SlideShare una empresa de Scribd logo
1 de 16
Descargar para leer sin conexión
ภาษาไทย Ent 48 1
1. การที่นักร๎องนักแสดงไทยหลายคนที่เกิดและ
เติบโตในตํางประเทศ และพูดภาษาไทยได๎
ไมํชัดเจนนั้น แสดงให๎เห็นถึงลักษณะและ
ธรรมชาติของภาษาตามข๎อใด
1) ภาษาเปลี่ยนแปลงได๎ตามสภาพแวดล๎อม
2) ภาษายํอมแตกตํางกันตามเชื้อชาติ
3) ภาษามักจะสะท๎อนสภาพของสังคมนั้นๆ
4) ภาษาเป็นวัฒนธรรมทางสังคม
2. ข๎อใดไม่มีคายืมจากภาษาตํางประเทศ
1) พํอแมํควรสอนลูกวํายาเสพติดและ
เครื่องดื่มมึนเมา เผยแพรํกันอยํางไร
2) การยกตัวอยํางจากรายการโทรทัศน์เพื่อ
สอนให๎ลูกเข๎าใจอันตรายเป็นวิธีที่ดี
3) ในกรณีที่ลูกอายุต่ากวํา 10 ขวบ พํอแมํ
ควรอธิบายสั้น ๆ ให๎เข๎าใจงําย
4) ถ๎าสอนอะไรยาว ๆ เกี่ยวกับสิ่งที่เด็กไมํ
รู๎จัก เด็กจะเบื่อ และสับสน
3. ข๎อใดเรียบเรียงตามลักษณะประโยค
ภาษาไทย
1) เยาวชนเป็นผู๎ที่นามาซึ่งความหวังของ
สังคม
2) ปัจจุบันการแพรํระบาดของยาบ๎าได๎
ขยายตัวเพิ่มขึ้น
3) ผู๎บริหารจาเป็นต๎องมีเจตคติที่ดีตํอ
ผู๎ใต๎บังคับบัญชา
4) วัคซีนชนิดนี้แม๎วําจะมีข๎อดี แตํไมํควรใช๎
ในผู๎ใหญํวัยชรา
4. ข๎อใดไม่ใช้โครงสร๎างประโยคแบบ
ภาษาตํางประเทศ
1) เรื่องนี้งํายตํอการเข๎าใจ
2) งานเขียนของเขาเป็นที่สนใจของคนหมูํ
มาก
3) แมํมีลูกถึง 7 คน จึงต๎องรู๎จักวิธีบริหารเงิน
4) ทุกสิ่งทุกอยํางจบลงด๎วยความตายของ
ตัวเอก
5. ข๎อใดประกอบด๎วยคาหรือพยางค์ที่ขึ้นต๎นด๎วย
พยัญชนะต๎นเดี่ยวทั้งหมด
1) ผูกงูด๎วยมนตรา
2) วิทยาอาคมหมาย
3) ผูกสารบํเคลื่อนคลาย
4) ด๎วยเชือกบาศกระสันพัน
6. ข๎อใดมีพยางค์ที่ใช๎สระประสมมากที่สุด
1) นึกเฉลียวเสียวทรวงถึงดวงจันทร์
2) กรับประสานสวบสวบสํงเสียงใส
3) ทั้งหวายตรวนล๎วนเครื่องที่ลาบาก
4) พลุกระจายชํอชํวงดังดวงเดือน
7. ข๎อใดมีเสียงวรรณยุกต์ ไม่ ครบทุกเสียง
1) เวลานี้เธออยูํที่ไหนหนอ
2) ยังจาได๎สายลมแหํงความรัก
3) น้าค๎างหยดแตะแต๎มบนแก๎มหญ๎า
4) ข๎าเก็บดอกหญ๎ามาทัดหู
8. คาในข๎อใดมีโครงสร๎างพยางค์เหมือนกันทั้ง
สองคา
1) ตั้งร๎าน
2) ข๎างขึ้น
3) คลํองแคลํว
4) ทรุดโทรม
9. คาที่มีเสียงซ้าในข๎อใดทาหน๎าที่เป็นคาซ้า
1) ความรู๎รู๎ยิ่งได๎ สินทรัพย์
2) รอนรอนอํอนแสงพระสุริยา
3) แมํลาลาลดไห๎ หาศรี
4) ยามคืนคืนทุกข์ทิ้ง กลางไพร
10. " ทรัพย์สินทางปัญญาเป็นสิ่งมีคํายิ่ง จึงมี
ลิขสิทธิ์การคิดค๎นประดิษฐกรรมใหมํ "
ข๎อความข๎างต๎นมีคาสมาสและคาประสมอยํางละกี่คา
1) คาสมาส 1 คา คาประสม 2 คา
2) คาสมาส 2 คา คาประสม 1 คา
3) คาสมาส 3 คา คาประสม 2 คา
4) คาสมาส 2 คา คาประสม 2 คา
2
11. ข๎อใดมีคาซ๎อนมากที่สุด
1) แตํหนาวใจยากแค๎นนี้แสนเข็ญ
2) ออกแออัดผู๎คนอยูํล๎นหลาม
3) ในแหลํงหล๎าใครไมํมีเสมอเหมือน
4) ไมํสมประกอบทรัพย์สินก็ขัดสน
12. ข๎อใดเป็นคาสมาสที่ใช๎วิธีการสนธิเพียง
1 คา
1) ขีปนาวุธ ยุทโธปกรณ์
2) สรรพากร สรรพสามิต
3) ปฏิชีวนะ ปฏิกิริยา
4) กัมมันตภาพ อุณหภูมิ
13. คาที่ขีดเส๎นใต๎ข๎อใดเป็นคากริยาอกรรม
1) บริเวณป่ารอบตัวมืดสนิท
2) น้าหวานเหนียวข๎นกระเซ็นติดฝามุม
ห๎อง
3) เราตํางถอดรองเท๎าออกวางไว๎ข๎างบันได
4) สายลมแรงโยกกิ่งก๎านต๎นไม๎ให๎ไหวเอน
14. ข๎อใดมีโครงสร๎างเชํนเดียวกับประโยค
‚ดอกบัวตองบานสะพรั่งชูไสวทั่วท๎องทุํง‛
1) พวกเด็ก ๆ วิ่งเลํนกันเต็มสนามกีฬา
2) ฟ้าคะนองผําเปรี้ยงลงที่ตึกหลังสูง
3) เจ๎าดํางครางหงิง ๆ วิ่งไปมาตามถนน
4) แมํครัวนอนเหยียดยาวกลางห๎องครัว
15. ข๎อใดเป็นประโยคความเดียว
1) คนที่มีสุขภาพดีมาจากคนที่กินอาหารดี
ถูกหลักโภชนาการ
2) การทางานให๎สาเร็จลุลํวงอยํางมี
ประสิทธิภาพมิได๎อยูํที่คนเพียงคนเดียว
3) ขณะนี้ถึงเวลาที่ทุกคนต๎องรํวมมือกัน
แก๎ปัญหาเศรษฐกิจของชาติอยํางจริงจัง
4) ความมีน้าใจที่แท๎ไมํได๎มาจากความ
จาเป็น หากมาจากความต๎องการที่จะ
ให๎
16. ข๎อใดเป็นประโยคความซ๎อน
1) ปัจจุบันทํอน้าใช๎ ทํอระบายน้าตาม
อาคารบ๎านเรือน ทํอร๎อยสายไฟและ
สายโทรศัพท์มักเป็นผลิตภัณฑ์
พลาสติกที่เรียกกันทั่วไปวําทํอพีวีซี
2) ทํอชนิดนี้ได๎รับความนิยมมากกวําทํอ
เหล็กอาบสังกะสีก็เพราะมีน้าหนักเบา
กวําทํอเหล็กขนาดเดียวกันถึงห๎าเทํา
3) ทํอพีวีซีสะดวกในการขนสํงและติดตั้ง
ไมํมีกลิ่นเหม็นและไมํทาปฏิกิริยาทาง
เคมีกับกรดอํอนทุกชนิด
4) นอกจากนั้นทํอชนิดนี้ยังเกิดแรง
ต๎านทานการไหลของน้าน๎อย เพราะมี
ผิวเรียบเป็นมัน
17. ข๎อใดเป็นประโยคความซ๎อนที่มีประโยค
ขยายทั้งภาคประธานและภาคแสดง
1) การชํวยเหลือเพื่อนมนุษย์เป็นกิจกรรม
ที่ทาให๎เกิดความสุข
2) หมอกควันที่เกิดจากไฟไหม๎ป่าที่
อินโดนีเซียคงจะคลี่คลายในไมํช๎า
3) คาสแลงที่วัยรุํนคิดสร๎างขึ้นมักเป็นคาที่
เกิดขึ้นด๎วยความคะนอง
4) หลังจากที่คําเงินบาทลอยตัว เขาก็ยกเลิก
โครงการไปเรียนตํอที่ตํางประเทศ
18. ข๎อใดเป็นประโยคสมบูรณ์
1) สภาพของโลกาภิวัตน์ที่มีความเข๎มข๎น
และจะเพิ่มความรุนแรงมากขึ้น จนมี
ผลกระทบอยํางจริงจังตํอการอุดมศึกษา
ไทยในอนาคต
2) ปัจจุบันองค์กรปกครองท๎องถิ่นที่นับวํา
สาคัญมากที่สุดของประเทศไทย ที่มี
ความสัมพันธ์ใกล๎ชิดกับชุมชน และ
ทรัพยากรธรรมชาติมากที่สุด
ภาษาไทย Ent 48 3
3) ดังนั้นการมองดูสภาพแหํงโลกาภิวัตน์ที่
จะมีผลตํอการอุดมศึกษาไทย จึงนําจะ
เป็นจุดสาคัญในการหลํอหลอมปรัชญา
และความหมายของการอุดมศึกษาไทย
ในอนาคต
4) ถึงแม๎วําขณะนี้หลายหนํวยงานจะได๎
ตระหนักถึงความจาเป็นในการ
ปรับเปลี่ยนแนวทางการพัฒนา
เศรษฐกิจให๎ดาเนินควบคูํไปกับการ
รักษาและฟื้นฟูคุณภาพสิ่งแวดล๎อม
19. ข๎อใดมิใช่ภาษาในระดับเดียวกันกับข๎ออื่น ๆ
1) แม๎จะอ๎างวําเป็นการใช๎สิทธิตาม
รัฐธรรมนูญ แตํพฤติการณ์ก็ชัดวําเป็น
การเตะถํวง
2) การมุํงเอาชนะกันโดยปราศจากความ
รับผิดชอบกํอให๎เกิดผลเสียอันประมาณ
มิได๎
3) แนวคิดเรื่อง ‚ธรรมรัฐ‛ กาลังได๎รับการ
ขานรับจากสังคม
4) ถ๎ามิใชํเกมการเมือง ไฉนจึงตัดสินใจ
อยํางฉุกละหุกลุกลี้ลุกลน
20. ข๎อใดใช๎ภาษาได๎เหมาะสมสาหรับการเขียน
รายงานทางวิชาการ
1) กระบองเพชรเป็นพันธุ์ไม๎ที่แปลก
ประหลาดพิสดารที่สุดอยํางหนึ่ง และ
อยูํคูํโลกมาแล๎วไมํรู๎กี่ล๎านปี
2) กระบองเพชรบางพันธุ์สุดสวยงดงามใน
เรื่องของลาต๎น กิ่งก๎านสาขาแถมยังมี
ดอกที่หอมลึกซึ้ง
3) ข๎อดีของการเลี้ยงกระบองเพชรคือยาฆํา
แมลงแทบไมํต๎องใช๎ ปุ๋ยก็ใช๎น๎อย และ
ใสํหํางกวําพืชชนิดอื่น ๆ
4) คนสํวนใหญํมักเชื่อวํากระบองเพชรเป็นพืช
ที่พบได๎เฉพาะในทะเลทรายเทํานั้น แท๎ที่
จริงสามารถพบแทบทุกสภาพภูมิอากาศ
21. ข๎อใดเป็นราชาศัพท์ที่ใช๎กับสมเด็จ
พระสังฆราชได๎ถูกต๎อง
1) สมเด็จพระสังฆราชฯ มีพระลิขิตแสดง
พระวินิจฉัยกรณีเกี่ยวกับวินัยสงฆ์
2) สมเด็จพระสังฆราชฯ มีลายพระหัตถ์
ประทานพรประชาชนชาวไทย
3) สมเด็จพระสังฆราชฯ เสด็จไปเสวย
ภัตตาหารเพลในพระบรมมหาราชวัง
4) สมเด็จพระสังฆราชฯ ทรงพระประชวร
แพทย์ผู๎ถวายการรักษาจึงถวาย
คาแนะนาให๎ทรงพัก
22. ข๎อใดใช๎คาราชาศัพท์ไม่ถูกต๎อง
1) พระบาทสมเด็จพระเจ๎าอยูํหัวทรง
พระราชดาริหาวิธีการที่จะพัฒนา
คุณภาพชีวิตของราษฎรในชนบทเสมอ
มา
2) สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยาม
บรมราชกุมารีทรงโปรดการเรียนรู๎สรรพ
วิชา แม๎จะไมํทรงถนัดชัดเจนใน บาง
เรื่องแตํทรงใฝ่หาความรู๎อยูํเป็นนิตย์
3) สมเด็จพระสังฆราชได๎ประทานพรปีใหมํ
แกํประชาชนในคืนวันที่ 31 ธันวาคม
4) พระเจ๎าหลานเธอพระองค์เจ๎าพัชรกิติยาภา
เสด็จไปทอดพระเนตรการแสดงคอนเสิร์ต
การกุศล ที่โรงแรมแหํงหนึ่งเมื่อเร็ว ๆ นี้
ใช้ข้อความต่อไปนี้ตอบคาถามข้อ 23 - 24
(1) โอกาสที่เด็ก ๆ จะได๎เลําเรียนชั้นสูง ๆ
นั้นยํอมไมํมีประตูเปิดไว๎สาหรับต๎อนรับเด็กผู๎
ยากจน
(2) ประตูนั้นจะเปิดออกก็ตํอเมื่อถูกไขด๎วย
กุญแจเงินกุญแจทอง
4
23. ข๎อใดเป็นแนวคิดสาคัญของข๎อความข๎างต๎น
1) ความสาเร็จในชีวิตกับการศึกษา
2) ความลํมสลายของระบบการศึกษา
3) ความไมํเสมอภาคกันทางการศึกษา
4) การฉ๎อราษฎร์บังหลวงในราชการศึกษา
24. ข๎อความข๎างต๎นมีโครงสร๎างของการแสดง
เหตุผลอยํางไร
1) ข๎อความที่ 1 เป็นข๎อสนับสนุน
ข๎อความที่ 2 เป็นข๎อสรุป
2) ข๎อความที่ 1 เป็นข๎อสรุป
ข๎อความที่ 2 เป็นข๎อสนับสนุน
3) ข๎อความที่ 1 และ 2 เป็น
ข๎อสนับสนุน ไมํมีข๎อสรุป
4) ข๎อความที่ 1 และ 2 เป็นข๎อสรุป
ไมํมีข๎อสนับสนุน
25. ฝ่ายกองทัพพมําซึ่งตั้งมั่นอยูํกับกองทัพ
มอญนั้น เสบียงก็ขัดสนเบาบางลง ด๎วยรี้
พลมากนัก ทหารทั้งปวงอดข๎าวปลาอาหาร
อิดโรยถอยกาลังลง
ข๎อความข๎างต๎นใช๎เหตุและผลที่สัมพันธ์กัน
เป็นลาดับตามข๎อใด
1) ผล เหตุ ผล เหตุ
2) เหตุ ผล เหตุ ผล
3) ผล เหตุ ผล ผล
4) เหตุ เหตุ ผล ผล
26. ข๎อความตํอไปนี้สามารถประเมินได๎ตรงตาม
ข๎อใด ‚ข๎าพเจ๎าเคยเตือนคนรุํนหนุํมสาวเสมอ
วําอยําทอดทิ้งของเกํา ๆ ของไทยเราเสีย
อยํางไมํอาลัยไยดี เพราะของเกําเป็น
เครื่องชี้อายุของชาติ เป็นเครื่องแสดง
วัฒนธรรมของชาติ ทั้งนี้มิได๎หมายความวํา
ข๎าพเจ๎าไมํนิยมของใหมํเลย‛
1) สมเหตุสมผล
2) มีลักษณะสร๎างสรรค์
3) เหมาะแกํกาละและบุคคล
4) ใช๎ภาษากระชับและเข๎าใจงําย
27. ข๎อใดเป็นข๎อสันนิษฐานที่สมเหตุสมผล
สาหรับความแตกตํางในการเขียนสมัยพํอขุน
รามคาแหง ซึ่งเขียนคาวํา ‚หีน กดีง ปตู‛
ตรงกับคา ‚หิน กระดิ่ง ประตู‛ ในสมัย
ปัจจุบัน ตามลาดับ
1) ในสมัยสุโขทัยยังไมํมีการกาหนด
ภาษาไทยมาตรฐาน
2) สมัยสุโขทัยไมํมีพจนานุกรม ทาให๎คน
เขียนสะกดผิด
3) คนสมัยสุโขทัยออกเสียงคาตํางกับคน
สมัยปัจจุบัน จึงเขียนตํางกัน
4) การจารึกอักษรบนหินยากกวําการเขียน
จึงต๎องสะกดคาให๎งํายที่สุด เพื่อจะได๎
