                                                      ่      ิ่
       มากขึ้นเท่านั้น
      หากไม่ได้รักษาเชื้อ HIV จะทาลายระบบภูมิคุมกันอย่างมากทาให้ร่างกายติดเชื้อฉวยโอกาส
                                                     ้
       โดยเฉพาะปริ มาณเซลล์ CD-4 น้อยกว่า 300 ถ้าหากต่ากว่า 100 จะมีการติดเชื้อรุ นแรง

ใครควรทีจะต้ องเจาะเลือดหาเชื้อHIV
        ่

      ผูที่ได้รับเลือดและหรื อน้ าเหลืองก่อนปี คศ.1970-1980
             ้
       รักร่ วมเพศ
              ้           ั
       ผูที่มีเพศสัมพันธ์กบคนอื่นโดยไม่ได้ป้องกัน
        ้                   ั
       ผูที่มีเพศสัมพันธ์กบคนที่มีเชื้อ HIV
                       ั ้
       มีเพศสัมพันธ์กบผูที่ฉีดยาเสพติดเข้าเส้น
      ผูที่มีคู่ขาหลายคน
                 ้
      ผูที่เป็ นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เข่นซิฟิลิส หนองใน
                   ้
      ผูติดยาเสพติดเข้าเส้น
           ้
      คนท้อง
คนท้ องกับโรคAIDS

 คนท้องทุกคนควรได้รับการตรวจเลือดหาเชื้อ HIV โดยเฉพาะผูที่มีปัจจัยเสี่ ยงต่อการติดเชื้อ หากผลเลือดบวก
                                                           ้
 ก็ควรจะได้รับยา antiretrovirals เพื่อป้ องกันเชื้อถ่ายจากแม่ไปลูก และไม่ควรเลี้ยงลูกด้วยนมตัวเอง

 การตรวจหาการติดเชื้อ

 เป็ นการเจาะเลือดเพื่อตรวจหาภูมิของโรค

       เจาะเลือดตรวจหาภูมิโดยวิธี enzyme-linked immunoabsorbent assay
        (ELISA) ถ้าให้ผลบวกต้องยืนยันการวินิจฉัยโดยวิธีการ Western Blot แต่มีขอเสี ยคือไม่
                                                                                   ้
        สามารถให้การวินิจฉัยได้เร็ วคือหลังจากได้รับเชื้อประมาณ 6 เดือนจึงให้ผลบวก
       การตรวจ HIV PCR เป็ นการตรวจหาตัวเชื้อหลังจากสัมผัสโรคโดยที่ภมิยงไม่ข้ ึน
                                                                               ู ั




2.5 การปฏิบติ
           ั

 การป้ องกันการติดเชื้อ HIV

 วิธีการป้ องกันการติดเชื้อโรคเอดส์ที่ดีที่สุดคือการลดพฤติกรรมเสี่ ยงต่อการติดเชื้อโรคเอดส์ เช่น

                                      การฉี ดยาเสพติดเข้าเส้น การมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย หากเรา
                                      ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเหล่านี้จะสามารถลดการเกิดอัตราติดเชื้อเหมือนที่
 ประเทศไทยประสบผลสาเร็ จในการให้ใช้ถุงยาง 100 % เนื่องจากยังไม่มีการรักษาหรื อวัคซีนที่ป้องกัน
 โรคดังนั้นทุกคนจะต้องเรี ยนรู ้วธีป้องกันโรค
                                 ิ

 ใครบ้างที่เสี่ ยงต่อการติดเชื้อ HIV

 สมัยก่อนผูที่ติดเชื้อมักจะเป็ นพวกรักร่ วมเพศ หรื อฉี ดยาเสพติดเข้าเส้น ปั จจุบนพบว่าการติดเชื้อHIV พบได้
              ้                                                                 ั
 ใน วัยรุ่ น คนทางาน ผูที่มีเพศสัมพันธ์กบหญิงอื่น แม่บาน คือสามารถพบได้ทวๆไป ดังนั้นทุกคนเสี่ ยงต่อการ
                         ้                ั              ้                        ั่
 ติดเชื้อ HIV หากไม่ป้องกันหรื อประมาท โดยเฉพาะผูที่มีพฤติกรรมเสี่ ยงต่อการติดเชื้อ
                                                           ้
การป้ องกันการติดเชื้อ HIV จากเพศสัมพันธ์

การติดเชื้อ HIV จะสามารถติดต่อทางเยือเมือก (mucous membranes)เช่น ปลายอวัยวะเพศชาย
                                    ่
ปาก ทวารหนัก ช่องคลอด หากเยือเมือกเหล่านี้ได้รับเชื้อ HIV จาก น้ าอสุจิ น้ าหล่อลื่นของทั้งหญิงและชาย
                              ่
เลือด ทาให้เกิดการติดเชื้อได้

                                                                          ั ้
       วิธีป้องกันที่ได้ผลมากที่สุดแต่ทายากที่สุดคือการไม่มีเพศสัมพันธ์กบผูอื่น
      ป้ องกันตัวเองทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์โดยใช้ถุงยางที่ทาจากยาง latex condom หรื อ dental
       dam หากแพ้ยาง latex ให้ใช้ชนิด polyurethane condoms นอกจากการเลือกใช้
       ชนิดของถุงยางแล้ว ต้องเรี ยนรู ้วธีใช้ที่ถูกต้อง ห้ามใช้สารหล่อลื่นที่เป็ นไขมันเพราะจะทาให้ถงยางรั่ว
                                        ิ                                                           ุ



