SlideShare a Scribd company logo
1 of 566
Download to read offline
พระสุตตันตปฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 1                          พระสุตตันตปฎก              อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต - ทุกนิบาต                        เลมที่ ๑ ภาคที่ ๒ขอนอบนอมแดพระผูมีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจาพระองคนั้น                           เอตทัคคบาลี                             วรรคที่ ๕                  วาดวยภิกษุณีผูมตําแหนงเลิศ ๑๓ ทาน                                    ี          [๑๕๐] ดูกอนภิกษุทั้งหลาย พระมหาปชาบดีโคตมีภกษุณี เลิศ                                                            ิกวาพวกภิกษุณีสาวิกาของเราผูรูราตรีนาน.       พระเขมาภิกษุณี เลิศกวาพวกภิกษุณีสาวิกาของเราผูมีปญญามาก.       พระอุบลวรรณาภิกษุณี เลิศกวาพวกภิกษุณีสาววิกาของเราผูมีฤทธิ์.       พระปฏาจาราภิกษุณี เลิศกวาพวกภิกษุณีสาวิกาของเราผูทรงวินัย.       พระธรรมทินนาภิกษุณี เลิศกวาพวกภิกษุณีสาวิกาของเราผูเปนธรรมกถึก.       พระนันทาภิกษุณี เลิศกวาพวกภิกษุณีสาวิกาของเราผูยินดีในฌาน.       พระโสณาภิกษุณี เลิศกวาพวกภิกษุณีสาวิกาของเราผูปรารภความเพียร.
พระสุตตันตปฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 2       พระสกุลาภิกษุณี เลิศกวาพวกภิกษุณีสาวิกาของเราผูมีจักษุทิพย.       พระภัททากุณฑลเกสาภิกษุณี เลิศกวาพวกภิกษุณีสาวิกาของเราผูตรัสรูไดเร็วพลัน.       พระภัททกาปลานีภิกษุณี เลิศกวาพวกภิกษุณีสาวิกาของเราผูระลึกชาติกอน ๆ ได.       พระภัททากัจจานาภิกษุณี เลิศกวาพวกภิกษุณีสาวิกาของเราผูไดบรรลุอภิญญาใหญ.       พระกีสาโคตมีภิกษุณี เลิศกวาพวกภิกษุณีสาวิกาของเราผูทรงจีวรเศราหมอง.       พระสิคาลมาตาภิกษุณี เลิศกวาพวกภิกษุณีสาวิกาของเราผูพนจากกิเลสไดดวยศรัทธา.                                   จบวรรคที่ ๕
พระสุตตันตปฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 3                 เถริบาลี               อรรถกถาวรรคที่ ๕                 อรรถกถาสูตรที่ ๑     ๑. ประวัติพระมหาปชาบดีโคตมีเถรี      ในสูตรที่ ๑ นั้น พึงทราบวินิจฉัยดังตอไปนี้.      ดวยบทวา ยทิท มหาปชาปตี โคตมี ทานแสดงวา พระมหาปชาบดีโคตมีเถรี เปนเลิศกวาพวกภิกษุณีสาวิกาผูรูราตรีนาน ในปญหากรรมของทาน มีเรื่องที่จะกลาวตามลําดับ ดังนี้:-      ไดยินวา พระมหาปชาบดีโคตมีนี้ ครั้งพระพุทธเจาพระนามวาปทุมุตตระ ถือปฏิสนธิในเรือนสกุล กรุงหังสวดี สมัยตอมา กําลังฟงพระธรรมเทศนาของพระศาสดา เห็นพระศาสดาทรงสถาปนาภิกษุณีรูปหนึ่งไวในตําแหนงเอตทัคคะเปนเลิศกวาพวกภิกษุณีสาวิกาผูรูราตรีนานก็ทํากุศลใหยิ่งยวดขึ้นไป ปรารถนาตําแหนงนั้น. นางถวายทานรักษาศีลจนตลอดชีวิต จุติจากภพนั้นแลวบังเกิดในเทวโลก จุติจากเทวโลกในพุทธันดรหนึ่งอีก ไปบังเกิดเปนหัวหนาทาสี ในจํานวนทาสี ๕๐๐ คนในกรุงพาราณสี. ครั้งนัน สมัยเขาพรรษา พระปจเจกพุทธเจา ๕๐๐                          ้องค ลงจากเงื้อมเขานันทมูลกะ ไปที่ปาอิสิปตนะ เที่ยวบิณฑบาตในกรุงแลวกลับมาปาอิสิปตนะดําริวา ควรเราจักขอหัตถกรรมงานชางฝมือ เพื่อทํากุฎีสําหรับเขาจําพรรษา. เพราะเหตุไร. เพราะผูจะเขาอยูจําพรรษาในฤดูฝน ทั้งปฏิบัตินาลกปฏิปทา จําตองเขาอยูในเสนาสนะ
ประจํา ที่มงบังดวยเครื่องมุงบัง ๕ อยาง อยางใดอยางหนึ่ง. สมจริง           ุ
พระสุตตันตปฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 4ดังพระพุทธดํารัสนี้วา ดูกอนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไมมีเสนาสนะไมพึงเขาอยูจําพรรษา ภิกษุใดฝาฝน ตองอาบัติทุกกฏ ดังนี้. เพราะเหตุนั้น เมื่อใกลฤดูฝน [เขาพรรษา] ถาไดเสนาสนะนั่นก็บุญละ ถาไมได ก็จําตองแสวงหาหัตถกรรมทํา เมื่อไมไดหัตถกรรม ก็พงทําเสียเอง. ภิกษุไมมี                                                ึเสนาสนะไมควรเขาอยูจําพรรษา. นี้เปนธรรมดาประเพณี. เพราะเหตุนั้นพระปจเจกพุทธเจาเหลานั้นคิดวา เราจําจักตองขอหัตถกรรม จึงหมจีวรเขาไปสูพระนครเวลาเย็น ยืนอยูทประตูเรือนของเศรษฐี. นางทาสี                                      ี่หัวหนา ถือหมอน้ํากําลังเดินไปทาน้ํา เห็นเหลาพระปจเจกพุทธเจาเดินเขาพระนคร เศรษฐีรูเหตุที่พระปจเจกพุทธเจาเหลานั้นมาแลว ก็กลาววาขาพเจาไมมีเวลา โปรดไปเถิด. ลําดับนั้น ทาสีหัวหนา ถือหมอน้ําจะเขาไป เห็นพระปจเจกพุทธเจาเหลานั้นกาลังเดินจากพระนคร จึงลดหมอน้ําลง ไหวอยางนอบนอม เผยปากถามวา ทําไมหนอ พระผูเปนเจาทั้งหลาย พอเขาไปแลวก็ออกไป. ทานตอบวา เราพากันมา ก็เพื่อขอหัตถกรรมงานสรางกุฎีสําหรับอยูจําพรรษา. นางจึงถามวา ไดไหมละเจาขา. ตอบวา ไมไดดอก อุบาสิกา. นางถามวา จําเปนหรือที่คนใหญ ๆ เทานั้นจึงจะทํากุฎีนั้นได หรือแมคนยากจนก็ทําได. ทานตอบวาใครๆ ก็ทําได. นางจึงกลาววา ดีละเจาขา พวกดิฉันจักชวยกันทํา ขอโปรดรับอาหารของดิฉันในวันพรุงนี้ นิมนตแลว ก็ถือหมอน้ําพักไวที่ทางทาน้ําที่มาแลว กลาวกับนางทาสีทั้งหลายวา พวกเจาจงอยูตรงนี้กันนะเวลาที่ทาสีเหลานั้นมา ก็กลาววา พวกเจาทั้งหลาย พวกเราจักทํางานเปนทาสีสําหรับคนอื่นกันตลอดไปหรือ หรือวา อยากจะพนจากการเปนทาสีเขา. เหลาทาสีก็ตอบวา พวกเราอยากพนเสียวันนี้นี่แหละ แมเจา. นาง
พระสุตตันตปฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 5จึงกลาววา ถาอยางนั้น เหลาพระปจเจกพุทธเจา ๕๐๐ องค ที่ยังไมไดหัตถกรรม เราก็นิมนตใหฉันในวันพรุงนี้แลว พวกเจาจงใหสามีของพวกเจา ใหงานหัตถกรรมเสียวันหนึ่ง. เหลาทาสีก็รับวา ดีละ แลวบอกพวกสามี เวลาที่เขาออกมาจากดงเวลาเย็น. สามีเหลานั้นรับปากแลวมาประชุมกัน ที่ประตูเรือนทาสีหัวหนา ครั้งนั้น ทาสีหัวหนาจึงกลาววา พอทั้งหลาย พรุงนี้พวกเจาจงถวายหัตถกรรมแกพระปจเจกพุทธเจาทั้งหลายดวย แลวบอกอานิสงส ขูคนที่ไมอยากจะทําดวยโอวาทอันหนักหนวงใหทุกคนยอมรับ. รุงขึ้น นางถวายอาหารแกเหลาพระปจเจกพุทธเจาแลวใหการนัดหมายแกลูกทาสทุกคน. ทันใดนั้นเอง ลูกทาสเหลานั้นก็พากันเขาปา รวบรวมทัพพสัมภาระแลว สรางกุฎีทีละหลังเปนรอย ๆหลัง จัดบริเวณมีที่จงกรมเปนตน วางเตียง ตั่ง น้ําฉัน น้ําใชเปนตนไว ใหพระปจเจกพุทธเจาทั้งหลายรับปฏิญญาทีจะอยูจําพรรษา ณ ที่นั้น                                              ่ตลอดไตรมาส ใหจัดเวรถวายอาหาร. ทาสีผูใดไมอาจถวายในวันเวรของตนได ทาสีหัวหนาก็นําอาหารจากเรือนตนถวายแทนทาสีผูนั้น. ทาสีหัวหนาบํารุงมาตลอดไตรมาสอยางนี้ ใหทาสีคนหนึ่ง ๆ จัดผาสาฎกคนละผืน. รวนเปนผาสาฎกเนื้อหยาบ ๕๐๐ ผืน. นางใหเปลี่ยนแปสงผาสาฎกเนื้อหยาบเหลานั้น ทําเปนไตรจีวรถวายพระปจเจกพุทธเจา ๕๐๐ องค.พระปจเจกพุทธเจาทั้งหลายไปสูเขาคันธมาทนทางอากาศทั้งที่ทาสีเหลานั้นเห็นอยูนั่นแล.      ทาสีเหลานั้นทุกคนทํากุศลจนตลอดชีวิต ก็บังเกิดในเทวโลก.บรรดาทาสีเหลานั้น ทาสีหัวหนาจุติจากภพนั้นแลว บังเกิดในเรือนของหัวหนาชางทอหูก ไมไกลกรุงพาราณสี. ตอมาวันหนึ่ง พระปจเจกพุทธ-
พระสุตตันตปฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 6เจา ๕๐๐ องค บุตรนางปทุมวดี ที่พระเจากรุงพาราณสีนิมนตไวมาถึงประตูพระราชนิเวศนไมพบคนใด ๆ ที่จะดูแล จึงกลับออกไปทางประตูกรุง ไปยังหมูบานชางทอหูกนั้น. หญิงผูนั้นเห็นพระปจเจกพุทธ-                                                เจาทั้งหลาย นึกเอ็นดู ก็ไหวหมดทุกองคแลวถวายอาหาร. พระ-ปจเจกพุทธเจาทั้งหลาย ฉันอาหารเสร็จแลว ก็ไปสูเขาคันธมาทนอยางเดิม.        แมหญิงผูนั้น ทํากุศลจนตลอดชีวิต ทองเที่ยวอยูในเทวดาและมนุษยแลวถือปฏิสนธิในเรือนของเจามหาสุปปพุทธะ กรุงเทวทหะ กอนพระ-ศาสดาของเราบังเกิด. พระประยูรญาติถวายพระนามของทานวา โคตมีเปนกนิษฐภคินีของพระนางมหามายา [พระพุทธมารดา]. เหลาพราหมณผูชํานาญมนตตรวจดูพระลักษณะแลวพยากรณวา ทารกที่อยูในพระครรภของพระนางทั้งสองพระองค จักเปนจักรพรรดิ. พระเจาสุทโธทน-มหาราชทรงมงคลอภิเษกกับพระนางทั้งสองพระองค เวลาที่ทรงเจริญวัยแลวทรงนําไปอยูพระราชนิเวศนของพระองค. ตอมา พระโพธิสัตวของเราจุติจากสวรรคชั้นดุสิต ทรงถือปฏิสนธิในพระครรภของพระนางมหามายา-เทวี. ในวันที่ ๗ ตั้งแตวันที่พระโพธิสัตวประสูติแลว พระนางมหามายา-เทวีก็สวรรคต บังเกิดในสวรรคชั้นดุสิต. พระเจาสุทโธทนมหาราชก็ทรงสถาปนาพระนางมหาปชาบดีโคตมี พระมาตุจฉา [พระนานาง]ของพระมหาสัตวไวในตําแหนงพระอัครมเหสี. เวลานั้น นันทกุมารก็ประสูติ. พระมหาปชาบดีน้ี ทรงมอบพระนันทกุมารแกพระพี่เลี้ยงนางนมทรงประคบประหงมบํารุงพระโพธิสัตวดวยพระองคเอง. สมัยตอมา พระ-โพธิสัตวเสด็จออกมหาภิเนษกรมณ บรรลุพระสัพพัญุตญาณ ทรง
พระสุตตันตปฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 7อนุเคราะหโลก เสด็จถึงกรุงกบิลพัสดุ เสด็จเขาไปบิณฑบาตในพระนคร.ครั้งนั้น พระเจาสุทโธทนมหาราชพุทธบิดา ทรงสดับธรรมกถา ณระหวางถนน เปนพระโสดาบัน. ครั้นวันที่ ๒ พระนันทกุมาร ก็ทรงผนวช. วันที่ ๗ พระราหุล ก็ทรงผนวช. ตอมา พระศาสดา ทรงอาศัยกรุงเวสาลีประทับอยู ณ กูฏาคารศาลา. สมัยนั้น พระเจาสุทโธทนมหาราชทรงทําใหแจงพระอรหัตแลวปรินิพพาน ภายใตพระมหาเศวตฉัตร.       ครั้งนั้น พระนางมหาปชาบดี เกิดวาเหวพระหฤทัยจะทรงผนวช.แตนั้น นางปาทปริจาริกา ของพระกุมาร ๕๐๐ พระองค ผูซึ่งเสด็จออกทรงผนวชเมื่อจบกลหวิวาทสูตร ริมฝงแมน้ําโรหิณี ทุกคนมีจิตเปนอันเดียวกันวา พวกเราจักเขาไปเฝาพระนางมหาปชาบดี แลวบวชในสํานักพระศาสดาหมดทุกคน จึงใหพระนางมหาปชาบดีเปนหัวหนา ประสงคจะไปเฝาพระศาสดา. ก็พระนางมหปชาบดีนี้ทรงทูลขอบรรพชากะพระศาสดาครั้งเดียวครั้งแรกเทานั้น ก็ไมได. เพราะเหตุนั้น พระนางจึงรับสั่งเรียกชางกัลบกมาแลวใหตัดพระเกศา ทรงครองผากาสายะ [ผายอมน้ําฝาด]ทรงพาเหลาสากิยานีทั้งหมดนั้น เสด็จถึงกรุงเวสาลี ใหทานพระอานนท-เถระทูลออนวอนพระทศพล ก็ทรงไดบรรพชาอุปสมบทดวยครุธรรม๘ ประการ. สวนเหลาสากิยานีทั้งหมด ก็ไดอุปสมบทพรอมกัน. นี้เปนความสังเขปในเรื่องนี้. สวนเรื่องนี้โดยพิสดารมาแลวในพระบาลี. ก็พระนางมหาปชาบดีครั้นทรงอุปสมบทอยางนี้แลว เขาเฝาพระศาสดาถวายบังคมแลว ประทับ ณ ทีสมควรสวนขางหนึ่ง เวลานั้นพระศาสดาทรงแสดง                          ่ธรรมโปรดพระนาง พระนางรับกรรมฐานในสํานักพระศาสดาพระองคเดียวก็บรรลุพระอรหัต. ภิกษุณี ๕๐๐ รูปนอกนัน ก็บรรลุพระอรหัต                                                   ้
พระสุตตันตปฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 8เมื่อจบนันทโกวาทสูตร. เรื่องนี้เกิดขึ้นดวยประการฉะนี้. ตอมาภายหลังพระศาสดาประทับนั่ง ณ พระเชตวันวิหาร เมื่อทรงสถาปนาภิกษุณีทั้งหลายไวในตําแหนงเอคทัคคะหลายตําแหนง จึงทรงสถาปนาพระมหาปชาบดีไวในตําแหนงเอตทัคคะเปนเลิศกวาพวกภิกษุณีสาวิกา ผูเปนรัตตัญู รูราตรีนาน แล.                    จบอรรถกถาสูตรที่ ๑                อรรถกถาสูตรที่ ๒             ๒. ประวัติพระเขมาเถรี      ในสูตรที่ ๒ พึงทราบวินิจฉัยดังตอไปนี้.      บทวา เขมา ไดแก ภิกษุณีมีชื่ออยางนี้. ก็แล ตั้งแตนี้ไป ขาพเจาจะกลาววา ในปญหากรรมของทาน มีเรื่องที่จะกลาวตามลําดับดังนี้แลวจะกลาวขอนี้ควรจะกลาวตั้งแตอภินิหารเปนตนไปไวทุกแหง.      ดังไดสดับมา ในอดีตกาลครั้งพระพุทธเจาพระนามวา ปทุมุตตระนางเขมานี้ก็บังเกิดนับเนื่องกับคนอื่น ในกรุงหังสวดี. ตอมา วันหนึ่งนางพบพระสุชาตเถรี อัครสาวิกาของพระผูมีพระภาคเจานั้น กําลังเที่ยวบิณฑบาต จึงถวายขนมตม ๓ กอน ในวันนั้นนั่นแล ก็จัดในเรือนของคนแลวถวายทาน แตพระเถรีทําความปรารถนาวา ดิฉันพึงมีปญญามากเหมือนทาน ในพุทธุปบาทกาลในอนาคต. เปนผูไมประมาทในกุศลกรรมทั้งหลายจนลอดชีวิต ทองเที่ยวอยูในเทวดาและมนุษยแสนกัป-ครั้งพระพุทธเจาพระนามวากัสสปะ ก็ถือปฏิสนธิในพระราชนิเวศนของพระเจากิงกิ เปนพระธิดาอยูระหวางพระพี่นองนาง ๗ พระองค ทรง
พระสุตตันตปฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 9ประพฤติกุมารีพรหมจรรย ในพระราชนิเวศนถึง ๒๐,๐๐๐ ป รวมกับพระพี่นองนางเหลานั้น สรางบริเวณที่ประทับอยูของพระทศพล เวียนวายอยูในเทวดาและมนุษยพุทธันดรหนึ่ง ในพุทธุปบาทกาลนี้ ก็ถือปฏิสนธิในราชสกุล กรุงสาคละ แควนมัททะ พระประยูรญาติเฉลิมพระนามของพระนางวา เขมา พระนางมีพระฉวีวรรณแหงพระวรกายเลื่อมเรื่อดังน้ําทอง พอเจริญพระชันษา ก็เสด็จไปอยูในพระราชนิเวศน [เปนพระเทวี]ของพระเจาพิมพิสาร. เมื่อพระตถาคตทรงอาศัยกรุงราชคฤหประทับอยูณ พระเวฬุวันวิหาร พระนางทรงสดับวา เขาวา พระศาสดาทรงแสดงโทษในรูป เปนผูมัวเมาในรูปโฉม ไมกลาไปเฝาพระทศพล ดวยทรงกลัววาพระศาสดาจะทรงแสดงโทษในรูปของเรา. พระราชาทรงพระดําริวาเราเปนอัครอุปฐากของพระศาสดา แตอัครมเหสีของอริยสาวกเชนเรา ก็ยังไมไปเฝาพระทศพล ขอนี้เราไมชอบใจเลย. จึงทรงใหเหลากวีประพันธคุณสมบัติของพระเวฬุวันราชอุทยาน รับสั่งวา พวกทานจงขับรองใกล ๆ ที่พระนางเขมาเทวีทรงไดยิน. พระนางทรงสดับคําพรรณนาคุณของพระราชอุทยาน ก็มพระประสงคจะเสด็จไป จึงกราบทูลสอบถามพระ-                         ีราชา. ทาวเธอตรัสวา ไปอุทยานก็ได แตไมเฝาพระศาสดา อยาไดกลับมานะ พระนางไมถวายคําตอบแดพระราชา ก็เสด็จไปตามทาง. พระ-ราชาตรัสสั่งเหลาบุรุษที่ไปกับพระนางวา ถาพระเทวีเมื่อจะกลับจากสวนเฝาพระทศพลไดอยางนี้นั่นก็เปนบุญ ถาไมเฝา พวกทานก็จงใชราชอํานาจแสดงกะพระนาง. ครั้งนั้น พระนางเสด็จชมพระราชอุทยานเสียจนสิ้นวันเมื่อเสด็จกลับก็ไมเฝาพระทศพล เริมจะเสด็จกลับ. แตเหลาราชบุรุษนํา                                   ่พระนางไปยังสํานักพระศาสดา ทั้งที่พระนางไมชอบพระทัย.
พระสุตตันตปฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 10        พระศาสดาทรงเห็นพระนางกําลังเสด็จมาจึงทรงใชพุทธฤทธิ์เนรมิตเทพอัปสรนางหนึ่งซึ่งกําลังถือกานใบตาลถวายงานพัดอยู. พระนางเขมาเทวีเห็นเทพอัปสรนั้น แลวทรงพระดําริวา เสียหายแลวสิเรา เหลาสตรีที่เทียบกับเทพอัปสรเห็นปานนี้ ยังยืนอยูไมไกลพระทศพล เราแมจะเปนปริจาริกาของสตรีเหลานั้น ก็ยังไมคูควรเลย ก็เพราะเหตุไรเลาเราจึงเปนผูเสียหายดวยอํานาจจิตที่คิดชั่ว เพราะอาศัยความมัวเมา แลวก็ถือนิมตนั้น ยืน                                                               ิทอดพระเนตรสตรีนั้นอยู. เมื่อพระนางพิจารณาสตรีนั้นอยูนั้นแล แตดวยกําลังพระอธิฐานของพระตถาคต สตรีนั้นลวงปฐมวัยไป เหมือนตั้งอยูในมัชฌิมวัยฉะนั้น ลวงมัชฌิมวัยไป เหมือนตั้งอยูในปจฉิมวัยฉะนั้นไดเปนผูมีหนังเหี่ยวยน ผมหงอก ฟนหักแลว. แตนั้นเมื่อพระนางกําลังแลดูอยูนั่นแหละ. สตรีนั้นก็ลมลงกลิ้งพรอมกับพัดใบตาล. ลําดับนั้น พระนาง                          เขมา เมื่ออารมณนั้นมาสูวิถี เพราะเปนผูสมบูรณดวยบุพเหตุ จึงทรงพระดําริอยางนี้วา สรีระมีอยางอยางนี้ ยังถึงความวิบัติอยางนี้ได แมสรีระของเรา ก็จักมีคติอยางนี้เหมือนกัน. ขณะที่พระนางมีพระดําริอยางนี้พระศาสดาจึงตรัสพระคาถาในธรรมบทนี้วา                 เย ราครตฺตานุปตนฺติ โสต             สย กต มกฺกฏโกว ชาล             เอตมฺป เฉตฺวาน ปริพฺพชนฺติ             อนเปกฺขิโน กามสุข ปหาย.          ชนเหลาใด ถูกราคะยอมแลว ยอมตกไป        ตามกระแส เหมือนแมลงมุมตกไปตายใยขายที่ตนเอง
พระสุตตันตปฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 11              ทําไว ชนเหลานั้น ตัดกระแสนั้นไดแลว ไมเยื่อใย          ละกามสุขเสีย ยอมบวช ดังนี้.จบพระคาถา พระนางประทับยืนในอิริยาบถที่ยืนอยูนั่นแล ก็บรรลุพระอรหัตพรอมดวยปฏิสัมภิทา ธรรมดาวา ผูอยูครองเรือนบรรลุพระอรหัตจําตองปรินิพพานหรือบวชเสียในวันนั้นนั่นแหละ. ก็พระนางรูวาอายุสังขารของพระองคยังเปนไปได ทรงพระดําริวา เราจักใหพระราชาทรงอนุญาตการบวชของพระองค จึงเสด็จกลับพระราชนิเวศน ไมถวายบังคมพระราชาประทับยืนอยู. พระราชาก็ทรงทราบโดยสัญญาณคือพระอาการวาพระนางคงจักบรรลุอริยธรรมแลว. พระราชาจึงตรัสกะพระนางวา พระ-เทวีเสด็จไปเฝาพระศาสดาหรือ. ทูลวา พระมหาราชเจา หมอมฉันประพฤติทัศนะอยางที่พระองคทรงเห็นแลว หมอมฉันไดทําพระทศพลใหเปนผูอันหมอมฉันเห็นดวยดีแลว ขอไดโปรดทรงอนุญาตการบรรพชาแกหมอมฉันเถิด. พระราชาตรัสรับวา ดีละพระเทวี ทรงนําไปยังสํานักภิกษุณีดวยวอทอง ใหทรงผนวช. ครั้งนั้น ความที่พระนางมีพระปญญามาก ปรากฏไปวา ชื่อพระเขมาเถรี บรรลุพระอรหัตทั้งที่อยูในเพศคฤหัสถในขอนี้มีเรื่องดังนี้ . ตอมาภายหลัง พระศาสดาประทับนั่ง ณ พระเชตวันวิหาร เมื่อทรงสถาปนาภิกษุณีทั้งหลายไวในตําแหนงตาง ๆ จึงทรงสถาปนาพระเขมาเถรีไวในตําแหนงเอตทัคคะเปนเลิศกวาพวกภิกษุณ-    ีสาวิกา ผูมีปญญามาก แล.                                      จบอรรถกถาสูตรที่ ๒
พระสุตตันตปฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 12              อรรถกถาสูตรที่ ๓         ๓. ประวัติพระอุบลวรรณาเถรี       ในสูตรที่ ๓ พึงทราบวินิจฉัยดังตอไปนี้.       บทวา อุปฺปลวณฺณา ไดแกพระเถรีมีชื่ออยางนี้ ก็เพราะประกอบดวยผิวพรรณเสมือนหองดอกอุบลขาบ.       ไดยินวา พระอุบลวรรณาเถรีนั้น ครั้งพระพุทธเจาพระนามวาปทุมุตตระ ถือปฏิสนธิในครอบครัวในกรุงหังสวดี ภายหลังไปสํานักพระ-ศาสดาพรอมกับมหาชน กําลังฟงธรรมอยู เห็นพระศาสดาทรงสถาปนาภิกษุณีรูปหนึ่งไวในตําแหนงเอตทัคคะ เปนเลิศกวาพวกภิกษุณีสาวิกาผูมีฤทธิ์ จึงถวายมหาทานแดภิกษุสงฆ มีพระพุทธเจาเปนประมุข ๗ วันปรารถนาตําแหนงนั้น. นางทํากุศลจนตลอดชีวิต เวียนวายอยูในเทวดาและมนุษย ครั้งพระพุทธเจาพระนามวากัสสปะ ถือปฏิสนธิในราชนิเวศนของพระราชาพระนามวากิงกิ กรุงพาราณสี เปนพระธิดาอยูในระหวางพระพี่นองนาง ๗ พระองค ประพฤติพรหมจรรยอยูถง ๒๐,๐๐๐ ป ทําบริเวณ                                                 ึถวายภิกษุสงฆ บังเกิดในเทวโลก จุติจากเทวโลกนั้นไปสูมนุษยโลกอีกบังเกิดในถิ่นของคนทํางานดวยมือตนเองเลี้ยงชีพในหมูบานแหงหนึ่ง วันหนึ่ง นางไปยังกระทอมในนา ระหวางทางเห็นดอกปทุมบานแตเชาตรูในสระแหงหนึ่ง ลงสระนันแลวเก็บดอกปทุมนั้นและใบของปทุมเพื่อใสขาว                        ้ตอก เด็ดรวงขาวสาลีใกลคันนา นั่งในกระทอมคั่วขาวตอก นับได๕๐๐ ดอก. ขณะนั้น พระปจเจกพุทธเจาองคหนึ่งออกจากนิโรธสมาบัติที่เขาคันธมาทน มายืนไมไกลนาง. นางแลเห็นพระปจเจกพุทธเจา ก็ถือ
พระสุตตันตปฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 13ดอกปทุมพรอมทั้งขาวตอกลงจากกระทอม ใสขาวตอกในบาตรของพระ-ปจเจกพุทธเจา ปดบาตรดวยดอกปทุมถวาย. ครั้งนั้น เมื่อพระปจเจก-พุทธเจาไปไดหนอยหนึ่ง นางก็คิดวา ธรรมดาเหลาบรรพชิตไมตองการดอกไม จําเราจักไปเอาดอกไมมาประดับ แลวไปเอาดอกไมจากมือพระ-ปจเจกพุทธเจาแลวคิดอีกวา ถาพระผูเปนเจาไมตองการดอกไมไซร ทานจะไมใหวางดอกไมนั้นไวบนบาตร พระผูเปนเจาจักตองการแนแท แลวไปวางไวบนบาตรอีก ขอขมาแลวทําความปรารถนาวา พระคุณเจาขาดวยผลานิสงสของขาวตอกเหลานี้ ขอจงมีบุตรเทาจํานวนขาวตอก ดวยผลานิสงสของดอกปทุม ขอดอกปทุมจงผุดทุกยางกาวของดิฉัน ในสถานที่เกิดแลว. ทั้งที่นางเห็นอยูนั่นแล พระปจเจกพุทธเจาก็ไปสูเขาคันธ-มาทนทางอากาศ วางดอกปทุมนั้นไวสําหรับเช็ดเทา ใกลบันไดที่พระ-ปจเจกพุทธเจาทั้งหลายเหยียบ ณ เงื้อมเขานันทมูลกะ ดวยผลทานนั้นนางถือปฏิสนธิในเทวโลก. จําเดิมแตเวลาที่นางเกิด. ดอกปทุมขนาดใหญก็ผุดขึ้นทุก ๆ ยางกาวของนาง.       นางจุติจากเทวโลกนั้นแลว ก็บงเกิดในหองของดอกปทุม ในสระ                                       ัปทุมแหงหนึ่งใกลเชิงเขาที่ดาบสองคหนึ่งอาศัยเชิงเขาอยู. ดาบสนั้นไปสระแตเชาตรู เพื่อลางหนา เห็นดอกไมนั่นแลวก็คิดวา ดอกนี้ใหญกวาดอกอื่น ๆ ดอกอืน ๆ บาน ดอกนี้ยังตูมอยู คงจะมีเหตุในดอกนั้น แลวจึงลง              ่น้ํา จับดอกนั้น. พอดาบสนั้นจับเทานั้น มันก็บาน. ดาบสเห็นเด็กหญิงนอนอยูภายในหองปทุม ไดความสิเนหาดังธิดา นับแตพบเขา จึงนําไปบรรณศาลาพรอมทั้งดอกปทุม ใหนอนบนเตียง. ขณะนั้นดวยบุญญานุภาพ
พระสุตตันตปฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 14ของนาง น้ํานมก็บังเกิดที่นิ้วหัวแมมือ. ดาบสนั้นเมื่อดอกปทุมนั้นเหี่ยวก็นําดอกปทุมดอกอื่นมาแทน ใหเด็กหญิงนั้นหลับนอน. นับตั้งแตเด็กหญิงนั้นสามารถเลนวิ่งมาวิ่งไปได ดอกปทุมก็ผุดทุก ๆ ยางกาว. ผิวพรรณแหงสรีระของนาง เปนเหมือนดอกบัวบก. เด็กหญิงนัน ยังไม     ้เจริญวัย ก็ลาผิวพรรณเทวดา ล้ําผิวพรรณมนุษย. เมื่อบิดาไปแสวงหา               ้ํผลาผล เด็กหญิงนั้นก็ถูกทิ้งไวที่บรรณศาลา.       เมื่อเวลาเจริญวัยแลว อยูมาวันหนึ่ง เมือบิดาไปแสวงหาผลาผล                                                ่พรานปาคนหนึ่งเห็นนางก็คิดวา ขึ้นชื่อวาเหลามนุษยรูปรางอยางนี้ไมมีจําเราจักตรวจสอบนาง แลวนั่งรอการมาของดาบส. เมื่อบิดากลับมานางก็เดินสวนทางไปรับสาแหรกจากมือของดาบสนั้นมาดวยตัวเอง แลวแสดงขอวัตรที่คนควรทําแกดาบสซึ่งนั่งลงแลว. ครั้งนั้น นายพรานปาก็รูวานางเปนมนุษย จึงกราบดาบสแลวนั่งลง ดาบสจึงตอนรับดวยผลหมากรากไมกับน้ําดื่มแลวถามวา ดูกอนบุรุษผูเจริญ ทานจักพักอยูใน                                       ที่นี้หรือจักไป. เขาตอบวา จักไปเจาขา อยูในที่นี้จักทําอะไรได. ดาบสขอรองวา เหตุที่ทานเห็นอยูนี้อยาไดพูดไปเลยนะ. เขารับวา ถาพระผูเปนเจาไมประสงคก็จะพูดไปเพราะเหตุไรเลา แลวไหวดาบส ทํากิ่งไมรอยเทา และเครื่องหมายตนไมไวในเวลาที่จะมาอีก ก็หลีกไป.             นายพรานปานั้นไปกรุงพาราณสีเฝาพระราชา. พระราชาตรัสถามวา เหตุไรเจาจึงมา. กราบทูลวา ขาแตเทวะ ขาพระบาทเปนพรานปาของพระองค พบอิตถีรตนะอันนาอัศจรรยที่เชิงเขา จึงมาเฝาพระเจาขา                          ัแลวทูลเลาเรื่องทั้งหมดถวาย. พระราชาสดับคําของนายพรานปานั้นแลวรีบเสด็จไปเชิงเขา ตั้งคายพักในที่ไมไกลจึงพรอมดวยนายพรานปา และเหลาราชบุรุษอื่น ๆ เสด็จไปที่นั้น เวลาดาบสนั่งฉันอาหาร ทรงอภิวาท
พระสุตตันตปฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 15ปฏิสันถารแลวประทับนั่ง พระราชาทรงวางเครื่องบริขารสําหรับนักบวชไวแทบเทาดาบส ตรัสวา ทานเจาขา พวกเราจะทําอะไรสักอยางก็จะไปดาบสทูลวา โปรดเสด็จไป เถิด มหาบพิตร. ตรัสวา ทานเจาขา ขาพเจาจะไป ไดทราบวาบริษัทที่เปนขาศึกอยูใกลพระผูเปนเจามีอยู บริษัทนั้นไดชื่อวาเปนผูทําใหการปฏิบัติเนิ่นชาสําหรับนักบวชทั้งหลาย ขอบริษัทนั้นจงไปเสียกับขาพเจาเถิด ทานเจาขา. ทูลวา ขึ้นชื่อวาจิตใจของเหลามนุษยรายนัก หญิงผูนี้จักอยูกลางหมูผูคนมากๆ อยางไรได. ตรัสปลอบวาทานเจาขา นับแตขาพเจาชอบใจนางก็จะตั้งนางไวในตําแหนงหัวหนาของคนอื่น ๆ ทะนุบํารุงไว. ดาบสฟงพระราชดํารัสแลว ก็รองเรียกธิดาโดยชื่อที่ตั้งไวครั้งยังเล็ก ๆ วา ลูกปทุมวดีจา. โดยเรียกคําเดียว นางก็ออกมาจากบรรณศาลายืนไหวบิดา. บิดาจึงกลาวกะนางวา ลูกเอย เจาเจริญวัยแลวคงจะอยูในที่นี้ไดไมผาสุก นับแตพระราชาทรงพบแลว จงไปกับพระราชาเสียเถิดนะลูกนะ. นางรับคําบิดาวา เจาคะ ทานพอ ไหวบิดาแลวเดินไปรองไหไป. พระราชาทรงพระดําริวา จําเราจะยึดจิตใจบิดาของหญิงผูนี้ จึงวางนางไวบนกองกหาปณะแลวทรงทําอภิเษก.       จําเดิมแตพระราชาทรงพานางมาถึงนครของพระองคแลว ก็ไมทรงเหลียวแลสตรีอื่น ๆ เลย ทรงอภิรมยอยูกับนางเทานั้น. เหลาสตรีอื่น ๆ ก็ริษยา ประสงคจะทํานางใหแตกกันระหวางพระราชา จึงพากันกราบทูลวาขาแตพระมหาราชเจา หญิงผูนี้มิใชชาติมนุษยดอกเพคะ ดอกปทุมทั้ง-หลายที่ปรากฏอยูในที่พวกมนุษยทองเที่ยวไป พระองคเคยพบแลวมิใชหรือ หญิงผูนี้ตองเปนยักษิณีแนแลว โปรดขับไลมันไปเถิดเพคะ. พระ-               ราชาทรงสดับคําของสตรีเหลานั้น ก็ไดแตทรงนิ่งอยู. บังเอิญสมัยนั้น
พระสุตตันตปฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 16เมืองทางชายแดน กอการกําเริบ พระนางปทุมวดีก็ทรงพระครรภแกเพราะฉะนั้น พระราชาจึงทรงคงพระนางไวในพระนคร เสด็จไปเมืองชายแดน. ครั้งนั้น สตรีเหลานั้นจึงติดสินบนหญิงผูรับใชพระนางสั่งวาเจาจงนําทารกของพระนางที่พอคลอดแลวออกไป จงเอาทอนไมทอนหนึ่งทาเลือดแลววางไวใกล ๆ แทน. ไมนานนักพระนางปทุมวดีก็ประสูติพระมหาปทุมกุมารอยูในพระครรภพระองคเดียว. นอกนั้นทารก ๔๙๙พระองค ก็บังเกิดเปนสังเสทชะ ในขณะที่พระมหาปทุมกุมารออกจากครรภของพระมารดาแลวบรรทมอยู ขณะนั้นหญิงรับใชพระนางรูวาพระ-นางปทุมวดีนี้ยังไมไดสติก็เอาทอนไมทอนหนึ่งทาเลือดแลววางไวใกล ๆแลวก็ใหสัญญาณนัดหมายแกสตรีเหลานั้น สตรีทง ๕๐๐ คน แตละคน                                                ั้ก็รับทารกคนละองค สงไปสํานักของเหลาชางกลึง ใหนํากลองทั้งหลายมาแลวใหทารกที่แตละคนรับไวนอนในกลองนั้น ทําตราเครื่องหมายไวภายนอกวางไว. ฝายพระนางปทุมวดีรูสึกพระองคแลวถามหญิงรับใชนั้นวา ขาคลอดบุตรหรือจะแมนาง หญิงผูนั้นพูดขูพระนางวา พระนางจักไดทารกแตไหนเลา มีแตทารกที่ออกจากพระครรภพระนางอันนี้ แลวก็วางทอนไมที่เปอนเลือดไวเบื้องพระพักตร. พระนางทอดพระเนตรเห็นแลว ก็เสียพระหฤทัย ตรัสวา เจาจงรีบผาทอนไมนั้นเอาออกไปเสีย ถาใครเขาเห็นจะอับอายขายหนาเขา. หญิงผูนั้นฟงพระราชเสาวนียก็ทําเปนหวังดี ผาทอนไมแลวใสเตาไฟ.      ฝายพระราชเสด็จกลับจากเมืองชายแดนแลว รอพระฤกษอยู ตั้งคายพักอยูนอกพระนคร ครั้งนั้นสตรี ๕๐๐ คน ก็มาตอนรับพระราชากราบทูลวา ขาแตพระมหาราชเจา พระองคคงจักไมทรงเชื่อขาพระบาท
พระสุตตันตปฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 17ทั้งหลายวา ที่ขาพระบาทกราบทูลประหนึ่งไมมีเหตุ ขอไดโปรดสอบถามหญิงรับใชพระมเหสีดู พระเทวีประสูติเปนทอนไม พระราชาทรงสอบสวนเหตุนั้นแลวทรงพระดําริวา พระนางคงจักไมใชชาติมนุษยแน ดังนี้แลวทรงขับไลพระนางออกไปจากพระนิเวศน. พอพระนางเสด็จออกพระราชนิเวศนเทานั้น ดอกปทุมทั้งหลายก็อันตรธานไป พระสรีระก็มีผิวพรรณแปลกไป พระนางทรงดําเนินไปในทองถนนพระองคเดียวครั้งนั้นหญิงเจริญวัยผูหนึ่งแลเห็นพระนางก็เกิดสิเนหาพระนางประดุจวาเปนธิดา จึงพูดวา แมคุณจะไปไหนจะ พระนางตรัสวา ดิฉันเปนคนจรกําลังเที่ยวเดินหาที่อยูจะ หญิงชราพูดวา มาอยูเสียที่นี้ซิจะ แลวใหที่อยูจัดแจงอาหารใหเสวย.       เมื่อพระนางอยูในที่นั้นโดยทํานองนี้ สตรี ๕๐๐ คนนั้นก็รวมใจกันกราบทูลพระราชาวา ขาแตพระมหาราชเจา เมื่อพระองคประทับคายพัก พวกขาพระบาทมีความปรารถนาวา เมื่อเทวะของพวกขาพระบาทชนะสงครามกลับมา จักทรงเลนกีฬาทางน้ํา เปนพลีกรรมแกเทวดาประจําแมคงคา ขอเทวะโปรดประกาศใหทราบเรื่องนี้เพคะ พระราชาดีพระหฤทัย ดวยคําทูลของสตรีเหลานั้น เสด็จไปทรงกีฬาทางน้ําในแมพระคงคา หญิงเหลานั้นถือกลองที่แตละคนรับไวอยางมิดชิดไปยังแมน้ําหมคลุมเพื่อปกปดกลองเหลานั้น ทําเปนตกน้ําแลวทิ้งกลองทั้งหลายเสียกลองเหลานั้นมารวมกันหมดแลว ติดอยูในขายที่เขาขึงไวใตกระแสน้ํา.แตนั้น เวลาที่พระราชาทรงกีฬาทางน้ําเสด็จขึ้นแลว ราชบุรุษทั้งหลายก็ยกตาขายขึ้นเห็นกลองเหลานั้น จึงนําไปราชสํานัก พระราชาทอดพระ-เนตรเห็นกลองทั้งหลาย จึงตรัสถามวา อะไรในกลอง พอเขากราบทูลวา
พระสุตตันตปฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 18ยังไมทราบพระเจาขา ทาวเธอทรงใหเปดกลองเหลานั้นสํารวจดู ทรงใหเปดกลองใสพระมหาปทุมกุมารเปนกลองแรก ในวันนี้พระกุมารเหลานั้นทั้งหมดบรรทมอยูในกลองทั้งหลาย น้ํานมก็บังเกิดที่หัวนิ้วแมมือ ดวยบุญฤทธิ์ ทาวสักกเทวราชสั่งใหจารึกอักษรไวที่ขางในกลอง เพื่อพระ-ราชาจะไดไมทรงสงสัยวา พระกุมารเหลานี้ประสูติในพระครรภของพระ-นางปทุมวดี เปนโอรสของพระเจากรุงพาราณสี ครั้งนั้นสตรี ๕๐๐ คนซึ่งเปนศัตรูของพระนางปทุมวดี ใสพระกุมารเหลานั้นไวในกลองแลวโยนน้ํา ขอพระราชาโปรดทราบเหตุนี้ พอเปดกลองพระราชาทรงอานอักษรทั้งหลายแลวทอดพระเนตรเห็นทารกทั้งหลาย ทรงยกพระมหาปทุม-กุมารขึ้น ตรัสสั่งวา จงรีบเทียมรถจัดมาไว วันนี้เราจักเขาไปในพระนครทําใหเปนที่รักสําหรับแมบานบางจําพวก แลวเสด็จขึ้นปราสาท ทรงวางถุงทรัพย ๑,๐๐๐ กหาปณะ ไวบนคอชาง โปรดใหตีกลองปาวประกาศวา ผูใดพบพระนางปทุมวดี ผูนั้นจงรับถุงทรัพย ๑,๐๐๐ กหาปณะไป.       พระนางปทุมวดี ทรงไดยินคําประกาศนั้นแลว ไดใหสัญญานัดหมายแกมารดาวา แมจา จงรับถุงทรัพย ๑,๐๐๐ กหาปณะ จากคอชางเถิด. หญิงชรากลาววา ขาไมอาจรับทรัพยขนาดนั้นไดดอก.พระนาง แมเมื่อมารดาปฏิเสธ ๒ - ๓ ครั้ง ก็ตรัสวา แมพูดอะไร รับไวเถิดแม. หญิงชราคิดวา ลูกของเราคงพบพระนางปทุมวดี เพราะ-ฉะนั้น จึงกลาววา รับไวเถิด. หญิงชรานั้น จึงจําใจเดินไปรับถุงทรัพย ๑,๐๐๐ กหาปณะ. ขณะนั้น ผูคนทั้งหลายพากันถามหญิงชรานั้นวาคุณแม เห็นพระนางปทุมวดีเทวีหรือ. หญิงชราตอบวา ขาไมเห็นดอกแตลูกสาวของขาเห็น. ผูคนเหลานั้นถามวา ก็ลูกสาวของคุณแมอยูที่ไหน
พระสุตตันตปฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 19เลา แลวก็เดินไปกับหญิงชรานั้น จําพระนางปทุมวดีไดก็พากันหมอบอยูแทบยุคลบาท. ในเวลานั้น หญิงชรานั้นก็ชี้วา นี้พระนางปทุมวดีเทวีแลวกลาววา ผูหญิงทํากรรมหนักหนอ เปนถึงพระมเหสีของพระราชาอยางนี้ ยังอยูปราศจากอารักขา ในสถานที่เห็นปานนี้. ราชบุรุษเหลานั้นเอามานขาววงลอมเปนนิเวศนของพระนางปทุมวดี ตั้งกองอารักขาไวใกลประตู แลวกราบทูลแดพระราชา. พระราชาทรงสงสุวรรณสีวิกา พระ-วอทองไปรับ. พระนางรับสั่งวา เราจะไมไปอยางนี้ เมื่อพวกทานลาดเครื่องลาดอันวิจิตรดวยผาเปลือกไมอยางดี ระหวางตั้งแตสถานที่อยูของเราจนถึงพระราชนิเวศน ใหติดเพดานผาอันวิจิตรดวยดาวทองไวขางบนแลวสงสรรพอาภรณเพื่อประดับไป เราจักเดินไปดวยเทา ชาวพระนครจักเห็นสมบัติของเราอยางนี้ พระราชาตรัสวา พวกทานจงทําตามความชอบใจของปทุมวดี. แตนั้น พระนางปทุมวดี ทรงพระดําริวา เราจักประดับเครื่องประดับทุกอยางเดินไปพระราชนิเวศนแลวเสด็จเดินทาง.ครั้งนั้น ดอกปทุมทั้งหลาย ก็ชําแรกเครื่องลาดอันวิจิตรดวยผาเปลือกไมอยางดี ผุดขึ้นในที่ทุกยางกาวพระบาทของพระนาง. พระนางครั้นแสดงสมบัติของพระองคแกมหาชนแลว เสด็จขึ้นพระราชนิเวศน โปรดประทานเครื่องลาดอันวิจิตรทั้งหมด เปนคาเลี้ยงดูแกหญิงชรานั้น.       พระราชารับสั่งใหเรียกสตรี ๕๐๐ คนมาแลวตรัสวา ดูกอนเทวีเราใหหญิงเหลานั้นเปนทาสีของเจา. พระนางทูลวา ดีละเพคะ หมอมฉันขอใหทรงประกาศใหชาวเมืองทั่วไปไดทราบวา หญิงเหลานี้พระราชทานแกหมอมฉันแลว. พระราชาก็โปรดใหตีกลองบาวประกาศวา หญิง ๕๐๐คน ผูประทุษรายพระนางปทุมวดี เราใหเปนทาสีของพระนางพระองค
พระสุตตันตปฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 20เดียว. พระนางปทุมวดีนั้น ทรงทราบวา ในนครทั่วไป กําหนดรูวาหญิงเหลานั้นเปนทาสีแลว จึงทูลถามพระราชาวา ขาแตเทวะ หมอมฉันจะทําทาสีของหมอมฉันใหเปนไท ไดไหมเพคะ. พระราชารับสั่งวาเทวี เจาตองการก็ไดสิ. พระนางกราบทูลวา เมื่อเปนเชนนั้น ขอไดทรงโปรดใหเรียกคนตีกลองปาวประกาศสั่งใหเขาตีกลองปาวประกาศอีกวา พวกทาสี ที่พระองคพระราชทานแกพระนางปทุมวดี พระนางทําใหเปนไทหมดทั้ง ๕๐๐ คนแลว. เมื่อสตรีเหลานั้นเปนไทแลว พระนางก็มอบพระโอรส ๔๙๙ พระองคใหสตรีเหลานั้นเลี้ยงดู สวนพระองคเองทรงรับเลี้ยงดูเฉพาะพระมหาปทุมกุมารเทานั้น. เมื่อถึงเวลาพระราชกุมารเหลานั้นทรงเลนได พระราชาก็โปรดใหสรางสนามเลนตาง ๆ ไวในพระ-ราชอุทยาน. พระราชกุมารเหลานั้น มีพระชันษาได ๖ พรรษา ทุกพระองคก็พรอมกันลงเลนในมงคลโบกขรณี ทีปกคลุมดวยปทุม ใน                                               ่พระราชอุทยาน ทรงเห็นปทุมดอกใหมบาน ดอกเกากําลังหลนจากขั้วก็พิจารณาเห็นวา ดอกปทุมนี้ไมมีใจครอง ยังประสบชราเห็นปานนี้ ก็จะปวยกลาวไปไยถึงสรีระของพวกเราเลา แมสรีระนี้ก็คงจักมีคติอยางนี้เหมือนกัน แลวทรงยึดเปนอารมณ ทุกพระองคบังเกิดปจเจกพุทธญาณแลวพากันลุกขึ้น ประทับนั่งขัดสมาธิ ณ กลีบดอกปทุม ขณะนั้น พวกราชบุรุษที่ไปกันพระราชกุมารเหลานั้นรูวาสายมากแลว จึงทูลวา พระ-ลูกเจา เจาขา ขอไดโปรดทราบเวลาของพระองค. พระราชกุมารทั้งหมดนั้นก็นิ่งเสีย. ราชบุรุษเหลานั้น ก็พากันไปกราบทูลพระราชาวา ขาแตเทวะ. พระราชกุมารทั้งหลายประทับนั่งในกลีบดอกปทุม เมื่อพวกขา-พระบาทกราบทูล ก็ไมทรงเปลงพระวาจาเลย. พระราชาตรัสวา พวก
พระสุตตันตปฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 21เจาจงใหพวกเขานั่งตามชอบใจเถิด. พระราชกุมารเหลานั้น ไดรับอารักขาตลอดคืนยังรุง ก็ประทับนั่งในกลีบดอกปทุมทํานองนั้นนั่นแหละจนอรุณจับฟา พวกราชบุรุษก็กลับไป รุงขึ้น จึงพากันเขาไปเฝาทูลวาขอเทวะทั้งหลาย โปรดทราบเวลาเถิด พระเจาขา. ทุกพระองคตรัสวาพวกเราไมใชเทวะ พวกเราชื่อวา พระปจเจกพุทธะ. พวกเขากราบทูลวา ขาแตพระลูกเจาทั้งหลาย พระองคตรัสพระดํารัสหนัก พระเจาขา.ธรรมดาวา พระปจเจกพุทธะทั้งหลาย ไมเปนเชนพระองคดอก ตองมีหนวดเครา ๒ องคุลี มีบริขาร ๘ สวมพระกายสิพระเจาขา. พระราช-กุมารเหลานั้นเอาพระหัตถขวาลูบพระเศียร. ทันใดนั้นเอง เพศคฤหัสถก็อันตรธานหายไป. กลายเปนผูมีบริขาร ๘ สวมพระวรกาย แลวก็เสด็จไปเงื้อมเขานันทมูลกะ ทังที่มหาชนกําลังมองดูอยูนั่นแล.                          ้        ฝายพระนางปทุมวดี ก็ทรงเศราโศกพระหฤทัยวา เราก็มีลูกมากแตก็จําพลัดพรากกันไป. เสด็จทิวงคตดวยพระโรคนั้นนั่นแล บังเกิดในสถานของคนทํางานดวยมือตนเองเลี้ยงชีพ ในหมูบานใกลประตูกรุงราช-คฤห. ตอมา นางมีเหยาเรือนแลว วันหนึ่ง กําลังนําขาวยาคูไปใหสามีก็แลเห็นพระปจเจกพุทธะ ๘ องค อยูในจํานวนบุตรเหลานั้นของตนซึ่งกําลังเหาะไปในเวลาแสวงหาอาหาร จึงรีบไปบอกสามีวา เชิญดูพระผูเปนเจาปจเจกพุทธะ ชวยนิมนตทานมา เราจักถวายอาหาร. สามีพูดวาขึ้นชื่อวาพวกนก ก็บินเที่ยวไปอยางนั้น นั่นไมใชพระปจเจกพุทธะดอก.พระปจเจกพุทธะเหลานั้น ก็ลงในที่ไมไกลคนทั้ง ๒ นั้น ซึงกําลังพูดจา                                                           ่กันอยู. หญิงนั้นก็ถวายโภชนะคือขาวสวยและกับแกลมสําหรับตนในวันนั้นแดพระปจเจกพุทธะเหลานั้นแลวนิมนตวา พรุงนี้ ทานทั้ง ๘ ขอโปรด
พระสุตตันตปฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 22รับอาหารของดิฉันดวย. พระปจเจกพุทธะเหลานั้นกลาววา ดีละทานอุบาสิกา ทานมีสักการะและมีอาสนะ ๘ ที่เทานั้น ก็พอ เห็นพระปจเจก-พุทธะองคอื่น ๆ เพิ่มมากขึ้น ก็จงคงจิตใจของทานไว. วันรุงขึ้น นางก็ปูอาสนะไว ๘ ที่ นั่งจัดสักการะสําหรับพระปจเจกพุทธะ ๘ องค.พระปจเจกพุทธะทั้งหลายที่รับนิมนตจึงใหสัญญาณนัดหมายแกเหลาพระ-ปจเจกพุทธะนอกนั้นวา ทานผูนิรทุกขทั้งหลาย วันนี้อยาไปที่อื่น ทั้งหมดจงชวยกันสงเคราะหโยมมารดาของพวกทานเถิด. ฟงคําของพระปจเจก-พุทธะ ๘ องคนั้นแลว ทุกองคก็เหาะไปพรอมกัน ปรากฏอยูที่ประตูเรือนของมารดา. แมนางเห็นพระปจเจกพุทธะจํานวนมากกวาสัญญาที่ไดรับคราวแรก ก็มิไดหวันไหว. นิมนตทุกองคเขาไปเรือนใหนั่งเหนือ                           ่อาสนะ. เมือพระปจเจกพุทธะกําลังนั่งตามลําดับ องคที่ ๙ ก็เนรมิต              ่อาสนะเพิ่มขึ้นอีก ๘ ที่ ตนเองนั่งเหนืออาสนะที่ไกล. เรือนก็ขยายตามเทาที่อาสนะเพิ่มขึ้น. เมื่อพระปจเจกพุทธะทุกองคนั่งอยางนั้นแลว หญิงนั้นก็ถวายสักการะที่จัดไวสําหรับพระปจเจกพุทธะ ๘ องค จนเพียงพอเทาพระปจเจกพุทธะ ๕๐๐ องค แลวจึงนําเอาดอกอุบลขาบทั้ง ๘ ดอกที่อยูในมือวางไวแทบเทาของพระปจเจกพุทธะที่นิมนตมาเทานั้น กลาวอธิฐานวา ทานเจาขา ขอผิวกายของดิฉัน จงเปนประดุจผิวภายในหองดอกอุบลขาบเหลานี้ ในสถานที่ที่ดิฉันเกิดแลวเกิดอีกนะเจาขา. พระ-ปจเจกพุทธะทั้งหลาย ทานอนุโมทนาแกมารดาแลวก็ไปสูเขาคันธมาทน.        แมหญิงนั้น ทํากุศลจนตลอดชีวิต จุติจากภพนั้นแลวบังเกิดในเทวโลก ในพุทธุปบาทกาลนี้ ก็ถือปฏิสนธิในครอบครัวเศรษฐี. ก็เพราะนางมีผิวพรรณเสมอดวยดอกอุบลขาบ. บิดามารดาจึงขนานนาม
พระสุตตันตปฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 23ของนางวา อุบลวรรณา. เมื่อเวลานางเจริญวัย พระราชาทั่วชมพูทวีปก็สงคนไปสํานักเศรษฐีขอนาง ไมมีราชาพระองคใดที่ไมสงคนไปขอ.แตนั้น เศรษฐีคิดวา เราไมอาจยึดเหนี่ยวจิตใจของคนทุกคนได แตจําเราจะทําอุบายสักอยางหนึ่ง จึงเรียกธิดามาถามวา เจาบวชไดไหมลูก.เพราะเหตุที่นางเกิดในภพสุดทาย คําของบิดานั้นจึงเปนเหมือนน้ํามันเคี่ยว ๑๐๐ ครั้งราดลงบนศีรษะ. เพราะเหตุนั้น นางจึงกลาวกะบิดาวาบวชไดจะพอ. เศรษฐีนน จึงทําสักการะแกนางแลวนําไปสํานักภิกษุณี                          ั้ใหบวช เมือนางบวชใหม ๆ ถึงเวร [วาระ] ในโรงอุโบสถ. นาง             ่ตามประทีปกวาดโรงอุโบสถ ถือเอานิมิตที่เปลวประทีป ตรวจดูบอย ๆก็ทําฌานมีเตโชกสิณเปนอารมณใหฌานบังเกิด แลวทําฌานนั้นใหเปนบาท ก็บรรลุพระอรหัต. พรอมดวยพระอรหัตผลนั่นแล ก็เปนผูช่ําชองชํานาญในการแสดงฤทธิ์ตาง ๆ ตอมา ในวันที่พระศาสดาทรงทํายมกปาฏิหาริย ทานก็บันลือสีหนาทวา ขาแตพระองคผูเจริญขาพระองคจักทําปาฏิหาริยถวาย. พระศาสดาทรงทําเหตุอันนี้ใหเปนอัตถุปปตติ เหตุเกิดเรื่อง ประทับนั่ง ณ พระเชตวันมหาวิหาร เมื่อทรงสถาปนาภิกษุณีทั้งหลายในตําแหนงตาง ๆ ตามลําดับ จึงทรงสถาปนาพระเถรีนี้ไวในตําแหนงเอตทัคคะเปนเลิศกวาพวกภิกษุณีสาวิกา ผูมีฤทธิ์แล.                     จบอรรถกถาสูตรที่ ๓
พระสุตตันตปฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 24              อรรถกถาสูตรที่ ๔        ๔. ประวัตพระปฏาจาราเถรี                 ิ           ในสูตรที่ ๔ พึงทราบวินิจฉัยดังตอไปนี้.      ดวยบทวา วินยธราน ยทิท ปฏาจารา ทานแสดงวา พระ-ปฏาจาราเถรีเปนเลิศกวาพวกภิกษุณีสาวิกาผูทรงวินัย.      ดังไดสดับมา พระเถรีนั้น ครั้งพระพุทธเจาพระนามวา ปทุมุตตระถือปฏิสนธิในครอบครัว กรุงหังสวดี ตอมา กาลังฟงพระธรรมเทศนาของพระศาสดา เห็นพระศาสดาทรงสถาปนาภิกษุณีรูปหนึ่งไวในตําแหนงเอตทัคคะเปนเลิศกวาพวกภิกษุณีสาวิกาผูทรงวินัย ทํากุศลใหยิ่งยวดขึ้นไป ปรารถนาตําแหนงนั้น. ทานทํากุศลจนตลอดชีวิต เวียนวายอยูในเทวดาและมนุษย ครั้งพระพุทธเจาพระนามวากัสสปะ. ถือปฏิสนธิในพระราชนิเวศนของพระเจากิงกิ เปนพระธิดาพระองคหนึ่งระหวางพระพี่นองนาง ๗ พระองค ประพฤติพรหมจรรยอยูถึง ๒๐,๐๐๐ ปสรางบริเวณถวายภิกษุสงฆ บังเกิดในเทวโลกอีก เสวยสมบัติอยูพุทธันดรหนึ่งในพุทธุปบาทกาลนี้ ถือปฏิสนธิในครอบครัวเศรษฐี กรุงสาวัตถี.      ตอมา นางเจริญวัยไดทําการลักลอบกับลูกจางคนหนึ่งในบานภายหลังกําลังจะมีสามีที่มีชาติเสมอกัน จึงไดทําการนัดหมายกับบุรุษที่ลักลอบกันนันวา ตั้งแตวันพรุงนี้ไป เจาจักไมไดเห็นเรา แมจะประหาร             ้สัก ๑๐๐ ครั้ง ถาเจายังรักเรา ก็จงพาเราไปเสียเดี๋ยวนี้. บุรุษผูนั้นรับคําวา ตกลง แลวก็ถอเอาสิ่งของมีคาติดมือไปพอสมควร พานาง                          ืออกไป ๓-๔ โยชนจากพระนคร อาศัยอยูในหมูบานแหงหนึ่ง ตอมา
พระสุตตันตปฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 25ภายหลังนางตั้งครรภ เมื่อครรภแก จึงกลาววา ที่นี้ไมสมควรแกเราฉันจะไปเรือนสกุลนะนาย. เขาก็ผัดวา วันนี้จะไป พรุงนี้คอยไป แตก็ไมไดไปจนลวงเวลาไป. นางรูเหตุของสามีนั้น คิดวา สามีนี้เขลาจึงไมพาเราไป เมื่อสามีนั้นออกไปนอกบาน จึงเดินไปลําพังคนเดียว ดวยหมายใจจะกลับไปยังครอบครัว. สามีกลับมาไมเห็นนางในเรือน จึงถามคนที่คุนเคยกัน รูวา นางกลับไปยังครอบครัว ก็คิดวา นางเปนธิดาของสกุล อาศัยแตเราไมมีที่พึ่งเลย จึงเดินตามรอยเทาจนทันกัน นางก็ตลอดบุตรเสียในระหวางทางนั้นเอง. สองสามีภริยาปรึกษากันวา ประ-โยชนที่เราจะพึงเดินทางไป ก็สําเร็จแลวในระหวางทาง เดี๋ยวนี้เราจักไปทําไมเลาจึงพากันกลับ . นางก็ตั้งครรภอีก. พึงทําเรื่องใหพิสดารตามนัยกอนนั้นแล. แตในระหวางทาง พอนางคลอดบุตร เมฆฝนก็ตั้งเคามาทั้ง ๔ ทิศ. นางจึงกลาวกะสามีวา นาย ไมใชเวลาแลว เมฆฝนตั้งเคานาทั้ง ๔ ทิศ จงพายามทําที่อยูสําหรับตัวเราเถิด. สามีรับคําวา จักทําเดี๋ยวนี้ เอาทอนไมมาทํากระทอม คิดวาจะหาหญามามุงบัง จึงตัดหญาที่เชิงจอมปลวกใหญแหงหนึ่ง. ทีนั้น งูเหาที่นอนในจอมปลวกก็กัดเทาเขา.บุรุษผูนั้น ก็ลมลงที่นั้นนันเอง. แมนางคิดวาเดี๋ยวเขาคงมา. รอจนตลอด                             ่ทั้งคืน ก็คิดอีกวา เขาคงจักคิดวา เรานี้ เปนหญิงอนาถา พึ่งไมไดแลวทอดทิ้งไวในทางหนีไปแลว ครั้นเกิดแสงสวางแวบขึ้น จงมองดูตามรอยเทา เห็นสามีลมลงที่เชิงจอมปลวก ก็คร่ําครวญวา เพราะเรา เขาจึงเสีย แลวเอาลูกคนเล็กแนบขาง เอานิ้วมือจูงลูกคนโต เดินไปตานทางระหวางทางพบแมน้ําตื้น ๆ สายหนึ่ง คิดวา เราไมอาจพาลูกไปคราวเดียวกันไดทั้ง ๒ คน จึงวางลูกคนโตไวฝงนี้ นําลูกคนเล็กไปฝงโนน ให
พระสุตตันตปฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 26นอนบนเบาะเกา ๆ ลงขามแมน้ํา ดวยหมายจะพาลูกคนนี้ไป. เวลาที่นางถึงกลางแมน้ํา เหยียวตัวหนึ่งก็มาโฉบเด็กไปดวยสําคัญวา เปนกอน                          ่เนื้อ. นางก็ยกมือไลเหยี่ยว. ลูกคนโตเห็นนางทํามืออยางนั้น สําคัญวาแมเรียก ก็ลงขามแมน้ํา ตกไปในกระแสน้ํา ก็ลอยไปตามกระแสน้ําเมื่อนางยังขามไมถึงนั่นเอง เหยี่ยวก็โฉบเอาลูกคนเล็กนั้นไป. นางเศรา-โศกเปนกําลัง ในระหวางทาง ก็เดินขับเพลงรําพัน ดังนี้วา          อุโภ ปุตฺตา กาลกตา ปนฺเถ มยฺห ปตี มโต.           บุตรสองคนก็ตาย สามีเราก็ตายเสียที่หนทาง.       นางรําพันอยางนี้ จนถึงกรุงสาวัตถี ไปหาคนที่ชอบพอกันของสกุลก็กําหนดจําเรือนของตนไมได ดวยอํานาจความเศราโศก สอบถามวาที่ตรงนี้ มีสกุล ชื่ออยางนี้ เรือนอยูไหนเลา. ผูคนทั้งหลายกลาววาเจาสอบถามถึงสกุลนั้นจักทําอะไร เรือนที่อยูของคนเหลานั้น ลมแลวเพราะลมกระหน่ํา คนเหลานั้นในเรือนหลังนั้น เสียชีวิตหมด เขาเผาคนเหลานั้นบนเชิงตะกอนอันเดียวกัน ทั้งเด็กทั้งผูใหญ ดูเสียสิ กลุมควันไฟยังปรากฏอยูนั่น. นางฟงคําบอกเลาแลว ก็พูดวา พวกทานพูดอะไร ก็ทรงผานุงของตนไวไมได ทํานองวันเกิดนั่นแหละ ประคองสองแขนร่ําไห เดินไปสถานที่เชิงตะกอนเผาเหลาญาติ คร่ําครวญเพลงรําพันพิลาปจนครบคาถาวา             อุโภ ปุตฺตา กาลกตา ปนฺเถ มยฺห ปตี มโต          มาตา ปตา จ ภาตา จ เอกจิตฺตกสฺมึ ฑยฺหเร.               บุตรสองคนก็ตาย สามีเราก็ตายเสียที่หนทาง          มารดาบิดาและพี่ชาย เขาก็เผาที่เชิงตะกอนเดียวกัน.
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒
Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒

More Related Content

What's hot

Tri91 30++สังยุตตนิกาย+มหาวารวรรค+เล่ม+๕+ภาค+๑
Tri91 30++สังยุตตนิกาย+มหาวารวรรค+เล่ม+๕+ภาค+๑Tri91 30++สังยุตตนิกาย+มหาวารวรรค+เล่ม+๕+ภาค+๑
Tri91 30++สังยุตตนิกาย+มหาวารวรรค+เล่ม+๕+ภาค+๑Tongsamut vorasan
 
Tri91 06+มหาวรรค+เล่ม+๔+ภาค+๑
Tri91 06+มหาวรรค+เล่ม+๔+ภาค+๑Tri91 06+มหาวรรค+เล่ม+๔+ภาค+๑
Tri91 06+มหาวรรค+เล่ม+๔+ภาค+๑Tongsamut vorasan
 
อนุสรณ์ ประวัตินายเลิศ ยงยันต์
อนุสรณ์ ประวัตินายเลิศ ยงยันต์อนุสรณ์ ประวัตินายเลิศ ยงยันต์
อนุสรณ์ ประวัตินายเลิศ ยงยันต์Wes Yod
 
Tri91 35++อังคุตรนิกาย+จตุกนิบาต+เล่ม+๒
Tri91 35++อังคุตรนิกาย+จตุกนิบาต+เล่ม+๒Tri91 35++อังคุตรนิกาย+จตุกนิบาต+เล่ม+๒
Tri91 35++อังคุตรนิกาย+จตุกนิบาต+เล่ม+๒Tongsamut vorasan
 
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๒ วินัยปิฎกที่ ๐๒ มหาวิภังค์ ภาค ๒
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๒ วินัยปิฎกที่ ๐๒ มหาวิภังค์ ภาค ๒พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๒ วินัยปิฎกที่ ๐๒ มหาวิภังค์ ภาค ๒
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๒ วินัยปิฎกที่ ๐๒ มหาวิภังค์ ภาค ๒Tongsamut vorasan
 
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๗ วินัยปิฎกที่ ๐๗ จุลวรรค ภาค ๒
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๗ วินัยปิฎกที่ ๐๗ จุลวรรค ภาค ๒พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๗ วินัยปิฎกที่ ๐๗ จุลวรรค ภาค ๒
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๗ วินัยปิฎกที่ ๐๗ จุลวรรค ภาค ๒Tongsamut vorasan
 
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)Tongsamut vorasan
 
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๖ วินัยปิฎกที่ ๐๖ จุลวรรค ภาค ๑
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๖ วินัยปิฎกที่ ๐๖ จุลวรรค ภาค ๑พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๖ วินัยปิฎกที่ ๐๖ จุลวรรค ภาค ๑
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๖ วินัยปิฎกที่ ๐๖ จุลวรรค ภาค ๑Tongsamut vorasan
 
พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม
พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรมพจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม
พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรมTongsamut vorasan
 
คู่มือปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน ๕ สาย
คู่มือปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน ๕ สายคู่มือปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน ๕ สาย
คู่มือปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน ๕ สายPanda Jing
 
Tri91 32+อังคุตรนิกาย+เอกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๑
Tri91 32+อังคุตรนิกาย+เอกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๑Tri91 32+อังคุตรนิกาย+เอกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๑
Tri91 32+อังคุตรนิกาย+เอกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๑Tongsamut vorasan
 
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๓ วินัยปิฎกที่ ๐๓ ภิกขุนีวิภังค์
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๓ วินัยปิฎกที่ ๐๓ ภิกขุนีวิภังค์พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๓ วินัยปิฎกที่ ๐๓ ภิกขุนีวิภังค์
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๓ วินัยปิฎกที่ ๐๓ ภิกขุนีวิภังค์Tongsamut vorasan
 
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๑ วินัยปิฎกที่ ๐๑ มหาวิภังค์ ภาค ๑
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๑ วินัยปิฎกที่ ๐๑ มหาวิภังค์ ภาค ๑พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๑ วินัยปิฎกที่ ๐๑ มหาวิภังค์ ภาค ๑
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๑ วินัยปิฎกที่ ๐๑ มหาวิภังค์ ภาค ๑Tongsamut vorasan
 
แผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับที่ 11 (พ.ศ.2555-2559)
แผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับที่ 11 (พ.ศ.2555-2559) แผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับที่ 11 (พ.ศ.2555-2559)
แผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับที่ 11 (พ.ศ.2555-2559) Chor Chang
 
มังคลัตถทีปนีแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย
มังคลัตถทีปนีแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัยมังคลัตถทีปนีแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย
มังคลัตถทีปนีแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัยTongsamut vorasan
 
Kid yoga,Thai language
Kid yoga,Thai languageKid yoga,Thai language
Kid yoga,Thai languagedentyomaraj
 
Tri91 42++ขุททกนิกาย+คาถาธรรมบท+เล่ม+๑+ภาค+๒+ตอน+๓
Tri91 42++ขุททกนิกาย+คาถาธรรมบท+เล่ม+๑+ภาค+๒+ตอน+๓Tri91 42++ขุททกนิกาย+คาถาธรรมบท+เล่ม+๑+ภาค+๒+ตอน+๓
Tri91 42++ขุททกนิกาย+คาถาธรรมบท+เล่ม+๑+ภาค+๒+ตอน+๓Tongsamut vorasan
 
Tri91 11+ทีฆนิกาย+สีลขันธวรรค+เล่ม+๑+ภาค+๑ (1)
Tri91 11+ทีฆนิกาย+สีลขันธวรรค+เล่ม+๑+ภาค+๑ (1)Tri91 11+ทีฆนิกาย+สีลขันธวรรค+เล่ม+๑+ภาค+๑ (1)
Tri91 11+ทีฆนิกาย+สีลขันธวรรค+เล่ม+๑+ภาค+๑ (1)Tongsamut vorasan
 

What's hot (20)

Tri91 30++สังยุตตนิกาย+มหาวารวรรค+เล่ม+๕+ภาค+๑
Tri91 30++สังยุตตนิกาย+มหาวารวรรค+เล่ม+๕+ภาค+๑Tri91 30++สังยุตตนิกาย+มหาวารวรรค+เล่ม+๕+ภาค+๑
Tri91 30++สังยุตตนิกาย+มหาวารวรรค+เล่ม+๕+ภาค+๑
 
Tri91 06+มหาวรรค+เล่ม+๔+ภาค+๑
Tri91 06+มหาวรรค+เล่ม+๔+ภาค+๑Tri91 06+มหาวรรค+เล่ม+๔+ภาค+๑
Tri91 06+มหาวรรค+เล่ม+๔+ภาค+๑
 
อนุสรณ์ ประวัตินายเลิศ ยงยันต์
อนุสรณ์ ประวัตินายเลิศ ยงยันต์อนุสรณ์ ประวัตินายเลิศ ยงยันต์
อนุสรณ์ ประวัตินายเลิศ ยงยันต์
 
Tri91 35++อังคุตรนิกาย+จตุกนิบาต+เล่ม+๒
Tri91 35++อังคุตรนิกาย+จตุกนิบาต+เล่ม+๒Tri91 35++อังคุตรนิกาย+จตุกนิบาต+เล่ม+๒
Tri91 35++อังคุตรนิกาย+จตุกนิบาต+เล่ม+๒
 
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๒ วินัยปิฎกที่ ๐๒ มหาวิภังค์ ภาค ๒
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๒ วินัยปิฎกที่ ๐๒ มหาวิภังค์ ภาค ๒พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๒ วินัยปิฎกที่ ๐๒ มหาวิภังค์ ภาค ๒
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๒ วินัยปิฎกที่ ๐๒ มหาวิภังค์ ภาค ๒
 
ติวOne tsocial
ติวOne tsocialติวOne tsocial
ติวOne tsocial
 
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๗ วินัยปิฎกที่ ๐๗ จุลวรรค ภาค ๒
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๗ วินัยปิฎกที่ ๐๗ จุลวรรค ภาค ๒พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๗ วินัยปิฎกที่ ๐๗ จุลวรรค ภาค ๒
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๗ วินัยปิฎกที่ ๐๗ จุลวรรค ภาค ๒
 
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
 
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๖ วินัยปิฎกที่ ๐๖ จุลวรรค ภาค ๑
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๖ วินัยปิฎกที่ ๐๖ จุลวรรค ภาค ๑พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๖ วินัยปิฎกที่ ๐๖ จุลวรรค ภาค ๑
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๖ วินัยปิฎกที่ ๐๖ จุลวรรค ภาค ๑
 
พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม
พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรมพจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม
พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม
 
คู่มือปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน ๕ สาย
คู่มือปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน ๕ สายคู่มือปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน ๕ สาย
คู่มือปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน ๕ สาย
 
Tri91 32+อังคุตรนิกาย+เอกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๑
Tri91 32+อังคุตรนิกาย+เอกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๑Tri91 32+อังคุตรนิกาย+เอกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๑
Tri91 32+อังคุตรนิกาย+เอกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๑
 
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๓ วินัยปิฎกที่ ๐๓ ภิกขุนีวิภังค์
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๓ วินัยปิฎกที่ ๐๓ ภิกขุนีวิภังค์พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๓ วินัยปิฎกที่ ๐๓ ภิกขุนีวิภังค์
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๓ วินัยปิฎกที่ ๐๓ ภิกขุนีวิภังค์
 
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๑ วินัยปิฎกที่ ๐๑ มหาวิภังค์ ภาค ๑
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๑ วินัยปิฎกที่ ๐๑ มหาวิภังค์ ภาค ๑พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๑ วินัยปิฎกที่ ๐๑ มหาวิภังค์ ภาค ๑
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๑ วินัยปิฎกที่ ๐๑ มหาวิภังค์ ภาค ๑
 
แผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับที่ 11 (พ.ศ.2555-2559)
แผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับที่ 11 (พ.ศ.2555-2559) แผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับที่ 11 (พ.ศ.2555-2559)
แผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับที่ 11 (พ.ศ.2555-2559)
 
มังคลัตถทีปนีแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย
มังคลัตถทีปนีแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัยมังคลัตถทีปนีแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย
มังคลัตถทีปนีแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย
 
Kid yoga,Thai language
Kid yoga,Thai languageKid yoga,Thai language
Kid yoga,Thai language
 
Tri91 42++ขุททกนิกาย+คาถาธรรมบท+เล่ม+๑+ภาค+๒+ตอน+๓
Tri91 42++ขุททกนิกาย+คาถาธรรมบท+เล่ม+๑+ภาค+๒+ตอน+๓Tri91 42++ขุททกนิกาย+คาถาธรรมบท+เล่ม+๑+ภาค+๒+ตอน+๓
Tri91 42++ขุททกนิกาย+คาถาธรรมบท+เล่ม+๑+ภาค+๒+ตอน+๓
 
Community
CommunityCommunity
Community
 
Tri91 11+ทีฆนิกาย+สีลขันธวรรค+เล่ม+๑+ภาค+๑ (1)
Tri91 11+ทีฆนิกาย+สีลขันธวรรค+เล่ม+๑+ภาค+๑ (1)Tri91 11+ทีฆนิกาย+สีลขันธวรรค+เล่ม+๑+ภาค+๑ (1)
Tri91 11+ทีฆนิกาย+สีลขันธวรรค+เล่ม+๑+ภาค+๑ (1)
 

Viewers also liked

แนวคิดเรื่องกรรมและความจริงสูงสุดของศาสนาเชน
แนวคิดเรื่องกรรมและความจริงสูงสุดของศาสนาเชนแนวคิดเรื่องกรรมและความจริงสูงสุดของศาสนาเชน
แนวคิดเรื่องกรรมและความจริงสูงสุดของศาสนาเชนTongsamut vorasan
 
Tri91 17+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๑ (1)
Tri91 17+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๑ (1)Tri91 17+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๑ (1)
Tri91 17+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๑ (1)Tongsamut vorasan
 
หมวดหัวข้อพระไตรปิฎก วัดสามแยก
หมวดหัวข้อพระไตรปิฎก วัดสามแยกหมวดหัวข้อพระไตรปิฎก วัดสามแยก
หมวดหัวข้อพระไตรปิฎก วัดสามแยกTongsamut vorasan
 
Tri91 02+มหาวิภังค์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 02+มหาวิภังค์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)Tri91 02+มหาวิภังค์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 02+มหาวิภังค์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)Tongsamut vorasan
 
อัฎฐกะ คือ หมวด ๘
อัฎฐกะ  คือ  หมวด  ๘อัฎฐกะ  คือ  หมวด  ๘
อัฎฐกะ คือ หมวด ๘Tongsamut vorasan
 
กรณีเงื่อนงำ พระพุทธเจ้าปรินิพพาน ด้วยโรคอะไร ฉบับตัดสั้น
กรณีเงื่อนงำ พระพุทธเจ้าปรินิพพาน ด้วยโรคอะไร ฉบับตัดสั้นกรณีเงื่อนงำ พระพุทธเจ้าปรินิพพาน ด้วยโรคอะไร ฉบับตัดสั้น
กรณีเงื่อนงำ พระพุทธเจ้าปรินิพพาน ด้วยโรคอะไร ฉบับตัดสั้นTongsamut vorasan
 
Tri91 15+ทีฆนิกาย+ปาฏิกวรรค+เล่ม+๓+ภาค+๑ (1)
Tri91 15+ทีฆนิกาย+ปาฏิกวรรค+เล่ม+๓+ภาค+๑ (1)Tri91 15+ทีฆนิกาย+ปาฏิกวรรค+เล่ม+๓+ภาค+๑ (1)
Tri91 15+ทีฆนิกาย+ปาฏิกวรรค+เล่ม+๓+ภาค+๑ (1)Tongsamut vorasan
 
คำบวชภาษาอังกฤษ
คำบวชภาษาอังกฤษคำบวชภาษาอังกฤษ
คำบวชภาษาอังกฤษTongsamut vorasan
 
วิสุทธิมรรคฉบับสมบรูณ์
วิสุทธิมรรคฉบับสมบรูณ์วิสุทธิมรรคฉบับสมบรูณ์
วิสุทธิมรรคฉบับสมบรูณ์Tongsamut vorasan
 
1 08+อธิบายบาลีไวยากรณ์+นามและอัพพยศัพท์
1 08+อธิบายบาลีไวยากรณ์+นามและอัพพยศัพท์1 08+อธิบายบาลีไวยากรณ์+นามและอัพพยศัพท์
1 08+อธิบายบาลีไวยากรณ์+นามและอัพพยศัพท์Tongsamut vorasan
 
9 80+อภิธัมมัตถสังคหบาลี+และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา
9 80+อภิธัมมัตถสังคหบาลี+และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา9 80+อภิธัมมัตถสังคหบาลี+และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา
9 80+อภิธัมมัตถสังคหบาลี+และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกาTongsamut vorasan
 
Tri91 01+มหาวิภังค์+เล่ม+๑+ภาค+๑ (1)
Tri91 01+มหาวิภังค์+เล่ม+๑+ภาค+๑ (1)Tri91 01+มหาวิภังค์+เล่ม+๑+ภาค+๑ (1)
Tri91 01+มหาวิภังค์+เล่ม+๑+ภาค+๑ (1)Tongsamut vorasan
 
ธรรมบทย่อ 01
ธรรมบทย่อ 01ธรรมบทย่อ 01
ธรรมบทย่อ 01Tongsamut vorasan
 
6 48สมฺนฺตปาสาทิกา+นาม+วินยฏฐกถาย+อตฺถโยชนา+(ทุติโย+ภาโค)
6 48สมฺนฺตปาสาทิกา+นาม+วินยฏฐกถาย+อตฺถโยชนา+(ทุติโย+ภาโค)6 48สมฺนฺตปาสาทิกา+นาม+วินยฏฐกถาย+อตฺถโยชนา+(ทุติโย+ภาโค)
6 48สมฺนฺตปาสาทิกา+นาม+วินยฏฐกถาย+อตฺถโยชนา+(ทุติโย+ภาโค)Tongsamut vorasan
 
บทสวดมหาสมัย 2012
บทสวดมหาสมัย 2012บทสวดมหาสมัย 2012
บทสวดมหาสมัย 2012Tongsamut vorasan
 
หนึ่งใจให้ธรรมะ
หนึ่งใจให้ธรรมะหนึ่งใจให้ธรรมะ
หนึ่งใจให้ธรรมะTongsamut vorasan
 

Viewers also liked (17)

แนวคิดเรื่องกรรมและความจริงสูงสุดของศาสนาเชน
แนวคิดเรื่องกรรมและความจริงสูงสุดของศาสนาเชนแนวคิดเรื่องกรรมและความจริงสูงสุดของศาสนาเชน
แนวคิดเรื่องกรรมและความจริงสูงสุดของศาสนาเชน
 
Tri91 17+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๑ (1)
Tri91 17+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๑ (1)Tri91 17+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๑ (1)
Tri91 17+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๑ (1)
 
หมวดหัวข้อพระไตรปิฎก วัดสามแยก
หมวดหัวข้อพระไตรปิฎก วัดสามแยกหมวดหัวข้อพระไตรปิฎก วัดสามแยก
หมวดหัวข้อพระไตรปิฎก วัดสามแยก
 
