SlideShare a Scribd company logo
1 of 84
บทนำ<br />บล็อก (อังกฤษ: blog) เป็นคำรวมมาจากคำว่า เว็บล็อก (อังกฤษ: weblog) เป็นรูปแบบเว็บไซต์ประเภทหนึ่ง ซึ่งถูกเขียนขึ้นในลำดับที่เรียงตามเวลาในการเขียน ซึ่งจะแสดงข้อมูลที่เขียนล่าสุดไว้แรกสุด บล็อกโดยปกติจะประกอบด้วย ข้อความ ภาพ ลิงก์ ซึ่งบางครั้งจะรวมสื่อต่างๆ ไม่ว่า เพลง หรือวิดีโอในหลายรูปแบบได้ จุดที่แตกต่างของบล็อกกับเว็บไซต์โดยปกติคือ บล็อกจะเปิดให้ผู้เข้ามาอ่านข้อมูล สามารถแสดงความคิดเห็นต่อท้ายข้อความที่เจ้าของบล็อกเป็นคนเขียน ซึ่งทำให้ผู้เขียนสามารถได้ผลตอบกลับโดยทันที คำว่า quot;
บล็อกquot;
 ยังใช้เป็นคำกริยาได้ซึ่งหมายถึง การเขียนบล็อก และนอกจากนี้ผู้ที่เขียนบล็อกเป็นอาชีพก็จะถูกเรียกว่า quot;
บล็อกเกอร์quot;
<br />บล็อกเป็นเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาหลากหลายขึ้นอยู่กับเจ้าของบล็อก โดยสามารถใช้เป็นเครื่องมือสื่อสาร การประกาศข่าวสาร การแสดงความคิดเห็น การเผยแพร่ผลงาน ในหลายด้านไม่ว่า อาหาร การเมือง เทคโนโลยี หรือข่าวปัจจุบัน นอกจากนี้บล็อกที่ถูกเขียนเฉพาะเรื่องส่วนตัวหรือจะเรียกว่าไดอารีออนไลน์ ซึ่งไดอารีออนไลน์นี่เองเป็นจุดเริ่มต้นของการใช้บล็อกในปัจจุบัน นอกจากนี้ตามบริษัทเอกชนหลายแห่งได้มีการจัดทำบล็อกของทางบริษัทขึ้น เพื่อเสนอแนวความเห็นใหม่ใหักับลูกค้า โดยมีการเขียนบล็อกออกมาในลักษณะเดียวกับข่าวสั้น และได้รับการตอบรับจากทางลูกค้าที่แสดงความเห็นตอบกลับเข้าไป เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์<br />ความนิยม <br />บล็อกได้เริ่มมีบทบาทมากขึ้นในปัจจุบันในวงการ[[สื่อมวลชน]]ในหลายประเทศ เนื่องจากระบบ<br />แก้ไขที่เรียบง่าย และสามารถตีพิมพ์เรื่องราวได้โดยไม่ต้องใช้ความรู้ในการเขียนเว็บไซต์ โดยนอกเหนือจากที่ผู้เขียนข่าวส่งผลงานให้กับทางสื่อแล้ว ยังได้มาเขียนข่าวในอีกช่องทางหนึ่งในการเผยแพร่ข้อมูล หรือแนวความคิด โดยการเขียนบล็อกสามารถเผยแพร่ข้อมูลสู่ประชาชนได้รวดเร็วและเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่า สื่อในด้านอื่น ข่าวที่นิยมในการเขียนบล็อกต่อสื่อมวลชน ส่วนใหญ่จะเป็นในลักษณะเรื่องซุบซิบวงการดารา ข่าวการเคลื่อนไหวทางการเมือง เป็นต้น<br />จากความนิยมที่มากขึ้น ทำให้หลายเว็บไซต์เปิดให้มีส่วนการใช้งานบล็อกเพิ่มขึ้นมาในเว็บของตนเอง เพื่อเรียกให้มีการเข้าสู่เว็บไซต์มากขึ้นทั้งผู้เขียนและผู้อ่าน<br />การใช้งานบล็อก<br />ผู้ใช้งานบล็อกจะแก้ไขและบริหารบล็อกผ่านทาง [เว็บเบราว์เซอร์] เหมือนการใช้งานและอ่าน<br />เว็บไซต์ทั่วไป โดยจะมีรูปแบบบริหารบล็อกที่แตกต่างกัน เช่นบางระบบที่มีบรรณาธิการของบล็อก ผู้เขียนหลายคนจะส่งเรื่องเข้าทางบล็อก และจะต้องรอให้บรรณาธิการอนุมัติให้บล็อกเผยแพร่ก่อน บล็อกถึงจะแสดงผลในเว็บไซต์นั้นได้ ซึ่งจะแตกต่างจากบล็อกส่วนตัวที่จะให้แสดงผลได้ทันที<br />ผู้เขียนบล็อกในปัจจุบันจะใช้งานบล็อกในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งไม่ว่า ติดตั้งซอฟต์แวร์ของตัวเอง <br />หรือใช้งานบล็อกผ่านทางเว็บไซต์ที่ให้บริการบล็อก<br />สำหรับผู้อ่านบล็อกจะใช้งานได้ในลักษณะเหมือนอ่านเว็บไซต์ทั่วไป และสามารถแสดงความเห็น<br />ได้ในส่วนท้ายของแต่ละบล็อกโดยอาจจะต้องผ่านการลงทะเบียนในบางบล็อก นอกจากนี้ผู้อ่านบล็อกสามารถอ่านบล็อกได้ผ่านระบบ [ฟีด] ซึ่งมีให้บริการในบล็อกทั่วไป ทำให้ผู้ใช้สามารถอ่านบล็อกได้โดยตรง ผ่านโปรแกรมตัวอื่นโดยไม่จำเป็นต้องเข้ามาสู่หน้าบล็อกนั้น<br />บล็อกซอฟต์แวร์<br />บล็อกซอฟต์แวร์ หรือ บล็อกแวร์ เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้ในอินเทอร์เน็ต ในลักษณะของระบบจัดการเนื้อหาเว็บ ที่ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์และผู้เขียนหรือดูแลบล็อกจะแยกจากกันต่างหาก ส่งผลให้ผู้เขียนบล็อกสามารถใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องมีพื้นฐานความรู้ในด้านเอชทีเอ็มแอล หรือการทำเว็บไซต์แต่อย่างใด ทำให้ผู้เขียนบล็อกสามารถใช้เวลาส่วนใหญ่ในการ บริหารจัดการ เพิ่มเติม ข้อมูลและสารสนเทศแทนได้ นอกจากนี้บล็อกซอฟต์แวร์จะสนับสนุน ระบบ WYSIWYG ซึ่งทำให้ง่ายต่อการเขียน และอาจเพิ่มเติมการมีเทมเพลตในหลายแบบให้เลือกใช้<br />ซอฟต์แวร์ส่วนใหญ่สามารถดาวน์โหลดและติดตั้งได้ทันทีโดยผู้ใช้ ซึ่งซอฟต์แวร์บางส่วนเป็นซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ส ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ซึ่งผู้พัฒนาสามารถนำมาปรับแก้ เป็นของตนเอง ติดตั้งไว้ใช้เป็นบล็อกส่วนตัว หรือเผยแพร่ให้คนอื่นมาใช้งานได้ ส่วนซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์นั้น จะมีทั้งในรูปแบบที่ให้ใช้งานแบบเสียค่าใช้จ่ายหรือให้ใช้งานฟรี<br />บล็อกซอฟต์แวร์ที่เป็นที่รู้จัก<br />รายชื่อบล็อกซอฟต์แวร์ที่เป็นที่นิยมพร้อมทั้งชื่อซอฟต์แวร์ที่ใช้พัฒนาในวงเล็บ<br />,[object Object]
เวิร์ดเพรสส์ (พีเอชพี/มายเอสคิวแอล)
สแลช (เพิร์ล)
ไลฟ์ไทป์ (พีเอชพี/มายเอสคิวแอล)
จุมล่า (พีเอชพี/มายเอสคิวแอล)
แมมโบ้ (พีเอชพี/มายเอสคิวแอล) รายชื่อผู้ให้บริการบล็อกที่มีชื่อเสียง<br />,[object Object]
ไทป์แพด
เวิร์ดเพรสส์
ยาฮู! 360° หรือ ยาฮู!เดย์ (ยาฮู!)
วินโดวส์ไลฟ์ สเปซเซส (ไมโครซอฟท์)
มายสเปซ
มัลติไพล ผู้ให้บริการบล็อกในประเทศไทยที่เป็นที่รู้จัก<br />,[object Object]
เอ็กซ์ทีน
GotoKnow
Bloggoo
learners.in.th
บล็อกแก๊ง