จารึกงํายด๎วย
ให้ใช้ข้อความต่อไปนี้ตอบคาถามข้อ 28 - 29
สมัยนี้กาลังเหํอวิชาทางด๎านเทคโนโลยีกัน
นิมิตดีก็ตรงที่มีการสอนวิชาทางสังคมศาสตร์ และ
มนุษยศาสตร์เข๎าไปให๎เป็นน้ากระสายด๎วยบ๎าง
เมื่อไรมีการสอนให๎ได๎เจริญสติโดยหัวสมองกับหัวใจ
ประสานสอดคล๎องกัน นั่นจึงจักชื่อวําการศึกษาที่แท๎
ความรู๎จึงจัก เป็นปัญญา และปัญญากับกรุณา
ยํอมจะไปด๎วยกัน คนที่มีสติปัญญายํอมลด
ความเห็นแกํตัวลงไป เพื่อจะได๎เกื้อกูลเพื่อน
มนุษย์ตลอดไปจนสรรพสัตว์
28. ข๎อใดไม่อาจอนุมานได๎จากข๎อความข๎างต๎น
1) การศึกษาเทคโนโลยีให๎ความรู๎แกํมนุษย์
2) คนเห็นแกํตัวยํอมไมํเป็นผู๎มีการศึกษา
อยํางแท๎จริง
3) การศึกษาสังคมศาสตร์และ
มนุษยศาสตร์ทาให๎รู๎จักเห็นใจผู๎อื่น
ภาษาไทย Ent 48 5
4) คนเห็นแกํตัวยํอมสร๎างความเดือดร๎อน
แกํทั้งเพื่อนมนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย
29. ข๎อความนี้เป็นการแสดงทรรศนะแบบใด
1) ทรรศนะเกี่ยวกับคุณคํา
2) ทรรศนะเกี่ยวกับนโยบาย
3) ทรรศนะเกี่ยวกับข๎อเท็จจริง
4) ทรรศนะเกี่ยวกับเหตุผล
30. ข๎อใดไม่ใช่การคิดเชิงโต๎แย๎ง
1) เรียนอะไรก็ได๎ที่ชอบ ตรวจสอบตัวเอง
ให๎ดี
2) การสอบแขํงขันเป็นสิ่งดี แตํคิดอีกที
เหมือนดาบสองคม
3) สายวิทย์อยําคิดวําแนํ สายศิลป์ที่รู๎
จริงนํะเกํงแท๎
4) มหาวิทยาลัยเปิด มหาวิทยาลัยปิด
จบเป็นบัณฑิตไมํตํางกัน
อ่านข้อความต่อไปนี้แล้วตอบคาถาม ข้อ
31 - 32
การสอนภาษาอังกฤษในระดับโรงเรียนสังกัด
รัฐบาลยังมีปัญหาที่เป็นอุปสรรคมากมาย เริ่มต๎น
จากครูที่มีความถนัดวิชาการด๎านนี้ยังมีอยูํไมํมาก
นัก และแม๎จะนาไปอบรมเข๎มคราวละ 1-2 เดือน
ก็ยังไมํเกิดประสิทธิภาพเพียงพอ มาถึงระบบการ
เรียนที่ขัดกับธรรมชาติของการเรียนรู๎ทางด๎าน
ภาษา เชํนมุํงที่จะให๎ทํองจาหลักเกณฑ์ไวยากรณ์
อยํางเอาเป็นเอาตาย มากกวําการสร๎างความ
เชื่อมั่นในการใช๎ภาษา เมื่อมีการกาหนดนโยบาย
ให๎เน๎นการสอนภาษาอังกฤษแกํนักเรียนไทยอยําง
มีประสิทธิภาพก็นําหํวงวําในเวลาปฏิบัติการจริงก็
จะเรํงรัดให๎เด็กทํองจาเพื่อทาข๎อสอบพอผํานเป็น
คราว ๆ ไปเทํานั้น
31. ข๎อใดสรุปใจความข๎างต๎นได๎ถูกต๎อง
1) ปัญหาการสอนภาษาอังกฤษใน
โรงเรียนมีผลมาจากนโยบายที่เน๎นให๎
เรียนเพื่อสอบผําน
2) การสอนภาษาอังกฤษในโรงเรียนยังไมํ
ประสบผลสาเร็จ เพราะครูขาดความรู๎
และใช๎วิธีการสอนไมํถูกต๎อง
3) การเรียนรู๎ด๎านภาษาจะต๎องไมํมุํงให๎
ผู๎เรียนทํองจาหลักเกณฑ์ แตํต๎องให๎
กล๎าแสดงออก
4) การกาหนดนโยบายให๎เน๎นการสอน
ภาษาอังกฤษอยํางมีประสิทธิภาพเป็น
สิ่งที่ปฏิบัติได๎ยาก
32. ข๎อใดเป็นประเด็นการโต๎แย๎งของข๎อความ
ข๎างต๎น
1) ปัญหาการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ
ในโรงเรียนเกิดจากคุณภาพของครูจริง
หรือ
2) การสอนภาษาอังกฤษในโรงเรียนรัฐบาล
ปัจจุบันใช๎วิธีการไมํถูกต๎องจริงหรือไมํ
3) การสอนภาษาอังกฤษให๎มีประสิทธิภาพ
เป็นแนวดาเนินการที่จะปฏิบัติได๎จริง
หรือ
4) โรงเรียนควรมีสํวนวางแนวการเรียนการ
สอนภาษาอังกฤษให๎เกิดประสิทธิผลได๎
จริงหรือไมํ
33. ข๎อใดใช๎ภาษาเพื่อแสดงทรรศนะ
1) รัฐบาลแถลงวําภาวะเศรษฐกิจของไทย
ในปัจจุบันเริ่มดีขึ้นเป็นลาดับ
2) คุณภาพชีวิตที่ดียํอมเกิดขึ้นได๎หาก
ประชาชนรํวมใจกันพัฒนาสิ่งแวดล๎อม
3) ราคาผลผลิตตกต่าและน้ามันขึ้นราคา
เป็นผลกระทบมาจากปัจจัยภายนอก
4) เราเรียนรู๎จากอดีตวําการกินดีอยูํดีของ
ประชาชนขึ้นอยูํกับเสถียรภาพของรัฐบาล
6
34. คาในข๎อใดมีความหมายต่างกับข๎ออื่น
1) สภาพเศรษฐกิจขาลงขณะนี้สํงผลให๎
ตลาดธุรกิจถํายภาพชะลอตัว
2) แม๎เศรษฐกิจซบเซา แตํบริษัทยังคง
ดาเนินโครงการอยํางตํอเนื่อง
3) แม๎วําสถานการณ์เศรษฐกิจเปลี่ยนไป
แตํเรายังสามารถตรึงราคาสินค๎าให๎เทํา
เดิมได๎
4) เมื่อประสบกับสภาวะเศรษฐกิจถดถอย
บริษัทจึงไมํสามารถแบกรับภาระไหว
35. ข๎อใดมีคาที่เหมาะสมที่จะเติมในชํองวําง
ตามลาดับ
หญิงสาวสวยที่ยืนใกล๎ ๆ เขา ______ เขา
มาก เขาจ๎องมองเธออยูํนานพอสมควร ใน
ที่สุดเขาจึงตัดสินใจ _____เข๎าไปถามเวลา
และถือโอกาสจับมือเธอ แตํเธอ ______
และเดินหนีเขาไป
1) บาดตา ทาที สลัดมือ
2) ต๎องตา ทาทํา สลัดมือ
3) บาดตา ทาทํา สะบัดมือ
4) ต๎องตา ทาที สะบัดมือ
อ่านข้อความต่อไปนี้แล้วตอบคาถาม ข้อ
36 - 37
‚การดารงชีวิตอยูํของคนเราไมํควรที่จะ
หวังพึ่งเสียงโชคชะตา มนุษย์สามารถเอาชนะทุก
สิ่งทุกอยํางได๎เสมอขอเพียงแตํให๎เรามีความมั่นใจ
ในตัวเอง เป็นตัวของตัวเองและไมํยอมแพ๎เสียแตํ
ต๎นมือ‛
36. ข๎อความข๎างต๎นเป็นสารประเภทใด
1) สารแสดงข๎อเท็จจริง
2) สารแสดงทรรศนะ
3) สารแสดงความรู๎สึก
4) สารแสดงการจูงใจ
37. ข๎อความดังกลําวใช๎กลวิธีอยํางไร
1) การแสดงให๎ประจักษ์ตามกระบวนการ
เหตุผล
2) การแสดงให๎เห็นวําสารมีน้าหนัก
นําเชื่อถือ
3) การแสดงให๎เห็นทางเลือกด๎านดีและ
ด๎านเสีย
4) การเร๎าให๎เกิดอารมณ์อยํางแรงกล๎า
38. ข๎อใดใช๎คาได๎ตรงตามความหมาย
1) ไมํเคยมีแพทย์คนใดในโรงพยาบาลนี้ถูก
ตาหนิวําไมํมีจรรยาแพทย์
2) เด็กคนนี้ดื้อเหลือเกิน คุณยายซึ่งใจเย็น
มากยังเอํยปากเลย
3) เธอสบายใจเมื่อได๎ตกแตํงลูกสาว
เรียบร๎อยแล๎ว
4) เขาปฏิเสธวําเขาไมํเคยผูกพันกับคดี
เชํนนี้
39. กลุํมคาในข๎อใดมีความหมายกว๎าง
1) คุณยายชอบใช๎เครื่องบดอาหาร
2) น๎องซื้อเครื่องดูดฝุ่นใหมํ
3) แมํทาความสะอาดเครื่องเงิน
4) พี่สาวใช๎เครื่องเป่าผมทุกวัน
40. ประโยคใดไม่มีข๎อบกพรํองในเรื่องการใช๎คา
1) เด็กเล็ก ๆ เหลํานี้กาลังนํารักนําชัง
ทั้งนั้น
2) ทาไมเมื่อหัวเขําถูกโขลก ปลายเท๎าจึง
ถีบออกไปข๎างหน๎าอยํางไมํรู๎ตัว
3) ชาวบ๎านรํวมมือกันพัฒนาการหมูํบ๎าน
ของตนเพื่อให๎มีน้าใช๎ในฤดูแล๎ง
4) การเปลี่ยนแปลงของภาษาที่ยังมีผู๎ใช๎อยูํ
เป็นเรื่องธรรมดา
ภาษาไทย Ent 48 7
41. ข๎อใดใช๎คาเชื่อมไม่ถูกต๎อง
1) พูดถึงยาเสพติดไมํวําชนิดใดก็ตาม
ล๎วนแตํกํอให๎เกิดผลเสียตํอสุขภาพของ
มนุษย์ทั้งสิ้น
2) คาวํายาเสพติดไมํใชํมีเฉพาะฝิ่น เฮโรอีน
รวมทั้งกัญชา เทํานั้น แตํยังรวมไปถึงยา
กระตุ๎นประสาทและยาหลอนประสาท
3) ยากระตุ๎นประสาทจะทาให๎รํางกายถูก
ฝืนให๎ทางานหนักตรากตราติดตํอกันจน
เหน็ดเหนื่อยผลคือสุขภาพทรุดโทรม
4) ผู๎ใช๎ยาหลอนประสาทจะมีอาการ
ประสาทหลอนและทาให๎เกิดประสาท
ลวง ในที่สุดก็จะเป็นโรคจิต
42. กลุํมคาในข๎อใดทุกคามีความหมายมากกวํา
1 ความหมาย
1) จาวัด สับหลีก เจ๎าถนน
2) ชักใย ขึ้นหม๎อ ตามน้า
3) ทอดตลาด ทอดนํอง ทอดเสียง
4) ลายคราม เจ๎าบ๎าน ซองขาว
43. ข๎อใดใช๎คาถูกต๎อง
1) ฆาตกรหัวแข็งให๎การปฏิเสธข๎อกลําวหา
ทุกข๎อ
2) ครูใหญํอุปการคุณฉันมาตลอดตั้งแตํเด็ก
จนจบการศึกษา
3) การลดความอ๎วนให๎ได๎ผลดีต๎องไมํกิน
จุบจิบตลอดวันอยํางนี้
4) นักเรียนชอบซื้ออาหารร๎านนี้เพราะขาย
ถูกและมีอัธยาศัยที่ยิ้มแย๎ม
44. ข๎อใดใช๎คา ‚ถึง‛ ได๎อยํางเหมาะสม
1) อาจารย์ใหญํกลําวถึงผลงานของ
โรงเรียนในรอบปีที่ผํานมาวําอยูํใน
เกณฑ์ที่นําพอใจ
2) นายกสมาคมกลําวขอบคุณและชื่นชม
ถึงแนวคิดของสมาชิกที่ได๎เสนอในครั้งนี้
3) การจัดงานครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให๎
ทุกคนเข๎าใจถึงบทบาทและหน๎าที่ที่มีตํอ
ชุมชน
4) เมื่อรัฐบาลประกาศถึงเศรษฐกิจไทยมี
แนวโน๎มดีขึ้น ทาให๎ตํางชาติมาลงทุน
เพิ่มขึ้นในทันที
45. สานวนใดใช๎กลําวเพื่อเตือนสติ
1) เงาตามตัว
2) ไว๎เนื้อเชื่อใจ
3) คอขาดบาดตาย
4) บ๎านเมืองมีขื่อมีแป
46. ข๎อความตํอไปนี้ตรงกับสานวนใด
‚ขําวความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการ
ปรับเปลี่ยนตัวบุคคลที่จะมาดารงตาแหนํง
รัฐมนตรีแทนนายเชี่ยวชาญนั้น นําจะ
เป็นการปลํอยขําวเพื่อต๎องการทราบวําจะมี
ปฏิกิริยา อยํางไร‛
1) กวนน้าให๎ขุํน
2) โยนหินถามทาง
3) หวํานพืชหวังผล
4) ปากคนยาวกวําปากกา
47. ข๎อใดเป็นคาพูดที่เหมาะสมที่สุดของประธาน
ในที่ประชุม
1) ผมขอมอบให๎คุณสมชายเป็นฝ่าย
เหรัญญิก คุณสมชายจะขัดข๎องไหมครับ
2) ผมขอให๎ที่ประชุมพิจารณาเรื่องสถานที่ที่
จะไปทัศนศึกษาและผมเสนอวําเราควร
ไปเขาค๎อ ผมเคยไปมาแล๎วอากาศดีมาก
3) เลขานุการของสมาคมขอลาออก ผม
ขอให๎ที่ประชุมเสนอชื่อผู๎ที่จะทาหน๎าที่นี้
เพื่อจะได๎มีมติแตํงตั้งตํอไป
4) ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ให้จัดการ
ประชุมวิชาการ เนื่องในโอกาส 72
พรรษาผมจะทาโครงการเองนะครับ จะ
ได้ตั้งงบประมาณได้เร็ว
8
48. ข๎อใดที่นักเรียนควรเลือกใช๎ในการไปขอรับ
การสนับสนุนคําใช๎จํายจากบริษัทสาหรับการ
ทากิจกรรมของโรงเรียน ตามที่นัดหมายไว๎
ลํวงหน๎า
1) ต๎องประทานโทษที่รบกวน แตํคิดวํา
บริษัททํานมีศักยภาพที่จะสนับสนุนได๎
ในฐานะที่ลูก ๆ ทํานก็เคยเรียนที่นี่
2) ขออนุญาตเรียนให๎ทํานชํวยพิจารณา
หากเห็นวําสาระของกิจกรรมใน
โครงการนี้พอจะมีคุณคําที่จะกรุณา
สนับสนุนได๎
3) ต๎องกราบเรียนวําเราใครํครวญแล๎วกํอน
จะมาขอความอนุเคราะห์ เพราะทราบ
อยูํวําบริษัทกาลังประสบภาวะวิกฤติ
แตํทํานก็คงจะชํวยเราได๎
4) ใครํเรียนวําที่เจาะจงมาขอความอนุเคราะห์
เพราะบริษัททํานมีนโยบายสํงเสริม
กิจกรรมเชิงพัฒนาอยูํแล๎ว อยํางน๎อยก็
เทํากับทํานรู๎จักคืนกาไรให๎สังคมครับ
49. แนวปฏิบัติข๎อใดที่ผู๎เข๎าประชุมนําจะทาน๎อย
ที่สุด
1) หาความรู๎เกี่ยวกับการประชุมอยํางรอบ
ด๎าน
2) เป็นนักฟังที่ดีฟังผู๎รํวมประชุมอยํางพินิจ
พิเคราะห์
3) ประนีประนอมกับผู๎รํวมประชุมโดย
ตลอด
4) พูดให๎ตรงประเด็นอยํางสุภาพแตํรวบรัด
ใช้ข้อความต่อไปนี้ตอบคาถามข้อ50
ตอนหนึ่งของการบรรยายเพื่อรณรงค์ให๎มีการ
สร๎างวินัย วิทยากรกลําววํา ‚ในสังคมไทยทุก
