Icd101. ICD 10 คืออะไร
• คูมือในการแปลงชือโรคและ
่ ่
หัตถการมาเป็น รหัสเพื่อใช้ใน
กิจการทางการแพทย์และ
สาธารณสุข
–เช่น Plasmodium falciparum
malaria = B50
–Acute appendicitis with
generalized peritonitis =
2. ICD 10 คืออะไร
• บัญชีจำาแนกโรคระหว่างประเทศ
ฉบับแก้ไขครั้งที่ 10
– ปรับปรุงทุก 10 ปี
• คำาย่อมาจาก International
Statistical Classification of
Disease and Related Health
Problems Tenth Revision
3. ICD 10 คืออะไร
• คือข้อตกลงระหว่างประเทศเกี่ยว
กับ
–การจำาแนกโรค
–การให้บริการสาธารณสุข
• เพื่อให้เกิดมาตรฐานเดียวกันใน
การ
–รายงาน
–ตรวจสอบ
4. ลักษณะทั่วไปของ ICD 10
• เป็นหนังสือ 3 เล่ม
–เล่มที่ 1 เป็นรายละเอียดการ
จำาแนกโรค มีเนือหามากทีสุด (ใช้
้ ่
บ่อย)
–เล่มที่ 2 เป็นคูมอการใช้งาน
่ ื
–เล่มที่ 3 เป็นดรรชนีค้นหาคำา
(Alphabetical Index)
5. ลักษณะทั่วไปของ ICD 10
• ใช้ หนึงตัวอักษรและสี่ตวเลข เริม
่ ั ่
จาก A00.00 ถึง Z99.99
• ยกเว้นตัวอักษร U ยังไม่ถูกใช้
• แบ่งเป็น 21 บท
• มีหลักเกณฑ์ Inclusion และ
Exclusion ในทุกส่วน
• บางโรคมีระบบเข้ารหัสคู่ (Dual
Classification) เพื่อเพิ่มราย
ละเอียด
6. ตัวอย่าง ICD 10
• หนึ่งตัวอักษรและสี่ตวเลข เริ่มจาก
ั
A00.00 ถึง Z99.99
– A00.0 = Cholera due to Vibrio
Cholerae 01, biovar cholerae
• Classical cholera
– Z99.9 = Dependence on
unspecified enabling machine an
d
device
7. ตัวอย่าง ICD 10
• แบ่งเป็น 21 บท
– Chapter 1: Certain infectious and
parasitic disease
– Chapter 2: Neoplasm
– Chapter 3: Disease of the blood
and blood-forming organs and
certain disorder involving the
immune mechanism
– …….
– Chapter 21: Factor influencing
8. ตัวอย่าง ICD 10
• บางโรคมีระบบเข้ารหัสคู่ (Dual
Classification) เพื่อเพิ่มราย
ละเอียดในการบอก Etiology and
Manifestation
– ใช้สัญญลักษณ์ Dagger and
Asterisk
– A18.7+ = Tuberculosis of
adrenal glands (E35.1*)
9. ICD 10 ประกอบไปด้วย
• การวินิจฉัยโรค
• อาการแสดง
• ความผิดปกติทตรวจพบทางห้อง
ี่
ทดลอง
• การบาดเจ็บและเป็นพิษ
• สาเหตุภายนอกของการป่วยและการ
ตาย
10. ตัวอย่าง ICD 10
• การวินจฉัยโรค
ิ
–Nontoxic single thyroid
nodule = E04.0
• อาการแสดง
–Fever, unspecified = R50.9
• ความผิดปกติทตรวจพบทางห้อง
ี่
ทดลอง
11. ตัวอย่าง ICD 10
• การบาดเจ็บและเป็นพิษ
–Toxic effect of Benzene =
T52.1
• สาเหตุภายนอกของการป่วยและ
การตาย