กิจกรรมอะไรที่เสี่ ยงและไม่เสี่ ยงต่อการติดเชื้อ HIV

      การช่วยตัวเอง การกอดรัดเล้าโลม การจูบ พวกนี้มีโอกาสการติดเชื้อต่า
      การมีเพศสัมพันธ์ท้ งทางทวารและช่องคลอดจะมีโอกาสเสี่ ยงต่อการติดเชื้อสูง
                          ั
      การมีเพศสัมพันธ์ทางปากก็มีความเสี่ ยง ดังนั้นต้องใส่ถุงยางป้ องกัน

การป้ องกันการติดเชื้อสาหรับผูที่ฉีดยาเสพติดเข้าเส้น
                              ้

เชื้อ HIV สามารถติดต่อผ่านทางเข็มฉี ดยาที่ใช้ร่วมกัน เข็มดังกล่าวจะปนเปื้ อนเลือด ดังนั้นวิธีป้องกันการติด
เชื้อทาได้ดงนี้
           ั

      หยุดยาเสพติดและเข้ารับการบาบัดเพื่อหยุดยาเสพติด
      หลีกเลี่ยงการใช้เข็มฉี ดยาร่ วมกัน ให้ใช้เข็มใหม่ทุกครั้ง
      สาหรับผูที่ยงไม่เปลี่ยนพฤติกรรมการใช้เข็มร่ วมกัน ก็ให้ลางเข็มให้สะอาดด้วยน้ าโดยการฉี ดล้าง
                 ้ ั                                             ้
       กระบอกฉี ดยา และแช่เข็มในน้ ายาฆ่าเชื้อ 1 นาที

การป้ องกันการติดเชื้อ HIV ในคนท้อง

เด็กที่คลอดจากแม่ที่มีเชื้อ HIV สามารถรับเชื้อจากแม่ขณะตั้งครรภ์ และการคลอด ปั จจุบนหากทราบว่าคน
                                                                                   ั
ท้องมีเชื้อ HIV สามารถให้ยา AZT ซึ่งสามารถลดอัตราการติดเชื้อลง

การป้ องกันการติดเชื้อ HIV หลังสัมผัสโรค
ทางการแพทย์มีประสบการณ์เกี่ยวกับการป้ องกันการติดเชื้อ HIV หลังสัมผัสโรคโดยศึกษาในเจ้าหน้าที่
สาธารณะสุขที่ถูกเข็มตา พบว่าหากให้ AZT หลังถูกเข็มตาจะสามารถลดอุบติการณ์ลงได้ร้อยละ 80 จาก
                                                                                ั
ความรู ้น้ ีสามารถนามาใช้กบการสัมผัสโรคHIVโดยทางเพศสัมพันธ์ ก็น่าจะให้ยาป้ องกันได้ การป้ องกันดี
                           ั
ที่สุดคือไม่มีเพศสัมพันธ์ การใส่ถุงยาง การมีเพศสัมพันธ์แบบ safer sexual practices หลีกเลี่ยง
                                                                     ่
พฤติกรรมที่เสี่ ยง สาหรับผูที่มีเพศสัมพันธ์โดยที่ไม่ได้ป้องกันไม่วาทางทวารหรื อทางปกติ oral sex กับผู ้
                             ้
ที่ติดเชื้อ HIV หรื อกลุ่มเสี่ ยง เช่นผูที่ติดยาเสพติด รักร่ วมเพศ ควรจะได้รับยาป้ องกันภายใน 3 วันหลัง
                                        ้
สัมผัส และหากท่านทราบว่าตัวเองติดเชื้อ HIV และไปร่ วมเพศกับคนที่ไม่ได้ติดเชื้อท่านต้องแจ้งให้คู่ขา
ทราบภายใน 72 ชัวโมงเพื่อที่คู่ขาจะได้รับยาป้ องกันการติดเชื้อ HIV
                    ่

Más contenido relacionado

Más de ทำยังไงถึงจะลืม เธอละคับ

Más de ทำยังไงถึงจะลืม เธอละคับ (11)

ภาคผนวก
ภาคผนวกภาคผนวก
ภาคผนวก
 
บรรณานุกรม
บรรณานุกรมบรรณานุกรม
บรรณานุกรม
 
บทที่ 5 สรุปผล ข้อเสนอแนะ
บทที่ 5 สรุปผล ข้อเสนอแนะบทที่ 5 สรุปผล ข้อเสนอแนะ
บทที่ 5 สรุปผล ข้อเสนอแนะ
 
บทที่ 3 วิธีดำเนินงานโครงงาน
บทที่ 3 วิธีดำเนินงานโครงงานบทที่ 3 วิธีดำเนินงานโครงงาน
บทที่ 3 วิธีดำเนินงานโครงงาน
 
ส่วนนำ1
ส่วนนำ1ส่วนนำ1
ส่วนนำ1
 
ส่วนนำ1
ส่วนนำ1ส่วนนำ1
ส่วนนำ1
 
ภาคผนวก
ภาคผนวกภาคผนวก
ภาคผนวก
 
บทที่ 4 ผลการดำเนินโครงงาน
บทที่ 4 ผลการดำเนินโครงงานบทที่ 4 ผลการดำเนินโครงงาน
บทที่ 4 ผลการดำเนินโครงงาน
 