วันนี้ ใคร ๆ ก็พูดให๎คนมีวินัยกันทั้งนั้น วาง
หลักการ ออกคาสั่ง ให๎คาแนะนาสั่งสอนแตํแล๎ว
ตนเองก็ไมํทา สาหรับผม ผมปฏิบัตินะและอยําง
เครํงครัดด๎วย เพื่อเป็นการสอนอีกทางให๎ได๎เห็น
แบบอยํางเรียนรู๎ และซึมซับเอาอยํางเคยชิน
อยํางเป็นนิสัย และอยํางเป็นธรรมชาติ ซึ่งไมํ
จาเป็นต๎องออกปากเรียกร๎อง เพราะฉะนั้นเมื่อ
ผมสอนลูก ลูกก็ปฏิบัติ ผมก็เชื่อวําลูกผมมีวินัย
อยากจะบอกวํา เมื่อใดก็ตามที่การปฏิบัติไมํ
เป็นไปตามธรรมชาติ เมื่อนั้นก็รังแตํทาคนให๎เป็น
‚นักสร๎างภาพ‛ มากขึ้นทุกที ๆ จนเต็มสังคม‛
50. บัญชาฟังข๎อความข๎างต๎นแล๎วตระหนักดีวํา
‚ความล๎มเหลวของการสร๎างวินัยอยูํที่ใด‛
แสดงวําบัญชาเข๎าถึงการฟังระดับใด
1) เข๎าใจจุดประสงค์ของผู๎พูด
2) ตีความคาวํา ‚นักสร๎างภาพ‛ ได๎
3) วิเคราะห์ได๎วํา หากพูดโดยไมํลงมือทา
ก็จะไมํเกิดผล
4) ประเมินคําแล๎ววํา ‚ผลของการกระทามี
คําล้ากวําการพูดลอย ๆ‛
51. ในการโต๎แย๎งกันเรื่องการสอบแขํงขันคัดเลือก
เข๎ามหาวิทยาลัยระบบใหมํ ข๎อใดแสดงวําผู๎
รํวมวงสนทนาขาดมารยาทในการพูดและการ
ฟัง
1) ฉันวําการสอบแบบเกําเข๎าทํากวํานะ
ไมํให๎รู๎คะแนน ทาให๎ต๎องฟิตและลุ๎นเอา
เองเต็มที่
2) เข๎าทําหรือ บ๎านํะสิ ถ๎าเข๎าทําจริงเขา
จะเปลี่ยนหรือ คะแนนเปิดเผยนี่ละดีจะ
ได๎รู๎ตัว
3) โอ๏ย! ไมํรู๎จะมาเถียงกันให๎มันแตกคอกัน
ไปทาไม จะแบบเกําแบบใหมํ ฉันก็ไมํ
เห็นแกจะสอบได๎กันสักคนเลยจริงไหม
4) แตํฉันวํามันก็ดีด๎วยกันไปคนละอยํางนะ
แตํจะแปลกอะไรลํะ ในเมื่อยังไง ๆ เราก็
เต็มที่อยูํแล๎ว ไปกินข๎าวกันดีกวํา
ภาษาไทย Ent 48 9
ใช้ข้อความต่อไปนี้ตอบคาถามข้อ 52 - 54
จะรู๎วําแตํงกายเหมาะตัวนั้นไมํยาก มี
กระจกสํอง กระจกนั้นมิใชํกระจกที่สํองทุกวันใน
บ๎าน กระจกบานสาคัญ อยูํในแววตาของคนอื่น
มนุษย์ดูตัวเองมาตั้งแตํเกิด รักและหลงตัว มัก
มองไมํเห็นหรือเห็นไมํตรงกับคนอื่น ความเหมาะ
ตัวได๎แกํแตํงให๎เหมาะกับรูปลักษณะ วัย รวมทั้ง
ฐานะทางเศรษฐกิจและสังคม สาวน๎อยอายุ 18
แตํงตัวโลดโผนอยํางไรมีคนเห็นงาม คุณป้าอ๎วน
ตุ๏ต๏ะ อายุ 50 แตํงตัวเหมือนกัน คนสงสาร
52. ข๎อใดคือสารสาคัญที่สุดที่ผู๎เขียนต๎องการ
เสนอ
1) การแตํงกายให๎งามต๎องแตํงตามวัยและ
บุคลิกภาพ
2) การแตํงกายให๎งามต๎องแตํงให๎เหมาะกับ
กาลเทศะ
3) การแตํงกายให๎งามต๎องรับฟังข๎อแนะนา
ของผู๎อื่น
4) การแตํงกายให๎งามต๎องรู๎จักตัวเองกํอน
53. ข๎อใดมิใช่ภาพสะท๎อนจาก ‚กระจกบาน
สาคัญ‛
1) บุคลิกภาพของผู๎อื่น
2) ปฏิกิริยาของผู๎อื่น
3) สายตาของผู๎อื่น
4) ความคิดเห็นของผู๎อื่น
54. ผู๎เขียนไม่ใช้กลวิธีการเขียนในข๎อใด
1) การให๎ข๎อคิดเตือนใจ
2) การใช๎ตัวอยําง
3) การใช๎ภาพพจน์
4) การใช๎คาถาม
55. คนที่กาลังใจอํอนแอมักจะคิดราพึงในทางลบ
ตํอตนเอง ตรงกันข๎ามกับผู๎ที่มีใจเข๎มแข็งจะ
ไมํน๎อยเนื้อต่าใจอะไรเลย ถ๎าเราขี่จักรยาน
อยูํรถมอเตอร์ไซค์ยํอมไปเร็วกวํา แตํเทียบ
กับคนเดินเท๎า เราก็ยังเร็วกวําเขา
ข๎อใดไม่อาจอนุมานได๎วําเป็นจุดประสงค์
ของผู๎เขียน
1) ให๎พอใจในสิ่งที่ตนมีและเป็น
2) ให๎รู๎จักคิดและพิจารณาปัญหา
3) ให๎รู๎จักสร๎างกาลังใจให๎แกํตนเอง
4) ให๎พยายามแขํงขันให๎ทัดเทียมผู๎ที่
เหนือกวํา
ให้ใช้ข้อความต่อไปนี้ตอบคาถามข้อ 56 - 57
" มารดารักบุตรมักจะหลงไหลไมํแลเห็นผิด
ชอบอันใดสุดแตํลูกจะประพฤติอันใดก็ยํอมเห็นดี
เป็นที่ชอบใจไปทุกอยําง ที่สุดจนพํอเองก็มักจะทา
ให๎เข๎าใจผิดไปวําชะรอยจะไมํมีความรักใครํ มี
ความหวังใจมุํงหมายตํอผู๎อื่น ความรักเชํนนี้ยํอมทา
ให๎ใจผู๎ที่ถูกรักเสื่อมสลายไปจากวิจารณญาณ คือ
ความพิจารณาวําคาตักเตือนทั้งหลายนั้นเป็นคา
แท๎จริงมีประโยชน์หรือไมํ
56. ความรักในข๎อความข๎างต๎นตรงกับแนวคิด
ตามข๎อใดมากที่สุด
5 1) หลงอะไรจะเหมือนหลงทรงมนุษย์
ที่โศกสุดเศร๎าแสนเสนํหา
2) แมํรักลูกลูกก็รู๎อยูํวํารัก คนอื่นสักหมื่น
แสนไมํแม๎เหมือน
3) ความรักเหมือนโรคา บันดาลตาให๎มืดมน
4) อันชนกชนนีนี้รักเจ๎า เทียมเทําชีวาก็วําได๎
10
57. สาระสาคัญของข๎อความข๎างต๎นคือข๎อใด
1) พํอแมํไมํควรแสดงความรักลูกด๎วยการ
ตามใจ
2) การตามใจลูกเพื่อให๎ลูกรักตนเป็นสิ่งที่
ไมํควรทา
3) พํอแมํควรตักเตือนลูกในวาระอันควร
4) การรักลูกอยํางปราศจากเหตุผลทาให๎
ลูกหลงผิดได๎
58. ข๎อใดไม่อาจอนุมานได๎จากข๎อความข๎างต๎น
นี้
1) พํอรักลูกเสมอกัน
2) พํออยากให๎ลูกเข๎าใจพํอมากกวําเดิม
3) พํอรักลูกน๎อยกวําแมํรัก
4) พํอรักลูกอยํางมีเหตุผล
59. เรารักวัฒนธรรมไทยนั้นดี แตํต๎องรักอยํางมี
ปัญญา รู๎จักเงื่อนไขของวัฒนธรรมที่เรารัก
ด๎วย ข๎อใดไม่อาจอนุมานได๎จากข๎อความ
ข๎างต๎น
1) คนไทยควรอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยด๎วย
ความเข๎าใจ
2) คนไทยควรรํวมกันอนุรักษ์และสืบสาน
วัฒนธรรมไทย
3) คนไทยควรศึกษาลักษณะเฉพาะของ
วัฒนธรรมไทยอยํางถํองแท๎
4) คนไทยเชื่อวําวัฒนธรรมไทยเป็น
วัฒนธรรมที่เกําแกํและมีคุณคําที่สุด
60. มีผู๎กลําววํา ‚เครื่องถํายเอกสารทาให๎ใช๎กัน
เพลินอยํางเกินความจาเป็นฉันใด บัตร
เครดิตก็ทาให๎การใช๎จํายขาดความยับยั้งชั่ง
ใจมากขึ้นไปฉันนั้น‛ ข๎อใดแสดงความหมาย
ที่สอดคล๎องกับคากลําวข๎างต๎น
1) ถ๎าไมํมีวินัย ทาอะไรก็หายนะ
2) ความสุรุํยสุรําย เป็นภัยร๎ายอยํางยิ่ง
3) ความสะดวกสบาย เป็นสัญญาณ
อันตรายที่พึงระวัง
4) บัตรเครดิตและเครื่องถํายเอกสาร เป็น
ต๎นเหตุให๎ผลาญทรัพย์สิน
ให้ใช้ข้อความต่อไปนี้ตอบคาถามข้อ 61 - 62
‚ลักษณะหนึ่งของวรรณคดีไทยโบราณ คือ
งานสร๎างสรรค์ขึ้นจากจินตนาการ คนอํานใน
สมัยกํอนตํางก็นิยม เรื่องที่แสดงจินตนาการลึกซึ้ง
ก๎าวไกลหํางจากชีวิตจริง วรรณคดีสํวนใหญํจึงมี
เนื้อหาเกี่ยวกับดังกลําว หากผู๎อํานในปัจจุบันเข๎าใจ
ลักษณะนี้ของวรรณคดีไทย ก็จะไมํอํานอยําง
คาดหวังข๎อเท็จจริงทั้งหมด‛
61. ผู๎เขียนมีจุดประสงค์ตามข๎อใด
1) แนะวิธีอํานวรรณคดีไทย
2) บอกลักษณะเฉพาะของวรรณคดีไทย
3) อธิบายลักษณะเนื้อหาของวรรณคดีไทย
4) บอกความแตกตํางของวรรณคดีไทย
โบราณและวรรณคดีปัจจุบัน
62. ข๎อความข๎างต๎นใช๎กลวิธีอธิบายตามแบบใด
1) การนิยาม
2) การใช๎ตัวอยําง
3) การกลําวซ้าด๎วยถ๎อยคาแปลกออกไป
4) การชี้สาเหตุและผลลัพธ์ที่สัมพันธ์กัน
ใช้ข้อความต่อไปนี้ตอบคาถามข้อ 63 - 64
เมื่อคนมาสัมพันธ์กับเทคโนโลยีจะต๎องพัฒนา
ให๎เขารู๎จักใช๎เทคโนโลยีด๎วย ให๎มองเทคโนโลยีเป็น
ปัจจัยแหํงการสร๎างสรรค์ ไมํใชํมองเป็นเครื่อง
บารุงบาเรอ เทคโนโลยีนั้นมีทั้งความหมายเชิง
บารุงบาเรอเป็นเครื่องเสริมเพิ่มความสุขจากการ
เสพ และอีกด๎านหนึ่งนับเป็นปัจจัยแหํงการ
สร๎างสรรค์ที่สนองความต๎องการให๎เกิดความสุขจาก
การทางานได๎สาเร็จ มนุษย์ในบางสังคมมีความโน๎ม
เอียงในการหาความสุขจากการเสพเทคโนโลยีก็จะใช๎
เทคโนโลยีเพื่อการเสพบาเรอ แตํมนุษย์ในบางสังคม
ภาษาไทย Ent 48 11
อาจจะมีความโน๎มเอียงในการหาความสุขจากการ
สร๎างสรรค์ด๎วยเทคโนโลยี
63. ข๎อใดเหมาะสมที่จะเป็นหัวข๎อของข๎อความ
ข๎างต๎น
1) ความรู๎เทําทันเทคโนโลยี
2) เทคโนโลยีคือปัจจัยสารพัดนึก
3) การใช๎เทคโนโลยีให๎เกิดประสิทธิผล
4) เทคโนโลยีกับมนุษย์ยุคโลกาภิวัตน์
64. ผู๎เขียนมีเจตนาสาคัญตามข๎อใด
1) แจ๎งให๎ทราบ 2) เตือนให๎คิด
3) เสนอให๎ทา 4) สอนให๎รู๎
65. ประโยคใดไม่กระชับ
1) เขาสอบเข๎ามหาวิทยาลัยได๎เพราะความ
ขยัน
2) ผู๎คนกาลังกระทาการรณรงค์เรื่อง
ส.ส.ร.
3) หลายคนตื่นเต๎นที่ได๎รับเลือกเป็น
สมาชิก
4) เลือกประธานได๎ถูกคนนั่นลํะถูกต๎อง
66. ข๎อความใดมีความหมายเหมือนกัน
ก. แนวทางการสร๎างงานวิจัยของ
สถาบันอุดมศึกษาที่มีคุณภาพ
ข. แนวทางการสร๎างงานวิจัยที่มีคุณภาพ
ของสถาบันอุดมศึกษา
ค. แนวทางที่มีคุณภาพในการสร๎าง
งานวิจัยของสถาบันอุดมศึกษา
ง. แนวทางของสถาบันอุดมศึกษาในการ
สร๎างงานวิจัยที่มีคุณภาพ
1) ก และ ค
2) ข และ ค
3) ก และ ง
4) ข และ ง
67. ข๎อความตํอไปนี้จัดลาดับตามข๎อใดจึงจะ
ถูกต๎องและได๎ใจความสมบูรณ์
ก. เวลาทาให๎ชีวิตของเราชราลงไป
ข. การเสียเวลาทาให๎เกิดความเสียหาย
ค. เวลาเป็นของมีคํา
ง. ถ๎าเราแกํลงไปโดยไมํได๎ทาประโยชน์
เรียกวําอยูํอยํางรกโลก
1) ก ง ข ค
2) ข ก ค ง
3) ค ก ข ง
4) ง ค ข ก
68. จากข๎อความตํอไปนี้ ข๎อใดเป็นเหตุผล
สาคัญที่สุดที่ทาให๎ เกิดการตีความตํางกัน
‚นักเรียนชายกับนักเรียนหญิงเถียงกันเรื่อง
ความหมายของข๎อความ‘สามวันจากนารีเป็น
อื่น’ นักเรียนหญิงเชื่อวําผู๎ชายเป็นฝ่าย‘เป็น
อื่น’ ในขณะที่นักเรียนชายเชื่อวําผู๎หญิง
‘เป็นอื่น’‛
1) ภาษากากวมทาให๎เข๎าใจตํางกัน
2) วิจารณญาณตํางกันทาให๎คิดไมํตรงกัน
3) อคติสํวนตนอันเกิดจากความเป็นชาย
เป็นหญิง
4) การเปลี่ยนแปลงของวัฒนธรรมตามยุค
สมัย
ใช้คาประพันธ์ต่อไปนี้ตอบคาถามข้อ 69 - 70
ก. แมํคว๎าตะกร๎าวิ่งหน๎าตั้ง
พํอคว๎ากะละมังวิ่งตั้งหน๎า
พี่คว๎าเขํงลิบไปพริบตา
น๎องหันซ๎ายขวาพะว๎าพะวน
ข. พลิกกายหมายโอบสูํอ๎อมกอด
พร่าพรอดกอดจูบลูบผม
ลูกรักของแมํคงหิวนม
ตะแคงก๎มปลดกระดุมเสื้อกุมไว๎
12
ค. แสงอรุณไอเอื้อเมื่อแดดแต๎ม
ให๎เหลืองชํวงแรกแย๎มแจํมเจิดจ๎า
ทั่วท๎องทุํงทิวทาบอาบทองทา
ณ เถียงน๎อยปลายนาจาเหมํอมอง
ง. เธอก็คือสะเก็ดดาวที่ร๎าวรํวง
โชนแสงโชติชํวงกํอนลับหาย
ขีดเส๎นฟ้ากํอนวูบดับลับมลาย
กลับกลายเป็นอุกาบาตอนาถนัก
69. คาประพันธ์ข๎างต๎นข๎อใดเป็นการเขียน
พรรณนา
1) ข๎อ ก. 2) ข๎อ ข.
3) ข๎อ ค. 4) ข๎อ ง.
70. คาประพันธ์ข๎างต๎นข๎อใดใช๎ภาพพจน์
1) ข๎อ ก. 2) ข๎อ ข.
3) ข๎อ ค. 4) ข๎อ ง.
71. ผัดกะเพราไกํพริกขี้หนูใสํตากับกระเทียม
ไกํสับละเอียดลงผัดอยําเกรียม ปรุงรสแล๎ว