–Fall on and from ladder =
W11
12. ความพยายามใน ICD 10
• การตั้งชือโรคให้เป็นมาตรฐาน
่
–J61 Pneumoconiosis due to
asbestosis and other mineral
fibres
• Asbestosis
• คงบางชือที่ยงนิยมใช้กัน เช่น
่ ั
–G20 Parkinsonism
13. ความพยายามใน ICD 10
• เพื่อเป็นเครื่องมือในการช่วยทำา
สถิติ
–สาเหตุการป่วย
–สาเหตุการตาย
–การบาดเจ็บ
–และสถิตอื่น ๆ
ิ
• เป็นรหัสสากลที่ทกประเทศทัว
ุ ่
14. หลักการจัดกลุ่มใน ICD 10
• แบ่งกลุม โดยอาศัยสาเหตุของ
่
โรคเป็นหลักก่อน
• ถัดมาจึงใช้ระบบอวัยวะทีเป็นโรค
่
• แล้วจึงค่อยจำาแนกตามอาการ
15. หลักการจัดกลุ่มใน ICD 10
• 21 บท แบ่งได้เป็น 5 กลุ่มหลัก
–โรคทางระบาดวิทยา
–โรคทั่วไป
–โรคเฉพาะตำาแหน่ง หรือส่วนของ
ร่างกาย
–Development disease
–Injuries
16. วัตถุประสงค์ของ ICD 10
• เพื่อการเปรียบเทียบระหว่าง
ประเทศ
–ใช้รหัส 3 ตัวอักษร
• A00 = Cholera
• การใช้ทาง Clinic
–รหัสตัวที่ 4 เพื่อจำาแนกย่อยลงไป
ให้ละเอียด
• A00.1 = Cholera due to Vibrio
17. หลักการลงรหัสโรคใน ICD 10
• การลง รหัสโรค ควรจำาเพาะ และ
มีรายละเอียดให้มากที่สด
ุ
–Acute appendicitis with
perforation (K35.0)
–Malignant neoplasm of
stomach, fundus (C16.1)
–Third-degree burn of wrist and
hand (T23.3)
18. หลักการลงรหัสโรคใน ICD 10
• ทำาไม ไม่ควรใช้ รหัส .8 หรือ .9
– .8 หมายถึง โรคอื่นๆ ซึ่งไม่ specific
• E56.8 Deficiency of other vitamins
– .9 หมายถึง ภาวะที่ไม่ระบุเฉพาะซึ่ง
อาจไม่สื่อความหมายตามที่ต้องการ
• E 61.9 Deficiency of nutrient
element, unspecified
19. หลักการลงรหัสโรคใน ICD 10
• การเจ็บป่วย ที่มีหลายโรค
–ให้ลงโรค ที่มผลรุนแรง และ ใช้
ี
ทรัพยากรมากที่สุด
–ใช้คำารวมที่อธิบายได้ครอบคลุม
ทุกโรค เช่น Multiple Fractures
20. หลักการลงรหัสโรคใน ICD 10
• โรคทีเกิดจากสาเหตุภายนอก
่
–ควร บรรยายสาเหตุไว้ดวย เช่น
้
•Fracture neck of femur จาก
การหกล้มบนพื้นลื่น
•ได้รบสารพิษจาก อุบัตเหตุดื่มยา
ั ิ
ฆ่าเชื้อ จากการคิดว่าเป็นเครื่อง
ดืม
่
•อุณหภูมตำ่ากว่าปกติ จากการ
ิ
21. ตัวอย่างการลงรหัสโรคใน ICD
10
• ถ้าเป็นการรักษาความพิการที่
หลงเหลือ
–สันจมูกคด - จากการมีจมูกหัก
เมือเป็นเด็ก
่
–เป็นหมันจากท่อรังไข่อุดตัน
เนื่องจากเคยเป็นวัณโรค
22. หลักการลงรหัสโรคใน ICD 10
• หลักการในการออกรหัส “Main
condition” และ “ภาวะอื่นๆ”
–แพทย์มหน้าที่กำาหนด Main
ี
condition หรือ Principal
diagnosis ให้ถกต้อง
ู
–และควรมีการบันทึก ”ภาวะอื่นๆ