บทที่ 1 บทนำ
บทที่ 1 บทนำบทที่ 1 บทนำ
บทที่ 1 บทนำ
 
บทที่ 1 บทนำ
บทที่ 1 บทนำบทที่ 1 บทนำ
บทที่ 1 บทนำ
 
ส่วนนำ1
ส่วนนำ1ส่วนนำ1
ส่วนนำ1
 

02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง แก้ไขแล้ว

  • 1. บทที่ 2 เอกสารทีเ่ กียวข้ อง ่ ในการจัดทาโครงงานคอมพิวเตอร์ การพัฒนาเว็บบล็อก (WebBlog) ด้วย Wordpress เรื่ อง การสารวจความรู้และการปองกันโรคเอดส์ของนักเรี ยนชันมัธยมศึกษาปี ที่ 5/4 ้ ้ โรงเรี ยนเลยอนุกลวิทยา อาเภอ เมือง จังหวัด เลย นี้ ผูจดทาโครงงานได้ศึกษาเอกสารและจาก ู ้ั เว็บไซต์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้ 2.1 ความสาคัญของโรคเอดส์ 2.2 ข้อมูลเกี่ยวกับ โรคเอดส์ 2.3 ผลกระทบของโรคเอดส์ 2.4 ความรู้เรื่ องโรคเอดส์ 2.5 การปฏิบติ ั 2.1 ความสาคัญของโรคเอดส์ โรคเอดส์ (AIDS) คืออะไร (wikipedia.org) โรคเอดส์ หรือ โรคภูมคมกันบกพร่อง (Acquired Immune Deficiency Syndrome - AIDS) เป็ นกลุม ิ ุ้ ่ ่ ้ ั ่ อาการเจ็บป่ วยทีเกิดขึนเพราะร่างกายได้รบเชื้อไวรัสเอชไอวี (HIV) ซึงจะเข้าไปทาลายเม็ดเลือดขาว ทีเป็ น ่ แหล่งสร้างภูมคมกันโรค ทาให้ภมคมกันโรคลดน้อยลง จึงทาให้ตดเชื้อโรคฉวยโอกาสแทรกซ้อนเข้าสูรางกาย ิ ุ้ ู ิ ุ้ ิ ่ ่ ่ ้ ได้งายขึน เช่น วัณโรคในปอด หรือต่อมน้าเหลือง เยือหุมสมองอักเสบจากเชื้อรา โรคผิวหนังบางชนิด หรือเป็ น ่ ้ ่ ้ มะเร็งบางชนิดได้งายกว่าคนปกติ ซึงสาเหตุของการเสียชีวตมักเกิดขึนจากโรคติดเชื้อฉวยโอกาสต่างๆ เหล่านี้ ่ ิ ทาให้อาการจะรุนแรง และเสียชีวตอย่างรวดเร็ว ิ ปัจจุบ ันโรคเอดส์มการตรวจพบทั่วโลก และประมาณการว่ามีผเสียชีวตเนื่องจากโรคเอดส์ อย่างน้อย 25 ล้านคน ี ู้ ิ ตังแต่ถูกค้นพบในปี พ.ศ. 2524 (ค.ศ. 1981) นับเป็ นโรคทีมอ ันตรายสูงโรคหนึ่งของประวัตศาสตร์มนุษย์ชาติ ้ ่ ี ิ ่ ในปี พ.ศ. 2548 ประมาณการว่ามีผตดโรคเอดส์ประมาณ 3.1 ล้านคน(ระหว่าง 2.8 - 3.6 ล้าน) ซึง 570,000 ู้ ิ คนของผูป่วยโรคเอดส์เป็ นเด็ก (UNAIDS, 2005) ้
  • 2. 2.2 ข้อมูลเกี่ยวกับ โรคเอดส์ อาการของเอดส์ มี 2 ระยะ 1. ระยะไม่มอาการ ผูตดเชื้อจะมีสขภาพแข็งแรง ไม่มอาการผิดปกติแต่อย่างใด ผูตดเชื้อส่วน ี ้ ิ ุ ี ้ ิ ใหญ่จะอยูในระยะนี้ และบางคนไม่ทราบว่า ตัวเองติดเชื้อ จึงอาจแพร่เชื้อไปสูผอนได้ ่ ่ ู้ ื ่ 2. ระยะมีอาการ ผูตดเชื้อส่วนใหญ่จะเริมแสดงอาการ ภายหลังจากได้รบเชื้อประมาณ 7-8 ปี ้ ิ ่ ั แบ่งเป็ น 2 ระยะ คือ - ระยะเริมปรากฎอาการ อาการทีพบคือ มีเชื้อราในปาก ต่อมน้าเหลืองโต งูสวัด มีไข้ ท้องเสีย ่ ่ น้าหนักลด มีตมคันบริเวณผิวหนัง ุ่ - ระยะโรคเอดส์ เป็ นระยะทีมภมตานทานลดลงมาก ทาให้ตดโรคติดเชื้อฉวยโอกาสได้งายขึน ่ ี ู ิ ้ ิ ่ ้ เช่น วัณโรค ปอดบวม เยือหุมสมองอักเสบ เป็ นต้น ่ ้ ป้ องกันตัวเอง ไม่ให้ตดเชื้อเอดส์ ได้อย่างไร ิ รักเดียว ใจเดียว หากจะมีเพศสัมพันธ์กบหญิง ควรใช้ถุงยางอนามัยทุกครัง ทีมเพศสัมพันธ์ ั ้ ่ ี ขอรับบริการปรึกษา เรื่อง โรคเอดส์ ก่อนแต่งงาน และก่อนทีจะมีบตรทุกท้อง ่ ุ ไม่ดมเหล้า