Enviar búsqueda
Cargar
Tri91 06+มหาวรรค+เล่ม+๔+ภาค+๑
•
0 recomendaciones
•
344 vistas
Tongsamut vorasan
Seguir
Denunciar
Compartir
Denunciar
Compartir
1 de 649
Descargar ahora
Descargar para leer sin conexión
Recomendados
Tri91 42++ขุททกนิกาย+คาถาธรรมบท+เล่ม+๑+ภาค+๒+ตอน+๓
Tri91 42++ขุททกนิกาย+คาถาธรรมบท+เล่ม+๑+ภาค+๒+ตอน+๓
Tongsamut vorasan
ติวOne tsocial
ติวOne tsocial
สบปราบพิทยาคม
Tri91 31+สังยุตตนิกาย+มหาวารวรรค+เล่ม+๕+ภาค+๒
Tri91 31+สังยุตตนิกาย+มหาวารวรรค+เล่ม+๕+ภาค+๒
Tongsamut vorasan
Tri91 37++อังคุตรนิกาย+สัตตก อัฏฐก-นวกนิบาต+เล่ม+๔
Tri91 37++อังคุตรนิกาย+สัตตก อัฏฐก-นวกนิบาต+เล่ม+๔
Tongsamut vorasan
คู่มือปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน ๕ สาย
คู่มือปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน ๕ สาย
Panda Jing
Ebook พระบรมสารีริกธาตุ น้อมนำปัญญา สู่สัมมาปฏิบัติ
Ebook พระบรมสารีริกธาตุ น้อมนำปัญญา สู่สัมมาปฏิบัติ
Panda Jing
Tri91 41++ขุททกนิกาย+คาถาธรรมบท+เล่ม+๑+ภาค+๒+ตอน+๒
Tri91 41++ขุททกนิกาย+คาถาธรรมบท+เล่ม+๑+ภาค+๒+ตอน+๒
Tongsamut vorasan
Tri91 35++อังคุตรนิกาย+จตุกนิบาต+เล่ม+๒
Tri91 35++อังคุตรนิกาย+จตุกนิบาต+เล่ม+๒
Tongsamut vorasan
Recomendados
Tri91 42++ขุททกนิกาย+คาถาธรรมบท+เล่ม+๑+ภาค+๒+ตอน+๓
Tri91 42++ขุททกนิกาย+คาถาธรรมบท+เล่ม+๑+ภาค+๒+ตอน+๓
Tongsamut vorasan
ติวOne tsocial
ติวOne tsocial
สบปราบพิทยาคม
Tri91 31+สังยุตตนิกาย+มหาวารวรรค+เล่ม+๕+ภาค+๒
Tri91 31+สังยุตตนิกาย+มหาวารวรรค+เล่ม+๕+ภาค+๒
Tongsamut vorasan
Tri91 37++อังคุตรนิกาย+สัตตก อัฏฐก-นวกนิบาต+เล่ม+๔
Tri91 37++อังคุตรนิกาย+สัตตก อัฏฐก-นวกนิบาต+เล่ม+๔
Tongsamut vorasan
คู่มือปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน ๕ สาย
คู่มือปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน ๕ สาย
Panda Jing
Ebook พระบรมสารีริกธาตุ น้อมนำปัญญา สู่สัมมาปฏิบัติ
Ebook พระบรมสารีริกธาตุ น้อมนำปัญญา สู่สัมมาปฏิบัติ
Panda Jing
Tri91 41++ขุททกนิกาย+คาถาธรรมบท+เล่ม+๑+ภาค+๒+ตอน+๒
Tri91 41++ขุททกนิกาย+คาถาธรรมบท+เล่ม+๑+ภาค+๒+ตอน+๒
Tongsamut vorasan
Tri91 35++อังคุตรนิกาย+จตุกนิบาต+เล่ม+๒
Tri91 35++อังคุตรนิกาย+จตุกนิบาต+เล่ม+๒
Tongsamut vorasan
อนุสรณ์ ประวัตินายเลิศ ยงยันต์
อนุสรณ์ ประวัตินายเลิศ ยงยันต์
Wes Yod
Tri91 40+ขุททกนิกาย+คาถาธรรมบท+เล่ม+๑+ภาค+๒+ตอน+๑
Tri91 40+ขุททกนิกาย+คาถาธรรมบท+เล่ม+๑+ภาค+๒+ตอน+๑
Tongsamut vorasan
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tongsamut vorasan
Tri91 39+ขุททกนิกาย+ขุททกปาฐะ+เล่ม+๑+ภาค+๑
Tri91 39+ขุททกนิกาย+ขุททกปาฐะ+เล่ม+๑+ภาค+๑
Tongsamut vorasan
Tri91 01+มหาวิภังค์+เล่ม+๑+ภาค+๑ (1)
Tri91 01+มหาวิภังค์+เล่ม+๑+ภาค+๑ (1)
Tongsamut vorasan
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tongsamut vorasan
พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม
พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม
Tongsamut vorasan
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๑ วินัยปิฎกที่ ๐๑ มหาวิภังค์ ภาค ๑
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๑ วินัยปิฎกที่ ๐๑ มหาวิภังค์ ภาค ๑
Tongsamut vorasan
Tri91 11+ทีฆนิกาย+สีลขันธวรรค+เล่ม+๑+ภาค+๑ (1)
Tri91 11+ทีฆนิกาย+สีลขันธวรรค+เล่ม+๑+ภาค+๑ (1)
Tongsamut vorasan
พุทธประวัติจากพระโอษฐ์
พุทธประวัติจากพระโอษฐ์
Sarod Paichayonrittha
Tri91 30++สังยุตตนิกาย+มหาวารวรรค+เล่ม+๕+ภาค+๑
Tri91 30++สังยุตตนิกาย+มหาวารวรรค+เล่ม+๕+ภาค+๑
Tongsamut vorasan
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๒ วินัยปิฎกที่ ๐๒ มหาวิภังค์ ภาค ๒
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๒ วินัยปิฎกที่ ๐๒ มหาวิภังค์ ภาค ๒
Tongsamut vorasan
แผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับที่ 11 (พ.ศ.2555-2559)
แผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับที่ 11 (พ.ศ.2555-2559)
Chor Chang
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๔ วินัยปิฎกที่ ๐๔ มหาวรรค ภาค ๑
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๔ วินัยปิฎกที่ ๐๔ มหาวรรค ภาค ๑
Tongsamut vorasan
Tri91 32+อังคุตรนิกาย+เอกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๑
Tri91 32+อังคุตรนิกาย+เอกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๑
Tongsamut vorasan
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๗ วินัยปิฎกที่ ๐๗ จุลวรรค ภาค ๒
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๗ วินัยปิฎกที่ ๐๗ จุลวรรค ภาค ๒
Tongsamut vorasan
มังคลัตถทีปนีแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย
มังคลัตถทีปนีแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย
Tongsamut vorasan
Tri91 02+มหาวิภังค์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 02+มหาวิภังค์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tongsamut vorasan
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๓ วินัยปิฎกที่ ๐๓ ภิกขุนีวิภังค์
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๓ วินัยปิฎกที่ ๐๓ ภิกขุนีวิภังค์
Tongsamut vorasan
Tri91 08+จุลวรรค+เล่ม+๖+ภาค+๑
Tri91 08+จุลวรรค+เล่ม+๖+ภาค+๑
Tongsamut vorasan
จตุกกะ คือ หมวด ๔
จตุกกะ คือ หมวด ๔
Tongsamut vorasan
สุชีพ ปุญญานุภาพ พระไตรปิฎก ฉบับสำหรับประชาชน ตอน ว่าด้วยพระสูตร
สุชีพ ปุญญานุภาพ พระไตรปิฎก ฉบับสำหรับประชาชน ตอน ว่าด้วยพระสูตร
Tongsamut vorasan
Más contenido relacionado
La actualidad más candente
อนุสรณ์ ประวัตินายเลิศ ยงยันต์
อนุสรณ์ ประวัตินายเลิศ ยงยันต์
Wes Yod
Tri91 40+ขุททกนิกาย+คาถาธรรมบท+เล่ม+๑+ภาค+๒+ตอน+๑
Tri91 40+ขุททกนิกาย+คาถาธรรมบท+เล่ม+๑+ภาค+๒+ตอน+๑
Tongsamut vorasan
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tongsamut vorasan
Tri91 39+ขุททกนิกาย+ขุททกปาฐะ+เล่ม+๑+ภาค+๑
Tri91 39+ขุททกนิกาย+ขุททกปาฐะ+เล่ม+๑+ภาค+๑
Tongsamut vorasan
Tri91 01+มหาวิภังค์+เล่ม+๑+ภาค+๑ (1)
Tri91 01+มหาวิภังค์+เล่ม+๑+ภาค+๑ (1)
Tongsamut vorasan
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tongsamut vorasan
พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม
พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม
Tongsamut vorasan
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๑ วินัยปิฎกที่ ๐๑ มหาวิภังค์ ภาค ๑
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๑ วินัยปิฎกที่ ๐๑ มหาวิภังค์ ภาค ๑
Tongsamut vorasan
Tri91 11+ทีฆนิกาย+สีลขันธวรรค+เล่ม+๑+ภาค+๑ (1)
Tri91 11+ทีฆนิกาย+สีลขันธวรรค+เล่ม+๑+ภาค+๑ (1)
Tongsamut vorasan
พุทธประวัติจากพระโอษฐ์
พุทธประวัติจากพระโอษฐ์
Sarod Paichayonrittha
Tri91 30++สังยุตตนิกาย+มหาวารวรรค+เล่ม+๕+ภาค+๑
Tri91 30++สังยุตตนิกาย+มหาวารวรรค+เล่ม+๕+ภาค+๑
Tongsamut vorasan
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๒ วินัยปิฎกที่ ๐๒ มหาวิภังค์ ภาค ๒
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๒ วินัยปิฎกที่ ๐๒ มหาวิภังค์ ภาค ๒
Tongsamut vorasan
แผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับที่ 11 (พ.ศ.2555-2559)
แผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับที่ 11 (พ.ศ.2555-2559)
Chor Chang
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๔ วินัยปิฎกที่ ๐๔ มหาวรรค ภาค ๑
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๔ วินัยปิฎกที่ ๐๔ มหาวรรค ภาค ๑
Tongsamut vorasan
Tri91 32+อังคุตรนิกาย+เอกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๑
Tri91 32+อังคุตรนิกาย+เอกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๑
Tongsamut vorasan
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๗ วินัยปิฎกที่ ๐๗ จุลวรรค ภาค ๒
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๗ วินัยปิฎกที่ ๐๗ จุลวรรค ภาค ๒
Tongsamut vorasan
มังคลัตถทีปนีแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย
มังคลัตถทีปนีแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย
Tongsamut vorasan
Tri91 02+มหาวิภังค์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 02+มหาวิภังค์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tongsamut vorasan
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๓ วินัยปิฎกที่ ๐๓ ภิกขุนีวิภังค์
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๓ วินัยปิฎกที่ ๐๓ ภิกขุนีวิภังค์
Tongsamut vorasan
Tri91 08+จุลวรรค+เล่ม+๖+ภาค+๑
Tri91 08+จุลวรรค+เล่ม+๖+ภาค+๑
Tongsamut vorasan
La actualidad más candente
(20)
อนุสรณ์ ประวัตินายเลิศ ยงยันต์
อนุสรณ์ ประวัตินายเลิศ ยงยันต์
Tri91 40+ขุททกนิกาย+คาถาธรรมบท+เล่ม+๑+ภาค+๒+ตอน+๑
Tri91 40+ขุททกนิกาย+คาถาธรรมบท+เล่ม+๑+ภาค+๒+ตอน+๑
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 39+ขุททกนิกาย+ขุททกปาฐะ+เล่ม+๑+ภาค+๑
Tri91 39+ขุททกนิกาย+ขุททกปาฐะ+เล่ม+๑+ภาค+๑
Tri91 01+มหาวิภังค์+เล่ม+๑+ภาค+๑ (1)
Tri91 01+มหาวิภังค์+เล่ม+๑+ภาค+๑ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม
พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๑ วินัยปิฎกที่ ๐๑ มหาวิภังค์ ภาค ๑
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๑ วินัยปิฎกที่ ๐๑ มหาวิภังค์ ภาค ๑