โอเคเนชั่น นอกจากนี้ทางเว็บที่นิยมของไทยอย่าง สนุก.คอม, กระปุก.คอม หรือผู้จัดการออนไลน์ ก็ได้มีการ<br />เปิดให้บริการบล็อก<br />บทที่ 1 การสร้างเว็บบล็อก<br />หลายคนอาจสงสัยว่าตอนนี้จะทำเว็บบล็อกไปเพื่ออะไร? แล้วจะเสียเงินไหม หากจะทำขึ้นมา จริงๆ แล้วประโยชน์ของเว็บบล็อกนั้นมีมากกว่าที่เราคิดไว้ครับ เช่น ใช้ในการทำงาน  ในการนำเสนอผลงาน การขายสินค้า ใช้ในการเรียนการสอน หรือ ใช้ในการเขียนชีวประวัติส่วนตัวแล้วเก็บไว้เป็นฐานข้อมูลแบบออนไลน์ก็ยังได้ครับ  ส่วนปัญหาที่บางท่านไม่รู้จัก code ของภาษาต่างๆ เช่น HTML หรือ Java script ฯ ก็ไม่ต้องเป็นกังวลครับ เพราะตัวผมเองก็ไม่เป็นเหมือนกันแต่ก็ค่อยๆ เรียนรู้กันไป เพียงแค่ไม่กี่วันคุณก็จะมีบล็อกสวยๆ และนำไปใช้ประโยชน์ได้แน่นอนครับ <br />เว็บบล็อกไม่จำเป็นต้องมีเงินในการทำครับ เพราะมีผู้ให้บริการฟรี และผมจะขอเสนอผู้ให้บริการบล็อกที่ชื่อว่า บล็อกเกอร์ ซึ่งเป็นของ Google ซึ่งผมก็จัดทำอยู่ มีอยู่ 2 เว็บด้วยกัน คือ <br />447040123825<br />www.lovelyfools.blogspot.com<br />  อันนี้เป็นเว็บบล็อกส่วนตัวครับ<br />43751520955<br />www.nongpoto.blogspot.comอันนี้เป็นเว็บบล็อกของลูกชายครับ <br />วิธีสร้างบล็อกกับ Blogger<br />ขั้นที่ 1   การสมัครใช้งาน Blogger สามารถใช้ email ของระบบใดก็ได้ แต่ในระยะยาวแล้วการเชื่อมโยงกับบริการหลายๆ อย่างของ Google ควรจะใช้ email ของ Gmail ดีที่สุดครับ<br /> <br />,[object Object]
กรอกข้อมูลที่จำเป็นในการสมัคร Gmail703580297815<br />จากนั้นคลิกปุ่ม ฉันยอมรับ โปรดสร้างบัญชีของฉัน<br />,[object Object]
คลิกปุ่ม ส่งรหัสยืนยันไปยังโทรศัพท์มือถือของฉัน
1104265334645เมื่อเปิดดูข้อความในโทรศัพท์มือถือแล้ว ก็ให้ป้อนรหัสที่ได้ จากนั้นคลิกปุ่ม ยืนยัน
1328420328930คุณจะพบกับหน้าจอแสดงความยินดีเกี่ยวกับบัญชีของ Gmail
6089654191009994900คลิกที่ปุ่ม                                               เพื่อดู Gmail ของเราครั้งแรกขั้นที่ 2   หลังจากได้บัญชีผู้ใช้แล้ว ให้ไปที่ www.blogger.com เพื่อสร้างบล็อกกันเลยครับ <br />โดยในการสร้างบล็อกนั้น ก็ให้ใช้ บัญชีผู้ใช้ (user name + password) ที่ได้สร้างไว้ในขั้นที่ 1 <br />,[object Object]
1267460296545
9899652421255
คลิกที่ปุ่ม                                                     เพื่อเริ่มต้นการสร้างบล็อก ดังรูป
ให้กรอก email ที่ได้จากขั้นที่ 1    ชื่อผู้เขียนบล็อก    วันเกิด
221869033020
เมื่อกรอกข้อมูลครบแล้ว ให้คลิกที่ปุ่ม                                       จะพบหน้าจอ ตั้งชื่อเว็บบล็อกของคุณ ให้ทำการ ตั้งชื่อเว็บบล็อกที่เราต้องการ, ที่อยู่บล็อก และ กรอกรหัสยืนยัน  (แต่การกำหนด URL จะต้องไม่ให้ซ้ำกับคนอื่น ๆ ถ้าซ้ำก็ใช้วิธีเปลี่ยนเป็นคำหรือวลีที่ใกล้เคียงไปเรื่อย ๆ การตั้งชื่อและ URL ของบล็อกควรมี keyword ที่สัมพันธ์กับเรื่องที่จะเขียนด้วย)
961390-142875คลิกที่ปุ่ม                                         จะพบหน้าจอ เลือกแม่แบบเริ่มต้น ดังรูป           <br />,[object Object]
จะปรากฏหน้าจอแจ้งว่า บล็อกของคุณถูกสร้างขึ้นแล้ว ดังรูป
980440-152400คลิกที่ปุ่ม                                                                  เพื่อกรอกข้อมูลครั้งแรกในการสร้างเว็บบล็อก ซึ่งจะต้องกรอกข้อมูลในหน้าเว็บ ดังรูป
2199640172720
เมื่อกรอกข้อมูลเสร็จแล้ว ให้คลิกปุ่ม                                               จะปรากฏหน้าจอ ดังรูป
1094740-76200ให้คลิกที่ปุ่ม                                               เพื่อดูเว็บบล็อกของเรา เป็นครั้งแรก จะพบหน้าจอ ดังรูปบทที่ 2 วิธีเปลี่ยน Template ของ Blogger<br />หลังจากบทแรกได้เสนอขั้นตอนในการสร้างบล็อกไปแล้ว ถึงตรงนี้คุณต้องคิดแล้วว่าจุดประสงค์ของการทำบล็อกของคุณคืออะไร เพราะจุดประสงค์นี่แหละครับจะเป็นตัวกำหนดว่าเราจะเลือก แม่แบบ (หน้าตา และองค์ประกอบ) ของบล็อกอย่างไร  <br />1037590375285ต่อไปเราจะมาดูวิธีการเลือก และการเปลี่ยน Template กันครับ <br />ขั้นที่ 1 ให้คุณไปเลือก template ได้ที่<br />,[object Object]
http://www.bloggertemplateplace.com
http://themecraft.net
http://www.deluxetemplates.net
http://www.bloggerthemes.net
http://www.bloggerstyles.com
http://www.anshuldudeja.com
http://www.bloggertemplatesfree.com
http://www.bloggertemplatesblog.com
http://www.templatesblock.com
http://blogger-templates.blogspot.com
http://freetemplates.blogspot.com
http://mashable.com/2007/09/13/blogger-templates
http://www.webtemplatesblog.com
http://www.ezwpthemes.com
http://www.freebloggertemplate.info
http://www.blogcrowds.com/resources/blogger-templates
http://www.zoomtemplate.com
http://www.templates-blogger.com
http://www.bloggerblogtemplates.com
http://bloggertemplateplace.com
http://www.templatesblogger.net
http://www.bietemplates.com
หรือจะใช้คำค้น “Template+blog” ใน Google ก็ได้ครับ ผมเชื่อว่าขั้นตอนนี้คุณคงจะใช้เวลานานพอสมควรเลยล่ะครับ (ผมเองก็ใช้เวลาเป็นวันๆ ในการเลือก templates ทีเดียวครับ )<br />,[object Object]
1088390617220ในที่นี้ ผมเลือกเว็บไซต์ http://www.bloggerblogtemplates.com/ เพื่อเป็นต้นแบบในการใช้ Template 1123315328295ผมเลือก Template นี้<br />,[object Object]