Tri91 02+มหาวิภังค์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 02+มหาวิภังค์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)Tri91 02+มหาวิภังค์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 02+มหาวิภังค์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
 
อัฎฐกะ คือ หมวด ๘
อัฎฐกะ  คือ  หมวด  ๘อัฎฐกะ  คือ  หมวด  ๘
อัฎฐกะ คือ หมวด ๘
 
กรณีเงื่อนงำ พระพุทธเจ้าปรินิพพาน ด้วยโรคอะไร ฉบับตัดสั้น
กรณีเงื่อนงำ พระพุทธเจ้าปรินิพพาน ด้วยโรคอะไร ฉบับตัดสั้นกรณีเงื่อนงำ พระพุทธเจ้าปรินิพพาน ด้วยโรคอะไร ฉบับตัดสั้น
กรณีเงื่อนงำ พระพุทธเจ้าปรินิพพาน ด้วยโรคอะไร ฉบับตัดสั้น
 
Tri91 15+ทีฆนิกาย+ปาฏิกวรรค+เล่ม+๓+ภาค+๑ (1)
Tri91 15+ทีฆนิกาย+ปาฏิกวรรค+เล่ม+๓+ภาค+๑ (1)Tri91 15+ทีฆนิกาย+ปาฏิกวรรค+เล่ม+๓+ภาค+๑ (1)
Tri91 15+ทีฆนิกาย+ปาฏิกวรรค+เล่ม+๓+ภาค+๑ (1)
 
คำบวชภาษาอังกฤษ
คำบวชภาษาอังกฤษคำบวชภาษาอังกฤษ
คำบวชภาษาอังกฤษ
 
วิสุทธิมรรคฉบับสมบรูณ์
วิสุทธิมรรคฉบับสมบรูณ์วิสุทธิมรรคฉบับสมบรูณ์
วิสุทธิมรรคฉบับสมบรูณ์
 
1 08+อธิบายบาลีไวยากรณ์+นามและอัพพยศัพท์
1 08+อธิบายบาลีไวยากรณ์+นามและอัพพยศัพท์1 08+อธิบายบาลีไวยากรณ์+นามและอัพพยศัพท์
1 08+อธิบายบาลีไวยากรณ์+นามและอัพพยศัพท์
 
9 80+อภิธัมมัตถสังคหบาลี+และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา
9 80+อภิธัมมัตถสังคหบาลี+และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา9 80+อภิธัมมัตถสังคหบาลี+และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา
9 80+อภิธัมมัตถสังคหบาลี+และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา
 
Tri91 01+มหาวิภังค์+เล่ม+๑+ภาค+๑ (1)
Tri91 01+มหาวิภังค์+เล่ม+๑+ภาค+๑ (1)Tri91 01+มหาวิภังค์+เล่ม+๑+ภาค+๑ (1)
Tri91 01+มหาวิภังค์+เล่ม+๑+ภาค+๑ (1)
 
Bali 2-10
Bali 2-10Bali 2-10
Bali 2-10
 
ธรรมบทย่อ 01
ธรรมบทย่อ 01ธรรมบทย่อ 01
ธรรมบทย่อ 01
 
6 48สมฺนฺตปาสาทิกา+นาม+วินยฏฐกถาย+อตฺถโยชนา+(ทุติโย+ภาโค)
6 48สมฺนฺตปาสาทิกา+นาม+วินยฏฐกถาย+อตฺถโยชนา+(ทุติโย+ภาโค)6 48สมฺนฺตปาสาทิกา+นาม+วินยฏฐกถาย+อตฺถโยชนา+(ทุติโย+ภาโค)
6 48สมฺนฺตปาสาทิกา+นาม+วินยฏฐกถาย+อตฺถโยชนา+(ทุติโย+ภาโค)
 
บทสวดมหาสมัย 2012
บทสวดมหาสมัย 2012บทสวดมหาสมัย 2012
บทสวดมหาสมัย 2012
 
หนึ่งใจให้ธรรมะ
หนึ่งใจให้ธรรมะหนึ่งใจให้ธรรมะ
หนึ่งใจให้ธรรมะ
 

More from Tongsamut vorasan

หนังสืออนุสรณ์"งานพระราชทานเพลิงศพ" หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๒
หนังสืออนุสรณ์"งานพระราชทานเพลิงศพ" หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๒หนังสืออนุสรณ์"งานพระราชทานเพลิงศพ" หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๒
หนังสืออนุสรณ์"งานพระราชทานเพลิงศพ" หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๒Tongsamut vorasan
 
Food reflectionบทพิจารณาอาหารภาษาอังกฤษ
Food reflectionบทพิจารณาอาหารภาษาอังกฤษFood reflectionบทพิจารณาอาหารภาษาอังกฤษ
Food reflectionบทพิจารณาอาหารภาษาอังกฤษTongsamut vorasan
 
ระเบียบ รายนามวัด พระธรรมทูตจำพรรษาสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา
ระเบียบ รายนามวัด พระธรรมทูตจำพรรษาสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริการะเบียบ รายนามวัด พระธรรมทูตจำพรรษาสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา
ระเบียบ รายนามวัด พระธรรมทูตจำพรรษาสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกาTongsamut vorasan
 
คติธรรมแห่งชีวิต . โดย..พระพรหมคุณาภรณ์
คติธรรมแห่งชีวิต . โดย..พระพรหมคุณาภรณ์คติธรรมแห่งชีวิต . โดย..พระพรหมคุณาภรณ์
คติธรรมแห่งชีวิต . โดย..พระพรหมคุณาภรณ์Tongsamut vorasan
 
เชื่อกรรม รู้กรรม แก้กรรม โดย.พระพรหมคุณาภรณ์
เชื่อกรรม รู้กรรม แก้กรรม โดย.พระพรหมคุณาภรณ์เชื่อกรรม รู้กรรม แก้กรรม โดย.พระพรหมคุณาภรณ์
เชื่อกรรม รู้กรรม แก้กรรม โดย.พระพรหมคุณาภรณ์Tongsamut vorasan
 
เจอวิกฤตจะเลือกเอาวิวัฒน์ รหือจะเอาวิบัติ
เจอวิกฤตจะเลือกเอาวิวัฒน์ รหือจะเอาวิบัติเจอวิกฤตจะเลือกเอาวิวัฒน์ รหือจะเอาวิบัติ
เจอวิกฤตจะเลือกเอาวิวัฒน์ รหือจะเอาวิบัติTongsamut vorasan
 
เจอวิกฤต จิตไม่วิบัติ โดย..พระพรหมคุณาภรณ์ ป.อ.ปยุตโต
เจอวิกฤต จิตไม่วิบัติ โดย..พระพรหมคุณาภรณ์ ป.อ.ปยุตโตเจอวิกฤต จิตไม่วิบัติ โดย..พระพรหมคุณาภรณ์ ป.อ.ปยุตโต
เจอวิกฤต จิตไม่วิบัติ โดย..พระพรหมคุณาภรณ์ ป.อ.ปยุตโตTongsamut vorasan
 
เพื่อความเจริญงอกงามแห่งธรรม
เพื่อความเจริญงอกงามแห่งธรรมเพื่อความเจริญงอกงามแห่งธรรม
เพื่อความเจริญงอกงามแห่งธรรมTongsamut vorasan
 
พุทธศาสตร์บัณฑิต รุ่นที่ ๔๔
พุทธศาสตร์บัณฑิต รุ่นที่ ๔๔พุทธศาสตร์บัณฑิต รุ่นที่ ๔๔
พุทธศาสตร์บัณฑิต รุ่นที่ ๔๔Tongsamut vorasan
 
ทำเนียบวัดไทยในสังกัดสมัชชาสหรัฐอเมริกา 2018 2561 (4)
ทำเนียบวัดไทยในสังกัดสมัชชาสหรัฐอเมริกา 2018 2561 (4)ทำเนียบวัดไทยในสังกัดสมัชชาสหรัฐอเมริกา 2018 2561 (4)
ทำเนียบวัดไทยในสังกัดสมัชชาสหรัฐอเมริกา 2018 2561 (4)Tongsamut vorasan
 
ระเบียบการขอพระไปปฏิบัติศาสนกิจชั่วคราวของสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา
ระเบียบการขอพระไปปฏิบัติศาสนกิจชั่วคราวของสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริการะเบียบการขอพระไปปฏิบัติศาสนกิจชั่วคราวของสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา
ระเบียบการขอพระไปปฏิบัติศาสนกิจชั่วคราวของสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกาTongsamut vorasan
 
ระเบียบวาระการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐฯ
ระเบียบวาระการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐฯระเบียบวาระการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐฯ
ระเบียบวาระการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐฯTongsamut vorasan
 
ใบตอบรับเข้าร่วมประชุมครั้ง42 2018
ใบตอบรับเข้าร่วมประชุมครั้ง42 2018ใบตอบรับเข้าร่วมประชุมครั้ง42 2018
ใบตอบรับเข้าร่วมประชุมครั้ง42 2018Tongsamut vorasan
 
ทะเบียนประวัติพระมาร่วมประชุมสมัชชาฯ๒๕๖
ทะเบียนประวัติพระมาร่วมประชุมสมัชชาฯ๒๕๖ทะเบียนประวัติพระมาร่วมประชุมสมัชชาฯ๒๕๖
ทะเบียนประวัติพระมาร่วมประชุมสมัชชาฯ๒๕๖Tongsamut vorasan
 
กำหนดการการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในนสหรัฐอเมริกา
กำหนดการการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในนสหรัฐอเมริกากำหนดการการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในนสหรัฐอเมริกา
กำหนดการการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในนสหรัฐอเมริกาTongsamut vorasan
 
154517 บทพิธีกรงานฌาปนกิจ
154517 บทพิธีกรงานฌาปนกิจ154517 บทพิธีกรงานฌาปนกิจ
154517 บทพิธีกรงานฌาปนกิจTongsamut vorasan
 
หลักสูตรผู้บวชระยะสั้น
หลักสูตรผู้บวชระยะสั้นหลักสูตรผู้บวชระยะสั้น
หลักสูตรผู้บวชระยะสั้นTongsamut vorasan
 
หนังสือสอนพระบวชใหม่ นวโกวาท
หนังสือสอนพระบวชใหม่ นวโกวาทหนังสือสอนพระบวชใหม่ นวโกวาท
หนังสือสอนพระบวชใหม่ นวโกวาทTongsamut vorasan
 
เพลงชาติไทย แปลภาษาอังกฤษ2
เพลงชาติไทย แปลภาษาอังกฤษ2เพลงชาติไทย แปลภาษาอังกฤษ2
เพลงชาติไทย แปลภาษาอังกฤษ2Tongsamut vorasan
 
ภพภูมิทั้ง 31ภูมิ ภาษาอังกฤษ
ภพภูมิทั้ง 31ภูมิ ภาษาอังกฤษภพภูมิทั้ง 31ภูมิ ภาษาอังกฤษ
ภพภูมิทั้ง 31ภูมิ ภาษาอังกฤษTongsamut vorasan
 

More from Tongsamut vorasan (20)

หนังสืออนุสรณ์"งานพระราชทานเพลิงศพ" หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๒
หนังสืออนุสรณ์"งานพระราชทานเพลิงศพ" หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๒หนังสืออนุสรณ์"งานพระราชทานเพลิงศพ" หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๒
หนังสืออนุสรณ์"งานพระราชทานเพลิงศพ" หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๒
 
Food reflectionบทพิจารณาอาหารภาษาอังกฤษ
Food reflectionบทพิจารณาอาหารภาษาอังกฤษFood reflectionบทพิจารณาอาหารภาษาอังกฤษ
Food reflectionบทพิจารณาอาหารภาษาอังกฤษ
 
ระเบียบ รายนามวัด พระธรรมทูตจำพรรษาสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา
ระเบียบ รายนามวัด พระธรรมทูตจำพรรษาสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริการะเบียบ รายนามวัด พระธรรมทูตจำพรรษาสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา
ระเบียบ รายนามวัด พระธรรมทูตจำพรรษาสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา
 
คติธรรมแห่งชีวิต . โดย..พระพรหมคุณาภรณ์
คติธรรมแห่งชีวิต . โดย..พระพรหมคุณาภรณ์คติธรรมแห่งชีวิต . โดย..พระพรหมคุณาภรณ์
คติธรรมแห่งชีวิต . โดย..พระพรหมคุณาภรณ์
 
เชื่อกรรม รู้กรรม แก้กรรม โดย.พระพรหมคุณาภรณ์
เชื่อกรรม รู้กรรม แก้กรรม โดย.พระพรหมคุณาภรณ์เชื่อกรรม รู้กรรม แก้กรรม โดย.พระพรหมคุณาภรณ์
เชื่อกรรม รู้กรรม แก้กรรม โดย.พระพรหมคุณาภรณ์
 
เจอวิกฤตจะเลือกเอาวิวัฒน์ รหือจะเอาวิบัติ
เจอวิกฤตจะเลือกเอาวิวัฒน์ รหือจะเอาวิบัติเจอวิกฤตจะเลือกเอาวิวัฒน์ รหือจะเอาวิบัติ
เจอวิกฤตจะเลือกเอาวิวัฒน์ รหือจะเอาวิบัติ
 
เจอวิกฤต จิตไม่วิบัติ โดย..พระพรหมคุณาภรณ์ ป.อ.ปยุตโต
เจอวิกฤต จิตไม่วิบัติ โดย..พระพรหมคุณาภรณ์ ป.อ.ปยุตโตเจอวิกฤต จิตไม่วิบัติ โดย..พระพรหมคุณาภรณ์ ป.อ.ปยุตโต
เจอวิกฤต จิตไม่วิบัติ โดย..พระพรหมคุณาภรณ์ ป.อ.ปยุตโต
 
เพื่อความเจริญงอกงามแห่งธรรม
เพื่อความเจริญงอกงามแห่งธรรมเพื่อความเจริญงอกงามแห่งธรรม
เพื่อความเจริญงอกงามแห่งธรรม
 
พุทธศาสตร์บัณฑิต รุ่นที่ ๔๔
พุทธศาสตร์บัณฑิต รุ่นที่ ๔๔พุทธศาสตร์บัณฑิต รุ่นที่ ๔๔
พุทธศาสตร์บัณฑิต รุ่นที่ ๔๔
 
ทำเนียบวัดไทยในสังกัดสมัชชาสหรัฐอเมริกา 2018 2561 (4)
ทำเนียบวัดไทยในสังกัดสมัชชาสหรัฐอเมริกา 2018 2561 (4)ทำเนียบวัดไทยในสังกัดสมัชชาสหรัฐอเมริกา 2018 2561 (4)
ทำเนียบวัดไทยในสังกัดสมัชชาสหรัฐอเมริกา 2018 2561 (4)
 
ระเบียบการขอพระไปปฏิบัติศาสนกิจชั่วคราวของสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา
ระเบียบการขอพระไปปฏิบัติศาสนกิจชั่วคราวของสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริการะเบียบการขอพระไปปฏิบัติศาสนกิจชั่วคราวของสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา
ระเบียบการขอพระไปปฏิบัติศาสนกิจชั่วคราวของสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา
 
ระเบียบวาระการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐฯ
ระเบียบวาระการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐฯระเบียบวาระการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐฯ
ระเบียบวาระการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐฯ
 
ใบตอบรับเข้าร่วมประชุมครั้ง42 2018
ใบตอบรับเข้าร่วมประชุมครั้ง42 2018ใบตอบรับเข้าร่วมประชุมครั้ง42 2018
ใบตอบรับเข้าร่วมประชุมครั้ง42 2018
 
ทะเบียนประวัติพระมาร่วมประชุมสมัชชาฯ๒๕๖
ทะเบียนประวัติพระมาร่วมประชุมสมัชชาฯ๒๕๖ทะเบียนประวัติพระมาร่วมประชุมสมัชชาฯ๒๕๖
ทะเบียนประวัติพระมาร่วมประชุมสมัชชาฯ๒๕๖
 
กำหนดการการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในนสหรัฐอเมริกา
กำหนดการการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในนสหรัฐอเมริกากำหนดการการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในนสหรัฐอเมริกา
กำหนดการการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในนสหรัฐอเมริกา
 
154517 บทพิธีกรงานฌาปนกิจ
154517 บทพิธีกรงานฌาปนกิจ154517 บทพิธีกรงานฌาปนกิจ
154517 บทพิธีกรงานฌาปนกิจ
 
หลักสูตรผู้บวชระยะสั้น
หลักสูตรผู้บวชระยะสั้นหลักสูตรผู้บวชระยะสั้น
หลักสูตรผู้บวชระยะสั้น
 
หนังสือสอนพระบวชใหม่ นวโกวาท
หนังสือสอนพระบวชใหม่ นวโกวาทหนังสือสอนพระบวชใหม่ นวโกวาท
หนังสือสอนพระบวชใหม่ นวโกวาท
 
เพลงชาติไทย แปลภาษาอังกฤษ2
เพลงชาติไทย แปลภาษาอังกฤษ2เพลงชาติไทย แปลภาษาอังกฤษ2
เพลงชาติไทย แปลภาษาอังกฤษ2
 
ภพภูมิทั้ง 31ภูมิ ภาษาอังกฤษ
ภพภูมิทั้ง 31ภูมิ ภาษาอังกฤษภพภูมิทั้ง 31ภูมิ ภาษาอังกฤษ
ภพภูมิทั้ง 31ภูมิ ภาษาอังกฤษ
 