Tri91 11+ทีฆนิกาย+สีลขันธวรรค+เล่ม+๑+ภาค+๑ (1)
Tri91 11+ทีฆนิกาย+สีลขันธวรรค+เล่ม+๑+ภาค+๑ (1)
พุทธประวัติจากพระโอษฐ์
พุทธประวัติจากพระโอษฐ์
Tri91 30++สังยุตตนิกาย+มหาวารวรรค+เล่ม+๕+ภาค+๑
Tri91 30++สังยุตตนิกาย+มหาวารวรรค+เล่ม+๕+ภาค+๑
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๒ วินัยปิฎกที่ ๐๒ มหาวิภังค์ ภาค ๒
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๒ วินัยปิฎกที่ ๐๒ มหาวิภังค์ ภาค ๒
แผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับที่ 11 (พ.ศ.2555-2559)
แผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับที่ 11 (พ.ศ.2555-2559)
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๔ วินัยปิฎกที่ ๐๔ มหาวรรค ภาค ๑
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๔ วินัยปิฎกที่ ๐๔ มหาวรรค ภาค ๑
Tri91 32+อังคุตรนิกาย+เอกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๑
Tri91 32+อังคุตรนิกาย+เอกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๑
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๗ วินัยปิฎกที่ ๐๗ จุลวรรค ภาค ๒
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๗ วินัยปิฎกที่ ๐๗ จุลวรรค ภาค ๒
มังคลัตถทีปนีแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย
มังคลัตถทีปนีแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย
Tri91 02+มหาวิภังค์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 02+มหาวิภังค์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๓ วินัยปิฎกที่ ๐๓ ภิกขุนีวิภังค์
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๓ วินัยปิฎกที่ ๐๓ ภิกขุนีวิภังค์
Tri91 08+จุลวรรค+เล่ม+๖+ภาค+๑
Tri91 08+จุลวรรค+เล่ม+๖+ภาค+๑
Destacado
จตุกกะ คือ หมวด ๔
จตุกกะ คือ หมวด ๔
Tongsamut vorasan
สุชีพ ปุญญานุภาพ พระไตรปิฎก ฉบับสำหรับประชาชน ตอน ว่าด้วยพระสูตร
สุชีพ ปุญญานุภาพ พระไตรปิฎก ฉบับสำหรับประชาชน ตอน ว่าด้วยพระสูตร
Tongsamut vorasan
หวีด บัวเผื่อน จิตเป็นอมตะ
หวีด บัวเผื่อน จิตเป็นอมตะ
Tongsamut vorasan
เบญจศีล
เบญจศีล
Tongsamut vorasan
สนอง วรอุไร สัจจบารมี เมตตาบารมี
สนอง วรอุไร สัจจบารมี เมตตาบารมี
Tongsamut vorasan
สนอง วรอุไร สนทนาภาษาธรรม เล่ม 10
สนอง วรอุไร สนทนาภาษาธรรม เล่ม 10
Tongsamut vorasan
สนอง วรอุไร สนทนาภาษาธรรม เล่ม 17
สนอง วรอุไร สนทนาภาษาธรรม เล่ม 17
Tongsamut vorasan
45 พรรษา
45 พรรษา
Tongsamut vorasan
เรื่องศาสนาเชน
เรื่องศาสนาเชน
Tongsamut vorasan
สนอง วรอุไร สนทนาภาษาธรรม เล่ม 13
สนอง วรอุไร สนทนาภาษาธรรม เล่ม 13
Tongsamut vorasan
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ขันธะวิมุติสะมังคีธรรม
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ขันธะวิมุติสะมังคีธรรม
Tongsamut vorasan
สุภีร์ ทุมทอง สัมมาทิฏฐิ พาไปสู่นิพพาน
สุภีร์ ทุมทอง สัมมาทิฏฐิ พาไปสู่นิพพาน
Tongsamut vorasan
เรื่องศาสนาเชน
เรื่องศาสนาเชน
Tongsamut vorasan
เกณฑ์การรับกุลบุตรเพื่ออุปสมบทในพระพุทธศาสนา
เกณฑ์การรับกุลบุตรเพื่ออุปสมบทในพระพุทธศาสนา
Tongsamut vorasan
วิเคราะห์วิจารณ์
วิเคราะห์วิจารณ์
Tongsamut vorasan
มนต์พิธี
มนต์พิธี
Tongsamut vorasan
แหล่กัณหาสั่ง
แหล่กัณหาสั่ง
Tongsamut vorasan
Destacado
(17)
จตุกกะ คือ หมวด ๔
จตุกกะ คือ หมวด ๔
สุชีพ ปุญญานุภาพ พระไตรปิฎก ฉบับสำหรับประชาชน ตอน ว่าด้วยพระสูตร
สุชีพ ปุญญานุภาพ พระไตรปิฎก ฉบับสำหรับประชาชน ตอน ว่าด้วยพระสูตร
หวีด บัวเผื่อน จิตเป็นอมตะ
หวีด บัวเผื่อน จิตเป็นอมตะ
เบญจศีล
เบญจศีล
สนอง วรอุไร สัจจบารมี เมตตาบารมี
สนอง วรอุไร สัจจบารมี เมตตาบารมี
สนอง วรอุไร สนทนาภาษาธรรม เล่ม 10
สนอง วรอุไร สนทนาภาษาธรรม เล่ม 10
สนอง วรอุไร สนทนาภาษาธรรม เล่ม 17
สนอง วรอุไร สนทนาภาษาธรรม เล่ม 17
45 พรรษา
45 พรรษา
เรื่องศาสนาเชน
เรื่องศาสนาเชน
สนอง วรอุไร สนทนาภาษาธรรม เล่ม 13
สนอง วรอุไร สนทนาภาษาธรรม เล่ม 13
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ขันธะวิมุติสะมังคีธรรม
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ขันธะวิมุติสะมังคีธรรม
สุภีร์ ทุมทอง สัมมาทิฏฐิ พาไปสู่นิพพาน
สุภีร์ ทุมทอง สัมมาทิฏฐิ พาไปสู่นิพพาน
เรื่องศาสนาเชน
เรื่องศาสนาเชน
เกณฑ์การรับกุลบุตรเพื่ออุปสมบทในพระพุทธศาสนา
เกณฑ์การรับกุลบุตรเพื่ออุปสมบทในพระพุทธศาสนา
วิเคราะห์วิจารณ์
วิเคราะห์วิจารณ์
มนต์พิธี
มนต์พิธี
แหล่กัณหาสั่ง
แหล่กัณหาสั่ง
Más de Tongsamut vorasan
หนังสืออนุสรณ์"งานพระราชทานเพลิงศพ" หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๒
หนังสืออนุสรณ์"งานพระราชทานเพลิงศพ" หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๒
Tongsamut vorasan
Food reflectionบทพิจารณาอาหารภาษาอังกฤษ
Food reflectionบทพิจารณาอาหารภาษาอังกฤษ
Tongsamut vorasan
ระเบียบ รายนามวัด พระธรรมทูตจำพรรษาสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา
ระเบียบ รายนามวัด พระธรรมทูตจำพรรษาสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา
Tongsamut vorasan
คติธรรมแห่งชีวิต . โดย..พระพรหมคุณาภรณ์
คติธรรมแห่งชีวิต . โดย..พระพรหมคุณาภรณ์
Tongsamut vorasan
เชื่อกรรม รู้กรรม แก้กรรม โดย.พระพรหมคุณาภรณ์
เชื่อกรรม รู้กรรม แก้กรรม โดย.พระพรหมคุณาภรณ์
Tongsamut vorasan
เจอวิกฤตจะเลือกเอาวิวัฒน์ รหือจะเอาวิบัติ
เจอวิกฤตจะเลือกเอาวิวัฒน์ รหือจะเอาวิบัติ
Tongsamut vorasan
เจอวิกฤต จิตไม่วิบัติ โดย..พระพรหมคุณาภรณ์ ป.อ.ปยุตโต
เจอวิกฤต จิตไม่วิบัติ โดย..พระพรหมคุณาภรณ์ ป.อ.ปยุตโต
Tongsamut vorasan
เพื่อความเจริญงอกงามแห่งธรรม
เพื่อความเจริญงอกงามแห่งธรรม
Tongsamut vorasan
พุทธศาสตร์บัณฑิต รุ่นที่ ๔๔
พุทธศาสตร์บัณฑิต รุ่นที่ ๔๔
Tongsamut vorasan
ทำเนียบวัดไทยในสังกัดสมัชชาสหรัฐอเมริกา 2018 2561 (4)
ทำเนียบวัดไทยในสังกัดสมัชชาสหรัฐอเมริกา 2018 2561 (4)
Tongsamut vorasan
ระเบียบการขอพระไปปฏิบัติศาสนกิจชั่วคราวของสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา
ระเบียบการขอพระไปปฏิบัติศาสนกิจชั่วคราวของสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา
Tongsamut vorasan
ระเบียบวาระการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐฯ
ระเบียบวาระการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐฯ
Tongsamut vorasan
ใบตอบรับเข้าร่วมประชุมครั้ง42 2018
ใบตอบรับเข้าร่วมประชุมครั้ง42 2018
Tongsamut vorasan
ทะเบียนประวัติพระมาร่วมประชุมสมัชชาฯ๒๕๖
ทะเบียนประวัติพระมาร่วมประชุมสมัชชาฯ๒๕๖
Tongsamut vorasan
กำหนดการการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในนสหรัฐอเมริกา
กำหนดการการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในนสหรัฐอเมริกา
Tongsamut vorasan
154517 บทพิธีกรงานฌาปนกิจ
154517 บทพิธีกรงานฌาปนกิจ
Tongsamut vorasan
หลักสูตรผู้บวชระยะสั้น
หลักสูตรผู้บวชระยะสั้น
Tongsamut vorasan
หนังสือสอนพระบวชใหม่ นวโกวาท
หนังสือสอนพระบวชใหม่ นวโกวาท
Tongsamut vorasan
เพลงชาติไทย แปลภาษาอังกฤษ2
เพลงชาติไทย แปลภาษาอังกฤษ2
Tongsamut vorasan
ภพภูมิทั้ง 31ภูมิ ภาษาอังกฤษ
ภพภูมิทั้ง 31ภูมิ ภาษาอังกฤษ
Tongsamut vorasan
Más de Tongsamut vorasan
(20)
หนังสืออนุสรณ์"งานพระราชทานเพลิงศพ" หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๒
หนังสืออนุสรณ์"งานพระราชทานเพลิงศพ" หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๒
Food reflectionบทพิจารณาอาหารภาษาอังกฤษ
Food reflectionบทพิจารณาอาหารภาษาอังกฤษ
ระเบียบ รายนามวัด พระธรรมทูตจำพรรษาสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา
ระเบียบ รายนามวัด พระธรรมทูตจำพรรษาสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา
คติธรรมแห่งชีวิต . โดย..พระพรหมคุณาภรณ์
คติธรรมแห่งชีวิต . โดย..พระพรหมคุณาภรณ์
เชื่อกรรม รู้กรรม แก้กรรม โดย.พระพรหมคุณาภรณ์
เชื่อกรรม รู้กรรม แก้กรรม โดย.พระพรหมคุณาภรณ์
เจอวิกฤตจะเลือกเอาวิวัฒน์ รหือจะเอาวิบัติ
เจอวิกฤตจะเลือกเอาวิวัฒน์ รหือจะเอาวิบัติ
เจอวิกฤต จิตไม่วิบัติ โดย..พระพรหมคุณาภรณ์ ป.อ.ปยุตโต
เจอวิกฤต จิตไม่วิบัติ โดย..พระพรหมคุณาภรณ์ ป.อ.ปยุตโต
เพื่อความเจริญงอกงามแห่งธรรม
เพื่อความเจริญงอกงามแห่งธรรม
พุทธศาสตร์บัณฑิต รุ่นที่ ๔๔
พุทธศาสตร์บัณฑิต รุ่นที่ ๔๔
ทำเนียบวัดไทยในสังกัดสมัชชาสหรัฐอเมริกา 2018 2561 (4)
ทำเนียบวัดไทยในสังกัดสมัชชาสหรัฐอเมริกา 2018 2561 (4)
ระเบียบการขอพระไปปฏิบัติศาสนกิจชั่วคราวของสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา
ระเบียบการขอพระไปปฏิบัติศาสนกิจชั่วคราวของสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา
ระเบียบวาระการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐฯ
ระเบียบวาระการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐฯ
ใบตอบรับเข้าร่วมประชุมครั้ง42 2018
ใบตอบรับเข้าร่วมประชุมครั้ง42 2018
ทะเบียนประวัติพระมาร่วมประชุมสมัชชาฯ๒๕๖
ทะเบียนประวัติพระมาร่วมประชุมสมัชชาฯ๒๕๖
กำหนดการการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในนสหรัฐอเมริกา
กำหนดการการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในนสหรัฐอเมริกา
154517 บทพิธีกรงานฌาปนกิจ
154517 บทพิธีกรงานฌาปนกิจ
หลักสูตรผู้บวชระยะสั้น
หลักสูตรผู้บวชระยะสั้น
หนังสือสอนพระบวชใหม่ นวโกวาท
หนังสือสอนพระบวชใหม่ นวโกวาท
เพลงชาติไทย แปลภาษาอังกฤษ2
เพลงชาติไทย แปลภาษาอังกฤษ2
ภพภูมิทั้ง 31ภูมิ ภาษาอังกฤษ
ภพภูมิทั้ง 31ภูมิ ภาษาอังกฤษ
Tri91 06+มหาวรรค+เล่ม+๔+ภาค+๑
1.