เตรียมใสํใบกะเพรา ข๎อความข๎างต๎นถ๎าจัด
วรรคให๎ถูกต๎องจะได๎คาประพันธ์ตามข๎อใด
1) รํายยาว
2) กาพย์ฉบัง
3) กลอนสุภาพ
4) กาพย์สุรางคนางค์
ให้ใช้ข้อความต่อไปนี้ตอบคาถามข้อ 72 - 73
บางบารุบารุงแก๎ว กานดา
แก๎วเนตรเชษฐาชรา รํางแล๎ว
72. คาประพันธ์ข๎างต๎นมีลักษณะเดํนที่สุดในเรื่อง
ใด
1) มีลักษณะเป็นกลบท
2) เลํนสัมผัสพยัญชนะ
3) เลํนสัมผัสสระแบบสัมผัสใน
4) เลํนคาซ้าเสียง
73. คาประพันธ์ข๎างต๎นนี้มีเนื้อหากลําวถึง
ความคิดของกวีตํอนางที่รักวําอยํางไร
1) ราลึกถึงความหลังเมื่อครั้งเคยอยูํ
ด๎วยกัน
2) คร่าครวญถึงความรักระหวํางที่พลัด
พรากจากกัน
3) ปรารภถึงสภาพของนางที่เปลี่ยนแปลง
ไปจากเดิม
4) คิดจะทะนุถนอมซึ่งกันและกันแม๎จะอายุ
มากแล๎ว
74. อํานข๎อความตํอไปนี้แล๎วตอบคาถาม
ตอน 1 พระคุณเอํยได๎โปรดด๎วยชํวยระวัง
ในครั้งนี้ เหมือนหนึ่งเห็นแกํข๎า
พระบาทมัทรีเถิดนะวําเป็นเพื่อน
ยาก
ตอน 2 ผิวกายดาเป็นมันหมึกมืดดั่ง
มหาเมฆ
ตอน 3 ธรรมดาวําสตรีนี้เป็นเกาะแกํงกีด
กระแสกุศล มีมัจฉริยะมืดมนคือตัว
มาร
ตอน 4 ส่วนพระทองร้อยชั่งทั้งคู่ พิศดูเห็น
บุรุษโทษสิบแปดประการ เกิดใน
สันดานเฒ่าบัดสี
ข้อใดใช้ภาพพจน์ ตอนละ 2 แห่ง
1) ตอน 1 และตอน 2
2) ตอน 2 และตอน 3
3) ตอน 3 และตอน 4
4) ตอน 1 และตอน 4
75. คาประพันธ์ในข๎อใดกลําวถึงเสียงและความ
เคลื่อนไหว
1) รัศมีมีเสียงเพียงดนตรี
2) ประทีปทีฆรัสสะจังหวะโยน
3) สุดเสนาะเสียงนกซึ่งผกโผน
4) รเมียรไม๎ใบโบกสุโนกเกาะ
ภาษาไทย Ent 48 13
76. ‚ถึงทวารโรงหมอก็รอรถ
พร๎อมกันหมดเดินเรียงเคียงไสว
ยุรยาตรเยื้องยํางเข๎าข๎างใน
ตึกนั้นใหญํกว๎างรีสูงสี่ชั้น‛
ข๎อใดเป็นจุดอํอนทางวรรณศิลป์ของคา
ประพันธ์ข๎างต๎น
1) คาฟุ่มเฟือย
2) เนื้อความไมํชัดเจน
3) จังหวะไมํสม่าเสมอ
4) ฉันทลักษณ์ไมํเหมาะแกํเนื้อความ
77. เพรางายวายเสพรส แสนกาสรดอดโอชา
อิ่มทุกข์อิ่มชลนา อิ่มโศกาหน๎านองชล
ข๎อใดไม่ใช่ลักษณะเดํนของบทประพันธ์
ข๎างต๎น
1) ใช๎ถ๎อยคาที่มีเสียงและจังหวะดุจดนตรี
2) ใช๎ถ๎อยคาได๎ดุลของเสียงและ
ความหมาย
3) ใช๎ถ๎อยคาที่ทาให๎เกิดความรู๎สึกและ
จินตนาการได๎
4) ใช๎ถ๎อยคางําย ๆ สั้น ๆ พรรณนาให๎เกิด
ความสะเทือนอารมณ์
78. คาประพันธ์ตํอไปนี้ข๎อใดมีวิธีการพรรณนา
ตํางจากข๎ออื่น
1) พื้นผนังหลังบัวที่ฐานปัทม์
เป็นครุฑอัดยืนเหยียบภุชงค์ขยา
2) หยิกขยุ๎มกุมวาสุกรีกา
กินนรรารํายเทพประนมกร
3) ใบระกาหน๎าบันบนชั้นมุข
สุวรรณสุกเลื่อมแก๎วประภัสสร
4) ดูยอดเยี่ยมเทียมยอดยุคุนธร
กระจังซ๎อนแซมใบระกาบัง
79. ความรักประเทศผู๎ ยอมสละ
ทั้งรํางและชีวะ ปลดเปลื้อง
รักษาอิสร - ภาพแหํง ไทยแฮ
ยงยศสยามราชเรื้อง รัฐคุ๎งอวสาน
คาประพันธ์ข๎างต๎นนี้ไม่ได้กลําวถึงเรื่องใด
1) ความเป็นเอกราชของชาติ
2) ความมั่นคงของชาติ
3) ความสามัคคีของคนในชาติ
4) ความเสียสละของคนในชาติ
80. ราตรีก็แมํนมี ขณะดีและร๎ายปน
ความหมายของคาประพันธ์ในข๎อใดต่างกับ
ข๎อความข๎างต๎น
1) ราตรีนี้มืดมิดไฉน ดาวลับดับไฟนักฝัน
2) อนิจจาเมฆคล้าดาแท๎แท๎
อุตสําห์แรขอบน้าเงินเพลิดเพลินได๎
3) การเปลี่ยนแปลงเป็นธรรมดาโลก
มีเดํนโชคมีอับเฉาชื่นเหงาได๎
4) ในฟ้ามืดมีดาววับวาวสํอง
ในใจหมองมีดาววับวาวสี
81. คากลําวในข๎อใดที่แสดงให๎เห็นถึงแนวคิด
แบบอานาจนิยม
1) ใครเดชะสาแดง ก็จะสมอารมณ์ปอง
2) กาลังอยูํกับใคร สิก็ใช๎กาลังครํา
3) ใครมีกาลังอํอน ก็ต๎องแพ๎ผู๎มีแรง
4) ผู๎ใฝ่ซึ่งอานาจ ก็ต๎องอาจและกล๎าหาญ
82.‚รัศมีมีเสียงเพียงดนตรี ประทีปทีฆรัสสะจังหวะโยน
ระเมียงไม๎ใบโบกสุโนคเกาะ สุดเสนาะเสียงนกซึ่งผกผัน
โผต๎นนั้นผันตนไปต๎นโน๎น จังหวะโจนสํงจับรับกันไป‛
ภาพสรวงสวรรค์ชั้นกวีจากข๎อความข๎างต๎น
ข๎อใดสามารถตีความเกี่ยวกับความไพเราะ
ด๎านเสียงของกวีนิพนธ์ได๎น๎อยที่สุด
1) เสียงสูงต่า
2) เสียงสั้นยาว
3) เสียงสัมผัส
4) เสียงหนักเบา
14
83. ข๎อใดไม่ใช้ภาพพจน์
1) งามสองสุริยราชล้า เลอพิศ นาพํอ
2) สละสละสมร เสมอชื่อ ไม๎นา
3) ธุมากรเกิดกระลบ อบอลเวงฟากฟ้า
ดูบํรู๎จักหน๎า หนึ่งสิ้นแสงไถง
4) มงกุฎทรงเทริดเกศ
อยํางอิศเรศรามัญ
สรรเป็นรูปอุรเคนทร์
84. ทองเนื้อในไร๎คนมองทองเนื้อแท๎
ทองเนื้อนอกสิของแนํคอยเกื้อหนุน
ทองจึงสาปให๎หลงบาปให๎ลืมบุญ
ทองวัตถุจึงทารุณทองคุณธรรม
คาประพันธ์ข๎างต๎นไม่แสดงคุณคําของ
เนื้อหาด๎านใด
1) ให๎แนวปฏิบัติในการดาเนินชีวิต
2) ชี้ให๎เห็นสัจธรรม
3) จรรโลงใจ
4) สะท้อนสังคม
85. พวกแมํค๎าเรียงรายนั่งขายของ
ล๎วนผักปลามากองกํอนจะสาย
เสียงเชิญซื้อสินค๎านําวุํนวาย
คนจับจํายหิ้วถุงพะรุงพะรัง
ข๎อใดอนุมานได๎จากบทประพันธ์นี้
1) ตลาดมีสินค๎าทุกชนิดขาย
2) ตลาดสดมีของขายเป็นเวลา
3) ผู๎ซื้อมีฐานะดี
4) ผู๎ซื้อใช๎จํายสุรุํยสุรําย
86. แวะเข๎าบ๎านไหนได๎เบี้ยเลี้ยง
ข๎าวสารเสบียงก็หนักหนา
ลํองเลี้ยวเข๎าทางบางพุทรา
ผํานมาหน๎าเมืองลพบุรี
ข๎อความข๎างต๎นแสดงความเดํนชัดในเรื่องใด
มากที่สุด
1) การหาลาไพํพิเศษของพนักงาน
2) ความอุดมสมบูรณ์ของท๎องถิ่น
3) ความมีใจเอื้อเฟื้อของชาวบ๎าน
4) ความเกียจคร๎านไมํทามาหากิน
87. ข๎อใดไม่มีภาพพจน์อุปมา
1) ภาเพียงไพฑูรย์ประภาพิสุทธิ์สด
2) ใสเสมอมรกตอันเข๎มเขียวขา
3) จาพวกหนึ่งเหลือบเหลียวเลํห์ไกลาส
4) คิริสีขาวบริสุทธิ์สะอาดอุฬารตระการตา
ใช้ข้อความต่อไปนี้ตอบคาถามข้อ 88 – 89
ก. แล๎วรีบรัดจัดพลรณยุทธ์
ตั้งที่นามครุฑปักษา
วางกองเยื้องกันเป็นฟันปลา
ให๎โยธาคอยยิงชิงชัย
ข. ทาคํายหน๎าคํายตั้งบรรจบ
ยกหอรบขึ้นปรับสับวิหลั่น
ชักปีกกาขึ้นไปถึงกัน
ผูกราวสามชั้นขันชะเนาะ
ค. พอได๎ศุภฤกษ์ก็ลั่นฆ๎อง
ประโคมคึกกึกก๎องท๎องสนาม
ประโรหิตฟันไม๎ขํมนาม
ทาตามตาราพิชัยยุทธ์
ง. ครั้นถึงเนินทรายชายทุํง
แวํนแคว๎นแดนกรุงดาหา
จึงได๎หยุดกองทัพตั้งพลับพลา
ที่ต๎องนามครุฑาเกรียงไกร
88. ข๎อใดเป็นกิจกรรมที่ต่างกับข๎ออื่น
1) ก. 2) ข.
3) ค. 4) ง.
89. ข๎อใดไม่ปรากฏความเชื่อด๎านการศึกสงคราม
1) ก. 2) ข.
3) ค. 4) ง.
ภาษาไทย Ent 48 15
90. ‚อกุศลกรรมบท‛ ข๎อใดเป็นสาเหตุสาคัญที่
กํอให๎เกิดปัญหามากที่สุดในสังคมทุกระดับ
1) มุํงใจและใฝ่ทรัพ- ยะด๎วยโลภะเจตนา
2) กลําวปดและลดเลี้ยว พจนามิรู๎สงวน
3) การฆําประดาสัตว์ ฤ ประโยชน์บํพึงมี
4) การลํวงประเวณี ณ บุตรีและภรรยา
91. ข๎อใดไม่ใช่การพรรณนาฉากท๎องเรื่อง
1) มืดมัวทั่วทิศทุกตาบล
ลมวนพัดซ้ากระหน่ามา
2) โหํเกรียววิ่งกรูจูํเข๎าล๎อม
ไลํอ๎อมเลี้ยวลัดสกัดหน๎า
3) ยางยูงสูงหักกระจัดกระจาย
ฝุ่นทรายปลิวกลุ๎มคลุ๎มเวหา
4) เย็นฉ่าน้าไหลมาหลั่งหลั่ง
ล๎นหลั่งถั่งชะงํอนก๎อนภูผา
92. การหลั่งน้าตาในข๎อใดแสดงความรู๎สึกต่าง
กับข๎ออื่น
1) อิ่มทุกข์อิ่มชลนา
อิ่มโศกาหน๎านองชล
2) เธอทรงพระโศกีกรรแสงไห๎
น้าพระชลนัยน์ไหลลงหลั่ง ๆ
3) ขุนแผนวันทองนองน้าตา
กราบลาพํอแมํทั้งสองศรี
4) ยามบวชบํมบุญไป
น้าตาไหลเพราะอิ่มบุญ
93. ขอใจนุชที่ฉันสุจริตรัก
ให๎แนํนหนักเหมือนพุทธรูปเลขาขา
ถึงแสนคนจะมาวอนชะอ๎อนนา
สักแสนคาอยําให๎เคลื่อนจงเหมือนใจ
ข๎อความข๎างต๎นมุํงเตือนสตรีในเรื่องใด
1) การพูดจา
2) การคบคน
3) ความซื่อตรง
4) ความมั่นคงของจิตใจ
94. สานวนในข๎อใดมีความหมายใกล๎เคียงกับคา
ประพันธ์ตํอไปนี้ มากที่สุด
‚พักตร์จิตผิดประมาณ ยากรู๎‛
1) ปากปราศรัย ใจเชือดคอ
2) ตํอหน๎ามะพลับ ลับหลังตะโก
3) คบคนให๎ดูหน๎า ซื้อผ๎าให๎ดูเนื้อ
4) ข๎างนอกสุกใส ข๎างในเป็นโพรง
95. ข๎อใดเป็นงานด๎านสถาปัตยกรรม
1) ก๎านแยํงยกดอกดูเดํนดี
2) ที่ฐานปัทม์รงค์ทองรองเรือง
3) กนกยอดลงยาราชาวดี
4) สิงห์คูํลายเส๎นดูเดํนโดด
96. ข๎อใดเป็นสาระสาคัญของคาประพันธ์
ตํอไปนี้
‚เวรามาทันแล๎ว
จึงจาแคล๎วแก๎วโกมล
ให๎แค๎นแสนสุดทน
ทุกข์ถึงเจ๎าเศร๎าเสียดาย‛
1) ความอาลัยรักที่ระงับได๎ด๎วยกฎแหํง
กรรมและอุเบกขา
2) ความขัดแย๎งกับโชคชะตาที่ทาให๎ทุกข์
ทรมานใจอยํางสาหัส
3) ความขัดแย๎งที่ต๎องยอมรับความจริงกับ
ความอัดอั้นและทุกข์ใจ
4) ความเด็ดเดี่ยวเพราะอาศัยหลักศาสนา
ชํวยหักห๎ามใจให๎คลายทุกข์
16
97. วันนั้นวันพระสิบห๎าค่า นางเคยไปฟังธรรมเทศนา
อาบน้าทาแป้งแตํงกายา น้ามันทาลูบผมพอสมตัว
นุํงตาเล็ดงาหํมผ๎าผวย ไมํชุํมชวยด๎วยระคายเป็นมํายผัว
ไกลญาติขาดมิตรคิดถึงตัว ลูกผัวกลับมาจะกินใจ
จากข๎อความข๎างต๎น คํานิยมใดที่ไม่อาจอนุมานได๎
1) การแตํงกายที่สมฐานะ
2) กิริยามารยาทของสตรีที่เหมาะสม
3) การครองตนของสตรี
4) ความศรัทธาในสิ่งที่เชื่อถือ
98. ใครจะไว้ใจอะไรก็ตามเถิด แต่อย่าเกิดไว้ใจในสิ่งห้า
หนึ่งอย่าไว้ใจทะเลทุกเวลา สองสัตว์เขี้ยวเล็บงาอย่าวางใจ
สามผู้ถืออาวุธสุดจักร้าย สี่ผู้หญิงทั้งหลายอย่ากรายใกล้
ห้ามหากษัตริย์ทรงฉัตรชัย ถ้าแม้นใครประมาทอาจตายเอย
เหตุผลสาคัญที่สุดที่ไม่ให้ไว้ใจสิ่งทั้งห้าที่กล่าวถึงในบทประพันธ์นี้คือข้อใด
1) ความโลเล 2) ความรุนแรง
3) ความแปรปรวน 4) ความมีอานาจ
99. สภาพของ “ใจ” ในข้อใดต่างกับข้ออื่น
1) สงสารใจใจเจ้าเอ๋ยไม่เคยนิ่ง วนและวิ่งคืนและวันหวั่นและไหว
2) และใจเจ้าจักเป็นเช่นสายน้า ใสเย็นฉ่าชื่นแล้วไหลแผ่วผ่าน
3) ทุกวิถีที่ใจได้เที่ยวท่อง ล้วนขึ้นล่องอยู่ระหว่างกลางปลายต้น
4) ใจจึงหน่ายจึงเหนื่อยจึงเมื่อยล้า วุ่นผวาว่อนไหวไล่ต้อน
100. คราหิวใช่จักต้อง เสียศรี
อุทกกลั้วนาภี อยู่ได้
เย็นซ่านผ่านอินทรีย์ พอชื่น จิตนา
แม้มิได้อิ่มไซร้ ใช่ต้องวางวาย
แนวคิดในข้อใดตรงกับคาประพันธ์ข้างต้นมากที่สุด
1) สมถะ อดทน และมีศักดิ์ศรี 2) รักษาศักดิ์ศรีของตนทุกเมื่อ
3) สู้ชีวิตและมีความหวัง 4) ปรับตัวเข้ากับสถานการณ์และต่อสู้