1094740525145Log in ที่ blogger ไปที่แผงควบคุม >> รูปแบบ >> แก้ไข HTML >> คลิกปุ่ม Browse เพื่อที่จะอัปโหลดแม่แบบขึ้นมา
เรียกไฟล์ .XML ที่เตรียมไว้ตามขั้นตอนในรูปครับ112331578740<br />1066165194945<br />,[object Object],123825088900<br />,[object Object],141859059690<br />นี่คือผลงาน หลังจากเปลี่ยนแม่แบบ นี้ครับ<br />ก่อนเปลี่ยน Template<br />122809093980<br />หลังเปลี่ยน Template<br />1233805220980<br />เครื่องมือสำหรับ “ออกแบบแม่แบบ” ด้วยตนเอง ใหม่! จาก Blogger<br />85661560325<br />หลังจากทีมงาน Blogger ได้สร้าง Gadget หน้าเว็บ ออกมาได้ไม่นาน ตอนนี้ก็ได้พัฒนาการเครื่องมือสำหรับการออกแบบแม่แบบของ blogger ให้ยืดหยุ่นมากขึ้น โดยให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งแม่แบบได้ด้วยตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการเลือก Theme การออกแบบโครงร่างของหน้าว่าจะมี 2 หรือ 3 คอลัมน์ หรือหลายคอลัมน์ ซึ่งทำได้โดยการคลิกเพียงไม่กี่ครั้ง การปรับความกว้างของ Template และ sidebar เพียงแค่คลิกเดียวเป็นต้น ความสามารถทั้งหลายนี้ผู้ใช้สามารถทำได้โดยไม่ต้องมีความรู้เรื่อง HTML และ CSS เลยสำหรับการใช้งานเครื่องมือนี้ก็คล้ายคลึงกับการใช้งานเครื่องมือเดิม ๆ ที่มีอยู่ ซึ่งผมจะอธิบายทีละส่วนดังนี้<br />การใช้ เครื่องมือออกแบบแม่แบบ ทำได้โดย Log in เข้าไปที่ draft.blogger และไปที่ แผงควบคุม >>การออกแบบ  >>  องค์ประกอบของหน้า >> คลิกที่ “เครื่องมือออกแบบแม่แบบ ใหม่!”<br />107569075565<br />เมื่อคลิกที่ “เครื่องมือออกแบบแม่แบบ” แล้วเราจะพบเครื่องมือสำหรับออกแบบแม่แบบอยู่ 4 อย่างด้วยกัน ได้แก่  1. แม่แบบ  2. พื้นหลัง  3. รูปแบบ  และ 4. ขั้นสูง<br />91376577470<br />   ส่วนแสดงตัวอย่าง<br />,[object Object],110426551435<br />ส่วนแสดงตัวอย่าง<br />,[object Object]
923290736602.1 วิธีเปลี่ยนภาพพื้นหลังทำได้โดย คลิกที่ “ภาพพื้นหลัง” และเลือกถาพตามต้องการ และกดปุ่ม “ใช้กับบล็อก” เพื่อยืนยัน<br />1666240213995<br />932815247<br />2.2 การเลือกสี Theme ของบล็อก คลิกที่สี Theme ที่ต้องการโดย อาจจะคลิกเลือกจาก Theme สำเร็จรูปหรือเลือกจาก Theme ที่แนะนำ<br />1704340120015<br />1428115153670<br />,[object Object],570865145415<br />3.1 การใช้งานเครื่องมือ “การออกแบบเนื้อความ” : เครื่องมือนี้ใช้กำหนดรูปแบบคอลัมน์ของ template ของคุณ ซึ่งทำได้ง่ายดายโดยการคลิกเลือกรูปแบบที่ต้องการ ดูตัวอย่าง เมื่อเป็นที่พอใจแล้วก็กดปุ่ม “ใช้กับบล็อก” เพื่อยืนยัน  <br />104711588900<br />3.2 การใช้งานเครื่องมือ “การออกแบบส่วนท้าย” : เครื่องมือนี้เป็นเครื่องมือสำหรับการกำหนดคอลัมน์ให้กับส่วนท้ายของหน้าบล็อก ซึ่งทำได้เช่นเดียวกับ 3.1<br />104711514605<br />3.3 การใช้งานเครื่องมือ “การปรับความกว้าง” : คุณสามารถปรับความกว้างของแม่แบบ และ sidebar จากเครื่องมือนี้เพียงแค่เลื่อน slider ให้ตรงกับค่าตัวเลขที่ต้องการเท่านั้น<br />1047115129065<br />,[object Object],110426544450<br />*** ปล. อย่าลืมนะครับว่าเครื่องมือเหล่านี้จะไม่มีใน blogger.com แต่ จะมีใน draft.blogger.com เท่านั้น<br />บทที่ 3 วิธีเขียนและจัดการบทความในบล็อก<br />31369047625บทนี้ผมจึงจะเล่าถึงวิธีเขียนบทความใน Blogger เพื่อเป็นแนวทางให้คุณสามารถเขียนบทความลงในบล็อกของคุณได้สวยงามและเป็นมืออาชีพมากขึ้น <br />สำหรับท่านที่เขียนบทความเป็นอยู่แล้วอาจจะข้ามไปอ่านบทความอื่น ๆ ต่อไปได้เลยครับ ส่วนท่านที่เป็นมือใหม่จริง ๆ ก็ควรจะอ่านบทความนี้ให้จบเพื่อเป็นแนวทางในการเขียนบทความของคุณเองต่อไป<br />,[object Object],การเข้าไปเขียนบทความบน Blogger โดยตรงสามารถเข้าไปได้ 2 ช่องทางด้วยกันคือ<br />1.1 ถ้าคุณใช้แม่แบบที่ไม่ได้ซ่อนแถบนำทางสามารถเข้าไปเขียนบทความได้โดยคลิกที่เมนู บทความใหม่<br />942340147320<br />1.2 เข้าไปเขียนบทความผ่าน  draft.blogger.com<br />389890163830<br />โปรดสังเกตว่าเครื่องมือในการเขียนบทความของ Draft.blogger จะมีมากกว่าเครื่องมือของ blogger ปกติ ดังนั้นโดยส่วนตัวผมแนะนำให้เขียนบทความผ่าน draft.blogger.com เพราะมีเครื่องมือมากกว่าวิธีแรก และควรตั้งค่าให้ draft.blogger เป็นเครื่องมือเริ่มต้น<br />694690118110<br />,[object Object],694690137795<br />ก่อนอื่นผมขอแนะนำให้รู้จักเครื่องมือที่จำเป็นในการเขียนบทความดังนี้<br />ส่วนที่ 1  คือส่วนตั้งชื่อเรื่องหรือชื่อบทความ <br />ส่วนที่ 2  เป็นส่วนที่ใช้สำหรับกรณีที่เราต้องการวางข้อความที่คัดลอกมาจาก Ms word  หรือโค้ดวีดีโอจาก Youtube หรือโค้ด HTML/จาวาสคริปต์ที่ต้องการให้ปรากฏและแสดงผลในบทความ<br />ส่วนที่ 3 เป็นแถบที่เลือกเมื่อต้องการเขียนข้อความปกติซึ่งจะมีเครื่องมือในการเขียนบทความตามที่เห็นในภาพข้างบน<br />ส่วนที่ 4  สำหรับจัดรูปแบบอักษร<br />ส่วนที่ 5   เป็นเครื่องมือในการใส่ลิงค์ให้ข้อความ  แทรกภาพลงในบทความ และแทรกวีดีโอลงในบทความตามลำดับ    <br />ส่วนที่ 6 รูปกระดาษขาดที่เห็นนั้นใช้ในกรณีที่คุณต้องการแสดงบทความให้ผู้อ่านเห็นในหน้าหลักเพียงบางส่วนเท่านั้น และถ้าใช้เครื่องมือนี้ผู้อ่านจะต้องคลิกอ่านเพิ่มเติมจึงจะเห็นข้อความแบบเต็ม  เครื่องมือนี้มีข้อดีคือทำให้บทความที่มีความยาวมาก ๆ สั้นลงได้ และทำให้เปิดหน้าแรกได้เร็วขึ้นด้วย<br />ส่วนที่ 7 เป็นส่วนที่ใช้ในการจัดเรียงข้อความ และจัดแนวรูปภาพได้ด้วย เช่น จัดชิดซ้าย     ชิดขวา