พระวินัยปฎก มหาวรรค เลม
๔ ภาค ๑ - หนาที่ 1 พระวินัยปฎก เลมที่ ๔ มหาวรรค ภาคที่ ๑ขอนอบนอมแดพระผูมีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจาพระองคนน ั้ มหาขันธกะ โพธิกถา ปฏิจจสมุปบาทมนสิการ [๑] โดยสมัยนั้น พระผูมีพระภาคเจา แรกตรัสรูประทับอยู ณ ควงไมโพธิพฤกษใกลฝงแมน้ําเนรัญชรา ในอุรุเวลาประเทศ ครังนั้น พระผูมี- ้ พระภาคเจาประทับนั่งดวยบัลลังกเดียว เสวยวิมตติสุข ณ ควงไมโพธิพฤกษ ุตลอด ๗ วัน และทรงมนสิการปฏิจจสมุปบาทเปนอนุโลมและปฏิโลม ตลอดปฐมยามแหงราตรี วาดังนี้:- ปฏิจจสมุปบาท อนุโลม เพราะอวิชชาเปนปจจัย จึงมีสังขาร เพราะสังขารเปนปจจัย จึงมีวิญญาณ เพราะวิญญาณเปนปจจัย จึงมีนามรูป เพราะนามรูปเปนปจจัย จึงสฬายตนะ เพราะสฬายตนะเปนปจจัย จึงมีผัสสะ
2.
พระวินัยปฎก มหาวรรค เลม
๔ ภาค ๑ - หนาที่ 2 เพราะผัสสะเปนปจจัย จึงมีเวทนา เพราะเวทนาเปนปจจัย จึงมีตัณหา เพราะตัณหาเปนปจจัย จึงมีอุปาทาน เพราะอุปาทานเปนปจจัย จึงมีภพ เพราะภพเปนปจจัย จึงมีชาติ เพราะชาติเปนปจจัย จึงมีชรา มรณะ โสกะปริเทวะ ทุกข โทมนัส อุปายาส. เปนอันวากองทุกขทั้งมวลนั่นยอมเกิด ดวยประการฉะนี้. ปฏิจจสมุปบาท ปฏิโลม อนึ่ง เพราะอวิชชานั่นแหละดับโดยไมเหลือ ดวยมรรคคือวิราคะสังขารจึงดับ เพราะสังขารดับ วิญญาณจึงดับ เพราะวิญญาณดับ นามรูปจึงดับ เพราะนามรูปดับ สฬายตนะจึงดับ เพราะสฬายตนะดับ ผัสสะจึงดับ เพราะผัสสะดับ เวทนาจึงดับ เพราะเวทนาดับ ตัณหาจึงดับ เพราะตัณหาดับ อุปาทานจึงดับ เพราะอุปทานดับ ภพจึงดับ เพราะภพดับ ชาติจึงดับ เพราะชาติดับ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะทุกข โทมนัส อุปยาส จึงดับ.
3.
พระวินัยปฎก มหาวรรค เลม
๔ ภาค ๑ - หนาที่ 3 เปนอันวากองทุกขทั้งมวลนั่นยอมดับ ดวยประการฉะนี้. ลําดับนั้น พระผูมีพระภาคเจาทรงทราบเนื้อความนั้นแลว จึงทรง เปลงอุทานนี้ในเวลานั้น วาดังนี้:- พุทธอุทานคาถาที่ ๑ เมื่อใดแล ธรรมทั้งหลาย ปรากฏ แกพราหมณ ผูมีเพียรเพงอยู เมื่อนัน ความ ้ สงสัยทั้งปวง ของพราหมณนั้นยอมสิ้นไป เพราะมารูธรรมพรอมทังเหตุ. ้ [๒] ลําดับนั้น พระผูมีพระภาคเจาทรงมนสิการปฎิจจสมุปบาท เปนอนุโลม และปฏิโลมตลอดมัชฌิมยามแหงราตรี วาดังนี้ :- ปฏิจจสมุปบาท อนุโลม เพราะอวิชาเปนปจจัย จึงมีสงขาร ั เพราะสังขารเปนปจจัย จึงมีวิญญาณ เพราะวิญญาณเปนปจจัย จึงมีนามรูป เพราะนามรูปเปนปจจัย จึงมีสฬายตนะ เพราะสฬายตนะเปนปจจัย จึงมีผัสสะ เพราะผัสสะเปนปจจัย จึงมีเวทนา เพราะเวทนาเปนปจจัย จึงมีตัณหา เพราะตัณหาเปนปจจัย จึงมีอุปาทาน เพราะอุปาทานเปนปจจัย จึงมีภพ เพราะภพเปนปจจัย จึงมีชาติ
4.
พระวินัยปฎก มหาวรรค เลม
๔ ภาค ๑ - หนาที่ 4 เพราะชาติเปนปจจัย จึงมีชรา มรณะ โสกะปริเทวะ ทุกข โทมนัส อุปายาส. เปนอันวากองทุกขทั้งมวลนั่นยอมเกิด ดวยประการฉะนี้. ปฏิจจสมุปาท ปฏิโลม อนึ่ง เพราะอวิชชานั่นแหละดับโดยไมเหลือ ดวยมรรคคือวิราคะสังขาร จึงดับ เพราะสังขารดับ วิญญาณจึงดับ เพราะวิญญาณดับ นามรูปจึงดับ เพราะนามรูปดับ สฬายตนะจึงดับ เพราะสฬายตนะดับ ผัสสะจึงดับ เพราะผัสสะดับ เวทนาจึงดับ เพราะเวทนาดับ ตัณหาจึงดับ เพราะตัณหาดับ อุปาทานจึงดับ เพราะอุปาทานดับ ภพจึงดับ เพราะภพดับ ชาติจึงดับ เพราะชาติดับ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกขโทมนัส อุปายาส จึงดับ. เปนอันวากองทุกขทั้งมวลนั่นยอมดับ ดวยประการฉะนี้. ลําดับนั้น พระผูมีพระภาคเจาทรงทราบเนื้อความนั้นแลว จึงทรง เปลงอุทานนี้ในเวลานั้น วาดังนี้:-
5.
พระวินัยปฎก มหาวรรค เลม
๔ ภาค ๑ - หนาที่ 5 พุทธอุทานคาถาที่ ๒ เมื่อใดแล ธรรมทั้งหลายปรากฏแก พราหมณ ผูมีเพียรเพงอยู เมือนั้น ความ ่ สงสัยทั้งปวง ของพราหมณนั้นยอมสิ้นไป เพราะไดรูความสั้นแตงปจจัยทั้งหลาย. [๓] ลําดับนั้น พระผูมีพระภาคเจาทรงมนสิการปฏิจจสมุปบาท เปนอนุโลมและปฏิโลม ตลอดปจฉิมยามแหงราตรี วาดังนี้:- ปฏิจจสมุปบาท อนุโลม เพราะอวิชชาเปนปจจัย จึงมีสังขาร เพราะสังขารเปนปจจัย จึงมีวิญญาณ เพราะวิญญาณเปนปจจัย จึงมีนามรูป เพราะนามรูปเปนปจจัย จึงมีสฬายตนะ เพราะสฬายตนะเปนปจจัย จึงมีผัสสะ เพราะผัสสะเปนปจจัย จึงมีเวทนา เพราะเวทนาเปนปจจัย จึงมีตัณหา เพราะตัณหาเปนปจจัย จึงมีอุปาทาน เพราะอุปาทานเปนปจจัย จึงมีภพ เพราะภพเปนปจจัย จึงมีชาติ เพราะชาติเปนปจจัย จึงมีชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะทุกข โทมันส อุปายาส. เปนอันวากองทุกขทั้งมวลนั่นยอมเกิด ดวยประการฉะนี้.
6.
พระวินัยปฎก มหาวรรค เลม
๔ ภาค ๑ - หนาที่ 6 ปฏิจจสมุปบาท ปฏิโลม อนึ่ง เพราะอวิชชานั่นแหละดับโดยไมเหลือ ดวยมรรคคือวิราคะสังขาร จึงดับ เพราะสังขารดับ วิญญาณจึงดับ เพราะวิญญาณดับ นามรูปจึงดับ เพราะนามรูปดับ สฬายตนะจึงดับ เพราะสฬายตนะดับ ผัสสะจึงดับ เพราะผัสสะดับ เวทนาจึงดับ เพราะเวทนาดับ ตัณหาจึงดับ เพราะตัณหาดับ อุปาทานจึงดับ เพราะอุปาทานดับ ภพจึงดับ เพราะภพดับ ชาติจึงดับ เพราะชาติดับ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะทุกข โทมนัส อุปายาส จึงดับ. เปนอันวากองทุกขทั้งมวลนั่นยอมดับ ดวยประการฉะนี้. ลําดับนั้น พระผูมีพระภาคเจาทรงทราบเนื้อความนั้นแลว จึงทรง เปลงอุทานนี้ในเวลานั้น วาดังนี้:- พุทธอุทานคาถาที่ ๓ เมื่อใดแล ธรรมทั้งหลาย ปรากฏ แกพราหมณ ผูมีเพียรเพงอยู เมื่อนั้น พราหมณนน ยอมกําจัดมารและเสนาเสียได ั้ ดุจพระอาทิตยอุทัยทําอากาศใหสวาง ฉะนั้น. โพธิกถา จบ
7.