(other condition)” ที่เกี่ยวข้อง
กับการมารับบริการของผู้ป่วยใน
23. หลักการลงรหัสโรคใน ICD 10
• การออกรหัส suspect, ruled
out, อาการ และภาวะที่ไม่เจ็บ
ป่วย
–ไม่ควรเลือกใช้ ยกเว้น ใน
กรณีทไม่สามารถได้การ
ี่
วินจฉัยที่ชดเจนจริงๆ ก็อนุโลม
ิ ั
ให้ใช้ได้ ซึ่ง Coder จะตัดคำา
24. หลักการลงรหัสโรคใน ICD 10
• การออกรหัส multiple disease
–เมือมีโรคหลายโรคเป็นพร้อมกัน
่
และไม่มโรคใดโดดเด่นเป็นพิเศษ
ี
ให้ดรหัสโรคในหมวด “Multiple
ู
…” และการออกรหัสเสริมสำาหรับ
ภาวะต่างๆเพิ่มเติม
–การออกรหัสแบบนี้ มักพบในผู้
ป่วย HIV , บาดเจ็บ และ พิการ
25. หลักการลงรหัสโรคใน ICD 10
• การออกรหัสรวมโรค
–ICD มีหมวดที่ประกอบไปด้วยโร
คหลายๆโรคที่นำามา code รวมกัน
โดยใช้รหัสเดียวได้ หมวดรหัส
รวมนี้ ควรนำามาใช้เป็น Principal
diagnosis ในกรณีที่มข้อมูลที่
ี
ชัดเจนว่า โรคที่นำามารวมนั้น
เกี่ยวข้องกัน
26. หลักการลงรหัสโรคใน ICD 10
• การออกรหัสสาเหตุภายนอกของ
ความเจ็บป่วย
–ในกรณีของการบาดเจ็บ ที่เกิด
จากเหตุภายนอกมากระทำา ควร
ได้รับการออกรหัสทั้งสภาพของ
โรค และ สภาวะการทีทำาให้เกิด
่
โรค ซึงเป็นรหัสที่พบในบทที่ 19
่
(Injury) ส่วนสาเหตุของโรค
27. ตัวอย่างการลงรหัสสาเหตุ
ภายนอกของความเจ็บป่วย
• Principal diagnosis:
Fracture of neck of femur
จากการหกล้มตกจากพื้นต่าง
ระดับ
• ภาวะอื่น ๆ ข้อศอกและแขน
ฟกชำ้า
–ให้ใช้รหัส Fracture of neck of
femur (S72.0) เป็น Principal
28. หลักการลงรหัสโรคใน ICD 10
• การให้รหัส Sequelae of
disease หรือผลตามมาของโรค
–เช่น พูดไม่ชัด เนื่องจากเคยเป็น
สมองขาดเลือดไปเลี้ยง
• ใช้รหัส พูดไม่ชัด (R47.0) เป็น
Principal diagnosis
• ส่วนรหัส การเคยเป็นโรคสมองขาด
เลือดไปเลี้ยง (I69.3) ใช้เป็นรหัส
29. การให้รหัส Sequelae หรือผล
ตามมาของโรค
• เช่น พูดไม่ชัด เนื่องจากเคยเป็น
สมองขาดเลือดไปเลี้ยง
–ใช้รหัส พูดไม่ชัด (R47.0) เป็น
Principal diagnosis
–ส่วนรหัส การเคยเป็นโรคสมอง
ขาดเลือดไปเลียง (I69.3) อาจนำา
้
มาใช้เป็นรหัสเสริม
30. หลักการลงรหัสโรคใน ICD 10
• การออกรหัสโรคระยะเฉียบพลัน
และเรื้อรัง
–ถ้า Principal diagnosis เป็นโรค
ระยะเฉียบพลัน (หรือกึ่ง
เฉียบพลัน) และเรือรัง รวมทั้ง
้
ตรวจพบว่า โรคนัน ๆ มีปรากฏ
้
แยกกันอยู่ ในหมวดใดหมวดหนึ่ง
ของ ICD ก็ตามให้ใช้โรคระยะ
31. ตัวอย่างการออกรหัสโรคระยะ
เฉียบพลันและเรื้อรัง
• ถุงนำ้าดีอักเสบเฉียบพลันและ
เรือรัง
้
– ใช้รหัส ถุงนำ้าดีอักเสบเฉียบพลัน
(K81.0) เป็น Principal diagnosis