กึ่งกลาง เป็นต้น <br />ส่วนที่ 8 ได้แก่การใส่ การเน้นข้อความ การลบรูปแบบ การตรวจสอบการสะกดคำ และการแปลภาษา <br />1085215356871ส่วนที่ 9 เป็นส่วนที่ใช้ในการวางกำหนดเวลาล่างหน้า ว่าจะให้บทความที่เขียนเผยแพร่ใน  วันใด<br />ส่วนที่ 10 เป็นการใส่ป้ายกำกับ ซึ่งเป็นส่วนที่ใช้ระบุว่าบทความที่เขียนนี้อยู่ในหมวดหมู่ใด ซึ่งสามารถใส่ได้มากกว่า 1 ป้ายกำกับโดยคั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาค และสามารถเลือกป้ายกำกับที่คุณเคยใส่ให้บทความอื่นไปแล้วมาใส่อีกได้ เพื่อทำให้บทความนั้น ๆ อยู่ในหมวดหมู่เดียวกัน<br />1313815178435<br />ส่วนที่ 11 เป็นการเลือกว่าจะบันทึกไว้ก่อน หรือจะเผยแพร่ มีประโยชน์ในกรณีที่บทความที่เขียนใช้เวลาเขียนนานมากก็อาจจะบันทึกเอาไว้ก่อนแล้วมาเขียนต่อในภายหลังได้<br />เทคนิคการเขียนบทความที่ควรรู้<br />ในกรณีที่เรามีไฟล์เอกสารจาก MS word แล้วคัดลอกมาวางเพื่อทำให้เขียนบทความได้เร็วขึ้น บางครั้งพบปัญหาข้อผิดพลาดของฟอร์ม (ฟอร์มใน MS word ไม่สามารถแปลงเป็น HTML Code ได้)<br />ปัญหานี้แก้ได้โดยก่อนวางข้อความให้คลิกที่แถบ แก้ไข HTML แล้วจึงวางข้อความที่คัดลอกมา<br />จากนั้นจึงคลิกที่แถบ เขียน เพื่อจัดรูปแบบของบทความต่อไป <br />เทคนิคนี้ยังสามารถใช้กับการวางโค้ดวีดีโอ หรือข้อความที่คัดลอกมาจากเว็บไซต์ได้ด้วยครับ <br />บทที่ 4 การตั้งค่าพื้นฐานต่างๆ ให้กับบล็อก<br />บทนี้ผมจะขอแนะนำการตั้งค่าพื้นฐานต่างๆ ของบล็อกเพื่อให้เข้าใจการตั้งค่าในส่วนต่าง ๆ ของ Blogger และจะทำให้คุณสามารถตั้งค่าต่าง ๆ ตามความต้องการของตนเองได้ อีกทั้งจะเป็นประโยชน์ในการพัฒนาการทำ Blogger ในระยะยาวด้วย<br />การตั้งค่าพื้นฐานต่างๆ ของบล็อกทำได้โดย Log in เข้าไปที่ blogger เมื่อมาที่หน้า แผงควบคุม ให้ Click ที่ การตั้งค่า<br />704215-3810<br />และท่านจะเข้ามาที่เมนูการตั้งค่าของบล็อก<br />101854071120<br />ผมจะแบ่งการตั้งค่าออกเป็น 9 ส่วนดังนี้<br /> 1. ขั้นต้น<br />101854059055<br />คุณสามารถดาวน์โหลด Blog เพื่อเก็บเป็น Backup ข้อมูลบทความและ comment ของบล็อกได้โดยเลือก ส่งออกบล็อก แต่ถ้าคุณมีข้อมูลบล็อกเดิมอยู่แล้วอยากจะนำมาใช้กับบล็อกใหม่ที่สร้างขึ้น ก็ให้เลือก นำเข้าบล็อก แต่ถ้าคิดว่าไม่ต้องการใช้บล็อกนี้แล้วก็สามารถลบทิ้งได้โดยเลือก ลบบล็อก<br />58991545973<br />Title และคำอธิบายของบล็อก ควรใส่ให้เข้าใจภาพรวมของบล็อกและมี keyword ในการทำบล็อกแทรกอยู่ใน Description ด้วย<br />43751569215<br />ในส่วนการตั้งค่าอื่น ๆ ควรตั้งค่าดังนี้<br />องค์ประกอบตั้งค่าเป็นเพิ่มบล็อกของคุณในรายการของเราหรือไม่ใช่อนุญาตให้เครื่องมือค้นหาพบบล็อกของคุณหรือไม่ใช่แสดงการแก้ไขอย่างรวดเร็วบนบล็อกของคุณหรือไม่ใช่มีเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่หรือไม่ ไม่เลือกโปรแกรมแก้ไขบทความโปรแกรมแก้ไขที่อัปเดต<br />2. การเผยแพร่  <br />ในการตั้งค่าส่วนนี้สามารถเปลี่ยน URL ของบล็อกได้<br />89471569215<br />ถ้าคุณต้องการเปลี่ยนโดเมนของบล็อกจาก .blogspot.com เป็นโดเมนอื่นก็สามารถตั้งค่าได้ตรงส่วนนี้ แต่จะต้องเสียค่าใช้จ่ายการจดโดเมนผ่าน google ปีละ 10 US (ประมาณ 300 กว่าบาทต่อปี)<br />723266107315<br />3. การจัดรูปแบบ<br />ในส่วนนี้เป็นการตั้งค่าการเผยแพร่บทความ เช่น จำนวนบทความในหน้าแรก รูปแบบเวลาและวันที่เป็นต้น<br />60896520320 <br />คุณควรจะตั้งค่าต่าง ๆ ดังนี้ <br />องค์ประกอบตั้งค่าเป็นแสดงสูงสุดเท่าไรก็ได้รูปแบบส่วนหัวของวันที่ตั้งได้ตามใจชอบรูปแบบวันที่ของดัชนีคลังบทความ ตั้งได้ตามใจชอบรูปแบบเวลาตั้งได้ตามใจชอบโซนเวลา(GMT+07:00)กรุงเทพภาษา ไทยแปลงการขึ้นบรรทัดใหม่ไม่แสดงฟิลด์ชื่อเรื่องใช่แสดงฟิลด์ของลิงก์ไม่เปิดใช้การจัดเรียงแบบลอยใช่แม่แบบบทความยังไม่ต้องตั้งค่า<br />4. เมนูข้อคิดเห็น<br />เป็นเมนูสำหรับตั้งค่าต่าง ๆ เกี่ยวกับการแสดงความคิดเห็นของบล็อก<br />60896555245 <br />คุณควรจะตั้งค่าต่าง ๆ ดังนี้<br />องค์ประกอบตั้งค่าเป็นข้อคิดเห็นแสดงใครสามารถแสดงความคิดเห็น ผู้ใช้ที่มีบัญชี Googleการจัดวางฟอร์มความคิดเห็นวางไว้ใต้บทความความคิดเห็นเริ่มต้นสำหรับบทความบทความใหม่มีความคิดเห็นลิงก์ย้อนกลับซ่อนค่าเริ่มต้นของลิงก์ย้อนกลับสำหรับบทความบทความใหม่มีลิงก์ย้อนกลับรูปแบบเวลาในส่วนความคิดเห็น ตั้งค่าตามใจข้อความของฟอร์มความคิดเห็นไม่ต้องใส่ค่าใด ๆ ก็ได้การจัดการความคิดเห็นไม่แสดงการตรวจสอบคำสำหรับความคิดเห็นหรือไม่ ไม่แสดงรูปภาพโปรไฟล์บนความคิดเห็นหรือไม่ใช่อีเมลสำหรับแจ้งเตือนเมื่อมีความคิดเห็นใหม่กรอก email ของคุณลงไป<br />5. เก็บเข้าคลังบทความ<br />ตั้งให้เป็นรายเดือนจะดีที่สุด<br />40894015240 <br />6. ฟีดของไซต์<br />ถ้าบทความในบล็อกไม่มากนัก ตั้งค่าเป็น แบบเต็ม แต่ถ้าบทความมีประมาณ 100 ขึ้นไปควรจะตั้งเป็น แบบสั้น<br />60896566040 <br />7. อีเมลและมือถือ <br />ในส่วนนี้เป็นการตั้งค่า อีเมลเพื่อให้ระบบส่งบล็อกของคุณทุกครั้งที่มีการเผยแพร่ และเป็นการตั้งค่า การใช้อุปกรณ์เคลื่อนที่ในการเขียนบล็อก ตรงนี้ผมยังไม่เคยลองเหมือนกัน<br />8. OpenID<br />72326562865<br /> <br />คุณสามารถใช้ OpenID URL เพื่อเข้าสู่ไซต์อื่นๆ ที่ใช้งาน OpenID นอกจากนี้คุณยังสามารถกำหนดให้ผู้ใช้ OpenID สามารถแสดงความคิดเห็นในบล็อกของคุณ โดยปรับการตั้งค่า ความคิดเห็น ของคุณ <br />9. สิทธิ<br />70837915240   <br />ในส่วนนี้คุณสามารถใช้ในการเปลี่ยนผู้เขียนบล็อก และเพิ่มผู้ดูแลระบบได้ถึง 100 ราย <br />นอกจากนี้คุณยังจำกัดคนเข้าชมบล็อกได้ด้วย โดยการระบุ Email ของผู้ที่ต้องการลงไป<br />704215115570 <br />บทที่ 5 รู้จักและใช้งาน Gadget ชนิดต่างๆ บน Blogger<br />เมื่อเรียนรู้เกี่ยวกับ การตั้งค่าต่าง ๆ ของบล็อก  การเปลี่ยน Templates ให้กับบล็อกไปแล้ว ส่วนที่เหลือคือ การจัดรูปแบบองค์ประกอบหน้าให้กับบล็อก รวมถึงการใช้งาน Gadget หลักชนิดต่างๆ ของ Blogger <br /> Gadget คืออะไร?