และงดใช้สารเสพติดทุกชนิด ื่ 2.3 ผลกระทบของโรคเอดส์ โรคเอดส์ เป็ นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสเอชไอวี มีผลทาให้ภูมิคุมกันของร่ างกายเสื่ อมลง ร่ างกายจึงติดเชื้อฉวย ้ โอกาสได้ง่าย และเป็ นมะเร็งที่ปกติไม่พบในคนที่อายุนอยกว่า 60 ปี นอกจากผลกระทบทางด้านร่ างกายแล้ว ยังส่งผล ้ กระทบทางด้านจิตสังคม และมักจะรุ นแรงกว่าโรคอื่น ๆ กล่าวคือ เกิดขึ้นทุกระยะตั้งแต่ก่อนทราบผลการตรวจ ระยะ ทราบผลการวินิจฉัย ระยะได้รับการรักษา ระยะเกิดโรคแทรกซ้อน หรื อติดเชื้อซ้ า และระยะใกล้ตาย ผูป่วยส่วนใหญ่จะ ้ กังวล กลัวตาย กลัวสังคมรังเกียจ กลัวถูกทอดทิ้ง กลัวการถูกแยก บางคนอาจทุกข์ทรมานมากจากอาการทางกาย และจิต สังคม จึงคิดฆ่าตัวตาย ผลกระทบของโรคเอดส์ มิใช่มีผลเฉพาะตัวผูป่วยเท่านั้น ยังมีผลกระทบต่อครอบครัว และบุคคล ้ ใกล้ชิด ต่อสังคม และประเทศชาติอีกด้วย
  • 3. 2.4 ความรู ้เรื่ องโรคเอดส์ เอดส์ โรคติดเชื้อ HIV,AIDS เอดส์หรื อโรคเอดส์เป็ นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสไปทาลายระบบภูมิคุมกันของร่ างกายทาให้ร่างกายเสี่ ยงต่อการ ้ ติดเชื้อฉวยโอกาส ่ ประเทศไทยมีการติดเชื้อ HIV เป็ นจานวนมากแม้วาเวลาผ่านไปนานพอสมควรก็ยงพบผูป่วยที่ติดเชื้อเพิ่ม ั ้ ่ ขึ้นอยูตลอดเวลา เป็ นการสมควรที่ทุกคนจะเรี ยนรู ้ถึงโรคและการป้ องกัน หากท่านมีผลเลือดบวกแสดงว่าท่าน ได้รับเชื้อ HIV จากการร่ วมเพศกับผูที่ติดเชื้อโดยที่ไม่ได้ป้องกัน หรื ออาจจะเกิดจากการฉี ดยาเสพติด ้ HIV และ AIDS ต่ างกันอย่ างไร เชื้อ Human Immunodeficiency Virus(hiv) เป็ นเชื้อไวรัสที่ทาให้เกิดโรคเอดส์ เมื่อเชื้อ เข้าสู่ร่างกายเชื้อจะแบ่งตัวอย่างมากและมีการเกิดโรคที่อวัยวะต่างๆ เช่นสมอง หัวใจ ไตและที่สาคัญคือจะ ทาลายระบบภูมิคุมกันของร่ างกาย ระบบภูมิคุมกันนี้จะทาหน้าที่สร้างถูมิเพื่อต่อต้านการติดเชื้อและมะเร็ งบาง ้ ้ ชนิด ในการสร้างภูมิจะต้องอาศัยเซลล์หลายชนิดที่สาคัญได้แก่เซลล์ CD4+ lymphocytes ซึ่งเป็ น เซลล์ที่เชื้อ HIV ชอบ เมื่อเซลล์ CD4+ lymphocytes ถูกทาลายโดยเชื้อมากจะทาให้ภูมิของ ร่ างกายอ่อนแอ ดังนั้นปั ญหาที่สาคัญของคนติดเชื้อ HIV คือปั ญหาของโรคที่เกิดจาดภูมิที่อ่อนแอลงเช่นโรค ติดเชื้อฉวยโอกาส opportunistic infections เช่นโรคปอดบวมและโรคเยือหุมสมองอักเสบ และมะเร็ งบางชนิด ปั จจุบนพบเชื้อ HIV มี2 ่ ้ ั ชนิดคือ  HIV-1 เป็ นชนิดที่แพร่ ระบาดทัวโลก ่  HIV-2 พบที่แถบประเทศ Africa  HIV-1มี sub-types หลายชนิด HIV disease คือผูป่วยที่ได้รับเชื้อHIV และยังไม่เกิดอาการจากเชื้อฉวยโอกาสและมีจานวนเซลล์ CD4+ ้ ่ lymphocytes มากกว่า 200 cells/mm3(ปกติมากกว่า 100 cell/mm)โดยทัวไปไม่มีอาการเป็ นเวลา 5-10 ปี แม้วาจะ ่ ไม่มีอาการเชื้อก็แบ่งตัวและทาลายระบบภูมิคุมกันของร่ างกาย และเมื่อภูมิถูกทาลายมากจนกระทังเกิดโรคที่เกิด ้ ่ จากภูมิบกพร่ อง Acquired Immunodeficiency Syndrome หรื อโรคเอดส์ คือผูป่วยที่ได้รับเชื้อ HIV และโรคได้ลุกลามจนภูมิคุนกัน ้ ้ บกพร่ อง และอาจจะทาให้เกิดโรคฉวยโอกาสและมะเร็ ง ตามองค์การควบคุมโรคติดเชื้อของอเมริ กาหมายถึง