– ส่วนรหัส ถุงนำ้าดีอักเสบเรื้อรัง (K81.1)
อาจนำามาใช้เป็นรหัสเสริม
32. หลักการลงรหัสโรคใน ICD 10
• การออกรหัส สภาวะหลังการผ่าตัด
และโรคแทรกซ้อน
– ให้ใช้โรคหรือ สภาวะนั้นเป็น “Main
condition”
– อาจใช้รหัสเสริมในกลุ่ม Y83-Y84
ร่วมด้วยเพื่อให้เห็นที่มาที่ไปชัดขึ้น
33. การออกรหัส สภาวะหลังการ
ผ่าตัดและโรคแทรกซ้อน
• ต่อมธัยรอยด์ ทำางานได้นอยกว่า
้
ปกติ หลังการผ่าตัดธัยรอยด์ 1
ปี
– ใช้รหัส ต่อมธัยรอยด์ ทำางานได้น้อย
กว่าปกติ หลังการ ผ่าตัด (E89.0)
เป็น Principal diagnosis
34. การออกรหัส สภาวะหลังการ
ผ่าตัดและโรคแทรกซ้อน
• โรคจิตหลังการทำาผ่าตัด
ศัลยกรรมตกแต่ง
– ใช้รหัสโรคจิต (F09) เป็น Principal
diagnosis
– เสริมโดยรหัส (Y83.8) (การทำาผ่าตัด
ทีทำาให้เกิดผลผิดปกติต่อผู้ป่วย)
่
เป็นการแสดงถึงความสัมพันธ์ต่อการ
ทำาผ่าตัด
35. กฎในการเลือกเมือบันทึก Main
่
condition ไม่ถูกต้อง
• Ruled morbidity 1. กรณีมการี
บันทึกโรคเล็กน้อยเป็น Principal
diagnosis และบันทึกโรคสำาคัญกว่า
เป็นภาวะอื่น ๆ
– เมื่อใดก็ตามทีแพทย์ลงบันทึกโรคเล็ก
่
น้อย เป็น Principal diagnosis แต่
บันทึกโรครุนแรงหรือสำาคัญกว่าทีนำาผู้
่
ป่วยมารักษาตามสาขาที่เกี่ยวข้องเป็น
ภาวะอื่นๆ ให้ทำาการเลือกใหม่ โดยใช้
36. ตัวอย่างกฎ MB1. ของ ICD
10
–Principal diagnosis ไซนัสอักเสบ
เฉียบพลัน (J01)
– ภาวะอื่น ๆ มะเร็งปากมดลูก (C53),
ความดันโลหิตสูง (I10)
– การผ่าตัด ตัดมดลูกทั้งหมด (68.4)
– ให้เลือก มะเร็งปากมดลูก เป็น
Principal diagnosis ออกรหัส
C53
37. กฎในการเลือกเมือบันทึก Main
่
condition ไม่ถูกต้อง
• Ruled morbidity 2. กรณี บันทึก
โรคหลายโรคเป็น Principal
diagnosis
– ถ้าแพทย์ทำาการบันทึกโรคหลายโรคไว้
เป็น Principal diagnosis ทั้งหมด
โดยที่โรคเหล่านั้นไม่สามารถออกรหัส
รวมกันได้ ให้พิจารณาดูว่าโรคใดน่า
จะเป็นโรคทีสำาคัญมากที่สุด แล้วเลือก
่
โรคนั้นเป็น Principal diagnosis
ถ้าไม่สามารถระบุได้ว่าโรคใดสำาคัญ
38. ตัวอย่าง กฎ MB2. ของ ICD
10
• Principal diagnosis ต้อกระจก
(H25), เยื่อหุ้มสมองอักเสบจาก
การติดเชือ สแตฟฟีโลคอคคัส (G0
้
0.3), กล้ามเนือหัวใจขาดเลือด (I2
้
5.1)
– ผู้ป่วยอยู่โรงพยาบาล 5 สัปดาห์ สาขา
ประสาทวิทยา
– ให้เลือก เยื่อหุ้มสมองอักเสบจากการ
39. ตัวอย่างกฎ MB2. ของ ICD
10
• Principal diagnosis โรค
หลอดลมอักเสบอุดตันเรือรัง(J44),
้
ต่อมลูกหมากโต (N40), โรคผิวหนัง
โซเรียซิส วัลการิส (L40.0)
– เป็นผู้ป่วยนอกแผนกโรคผิวหนัง
– ให้เลือก โรคผิวหนังโซเรียซิส วัลการิส