Tri91 33++เอกนิบาต ทุกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๒

  • 1. พระสุตตันตปฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 1 พระสุตตันตปฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต - ทุกนิบาต เลมที่ ๑ ภาคที่ ๒ขอนอบนอมแดพระผูมีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจาพระองคนั้น เอตทัคคบาลี วรรคที่ ๕ วาดวยภิกษุณีผูมตําแหนงเลิศ ๑๓ ทาน ี [๑๕๐] ดูกอนภิกษุทั้งหลาย พระมหาปชาบดีโคตมีภกษุณี เลิศ ิกวาพวกภิกษุณีสาวิกาของเราผูรูราตรีนาน. พระเขมาภิกษุณี เลิศกวาพวกภิกษุณีสาวิกาของเราผูมีปญญามาก. พระอุบลวรรณาภิกษุณี เลิศกวาพวกภิกษุณีสาววิกาของเราผูมีฤทธิ์. พระปฏาจาราภิกษุณี เลิศกวาพวกภิกษุณีสาวิกาของเราผูทรงวินัย. พระธรรมทินนาภิกษุณี เลิศกวาพวกภิกษุณีสาวิกาของเราผูเปนธรรมกถึก. พระนันทาภิกษุณี เลิศกวาพวกภิกษุณีสาวิกาของเราผูยินดีในฌาน. พระโสณาภิกษุณี เลิศกวาพวกภิกษุณีสาวิกาของเราผูปรารภความเพียร.
  • 2. พระสุตตันตปฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 2 พระสกุลาภิกษุณี เลิศกวาพวกภิกษุณีสาวิกาของเราผูมีจักษุทิพย. พระภัททากุณฑลเกสาภิกษุณี เลิศกวาพวกภิกษุณีสาวิกาของเราผูตรัสรูไดเร็วพลัน. พระภัททกาปลานีภิกษุณี เลิศกวาพวกภิกษุณีสาวิกาของเราผูระลึกชาติกอน ๆ ได. พระภัททากัจจานาภิกษุณี เลิศกวาพวกภิกษุณีสาวิกาของเราผูไดบรรลุอภิญญาใหญ. พระกีสาโคตมีภิกษุณี เลิศกวาพวกภิกษุณีสาวิกาของเราผูทรงจีวรเศราหมอง. พระสิคาลมาตาภิกษุณี เลิศกวาพวกภิกษุณีสาวิกาของเราผูพนจากกิเลสไดดวยศรัทธา. จบวรรคที่ ๕
  • 3. พระสุตตันตปฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 3 เถริบาลี อรรถกถาวรรคที่ ๕ อรรถกถาสูตรที่ ๑ ๑. ประวัติพระมหาปชาบดีโคตมีเถรี ในสูตรที่ ๑ นั้น พึงทราบวินิจฉัยดังตอไปนี้. ดวยบทวา ยทิท มหาปชาปตี โคตมี ทานแสดงวา พระมหาปชาบดีโคตมีเถรี เปนเลิศกวาพวกภิกษุณีสาวิกาผูรูราตรีนาน ในปญหากรรมของทาน มีเรื่องที่จะกลาวตามลําดับ ดังนี้:- ไดยินวา พระมหาปชาบดีโคตมีนี้ ครั้งพระพุทธเจาพระนามวาปทุมุตตระ ถือปฏิสนธิในเรือนสกุล กรุงหังสวดี สมัยตอมา กําลังฟงพระธรรมเทศนาของพระศาสดา เห็นพระศาสดาทรงสถาปนาภิกษุณีรูปหนึ่งไวในตําแหนงเอตทัคคะเปนเลิศกวาพวกภิกษุณีสาวิกาผูรูราตรีนานก็ทํากุศลใหยิ่งยวดขึ้นไป ปรารถนาตําแหนงนั้น. นางถวายทานรักษาศีลจนตลอดชีวิต จุติจากภพนั้นแลวบังเกิดในเทวโลก จุติจากเทวโลกในพุทธันดรหนึ่งอีก ไปบังเกิดเปนหัวหนาทาสี ในจํานวนทาสี ๕๐๐ คนในกรุงพาราณสี. ครั้งนัน สมัยเขาพรรษา พระปจเจกพุทธเจา ๕๐๐ ้องค ลงจากเงื้อมเขานันทมูลกะ ไปที่ปาอิสิปตนะ เที่ยวบิณฑบาตในกรุงแลวกลับมาปาอิสิปตนะดําริวา ควรเราจักขอหัตถกรรมงานชางฝมือ เพื่อทํากุฎีสําหรับเขาจําพรรษา. เพราะเหตุไร. เพราะผูจะเขาอยูจําพรรษาในฤดูฝน ทั้งปฏิบัตินาลกปฏิปทา จําตองเขาอยูในเสนาสนะ
  • 4. ประจํา ที่มงบังดวยเครื่องมุงบัง ๕ อยาง อยางใดอยางหนึ่ง. สมจริง ุ
  • 5. พระสุตตันตปฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 4ดังพระพุทธดํารัสนี้วา ดูกอนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไมมีเสนาสนะไมพึงเขาอยูจําพรรษา ภิกษุใดฝาฝน ตองอาบัติทุกกฏ ดังนี้. เพราะเหตุนั้น เมื่อใกลฤดูฝน [เขาพรรษา] ถาไดเสนาสนะนั่นก็บุญละ ถาไมได ก็จําตองแสวงหาหัตถกรรมทํา เมื่อไมไดหัตถกรรม ก็พงทําเสียเอง. ภิกษุไมมี ึเสนาสนะไมควรเขาอยูจําพรรษา. นี้เปนธรรมดาประเพณี. เพราะเหตุนั้นพระปจเจกพุทธเจาเหลานั้นคิดวา เราจําจักตองขอหัตถกรรม จึงหมจีวรเขาไปสูพระนครเวลาเย็น ยืนอยูทประตูเรือนของเศรษฐี. นางทาสี ี่หัวหนา ถือหมอน้ํากําลังเดินไปทาน้ํา เห็นเหลาพระปจเจกพุทธเจาเดินเขาพระนคร เศรษฐีรูเหตุที่พระปจเจกพุทธเจาเหลานั้นมาแลว ก็กลาววาขาพเจาไมมีเวลา โปรดไปเถิด. ลําดับนั้น ทาสีหัวหนา ถือหมอน้ําจะเขาไป เห็นพระปจเจกพุทธเจาเหลานั้นกาลังเดินจากพระนคร จึงลดหมอน้ําลง ไหวอยางนอบนอม เผยปากถามวา ทําไมหนอ พระผูเปนเจาทั้งหลาย พอเขาไปแลวก็ออกไป. ทานตอบวา เราพากันมา ก็เพื่อขอหัตถกรรมงานสรางกุฎีสําหรับอยูจําพรรษา. นางจึงถามวา ไดไหมละเจาขา. ตอบวา ไมไดดอก อุบาสิกา. นางถามวา จําเปนหรือที่คนใหญ ๆ เทานั้นจึงจะทํากุฎีนั้นได หรือแมคนยากจนก็ทําได. ทานตอบวาใครๆ ก็ทําได. นางจึงกลาววา ดีละเจาขา พวกดิฉันจักชวยกันทํา ขอโปรดรับอาหารของดิฉันในวันพรุงนี้ นิมนตแลว ก็ถือหมอน้ําพักไวที่ทางทาน้ําที่มาแลว กลาวกับนางทาสีทั้งหลายวา พวกเจาจงอยูตรงนี้กันนะเวลาที่ทาสีเหลานั้นมา ก็กลาววา พวกเจาทั้งหลาย พวกเราจักทํางานเปนทาสีสําหรับคนอื่นกันตลอดไปหรือ หรือวา อยากจะพนจากการเปนทาสีเขา. เหลาทาสีก็ตอบวา พวกเราอยากพนเสียวันนี้นี่แหละ แมเจา. นาง
  • 6. พระสุตตันตปฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 5จึงกลาววา ถาอยางนั้น เหลาพระปจเจกพุทธเจา ๕๐๐ องค ที่ยังไมไดหัตถกรรม เราก็นิมนตใหฉันในวันพรุงนี้แลว พวกเจาจงใหสามีของพวกเจา ใหงานหัตถกรรมเสียวันหนึ่ง. เหลาทาสีก็รับวา ดีละ แลวบอกพวกสามี เวลาที่เขาออกมาจากดงเวลาเย็น. สามีเหลานั้นรับปากแลวมาประชุมกัน ที่ประตูเรือนทาสีหัวหนา ครั้งนั้น ทาสีหัวหนาจึงกลาววา พอทั้งหลาย พรุงนี้พวกเจาจงถวายหัตถกรรมแกพระปจเจกพุทธเจาทั้งหลายดวย แลวบอกอานิสงส ขูคนที่ไมอยากจะทําดวยโอวาทอันหนักหนวงใหทุกคนยอมรับ. รุงขึ้น นางถวายอาหารแกเหลาพระปจเจกพุทธเจาแลวใหการนัดหมายแกลูกทาสทุกคน. ทันใดนั้นเอง ลูกทาสเหลานั้นก็พากันเขาปา รวบรวมทัพพสัมภาระแลว สรางกุฎีทีละหลังเปนรอย ๆหลัง จัดบริเวณมีที่จงกรมเปนตน วางเตียง ตั่ง น้ําฉัน น้ําใชเปนตนไว ใหพระปจเจกพุทธเจาทั้งหลายรับปฏิญญาทีจะอยูจําพรรษา ณ ที่นั้น ่ตลอดไตรมาส ใหจัดเวรถวายอาหาร. ทาสีผูใดไมอาจถวายในวันเวรของตนได ทาสีหัวหนาก็นําอาหารจากเรือนตนถวายแทนทาสีผูนั้น. ทาสีหัวหนาบํารุงมาตลอดไตรมาสอยางนี้ ใหทาสีคนหนึ่ง ๆ จัดผาสาฎกคนละผืน. รวนเปนผาสาฎกเนื้อหยาบ ๕๐๐ ผืน. นางใหเปลี่ยนแปสงผาสาฎกเนื้อหยาบเหลานั้น ทําเปนไตรจีวรถวายพระปจเจกพุทธเจา ๕๐๐ องค.พระปจเจกพุทธเจาทั้งหลายไปสูเขาคันธมาทนทางอากาศทั้งที่ทาสีเหลานั้นเห็นอยูนั่นแล. ทาสีเหลานั้นทุกคนทํากุศลจนตลอดชีวิต ก็บังเกิดในเทวโลก.บรรดาทาสีเหลานั้น ทาสีหัวหนาจุติจากภพนั้นแลว บังเกิดในเรือนของหัวหนาชางทอหูก ไมไกลกรุงพาราณสี. ตอมาวันหนึ่ง พระปจเจกพุทธ-
  • 7. พระสุตตันตปฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 6เจา ๕๐๐ องค บุตรนางปทุมวดี ที่พระเจากรุงพาราณสีนิมนตไวมาถึงประตูพระราชนิเวศนไมพบคนใด ๆ ที่จะดูแล จึงกลับออกไปทางประตูกรุง ไปยังหมูบานชางทอหูกนั้น. หญิงผูนั้นเห็นพระปจเจกพุทธ- เจาทั้งหลาย นึกเอ็นดู ก็ไหวหมดทุกองคแลวถวายอาหาร. พระ-ปจเจกพุทธเจาทั้งหลาย ฉันอาหารเสร็จแลว ก็ไปสูเขาคันธมาทนอยางเดิม. แมหญิงผูนั้น ทํากุศลจนตลอดชีวิต ทองเที่ยวอยูในเทวดาและมนุษยแลวถือปฏิสนธิในเรือนของเจามหาสุปปพุทธะ กรุงเทวทหะ กอนพระ-ศาสดาของเราบังเกิด. พระประยูรญาติถวายพระนามของทานวา โคตมีเปนกนิษฐภคินีของพระนางมหามายา [พระพุทธมารดา]. เหลาพราหมณผูชํานาญมนตตรวจดูพระลักษณะแลวพยากรณวา ทารกที่อยูในพระครรภของพระนางทั้งสองพระองค จักเปนจักรพรรดิ. พระเจาสุทโธทน-มหาราชทรงมงคลอภิเษกกับพระนางทั้งสองพระองค เวลาที่ทรงเจริญวัยแลวทรงนําไปอยูพระราชนิเวศนของพระองค. ตอมา พระโพธิสัตวของเราจุติจากสวรรคชั้นดุสิต ทรงถือปฏิสนธิในพระครรภของพระนางมหามายา-เทวี. ในวันที่ ๗ ตั้งแตวันที่พระโพธิสัตวประสูติแลว พระนางมหามายา-เทวีก็สวรรคต บังเกิดในสวรรคชั้นดุสิต. พระเจาสุทโธทนมหาราชก็ทรงสถาปนาพระนางมหาปชาบดีโคตมี พระมาตุจฉา [พระนานาง]ของพระมหาสัตวไวในตําแหนงพระอัครมเหสี. เวลานั้น นันทกุมารก็ประสูติ. พระมหาปชาบดีน้ี ทรงมอบพระนันทกุมารแกพระพี่เลี้ยงนางนมทรงประคบประหงมบํารุงพระโพธิสัตวดวยพระองคเอง. สมัยตอมา พระ-โพธิสัตวเสด็จออกมหาภิเนษกรมณ บรรลุพระสัพพัญุตญาณ ทรง
  • 8. พระสุตตันตปฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 7อนุเคราะหโลก เสด็จถึงกรุงกบิลพัสดุ เสด็จเขาไปบิณฑบาตในพระนคร.ครั้งนั้น พระเจาสุทโธทนมหาราชพุทธบิดา ทรงสดับธรรมกถา ณระหวางถนน เปนพระโสดาบัน. ครั้นวันที่ ๒ พระนันทกุมาร ก็ทรงผนวช. วันที่ ๗ พระราหุล ก็ทรงผนวช. ตอมา พระศาสดา ทรงอาศัยกรุงเวสาลีประทับอยู ณ กูฏาคารศาลา. สมัยนั้น พระเจาสุทโธทนมหาราชทรงทําใหแจงพระอรหัตแลวปรินิพพาน ภายใตพระมหาเศวตฉัตร. ครั้งนั้น พระนางมหาปชาบดี เกิดวาเหวพระหฤทัยจะทรงผนวช.แตนั้น นางปาทปริจาริกา ของพระกุมาร ๕๐๐ พระองค ผูซึ่งเสด็จออกทรงผนวชเมื่อจบกลหวิวาทสูตร ริมฝงแมน้ําโรหิณี ทุกคนมีจิตเปนอันเดียวกันวา พวกเราจักเขาไปเฝาพระนางมหาปชาบดี แลวบวชในสํานักพระศาสดาหมดทุกคน จึงใหพระนางมหาปชาบดีเปนหัวหนา ประสงคจะไปเฝาพระศาสดา. ก็พระนางมหปชาบดีนี้ทรงทูลขอบรรพชากะพระศาสดาครั้งเดียวครั้งแรกเทานั้น ก็ไมได. เพราะเหตุนั้น พระนางจึงรับสั่งเรียกชางกัลบกมาแลวใหตัดพระเกศา ทรงครองผากาสายะ [ผายอมน้ําฝาด]ทรงพาเหลาสากิยานีทั้งหมดนั้น เสด็จถึงกรุงเวสาลี ใหทานพระอานนท-เถระทูลออนวอนพระทศพล ก็ทรงไดบรรพชาอุปสมบทดวยครุธรรม๘ ประการ. สวนเหลาสากิยานีทั้งหมด ก็ไดอุปสมบทพรอมกัน. นี้เปนความสังเขปในเรื่องนี้. สวนเรื่องนี้โดยพิสดารมาแลวในพระบาลี. ก็พระนางมหาปชาบดีครั้นทรงอุปสมบทอยางนี้แลว เขาเฝาพระศาสดาถวายบังคมแลว ประทับ ณ ทีสมควรสวนขางหนึ่ง เวลานั้นพระศาสดาทรงแสดง ่ธรรมโปรดพระนาง พระนางรับกรรมฐานในสํานักพระศาสดาพระองคเดียวก็บรรลุพระอรหัต. ภิกษุณี ๕๐๐ รูปนอกนัน ก็บรรลุพระอรหัต ้
  • 9. พระสุตตันตปฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 8เมื่อจบนันทโกวาทสูตร. เรื่องนี้เกิดขึ้นดวยประการฉะนี้. ตอมาภายหลังพระศาสดาประทับนั่ง ณ พระเชตวันวิหาร เมื่อทรงสถาปนาภิกษุณีทั้งหลายไวในตําแหนงเอคทัคคะหลายตําแหนง จึงทรงสถาปนาพระมหาปชาบดีไวในตําแหนงเอตทัคคะเปนเลิศกวาพวกภิกษุณีสาวิกา ผูเปนรัตตัญู รูราตรีนาน แล. จบอรรถกถาสูตรที่ ๑ อรรถกถาสูตรที่ ๒ ๒. ประวัติพระเขมาเถรี ในสูตรที่ ๒ พึงทราบวินิจฉัยดังตอไปนี้. บทวา เขมา ไดแก ภิกษุณีมีชื่ออยางนี้. ก็แล ตั้งแตนี้ไป ขาพเจาจะกลาววา ในปญหากรรมของทาน มีเรื่องที่จะกลาวตามลําดับดังนี้แลวจะกลาวขอนี้ควรจะกลาวตั้งแตอภินิหารเปนตนไปไวทุกแหง. ดังไดสดับมา ในอดีตกาลครั้งพระพุทธเจาพระนามวา ปทุมุตตระนางเขมานี้ก็บังเกิดนับเนื่องกับคนอื่น ในกรุงหังสวดี. ตอมา วันหนึ่งนางพบพระสุชาตเถรี อัครสาวิกาของพระผูมีพระภาคเจานั้น กําลังเที่ยวบิณฑบาต จึงถวายขนมตม ๓ กอน ในวันนั้นนั่นแล ก็จัดในเรือนของคนแลวถวายทาน แตพระเถรีทําความปรารถนาวา ดิฉันพึงมีปญญามากเหมือนทาน ในพุทธุปบาทกาลในอนาคต. เปนผูไมประมาทในกุศลกรรมทั้งหลายจนลอดชีวิต ทองเที่ยวอยูในเทวดาและมนุษยแสนกัป-ครั้งพระพุทธเจาพระนามวากัสสปะ ก็ถือปฏิสนธิในพระราชนิเวศนของพระเจากิงกิ เปนพระธิดาอยูระหวางพระพี่นองนาง ๗ พระองค ทรง
  • 10. พระสุตตันตปฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 9ประพฤติกุมารีพรหมจรรย ในพระราชนิเวศนถึง ๒๐,๐๐๐ ป รวมกับพระพี่นองนางเหลานั้น สรางบริเวณที่ประทับอยูของพระทศพล เวียนวายอยูในเทวดาและมนุษยพุทธันดรหนึ่ง ในพุทธุปบาทกาลนี้ ก็ถือปฏิสนธิในราชสกุล กรุงสาคละ แควนมัททะ พระประยูรญาติเฉลิมพระนามของพระนางวา เขมา พระนางมีพระฉวีวรรณแหงพระวรกายเลื่อมเรื่อดังน้ําทอง พอเจริญพระชันษา ก็เสด็จไปอยูในพระราชนิเวศน [เปนพระเทวี]ของพระเจาพิมพิสาร. เมื่อพระตถาคตทรงอาศัยกรุงราชคฤหประทับอยูณ พระเวฬุวันวิหาร พระนางทรงสดับวา เขาวา พระศาสดาทรงแสดงโทษในรูป เปนผูมัวเมาในรูปโฉม ไมกลาไปเฝาพระทศพล ดวยทรงกลัววาพระศาสดาจะทรงแสดงโทษในรูปของเรา. พระราชาทรงพระดําริวาเราเปนอัครอุปฐากของพระศาสดา แตอัครมเหสีของอริยสาวกเชนเรา ก็ยังไมไปเฝาพระทศพล ขอนี้เราไมชอบใจเลย. จึงทรงใหเหลากวีประพันธคุณสมบัติของพระเวฬุวันราชอุทยาน รับสั่งวา พวกทานจงขับรองใกล ๆ ที่พระนางเขมาเทวีทรงไดยิน. พระนางทรงสดับคําพรรณนาคุณของพระราชอุทยาน ก็มพระประสงคจะเสด็จไป จึงกราบทูลสอบถามพระ- ีราชา. ทาวเธอตรัสวา ไปอุทยานก็ได แตไมเฝาพระศาสดา อยาไดกลับมานะ พระนางไมถวายคําตอบแดพระราชา ก็เสด็จไปตามทาง. พระ-ราชาตรัสสั่งเหลาบุรุษที่ไปกับพระนางวา ถาพระเทวีเมื่อจะกลับจากสวนเฝาพระทศพลไดอยางนี้นั่นก็เปนบุญ ถาไมเฝา พวกทานก็จงใชราชอํานาจแสดงกะพระนาง. ครั้งนั้น พระนางเสด็จชมพระราชอุทยานเสียจนสิ้นวันเมื่อเสด็จกลับก็ไมเฝาพระทศพล เริมจะเสด็จกลับ. แตเหลาราชบุรุษนํา ่พระนางไปยังสํานักพระศาสดา ทั้งที่พระนางไมชอบพระทัย.