  • 4. โรคติดเชื้อบางชนิดเช่น Pneumocystis carinii pneumonia (PCP), and cryptococcal meningitis  มะเร็ งบางชนิดเช่น cervical cancer, Kaposi’s sarcoma, และมะเร็ งต่อม น้ าเหลืองที่ระบบประสาท( central nervous system lymphoma )  CD4+ count น้อยกว่า 200 cells/mm3(ค่าปกติ 600-1000) หรื อ 14 percent of lymphocytes AIDS ทาลายร่ างกายอย่ างไร  ทาลายระบบภูมิคุมกันของร่ างกายทาให้มีปัจจัยเสี่ ยงต่อการติดเชื้อฉวยโอกาสและมะเร็ ง ้  สมองถูกทาลายทาให้สมองเสื่ อมและความจาเสื่ อม  ทาให้หวใจวายมีอาการเหนื่อยง่าย บวมเท้าและท้อง ั  ทาให้ไตวาย  ไม่สามารถทางานประจาวันได้เช่น การขับรถ  มีการเปลี่ยนแปลงทางน้ าหนักและท้องร่ วงเรื้ อรัง อาการของโรคติดเชื้อ HIV อาการของการติดเชื้อ HIV จะมีความหลากหลายขึ้นกับระยะของโรค เนื่องจากเชื้อ HIV เป็ นไวรัสชนิดหนึ่ง อาการของการติดเชื้อ HIV จะเหมือนอาการของไข้หวัดคือ มีไข้ ปวดศีรษะ มีผื่น อ่อนเพลีย เราไม่สามารถวินิจฉัย ได้จากอาการ แม้วาผูได้รับเชื้อ HIV จะไม่มีอาการแต่เขาสามารถแพร่ เชื้อสู่ผอื่นได้ ฉนั้นผูที่มีพฤติกรรมเสี่ ยงควร ่ ้ ู้ ้ ได้รับการเจาะเลือด ในช่วงแรกของการติดเชื้อ HIV คุณอาจจะมีอาการดังต่อไปนี้  ต่อมน้ าเหลืองโต ตับม้ามโต มักจะเป็ นอาการอันแรกของการติดเชื้อ  ท้องร่ วง บางคนอาจจะเรื้ อรัง  น้ าหนักลด.  มีไข้  ไอและหายใจลาบาก เมื่อไม่ได้รับการรักษาเชื้อก็จะแบ่งตัวเรื่ อยและทาลายระบบภูมิคุมกันและกลายเป็ นโรคเอดส์ซ่ ึงจะมีอาการดังนี้ ้  เหงื่ออกกลางคืน  ไข้หนาวสัน ไข้สูงเรื้ อรัง ่  ไอเรื้ อรังและหายใจลาบาก  ท้องร่ วงเรื้ อรัง  ลิ้นเป็ นฝ้ าขาว
  • 5. ปวดศีรษะ  ตามัวลงหรื อเห็นเป็ นเส้นลอยไปมา  น้ าหนักลด  การติดเชื้อฉวยโอกาส  เป็ นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจบ่อย  หากเป็ นผูหญิงก็มีอาการตกขาวบ่อย ้  เพลียและเหนื่อยง่าย  บางคนมีผื่นตามตัว ท่ านทีตดเชื้อ HIV จะมีสุขภาพดีจะต้ องทาอย่ างไร ่ ิ ท่านที่ติดเชื้อ HIV สามารถมีสุขภาพดีได้โดยจะต้องปฏิบติตวโดยเคร่ งคัดดังนี้ ั ั  ปรึ กษาแพทย์ท่ีเชี่ยวชาญโรคนี้  ไปตามที่แพทย์นด รับประทานยาตามที่แพทย์สง หากมีผลข้างเคียงของยาต้องปรึ กษาแพทย์หามหยุดยา ั ั่ ้ เอง  ฉี ดวัคซีนป้ องกันโรคปอดบวม  ให้หยุดสรุ ปบุหรี่  รับประทานอาหารที่มีคุณภาพ  ออกกาลังกายอย่างสม่าเสมอ  พักผ่อนให้เต็มที่  รู ้จกผ่อนคลาย ั การดาเนินของโรค HIV ผูป่วยบางคนที่ได้รับเชื้อ HIV และดาเนินไปสู่โรค AIDS เร็ ว บางคนก็ดาเนินช้า ผูป่วยที่ดาเนินช้า(A slow ้ ้ progress)อาจจะเนื่องจากพันธุกรรม หรื อได้รับเชื้อชนิดที่มีความรุ นแรงน้อยซึ่งภูมิของร่ างกายสามารถคุมเชื้อได้ และการปฏิบติตวที่ดี ส่วนผูที่การดาเนินของเชื้อเร็ วอาจจะเนื่องจากได้รับสายพันธ์ที่มีความรุ นแรงมาก เชื้อมีการ ั ั ้ แบ่งตัวมาก อายุมาก ติดยาเสพติด ติดสุรา การรักษา ตั้งแต่ได้รับเชื้อHIV จนกระทังเป็ นAIDS ผุป่วยส่วนใหญ่จะไม่มีอาการแต่เชื้อกาลังทาลายร่ างกายอย่างต่อเนื่อง ่ ้ ก่อนที่จะมียารักษาโรคหรื อป้ องกันการไปสู่โรค AIDS หลายคนที่มีปัจจัยเสี่ ยงต่อการติดเชื้อ HIV จะไม่ยอมเจาะ