เป็น Principal diagnosis ออกรหัส
L40.0
40. กฎในการเลือกเมือบันทึก Main
่
condition ไม่ถูกต้อง
• Ruled morbidity 3. กรณีทบันทึก
ี่
อาการของโรคที่รับการตรวจรักษา
เป็น Principal diagnosis
– ถ้ามีการบันทึก Symptom and signs
(ซึ่งตามปกติอยู่ใน บทที่ 18) หรือ
ปัญหาต่างๆที่จำาแนกไว้ในบทที่ 21
เหล่านี้เป็น Principal diagnosis
และเห็นได้ชัดว่าแท้จริงแล้วเป็น
อาการ อาการแสดงหรือปัญหาของ
โรคหนึ่ง ที่ได้รับการวินิจฉัยและรักษา
41. ตัวอย่าง กฎ MB3. ของ ICD
10
• Principal diagnosis ปัสสาวะ
เป็นเลือด (R31), ภาวะอื่น ๆ
เส้นเลือดขอดที่ขา (I83), เนืองอก
้
แปปิโลมาทีผนังด้านหลังของ
่
กระเพาะปัสสาวะ (C67.4)
– การรักษาใช้ความร้อนตัดเนื้องอกแปปิ
โลมาออก (57.49)
– สาขาศัลยกรรมทางเดินปัสสาวะ
– ให้เลือก เนื้องอกแปปิโลมาที่ผนังด้าน
42. กฎในการเลือกเมือบันทึก Main
่
condition ไม่ถูกต้อง
• Ruled morbidity 4. ความจำาเพาะ
– ถ้า Principal diagnosis ที่บันทึก
ไว้แต่แรกเป็นภาวะที่ครอบคลุมกว้าง
ขวาง (Non specific) แล้วมีคำาอธิบาย
หรือภาวะอื่นที่ระบุไว้จำาเพาะเจาะจง
กว่า ให้เลือกภาวะที่จำาเพาะกว่านั้น
เป็น Principal diagnosis
43. ตัวอย่าง กฎ MB4. ของ ICD
10
• Principal diagnosis ลำาไส้
อักเสบ (K52.9)
– ภาวะอื่น ๆ โรคโครห์นของลำาไส้เล็ก
ส่วนไอเลียม (K50.0)
– ให้เลือก โรคโครห์นของลำาไส้เล็กส่วน
ไอเลียมเป็น Principal diagnosis
ออกรหัส K50.0
44. กฎในการเลือกเมือบันทึก Main
่
condition ไม่ถูกต้อง
• Ruled morbidity 5. การเปลี่ยน
Principal diagnosis
– ถ้าแพทย์บันทึกอาการหรืออาการ
แสดงของโรคเป็น Principal
diagnosis โดยที่อาการนั้น ๆ อาจ
เกิดจากโรคใดโรคหนึ่งที่บันทึกไว้รวม
่
กัน ให้ใช้อาการนั้นเป็น Principal di
agnosis หรือ ถ้ามีการวินิจฉัยแยก
45. ตัวอย่าง กฎ MB5. ของ ICD
10
• ปวดท้องจาก ถุงนำ้าดีอักเสบ
เฉียบพลัน (K81.0) หรือ ตับอ่อน
อักเสบเฉียบพลัน (K85)
– ให้เลือก ถุงนำ้าดีอกเสบเฉียบพลัน เป็น
ั
Principal diagnosis ออกรหัส
K81.0
46. วิธีการใช้หนังสือ ICD-10
1. ดู Principal diagnosis ว่าอยู่ใน
กลุมใด
่
2. เปิด ICD-10 Volume 1 A หน้าที่
III (Contents)
3. ดู Tabular list ว่ากลุมที่ตองการ
่ ้
อยู่ทหน้าใด
ี่
Volume 1 A จบที่ Chapter XII
4. เปิดไปที่หน้าแรกของ Chapter นั้น
47. วิธีการใช้หนังสือ ICD-10
6. เลือกดูว่า Principal diagnosis ตรง
กับรหัสอะไร
7. พยายามดูให้ได้รหัสทีละเอียด หรือ
่
ตรงกับ Principal diagnosis ให้มาก
ทีสด