Más contenido relacionado

Similar a ภาษาไทย Ent 48

ข้อสอบภาษาไทย
ข้อสอบภาษาไทยข้อสอบภาษาไทย
ข้อสอบภาษาไทยggggggbbbb
 
174 ภาษาไทย ม.3 ฉบับที่ 1
174 ภาษาไทย ม.3 ฉบับที่ 1174 ภาษาไทย ม.3 ฉบับที่ 1
174 ภาษาไทย ม.3 ฉบับที่ 1Wangkaew
 
ข้อสอบการอ่านม.๖
ข้อสอบการอ่านม.๖ข้อสอบการอ่านม.๖
ข้อสอบการอ่านม.๖kruart2010
 
ข้อสอบ O net 51 ภาษาไทย
ข้อสอบ O net 51 ภาษาไทยข้อสอบ O net 51 ภาษาไทย
ข้อสอบ O net 51 ภาษาไทยSaran Pankeaw
 
ข้อสอบ O net 51 ภาษาไทย
ข้อสอบ O net 51 ภาษาไทยข้อสอบ O net 51 ภาษาไทย
ข้อสอบ O net 51 ภาษาไทยNattidapaengluang
 
ข้อสอบ O net 51 ภาษาไทย
ข้อสอบ O net 51 ภาษาไทยข้อสอบ O net 51 ภาษาไทย
ข้อสอบ O net 51 ภาษาไทยjupjeep
 
ข้อสอบ O net 51 ภาษาไทย
ข้อสอบ O net 51 ภาษาไทยข้อสอบ O net 51 ภาษาไทย
ข้อสอบ O net 51 ภาษาไทยmomaysnail
 
ข้อสอบ O-Net 51 ภาษาไทย.pdf
ข้อสอบ O-Net 51 ภาษาไทย.pdfข้อสอบ O-Net 51 ภาษาไทย.pdf
ข้อสอบ O-Net 51 ภาษาไทย.pdfSupakrit Chaiwong
 
M6 thai-2551
M6 thai-2551M6 thai-2551
M6 thai-2551Walk4Fun
 

Similar a ภาษาไทย Ent 48 (20)

ข้อสอบภาษาไทย
ข้อสอบภาษาไทยข้อสอบภาษาไทย
ข้อสอบภาษาไทย
 
174 ภาษาไทย ม.3 ฉบับที่ 1
174 ภาษาไทย ม.3 ฉบับที่ 1174 ภาษาไทย ม.3 ฉบับที่ 1
174 ภาษาไทย ม.3 ฉบับที่ 1
 
ภาษาไทย
ภาษาไทยภาษาไทย
ภาษาไทย
 
ภาษาไทย
ภาษาไทยภาษาไทย
ภาษาไทย
 
ภาษาไทย
ภาษาไทยภาษาไทย
ภาษาไทย
 
Thai onet[1]
Thai onet[1]Thai onet[1]
Thai onet[1]
 
วัฒนธรรมไทย
วัฒนธรรมไทยวัฒนธรรมไทย
วัฒนธรรมไทย
 
สังคม
สังคมสังคม
สังคม
 
ข้อสอบการอ่านม.๖
ข้อสอบการอ่านม.๖ข้อสอบการอ่านม.๖
ข้อสอบการอ่านม.๖
 
Thi
ThiThi
Thi
 
ข้อสอบ O net 51 ภาษาไทย
ข้อสอบ O net 51 ภาษาไทยข้อสอบ O net 51 ภาษาไทย
ข้อสอบ O net 51 ภาษาไทย
 
M6 thai-2551
M6 thai-2551M6 thai-2551
M6 thai-2551
 
Thai m6
Thai m6Thai m6
Thai m6
 
M6 thai-2551
M6 thai-2551M6 thai-2551
M6 thai-2551
 
ข้อสอบ O net 51 ภาษาไทย
ข้อสอบ O net 51 ภาษาไทยข้อสอบ O net 51 ภาษาไทย
ข้อสอบ O net 51 ภาษาไทย
 
ข้อสอบ O net 51 ภาษาไทย
ข้อสอบ O net 51 ภาษาไทยข้อสอบ O net 51 ภาษาไทย
ข้อสอบ O net 51 ภาษาไทย
 
ข้อสอบ O net 51 ภาษาไทย
ข้อสอบ O net 51 ภาษาไทยข้อสอบ O net 51 ภาษาไทย
ข้อสอบ O net 51 ภาษาไทย
 
ข้อสอบ O-Net 51 ภาษาไทย.pdf
ข้อสอบ O-Net 51 ภาษาไทย.pdfข้อสอบ O-Net 51 ภาษาไทย.pdf
ข้อสอบ O-Net 51 ภาษาไทย.pdf
 
O net51-thai
O net51-thaiO net51-thai
O net51-thai
 
M6 thai-2551
M6 thai-2551M6 thai-2551
M6 thai-2551
 

Más de Unity' Aing

ใบงานที่ 2-16 _น.ส.อังคณา นันตาดี ม6/9 เลขที่17
ใบงานที่ 2-16 _น.ส.อังคณา  นันตาดี  ม6/9 เลขที่17ใบงานที่ 2-16 _น.ส.อังคณา  นันตาดี  ม6/9 เลขที่17
ใบงานที่ 2-16 _น.ส.อังคณา นันตาดี ม6/9 เลขที่17Unity' Aing
 
ฟิสิกส์ Ent 48
ฟิสิกส์ Ent 48ฟิสิกส์ Ent 48
ฟิสิกส์ Ent 48Unity' Aing
 
ชีวะ Ent48
ชีวะ Ent48ชีวะ Ent48
ชีวะ Ent48Unity' Aing
 
เฉลยภาษาไทย Ent 48f
เฉลยภาษาไทย Ent 48fเฉลยภาษาไทย Ent 48f
เฉลยภาษาไทย Ent 48fUnity' Aing
 
เฉลย Ent48 คณิตศาสตร์1
เฉลย Ent48 คณิตศาสตร์1เฉลย Ent48 คณิตศาสตร์1
เฉลย Ent48 คณิตศาสตร์1Unity' Aing
 
เฉลย สังคม Ent 48
เฉลย สังคม Ent 48เฉลย สังคม Ent 48
เฉลย สังคม Ent 48Unity' Aing
 
เฉลย ฟิสิกส์ Ent 48
เฉลย ฟิสิกส์ Ent 48เฉลย ฟิสิกส์ Ent 48
เฉลย ฟิสิกส์ Ent 48Unity' Aing
 
เฉลย ชีวะ Ent48
เฉลย ชีวะ Ent48เฉลย ชีวะ Ent48
เฉลย ชีวะ Ent48Unity' Aing
 
เฉลย เคมี Ent 48
เฉลย เคมี Ent 48เฉลย เคมี Ent 48
เฉลย เคมี Ent 48Unity' Aing
 
เคมี Ent48
เคมี Ent48เคมี Ent48
เคมี Ent48Unity' Aing
 

Más de Unity' Aing (13)

Onet51
Onet51Onet51
Onet51
 
Onet50
Onet50Onet50
Onet50
 
ใบงานที่ 2-16 _น.ส.อังคณา นันตาดี ม6/9 เลขที่17
ใบงานที่ 2-16 _น.ส.อังคณา  นันตาดี  ม6/9 เลขที่17ใบงานที่ 2-16 _น.ส.อังคณา  นันตาดี  ม6/9 เลขที่17
ใบงานที่ 2-16 _น.ส.อังคณา นันตาดี ม6/9 เลขที่17
 
Blog
BlogBlog
Blog
 
ฟิสิกส์ Ent 48
ฟิสิกส์ Ent 48ฟิสิกส์ Ent 48
ฟิสิกส์ Ent 48
 
ชีวะ Ent48
ชีวะ Ent48ชีวะ Ent48
ชีวะ Ent48
 
เฉลยภาษาไทย Ent 48f
เฉลยภาษาไทย Ent 48fเฉลยภาษาไทย Ent 48f
เฉลยภาษาไทย Ent 48f
 
เฉลย Ent48 คณิตศาสตร์1
เฉลย Ent48 คณิตศาสตร์1เฉลย Ent48 คณิตศาสตร์1
เฉลย Ent48 คณิตศาสตร์1
 