  • 6. เลือดเพราะกลัวเจอเชื้อซึ่งยังไม่มีการรักษาแต่ปัจจุบนได้คนพบยาหลายชนิด ซึ่งสามารถลดการแย่งตัวของเชื้อทา ั ้ ่ ให้ป้องกันโรค AIDS ได้ หากว่ารู ้วาติดเชื้อ HIV ตั้งแต่เริ่ มแรกการให้ยาป้ องกันโรค AIDS จะได้ผลดี การติดต่ อของเชื้อ HIV เชื้อ HIV สามารถติดต่อได้หลายทางดังต่อไปนี้ 1. ทางเพศสัมพันธ์โดยเฉพาะไม่ได้ใส่ถุงยางคุมกาเนิดเมื่อร่ วมเพศกับกลุ่มเสี่ ยงต่อการติดเชื้อ(ติดยาเสพติด รักร่ วมเพศ ไม่ทราบสถานะของคู่ขา ) ไม่วาจะเป็ นการร่ วมเพศระหว่างชายหญิงหรื อทางทวารหนัก ่ หรื อทางปาก หรื อการใช้อุปกรณื ทางเพศร่ วมกันโดยไม่ได้ทาความสะอาด เช่นถุงยางคุมกาเนิด การที่มี การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์เช่นหนองใน แผลริ มอ่อน หรื อการใช้ยาฆ่า sperm จะเพิมปั จจัยเสี่ ยงต่อ ่ การติดเชื้อ HIV พฤติกรรมเสี่ ยงทางเพศสัมพันธ์ 2. การใช้เข็มร่ วมกันสาหรับผูป่วยที่ใช้ยาเสพติดท่านควรจะใช้เข็มครั้งเดียวแล้วทิ้ง ไม่ควรใช้ร่วมกับคน ้ อื่นโดยเฉพาะใช้ร่วมกันหลายคนและยังเสี่ ยงต่อการติดเชื้อตับอักเสบ บี 3. เจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ถูกเข็มตา อัตราการติดเชื้อพบได้ 3/1000 ราย 4. ติดต่อโดยการให้เลือดที่มีเชื้อโรค ซึ่งปั จจุบนการตรวจเลือดและการคัดกรองการบริ จาคทาให้ปัญหานี้ ั ลดลง 5. การติดต่อจากแม่ไปลูก เด็กประมาณ1/4-1/3ของผูหญิงที่ติดเชื้อ HIV ที่ไม่ได้รับการรักษาจะติด ้ เชื้อ HIV แต่ถาหากแม่ได้รับการรักษาโอกาสติดเชื้อจะลดลงโดยเฉพาะหากผ่าตัดทางหน้าท้อง ้ กิจกรรมทีไม่ ตดต่ อ ่ ิ หลายท่านที่มีเพื่อนหรื อญาติเป็ นโรค AIDS กังวลจะติดเชื้อจากผูป่วย ทาให้ผป่วยเกิดอาการน้อยเนื้อต่าใจนาไปสู่ ้ ู้ การซึมเศร้าท่านไม่สามารถติดเชื้อจาก อากาศ อาหาร น้ า ยุงหรื อแมลงกัด ห้องน้ า ช้อนซ่อม ท่านสามารถช่วย ผูป่วยใส่เสื้ อผ้า ช่วยป้ อนอาหารอาบน้ าโดยที่ไม่ติดเชื้อ กิจกรรมที่ดาเนินตามปกติมกจะไม่ติดต่อเช่น ้ ั  การจับมือหรื อการสัมผัสภายนอก  การดื่มน้ าแก้วเดียวกัน  การใช้ถวยชามร่ วมกัน ้  สัมผัสกับเหงื่อหรื อน้ าตาก็ไม่ติดต่อ  การว่ายน้ าในสระเดียวกัน  การใช้โถส้วมเดียวกัน  ถูกแมลงหรื อยุงกัด  การจูบกัน  การบริ จาคเลือด
  • 7. ความสาคัญของการวินิจฉัย หลายคนที่มีปัจจัยเสี่ ยงต่อการติดเชื้อ HIV ไม่กล้าเจาะเลือดเพราะเข้าใจผิดว่าไม่สามารถรักษาหรื อป้ องกันได้ ่ หากท่านรอจนกระทั้งเกิดโรคติดเชื้อฉวยโอกาสจึงรู ้วาเป็ นโรค aids โอกาสที่จะรักษาและป้ องกันก็จะ น้อยลง ดังนั้นท่านที่สงสัยว่าจะได้รับเชื้อ HIV เช่นใช้ยาเสพติดชนิดฉี ดเข้าเส้น มีเพศสัมพันธ์กบคู่ขาหลาย ั คนโดยที่ไม่ได้ป้องกัน รักร่ วมเพศ จะต้องรี บตรวจหาเชื้อ หากผลเลือดให้ผลบวกจะได้รับยาที่ชลอการเกิดโรค AIDS