พระวินัยปฎก มหาวรรค เลม
๔ ภาค ๑ - หนาที่ 7 ตติยสมันตปาสาทิกา อรรถกถาพระวินัยปฎก มหาขันธกวรรณนา มหาวรรค อปโลกถา พระมหาเถระทั้งหลาย ผูรูเนื้อความในขันธกะ ไดสังคายนาขันธกะอันใด เปนลําดับแหงการสังคายนาปาติโมกขทั้ง ๒. บัดนีถึงลําคับสังวรรณนา ้แหงขันธกะนั้นแลว, เพราะฉะนั้น สังวรรณนานี้จึงเปนแตอธิบายความยังไมชัดเจนแหงขันธกะนั้น, เนื้อความเหลาใด แหงบทเหลาใด ขาพเจาทั้งหลายไดประกาศแลวในบทภาชนีย ถาวาขาพเจาจะตองกลาวซ้ําเนื้อความเหลานั้นแหงบทเหลานั้นอีกไซร, เมื่อไรจักจบ. สวนเนื้อความเหลาใดชัดเจนแลว จะมีประโยชนอะไรดวยการสังวรรณนาเนื้อความเหลานั้น. ก็แลเนื้อความเหลาใดยังไมชัดเจน ดวยอธิบายและอนุสนธิ และดวยพยัญชนะ เนือความเหลานั้น ้ไมพรรณนาไวใคร ๆ ก็ไมสามารถจะทราบได. เพราะฉะนั้น จึงมีสังวรรณนานัยเนื้อความเหลานนั้น ดังนี้:- อรรถกถาโพธิกถา ในคําวา เตน สมเยน พุทฺโธ ภควา อุรุเวลาย วิหรติ นชฺชาเนรฺชราย ตีเร โพธิรุกขมูเล ปฐมาภิสมฺพุทฺโธ นี้. ฺ ถึงจะไมมีเหตุพิเศษเพราะตติยาวิภัตติ เหมือนในคําที่วา เตน สม-เยน พุทฺโธ ภควา เวรฺชย เปนตน ก็จริงแล, แตโวหารนี้ ทานยกขึ้นดวยตติยาวิภัตติเหมือนกัน เพราะเพงวินัย เพราะฉะนั้น ผูศึกษาพึง
8.
พระวินัยปฎก มหาวรรค เลม
๔ ภาค ๑ - หนาที่ 8ทราบสันนิษฐานวา คํานั้นทานกลาวตามทํานองโวหารที่ยกขึ้นแตแรกนั่น เอง.ในคําอื่น ๆ นอกจากคํานี้ แมอื่นอีกแตเห็นปานนี้ก็นัยนั้น. ถามวา ก็อะไรเปนประโยชนในการกลาวคํานั้นเลา ?. ตอบวา การแสดงเหตุทั้งแตแรกแหงวินัยกรรมทั้งหลาย มีบรรพชาเปนตน เปนประโยชน. จริงอยู ผูศึกษาพึงทราบวา ประโยชนในการกลาวคํานั้น ก็คือการแสดงเหตุตั้งแตแรกแหงวินัยกรรมทั้งหลาย มีบรรพชาเปนตนเหลานั้น อยางนี้วา บรรพชาและอุปสมบทอันใด ซึ่งพระผูมีพระภาคเจาทรงอนุญาตอยางนี้วา ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตบรรพชาและอุปสมบทดวยไตรสรณคมนเหลานี้ดังนี้ และวัตรทั้งหลายมีอุปชฌายวัตร อาจริยวัตรเปนตนเหลาใด ซึงทรง ๑ ่อนุญาตในที่ทั้งหลายมีกรุงราชคฤหเปนตน บรรพชาอุปสมบทและอุปชฌาย-วัตรเปนตน เหลานั้น พระผูมีพระภาคเจาทรงบรรลุอภิสัมโพธิญาณแลว ให๗ สัปคาหผานพนไปที่โพธิมัณฑ ทรงประกาศพระธรรมจักรในกรุงพาราณสีแลว เสด็จถึงสถานนี้ ๆ โดยลําดับนี้ ทรงบัญญัตแลวเพราะเรื่องนี้ ๆ. ิ ในบทเหลานั้น บทวา อุรุเวลาย. ไดแก ที่แดนใหญ. อธิบายวาที่กองทรายใหญ. อีกประการหนึ่ง ทราย เรียกวาอุรุ, เขตคัน เรียกวาเวลา.แลพึงเห็นความในบทนี้ อยางนี้วา ทรายที่เขาขนมาเพราะเหตุที่ลวงเขตคันชื่ออุรุเวลา. ไดยินวา ในอดีตสมัย เมื่อพระพุทธเจายังไมเสด็จอุบัติ กุลบุตรหมื่นคนบวชเปนดาบสอยูที่ประเทศนั้น วันหนึ่งไดประชุมกันทํากติกาวัตรไววาธรรมดากายกรรม วจีกรรม เปนของปรากฏแกผูอื่นได ฝายมโนกรรม หา๑. มหาวคฺค ปฐม. ๔๒.
9.
พระวินัยปฎก มหาวรรค เลม
๔ ภาค ๑ - หนาที่ 9ปรากฏไม เพราะฉะนั้น ผูใดตรึกกามวิตกหรือพยาบาทวิตก หรือวิหิงสาวิตกคนอื่นที่จะโจทผูนั้นยอมไมมี ผูนั้นตองโจทคนดวยคนเองแลว เอาหอแหงใบไม ขนทรายมาเกลี่ยในที่นี้ ดวยตั้งใจวา นี่พึงเปนทัณฑกรรม จําเดิม ๑แตนั้นมาผูใดตรึกวิตกเชนนั้น ผูนั้นยอมใชหอแหงใบไมขนทรายมาเกลี่ยในที่นั้น. ดวยประการอยางนี้ กองทรายในที่นั้นจึงใหญขึ้นโดยลําดับ. ภายหลังมาประชุมชนในภายหลัง จึงไดแวดลอมกองทรายใหญนั้นทําใหเปนเจดียสถาน. ขาพเจาหมายเอากองทรายนั้นกลาววา บทวา อุรุเวลาย ไดแกที่แดนใหญ อธิบายวา ที่กองทรายใหญ. หมายเอากองทรายนั้นเองกลาววา อีกประการหนึ่ง ทราย เรียกวาอุรุ, เขตคัน เรียกวาเวลา. และพึงเห็นความในบทนี้ อยางนี้วา ทรายที่เขาขนมา เพราะเหตุที่ลวงเขตคัน ชื่ออุรุเวลา. บทวา โพธิรุกฺขมูเล มีความวา ญาณในมรรค ๔ เรียกวา โพธิญาณพระผูมีพระภาคเจาทรงบรรลุโพธิญาณนั้นที่ตนไมนี้ เพราะฉะนั้นตนไมจึงพลายไดนามวา โพธิพฤกษดวย ที่โคนแหงโพธิพฤกษนั้นชื่อวา โพธิรุกขมูล. บทวา ปมาภิสมพุทฺโธ ไดแก แรกตรัสรู. อธิบายวา เปนผูตรัสรูพรอมเสร็จกอนทุกอยางทีเดียว. บทวา เอกปลฺลงฺเกน มีความวา ประทับนั่ง ดวยบัลลังกอันเดียวตามที่ทรงคูแลวเทานั้น ไมเสด็จลุกขึ้นแมครั้งเดียว. บทวา วิมุตฺติสุขปฏิสเวที มีความวา เสวยวิมุตติสุข คือสุขที่เกิดแตผลสมาบัติ. ๑. หรือวาใบไมสําหรับหอ ตามนัยอรรถกถา สตฺติคุมฺพชาตก ที่ทานชักมาไวไน มงฺคลตฺถทีปนี วา ปตฺตปูฏสฺเสวาติ. . . ปลิเวจนปณฺณสฺเสว. นาจะเปนอยางที่เรียกวา กระทง คือเอาใบ ไมมาเย็บมากลัดติดกันเปนภาชนะใสของได. โนโยชนา ภาค ๒ หนา ๑๖๗ แกวา ปตฺตปูเฎ- นาติ ปณฺณปูเฏน.
10.
พระวินัยปฎก มหาวรรค เลม
๔ ภาค ๑ - หนาที่ 10 บทวา ปฏิจฺจสมุปฺปาท ไดแก ปจจยาการ. จริง ปจจยาการทานเรียกวา ปฏิจจสมุปบาท เพราะอรรถวิเคราะหวา อาศัยกันและกัน ยังธรรมที่สืบเนื่องกันใหเกิดขึ้น. ความสังเขปในบทวา ปฏิจฺจสมุปฺปาท นี้ เทานี้.สวนความพิสดาร ผูปรารถนาวินิจฉัยที่พรอมมูลดวยอาการทั้งปวง พึงถือเอาจากวิสุทธิมรรค และมหาปกรณ. บทวา อนุโลมปฏิโลม มีวิเคราะหวา ตามลําดับดวย ทวนลําดับดวย ชื่อวาทั้งตามลําดับทั้งทวนลําดับ. ผูศึกษาพึงเห็นความในบทอยางนี้แลวา ในอนุโลมและปฏิโลมทั้ง ๒ นั้น ปจจยาการมีอวิชชาเปนตน ที่ทานกลาวโดยนัยวา อวิชิชาปจฺจยา สงฺขารา ดังนี้ เรียกวา อนุโลม เพราะทํากิจที่ตนพึงทําปจจยาการนั้นนั่นเอง ที่ทานกลาวโดยนัยเปนตนวา อวิชฺชาย เตฺววอเสสวิราคนิโรธา สงฺขารนิโรโธ ดังนี้ เมื่อดับเพราะนิโรธ คือไมเกิดขึ้นยอมไมทํากิจนั้น เพราะฉะนั้น จึงเรียกวา ปฏิโลม เพราะไมทํากิจนั้น.อีกอยางหนึ่ง ปจจยาการที่กลาวแลว ตามนัยกอนนั่นแล เปนไปตามประพฤติเหตุ นอกนี้เปนไปยอนประพฤติเหตุ. ก็แลความเปนอนุโลมและปฎิโลมในปจจยาการนี้ ยังไมตองดวยเนื้อความอื่นจากนี้ เพราะทานมิไดกลาวตั้งแตตนจนปลายและตั้งแตปลายจนถึงตน. บทวา มนสากาสิ ตัดบทวา มนสิ อกาสิ แปลวา ไดทําในพระหฤทัยในอนุโลมและปฏิโลมทัง ๒ นั้น พระผูมีพระภาคเจาไดทรงทําในพระหฤทัย ้ดวยอนุโลมดวยประการใด เพื่อแสดงประการนี้กอนพระธรรมสังคาหกาจารยจึงกลาวคําวา อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา เปนตน. ในคํานั้นผูศึกษาพึงทราบความในทั้งปวงโดยนัยนี้วา อวิชฺชานี้ดวย เปนปจจัยดวย เพราะฉะนั้น ชื่อ๑. วิ. ปฺา. ตติย. ๑๐๗.