<br /> <br /> <br />Gadget ใน Blogger นั้นหมายถึงส่วนเสริมที่เราสามารถติดตั้งเพิ่มลงไปในแม่แบบของ Blogger ซึ่งบางครั้งก็ถูกเรียกว่า widget ซึ่งก็หมายถึงสิ่งเดียวกันกับ Gadget<br />วิธีเพิ่ม Gadget<br />ก่อนอื่นให้ Login เข้าไปที่ blogger หรือ draft.blogger >> จากแผงควบคุมให้เลือก การออกแบบ<br /> <br /> <br />จากนั้นใน Layout ของแม่แบบคุณจะเห็นพื้นที่ ดังรูปด้านล่างเพื่อให้เพิ่ม Gadget<br /> <br />และเมื่อคลิก เพิ่ม Gadget ก็จะปรากฏ Gadget พื้นฐาน 21 อย่างที่จะกล่าวถึงในหัวข้อนี้<br /> <br /> <br />นอกจากนี้ยังมี Gadget อีกมากมายซึ่งคุณสามารถเลือกได้จากเมนูแกดเจ็ดเพิ่มเติมทางซ้ายมือ<br /> <br />เมื่อเลือก Gadget ที่ต้องการแล้ว คลิกที่ปุ่ม + เพื่อทำการเพิ่ม Gadget นั้น ใส่ชื่อ Gadget และตั้งค่าที่ต้องการแล้วบันทึก<br /> <br /> <br />รูปที่เห็นข้างบนเป็น Gadget ผู้ติดตาม สำหรับ Gadget อื่น ๆ ก็ทำได้ในทำนองเดียวกัน<br /> รู้จักกับ Gadget พื้นฐาน 21 อย่างของ Blogger<br />1. Gadget หน้าเว็บ<br />หลักการของ Gadget ชนิดนี้คือคุณจะต้องสร้างหน้าเว็บขึ้นมาก่อน  แล้วใช้ Gadget นี้เป็นเมนูในการเชื่อมโยงไปยังหน้าเว็บ <br /> <br />2. Gadget ผู้ติดตาม<br />Gadget ชนิดนี้ใช้เพื่อให้ผู้อ่านที่ชื่นชอบบล็อกของคุณได้ติดตาม และเมื่อติดตามแล้วความเคลื่อนไหว และการ update บทความของจะไปปรากฏแผงควบคุมของผู้ติดตามโดยอัตโนมัติ และมีสิทธิในการแสดงความคิดเห็นบนบล็อกของคุณได้ (กรณีที่คุณอนุญาตเฉพาะสมาชิก)<br />  <br />3. Gadget ช่องค้นหา<br />เป็น Gadget ที่ติดตั้งเพื่อให้ผู้อ่านสามารถค้นหาสิ่งที่ต้องการในบล็อกของคุณได้ง่ายขึ้น<br /> <br /> <br />4. Gadget HTML/จาวาสคริปต์<br />Gadget ชนิดนี้เป็น Gadget ที่ยืดหยุ่นที่สุดในบรรดา Gadget ทั้งหมด สามารถประยุกต์ใช้ได้หลากหลาย เหมาะสำหรับใช้ติดตั้งโค้ดต่าง ๆ ลงบน Blogger เช่น โค้ดปฏิทิน นาฬิกา โค้ดจาวาสคริปต์ โค้ดรูปภาพ โค้ดวีดีโอ โค้ดของลิงค์ เป็นต้น<br />  <br />5. Gadget ข้อความ<br />เป็น Gadget ที่เหมาะสำหรับเขียนข้อความ เช่น ข้อความต้อนรับ เป็นต้น<br />  <br />6. Gadget  Adsense<br />คุณจะใช้ Gadget ชนิดนี้ได้เมื่อสมัครเข้าร่วมโปรแกรมหรือเป็นตัวแทนในการเผยแพร่โฆษณาบน Google <br /> <br />7. Gadget รูปภาพ<br />ถ้าคุณต้องการแสดงรูปภาพบนบล็อกอย่างเดียวก็ให้เลือกใช้ Gadget นี้ครับ<br /> <br /> <br />8. Gadget สไลด์โชว์<br />Gadget นี้เป็นการดึง Albums จาก Picasaweb มาแสดงในรูปแบบสไลด์โชว์บนบล็อกของ<br /> <br />9. Gadget แถบวีดีโอ<br />Gadget นี้จะทำให้ผู้ใช้ค้นหาวีดีโอบน Youtube จากบล็อกของคุณได้<br /> <br />10. Gadget แบบสำรวจ <br />Gadget นี้ถือเป็น Gadget หนึ่งที่น่าสนใจมาก แต่ยังมีผู้ใช้จำนวนน้อย โดยคุณอาจจะใช้สำรวจความต้องการ หรือความคิดเห็นของผู้อ่านต่อบล็อกของคุณ หรือสำรวจเกี่ยวกับเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาบนบล็อกของคุณก็ได้<br />  <br />11. Gadget รายการบล็อก <br />Gadget ชนิดนี้เป็น Gadget ที่สามารถรวบรวมข่าวสารล่าสุดจากบล็อกที่คุณเลือกหรือบล็อกที่คุณติดตาม พร้อมทั้งสามารถแสดงเนื้อหาแบบย่อได้ด้วย<br /> <br /> <br />12. Gadget รายชื่อลิงค์<br />เป็น Gadget ที่ใช้สร้างลิงค์ไปยังที่ต่าง ๆ โดยคุณสามารถป้อน URL บน Gadget  ชนิดนี้เพื่อสร้าง Link โดยไม่ต้องมีความรู้เรื่อง HTML มาก่อนเลย<br />  <br />13. Gadget รายการ<br />เป็น Gadget ที่คล้ายคลึงกับ Gadget รายชื่อลิงค์ แต่มีความยืดหยุ่นกว่า สามารถสร้างข้อความรายการและใส่ link ให้ข้อความได้ด้วย<br />  <br />14. Gadget ฟีด<br />คุณสามารถใช้ Gadget นี้ดึงข่าวสารจากในบล็อกของคุณ หรือบล็อกอื่นที่คุณสนใจเอามาแสดงเพียงแค่ใส่ชื่อบล็อกที่ต้องการลงไปลงไปใน gadget  <br /> <br />15. Gadget Newsreel<br />เป็น gadget ที่ทำให้พาดหัวข่าวจาก Google มาปรากฏบนบล็อกของคุณเท่านั้น<br /> <br /> <br />16. Gadget ป้ายกำกับ<br />Gadget นี้มีความสำคัญ คุณควรจะติดตั้ง เพื่อให้บทความที่เขียนเป็นหมวดหมู่ ให้ผู้อ่านเห็นชัดเจนเลือกอ่านได้ตรงความต้องการมากขึ้น <br /> <br />17. Gadget ลิงค์การสมัคร<br />Gadget นี้มีความสำคัญในเรื่องการส่งข่าวสารข้อมูลจากบล็อกของคุณไปยังผู้อ่าน ผู้อ่านจะสามารถสมัครรับบทความทาง email หรือผ่านช่องทางอื่น ๆ ได้จาก Gadget นี้  <br /> <br />18. Gadget โลโก้<br />Gadget นี้ไม่สำคัญนักเป็นเพียงติดตั้ง logo ของ blogger ในหน้าบล็อกเท่านั้น <br />  <br />19. Gadget โปรไฟล์ <br />Gadget นี้จะแสดงข้อมูลอย่างของคุณที่ได้กรอกเอาไว้บนบัญชีของ Blogger ถ้าคุณต้องการแสดงข้อมูลของคุณบน Blog ก็ควรจะติดตั้ง Gadget นี้ครับ<br /> <br /> <br />20. Gadget คลังบทความของบล็อก<br /> <br />Gadget นี้จะทำให้ผู้อ่านเห็นบทความทั้งหมดภายในบล็อกของคุณได้  <br /> <br />21. Gadget ส่วนหัวของหน้า<br />Gadget