และยาที่ลดการติดเชื้อฉวยโอกาสหากท่านไม่เจาะรอจนกระทั้งเป็ น AIDS ภูมิของท่านรวมทั้ง อวัยวะภายในจะถูกทาลาย โรคติดเชื้อ HIV และระบบภูมค้ ุมกัน ิ เมื่อเชื้อไวรัส Human Immunodeficiency Virus (HIV) เข้ากระแสเลือดเชื้อจะเข้าไป ทาลายระบบภูมิคุมกัน การทาลายภูมิอาจจะเร็ วต่างกันในแต่ละคน บางคนทาลายเร็ วไม่กี่ปีก็เป็ นโรคเอดส์ แต่ ้ ส่วนใหญ่ใช้เวลา 10 ปี จึงจะกลายเป็ นโรคเอดส์ แต่อย่างไรก็ตามมีขอเท็จจริ งที่ควรทราบดังนี้ ้  การเจาะเลือดหาปริ มาณเชื้อ HIV ในเลือด (viral load )จะสามารถคาดการณ์ไดว่าเชื้อจะทาลาย ระบบภูมิคุมกันเร็ วแค่ไหน ถ้าเชื้อมีปริ มาณมากจะทาลายภูมิของร่ างกายเร็ ว ยาต้านไวรัส HIV ที่ดีจะ ้ สามารถยับยังการแบ่งตัวของเชื้อทาให้หยุดยั้งการดาเนินของโรค  การเจาะเลือดหาเซลล์ CD-4 จะบ่งบอกสภาพภูมิของร่ างกาย เซลล์ CD-4 ยิงต่าภูมิยงบกพร่ อง ่ ิ่ มากขึ้นเท่านั้น  หากไม่ได้รักษาเชื้อ HIV จะทาลายระบบภูมิคุมกันอย่างมากทาให้ร่างกายติดเชื้อฉวยโอกาส ้ โดยเฉพาะปริ มาณเซลล์ CD-4 น้อยกว่า 300 ถ้าหากต่ากว่า 100 จะมีการติดเชื้อรุ นแรง ใครควรทีจะต้ องเจาะเลือดหาเชื้อHIV ่  ผูที่ได้รับเลือดและหรื อน้ าเหลืองก่อนปี คศ.1970-1980 ้  รักร่ วมเพศ  ้ ั ผูที่มีเพศสัมพันธ์กบคนอื่นโดยไม่ได้ป้องกัน  ้ ั ผูที่มีเพศสัมพันธ์กบคนที่มีเชื้อ HIV  ั ้ มีเพศสัมพันธ์กบผูที่ฉีดยาเสพติดเข้าเส้น  ผูที่มีคู่ขาหลายคน ้  ผูที่เป็ นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เข่นซิฟิลิส หนองใน ้  ผูติดยาเสพติดเข้าเส้น ้  คนท้อง
  • 8. คนท้ องกับโรคAIDS คนท้องทุกคนควรได้รับการตรวจเลือดหาเชื้อ HIV โดยเฉพาะผูที่มีปัจจัยเสี่ ยงต่อการติดเชื้อ หากผลเลือดบวก ้ ก็ควรจะได้รับยา antiretrovirals เพื่อป้ องกันเชื้อถ่ายจากแม่ไปลูก และไม่ควรเลี้ยงลูกด้วยนมตัวเอง การตรวจหาการติดเชื้อ เป็ นการเจาะเลือดเพื่อตรวจหาภูมิของโรค  เจาะเลือดตรวจหาภูมิโดยวิธี enzyme-linked immunoabsorbent assay (ELISA) ถ้าให้ผลบวกต้องยืนยันการวินิจฉัยโดยวิธีการ Western Blot แต่มีขอเสี ยคือไม่ ้ สามารถให้การวินิจฉัยได้เร็ วคือหลังจากได้รับเชื้อประมาณ 6 เดือนจึงให้ผลบวก  การตรวจ HIV PCR เป็ นการตรวจหาตัวเชื้อหลังจากสัมผัสโรคโดยที่ภมิยงไม่ข้ ึน ู ั 2.5 การปฏิบติ ั การป้ องกันการติดเชื้อ HIV วิธีการป้ องกันการติดเชื้อโรคเอดส์ที่ดีที่สุดคือการลดพฤติกรรมเสี่ ยงต่อการติดเชื้อโรคเอดส์ เช่น การฉี ดยาเสพติดเข้าเส้น การมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย หากเรา ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเหล่านี้จะสามารถลดการเกิดอัตราติดเชื้อเหมือนที่ ประเทศไทยประสบผลสาเร็ จในการให้ใช้ถุงยาง 100 % เนื่องจากยังไม่มีการรักษาหรื อวัคซีนที่ป้องกัน โรคดังนั้นทุกคนจะต้องเรี ยนรู ้วธีป้องกันโรค ิ ใครบ้างที่เสี่ ยงต่อการติดเชื้อ HIV สมัยก่อนผูที่ติดเชื้อมักจะเป็ นพวกรักร่ วมเพศ หรื อฉี ดยาเสพติดเข้าเส้น ปั จจุบนพบว่าการติดเชื้อHIV พบได้ ้ ั ใน วัยรุ่ น คนทางาน ผูที่มีเพศสัมพันธ์กบหญิงอื่น แม่บาน คือสามารถพบได้ทวๆไป ดังนั้นทุกคนเสี่ ยงต่อการ ้ ั ้ ั่ ติดเชื้อ HIV หากไม่ป้องกันหรื อประมาท โดยเฉพาะผูที่มีพฤติกรรมเสี่ ยงต่อการติดเชื้อ ้