11.
พระวินัยปฎก มหาวรรค เลม
๔ ภาค ๑ - หนาที่ 11วา อวิชชาเปนปจจัย, สังขารทั้งหลายยอมเกิดพรอม เพราะอวิชชาอันเปนปจจัยนั้น ความสังเขปในบทวา มนสากาสิ นี้เทานี้. สวนความพิสดารผูตองการวินิจฉัยที่พรอมมูลดวยอาการทุกอยาง พึงถือเอาจากวิสุทธิมรรค สัมโมห- ๑วิโนทนี และอรรถกถาแหงมหาวิภังค. และพระผูมีพระภาคเจาไดทรงทําใน ๒พระหฤหัย โดยปฏิโลมดวยประการใด เพื่อแสดงประการนี้ ทานจึงกลาวคําวาอวิชฺชาย เตฺวว อเสสวิราคนิโรธา สงฺขารนิโรโธ เปนตน. ในคํานั้นพึงทราบวินิจฉัยดังนี้ บทวา อวิชฺชาย เตฺวว ตัดบทวาอวิชฺชาย ตุ เอว. บทวา อเสสวิราคนิโรธา มีความวา เพราะดับไมเหลือดวยมรรคกลาวคือวิราคะ. บทวา สงฺขารนิโรโธ ไดแก ความดับ คือความไมเกิดขึ้นแหงสังขารทั้งหลาย. ก็แลเพือแสดงวา ความดับแหงวิญญาณ จะมีก็เพราะดับแหง ่สังขารทั้งหลายที่ดับไปแลวอยางนั้น และธรรมทั้งหลายมีวิญญาณเปนตน. จะเปนธรรมที่ดับดีแลวทีเคียว ก็เพราะดับแหงธรรมทั้งหลายมีวิญญาณเปนตนทานจึงกลาวคําวา สงฺขารนิโรธา วิฺาณนิโรโธ เปนตน แลวกลาวคําวา กองทุกขทั้งสิ้นนี้เปนอันดับไปดวยประการอยางนี้. ในบทเหลานั้น บทวา เกวลสฺส ไดแกทงมวลหรือลวน ความวา ั้ปราศจากสัตว. บทวา ทุกขกฺขนฺธสฺส ไดแกกองทุกข. ฺ สองบทวา นิโรโธ โหติ มีความวา ความไมเกิดยอมมี.๑. วิ. ปฺา. ตติยะ. ๑๒๔. ๒. สมฺ. วิ. ๑๖๘.
12.
พระวินัยปฎก มหาวรรค เลม
๔ ภาค ๑ - หนาที่ 12 สองบทวา เอตมตฺถ วิทิตฺวา มีความวา เนื้อความนี้ใดที่พระ-ธรรมสังคาหกาจารยกลาววา กองทุกขมีสังขารเปนตน เปนอันเกิคขึ้นดวยอํานาจแหงปจจัยมีอวิชชาเปนตน และเปนอันดับไปดวยอํานาจดับแหงปจจัยมีอวิชชาเปนตนดังนี้ ทรงทราบเนื้อความนั้นดวยอาการทั้งปวง. สองบทวา ตาย เวลาย ไดแก ในเวลาทีทรงทราบเนื้อความนั้น ๆ. ่ บทวา อิม อุทาน อุทาเนสิ มีความวา ทรงเปลงอุทานชึ่งมีญาณอันสัมปยุตดวยโสมนัสเปนเดนเกิด มีคําวา ยทา ทเว ปาตุภวนฺติเปนตน ซึ่งแสดงอานุภาพแหงความทรงทราบเหตุและธรรมที่เกิดแตเหตุ ในเนื้อความที่ทรงทราบแลวนั้น มีคําอธิบายวา ทรงเปลงพระวาจาแสดงความเบิกบานพระหฤทัย. เนื้อความแหงอุทานนั้นวา บทวา ยทา หเว ไดแก ในกาลใดแล. บทวา ปาตุภวนฺติ ไดแก ยอมเกิด. โพธิปกขิยธรรม ซึ่งใหสําเร็จความตรัสรูปจจยาการโดยอนุโลม ชื่อวาธรรม. อีกอยางหนึ่ง บทวา ปาตุภวนฺติ มีความวา แจมแจง คือเปนของชัดเจน ปรากฏดวยอํานาจความรูตรัสรู. ธรรมคืออริยสัจ ๔ ชื่อวาธรรม.ความเพียรเรียกวา อาตาปะ เพราะอรรถวายางกิเลสใหรอน. บทวา อาตาปโน ไดแก ผูมีความเพียรอันบุคคลพึงตั้งไวชอบ. บทวา ฌายโต มีความวา ผูเพงดวยฌาน ๒ คือ ดวยการกําหนดคืออารัมมณูปนิชฌาน ๑ ดวยการกําหนดคือลักขณูปนิชฌาน ๑. บทวา พฺราหฺมณสฺส ไดแก พระขีณาสพผูลอยบาปแลว. หลายบทวา อถสฺส กงฺขา วปยนฺติ มีความวา เมื่อนั้นความสงสัยของพราหมณนั้น คือผูมีธรรมปรากฏแลวอยางนั้นยอมสิ้นไป.
13.
พระวินัยปฎก มหาวรรค เลม
๔ ภาค ๑ - หนาที่ 13 บทวา สพฺพา มีความวา ความสงสัยในปจจยาการที่ทานกลาวไวโดยนัยเปนตนวา เมื่อเขาถามวา ใครเลาหนอ ? ยอมถูกตองพระเจาขา พระ-ผูมีพระภาคเจาไดตรัสวา ปญหาไมสมควรแก ดังนี้ และโดยนัยเปนตนวา ๑เมื่อเขาถามวา ขาแตพระองคผูเจริญก็ชราและมรณะเปนอยางไรหนอ. ก็แลชราและมรณะนี้จะมีแกใคร ?. พระผูมีพระภาคเจาไดตรัสวา ปญหาไมสมควรแก. ดังนี้ และความสงสัย ๑๖ อยางเปนตนวา ในอดีตกาลเราไดมีแลว ๒หรือหนอ ? ซึ่งมาแลวเพราะยังไมไดตรัสรูปจจยาการนั่นเอง (เหลานี้) ทั้งหมดยอมสิ้นไป คือยอมปราศจากไป ยอมดับไป. เพราะเหตุไร ? เพราะเหตุที่มาทราบธรรมพรอมทั้งเหตุ. มีอธิบายวา เพราะทราบ คือทราบชัด ตรัสรูธรรมคือกองทุกขทั้งมวล มีสังขารเปนตนพรอมทั้งเหตุ ดวยเหตุมีอวิชชาเปนตน. พึงทราบวินิจฉัยในทุติยวาร:- สามบทวา อิม อุทาน อิทาเนสิ มีความวา ทรงเปลงอุทานมีประการดังกลาวแลวนี้ ซึ่งแสดงอานุภาพแหงความตรัสรู ความสิ้นปจจัยกลาวคือนิพพานซึ่งปรากฏแลวอยางนี้วา อวิชฺชาย เตฺวว อเสสวิราคนิโรธาสงฺขารนิโรโธ ในเนื้อความที่ทรงทราบแลวนั้น. ความสังเขปในอุทานนั้นดังนี้ตอไปนี้:- เพราะไดรู คือไดทราบชัดไดตรัสรูนิพพานกลาวคือความสิ้นปจจัยทั้งหลาย เมื่อใดธรรมทั้งหลายมีประการดังกลาวแลวปรากฏแกพราหมณนั้นผูมีเพียรเพงอยู เมื่อนั้น ความสงสัยทุกอยางที่จะพึงเกิดขึ้นเพราะไมรูนิพพานยอมสิ้นไป.๑. ส. นิ. ๑๖ /ขอ ๓๓ ๒. ส. นิ. ๑๖/ขอ ๑๒๙
14.
พระวินัยปฎก มหาวรรค เลม
๔ ภาค ๑ - หนาที่ 14 พึงทราบวินิจฉัยในตติยวาร:- สามบทวา อิม อุทาน อุทาเนสิ มีความวา ทรงเปลงอุทานมีประการดังกลาวแลวนี้ ซึ่งแสดงอานุภาพแหงอริยมรรคที่เปนเหตุ ทรงทราบเนื้อความกลาวคือความเกิดและความดับแหงกองทุกขนั้น ดวยอํานาจกิจและดวยทําใหเปนอารมณ. ความสังเขปในอุทานนั้นดังตอไปนี้:- เมือใดแล ธรรมทั้งหลาย ่ปรากฏแกพราหมณผูมีเพียรเพงอยู เมื่อนั้น พราหมณนั้นยอมกําจัด เสนามารดวยโพธิปกขิยธรรมซึ่งเกิดแลวเหลานั้น หรือดวยอริยมรรคเปนเครื่องปรากฏแหงจตุสัจจธรรมาดํารงอยู ขอวา วิธูปย ติฏติ มารเสน ความวา ยอมกําจัด คือผจญ ปราบเสนามาร มีประการดังกลาวแลว โดยนัยเปนตนวา การทั้งหลาย เปนเสนาที่ ๑ ของทานดังนี้ ดํารงอยู. ๑ ถามวา กําจัดอยางไร ? ตอบวา เหมือนพระอาทิตยสองอากาศใหสวางฉะนั้น. อธิบายวา พระอาทิตยขึ้นไปแลว เมื่อสองอากาศใหสวางดวยรัศมีของตนแล ชื่อวากําจัดมืดเสีย ขอนี้ฉันใด. พราหมณแมนั้นเมื่อตรัสรูสัจจะทั้งหลายดวยธรรมเหลานั้นหรือดวยมรรคนั้นแล ชื่อวากําจัดเสนามารเสียได ขอนี้ก็ฉันนั้น เพราะฉะนั้น ผูศึกษาพึงทราบสันนิษฐานวาใน ๓ อุทานนี้ อุทานที่ ๑ เกิดขึ้นดวยอํานาจความพิจารณาปจจยาการ อุทานที่ ๒ เกิดขึ้นดวยอํานาจความพิจารณาพระนิพพาน อุทานที่ ๓ เกิดขึ้นดวยอํานาจความพิจารณามรรค ดวยประการฉะนี้.๑. ขุ. สุ. ๒๕/ขอ ๓๕๕.
15.