นี้เป็นส่วนที่ใส่ Title และ Description ของ Blog โดยปกติแล้ว Template ทั่วไปก็จะติดตั้งส่วนนี้อยู่แล้ว<br /> <br /> คุณสามารถทดลองใช้ Gadget เหล่านี้ได้โดยไม่ต้องกลัวความผิดพลาดเพราะ Gadget บน Blogger นั้นสามารถลบออกได้อย่างง่ายดายโดยวิธีการจัดการกับ Gadget<br />บทที่ 6 การจัดการกับ Gadget ในหน้าบล็อก<br />ในบทที่ผ่านมาเราได้ รู้จักและใช้งาน Gadget ชนิดต่าง ๆ บน Blogger ผมได้กล่าวถึงวิธีการเพิ่ม Gadget ให้กับบล็อก แต่ยังไม่ได้กล่าวถึงการลบ Gadget ออกจากองค์ประกอบของหน้า และนอกจากนี้ ตำแหน่งของ Gadget ยังสามารถเคลื่อนย้ายตำแหน่งได้อีกด้วย<br /> <br /> <br /> <br />การลบ Gadget  <br />วิธีที่ 1 ถ้าในขณะที่เรา log in และเปิดหน้าบล็อกของเราขึ้นมา ก็จะสังเกตเห็นว่ามีเครื่องมือปรากฏอยู่ตามที่ต่างๆ ในองค์ประกอบของหน้า <br /> <br /> <br />และถ้าเราคลิกเข้าไปก็จะสามารถแก้ไข หรือ ลบองค์ประกอบเหล่านั้นออกไปได้เลยครับ<br /> <br /> <br />วิธีที่ 2 เราสามารถเข้าไปลบ Gadget ได้ที่ แผงควบคุม >> การออกแบบ >> องค์ประกอบของหน้า >> เลือกแก้ไข Gadget ที่ต้องการลบ <br /> <br />จากนั้นเลือกลบได้เช่นเดียวกับกรณีแรก<br /> <br /> <br /> การย้ายตำแหน่ง Gadget  <br />สำหรับการย้ายตำแหน่งของ Gadget ทำได้โดยการ เข้าไปที่แผงควบคุม >> การออกแบบ >> องค์ประกอบหน้าจากนั้นให้ลากเมาส์บน Gadget ที่ต้องการย้ายไปวางในตำแหน่งที่ต้องการได้เลยครับ<br /> <br /> <br /> <br />เมื่อเข้าใจการทำงานของ Gadget ชนิดต่าง ๆ แล้วสิ่งที่อยากจะฝากเอาไว้ตอนท้ายนี้ก็คือการจัดองค์ประกอบหน้าของบล็อกดังนี้<br /> <br />แนวทางในการจัดองค์ประกอบหน้าบล็อก แนวทางในการจัดองค์ประกอบหน้านั้นไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว บางคนชอบให้มี 2 column บางคน<br />ชอบให้มี 3 column ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับความชอบและความต้องการใช้งาน แต่ที่อยากให้คำนึงไว้เสมอคือ ผู้อื่น <br />คือ พระเจ้า ทำอะไรให้เข้าใจง่ายๆ หาอะไรก็เจออย่างรวดเร็ว เข้าไว้เป็นพอครับ และอีกประการที่สำคัญคือ<br />การติดตั้ง Gadget ต่าง ๆ ควรติดตั้งเท่าที่จำเป็นและต้องการใช้งาน ปฏิทิน หรือนาฬิกานั้นก็ไม่ควรติดตั้ง<br />ลงไปเลย เพราะไม่คุ้มค่ากับการเพิ่มภาระการโหลดให้กับผู้เข้าชม และถ้าบล็อกของคุณโหลดได้ช้า ก็<br />เป็นไปได้ยากที่ผู้อ่านจะกลับมาอีก <br /> <br />องค์ประกอบในหน้าของบล็อกที่ผมคิดว่าคุณควรจะมีคือ <br />ส่วนที่บอกตัวตนของบล็อก :  <br />ซึ่งอาจจะแสดงในส่วนหัวของหน้า หรือเป็นวีดีโอ /สไลด์/ข้อความ/รูปถ่าย อยู่ในตำแหน่งที่เห็นได้ชัด <br />ส่วนที่เชื่อมโยงไปยังบทความในบล็อก : <br />ส่วนนี้จำเป็นมากเพราะจะช่วยให้ผู้อ่านค้นหาบทความได้เร็วขึ้น คุณอาจจะรวมบทความทั้งหมดเลยหรือ อาจจะใช้วิธีจัดหมวดหมู่ให้ผู้อ่านเลือกสิ่งที่ต้องการจากบล็อกของเราได้เร็วขึ้น <br />ส่วนพื้นที่ของสมาชิก : <br />ส่วนนี้จะแสดงให้เห็นว่ามีผู้สนใจบล็อกของเรามากแค่ไหน และสามารถสมัครติดตามบล็อกของเราได้ทันที เช่นอาจจะใช้ Gadget ผู้ติดตาม หรือใช้ Like box Plugins ของ Facebook หรืออาจจะทำ Poll ก็ได้ <br /> <br />ส่วนที่เป็นช่องทางให้ผู้อ่านติดต่อเราได้ : <br />คุณอาจจะทำ link เชื่อมโยงให้ผู้อ่านติดต่อคุณได้ หรืออาจจะใช้ Gadget profile ของ Blogger เพื่อแนะนำตัวก็ได้<br />บทที่ 7 การแสดงข่าวสารล่าสุดด้วย Gadget ฟีด<br />ความหมายของคำว่า ฟีดโดยสรุปก็คือเป็นสิ่งที่แพร่กระจายจากบล็อกของเราบนโลก Internet เทียบได้กับคลื่นสัญญาณวิทยุหรือโทรทัศน์ ถ้ามีตัวรับทุกคนก็สามารถมองเห็นข่าวสารที่ต้องการเลือกรับได้ นอกจากนี้ถ้ามีตัวช่วยส่งให้ฟีดแพร่ได้แรงขึ้น ข่าวสารก็ย่อมจะแพร่กระจายได้เร็วด้วย<br /> <br /> <br />ดังนั้นถ้าคุณสนใจข่าวสารจากบล็อกใดบล็อกหนึ่งคุณก็สามารถที่จะเปิดรับข่าวสารจากบล็อกนั้นๆ โดยใช้ Gadget ฟีด ซึ่งเป็น Gadget ที่สามารถเพิ่มได้อย่างไม่จำกัด ดังนั้นถ้าคุณต้องการรับข่าวจาก 10 บล็อกก็สามารถทำได้โดยการเพิ่ม gadget ฟีดเข้าไปในบล็อก 10 ครั้ง ในขณะเดียวกันถ้าคุณใส่ชื่อบล็อกของตัวเองใน Gadget ฟีด Gadget ชนิดนี้จะกลายเป็น Gadget ที่ใช้แสดง บทความล่าสุดนั่นเองครับ<br /> <br />การแสดงข่าวสารล่าสุดโดยการใช้ Gadget ฟีด  <br /> <br />1. ไปที่องค์ประกอบของหน้า >> เพิ่มฟีด Gadget  <br /> <br /> <br />2. ใส่โค้ดต่อไปนี้ลงไปใน Gadget ฟีด<br />http://ชื่อบล็อก.blogspot.com/feeds/posts/default<br />โดยจะต้องเปลี่ยนชื่อบล็อกเป็นชื่อบล็อกของของคุณเองหรือชื่อบล็อกที่คุณต้องการรับข่าวสารที่ update<br /> <br />ตั้งค่าที่ต้องการเพิ่มเติมและบันทึกก็จะได้ feeds ข่าวสารมาปรากฏที่บล็อกของคุณ<br /> <br />3. ถ้าต้องการเพิ่มบล้อกอื่นอีกก็ทำซ้ำข้อ 1 และ 2 แต่ต้องเปลี่ยนชื่อบล็อกใหม่<br />4. กรณีที่คุณต้องการเรียก feed จากเว็บที่ต้องการให้ค้นหา feed จากเว็บ www.google.com แล้วแทนโค้ดในข้อ 2 เช่น feed ข่าวการศึกษาจากเว็บ http://www.rssthai.com/  ให้ใส่โค้ด<br />http://www.rssthai.com/news.php?t=education แทนในข้อ 2<br />บทที่ 8 แนะนำ Gadget ใหม่ของ blogger “หน้าเว็บ” <br />ตามเว็บไซต์ต่าง ๆ เราคงจะเคยเห็นกันว่าแต่ละเว็บไซต์จะมี เมนูสำหรับเลือกเปิดไปดูหน้าอื่น ๆภายในเว็บนั้นๆ เช่น ตัวอย่างในรูปด้านล่าง<br />Blogger ได้พัฒนา Gadget ตัวใหม่ขึ้นมา มีชื่อว่า หน้าเว็บ เพื่อให้ผู้ใช้ได้สร้างหน้าของบล็อกที่ต้องการได้โดยไม่ต้องมีความรู้ในการดัดแปลงหรือแก้ไขแม่แบบด้วยตนเอง <br />การเรียกใช้ Gadget ชนิดนี้สามารถเลือกใช้ได้เช่นเดียวกับการ Add Gadget ชนิดอื่น ๆ  นั่นคือ ไปที่ องค์ประกอบของหน้า >> แล้วเลือก เพิ่ม Gadget   <br />ต่อไปเรามาดูว่า Gadget นี้ ใช้อย่างไร และใช้เพื่อจุดประสงค์ใดหลักการของ Gadget นี้เหมือนการสร้างบทความขึ้นมา 1 บทความ และ สร้าง Link เชื่อมโยงไป<br />ยังบทความนั้น ๆ แต่มีความพิเศษตรงที่ผู้ใช้ทั่วไปสร้างเมนูขึ้นเองได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับ HTML เลย<br />ตัวอย่างวิธีการใช้งาน(จริง)<br />ในตัวอย่างนี้ผมจะสร้าง 2 หน้าให้เห็นเป็นตัวอย่าง ได้แก่ HOME และ CONTACT ME<br />ขั้นเตรียมการ<br />เนื่องจากผมจะยกตัวอย่างการสร้างหน้า Contact me ดังนั้นให้ทุกคนไปสร้าง Form สำหรับติดต่อเจ้าของบล็อกซึ่งก็คือเราเอง ได้ที่   http://www.foxyform.com/<br />ซึ่งขั้นตอนในการสร้าง ฟอร์มนั้นง่ายมาก มีเพียง 4 ขั้นเท่านั้น (ดูรูป)<br />      <br />เมื่อได้โค้ด แล้วคัดลอกเก็บเอาไว้ก่อนครับ<br />ขั้นสร้างหน้าเว็บจริง<br />ขั้นที่ 1 สร้างหน้าแรก หรือ HOME<br />Log in เข้าไปที่ draft.blogger ไปที่แผงควบคุม >> องค์ประกอบของหน้า >> แล้วเลือก เพิ่ม Gadget เลือกอันแรกเลยครับ คือ gadget หน้าเว็บ<br />จากนั้นก็สร้าง หน้าแรกขึ้นมาโดยตั้งชื่อตามที่ต้องการได้เลย แล้วทำการบันทึกครับ<br />ขั้นที่ 2 เมื่อผ่านขั้นที่ 1 มาแล้วก็เท่ากับว่าเราได้สร้าง หน้าบล็อกขึ้นมาแล้ว 1 หน้า <br />ถ้าจะทำการเพิ่มหน้าอีก ให้ไปที่แผงควบคุม >> การส่งบทความ >> แก้ไขหน้าเว็บ >> หน้าเว็บใหม่ <br />เมื่อคลิกสร้างหน้าเว็บใหม่ เราก็จะพบเครื่องมือต่าง ๆ เหมือนการเขียนบทความนั่นเองครับ<br />ให้นำโค้ดของ Form ที่เตรียมไว้ จากขั้นเตรียมการมาวางในหน้าหน้านี้ จัดรูปแบบตามต้องการแล้วบันทึกหน้าได้เลยครับ<br />เพียงขั้นตอนสั้น ๆ นี้เราก็จะมีเมนูเชื่อมโยงไปยัง หน้าของบล็อกถึง 2 หน้าด้วยกัน ได้แก่ HOME และ CONTACT ME<br />ขั้นที่ 3 <br />- ถ้าหากต้องการเพิ่มหน้าบล็อกเพิ่มขึ้นอีกก็ทำซ้ำขั้นตอนที่ได้กล่าวมาข้างต้นครับ<br />- แต่ถ้าต้องการลบหน้าบล็อกทิ้ง ก็มาที่เดิม แล้วจะเห็นคำว่าลบ ถ้าต้องการลบทิ้งก็กดคำว่าลบได้เลย<br />ขั้นที่ 4 วิธีจัดการกับเมนูหน้าเว็บ - ถ้าต้องการเรียงลำดับหน้าเว็บใหม่ ก็ไปที่ องค์ประกอบของหน้า แล้ว คลิก Gadget หน้าเว็บขึ้นมาแก้ไข >> ดูรูป<br />นอกจากนี้ Gadget หน้าเว็บจะมีลักษณะพิเศษ คือ ถ้าอยู่ที่ Sidebar เมนูจะจัดเรียงเป็นแนวตั้ง<br />แต่ถ้าลากไปในตำแหน่งใต้ส่วนหัว จะจัดเรียงเรียงเป็นแนวนอนโดยอัตโนมัติ<br />บทที่ 9 นับจำนวนคนเยี่ยมชมด้วย Flagcounter<br />อีกบริการนับสถิติคนเยี่ยมชมที่ช่วยให้เราทราบว่าบล็อกของเรามีผู้เยี่ยมชมทั้งในและต่างประเทศมากหรือน้อย จาก Flagcounter<br /> <br /> <br />วิธีติดตั้ง<br /> <br />1. ไปที่ http://www.flagcounter.com/index.html<br /> <br />2. ตั้งค่าต่างๆ ตามความต้องการแล้วกด GET YOUR FLAG COUNTER ดังรูป<br />  <br /> <br />3. คัดลอก HTML โค้ด ที่ FLAG COUNTER ได้สร้างให้ในขั้นที่ 2<br /> <br />  <br />4. กลับมาที่บล็อกของเรา ไปที่แผงควบคุม >> รูปแบบ >> องค์ประกอบหน้า >> เพิ่ม Gadget ชนิด HTML/จาวาสคริปต์<br /> <br />5. วางโค้ดที่คัดลอกมาจากขั้นที่ 3 แล้วบันทึกครับก็เป็นอันจบขั้นตอนครับ ลักษณะที่ได้ก็ดังรูป<br />บทที่ 10 รูปภาพในบทความบน Blogger <br />41719580010คุณเคยสงสัยไหมครับว่า รูปภาพที่คุณ upload ขึ้นไปขณะที่เขียนบทความ หรืออาจจะเขียนบทความไปแล้ว รูปเหล่านั้นไปอยู่ที่ไหน เพราะว่า Blogger เองไม่มี sever ยังต้องอาศัยฐานข้อมูลของตัวแม่คือ blogspot.com อยู่ แล้วจะเอาพื้นที่ ๆ ไหนมาเก็บรูปตั้งมากมาย?<br />คำตอบคือ Blogger จะใช้วิธีเชื่อมโยงกับ Application อื่น ๆ ของ Google เพื่อแก้ปัญหาการเก็บข้อมูล เช่นรูปภาพใน Blogger ที่เราพูดถึงกันอยู่ตอนนี้ก็จะถูกเก็บอยู่ที่ Picasa Web Albums ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นภาพที่คุณ Upload ขณะเขียนบทความ ก็จะถูกเก็บอยู่ใน Picasa Web Albums ทั้งหมด<br />คุณใช้บริการ Picasa Web Albums ได้อย่างไร?<br />การใช้บริการ Picasa Web Albums สามารถเข้าใช้ได้ทันทีหากคุณมีบัญชีผู้ใช้กับ google อยู่แล้ว เช่นมีบัญชีผู้ใช้ Gmail หรือ Blogger  อยู่แล้วก็สามารถ Log in เข้าใช้ได้เลย<br />Picasa Web Albums ให้พื้นที่เท่าไร?<br />Picasa จะให้พื้นที่ เพียง 1 GB ต่อ 1 บัญชีผู้ใช้ นี่เป็นเหตุผลที่บางคนอาจจะสงสัยว่าทำไมคุณภาพรูปหรือขนาดของรูปบน Blogger จึงลดลง กล่าวคือระบบของ Picasa จะทำการลดขนาดของรูปที่เรา Upload ผ่าน Blogger ให้มีขนาดเล็กลงเพื่อเป็นการประหยัดพื้นที่นั่นเอง <br />คุณจะเข้าไปจัดการรูปภาพจาก Blogger ใน Picasa Web ได้อย่างไร?<br />การจัดการภาพใน Picasa Web Albums ทำได้ 2 วิธีคือ<br />1. ใช้ Software ที่พัฒนาขึ้นมาจัดการ Picasa Web Albums โดยเฉพาะ<br />  <br />คุณสามารถเข้าไปดาวน์โหลด Picasa ได้ที่   http://picasa.google.com/<br />2. เข้าไปจัดการที่เว็บไซต์ Picasa Web Albums โดยตรง โดยไปที่  HYPERLINK quot;
http://picasaweb.google.comquot;