่ ุ
8. ถ้าไม่มีชื่อโรคหรืออาการให้เลือก
8.1 ทบทวน Principal diagnosis
ใหม่
48. ICD-9-CM คืออะไร
• คำาย่อมาจาก International
Statistical Classification of
Disease Ninth Revision Clinical
Modification
• ดัดแปลงจาก ICD 9 ของ WHO
โดย Steering Committee ของ
National Center for Health
Statistics ของ U.S.A
50. ใช้ ICD-9-CM ทำาอะไร
• ใช้สำาหรับลงรหัส Procedure หรือ
หัตถการประเภทต่าง ๆ
• เพื่อให้การจัดกลุม DRG ได้ถูกต้อง
่
51. ลักษณะของ ICD-9-CM
• มี 16 บท
• Based on anatomical system
–จากบทที่ 1 : Operation on the
Nervous System
–ถึงบทที่ 15 : Operation on the
Integumentary System
–แถมบทที่ 16 : Miscellaneous
Diagnosis and Therapeutic
52. ลักษณะของ ICD-9-CM
• Numeric only เนืองจาก
่
ดัดแปลงมาจาก ICD 9
–01.0 Cranial puncture
–99.98 Extraction of milk from
lactating breast
• Two digit structure with
two decimal digits where
53. การลงรหัสของ ICD-9-CM
• Sex Specific
• Corresponds with Principle
Diagnosis
• ลง Major Procedure ก่อน
• High Resource Utilization ก่อน
54. ตัวอย่างการลงรหัสของ
ICD-9-CM
• Debridement of wound, infection
or burn
– รหัส ICD-9-CM คือ 86.22
• Craniotomy and craniectomy
– รหัส ICD-9-CM คือ 01.2
• Unilateral repair of inguinal hernia
– รหัส ICD-9-CM คือ 53.0
• Lobectomy of liver
– รหัส ICD-9-CM คือ 50.3
55. ตัวอย่างการลงรหัสของ
ICD-9-CM
• Sex specific
–ผูชายไม่ควรมี รหัส 66.0
้
Salpingotomy
–ผูหญิงไม่ควรมี รหัส 60.2
้
Transurethral prostatectomy
56. ตัวอย่างการลงรหัสของ
ICD-9-CM
• Corresponds with principle
diagnosis
–Unilateral or unspecified
inguinal hernia, without obst
ruction or gangrene (K40.9)
• Unilateral repair of inguinal
hernia (53.0)
–Liver cell carcinoma (C22.0)
57. วิธการใช้หนังสือ ICD-9-CM
ี
1. ดู Operation ว่าทำากับอวัยวะใด
2. เปิด ICD-9-CM หน้าที่ XIX
(Contents)
3. ดู Tabular list ว่า Operation ที่
ต้องการอยู่ทหน้าใด
ี่
4. เปิดไปที่ Chapter นั้น ๆ
5. ไล่ตาม Operation ของอวัยวะนั้น
ไปเรื่อย ซึ่งมักจะเริ่มต้นที่สวนบนสุด
่
58. วิธการใช้หนังสือ ICD-9-CM
ี
6. เลือกดูว่า Operation ตรงกับรหัสอะไร
7. พยายามดูให้ได้รหัสทีละเอียด หรือตรง
่
กับ Operation ให้มากทีสด ่ ุ
8. ถ้าไม่มีรหัสให้เลือก
8.1 ทบทวน ชื่อ Operation ใหม่
8.2 เลือก Operation ที่ใกล้เคียงกับ
การทำาหัตถการให้มากทีสด ่ ุ