พระวินัยปฎก มหาวรรค เลม
๔ ภาค ๑ - หนาที่ 15 สวนในอุทาน ทานกลาววา ทรงพิจารณา ปฏิจจสมุปบาท โดย ๑อนุโลมตลอดยามตนแหงราตรี โดยปฏิโลมตลอดยามที่ ๒ โดยอนุโลมและปฏิ-โลมตลอดยามที่ ๓ คํานั้นทานกลาวหมายเอามนสิการที่พระผูมีพระภาคเจาทรงใหเกิดขึ้นตลอดราตรี ดวยทรงตั้งพระหฤทัยวา พรุงนี้เราจักลุกจากอาสนะเพราะครบ ๗ วัน. จริงอยู ครั้งนั้น พระผูมีพระภาคเจา ไดทรงพิจารณาสวนอันหนึ่ง ๆ เทานั้น ตลอดปฐมยาม และมัชฌิมยาม ดวยอํานาจแหงความทราบชัดซึ่งปจจยาการ และความบรรลุความสิ้นปจจัย ซึ่งมีอานุภาพอันอุทานคาถา๒ เบื้องตนแสดงไว แตในที่นี้ พระผูมีพระภาคเจาไดทรงพิจารณาอยางนั้นในราตรีวันปาฏิบท. จริงอยู ในราตรีเพ็ญวิสาขมาส พระผูมีพระภาคเจาทรงระลึกปุพเพนิวาสในปฐมยาม ทรงชําระทิพยจักษุในมัชฌิยามทรงพิจารณาปฏิจจสมุปบาทโดยอนุโลมและปฏิโลมในปจฉิมยาม ทรงบรรลุความเปนพระสัพพัญูในขณะที่จะพึงกลาววา อรุณจักขึ้นเดี๋ยวนี้. อรุณขึ้นในเวลาติดตอกับเวลาที่ไดทรงบรรลุความเปนพระสัพพัญูทีเดียว. แตนั้นพระองคทรงปลอยวันนั้นใหผานพนไปดวยการนั่งขัดสมาธิฉะนั้นแล แลวทรงพิจารณาอยางนั้นเปลงอุทานเหลานั้น ในยามทั้ง ๓ แหงราตรีวันปาฏิบทที่ถึงพรอมแลว. พระผูมีพระภาคเจาทรงพิจารณาอยางนั้นในราตรีวันปาฏิบท ให ๗ วันที่ทานกลาวอยางนี้วา ประทับนั่งดวยบัลลังกอันเดียว ที่โพธิรกขมูลตลอด ๗ วัน. นัน ุ ้ผานพนไปที่โพธิรุกขมูลนั้นแล ดวยประการฉะนี้แล. อรรถกถาโพธิกถา จบ๑. ขุ. อุ. ๒๕/๓๘
16.
พระวินัยปฎก มหาวรรค เลม
๔ ภาค ๑ - หนาที่ 16 อชปาลนิโครธกถา เรืองพราหมณหุหุกชาติ ่ [๔] ครั้นลวง ๗ วัน พระผูมีพระภาคเจาทรงออกจากสมาธินั้นเสด็จจากควงไมโพธิพฤกษเขาไปยังตนไมอชปาลนิโครธ แลวประทับนั่งดวยบัลลังกเดียวเสวยวิมุตติสุข ณ ควงไมอชปาลนิโครธตลอด ๗ วัน. ครั้งนั้น พราหมณหุหุกชาติคนหนึ่ง ไดไปในพุทธสํานัก ครั้นถึงแลวไดทูลปราศรัยกับพระผูมีพระภาคเจา ครั้นผานการทูลปราศรัยพอใหเปนที่บันเทิง เปนที่ระลึกถึงกันไปแลว ไดยืนอยู ณ ที่ควรสวนขางหนึ่ง พราหมณนั้นครั้นไดยืนอยู ณ ที่ควรสวนขางหนึ่งแลว ไดกราบทูลคํานี้ แดพระผูมีพระภาคเจาวา ทานพระโคตม บุคคลชื่อวาเปนพราหมณ ดวยเหตุเพียงเทาไรหนอ ก็แลธรรมเหลาไหนทําบุคคลใหเปนพราหมณ. ลําดับนั้น พระผูมีพระภาคเจาทรงทราบเนื้อความนั้นแลว จึงทรง เปลงอุทานนี้ในเวลานั้น วาดังนี้. พุทธอุทานคาถา พราหมณใดมีบาปธรรมอันลอยเสีย แลว ไมตวาดผูอื่นวา หึหึ ไมมีกิเลสดุจน้ํา ฝาด มีตนสํารวมแลว ถึงที่สุดแหงเวท มี พรหมจรรยอยูจบแลว พราหมณนั้นไมมี กิเลสเครื่องฟูขึ้น ในอารมณไหน ๆ ในโลก ควรกลาวถอยคําวา ตนเปนพราหมณโดย ธรรม. อชปาลนิโครธกถา จบ
17.
พระวินัยปฎก มหาวรรค เลม
๔ ภาค ๑ - หนาที่ 17 อรรถกถาอชปาลนิโครธกถา ในคําวา อถ โข ภควา ตสฺส สตฺตาหสฺส อจฺจเยน ตมฺหาสมาธิมฺหา วุฏหิตฺวา โพธรุกฺขมูลา, เยน อชปาลนิโคตรโธ เตนุป-สงฺกมิ นี้ ผูศึกษาพึงทราบวินิจฉัยดังนี้:- พระผูมีพระภาคเจาออกจากสมาธินั้นแลว เสด็จเขาไปที่ตนอชปาล-นิโครธ จากโคนโพธิพฤกษ ในทันทีทีเดียวหามิได เหมือนอยางวาในคําที่พูดกัน วา ผูนี้กินแลวก็นอน จะไดมีคําอธิบายอยางนี้วา เขาไมลางมือ ไมบวนปาก ไมไปใกลที่นอน ไมทําการเจรจาปราศรัยอะไรบาง อยางอื่น แลวนอน หามิได แตในคํานี้มีความหมายที่ผูกลาวแสดงดังนี้วา เขานอนภายหลังแตการรับประทาน เขาไมไดนอนหามิได ขอนี้ฉันใด แมในคํานี้ ก็ฉันนั้นจะไดคําอธิบายวา พระผูมีพระภาคเจาออกจากสมาธินั้นแลว เสด็จหลีกไปในทันทีทีเดียว หามิได ที่แทในคํานี้ มีความหมายที่ทานผูกลาวแสดงดังนี้ วาพระองคเสด็จหลีกไปภายหลังแตการออก ไมไดเสด็จหลีกไปหามิได. ถามวา ก็พระผูมพระภาคเจาไมเสด็จหลีกไปในตนทีแลว ไดทรงทํา ีอะไรเลา ?. ตอบวา ไดทรงให ๓ สัปดาหแมอื่นอีกผานพนไปในประเทศใกลเคียงโพธิพฤกษนั่นเอง. ในขอนั้น มีอนุปพพีกถาดังนี้:- ไดยินวา เมื่อพระผูมีพระภาคเจา ุไดตรัสรูเปนพระพุทธเจาแลว ประทับนั่งดวยการนั่งชัดสมาธิอันเดียว สัปดาห๑ เทวดาบางพวกเกิดความแคลงใจขึ้นวา พระผูมีพระภาคเจาไมเสด็จลุกขึ้นธรรมที่ทําความเปนพระพุทธเจา แมอื่น จะมีอีกละกระมัง ? ลําดับนั้น พระ
18.
พระวินัยปฎก มหาวรรค เลม
๔ ภาค ๑ - หนาที่ 18ผูมีพระภาคเจาออกจากสมาบัติในวันที่ ๘ ทรงทราบความแคลงใจของเหลาเทวดา เพื่อตัดความแคลงใจจึงทรงเหาะขึ้นไปในอากาศ แสดงยมกปาฏิหาริยกําจัดความแคลงใจของเหลาเทวดาเหลานั้นแลว ประทับยืนจองดูดวยพระเนตรมิไดกระพริบ ซึ่งพระบังลังก และโพธิพฤกษ อันเปนสถานที่บรรลุผลแหงพระบารมีที่ทรงสรางมาตลอด ๔ อสงไขยยิ่งดวยแสนกัลป ใหสัปดาห ๑ ผานพนไปทางดานทิศอุดรเฉียงไปทางทิศปราจีนหนอยหนึ่ง (ทิศอีสาน) แตพระบัลลังก สถานที่นั้น ชื่ออนิมมิสเจดีย ลําดับนั้น เสด็จจงกรม ณ รัตนจงกรมอันยาวยืดไปขางหนาและขางหลังระหวางพระบัลลังกกับที่เสด็จประทับยืน (อนิมมิสเจดีย) สัปคาห ๑ ผานพนไป. สถานที่นั้น ชื่อรัตนจงกรมเจดีย. ตอจากนั้น เทวดาทั้งหลายนิรมิตเรือนแกวขึ้นทางดานทิศประจิม พระผูมีพระภาคเจาเสด็จนั่งขัดสมาธิ ณ เรือนแกวนั้น ทรงพิจารณาอภิธรรมปฏกคือสมันตปฏฐาน ซึ่งมีนัยไมสิ้นสุดในอภิธรรมปฏกนี้ โดยพิสดารใหสัปดาห ๑ผานพนไป. สถานที่นั้น ชื่อรัตนฆรเจดีย. พระผูมีพระภาคเจาให ๔ สัปดาหผานพนไป ในประเทศใกลเคียงโพธิพฤกษนั่นเอง จึงในสัปดาหคํารบ ๕ เสด็จจากโคนโพธิพฤกษเขาไปที่ตนอชปาลนิโครธ ดวยประการฉะนี้. ไดยินวา คนเลี้ยงแพะไปนั่งที่รมเงาแหงตนนิโครธนั้น เพราะเหตุนั้น ตนนิโครธจึงเกิดชื่อวา อชปาลนิโครธ. สองบทวา สตฺตาห วิมุตฺติสขปฏิสเวที มีความวา เมื่อทรง ุพิจารณาธรรมอยูที่ตนอชปาลนิโครธแมนั้นนั่นแล ชื่อวาประทับเสวยวิมุตติสุขตนไมนั้น อยูดานทิศตะวันออกจากตนโพธิ. ก็แลเมื่อพระผูมีพระภาคเจา
19.
พระวินัยปฎก มหาวรรค เลม
๔ ภาค ๑ - หนาที่ 19ประทับนั่งอยางนั้นที่ตนอชปาลนิโครธนี้ พราหมณคนหนึ่งไดมาทูลถามปญหากะพระองค. เพราะเหตุนั้น พระธรรมสังคาหกาจารยจึงกลาวคําวา อถ โขอฺตโร เปนตน. บรรดาบทเหลานั้น บทวา หุหกชาติโก มีความวา ไดยินวา ุพราหมณนั้น ชื่อทิฏฐมังคลิกะ เที่ยวตวาดวา หึหึ ดวยอํานาจความถือตัว และดวยอํานาจความโกรธ เพราะฉะนั้น เขาจึงเรียกแกวา พราหมณหุงหุงกะชาติบางอาจารยก็กลาววา พราหมณหุหุกชาติบาง. สองบทวา เอตมตฺถ วิทิตฺวา มีความวา พระผูมีพระภาคเจาทรงทราบใจความสําคัญแหงคําที่แกกลาวนั้น จึงทรงเปลงอุทานนี้ในเวลานั้น. เนื้อความแหงอุทานนั้นวา พราหมณใด ชื่อวาเปนพราหมณเพราะมีบาปธรรมอันลอยเสียแลว จึงไดเปนผูประกอบดวยบาปธรรมมีกิเลสเปนเครื่องขูผูอื่นวา หึหึ และกิเลสดุจน้ําฝากเปนตน เพราะดาที่มาถือวา สิ่งที่เห็นแลวเปนมงคล ปฏิญาณขอที่ตนเปนพราหมณดวยเหตุสักวาชาติอยางเดียวหามิได พราหมณนั้น ชื่อวาเปนผูมีบาปธรรมอันลอยแลว เพราะเปนผูลอยบาปธรรมเสีย ชื่อวาผูไมมีกิเลสเปนเครื่องขูผูอื่นวา หึหึ เพราะมาละกิเลสเปนเครื่องขูผูอื่นวา หึหึ เสียได ชื่อวาผูไมมีกิเลสดุจนาฝาด เพราะไมมีกิเลสดุจน้ําฝาดมีราคะเปนตน ชื่อวามีตนสํารวมแลว เพราะเปนผูมีจิตประกอบดวยภาวนานุโยค อนึ่ง ชื่อวาผูมีตนสํารวมแลว เพราะเปนผูมีจิตสํารวมแลวดวยศีลสังวร ชือวาผูจบเวทแลว เพราะเปนผูถึงทีสุดดวยเวททั้งหลาย กลาวคือ ่จตุมรรคญาณ หรือเพราะเปนผูเรียนจบไตรเพท ชื่อวาผูจบพรหมจรรยแลวเพราะพรหมจรรยคือมรรค ๔ อันตนไดอยูเสร็จแลว.