เฉลย สังคม Ent 48
เฉลย สังคม Ent 48เฉลย สังคม Ent 48
เฉลย สังคม Ent 48
 
เฉลย ฟิสิกส์ Ent 48
เฉลย ฟิสิกส์ Ent 48เฉลย ฟิสิกส์ Ent 48
เฉลย ฟิสิกส์ Ent 48
 
เฉลย ชีวะ Ent48
เฉลย ชีวะ Ent48เฉลย ชีวะ Ent48
เฉลย ชีวะ Ent48
 
เฉลย เคมี Ent 48
เฉลย เคมี Ent 48เฉลย เคมี Ent 48
เฉลย เคมี Ent 48
 
เคมี Ent48
เคมี Ent48เคมี Ent48
เคมี Ent48
 

ภาษาไทย Ent 48

  • 1. ภาษาไทย Ent 48 1 1. การที่นักร๎องนักแสดงไทยหลายคนที่เกิดและ เติบโตในตํางประเทศ และพูดภาษาไทยได๎ ไมํชัดเจนนั้น แสดงให๎เห็นถึงลักษณะและ ธรรมชาติของภาษาตามข๎อใด 1) ภาษาเปลี่ยนแปลงได๎ตามสภาพแวดล๎อม 2) ภาษายํอมแตกตํางกันตามเชื้อชาติ 3) ภาษามักจะสะท๎อนสภาพของสังคมนั้นๆ 4) ภาษาเป็นวัฒนธรรมทางสังคม 2. ข๎อใดไม่มีคายืมจากภาษาตํางประเทศ 1) พํอแมํควรสอนลูกวํายาเสพติดและ เครื่องดื่มมึนเมา เผยแพรํกันอยํางไร 2) การยกตัวอยํางจากรายการโทรทัศน์เพื่อ สอนให๎ลูกเข๎าใจอันตรายเป็นวิธีที่ดี 3) ในกรณีที่ลูกอายุต่ากวํา 10 ขวบ พํอแมํ ควรอธิบายสั้น ๆ ให๎เข๎าใจงําย 4) ถ๎าสอนอะไรยาว ๆ เกี่ยวกับสิ่งที่เด็กไมํ รู๎จัก เด็กจะเบื่อ และสับสน 3. ข๎อใดเรียบเรียงตามลักษณะประโยค ภาษาไทย 1) เยาวชนเป็นผู๎ที่นามาซึ่งความหวังของ สังคม 2) ปัจจุบันการแพรํระบาดของยาบ๎าได๎ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 3) ผู๎บริหารจาเป็นต๎องมีเจตคติที่ดีตํอ ผู๎ใต๎บังคับบัญชา 4) วัคซีนชนิดนี้แม๎วําจะมีข๎อดี แตํไมํควรใช๎ ในผู๎ใหญํวัยชรา 4. ข๎อใดไม่ใช้โครงสร๎างประโยคแบบ ภาษาตํางประเทศ 1) เรื่องนี้งํายตํอการเข๎าใจ 2) งานเขียนของเขาเป็นที่สนใจของคนหมูํ มาก 3) แมํมีลูกถึง 7 คน จึงต๎องรู๎จักวิธีบริหารเงิน 4) ทุกสิ่งทุกอยํางจบลงด๎วยความตายของ ตัวเอก 5. ข๎อใดประกอบด๎วยคาหรือพยางค์ที่ขึ้นต๎นด๎วย พยัญชนะต๎นเดี่ยวทั้งหมด 1) ผูกงูด๎วยมนตรา 2) วิทยาอาคมหมาย 3) ผูกสารบํเคลื่อนคลาย 4) ด๎วยเชือกบาศกระสันพัน 6. ข๎อใดมีพยางค์ที่ใช๎สระประสมมากที่สุด 1) นึกเฉลียวเสียวทรวงถึงดวงจันทร์ 2) กรับประสานสวบสวบสํงเสียงใส 3) ทั้งหวายตรวนล๎วนเครื่องที่ลาบาก 4) พลุกระจายชํอชํวงดังดวงเดือน 7. ข๎อใดมีเสียงวรรณยุกต์ ไม่ ครบทุกเสียง 1) เวลานี้เธออยูํที่ไหนหนอ 2) ยังจาได๎สายลมแหํงความรัก 3) น้าค๎างหยดแตะแต๎มบนแก๎มหญ๎า 4) ข๎าเก็บดอกหญ๎ามาทัดหู 8. คาในข๎อใดมีโครงสร๎างพยางค์เหมือนกันทั้ง สองคา 1) ตั้งร๎าน 2) ข๎างขึ้น 3) คลํองแคลํว 4) ทรุดโทรม 9. คาที่มีเสียงซ้าในข๎อใดทาหน๎าที่เป็นคาซ้า 1) ความรู๎รู๎ยิ่งได๎ สินทรัพย์ 2) รอนรอนอํอนแสงพระสุริยา 3) แมํลาลาลดไห๎ หาศรี 4) ยามคืนคืนทุกข์ทิ้ง กลางไพร 10. " ทรัพย์สินทางปัญญาเป็นสิ่งมีคํายิ่ง จึงมี ลิขสิทธิ์การคิดค๎นประดิษฐกรรมใหมํ " ข๎อความข๎างต๎นมีคาสมาสและคาประสมอยํางละกี่คา 1) คาสมาส 1 คา คาประสม 2 คา 2) คาสมาส 2 คา คาประสม 1 คา 3) คาสมาส 3 คา คาประสม 2 คา 4) คาสมาส 2 คา คาประสม 2 คา
  • 2. 2 11. ข๎อใดมีคาซ๎อนมากที่สุด 1) แตํหนาวใจยากแค๎นนี้แสนเข็ญ 2) ออกแออัดผู๎คนอยูํล๎นหลาม 3) ในแหลํงหล๎าใครไมํมีเสมอเหมือน 4) ไมํสมประกอบทรัพย์สินก็ขัดสน 12. ข๎อใดเป็นคาสมาสที่ใช๎วิธีการสนธิเพียง 1 คา 1) ขีปนาวุธ ยุทโธปกรณ์ 2) สรรพากร สรรพสามิต 3) ปฏิชีวนะ ปฏิกิริยา 4) กัมมันตภาพ อุณหภูมิ 13. คาที่ขีดเส๎นใต๎ข๎อใดเป็นคากริยาอกรรม 1) บริเวณป่ารอบตัวมืดสนิท 2) น้าหวานเหนียวข๎นกระเซ็นติดฝามุม ห๎อง 3) เราตํางถอดรองเท๎าออกวางไว๎ข๎างบันได 4) สายลมแรงโยกกิ่งก๎านต๎นไม๎ให๎ไหวเอน 14. ข๎อใดมีโครงสร๎างเชํนเดียวกับประโยค ‚ดอกบัวตองบานสะพรั่งชูไสวทั่วท๎องทุํง‛ 1) พวกเด็ก ๆ วิ่งเลํนกันเต็มสนามกีฬา 2) ฟ้าคะนองผําเปรี้ยงลงที่ตึกหลังสูง 3) เจ๎าดํางครางหงิง ๆ วิ่งไปมาตามถนน 4) แมํครัวนอนเหยียดยาวกลางห๎องครัว 15. ข๎อใดเป็นประโยคความเดียว 1) คนที่มีสุขภาพดีมาจากคนที่กินอาหารดี ถูกหลักโภชนาการ 2) การทางานให๎สาเร็จลุลํวงอยํางมี ประสิทธิภาพมิได๎อยูํที่คนเพียงคนเดียว 3) ขณะนี้ถึงเวลาที่ทุกคนต๎องรํวมมือกัน แก๎ปัญหาเศรษฐกิจของชาติอยํางจริงจัง 4) ความมีน้าใจที่แท๎ไมํได๎มาจากความ จาเป็น หากมาจากความต๎องการที่จะ ให๎ 16. ข๎อใดเป็นประโยคความซ๎อน 1) ปัจจุบันทํอน้าใช๎ ทํอระบายน้าตาม อาคารบ๎านเรือน ทํอร๎อยสายไฟและ สายโทรศัพท์มักเป็นผลิตภัณฑ์ พลาสติกที่เรียกกันทั่วไปวําทํอพีวีซี 2) ทํอชนิดนี้ได๎รับความนิยมมากกวําทํอ เหล็กอาบสังกะสีก็เพราะมีน้าหนักเบา กวําทํอเหล็กขนาดเดียวกันถึงห๎าเทํา 3) ทํอพีวีซีสะดวกในการขนสํงและติดตั้ง ไมํมีกลิ่นเหม็นและไมํทาปฏิกิริยาทาง เคมีกับกรดอํอนทุกชนิด 4) นอกจากนั้นทํอชนิดนี้ยังเกิดแรง ต๎านทานการไหลของน้าน๎อย เพราะมี ผิวเรียบเป็นมัน 17. ข๎อใดเป็นประโยคความซ๎อนที่มีประโยค ขยายทั้งภาคประธานและภาคแสดง 1) การชํวยเหลือเพื่อนมนุษย์เป็นกิจกรรม ที่ทาให๎เกิดความสุข 2) หมอกควันที่เกิดจากไฟไหม๎ป่าที่ อินโดนีเซียคงจะคลี่คลายในไมํช๎า 3) คาสแลงที่วัยรุํนคิดสร๎างขึ้นมักเป็นคาที่ เกิดขึ้นด๎วยความคะนอง 4) หลังจากที่คําเงินบาทลอยตัว เขาก็ยกเลิก โครงการไปเรียนตํอที่ตํางประเทศ 18. ข๎อใดเป็นประโยคสมบูรณ์ 1) สภาพของโลกาภิวัตน์ที่มีความเข๎มข๎น และจะเพิ่มความรุนแรงมากขึ้น จนมี ผลกระทบอยํางจริงจังตํอการอุดมศึกษา ไทยในอนาคต 2) ปัจจุบันองค์กรปกครองท๎องถิ่นที่นับวํา สาคัญมากที่สุดของประเทศไทย ที่มี ความสัมพันธ์ใกล๎ชิดกับชุมชน และ ทรัพยากรธรรมชาติมากที่สุด
  • 3. ภาษาไทย Ent 48 3 3) ดังนั้นการมองดูสภาพแหํงโลกาภิวัตน์ที่ จะมีผลตํอการอุดมศึกษาไทย จึงนําจะ เป็นจุดสาคัญในการหลํอหลอมปรัชญา และความหมายของการอุดมศึกษาไทย ในอนาคต 4) ถึงแม๎วําขณะนี้หลายหนํวยงานจะได๎ ตระหนักถึงความจาเป็นในการ ปรับเปลี่ยนแนวทางการพัฒนา เศรษฐกิจให๎ดาเนินควบคูํไปกับการ รักษาและฟื้นฟูคุณภาพสิ่งแวดล๎อม 19. ข๎อใดมิใช่ภาษาในระดับเดียวกันกับข๎ออื่น ๆ 1) แม๎จะอ๎างวําเป็นการใช๎สิทธิตาม รัฐธรรมนูญ แตํพฤติการณ์ก็ชัดวําเป็น การเตะถํวง 2) การมุํงเอาชนะกันโดยปราศจากความ รับผิดชอบกํอให๎เกิดผลเสียอันประมาณ มิได๎ 3) แนวคิดเรื่อง ‚ธรรมรัฐ‛ กาลังได๎รับการ ขานรับจากสังคม 4) ถ๎ามิใชํเกมการเมือง ไฉนจึงตัดสินใจ อยํางฉุกละหุกลุกลี้ลุกลน 20. ข๎อใดใช๎ภาษาได๎เหมาะสมสาหรับการเขียน รายงานทางวิชาการ 1) กระบองเพชรเป็นพันธุ์ไม๎ที่แปลก ประหลาดพิสดารที่สุดอยํางหนึ่ง และ อยูํคูํโลกมาแล๎วไมํรู๎กี่ล๎านปี 2) กระบองเพชรบางพันธุ์สุดสวยงดงามใน เรื่องของลาต๎น กิ่งก๎านสาขาแถมยังมี ดอกที่หอมลึกซึ้ง 3) ข๎อดีของการเลี้ยงกระบองเพชรคือยาฆํา แมลงแทบไมํต๎องใช๎ ปุ๋ยก็ใช๎น๎อย และ ใสํหํางกวําพืชชนิดอื่น ๆ 4) คนสํวนใหญํมักเชื่อวํากระบองเพชรเป็นพืช ที่พบได๎เฉพาะในทะเลทรายเทํานั้น แท๎ที่ จริงสามารถพบแทบทุกสภาพภูมิอากาศ 21. ข๎อใดเป็นราชาศัพท์ที่ใช๎กับสมเด็จ พระสังฆราชได๎ถูกต๎อง 1) สมเด็จพระสังฆราชฯ มีพระลิขิตแสดง พระวินิจฉัยกรณีเกี่ยวกับวินัยสงฆ์ 2) สมเด็จพระสังฆราชฯ มีลายพระหัตถ์ ประทานพรประชาชนชาวไทย 3) สมเด็จพระสังฆราชฯ เสด็จไปเสวย ภัตตาหารเพลในพระบรมมหาราชวัง 4) สมเด็จพระสังฆราชฯ ทรงพระประชวร แพทย์ผู๎ถวายการรักษาจึงถวาย คาแนะนาให๎ทรงพัก 22. ข๎อใดใช๎คาราชาศัพท์ไม่ถูกต๎อง 1) พระบาทสมเด็จพระเจ๎าอยูํหัวทรง พระราชดาริหาวิธีการที่จะพัฒนา คุณภาพชีวิตของราษฎรในชนบทเสมอ มา 2) สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยาม บรมราชกุมารีทรงโปรดการเรียนรู๎สรรพ วิชา แม๎จะไมํทรงถนัดชัดเจนใน บาง เรื่องแตํทรงใฝ่หาความรู๎อยูํเป็นนิตย์ 3) สมเด็จพระสังฆราชได๎ประทานพรปีใหมํ แกํประชาชนในคืนวันที่ 31 ธันวาคม 4) พระเจ๎าหลานเธอพระองค์เจ๎าพัชรกิติยาภา เสด็จไปทอดพระเนตรการแสดงคอนเสิร์ต การกุศล ที่โรงแรมแหํงหนึ่งเมื่อเร็ว ๆ นี้ ใช้ข้อความต่อไปนี้ตอบคาถามข้อ 23 - 24 (1) โอกาสที่เด็ก ๆ จะได๎เลําเรียนชั้นสูง ๆ นั้นยํอมไมํมีประตูเปิดไว๎สาหรับต๎อนรับเด็กผู๎ ยากจน (2) ประตูนั้นจะเปิดออกก็ตํอเมื่อถูกไขด๎วย กุญแจเงินกุญแจทอง
  • 4. 4 23. ข๎อใดเป็นแนวคิดสาคัญของข๎อความข๎างต๎น 1) ความสาเร็จในชีวิตกับการศึกษา 2) ความลํมสลายของระบบการศึกษา 3) ความไมํเสมอภาคกันทางการศึกษา 4) การฉ๎อราษฎร์บังหลวงในราชการศึกษา 24. ข๎อความข๎างต๎นมีโครงสร๎างของการแสดง เหตุผลอยํางไร 1) ข๎อความที่ 1 เป็นข๎อสนับสนุน ข๎อความที่ 2 เป็นข๎อสรุป 2) ข๎อความที่ 1 เป็นข๎อสรุป ข๎อความที่ 2 เป็นข๎อสนับสนุน 3) ข๎อความที่ 1 และ 2 เป็น ข๎อสนับสนุน ไมํมีข๎อสรุป 4) ข๎อความที่ 1 และ 2 เป็นข๎อสรุป ไมํมีข๎อสนับสนุน 25. ฝ่ายกองทัพพมําซึ่งตั้งมั่นอยูํกับกองทัพ มอญนั้น เสบียงก็ขัดสนเบาบางลง ด๎วยรี้ พลมากนัก ทหารทั้งปวงอดข๎าวปลาอาหาร อิดโรยถอยกาลังลง ข๎อความข๎างต๎นใช๎เหตุและผลที่สัมพันธ์กัน เป็นลาดับตามข๎อใด 1) ผล เหตุ ผล เหตุ 2) เหตุ ผล เหตุ ผล 3) ผล เหตุ ผล ผล 4) เหตุ เหตุ ผล ผล 26. ข๎อความตํอไปนี้สามารถประเมินได๎ตรงตาม ข๎อใด ‚ข๎าพเจ๎าเคยเตือนคนรุํนหนุํมสาวเสมอ วําอยําทอดทิ้งของเกํา ๆ ของไทยเราเสีย อยํางไมํอาลัยไยดี เพราะของเกําเป็น เครื่องชี้อายุของชาติ เป็นเครื่องแสดง วัฒนธรรมของชาติ ทั้งนี้มิได๎หมายความวํา ข๎าพเจ๎าไมํนิยมของใหมํเลย‛ 1) สมเหตุสมผล 2) มีลักษณะสร๎างสรรค์ 3) เหมาะแกํกาละและบุคคล 4) ใช๎ภาษากระชับและเข๎าใจงําย 27. ข๎อใดเป็นข๎อสันนิษฐานที่สมเหตุสมผล สาหรับความแตกตํางในการเขียนสมัยพํอขุน รามคาแหง ซึ่งเขียนคาวํา ‚หีน กดีง ปตู‛ ตรงกับคา ‚หิน กระดิ่ง ประตู‛ ในสมัย ปัจจุบัน ตามลาดับ 1) ในสมัยสุโขทัยยังไมํมีการกาหนด ภาษาไทยมาตรฐาน 2) สมัยสุโขทัยไมํมีพจนานุกรม ทาให๎คน เขียนสะกดผิด 3) คนสมัยสุโขทัยออกเสียงคาตํางกับคน สมัยปัจจุบัน จึงเขียนตํางกัน 4) การจารึกอักษรบนหินยากกวําการเขียน จึงต๎องสะกดคาให๎งํายที่สุด เพื่อจะได๎ จารึกงํายด๎วย ให้ใช้ข้อความต่อไปนี้ตอบคาถามข้อ 28 - 29 สมัยนี้กาลังเหํอวิชาทางด๎านเทคโนโลยีกัน นิมิตดีก็ตรงที่มีการสอนวิชาทางสังคมศาสตร์ และ มนุษยศาสตร์เข๎าไปให๎เป็นน้ากระสายด๎วยบ๎าง เมื่อไรมีการสอนให๎ได๎เจริญสติโดยหัวสมองกับหัวใจ ประสานสอดคล๎องกัน นั่นจึงจักชื่อวําการศึกษาที่แท๎ ความรู๎จึงจัก เป็นปัญญา และปัญญากับกรุณา ยํอมจะไปด๎วยกัน คนที่มีสติปัญญายํอมลด ความเห็นแกํตัวลงไป เพื่อจะได๎เกื้อกูลเพื่อน มนุษย์ตลอดไปจนสรรพสัตว์ 28. ข๎อใดไม่อาจอนุมานได๎จากข๎อความข๎างต๎น 1) การศึกษาเทคโนโลยีให๎ความรู๎แกํมนุษย์ 2) คนเห็นแกํตัวยํอมไมํเป็นผู๎มีการศึกษา อยํางแท๎จริง 3) การศึกษาสังคมศาสตร์และ มนุษยศาสตร์ทาให๎รู๎จักเห็นใจผู๎อื่น