59. ผลกระทบต่อ DRG เมื่อลงรหัส
ผิด
• ทำาให้เกิด DRG ที่ไม่มีมลค่าเช่น
ู
– DRG 469 = Principal Diagnosis
Invalid as Discharge
Diagnosis RW = 0.0000
– DRG 470 = Ungroupable RW =
0.0000
60. ผลกระทบต่อ DRG เมื่อลงรหัส
ผิด
• ทำาให้เกิด DRG ที่ตองถูกตรวจสอบ
้
เช่น
– DRG 468 = Extensive OR Procedure
Unrelated to
Principal Diagnosis RW =
3.6202
– DRG 469 = Principal Diagnosis
Invalid as Discharge
Diagnosis RW = 0.0000
61. ตัวอย่างผลกระทบต่อ DRG
เมื่อลงรหัสผิด
• ลำาไส้อักเสบ (K52.9)
– DRG 182 - Esophagitis,
Gastroenteritis and miscellaneous
Digestive
Disorder, Age Greater than 17
without CC (RW 0.5496)
• โรคโครห์นของลำาไส้เล็กส่วนไอ
เลียม (K50.0)
– DRG 179 - Inflammatory Bowel
62. ตัวอย่างผลกระทบต่อ DRG
เมื่อลงรหัสผิด
– Principal diagnosis ไซนัสอักเสบ
เฉียบพลัน (J01)
– ภาวะอืน ๆ มะเร็งปากมดลูก (C53), ความ
่
ดันโลหิตสูง (I10)
– การผ่าตัด ตัดมดลูกทั้งหมด (68.4)
– ถ้าเลือก ไซนัสอักเสบเฉียบพลัน (J01) เป็น
Principal diagnosis
• DRG 468 - Extensive OR Procedure
Unrelated to principal Diagnosis
(RW 3.6202)
– ถ้าเลือก มะเร็งปากมดลูก (C53) เป็น
63. ความหมายของ DRG ที่มีปัญหา
• DRG 468 = Extensive OR
Procedure Unrelated to
Principal Diagnosis
• DRG 469 = Principal Diagnosis
Invalid as Discharge
Diagnosis
• DRG 470 = Ungroupable
• DRG 474 = No Longer Valid
• DRG 476 = Prostatic OR
65. รหัส ICD-10-PCS
• PCS = Procedure coding
system
• รหัส ICD-10-PCS ใช้ตวอักษรและ
ั
ตัวเลข 7 ตำาแหน่ง
• ตัวอักษรใช้ A - Z ยกเว้น O และ I
(ป้องกัน 0 และ 1)
• ตัวเลขใช้ 0 - 9
• สามารถครอบคลุมหัตถการได้
66. รหัส ICD-10-PCS
• การเรียงรหัส PCS เป็น 1234567
• ตำาแหน่งที่ 1 Section
– บอกแผนกที่ทำาหัตถการ เช่น 0 ศัลยกรรม 1
สูตกรรม .... 9 เวชกรรมฟื้นฟู
ิ
• ตำาแหน่งที่ 2 Body system
– บอกระบบของร่างกาย เช่น 0 ระบบประสาท
ส่วนกลาง ... 9 หู จมูก ไซนัส
• ตำาแหน่งที่ 3 Root
– บอก Objective of procedure หรือ วิธีการ
ทำาหัตถการ เช่น 0 Bypass, 1 Change, 2
Creation, .. 9 Extraction
68. รหัส ICD-10-PCS
• ตัวอย่าง รหัส 094G1DZ
• รหัส 3 ตัวแรกคือ 094 คือการทำาผ่าตัด
ศัลยกรรมของหู จมูก ไซนัสโดยวิธี
Dilatation
• G = Eustachian Tube ข้างขวา (Body
part)
• 1 = Open intraluminal (Approach)
• D = Intraluminal device (Device)
• Z = None (Qualifier)