20.
พระวินัยปฎก มหาวรรค เลม
๔ ภาค ๑ - หนาที่ 20 บาทพระคาถาวา ธมฺเมน โส พฺรหฺมวาท วเทยฺย มีความวากิเลสเครื่องฟูขึ้น ๕ อยางนี้ คือ ราคะ โทสะ โมหะ มานะ ทิฏฐิ ในเพราะอารมณนอยหนึ่ง คือวา แมในเพราะอารมณอยางหนึ่ง ในโลกทั้งมวลไมมีแกพราหมณใด พราหมณนั้นโดยทางธรรม ควรกลาววาทะนี้วา เราเปนพราหมณ. เมฆที่เกิดขึ้นในเมื่อยังไมถึงฤดูฝน ชื่อวา อกาลเมฆ ก็แลเมฆนี้เกิดขึ้นในเดือนทายแหงฤดูรอน. บทวา สตฺตาหวทฺทลิกา มีความวา เมื่ออกาลเมฆนั้นเกิดขึ้นแลวไดมีฝนตกพรําตลอด ๗ วัน. บทวา สีตวาตทุทฺทินี มีความวา ก็แลฝนตกพรําตลอด ๗ วันนั้นไดชื่อวา ฝนเจือลมหนาว เพราะเปนวันที่ลมหนาวเจือเม็ดฝนพัดวนไปโดยรอบโกรกแลว. อรรถกถาอชปาลนิโครธกถา จบ มุจจลินทกถา เรื่องมุจลินทนาคราช [๕] ครั้นลวง ๗ วัน พระผูมีพระภาคเจาทรงออกจากสมาธินั้นเสด็จจากควงไมอชปาลนิโครธเขาไปยังตนไมมุจจลินท แลวประทับนั่งดวยบัลลังกเดียวเสวยวิมุตติสุข ณ ควงไมมุจจลินทตลอด ๗ วัน ครั้งนั้น เมฆใหญในสมัยมิใชฤดูกาลตั้งขึ้นแลว ฝนตกพรําเจือดวยลมหนาว ตลอด ๗ วัน ครังนั้น มุจจลินทนาคราชออกจากที่อยูของตนไดแวด ้วงพระกายพระผูมีพระภาคเจาดวยขนด ๗ รอบ ไดแผพังพานใหญเหนือพระ-
21.
พระวินัยปฎก มหาวรรค เลม
๔ ภาค ๑ - หนาที่ 21เศียรสถิตอยูดวยหวังใจวา ความรอน อยาเบียดเบียนพระผูมีพระภาคเจาสัมผัสแหงเหลือบ ยุง ลม แดด และสัตวเลื้อยคลาน อยาเบียดเบียนพระผูมีพระภาคเจา ครั้นลวง ๗ วัน มุจจลินทนาคราชรูวา อากาศปลอดโปรงปราศจากฝนแลว จึงคลายขนดจากพระกายของพระผูมีพระภาคเจา จําแลงรูปของตนเปนเพศมาณพ ไดยืนประคองอัญชลีถวายมันสการพระผูมีพระภาคเจาทางเบื้องพระพักตรพระผูมีพระภาคเจา. ลําดับนั้น พระผูมีพระภาคเจาทรงทราบเนื้อความนั้นแลว จึงทรง เปลงอุทานนี้ในเวลานั้น วาดังนี้:- พุทธอุทานกถา ความสงัดเปนสุขของบุคคลผูสันโดษ มีธรรมปรากฏแลว เห็นอยู ความไมพยาบาท คือความสํารวมในสัตวทั้งหลาย เปนสุขใน โลก ความปราศจากกําหนัด คือความลวง กามทั้งหลายเสียได เปนสุขในโลก การกํา จัดอัสมิมานะเสียไดนั้นแล เปนสุขอยางยิ่ง. มุจจลินทกถา จบ
22.
พระวินัยปฎก มหาวรรค เลม
๔ ภาค ๑ - หนาที่ 22 อรรถกถามุจจลินทกลา หลายบทวา อถ โข มุจฺจลินฺโท นาคราชา มีความวา พระยานาคผูมีอานุภาพใหญ เกิดขึ้นที่สระโบกรณีใกลตนไมจิกนั่นเอง. หลายบทวา สตฺตกฺขตฺตุ โภเคหิ ปริกขปตฺวา มีความวา ฺ ิเมื่อพระยานาคนั้นวงรอบพระกาย ดวยขนด ๗ รอบ แผพงพานใหญปก ัเบื้องบนพระเศียรอยูอยางนั้น รวมในแหงวงขนดของพระยานาคนั้น มีประมาณเทาหองเรือนคลังในโลหปราสาท, เพราะเหตุนั้น พระผูมีพระภาคเจาจึงเปนเหมือนประทับนั่งในปราสาทอันอับลม มีประตูหนาตางปด. คําวา มา ภควนฺต สีต เปนตน แสดงเหตุที่พระนาคนั้นทําอยางนั้น. จริงอยู พระยานาคนั้นไดทําอยางนั้น ก็ดวยตั้งใจวา หนาวอยาไดเบียดเบียนพระผูมีพระภาคเจา. รอนอยาไดเบียดเบียนพระผูมพระภาคเจา ีและสัมผัสเหลือบเปนตน อยาไดเบียดเบียนพระผูมีพระภาคเจา อันที่จริงเมื่อมีฝนตกพรําตลอด ๗ วัน ในที่นั้น ไมมความรอนเลย. ถึงอยางนั้น ีก็สมควรที่พระยานาคนั้นจะคิดอยางนี้วา ถาเมฆจะหายไประหวาง ๆ ความรอนคงจะมี แมความรอนนั้นอยาไดเบียดเบียนพระองคเลย. บทวา วทฺธ ไดแก หายแลว อธิบายวา เปนของมีไกลเพราะหมดเมฆ. บทวา วิคตวลาหก ไดแก ปราศจากเมฆ. บทวา เทว ไดแก อากาศ. บทวา สกวณฺณ ไดแก รูปของตน.
23.
พระวินัยปฎก มหาวรรค เลม
๔ ภาค ๑ - หนาที่ 23 สองบทวา สุโข วิเวโก มีความวา อุปธิวิเวก กลาวคือ นิพพานเปนสุข. บทวา ตุฏสฺส มีความวา ผูสันโดษดวยความยินดีในจตุมรรคญาณ. บทวา สุต ธมฺมสฺส ไดแก ผูมีธรรมปรากฏแลว. ๑ บทวา ปสฺสโต มีความวา ผูเห็นอยูซึ่งวิเวกนั้น หรือธรรมอยางใดยางหนึ่งซึ่งจะพึงเห็นไดทั้งหมด ดวยดวงตาคือญาณ ซึ่งไดบรรลุดวยกําลังความเพียรของตน. ความไมเกรี้ยวกราดกัน ชื่อวาความไมเบียดเบียนกัน. ธรรมเปนสวนเบื้องตนแหงเมตตา พระผูมพระภาคเจาทรงแสดงดวย ีบทวา ความไมเบียนเบียดนั้น. สองบทวา ปาณภูเตสุ สฺโม มีความวา และความสํารวมในสัตวทั้งหลาย อธิบายวา ความที่ไมเบียดเบียนกัน เปนความสุข. ธรรมเปนสวนเบื้องตน แหงกรุณา พระผูมีพระภาคเจาทรงแสดงดวยบทวา ความสํารวมนั้น. บาทคาถาวา สุขา วิราคตา โลเก มีดวามวา แมความปราศจากกําหนัด ก็จัดเปนความสุข. ถามวา ความปราศจากกําหนัดเปนเชนไร ? ตอบวา คือความลวงกามทั้งหลายเสีย. อธิบายวา ความปราศจากกําหนัดอันใด ทีทานเรียกวาความลวงกาม ่ทั้งหลายเสีย แมความปราศจากกําหนัดอันนั้น ก็จัดเปนความสุข. อนาคามิ-มรรค พระผูมีพระภาคเจาตรัสดวยบทวา ความปราศจากกําหนัดนั้น.๑. สุต ศัพทในที่นี้ ทานใหแปลวา ปรากฏ. เชนอางไวใน สุมงฺคลวิลาสินี ภาค ๑ หนา ๓๗.
24.
พระวินัยปฎก มหาวรรค เลม
๔ ภาค ๑ - หนาที่ 24 สวนพระอรหัต พระผูมีพระภาคเจาตรัสดวยคํานี้วา ความกําจัดอัสมิมานะเสีย. จริงอยู พระอรหัตทานกลาววาเปนความกําจัดดวยระงับอัสมิมานะ. ก็ขึ้นชื่อวาสุขอื่นจากพระอรหัตนี้ไมมี เพราะเหตุนั้น พระผูมี-พระภาคเจาจึงตรัสวา ขอนี้แลเปนสุขอยางยิ่ง. อรรถกถามุจจสินทกถา จบ ราชายตนกถา เรืองตปุสสะภัลลิะ ๒ พอคา ่ [๖] ครั้นลวง ๗ วัน พระผูมีพระภาคเจาทรงออกจากสมาธินั้นแลวเสด็จจากควงไมมุจจลินท เขาไปยังตนไมราชายตนะ แลวประทับนั่งดวยบัลลังกเดียว เสวยวิมุตติสุข ณ ควงไมราชายตนะ ตลอด ๗ วัน ก็สมัยนั้น พอคาชื่อตปุสสะ ๑ ภัลลิกะ ๑ เดินทางไกลจากอุกกลชนบทถึงตําบลนั้น ครั้งนั้น เทพดาผูเปนญาติสาโลหิตของตปุสสะภัลลิกะ ๒ พอคาไดกลาวคํานี้กะ ๒ พอคานั้นวา ดูกอนทานผูนิรทุกข พระผูมีพระภาคเจา พระองคนี้ แรกตรัสรู ประทับอยู ณ ควงไมราชายตนะ ทานทั้งสองจงไปบูชาพระผูมีพระภาคเจานั้น ดวยสัตตุผง และ สัตตุกอน การบูชาของทานทั้งสองนั้น จักเปนไปเพื่อประโยชนและความสุขแกทานทั้งหลายตลอดกาลนาน. ครั้งนั้น พอคาชื่อตปุสสะ และภัลลิกะ ถือสัตตุผงและสัตตุกอนเขาไปเฝาพระผูมีพระภาคเจาแลวถวายบังคม ไดยีนอยู ณ ที่ควรสวนขางหนึ่งสองพอคานั้นครั้นยืนอยู ณ ที่ควรสวนขางหนึ่งแลว ครั้นแลวไดทูลคํานี้แค
25.