  • 5. ภาษาไทย Ent 48 5 4) คนเห็นแกํตัวยํอมสร๎างความเดือดร๎อน แกํทั้งเพื่อนมนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย 29. ข๎อความนี้เป็นการแสดงทรรศนะแบบใด 1) ทรรศนะเกี่ยวกับคุณคํา 2) ทรรศนะเกี่ยวกับนโยบาย 3) ทรรศนะเกี่ยวกับข๎อเท็จจริง 4) ทรรศนะเกี่ยวกับเหตุผล 30. ข๎อใดไม่ใช่การคิดเชิงโต๎แย๎ง 1) เรียนอะไรก็ได๎ที่ชอบ ตรวจสอบตัวเอง ให๎ดี 2) การสอบแขํงขันเป็นสิ่งดี แตํคิดอีกที เหมือนดาบสองคม 3) สายวิทย์อยําคิดวําแนํ สายศิลป์ที่รู๎ จริงนํะเกํงแท๎ 4) มหาวิทยาลัยเปิด มหาวิทยาลัยปิด จบเป็นบัณฑิตไมํตํางกัน อ่านข้อความต่อไปนี้แล้วตอบคาถาม ข้อ 31 - 32 การสอนภาษาอังกฤษในระดับโรงเรียนสังกัด รัฐบาลยังมีปัญหาที่เป็นอุปสรรคมากมาย เริ่มต๎น จากครูที่มีความถนัดวิชาการด๎านนี้ยังมีอยูํไมํมาก นัก และแม๎จะนาไปอบรมเข๎มคราวละ 1-2 เดือน ก็ยังไมํเกิดประสิทธิภาพเพียงพอ มาถึงระบบการ เรียนที่ขัดกับธรรมชาติของการเรียนรู๎ทางด๎าน ภาษา เชํนมุํงที่จะให๎ทํองจาหลักเกณฑ์ไวยากรณ์ อยํางเอาเป็นเอาตาย มากกวําการสร๎างความ เชื่อมั่นในการใช๎ภาษา เมื่อมีการกาหนดนโยบาย ให๎เน๎นการสอนภาษาอังกฤษแกํนักเรียนไทยอยําง มีประสิทธิภาพก็นําหํวงวําในเวลาปฏิบัติการจริงก็ จะเรํงรัดให๎เด็กทํองจาเพื่อทาข๎อสอบพอผํานเป็น คราว ๆ ไปเทํานั้น 31. ข๎อใดสรุปใจความข๎างต๎นได๎ถูกต๎อง 1) ปัญหาการสอนภาษาอังกฤษใน โรงเรียนมีผลมาจากนโยบายที่เน๎นให๎ เรียนเพื่อสอบผําน 2) การสอนภาษาอังกฤษในโรงเรียนยังไมํ ประสบผลสาเร็จ เพราะครูขาดความรู๎ และใช๎วิธีการสอนไมํถูกต๎อง 3) การเรียนรู๎ด๎านภาษาจะต๎องไมํมุํงให๎ ผู๎เรียนทํองจาหลักเกณฑ์ แตํต๎องให๎ กล๎าแสดงออก 4) การกาหนดนโยบายให๎เน๎นการสอน ภาษาอังกฤษอยํางมีประสิทธิภาพเป็น สิ่งที่ปฏิบัติได๎ยาก 32. ข๎อใดเป็นประเด็นการโต๎แย๎งของข๎อความ ข๎างต๎น 1) ปัญหาการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ ในโรงเรียนเกิดจากคุณภาพของครูจริง หรือ 2) การสอนภาษาอังกฤษในโรงเรียนรัฐบาล ปัจจุบันใช๎วิธีการไมํถูกต๎องจริงหรือไมํ 3) การสอนภาษาอังกฤษให๎มีประสิทธิภาพ เป็นแนวดาเนินการที่จะปฏิบัติได๎จริง หรือ 4) โรงเรียนควรมีสํวนวางแนวการเรียนการ สอนภาษาอังกฤษให๎เกิดประสิทธิผลได๎ จริงหรือไมํ 33. ข๎อใดใช๎ภาษาเพื่อแสดงทรรศนะ 1) รัฐบาลแถลงวําภาวะเศรษฐกิจของไทย ในปัจจุบันเริ่มดีขึ้นเป็นลาดับ 2) คุณภาพชีวิตที่ดียํอมเกิดขึ้นได๎หาก ประชาชนรํวมใจกันพัฒนาสิ่งแวดล๎อม 3) ราคาผลผลิตตกต่าและน้ามันขึ้นราคา เป็นผลกระทบมาจากปัจจัยภายนอก 4) เราเรียนรู๎จากอดีตวําการกินดีอยูํดีของ ประชาชนขึ้นอยูํกับเสถียรภาพของรัฐบาล
  • 6. 6 34. คาในข๎อใดมีความหมายต่างกับข๎ออื่น 1) สภาพเศรษฐกิจขาลงขณะนี้สํงผลให๎ ตลาดธุรกิจถํายภาพชะลอตัว 2) แม๎เศรษฐกิจซบเซา แตํบริษัทยังคง ดาเนินโครงการอยํางตํอเนื่อง 3) แม๎วําสถานการณ์เศรษฐกิจเปลี่ยนไป แตํเรายังสามารถตรึงราคาสินค๎าให๎เทํา เดิมได๎ 4) เมื่อประสบกับสภาวะเศรษฐกิจถดถอย บริษัทจึงไมํสามารถแบกรับภาระไหว 35. ข๎อใดมีคาที่เหมาะสมที่จะเติมในชํองวําง ตามลาดับ หญิงสาวสวยที่ยืนใกล๎ ๆ เขา ______ เขา มาก เขาจ๎องมองเธออยูํนานพอสมควร ใน ที่สุดเขาจึงตัดสินใจ _____เข๎าไปถามเวลา และถือโอกาสจับมือเธอ แตํเธอ ______ และเดินหนีเขาไป 1) บาดตา ทาที สลัดมือ 2) ต๎องตา ทาทํา สลัดมือ 3) บาดตา ทาทํา สะบัดมือ 4) ต๎องตา ทาที สะบัดมือ อ่านข้อความต่อไปนี้แล้วตอบคาถาม ข้อ 36 - 37 ‚การดารงชีวิตอยูํของคนเราไมํควรที่จะ หวังพึ่งเสียงโชคชะตา มนุษย์สามารถเอาชนะทุก สิ่งทุกอยํางได๎เสมอขอเพียงแตํให๎เรามีความมั่นใจ ในตัวเอง เป็นตัวของตัวเองและไมํยอมแพ๎เสียแตํ ต๎นมือ‛ 36. ข๎อความข๎างต๎นเป็นสารประเภทใด 1) สารแสดงข๎อเท็จจริง 2) สารแสดงทรรศนะ 3) สารแสดงความรู๎สึก 4) สารแสดงการจูงใจ 37. ข๎อความดังกลําวใช๎กลวิธีอยํางไร 1) การแสดงให๎ประจักษ์ตามกระบวนการ เหตุผล 2) การแสดงให๎เห็นวําสารมีน้าหนัก นําเชื่อถือ 3) การแสดงให๎เห็นทางเลือกด๎านดีและ ด๎านเสีย 4) การเร๎าให๎เกิดอารมณ์อยํางแรงกล๎า 38. ข๎อใดใช๎คาได๎ตรงตามความหมาย 1) ไมํเคยมีแพทย์คนใดในโรงพยาบาลนี้ถูก ตาหนิวําไมํมีจรรยาแพทย์ 2) เด็กคนนี้ดื้อเหลือเกิน คุณยายซึ่งใจเย็น มากยังเอํยปากเลย 3) เธอสบายใจเมื่อได๎ตกแตํงลูกสาว เรียบร๎อยแล๎ว 4) เขาปฏิเสธวําเขาไมํเคยผูกพันกับคดี เชํนนี้ 39. กลุํมคาในข๎อใดมีความหมายกว๎าง 1) คุณยายชอบใช๎เครื่องบดอาหาร 2) น๎องซื้อเครื่องดูดฝุ่นใหมํ 3) แมํทาความสะอาดเครื่องเงิน 4) พี่สาวใช๎เครื่องเป่าผมทุกวัน 40. ประโยคใดไม่มีข๎อบกพรํองในเรื่องการใช๎คา 1) เด็กเล็ก ๆ เหลํานี้กาลังนํารักนําชัง ทั้งนั้น 2) ทาไมเมื่อหัวเขําถูกโขลก ปลายเท๎าจึง ถีบออกไปข๎างหน๎าอยํางไมํรู๎ตัว 3) ชาวบ๎านรํวมมือกันพัฒนาการหมูํบ๎าน ของตนเพื่อให๎มีน้าใช๎ในฤดูแล๎ง 4) การเปลี่ยนแปลงของภาษาที่ยังมีผู๎ใช๎อยูํ เป็นเรื่องธรรมดา
  • 7. ภาษาไทย Ent 48 7 41. ข๎อใดใช๎คาเชื่อมไม่ถูกต๎อง 1) พูดถึงยาเสพติดไมํวําชนิดใดก็ตาม ล๎วนแตํกํอให๎เกิดผลเสียตํอสุขภาพของ มนุษย์ทั้งสิ้น 2) คาวํายาเสพติดไมํใชํมีเฉพาะฝิ่น เฮโรอีน รวมทั้งกัญชา เทํานั้น แตํยังรวมไปถึงยา กระตุ๎นประสาทและยาหลอนประสาท 3) ยากระตุ๎นประสาทจะทาให๎รํางกายถูก ฝืนให๎ทางานหนักตรากตราติดตํอกันจน เหน็ดเหนื่อยผลคือสุขภาพทรุดโทรม 4) ผู๎ใช๎ยาหลอนประสาทจะมีอาการ ประสาทหลอนและทาให๎เกิดประสาท ลวง ในที่สุดก็จะเป็นโรคจิต 42. กลุํมคาในข๎อใดทุกคามีความหมายมากกวํา 1 ความหมาย 1) จาวัด สับหลีก เจ๎าถนน 2) ชักใย ขึ้นหม๎อ ตามน้า 3) ทอดตลาด ทอดนํอง ทอดเสียง 4) ลายคราม เจ๎าบ๎าน ซองขาว 43. ข๎อใดใช๎คาถูกต๎อง 1) ฆาตกรหัวแข็งให๎การปฏิเสธข๎อกลําวหา ทุกข๎อ 2) ครูใหญํอุปการคุณฉันมาตลอดตั้งแตํเด็ก จนจบการศึกษา 3) การลดความอ๎วนให๎ได๎ผลดีต๎องไมํกิน จุบจิบตลอดวันอยํางนี้ 4) นักเรียนชอบซื้ออาหารร๎านนี้เพราะขาย ถูกและมีอัธยาศัยที่ยิ้มแย๎ม 44. ข๎อใดใช๎คา ‚ถึง‛ ได๎อยํางเหมาะสม 1) อาจารย์ใหญํกลําวถึงผลงานของ โรงเรียนในรอบปีที่ผํานมาวําอยูํใน เกณฑ์ที่นําพอใจ 2) นายกสมาคมกลําวขอบคุณและชื่นชม ถึงแนวคิดของสมาชิกที่ได๎เสนอในครั้งนี้ 3) การจัดงานครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให๎ ทุกคนเข๎าใจถึงบทบาทและหน๎าที่ที่มีตํอ ชุมชน 4) เมื่อรัฐบาลประกาศถึงเศรษฐกิจไทยมี แนวโน๎มดีขึ้น ทาให๎ตํางชาติมาลงทุน เพิ่มขึ้นในทันที 45. สานวนใดใช๎กลําวเพื่อเตือนสติ 1) เงาตามตัว 2) ไว๎เนื้อเชื่อใจ 3) คอขาดบาดตาย 4) บ๎านเมืองมีขื่อมีแป 46. ข๎อความตํอไปนี้ตรงกับสานวนใด ‚ขําวความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการ ปรับเปลี่ยนตัวบุคคลที่จะมาดารงตาแหนํง รัฐมนตรีแทนนายเชี่ยวชาญนั้น นําจะ เป็นการปลํอยขําวเพื่อต๎องการทราบวําจะมี ปฏิกิริยา อยํางไร‛ 1) กวนน้าให๎ขุํน 2) โยนหินถามทาง 3) หวํานพืชหวังผล 4) ปากคนยาวกวําปากกา 47. ข๎อใดเป็นคาพูดที่เหมาะสมที่สุดของประธาน ในที่ประชุม 1) ผมขอมอบให๎คุณสมชายเป็นฝ่าย เหรัญญิก คุณสมชายจะขัดข๎องไหมครับ 2) ผมขอให๎ที่ประชุมพิจารณาเรื่องสถานที่ที่ จะไปทัศนศึกษาและผมเสนอวําเราควร ไปเขาค๎อ ผมเคยไปมาแล๎วอากาศดีมาก 3) เลขานุการของสมาคมขอลาออก ผม ขอให๎ที่ประชุมเสนอชื่อผู๎ที่จะทาหน๎าที่นี้ เพื่อจะได๎มีมติแตํงตั้งตํอไป 4) ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ให้จัดการ ประชุมวิชาการ เนื่องในโอกาส 72 พรรษาผมจะทาโครงการเองนะครับ จะ ได้ตั้งงบประมาณได้เร็ว
  • 8. 8 48. ข๎อใดที่นักเรียนควรเลือกใช๎ในการไปขอรับ การสนับสนุนคําใช๎จํายจากบริษัทสาหรับการ ทากิจกรรมของโรงเรียน ตามที่นัดหมายไว๎ ลํวงหน๎า 1) ต๎องประทานโทษที่รบกวน แตํคิดวํา บริษัททํานมีศักยภาพที่จะสนับสนุนได๎ ในฐานะที่ลูก ๆ ทํานก็เคยเรียนที่นี่ 2) ขออนุญาตเรียนให๎ทํานชํวยพิจารณา หากเห็นวําสาระของกิจกรรมใน โครงการนี้พอจะมีคุณคําที่จะกรุณา สนับสนุนได๎ 3) ต๎องกราบเรียนวําเราใครํครวญแล๎วกํอน จะมาขอความอนุเคราะห์ เพราะทราบ อยูํวําบริษัทกาลังประสบภาวะวิกฤติ แตํทํานก็คงจะชํวยเราได๎ 4) ใครํเรียนวําที่เจาะจงมาขอความอนุเคราะห์ เพราะบริษัททํานมีนโยบายสํงเสริม กิจกรรมเชิงพัฒนาอยูํแล๎ว อยํางน๎อยก็ เทํากับทํานรู๎จักคืนกาไรให๎สังคมครับ 49. แนวปฏิบัติข๎อใดที่ผู๎เข๎าประชุมนําจะทาน๎อย ที่สุด 1) หาความรู๎เกี่ยวกับการประชุมอยํางรอบ ด๎าน 2) เป็นนักฟังที่ดีฟังผู๎รํวมประชุมอยํางพินิจ พิเคราะห์ 3) ประนีประนอมกับผู๎รํวมประชุมโดย ตลอด 4) พูดให๎ตรงประเด็นอยํางสุภาพแตํรวบรัด ใช้ข้อความต่อไปนี้ตอบคาถามข้อ50 ตอนหนึ่งของการบรรยายเพื่อรณรงค์ให๎มีการ สร๎างวินัย วิทยากรกลําววํา ‚ในสังคมไทยทุก วันนี้ ใคร ๆ ก็พูดให๎คนมีวินัยกันทั้งนั้น วาง หลักการ ออกคาสั่ง ให๎คาแนะนาสั่งสอนแตํแล๎ว ตนเองก็ไมํทา สาหรับผม ผมปฏิบัตินะและอยําง เครํงครัดด๎วย เพื่อเป็นการสอนอีกทางให๎ได๎เห็น แบบอยํางเรียนรู๎ และซึมซับเอาอยํางเคยชิน อยํางเป็นนิสัย และอยํางเป็นธรรมชาติ ซึ่งไมํ จาเป็นต๎องออกปากเรียกร๎อง เพราะฉะนั้นเมื่อ ผมสอนลูก ลูกก็ปฏิบัติ ผมก็เชื่อวําลูกผมมีวินัย อยากจะบอกวํา เมื่อใดก็ตามที่การปฏิบัติไมํ เป็นไปตามธรรมชาติ เมื่อนั้นก็รังแตํทาคนให๎เป็น ‚นักสร๎างภาพ‛ มากขึ้นทุกที ๆ จนเต็มสังคม‛ 50. บัญชาฟังข๎อความข๎างต๎นแล๎วตระหนักดีวํา ‚ความล๎มเหลวของการสร๎างวินัยอยูํที่ใด‛ แสดงวําบัญชาเข๎าถึงการฟังระดับใด 1) เข๎าใจจุดประสงค์ของผู๎พูด 2) ตีความคาวํา ‚นักสร๎างภาพ‛ ได๎ 3) วิเคราะห์ได๎วํา หากพูดโดยไมํลงมือทา ก็จะไมํเกิดผล 4) ประเมินคําแล๎ววํา ‚ผลของการกระทามี คําล้ากวําการพูดลอย ๆ‛ 51. ในการโต๎แย๎งกันเรื่องการสอบแขํงขันคัดเลือก เข๎ามหาวิทยาลัยระบบใหมํ ข๎อใดแสดงวําผู๎ รํวมวงสนทนาขาดมารยาทในการพูดและการ ฟัง 1) ฉันวําการสอบแบบเกําเข๎าทํากวํานะ ไมํให๎รู๎คะแนน ทาให๎ต๎องฟิตและลุ๎นเอา เองเต็มที่ 2) เข๎าทําหรือ บ๎านํะสิ ถ๎าเข๎าทําจริงเขา จะเปลี่ยนหรือ คะแนนเปิดเผยนี่ละดีจะ ได๎รู๎ตัว 3) โอ๏ย! ไมํรู๎จะมาเถียงกันให๎มันแตกคอกัน ไปทาไม จะแบบเกําแบบใหมํ ฉันก็ไมํ เห็นแกจะสอบได๎กันสักคนเลยจริงไหม 4) แตํฉันวํามันก็ดีด๎วยกันไปคนละอยํางนะ แตํจะแปลกอะไรลํะ ในเมื่อยังไง ๆ เราก็ เต็มที่อยูํแล๎ว ไปกินข๎าวกันดีกวํา