  • 11. พระสุตตันตปฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 10 พระศาสดาทรงเห็นพระนางกําลังเสด็จมาจึงทรงใชพุทธฤทธิ์เนรมิตเทพอัปสรนางหนึ่งซึ่งกําลังถือกานใบตาลถวายงานพัดอยู. พระนางเขมาเทวีเห็นเทพอัปสรนั้น แลวทรงพระดําริวา เสียหายแลวสิเรา เหลาสตรีที่เทียบกับเทพอัปสรเห็นปานนี้ ยังยืนอยูไมไกลพระทศพล เราแมจะเปนปริจาริกาของสตรีเหลานั้น ก็ยังไมคูควรเลย ก็เพราะเหตุไรเลาเราจึงเปนผูเสียหายดวยอํานาจจิตที่คิดชั่ว เพราะอาศัยความมัวเมา แลวก็ถือนิมตนั้น ยืน ิทอดพระเนตรสตรีนั้นอยู. เมื่อพระนางพิจารณาสตรีนั้นอยูนั้นแล แตดวยกําลังพระอธิฐานของพระตถาคต สตรีนั้นลวงปฐมวัยไป เหมือนตั้งอยูในมัชฌิมวัยฉะนั้น ลวงมัชฌิมวัยไป เหมือนตั้งอยูในปจฉิมวัยฉะนั้นไดเปนผูมีหนังเหี่ยวยน ผมหงอก ฟนหักแลว. แตนั้นเมื่อพระนางกําลังแลดูอยูนั่นแหละ. สตรีนั้นก็ลมลงกลิ้งพรอมกับพัดใบตาล. ลําดับนั้น พระนาง เขมา เมื่ออารมณนั้นมาสูวิถี เพราะเปนผูสมบูรณดวยบุพเหตุ จึงทรงพระดําริอยางนี้วา สรีระมีอยางอยางนี้ ยังถึงความวิบัติอยางนี้ได แมสรีระของเรา ก็จักมีคติอยางนี้เหมือนกัน. ขณะที่พระนางมีพระดําริอยางนี้พระศาสดาจึงตรัสพระคาถาในธรรมบทนี้วา เย ราครตฺตานุปตนฺติ โสต สย กต มกฺกฏโกว ชาล เอตมฺป เฉตฺวาน ปริพฺพชนฺติ อนเปกฺขิโน กามสุข ปหาย. ชนเหลาใด ถูกราคะยอมแลว ยอมตกไป ตามกระแส เหมือนแมลงมุมตกไปตายใยขายที่ตนเอง
  • 12. พระสุตตันตปฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 11 ทําไว ชนเหลานั้น ตัดกระแสนั้นไดแลว ไมเยื่อใย ละกามสุขเสีย ยอมบวช ดังนี้.จบพระคาถา พระนางประทับยืนในอิริยาบถที่ยืนอยูนั่นแล ก็บรรลุพระอรหัตพรอมดวยปฏิสัมภิทา ธรรมดาวา ผูอยูครองเรือนบรรลุพระอรหัตจําตองปรินิพพานหรือบวชเสียในวันนั้นนั่นแหละ. ก็พระนางรูวาอายุสังขารของพระองคยังเปนไปได ทรงพระดําริวา เราจักใหพระราชาทรงอนุญาตการบวชของพระองค จึงเสด็จกลับพระราชนิเวศน ไมถวายบังคมพระราชาประทับยืนอยู. พระราชาก็ทรงทราบโดยสัญญาณคือพระอาการวาพระนางคงจักบรรลุอริยธรรมแลว. พระราชาจึงตรัสกะพระนางวา พระ-เทวีเสด็จไปเฝาพระศาสดาหรือ. ทูลวา พระมหาราชเจา หมอมฉันประพฤติทัศนะอยางที่พระองคทรงเห็นแลว หมอมฉันไดทําพระทศพลใหเปนผูอันหมอมฉันเห็นดวยดีแลว ขอไดโปรดทรงอนุญาตการบรรพชาแกหมอมฉันเถิด. พระราชาตรัสรับวา ดีละพระเทวี ทรงนําไปยังสํานักภิกษุณีดวยวอทอง ใหทรงผนวช. ครั้งนั้น ความที่พระนางมีพระปญญามาก ปรากฏไปวา ชื่อพระเขมาเถรี บรรลุพระอรหัตทั้งที่อยูในเพศคฤหัสถในขอนี้มีเรื่องดังนี้ . ตอมาภายหลัง พระศาสดาประทับนั่ง ณ พระเชตวันวิหาร เมื่อทรงสถาปนาภิกษุณีทั้งหลายไวในตําแหนงตาง ๆ จึงทรงสถาปนาพระเขมาเถรีไวในตําแหนงเอตทัคคะเปนเลิศกวาพวกภิกษุณ- ีสาวิกา ผูมีปญญามาก แล.  จบอรรถกถาสูตรที่ ๒
  • 13. พระสุตตันตปฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 12 อรรถกถาสูตรที่ ๓ ๓. ประวัติพระอุบลวรรณาเถรี ในสูตรที่ ๓ พึงทราบวินิจฉัยดังตอไปนี้. บทวา อุปฺปลวณฺณา ไดแกพระเถรีมีชื่ออยางนี้ ก็เพราะประกอบดวยผิวพรรณเสมือนหองดอกอุบลขาบ. ไดยินวา พระอุบลวรรณาเถรีนั้น ครั้งพระพุทธเจาพระนามวาปทุมุตตระ ถือปฏิสนธิในครอบครัวในกรุงหังสวดี ภายหลังไปสํานักพระ-ศาสดาพรอมกับมหาชน กําลังฟงธรรมอยู เห็นพระศาสดาทรงสถาปนาภิกษุณีรูปหนึ่งไวในตําแหนงเอตทัคคะ เปนเลิศกวาพวกภิกษุณีสาวิกาผูมีฤทธิ์ จึงถวายมหาทานแดภิกษุสงฆ มีพระพุทธเจาเปนประมุข ๗ วันปรารถนาตําแหนงนั้น. นางทํากุศลจนตลอดชีวิต เวียนวายอยูในเทวดาและมนุษย ครั้งพระพุทธเจาพระนามวากัสสปะ ถือปฏิสนธิในราชนิเวศนของพระราชาพระนามวากิงกิ กรุงพาราณสี เปนพระธิดาอยูในระหวางพระพี่นองนาง ๗ พระองค ประพฤติพรหมจรรยอยูถง ๒๐,๐๐๐ ป ทําบริเวณ ึถวายภิกษุสงฆ บังเกิดในเทวโลก จุติจากเทวโลกนั้นไปสูมนุษยโลกอีกบังเกิดในถิ่นของคนทํางานดวยมือตนเองเลี้ยงชีพในหมูบานแหงหนึ่ง วันหนึ่ง นางไปยังกระทอมในนา ระหวางทางเห็นดอกปทุมบานแตเชาตรูในสระแหงหนึ่ง ลงสระนันแลวเก็บดอกปทุมนั้นและใบของปทุมเพื่อใสขาว ้ตอก เด็ดรวงขาวสาลีใกลคันนา นั่งในกระทอมคั่วขาวตอก นับได๕๐๐ ดอก. ขณะนั้น พระปจเจกพุทธเจาองคหนึ่งออกจากนิโรธสมาบัติที่เขาคันธมาทน มายืนไมไกลนาง. นางแลเห็นพระปจเจกพุทธเจา ก็ถือ
  • 14. พระสุตตันตปฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 13ดอกปทุมพรอมทั้งขาวตอกลงจากกระทอม ใสขาวตอกในบาตรของพระ-ปจเจกพุทธเจา ปดบาตรดวยดอกปทุมถวาย. ครั้งนั้น เมื่อพระปจเจก-พุทธเจาไปไดหนอยหนึ่ง นางก็คิดวา ธรรมดาเหลาบรรพชิตไมตองการดอกไม จําเราจักไปเอาดอกไมมาประดับ แลวไปเอาดอกไมจากมือพระ-ปจเจกพุทธเจาแลวคิดอีกวา ถาพระผูเปนเจาไมตองการดอกไมไซร ทานจะไมใหวางดอกไมนั้นไวบนบาตร พระผูเปนเจาจักตองการแนแท แลวไปวางไวบนบาตรอีก ขอขมาแลวทําความปรารถนาวา พระคุณเจาขาดวยผลานิสงสของขาวตอกเหลานี้ ขอจงมีบุตรเทาจํานวนขาวตอก ดวยผลานิสงสของดอกปทุม ขอดอกปทุมจงผุดทุกยางกาวของดิฉัน ในสถานที่เกิดแลว. ทั้งที่นางเห็นอยูนั่นแล พระปจเจกพุทธเจาก็ไปสูเขาคันธ-มาทนทางอากาศ วางดอกปทุมนั้นไวสําหรับเช็ดเทา ใกลบันไดที่พระ-ปจเจกพุทธเจาทั้งหลายเหยียบ ณ เงื้อมเขานันทมูลกะ ดวยผลทานนั้นนางถือปฏิสนธิในเทวโลก. จําเดิมแตเวลาที่นางเกิด. ดอกปทุมขนาดใหญก็ผุดขึ้นทุก ๆ ยางกาวของนาง. นางจุติจากเทวโลกนั้นแลว ก็บงเกิดในหองของดอกปทุม ในสระ ัปทุมแหงหนึ่งใกลเชิงเขาที่ดาบสองคหนึ่งอาศัยเชิงเขาอยู. ดาบสนั้นไปสระแตเชาตรู เพื่อลางหนา เห็นดอกไมนั่นแลวก็คิดวา ดอกนี้ใหญกวาดอกอื่น ๆ ดอกอืน ๆ บาน ดอกนี้ยังตูมอยู คงจะมีเหตุในดอกนั้น แลวจึงลง ่น้ํา จับดอกนั้น. พอดาบสนั้นจับเทานั้น มันก็บาน. ดาบสเห็นเด็กหญิงนอนอยูภายในหองปทุม ไดความสิเนหาดังธิดา นับแตพบเขา จึงนําไปบรรณศาลาพรอมทั้งดอกปทุม ใหนอนบนเตียง. ขณะนั้นดวยบุญญานุภาพ
  • 15. พระสุตตันตปฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 14ของนาง น้ํานมก็บังเกิดที่นิ้วหัวแมมือ. ดาบสนั้นเมื่อดอกปทุมนั้นเหี่ยวก็นําดอกปทุมดอกอื่นมาแทน ใหเด็กหญิงนั้นหลับนอน. นับตั้งแตเด็กหญิงนั้นสามารถเลนวิ่งมาวิ่งไปได ดอกปทุมก็ผุดทุก ๆ ยางกาว. ผิวพรรณแหงสรีระของนาง เปนเหมือนดอกบัวบก. เด็กหญิงนัน ยังไม ้เจริญวัย ก็ลาผิวพรรณเทวดา ล้ําผิวพรรณมนุษย. เมื่อบิดาไปแสวงหา ้ํผลาผล เด็กหญิงนั้นก็ถูกทิ้งไวที่บรรณศาลา. เมื่อเวลาเจริญวัยแลว อยูมาวันหนึ่ง เมือบิดาไปแสวงหาผลาผล ่พรานปาคนหนึ่งเห็นนางก็คิดวา ขึ้นชื่อวาเหลามนุษยรูปรางอยางนี้ไมมีจําเราจักตรวจสอบนาง แลวนั่งรอการมาของดาบส. เมื่อบิดากลับมานางก็เดินสวนทางไปรับสาแหรกจากมือของดาบสนั้นมาดวยตัวเอง แลวแสดงขอวัตรที่คนควรทําแกดาบสซึ่งนั่งลงแลว. ครั้งนั้น นายพรานปาก็รูวานางเปนมนุษย จึงกราบดาบสแลวนั่งลง ดาบสจึงตอนรับดวยผลหมากรากไมกับน้ําดื่มแลวถามวา ดูกอนบุรุษผูเจริญ ทานจักพักอยูใน ที่นี้หรือจักไป. เขาตอบวา จักไปเจาขา อยูในที่นี้จักทําอะไรได. ดาบสขอรองวา เหตุที่ทานเห็นอยูนี้อยาไดพูดไปเลยนะ. เขารับวา ถาพระผูเปนเจาไมประสงคก็จะพูดไปเพราะเหตุไรเลา แลวไหวดาบส ทํากิ่งไมรอยเทา และเครื่องหมายตนไมไวในเวลาที่จะมาอีก ก็หลีกไป. นายพรานปานั้นไปกรุงพาราณสีเฝาพระราชา. พระราชาตรัสถามวา เหตุไรเจาจึงมา. กราบทูลวา ขาแตเทวะ ขาพระบาทเปนพรานปาของพระองค พบอิตถีรตนะอันนาอัศจรรยที่เชิงเขา จึงมาเฝาพระเจาขา ัแลวทูลเลาเรื่องทั้งหมดถวาย. พระราชาสดับคําของนายพรานปานั้นแลวรีบเสด็จไปเชิงเขา ตั้งคายพักในที่ไมไกลจึงพรอมดวยนายพรานปา และเหลาราชบุรุษอื่น ๆ เสด็จไปที่นั้น เวลาดาบสนั่งฉันอาหาร ทรงอภิวาท
  • 16. พระสุตตันตปฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 15ปฏิสันถารแลวประทับนั่ง พระราชาทรงวางเครื่องบริขารสําหรับนักบวชไวแทบเทาดาบส ตรัสวา ทานเจาขา พวกเราจะทําอะไรสักอยางก็จะไปดาบสทูลวา โปรดเสด็จไป เถิด มหาบพิตร. ตรัสวา ทานเจาขา ขาพเจาจะไป ไดทราบวาบริษัทที่เปนขาศึกอยูใกลพระผูเปนเจามีอยู บริษัทนั้นไดชื่อวาเปนผูทําใหการปฏิบัติเนิ่นชาสําหรับนักบวชทั้งหลาย ขอบริษัทนั้นจงไปเสียกับขาพเจาเถิด ทานเจาขา. ทูลวา ขึ้นชื่อวาจิตใจของเหลามนุษยรายนัก หญิงผูนี้จักอยูกลางหมูผูคนมากๆ อยางไรได. ตรัสปลอบวาทานเจาขา นับแตขาพเจาชอบใจนางก็จะตั้งนางไวในตําแหนงหัวหนาของคนอื่น ๆ ทะนุบํารุงไว. ดาบสฟงพระราชดํารัสแลว ก็รองเรียกธิดาโดยชื่อที่ตั้งไวครั้งยังเล็ก ๆ วา ลูกปทุมวดีจา. โดยเรียกคําเดียว นางก็ออกมาจากบรรณศาลายืนไหวบิดา. บิดาจึงกลาวกะนางวา ลูกเอย เจาเจริญวัยแลวคงจะอยูในที่นี้ไดไมผาสุก นับแตพระราชาทรงพบแลว จงไปกับพระราชาเสียเถิดนะลูกนะ. นางรับคําบิดาวา เจาคะ ทานพอ ไหวบิดาแลวเดินไปรองไหไป. พระราชาทรงพระดําริวา จําเราจะยึดจิตใจบิดาของหญิงผูนี้ จึงวางนางไวบนกองกหาปณะแลวทรงทําอภิเษก. จําเดิมแตพระราชาทรงพานางมาถึงนครของพระองคแลว ก็ไมทรงเหลียวแลสตรีอื่น ๆ เลย ทรงอภิรมยอยูกับนางเทานั้น. เหลาสตรีอื่น ๆ ก็ริษยา ประสงคจะทํานางใหแตกกันระหวางพระราชา จึงพากันกราบทูลวาขาแตพระมหาราชเจา หญิงผูนี้มิใชชาติมนุษยดอกเพคะ ดอกปทุมทั้ง-หลายที่ปรากฏอยูในที่พวกมนุษยทองเที่ยวไป พระองคเคยพบแลวมิใชหรือ หญิงผูนี้ตองเปนยักษิณีแนแลว โปรดขับไลมันไปเถิดเพคะ. พระ- ราชาทรงสดับคําของสตรีเหลานั้น ก็ไดแตทรงนิ่งอยู. บังเอิญสมัยนั้น
  • 17. พระสุตตันตปฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 16เมืองทางชายแดน กอการกําเริบ พระนางปทุมวดีก็ทรงพระครรภแกเพราะฉะนั้น พระราชาจึงทรงคงพระนางไวในพระนคร เสด็จไปเมืองชายแดน. ครั้งนั้น สตรีเหลานั้นจึงติดสินบนหญิงผูรับใชพระนางสั่งวาเจาจงนําทารกของพระนางที่พอคลอดแลวออกไป จงเอาทอนไมทอนหนึ่งทาเลือดแลววางไวใกล ๆ แทน. ไมนานนักพระนางปทุมวดีก็ประสูติพระมหาปทุมกุมารอยูในพระครรภพระองคเดียว. นอกนั้นทารก ๔๙๙พระองค ก็บังเกิดเปนสังเสทชะ ในขณะที่พระมหาปทุมกุมารออกจากครรภของพระมารดาแลวบรรทมอยู ขณะนั้นหญิงรับใชพระนางรูวาพระ-นางปทุมวดีนี้ยังไมไดสติก็เอาทอนไมทอนหนึ่งทาเลือดแลววางไวใกล ๆแลวก็ใหสัญญาณนัดหมายแกสตรีเหลานั้น สตรีทง ๕๐๐ คน แตละคน ั้ก็รับทารกคนละองค สงไปสํานักของเหลาชางกลึง ใหนํากลองทั้งหลายมาแลวใหทารกที่แตละคนรับไวนอนในกลองนั้น ทําตราเครื่องหมายไวภายนอกวางไว. ฝายพระนางปทุมวดีรูสึกพระองคแลวถามหญิงรับใชนั้นวา ขาคลอดบุตรหรือจะแมนาง หญิงผูนั้นพูดขูพระนางวา พระนางจักไดทารกแตไหนเลา มีแตทารกที่ออกจากพระครรภพระนางอันนี้ แลวก็วางทอนไมที่เปอนเลือดไวเบื้องพระพักตร. พระนางทอดพระเนตรเห็นแลว ก็เสียพระหฤทัย ตรัสวา เจาจงรีบผาทอนไมนั้นเอาออกไปเสีย ถาใครเขาเห็นจะอับอายขายหนาเขา. หญิงผูนั้นฟงพระราชเสาวนียก็ทําเปนหวังดี ผาทอนไมแลวใสเตาไฟ. ฝายพระราชเสด็จกลับจากเมืองชายแดนแลว รอพระฤกษอยู ตั้งคายพักอยูนอกพระนคร ครั้งนั้นสตรี ๕๐๐ คน ก็มาตอนรับพระราชากราบทูลวา ขาแตพระมหาราชเจา พระองคคงจักไมทรงเชื่อขาพระบาท
  • 18. พระสุตตันตปฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 17ทั้งหลายวา ที่ขาพระบาทกราบทูลประหนึ่งไมมีเหตุ ขอไดโปรดสอบถามหญิงรับใชพระมเหสีดู พระเทวีประสูติเปนทอนไม พระราชาทรงสอบสวนเหตุนั้นแลวทรงพระดําริวา พระนางคงจักไมใชชาติมนุษยแน ดังนี้แลวทรงขับไลพระนางออกไปจากพระนิเวศน. พอพระนางเสด็จออกพระราชนิเวศนเทานั้น ดอกปทุมทั้งหลายก็อันตรธานไป พระสรีระก็มีผิวพรรณแปลกไป พระนางทรงดําเนินไปในทองถนนพระองคเดียวครั้งนั้นหญิงเจริญวัยผูหนึ่งแลเห็นพระนางก็เกิดสิเนหาพระนางประดุจวาเปนธิดา จึงพูดวา แมคุณจะไปไหนจะ พระนางตรัสวา ดิฉันเปนคนจรกําลังเที่ยวเดินหาที่อยูจะ หญิงชราพูดวา มาอยูเสียที่นี้ซิจะ แลวใหที่อยูจัดแจงอาหารใหเสวย. เมื่อพระนางอยูในที่นั้นโดยทํานองนี้ สตรี ๕๐๐ คนนั้นก็รวมใจกันกราบทูลพระราชาวา ขาแตพระมหาราชเจา เมื่อพระองคประทับคายพัก พวกขาพระบาทมีความปรารถนาวา เมื่อเทวะของพวกขาพระบาทชนะสงครามกลับมา จักทรงเลนกีฬาทางน้ํา เปนพลีกรรมแกเทวดาประจําแมคงคา ขอเทวะโปรดประกาศใหทราบเรื่องนี้เพคะ พระราชาดีพระหฤทัย ดวยคําทูลของสตรีเหลานั้น เสด็จไปทรงกีฬาทางน้ําในแมพระคงคา หญิงเหลานั้นถือกลองที่แตละคนรับไวอยางมิดชิดไปยังแมน้ําหมคลุมเพื่อปกปดกลองเหลานั้น ทําเปนตกน้ําแลวทิ้งกลองทั้งหลายเสียกลองเหลานั้นมารวมกันหมดแลว ติดอยูในขายที่เขาขึงไวใตกระแสน้ํา.แตนั้น เวลาที่พระราชาทรงกีฬาทางน้ําเสด็จขึ้นแลว ราชบุรุษทั้งหลายก็ยกตาขายขึ้นเห็นกลองเหลานั้น จึงนําไปราชสํานัก พระราชาทอดพระ-เนตรเห็นกลองทั้งหลาย จึงตรัสถามวา อะไรในกลอง พอเขากราบทูลวา
  • 19. พระสุตตันตปฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 18ยังไมทราบพระเจาขา ทาวเธอทรงใหเปดกลองเหลานั้นสํารวจดู ทรงใหเปดกลองใสพระมหาปทุมกุมารเปนกลองแรก ในวันนี้พระกุมารเหลานั้นทั้งหมดบรรทมอยูในกลองทั้งหลาย น้ํานมก็บังเกิดที่หัวนิ้วแมมือ ดวยบุญฤทธิ์ ทาวสักกเทวราชสั่งใหจารึกอักษรไวที่ขางในกลอง เพื่อพระ-ราชาจะไดไมทรงสงสัยวา พระกุมารเหลานี้ประสูติในพระครรภของพระ-นางปทุมวดี เปนโอรสของพระเจากรุงพาราณสี ครั้งนั้นสตรี ๕๐๐ คนซึ่งเปนศัตรูของพระนางปทุมวดี ใสพระกุมารเหลานั้นไวในกลองแลวโยนน้ํา ขอพระราชาโปรดทราบเหตุนี้ พอเปดกลองพระราชาทรงอานอักษรทั้งหลายแลวทอดพระเนตรเห็นทารกทั้งหลาย ทรงยกพระมหาปทุม-กุมารขึ้น ตรัสสั่งวา จงรีบเทียมรถจัดมาไว วันนี้เราจักเขาไปในพระนครทําใหเปนที่รักสําหรับแมบานบางจําพวก แลวเสด็จขึ้นปราสาท ทรงวางถุงทรัพย ๑,๐๐๐ กหาปณะ ไวบนคอชาง โปรดใหตีกลองปาวประกาศวา ผูใดพบพระนางปทุมวดี ผูนั้นจงรับถุงทรัพย ๑,๐๐๐ กหาปณะไป. พระนางปทุมวดี ทรงไดยินคําประกาศนั้นแลว ไดใหสัญญานัดหมายแกมารดาวา แมจา จงรับถุงทรัพย ๑,๐๐๐ กหาปณะ จากคอชางเถิด. หญิงชรากลาววา ขาไมอาจรับทรัพยขนาดนั้นไดดอก.พระนาง แมเมื่อมารดาปฏิเสธ ๒ - ๓ ครั้ง ก็ตรัสวา แมพูดอะไร รับไวเถิดแม. หญิงชราคิดวา ลูกของเราคงพบพระนางปทุมวดี เพราะ-ฉะนั้น จึงกลาววา รับไวเถิด. หญิงชรานั้น จึงจําใจเดินไปรับถุงทรัพย ๑,๐๐๐ กหาปณะ. ขณะนั้น ผูคนทั้งหลายพากันถามหญิงชรานั้นวาคุณแม เห็นพระนางปทุมวดีเทวีหรือ. หญิงชราตอบวา ขาไมเห็นดอกแตลูกสาวของขาเห็น. ผูคนเหลานั้นถามวา ก็ลูกสาวของคุณแมอยูที่ไหน