พระวินัยปฎก มหาวรรค เลม
๔ ภาค ๑ - หนาที่ 25พระผูมีพระภาคเจาวา พระพุทธเจาขา ขอพระผูพระภาคเจาจงทรงรับสัตตุผงสัตตุกอนของขาพระพุทธเจาทั้งสอง ซึ่งจะเปนไปเพื่อประโยชนเพื่อความสุขแกขาพระพุทธเจาทั้งหลายตลอดกาลนาน ขณะนั้น พระผูมีพระภาคเจาไดทรงปริวิตกวา พระตถาคตทั้งหลาย ไมรับวัตถุดวยมือ เราจะพึงรับสัตตุผง และสัตตุกอนดวยอะไรหนอ. ลําดับนั้น ทาวมหาราชทั้ง ๔ องค ทรงทราบพรูปริวิตกแหงจิตของพระผูมีพระภาคเจาดวยใจของตนแลว เสด็จมาจาก ๔ ทิศ ทรงนําบาตรที่สําเร็จดวยศิลา ๔ ใบเขาไปถวายพระผูมีพระภาคเจา กราบทูลวา ขอพระผูมีพระ-ภาคเจาจงทรงรับสัตตุผงและสัตตุกอนดวยบาตรนี้ พระพุทธเจาขา. พระผูมีพระภาคเจาทรงใชบาตรสําเร็จดวยศิลาอันใหมเอี่ยม รับสัตตุผงและสัตตุกอน แลวเสวย. ครั้งนั้น พอคาตปุสสะและภัลลิกะ ไดทูลคํานี้แดพระผูมีพระภาคเจาวา พระพุทธเจาขา ขาพระพุทธเจาทั้งสองนี้ ขอถึงพระผูมีพระภาคเจาและและพระธรรมวา เปนสรณะ ขอพระผูมีพระภาคเจาจงทรงจําขาพระพุทธเจาทั้งสองวาเปนอุบายสกผูมอบชีวิตถึงสรณะ จําเดิมแตวันนี้เปนตนไป. ก็นายพาณิชสองคนนั้น ไดเปนอุบายสกลาวอาง ๒ รัตนะ เปนชุดแรกในโลก. ราชายตนกถา จบ
26.
พระวินัยปฎก มหาวรรค เลม
๔ ภาค ๑ - หนาที่ 26 อรรถกถาราชายตนกถา บทวา มุจฺจลินฺทมูลา ไดแก จากโคนตนไมจิก ซึ่งทั้งอยูในแถบทิศปราจีนแตมหาโพธิ์. บทวา ราชายตน มีความวา เสด็จเขาไปยังโคนไมเกต ซึ่งตั้งอยูดานทิศทักษิณ. ขอวา เตน โข ปน สมเยน มีคําถามวา โดยสมัยไหน ?ตอบวา เมื่อพระผูมีพระภาคเจาประทับนั่งดวยการนั่งขัดสมาธิอยางเดียวตลอด๗ วันที่โคนตนไมเกต ทาวสักกเทวราชทรงทราบวา ตองมีกิจเนื่องดวยพระกระยาหาร จึงทรงนอมถวายผลสมอเปนพระโอสถ ในเวลาอรุณขึ้น ณ วันที่ทรงออกจากสมาธิทีเดียว. พระผูมีพระภาคเจาเสวยผลสมอพระโอสถนั้น พอเสวยเสร็จเทานั้น ก็ไดมกิจเนื่องดวยพระสรีระ ทาวสักกะไดถวายน้ําบวนพระ ีโอษฐแลว. พระผูมีพระภาคเจาทรงบวนพระโอษฐแลวประทับนั่งที่โคนตนไมนั้นนั่นแล. เมื่อพระผูมีพระภาคเจาประทับนั่งในเมื่ออรุณขึ้นแลว ดวยประการอยางนั้น. ก็โดยสมัยนั้นแล. สองบทวา ตปุสฺสภลฺลกา วาณิชา ไดแก พานิชสองพี่นอง คือตปุสสะ ๑ ภัลลิกะ ๑. บทวา อุกฺกลา ไดแก จากอุกกลชนบท. สองบทวา ต เทส มีความวา สูประเทศเปนที่เสด็จอยูของพระผูมีพระภาคเจา. ถามวา ก็พระผูมพระภาคเจาเสด็จอยูในประเทศไหนเลา ? ี
27.
พระวินัยปฎก มหาวรรค เลม
๔ ภาค ๑ - หนาที่ 27 ตอบวา ในมัชฌิมประเทศ. เพราะฉะนั้น ในคํานี้จึงมีเนื้อความดังนี้สองพานิชนั้น เปนผูเดินทางไกล เพื่อไปยังมัชฌิมประเทศ. สองบทวา าติสาโลหิตา เทวตา ไดแก เทวดาผูเคยเปนญาติของสองพานิชนั้น. สองบทวา เอตทโวจ มีความวา ไดยินวา เทวดานั้น ไดบันดาลใหเกวียนทั้งหมดของพานิชนั้นหยุด. ลําดับนั้น เขาทั้งสองมาใครครวญดูวานี่เปนเหตุอะไรกัน ? จึงไดทําพลีกรรมแกเทวดาผูเปนเจาทางทั้งหลาย. ในเวลาทําพลีกรรมของเขา เทวดานั้นสําแดงกายใหเห็น ไดกลาวคํานี้. สองบทวา มนฺเถน จ มธุปณฺฑิกาย จ ไดแก ขาวสัตตุผง และ ขาวสัตตุกอน ปรุงดวยเนยใสน้ําผึ้งและน้ําตาลเปนตน . บทวา ปฏิมาเนถ ไดแก จงบํารุง. สองบทวา ต โว มีความวา ความบํารุงนั้น จักมีเพื่อประโยชนเกื้อกูลเพื่อความสุขแกทานทั้งหลายตลอดกาลนาน. สองบทวา ย อมฺหาก มีความวา การรับอันใดจะพึงมีเพื่อประโยชนเกื้อกูลเพื่อความสุขแกเหลาขาพระองคตลอดกาลนาน. สองบทวา ภควโต เอตทโหสิ มีความวา ไดยินวา บาตรใดของพระองคไดมีในเวลาทรงประกอบความเพียร บาตรนั้นไดหายไปแตเมื่อนางสุชาดามาถวายขาวปายาส. เพราะเหตุนั้น พระองคจึงไดทรงมีพระรําพึงนี้วา บาตรของเราไมมี ก็แลพระตถาคตทั้งหลายองคกอน ๆ ไมทรงรับดวยพระหัตถเลย. เราจะพึงรับขาวสัตตุผงและขาวสัตตุกอนปรุงน้ําผึ้งดวยอะไรเลาหนอ ?
28.
พระวินัยปฎก มหาวรรค เลม
๔ ภาค ๑ - หนาที่ 28 บทวา ปริวุตกฺกมฺาย มีความวา กระยาหารที่นางสุชาดาถวายแดพระผูมีพระภาคเจาในกาลกอนแตนี้ ยังคงอยูดวยอํานาจที่หลอเลี้ยงโอชะไว ความหิว ความกระหาย ความเปนผูมีกายอิดโรยหาไดมีไม ตลอดกาลเทานี้ ก็บัดนี้พระรําพึงโดยนัยเปนตนวา นโข ตถาคตา ไดเกิดขึ้น ก็เพราะพระองคใครจะทรงรับพระกระยาหาร ทราบพระรําพึงในพระหฤทัยของพระผูมีพระภาคเจาซึ่งเกิดขึ้นอยางนั้นดวยใจของตน. บทวา จตุทฺทิสา คือจาก ๔ ทิศ. สองบทวา เสลมเย ปตฺเต ไดแก บาตรที่แลวดวยศิลามีพรรณคลายถั่วเขียว. พระผูมีพระภาคเจาทรงรับบาตรนแล. คําวาบาตรแลวดวยศิลา ทานกลาวหมายเอาบาตรเหลานี้. ก็ทาวมหาราชทั้ง ๔ ไดนอมถวายบาตรแลวดวยแกวอินทนิล กอน. พระผูมีพระภาคเจาไมทรงรับบาตรเหลานั้น. ๑ลําดับนั้นจึงนอมถวายบาตรแลวดวยศิลา มีพรรณดังถั่วเขียวทั้ง ๔ บาตรนี้.พระผูมีพระภาคเจาไดทรงรับทั้ง ๔ บาตรเพื่อตองการจะรักษาความเลื่อมใสของทาวมหาราชทั้ง ๔ นั้น ไมใชเพราะความมักมาก. ก็แลครั้นทรงรับแลว ไดทรงอธิษฐานบาตรทั้ง ๔ ใหเปนบาตรเดียว ผลบุญแหงทาวเธอทั้ง ๔ ไดเปนเชนเดียวกัน พระผูมีพระภาคเจาทรงรับขาวสัตตุผงและขาวสัตตุกอนปรุงน้ําผึ้งดวยบาตรศิลามีคามาก ที่ทรงอธิษฐานใหเปนบาตรเดียวดวยประการฉะนี้. บทวา ปจฺจคฺเฆ คือ มีคามาก อธิบายวา แตละบาตรมีคามาก. อีกอยางหนึ่ง บทวา ปจฺจคฺเฆ ไดแก ใหมเอี่ยม คือ เพิ่งระบมเสร็จความวา เกิดในขณะนั้น. เขาชื่อวามีวาจาสอง เพราะอรรถวิเคราะหวา ไดเปนผูมีวาจาสอง. อีกอยางหนึ่ง ความวาสองพานิชนั้น ถึงความเปนอุบายสก๑. มีพรรณเขียวเลื่อมประภัสสร ดังแสงปกแมลงทับ ในคําหรับไสยศาสตรชื่อวาแกวมรกต.
29.
พระวินัยปฎก มหาวรรค เลม
๔ ภาค ๑ - หนาที่ 29ดวยวาจาสอง. สองพานิชนั้นครั้นประกาศความเปนอุบายสกอยางนั้นแลว ไดกราบทูลพระผูมีพระภาคเจาวา ทีนี้ ตั้งแตวันนี้ไป ขาพระองคพึงทําการอภิวาทและยืนรับใครเลา พระเจาขา ? พระผูมีพระภาคเจาทรงลูบพระเศียร. พระเกศาติดพระหัตถ ไดประทานพระเกศาเหลานั้น แกเขาทั้งสอง ดวยตรัสวาทานจงรักษาผมเหลานี้ไว. สองพานิชนั้น ไดพระเกศธาตุราวกะไดอภิเษกดวยอมตธรรม รื่นเริงยินดีถวายบังคมพระผูมีพระภาคเจาแลวหลีกไป. อรรถกถาราชายตนกถา จบ อัปโปสสุกกกถา เรื่องความขวนขวายนอย [๗] ครั้นลวง ๗ วัน พระผูมีพระภาคเจาทรงออกจากสมาธินั้น แลวเสด็จจากควงไมราชายตนะ เขาไปยังตนไมอชปาลนิโครธ ทราบวา พระองคประทับอยู ณ ควงไมอชปาลนิโครธนั้น และพระองคเสด็จไปในที่สงัดหลีกเรนอยู ไดมีพระปริวิตกแหงจิตเกิดขึ้นอยางนี้วา ธรรมที่เราไดบรรลุแลวนี้ เปนคุณอันลึกเห็นไดยาก รูตามไดยาก เปนธรรมสงบ ประณีต ไมหยั่งลงสูความตรึก ละเอียดเปนวิสัยที่บัณฑิตจะพึงรูแจง สวนหมูสัตวนี้เริงรมยดวยอาลัยยินดีในอาลัย ชื่นชมในอาลัย ฐานะคือความที่อวิชชาเปนปจจัยแหงสังขารเปนตนนี้ เปนสภาพอาศัยปจจัยเกิดชั้นนี้ อันหมูสัตวผูเริงรมยดวยอาลัย ยินดีในอาลัย. ชื่นชมในอาลัยเห็นไดยาก แมฐานะคือธรรมเปนที่ระงับสังขารทั้งปวงเปนที่สละคืนอุปธิทั้งปวง เปนที่สิ้นตัณหา เปนที่สิ้นกําหนัด เปนที่ดับสนิทหากิเลสเครื่องรอยรัดมิได นี้ก็แสนยากที่จะเห็นได ก็ถาเราจะพึงแสดงธรรม
Descargar ahora