http://picasaweb.google.com<br />และ Log in โดยใช้ชื่อบัญชีเดียวกับ Blogger<br />คุณสามารถเข้าไป Unload ภาพได้โดยตรงกับ Picasa แล้วเรียกมาใช้บน blogger ได้โดยใช้ตัวเลือก อัปโหลด<br />แต่ถ้าต้องการรูปภาพบน Blogger ที่ได้อัปโหลดขึ้นไปแล้วก็คลิกที่อัลบัมที่ต้องการแล้วเข้าไปจัดการภาพได้เช่นกันลบรูปภาพบน Blogger แล้วรูปบน Picasa จะถูกลบด้วยหรือไม่?<br />การลบรูปภาพบน Blogger ไม่ส่งผลใด ๆ ต่อ Picasa Web Albums เลยเว้นแต่คุณจะเข้ามาลบใน Picasa Web Albums โดยตรง ดังนั้นถ้าในขณะเขียนบทความคุณเผลอทำพลาดรูปภาพหายไป ก็สามารถเข้ามาเอารูปภาพจาก Picasa Web Albums ใช้งานได้อีกโดยไม่ต้อง upload ซ้ำ หรือไม่ต้องไปหาภาพมาใหม่บทสรุป<br />บทนี้แนะนำให้พอรู้จักการเชื่อมโยงระหว่าง Blogger และ Picasa Web Albums ซึ่งเป็นบริการในเครือข่าย Google เหมือนกัน และจะทำให้คุณเข้าใจการจัดการเกี่ยวกับภาพบน Blogger ได้ดีขึ้น<br />บทที่ 11 การสร้างวีดีโอใน YouTube และนำมาใส่ในบล็อก<br />ถ้ามีวีดีโอในหน้าบล็อกของเราด้วย การสื่อสารเรื่องราวต่างๆ ก็จะมีชีวิตชีวาและเข้าใจง่ายขึ้น ซึ่งในที่นี้เราสามารถสร้างได้ไม่ยากด้วยบริการของ  www.youtube.com ครับ<br /> <br /> ขั้นตอนการฝากวีดีโอไว้กับ youtube<br />14947906997701. ไปที่  HYPERLINK quot;
http://www.youtube.comquot;
www.youtube.com แล้วเลือก Create Account ที่มุมขวาบนซึ่งในกรณีที่เรา Login อยู่ในเว็บบล็อกของเรานั้น ก็สามารถใช้บริการของ youtube ด้วย Account เดิมโดยไม่ต้องสมัครใหม่ครับ วิธีการทำได้โดย<br />1.1 คลิกที่   <br />1.2 กรอกข้อมูลสำหรับการสร้างบัญชี โดยใช้ username ของ gmail ของเราเอง<br />133286577470<br />1761490170180<br />1.3 จากนั้น คลิก <br />1.4 จะพบหน้าต่างให้กรอก Username และ รหัสผ่าน ของ gmail ให้กรอก e-mail ของเรา<br />1799590134620<br />จะพบหน้าจอ ดังนี้<br />789940213995<br />จากนั้นเราก็สามารถทำการเพิ่ม  Video ได้ตามที่เราต้องการ<br />2. การฝาก  youtube มีเงื่อนไขสำคัญๆ ดังนี้<br />- ความยาวของวีดีโอไม่เกิน 10 นาที <br />- ควรเป็นวีดีโอที่ไม่กระทบต่อสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และ ศีลธรรมอันดีงามของสังคม<br />3. การ upload วีดีโอขึ้นไปที่เมนู upload (ที่มุมขวาบน) แล้วทำการเลือกไฟล์วีดีโอจากเครื่องของเรา และรอจนการ upload เสร็จสิ้น <br />3.1 คลิกที่ปุ่ม Uploads  <br />1428115121285<br /> <br />3.2 คลิกที่ปุ่ม Upload Video<br />140906559690 <br />3.3 เลือกไฟล์ Video ที่ต้องการ<br />14281151270<br />3.4 <br /> <br />3.4 เมื่อ Upload ได้ 100% แล้วให้คลิก Save change<br />818515179705<br />4. เมื่อ upload เสร็จสิ้นแล้วคลิกที่ข้อความ   Embed and Sharing Options เราก็เห็น HTML code ให้คัดลอก code เหล่านั้นมาแปะในส่วนที่เราต้องการ<br />961390173990  <br /> <br />เช่นในที่นี้ผมคัดลอก code มาแปะในบทความก็จะได้ผลลัพธ์เป็นวีดีโอตามด้านล่างที่เห็นครับ<br />114236571755<br />เรื่องหน้าบทนำ……………………………………………………………………………………………………….1บทที่ 1 การสร้างเว็บบล็อก…………………………………………………………………………………4บทที่ 2 วิธีเปลี่ยน Template ของ Blogger………………………………………………………………..12บทที่ 3 วิธีเขียนและจัดการบทความในบล็อก……………………………………………………………..22บทที่ 4 การตั้งค่าพื้นฐานต่างๆ ให้กับบล็อก……………………………………………………………….26บทที่ 5 รู้จักและใช้งาน Gadget ชนิดต่างๆ บน Blogger…………………………………………………32บทที่ 6 การจัดการกับ Gadget ในหน้าบล็อก……………………………………………………………..40บทที่ 7 การแสดงข่าวสารล่าสุดด้วย Gadget ฟีด…………………………………………………………43บทที่ 9 นับจำนวนคนเยี่ยมชมด้วย Flagcounter………………………………………………………….53บทที่ 10 รูปภาพในบทความบน Blogger…………………………………………………………………55บทที่ 11 การสร้างวีดีโอใน YouTube และนำมาใส่ในบล็อก………………………………………………58<br />เอกสารประกอบการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการการพัฒนาสื่อการเรียนการสอนโดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ร่วมกับ Weblog255<br />
Blog 110624113553-phpapp01
Blog 110624113553-phpapp01
Blog 110624113553-phpapp01
Blog 110624113553-phpapp01
Blog 110624113553-phpapp01
Blog 110624113553-phpapp01
Blog 110624113553-phpapp01
Blog 110624113553-phpapp01
Blog 110624113553-phpapp01
Blog 110624113553-phpapp01
Blog 110624113553-phpapp01
Blog 110624113553-phpapp01
Blog 110624113553-phpapp01
Blog 110624113553-phpapp01
Blog 110624113553-phpapp01
Blog 110624113553-phpapp01
Blog 110624113553-phpapp01
Blog 110624113553-phpapp01
Blog 110624113553-phpapp01
Blog 110624113553-phpapp01
Blog 110624113553-phpapp01
Blog 110624113553-phpapp01

More Related Content

Similar to Blog 110624113553-phpapp01 (20)

Blog
BlogBlog
Blog
 
Blog
BlogBlog
Blog
 
Blog
BlogBlog
Blog
 
Blog 120704210721-phpapp02
Blog 120704210721-phpapp02Blog 120704210721-phpapp02
Blog 120704210721-phpapp02
 
Blog
BlogBlog
Blog
 
Blog
BlogBlog
Blog
 
Blog
BlogBlog
Blog
 
Blog
BlogBlog
Blog
 
บทความ Blog
บทความ Blogบทความ Blog
บทความ Blog
 
Blog
BlogBlog
Blog
 
Blog
BlogBlog
Blog
 
Blog
BlogBlog
Blog
 
Blog
BlogBlog
Blog
 
Blog
BlogBlog
Blog
 
Blog
BlogBlog
Blog
 
Blog
BlogBlog
Blog
 
Blog
BlogBlog
Blog
 
Blog 120704210721-phpapp02
Blog 120704210721-phpapp02Blog 120704210721-phpapp02
Blog 120704210721-phpapp02
 
Blog
BlogBlog
Blog
 
Blog
BlogBlog
Blog
 

Blog 110624113553-phpapp01