  • 20. พระสุตตันตปฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 19เลา แลวก็เดินไปกับหญิงชรานั้น จําพระนางปทุมวดีไดก็พากันหมอบอยูแทบยุคลบาท. ในเวลานั้น หญิงชรานั้นก็ชี้วา นี้พระนางปทุมวดีเทวีแลวกลาววา ผูหญิงทํากรรมหนักหนอ เปนถึงพระมเหสีของพระราชาอยางนี้ ยังอยูปราศจากอารักขา ในสถานที่เห็นปานนี้. ราชบุรุษเหลานั้นเอามานขาววงลอมเปนนิเวศนของพระนางปทุมวดี ตั้งกองอารักขาไวใกลประตู แลวกราบทูลแดพระราชา. พระราชาทรงสงสุวรรณสีวิกา พระ-วอทองไปรับ. พระนางรับสั่งวา เราจะไมไปอยางนี้ เมื่อพวกทานลาดเครื่องลาดอันวิจิตรดวยผาเปลือกไมอยางดี ระหวางตั้งแตสถานที่อยูของเราจนถึงพระราชนิเวศน ใหติดเพดานผาอันวิจิตรดวยดาวทองไวขางบนแลวสงสรรพอาภรณเพื่อประดับไป เราจักเดินไปดวยเทา ชาวพระนครจักเห็นสมบัติของเราอยางนี้ พระราชาตรัสวา พวกทานจงทําตามความชอบใจของปทุมวดี. แตนั้น พระนางปทุมวดี ทรงพระดําริวา เราจักประดับเครื่องประดับทุกอยางเดินไปพระราชนิเวศนแลวเสด็จเดินทาง.ครั้งนั้น ดอกปทุมทั้งหลาย ก็ชําแรกเครื่องลาดอันวิจิตรดวยผาเปลือกไมอยางดี ผุดขึ้นในที่ทุกยางกาวพระบาทของพระนาง. พระนางครั้นแสดงสมบัติของพระองคแกมหาชนแลว เสด็จขึ้นพระราชนิเวศน โปรดประทานเครื่องลาดอันวิจิตรทั้งหมด เปนคาเลี้ยงดูแกหญิงชรานั้น. พระราชารับสั่งใหเรียกสตรี ๕๐๐ คนมาแลวตรัสวา ดูกอนเทวีเราใหหญิงเหลานั้นเปนทาสีของเจา. พระนางทูลวา ดีละเพคะ หมอมฉันขอใหทรงประกาศใหชาวเมืองทั่วไปไดทราบวา หญิงเหลานี้พระราชทานแกหมอมฉันแลว. พระราชาก็โปรดใหตีกลองบาวประกาศวา หญิง ๕๐๐คน ผูประทุษรายพระนางปทุมวดี เราใหเปนทาสีของพระนางพระองค
  • 21. พระสุตตันตปฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 20เดียว. พระนางปทุมวดีนั้น ทรงทราบวา ในนครทั่วไป กําหนดรูวาหญิงเหลานั้นเปนทาสีแลว จึงทูลถามพระราชาวา ขาแตเทวะ หมอมฉันจะทําทาสีของหมอมฉันใหเปนไท ไดไหมเพคะ. พระราชารับสั่งวาเทวี เจาตองการก็ไดสิ. พระนางกราบทูลวา เมื่อเปนเชนนั้น ขอไดทรงโปรดใหเรียกคนตีกลองปาวประกาศสั่งใหเขาตีกลองปาวประกาศอีกวา พวกทาสี ที่พระองคพระราชทานแกพระนางปทุมวดี พระนางทําใหเปนไทหมดทั้ง ๕๐๐ คนแลว. เมื่อสตรีเหลานั้นเปนไทแลว พระนางก็มอบพระโอรส ๔๙๙ พระองคใหสตรีเหลานั้นเลี้ยงดู สวนพระองคเองทรงรับเลี้ยงดูเฉพาะพระมหาปทุมกุมารเทานั้น. เมื่อถึงเวลาพระราชกุมารเหลานั้นทรงเลนได พระราชาก็โปรดใหสรางสนามเลนตาง ๆ ไวในพระ-ราชอุทยาน. พระราชกุมารเหลานั้น มีพระชันษาได ๖ พรรษา ทุกพระองคก็พรอมกันลงเลนในมงคลโบกขรณี ทีปกคลุมดวยปทุม ใน ่พระราชอุทยาน ทรงเห็นปทุมดอกใหมบาน ดอกเกากําลังหลนจากขั้วก็พิจารณาเห็นวา ดอกปทุมนี้ไมมีใจครอง ยังประสบชราเห็นปานนี้ ก็จะปวยกลาวไปไยถึงสรีระของพวกเราเลา แมสรีระนี้ก็คงจักมีคติอยางนี้เหมือนกัน แลวทรงยึดเปนอารมณ ทุกพระองคบังเกิดปจเจกพุทธญาณแลวพากันลุกขึ้น ประทับนั่งขัดสมาธิ ณ กลีบดอกปทุม ขณะนั้น พวกราชบุรุษที่ไปกันพระราชกุมารเหลานั้นรูวาสายมากแลว จึงทูลวา พระ-ลูกเจา เจาขา ขอไดโปรดทราบเวลาของพระองค. พระราชกุมารทั้งหมดนั้นก็นิ่งเสีย. ราชบุรุษเหลานั้น ก็พากันไปกราบทูลพระราชาวา ขาแตเทวะ. พระราชกุมารทั้งหลายประทับนั่งในกลีบดอกปทุม เมื่อพวกขา-พระบาทกราบทูล ก็ไมทรงเปลงพระวาจาเลย. พระราชาตรัสวา พวก
  • 22. พระสุตตันตปฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 21เจาจงใหพวกเขานั่งตามชอบใจเถิด. พระราชกุมารเหลานั้น ไดรับอารักขาตลอดคืนยังรุง ก็ประทับนั่งในกลีบดอกปทุมทํานองนั้นนั่นแหละจนอรุณจับฟา พวกราชบุรุษก็กลับไป รุงขึ้น จึงพากันเขาไปเฝาทูลวาขอเทวะทั้งหลาย โปรดทราบเวลาเถิด พระเจาขา. ทุกพระองคตรัสวาพวกเราไมใชเทวะ พวกเราชื่อวา พระปจเจกพุทธะ. พวกเขากราบทูลวา ขาแตพระลูกเจาทั้งหลาย พระองคตรัสพระดํารัสหนัก พระเจาขา.ธรรมดาวา พระปจเจกพุทธะทั้งหลาย ไมเปนเชนพระองคดอก ตองมีหนวดเครา ๒ องคุลี มีบริขาร ๘ สวมพระกายสิพระเจาขา. พระราช-กุมารเหลานั้นเอาพระหัตถขวาลูบพระเศียร. ทันใดนั้นเอง เพศคฤหัสถก็อันตรธานหายไป. กลายเปนผูมีบริขาร ๘ สวมพระวรกาย แลวก็เสด็จไปเงื้อมเขานันทมูลกะ ทังที่มหาชนกําลังมองดูอยูนั่นแล. ้ ฝายพระนางปทุมวดี ก็ทรงเศราโศกพระหฤทัยวา เราก็มีลูกมากแตก็จําพลัดพรากกันไป. เสด็จทิวงคตดวยพระโรคนั้นนั่นแล บังเกิดในสถานของคนทํางานดวยมือตนเองเลี้ยงชีพ ในหมูบานใกลประตูกรุงราช-คฤห. ตอมา นางมีเหยาเรือนแลว วันหนึ่ง กําลังนําขาวยาคูไปใหสามีก็แลเห็นพระปจเจกพุทธะ ๘ องค อยูในจํานวนบุตรเหลานั้นของตนซึ่งกําลังเหาะไปในเวลาแสวงหาอาหาร จึงรีบไปบอกสามีวา เชิญดูพระผูเปนเจาปจเจกพุทธะ ชวยนิมนตทานมา เราจักถวายอาหาร. สามีพูดวาขึ้นชื่อวาพวกนก ก็บินเที่ยวไปอยางนั้น นั่นไมใชพระปจเจกพุทธะดอก.พระปจเจกพุทธะเหลานั้น ก็ลงในที่ไมไกลคนทั้ง ๒ นั้น ซึงกําลังพูดจา ่กันอยู. หญิงนั้นก็ถวายโภชนะคือขาวสวยและกับแกลมสําหรับตนในวันนั้นแดพระปจเจกพุทธะเหลานั้นแลวนิมนตวา พรุงนี้ ทานทั้ง ๘ ขอโปรด
  • 23. พระสุตตันตปฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 22รับอาหารของดิฉันดวย. พระปจเจกพุทธะเหลานั้นกลาววา ดีละทานอุบาสิกา ทานมีสักการะและมีอาสนะ ๘ ที่เทานั้น ก็พอ เห็นพระปจเจก-พุทธะองคอื่น ๆ เพิ่มมากขึ้น ก็จงคงจิตใจของทานไว. วันรุงขึ้น นางก็ปูอาสนะไว ๘ ที่ นั่งจัดสักการะสําหรับพระปจเจกพุทธะ ๘ องค.พระปจเจกพุทธะทั้งหลายที่รับนิมนตจึงใหสัญญาณนัดหมายแกเหลาพระ-ปจเจกพุทธะนอกนั้นวา ทานผูนิรทุกขทั้งหลาย วันนี้อยาไปที่อื่น ทั้งหมดจงชวยกันสงเคราะหโยมมารดาของพวกทานเถิด. ฟงคําของพระปจเจก-พุทธะ ๘ องคนั้นแลว ทุกองคก็เหาะไปพรอมกัน ปรากฏอยูที่ประตูเรือนของมารดา. แมนางเห็นพระปจเจกพุทธะจํานวนมากกวาสัญญาที่ไดรับคราวแรก ก็มิไดหวันไหว. นิมนตทุกองคเขาไปเรือนใหนั่งเหนือ ่อาสนะ. เมือพระปจเจกพุทธะกําลังนั่งตามลําดับ องคที่ ๙ ก็เนรมิต ่อาสนะเพิ่มขึ้นอีก ๘ ที่ ตนเองนั่งเหนืออาสนะที่ไกล. เรือนก็ขยายตามเทาที่อาสนะเพิ่มขึ้น. เมื่อพระปจเจกพุทธะทุกองคนั่งอยางนั้นแลว หญิงนั้นก็ถวายสักการะที่จัดไวสําหรับพระปจเจกพุทธะ ๘ องค จนเพียงพอเทาพระปจเจกพุทธะ ๕๐๐ องค แลวจึงนําเอาดอกอุบลขาบทั้ง ๘ ดอกที่อยูในมือวางไวแทบเทาของพระปจเจกพุทธะที่นิมนตมาเทานั้น กลาวอธิฐานวา ทานเจาขา ขอผิวกายของดิฉัน จงเปนประดุจผิวภายในหองดอกอุบลขาบเหลานี้ ในสถานที่ที่ดิฉันเกิดแลวเกิดอีกนะเจาขา. พระ-ปจเจกพุทธะทั้งหลาย ทานอนุโมทนาแกมารดาแลวก็ไปสูเขาคันธมาทน. แมหญิงนั้น ทํากุศลจนตลอดชีวิต จุติจากภพนั้นแลวบังเกิดในเทวโลก ในพุทธุปบาทกาลนี้ ก็ถือปฏิสนธิในครอบครัวเศรษฐี. ก็เพราะนางมีผิวพรรณเสมอดวยดอกอุบลขาบ. บิดามารดาจึงขนานนาม
  • 24. พระสุตตันตปฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 23ของนางวา อุบลวรรณา. เมื่อเวลานางเจริญวัย พระราชาทั่วชมพูทวีปก็สงคนไปสํานักเศรษฐีขอนาง ไมมีราชาพระองคใดที่ไมสงคนไปขอ.แตนั้น เศรษฐีคิดวา เราไมอาจยึดเหนี่ยวจิตใจของคนทุกคนได แตจําเราจะทําอุบายสักอยางหนึ่ง จึงเรียกธิดามาถามวา เจาบวชไดไหมลูก.เพราะเหตุที่นางเกิดในภพสุดทาย คําของบิดานั้นจึงเปนเหมือนน้ํามันเคี่ยว ๑๐๐ ครั้งราดลงบนศีรษะ. เพราะเหตุนั้น นางจึงกลาวกะบิดาวาบวชไดจะพอ. เศรษฐีนน จึงทําสักการะแกนางแลวนําไปสํานักภิกษุณี ั้ใหบวช เมือนางบวชใหม ๆ ถึงเวร [วาระ] ในโรงอุโบสถ. นาง ่ตามประทีปกวาดโรงอุโบสถ ถือเอานิมิตที่เปลวประทีป ตรวจดูบอย ๆก็ทําฌานมีเตโชกสิณเปนอารมณใหฌานบังเกิด แลวทําฌานนั้นใหเปนบาท ก็บรรลุพระอรหัต. พรอมดวยพระอรหัตผลนั่นแล ก็เปนผูช่ําชองชํานาญในการแสดงฤทธิ์ตาง ๆ ตอมา ในวันที่พระศาสดาทรงทํายมกปาฏิหาริย ทานก็บันลือสีหนาทวา ขาแตพระองคผูเจริญขาพระองคจักทําปาฏิหาริยถวาย. พระศาสดาทรงทําเหตุอันนี้ใหเปนอัตถุปปตติ เหตุเกิดเรื่อง ประทับนั่ง ณ พระเชตวันมหาวิหาร เมื่อทรงสถาปนาภิกษุณีทั้งหลายในตําแหนงตาง ๆ ตามลําดับ จึงทรงสถาปนาพระเถรีนี้ไวในตําแหนงเอตทัคคะเปนเลิศกวาพวกภิกษุณีสาวิกา ผูมีฤทธิ์แล. จบอรรถกถาสูตรที่ ๓
  • 25. พระสุตตันตปฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 24 อรรถกถาสูตรที่ ๔ ๔. ประวัตพระปฏาจาราเถรี ิ ในสูตรที่ ๔ พึงทราบวินิจฉัยดังตอไปนี้. ดวยบทวา วินยธราน ยทิท ปฏาจารา ทานแสดงวา พระ-ปฏาจาราเถรีเปนเลิศกวาพวกภิกษุณีสาวิกาผูทรงวินัย. ดังไดสดับมา พระเถรีนั้น ครั้งพระพุทธเจาพระนามวา ปทุมุตตระถือปฏิสนธิในครอบครัว กรุงหังสวดี ตอมา กาลังฟงพระธรรมเทศนาของพระศาสดา เห็นพระศาสดาทรงสถาปนาภิกษุณีรูปหนึ่งไวในตําแหนงเอตทัคคะเปนเลิศกวาพวกภิกษุณีสาวิกาผูทรงวินัย ทํากุศลใหยิ่งยวดขึ้นไป ปรารถนาตําแหนงนั้น. ทานทํากุศลจนตลอดชีวิต เวียนวายอยูในเทวดาและมนุษย ครั้งพระพุทธเจาพระนามวากัสสปะ. ถือปฏิสนธิในพระราชนิเวศนของพระเจากิงกิ เปนพระธิดาพระองคหนึ่งระหวางพระพี่นองนาง ๗ พระองค ประพฤติพรหมจรรยอยูถึง ๒๐,๐๐๐ ปสรางบริเวณถวายภิกษุสงฆ บังเกิดในเทวโลกอีก เสวยสมบัติอยูพุทธันดรหนึ่งในพุทธุปบาทกาลนี้ ถือปฏิสนธิในครอบครัวเศรษฐี กรุงสาวัตถี. ตอมา นางเจริญวัยไดทําการลักลอบกับลูกจางคนหนึ่งในบานภายหลังกําลังจะมีสามีที่มีชาติเสมอกัน จึงไดทําการนัดหมายกับบุรุษที่ลักลอบกันนันวา ตั้งแตวันพรุงนี้ไป เจาจักไมไดเห็นเรา แมจะประหาร ้สัก ๑๐๐ ครั้ง ถาเจายังรักเรา ก็จงพาเราไปเสียเดี๋ยวนี้. บุรุษผูนั้นรับคําวา ตกลง แลวก็ถอเอาสิ่งของมีคาติดมือไปพอสมควร พานาง ืออกไป ๓-๔ โยชนจากพระนคร อาศัยอยูในหมูบานแหงหนึ่ง ตอมา
  • 26. พระสุตตันตปฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 25ภายหลังนางตั้งครรภ เมื่อครรภแก จึงกลาววา ที่นี้ไมสมควรแกเราฉันจะไปเรือนสกุลนะนาย. เขาก็ผัดวา วันนี้จะไป พรุงนี้คอยไป แตก็ไมไดไปจนลวงเวลาไป. นางรูเหตุของสามีนั้น คิดวา สามีนี้เขลาจึงไมพาเราไป เมื่อสามีนั้นออกไปนอกบาน จึงเดินไปลําพังคนเดียว ดวยหมายใจจะกลับไปยังครอบครัว. สามีกลับมาไมเห็นนางในเรือน จึงถามคนที่คุนเคยกัน รูวา นางกลับไปยังครอบครัว ก็คิดวา นางเปนธิดาของสกุล อาศัยแตเราไมมีที่พึ่งเลย จึงเดินตามรอยเทาจนทันกัน นางก็ตลอดบุตรเสียในระหวางทางนั้นเอง. สองสามีภริยาปรึกษากันวา ประ-โยชนที่เราจะพึงเดินทางไป ก็สําเร็จแลวในระหวางทาง เดี๋ยวนี้เราจักไปทําไมเลาจึงพากันกลับ . นางก็ตั้งครรภอีก. พึงทําเรื่องใหพิสดารตามนัยกอนนั้นแล. แตในระหวางทาง พอนางคลอดบุตร เมฆฝนก็ตั้งเคามาทั้ง ๔ ทิศ. นางจึงกลาวกะสามีวา นาย ไมใชเวลาแลว เมฆฝนตั้งเคานาทั้ง ๔ ทิศ จงพายามทําที่อยูสําหรับตัวเราเถิด. สามีรับคําวา จักทําเดี๋ยวนี้ เอาทอนไมมาทํากระทอม คิดวาจะหาหญามามุงบัง จึงตัดหญาที่เชิงจอมปลวกใหญแหงหนึ่ง. ทีนั้น งูเหาที่นอนในจอมปลวกก็กัดเทาเขา.บุรุษผูนั้น ก็ลมลงที่นั้นนันเอง. แมนางคิดวาเดี๋ยวเขาคงมา. รอจนตลอด ่ทั้งคืน ก็คิดอีกวา เขาคงจักคิดวา เรานี้ เปนหญิงอนาถา พึ่งไมไดแลวทอดทิ้งไวในทางหนีไปแลว ครั้นเกิดแสงสวางแวบขึ้น จงมองดูตามรอยเทา เห็นสามีลมลงที่เชิงจอมปลวก ก็คร่ําครวญวา เพราะเรา เขาจึงเสีย แลวเอาลูกคนเล็กแนบขาง เอานิ้วมือจูงลูกคนโต เดินไปตานทางระหวางทางพบแมน้ําตื้น ๆ สายหนึ่ง คิดวา เราไมอาจพาลูกไปคราวเดียวกันไดทั้ง ๒ คน จึงวางลูกคนโตไวฝงนี้ นําลูกคนเล็กไปฝงโนน ให
  • 27. พระสุตตันตปฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 26นอนบนเบาะเกา ๆ ลงขามแมน้ํา ดวยหมายจะพาลูกคนนี้ไป. เวลาที่นางถึงกลางแมน้ํา เหยียวตัวหนึ่งก็มาโฉบเด็กไปดวยสําคัญวา เปนกอน ่เนื้อ. นางก็ยกมือไลเหยี่ยว. ลูกคนโตเห็นนางทํามืออยางนั้น สําคัญวาแมเรียก ก็ลงขามแมน้ํา ตกไปในกระแสน้ํา ก็ลอยไปตามกระแสน้ําเมื่อนางยังขามไมถึงนั่นเอง เหยี่ยวก็โฉบเอาลูกคนเล็กนั้นไป. นางเศรา-โศกเปนกําลัง ในระหวางทาง ก็เดินขับเพลงรําพัน ดังนี้วา อุโภ ปุตฺตา กาลกตา ปนฺเถ มยฺห ปตี มโต. บุตรสองคนก็ตาย สามีเราก็ตายเสียที่หนทาง. นางรําพันอยางนี้ จนถึงกรุงสาวัตถี ไปหาคนที่ชอบพอกันของสกุลก็กําหนดจําเรือนของตนไมได ดวยอํานาจความเศราโศก สอบถามวาที่ตรงนี้ มีสกุล ชื่ออยางนี้ เรือนอยูไหนเลา. ผูคนทั้งหลายกลาววาเจาสอบถามถึงสกุลนั้นจักทําอะไร เรือนที่อยูของคนเหลานั้น ลมแลวเพราะลมกระหน่ํา คนเหลานั้นในเรือนหลังนั้น เสียชีวิตหมด เขาเผาคนเหลานั้นบนเชิงตะกอนอันเดียวกัน ทั้งเด็กทั้งผูใหญ ดูเสียสิ กลุมควันไฟยังปรากฏอยูนั่น. นางฟงคําบอกเลาแลว ก็พูดวา พวกทานพูดอะไร ก็ทรงผานุงของตนไวไมได ทํานองวันเกิดนั่นแหละ ประคองสองแขนร่ําไห เดินไปสถานที่เชิงตะกอนเผาเหลาญาติ คร่ําครวญเพลงรําพันพิลาปจนครบคาถาวา อุโภ ปุตฺตา กาลกตา ปนฺเถ มยฺห ปตี มโต มาตา ปตา จ ภาตา จ เอกจิตฺตกสฺมึ ฑยฺหเร. บุตรสองคนก็ตาย สามีเราก็ตายเสียที่หนทาง มารดาบิดาและพี่ชาย เขาก็เผาที่เชิงตะกอนเดียวกัน.