  • 9. การป้ องกันการติดเชื้อ HIV จากเพศสัมพันธ์ การติดเชื้อ HIV จะสามารถติดต่อทางเยือเมือก (mucous membranes)เช่น ปลายอวัยวะเพศชาย ่ ปาก ทวารหนัก ช่องคลอด หากเยือเมือกเหล่านี้ได้รับเชื้อ HIV จาก น้ าอสุจิ น้ าหล่อลื่นของทั้งหญิงและชาย ่ เลือด ทาให้เกิดการติดเชื้อได้  ั ้ วิธีป้องกันที่ได้ผลมากที่สุดแต่ทายากที่สุดคือการไม่มีเพศสัมพันธ์กบผูอื่น  ป้ องกันตัวเองทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์โดยใช้ถุงยางที่ทาจากยาง latex condom หรื อ dental dam หากแพ้ยาง latex ให้ใช้ชนิด polyurethane condoms นอกจากการเลือกใช้ ชนิดของถุงยางแล้ว ต้องเรี ยนรู ้วธีใช้ที่ถูกต้อง ห้ามใช้สารหล่อลื่นที่เป็ นไขมันเพราะจะทาให้ถงยางรั่ว ิ ุ กิจกรรมอะไรที่เสี่ ยงและไม่เสี่ ยงต่อการติดเชื้อ HIV  การช่วยตัวเอง การกอดรัดเล้าโลม การจูบ พวกนี้มีโอกาสการติดเชื้อต่า  การมีเพศสัมพันธ์ท้ งทางทวารและช่องคลอดจะมีโอกาสเสี่ ยงต่อการติดเชื้อสูง ั  การมีเพศสัมพันธ์ทางปากก็มีความเสี่ ยง ดังนั้นต้องใส่ถุงยางป้ องกัน การป้ องกันการติดเชื้อสาหรับผูที่ฉีดยาเสพติดเข้าเส้น ้ เชื้อ HIV สามารถติดต่อผ่านทางเข็มฉี ดยาที่ใช้ร่วมกัน เข็มดังกล่าวจะปนเปื้ อนเลือด ดังนั้นวิธีป้องกันการติด เชื้อทาได้ดงนี้ ั  หยุดยาเสพติดและเข้ารับการบาบัดเพื่อหยุดยาเสพติด  หลีกเลี่ยงการใช้เข็มฉี ดยาร่ วมกัน ให้ใช้เข็มใหม่ทุกครั้ง  สาหรับผูที่ยงไม่เปลี่ยนพฤติกรรมการใช้เข็มร่ วมกัน ก็ให้ลางเข็มให้สะอาดด้วยน้ าโดยการฉี ดล้าง ้ ั ้ กระบอกฉี ดยา และแช่เข็มในน้ ายาฆ่าเชื้อ 1 นาที การป้ องกันการติดเชื้อ HIV ในคนท้อง เด็กที่คลอดจากแม่ที่มีเชื้อ HIV สามารถรับเชื้อจากแม่ขณะตั้งครรภ์ และการคลอด ปั จจุบนหากทราบว่าคน ั ท้องมีเชื้อ HIV สามารถให้ยา AZT ซึ่งสามารถลดอัตราการติดเชื้อลง การป้ องกันการติดเชื้อ HIV หลังสัมผัสโรค
  • 10. ทางการแพทย์มีประสบการณ์เกี่ยวกับการป้ องกันการติดเชื้อ HIV หลังสัมผัสโรคโดยศึกษาในเจ้าหน้าที่ สาธารณะสุขที่ถูกเข็มตา พบว่าหากให้ AZT หลังถูกเข็มตาจะสามารถลดอุบติการณ์ลงได้ร้อยละ 80 จาก ั ความรู ้น้ ีสามารถนามาใช้กบการสัมผัสโรคHIVโดยทางเพศสัมพันธ์ ก็น่าจะให้ยาป้ องกันได้ การป้ องกันดี ั ที่สุดคือไม่มีเพศสัมพันธ์ การใส่ถุงยาง การมีเพศสัมพันธ์แบบ safer sexual practices หลีกเลี่ยง ่ พฤติกรรมที่เสี่ ยง สาหรับผูที่มีเพศสัมพันธ์โดยที่ไม่ได้ป้องกันไม่วาทางทวารหรื อทางปกติ oral sex กับผู ้ ้ ที่ติดเชื้อ HIV หรื อกลุ่มเสี่ ยง เช่นผูที่ติดยาเสพติด รักร่ วมเพศ ควรจะได้รับยาป้ องกันภายใน 3 วันหลัง ้ สัมผัส และหากท่านทราบว่าตัวเองติดเชื้อ HIV และไปร่ วมเพศกับคนที่ไม่ได้ติดเชื้อท่านต้องแจ้งให้คู่ขา ทราบภายใน 72 ชัวโมงเพื่อที่คู่ขาจะได้รับยาป้ องกันการติดเชื้อ HIV ่