  • 9. ภาษาไทย Ent 48 9 ใช้ข้อความต่อไปนี้ตอบคาถามข้อ 52 - 54 จะรู๎วําแตํงกายเหมาะตัวนั้นไมํยาก มี กระจกสํอง กระจกนั้นมิใชํกระจกที่สํองทุกวันใน บ๎าน กระจกบานสาคัญ อยูํในแววตาของคนอื่น มนุษย์ดูตัวเองมาตั้งแตํเกิด รักและหลงตัว มัก มองไมํเห็นหรือเห็นไมํตรงกับคนอื่น ความเหมาะ ตัวได๎แกํแตํงให๎เหมาะกับรูปลักษณะ วัย รวมทั้ง ฐานะทางเศรษฐกิจและสังคม สาวน๎อยอายุ 18 แตํงตัวโลดโผนอยํางไรมีคนเห็นงาม คุณป้าอ๎วน ตุ๏ต๏ะ อายุ 50 แตํงตัวเหมือนกัน คนสงสาร 52. ข๎อใดคือสารสาคัญที่สุดที่ผู๎เขียนต๎องการ เสนอ 1) การแตํงกายให๎งามต๎องแตํงตามวัยและ บุคลิกภาพ 2) การแตํงกายให๎งามต๎องแตํงให๎เหมาะกับ กาลเทศะ 3) การแตํงกายให๎งามต๎องรับฟังข๎อแนะนา ของผู๎อื่น 4) การแตํงกายให๎งามต๎องรู๎จักตัวเองกํอน 53. ข๎อใดมิใช่ภาพสะท๎อนจาก ‚กระจกบาน สาคัญ‛ 1) บุคลิกภาพของผู๎อื่น 2) ปฏิกิริยาของผู๎อื่น 3) สายตาของผู๎อื่น 4) ความคิดเห็นของผู๎อื่น 54. ผู๎เขียนไม่ใช้กลวิธีการเขียนในข๎อใด 1) การให๎ข๎อคิดเตือนใจ 2) การใช๎ตัวอยําง 3) การใช๎ภาพพจน์ 4) การใช๎คาถาม 55. คนที่กาลังใจอํอนแอมักจะคิดราพึงในทางลบ ตํอตนเอง ตรงกันข๎ามกับผู๎ที่มีใจเข๎มแข็งจะ ไมํน๎อยเนื้อต่าใจอะไรเลย ถ๎าเราขี่จักรยาน อยูํรถมอเตอร์ไซค์ยํอมไปเร็วกวํา แตํเทียบ กับคนเดินเท๎า เราก็ยังเร็วกวําเขา ข๎อใดไม่อาจอนุมานได๎วําเป็นจุดประสงค์ ของผู๎เขียน 1) ให๎พอใจในสิ่งที่ตนมีและเป็น 2) ให๎รู๎จักคิดและพิจารณาปัญหา 3) ให๎รู๎จักสร๎างกาลังใจให๎แกํตนเอง 4) ให๎พยายามแขํงขันให๎ทัดเทียมผู๎ที่ เหนือกวํา ให้ใช้ข้อความต่อไปนี้ตอบคาถามข้อ 56 - 57 " มารดารักบุตรมักจะหลงไหลไมํแลเห็นผิด ชอบอันใดสุดแตํลูกจะประพฤติอันใดก็ยํอมเห็นดี เป็นที่ชอบใจไปทุกอยําง ที่สุดจนพํอเองก็มักจะทา ให๎เข๎าใจผิดไปวําชะรอยจะไมํมีความรักใครํ มี ความหวังใจมุํงหมายตํอผู๎อื่น ความรักเชํนนี้ยํอมทา ให๎ใจผู๎ที่ถูกรักเสื่อมสลายไปจากวิจารณญาณ คือ ความพิจารณาวําคาตักเตือนทั้งหลายนั้นเป็นคา แท๎จริงมีประโยชน์หรือไมํ 56. ความรักในข๎อความข๎างต๎นตรงกับแนวคิด ตามข๎อใดมากที่สุด 5 1) หลงอะไรจะเหมือนหลงทรงมนุษย์ ที่โศกสุดเศร๎าแสนเสนํหา 2) แมํรักลูกลูกก็รู๎อยูํวํารัก คนอื่นสักหมื่น แสนไมํแม๎เหมือน 3) ความรักเหมือนโรคา บันดาลตาให๎มืดมน 4) อันชนกชนนีนี้รักเจ๎า เทียมเทําชีวาก็วําได๎
  • 10. 10 57. สาระสาคัญของข๎อความข๎างต๎นคือข๎อใด 1) พํอแมํไมํควรแสดงความรักลูกด๎วยการ ตามใจ 2) การตามใจลูกเพื่อให๎ลูกรักตนเป็นสิ่งที่ ไมํควรทา 3) พํอแมํควรตักเตือนลูกในวาระอันควร 4) การรักลูกอยํางปราศจากเหตุผลทาให๎ ลูกหลงผิดได๎ 58. ข๎อใดไม่อาจอนุมานได๎จากข๎อความข๎างต๎น นี้ 1) พํอรักลูกเสมอกัน 2) พํออยากให๎ลูกเข๎าใจพํอมากกวําเดิม 3) พํอรักลูกน๎อยกวําแมํรัก 4) พํอรักลูกอยํางมีเหตุผล 59. เรารักวัฒนธรรมไทยนั้นดี แตํต๎องรักอยํางมี ปัญญา รู๎จักเงื่อนไขของวัฒนธรรมที่เรารัก ด๎วย ข๎อใดไม่อาจอนุมานได๎จากข๎อความ ข๎างต๎น 1) คนไทยควรอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยด๎วย ความเข๎าใจ 2) คนไทยควรรํวมกันอนุรักษ์และสืบสาน วัฒนธรรมไทย 3) คนไทยควรศึกษาลักษณะเฉพาะของ วัฒนธรรมไทยอยํางถํองแท๎ 4) คนไทยเชื่อวําวัฒนธรรมไทยเป็น วัฒนธรรมที่เกําแกํและมีคุณคําที่สุด 60. มีผู๎กลําววํา ‚เครื่องถํายเอกสารทาให๎ใช๎กัน เพลินอยํางเกินความจาเป็นฉันใด บัตร เครดิตก็ทาให๎การใช๎จํายขาดความยับยั้งชั่ง ใจมากขึ้นไปฉันนั้น‛ ข๎อใดแสดงความหมาย ที่สอดคล๎องกับคากลําวข๎างต๎น 1) ถ๎าไมํมีวินัย ทาอะไรก็หายนะ 2) ความสุรุํยสุรําย เป็นภัยร๎ายอยํางยิ่ง 3) ความสะดวกสบาย เป็นสัญญาณ อันตรายที่พึงระวัง 4) บัตรเครดิตและเครื่องถํายเอกสาร เป็น ต๎นเหตุให๎ผลาญทรัพย์สิน ให้ใช้ข้อความต่อไปนี้ตอบคาถามข้อ 61 - 62 ‚ลักษณะหนึ่งของวรรณคดีไทยโบราณ คือ งานสร๎างสรรค์ขึ้นจากจินตนาการ คนอํานใน สมัยกํอนตํางก็นิยม เรื่องที่แสดงจินตนาการลึกซึ้ง ก๎าวไกลหํางจากชีวิตจริง วรรณคดีสํวนใหญํจึงมี เนื้อหาเกี่ยวกับดังกลําว หากผู๎อํานในปัจจุบันเข๎าใจ ลักษณะนี้ของวรรณคดีไทย ก็จะไมํอํานอยําง คาดหวังข๎อเท็จจริงทั้งหมด‛ 61. ผู๎เขียนมีจุดประสงค์ตามข๎อใด 1) แนะวิธีอํานวรรณคดีไทย 2) บอกลักษณะเฉพาะของวรรณคดีไทย 3) อธิบายลักษณะเนื้อหาของวรรณคดีไทย 4) บอกความแตกตํางของวรรณคดีไทย โบราณและวรรณคดีปัจจุบัน 62. ข๎อความข๎างต๎นใช๎กลวิธีอธิบายตามแบบใด 1) การนิยาม 2) การใช๎ตัวอยําง 3) การกลําวซ้าด๎วยถ๎อยคาแปลกออกไป 4) การชี้สาเหตุและผลลัพธ์ที่สัมพันธ์กัน ใช้ข้อความต่อไปนี้ตอบคาถามข้อ 63 - 64 เมื่อคนมาสัมพันธ์กับเทคโนโลยีจะต๎องพัฒนา ให๎เขารู๎จักใช๎เทคโนโลยีด๎วย ให๎มองเทคโนโลยีเป็น ปัจจัยแหํงการสร๎างสรรค์ ไมํใชํมองเป็นเครื่อง บารุงบาเรอ เทคโนโลยีนั้นมีทั้งความหมายเชิง บารุงบาเรอเป็นเครื่องเสริมเพิ่มความสุขจากการ เสพ และอีกด๎านหนึ่งนับเป็นปัจจัยแหํงการ สร๎างสรรค์ที่สนองความต๎องการให๎เกิดความสุขจาก การทางานได๎สาเร็จ มนุษย์ในบางสังคมมีความโน๎ม เอียงในการหาความสุขจากการเสพเทคโนโลยีก็จะใช๎ เทคโนโลยีเพื่อการเสพบาเรอ แตํมนุษย์ในบางสังคม
  • 11. ภาษาไทย Ent 48 11 อาจจะมีความโน๎มเอียงในการหาความสุขจากการ สร๎างสรรค์ด๎วยเทคโนโลยี 63. ข๎อใดเหมาะสมที่จะเป็นหัวข๎อของข๎อความ ข๎างต๎น 1) ความรู๎เทําทันเทคโนโลยี 2) เทคโนโลยีคือปัจจัยสารพัดนึก 3) การใช๎เทคโนโลยีให๎เกิดประสิทธิผล 4) เทคโนโลยีกับมนุษย์ยุคโลกาภิวัตน์ 64. ผู๎เขียนมีเจตนาสาคัญตามข๎อใด 1) แจ๎งให๎ทราบ 2) เตือนให๎คิด 3) เสนอให๎ทา 4) สอนให๎รู๎ 65. ประโยคใดไม่กระชับ 1) เขาสอบเข๎ามหาวิทยาลัยได๎เพราะความ ขยัน 2) ผู๎คนกาลังกระทาการรณรงค์เรื่อง ส.ส.ร. 3) หลายคนตื่นเต๎นที่ได๎รับเลือกเป็น สมาชิก 4) เลือกประธานได๎ถูกคนนั่นลํะถูกต๎อง 66. ข๎อความใดมีความหมายเหมือนกัน ก. แนวทางการสร๎างงานวิจัยของ สถาบันอุดมศึกษาที่มีคุณภาพ ข. แนวทางการสร๎างงานวิจัยที่มีคุณภาพ ของสถาบันอุดมศึกษา ค. แนวทางที่มีคุณภาพในการสร๎าง งานวิจัยของสถาบันอุดมศึกษา ง. แนวทางของสถาบันอุดมศึกษาในการ สร๎างงานวิจัยที่มีคุณภาพ 1) ก และ ค 2) ข และ ค 3) ก และ ง 4) ข และ ง 67. ข๎อความตํอไปนี้จัดลาดับตามข๎อใดจึงจะ ถูกต๎องและได๎ใจความสมบูรณ์ ก. เวลาทาให๎ชีวิตของเราชราลงไป ข. การเสียเวลาทาให๎เกิดความเสียหาย ค. เวลาเป็นของมีคํา ง. ถ๎าเราแกํลงไปโดยไมํได๎ทาประโยชน์ เรียกวําอยูํอยํางรกโลก 1) ก ง ข ค 2) ข ก ค ง 3) ค ก ข ง 4) ง ค ข ก 68. จากข๎อความตํอไปนี้ ข๎อใดเป็นเหตุผล สาคัญที่สุดที่ทาให๎ เกิดการตีความตํางกัน ‚นักเรียนชายกับนักเรียนหญิงเถียงกันเรื่อง ความหมายของข๎อความ‘สามวันจากนารีเป็น อื่น’ นักเรียนหญิงเชื่อวําผู๎ชายเป็นฝ่าย‘เป็น อื่น’ ในขณะที่นักเรียนชายเชื่อวําผู๎หญิง ‘เป็นอื่น’‛ 1) ภาษากากวมทาให๎เข๎าใจตํางกัน 2) วิจารณญาณตํางกันทาให๎คิดไมํตรงกัน 3) อคติสํวนตนอันเกิดจากความเป็นชาย เป็นหญิง 4) การเปลี่ยนแปลงของวัฒนธรรมตามยุค สมัย ใช้คาประพันธ์ต่อไปนี้ตอบคาถามข้อ 69 - 70 ก. แมํคว๎าตะกร๎าวิ่งหน๎าตั้ง พํอคว๎ากะละมังวิ่งตั้งหน๎า พี่คว๎าเขํงลิบไปพริบตา น๎องหันซ๎ายขวาพะว๎าพะวน ข. พลิกกายหมายโอบสูํอ๎อมกอด พร่าพรอดกอดจูบลูบผม ลูกรักของแมํคงหิวนม ตะแคงก๎มปลดกระดุมเสื้อกุมไว๎
  • 12. 12 ค. แสงอรุณไอเอื้อเมื่อแดดแต๎ม ให๎เหลืองชํวงแรกแย๎มแจํมเจิดจ๎า ทั่วท๎องทุํงทิวทาบอาบทองทา ณ เถียงน๎อยปลายนาจาเหมํอมอง ง. เธอก็คือสะเก็ดดาวที่ร๎าวรํวง โชนแสงโชติชํวงกํอนลับหาย ขีดเส๎นฟ้ากํอนวูบดับลับมลาย กลับกลายเป็นอุกาบาตอนาถนัก 69. คาประพันธ์ข๎างต๎นข๎อใดเป็นการเขียน พรรณนา 1) ข๎อ ก. 2) ข๎อ ข. 3) ข๎อ ค. 4) ข๎อ ง. 70. คาประพันธ์ข๎างต๎นข๎อใดใช๎ภาพพจน์ 1) ข๎อ ก. 2) ข๎อ ข. 3) ข๎อ ค. 4) ข๎อ ง. 71. ผัดกะเพราไกํพริกขี้หนูใสํตากับกระเทียม ไกํสับละเอียดลงผัดอยําเกรียม ปรุงรสแล๎ว เตรียมใสํใบกะเพรา ข๎อความข๎างต๎นถ๎าจัด วรรคให๎ถูกต๎องจะได๎คาประพันธ์ตามข๎อใด 1) รํายยาว 2) กาพย์ฉบัง 3) กลอนสุภาพ 4) กาพย์สุรางคนางค์ ให้ใช้ข้อความต่อไปนี้ตอบคาถามข้อ 72 - 73 บางบารุบารุงแก๎ว กานดา แก๎วเนตรเชษฐาชรา รํางแล๎ว 72. คาประพันธ์ข๎างต๎นมีลักษณะเดํนที่สุดในเรื่อง ใด 1) มีลักษณะเป็นกลบท 2) เลํนสัมผัสพยัญชนะ 3) เลํนสัมผัสสระแบบสัมผัสใน 4) เลํนคาซ้าเสียง 73. คาประพันธ์ข๎างต๎นนี้มีเนื้อหากลําวถึง ความคิดของกวีตํอนางที่รักวําอยํางไร 1) ราลึกถึงความหลังเมื่อครั้งเคยอยูํ ด๎วยกัน 2) คร่าครวญถึงความรักระหวํางที่พลัด พรากจากกัน 3) ปรารภถึงสภาพของนางที่เปลี่ยนแปลง ไปจากเดิม 4) คิดจะทะนุถนอมซึ่งกันและกันแม๎จะอายุ มากแล๎ว 74. อํานข๎อความตํอไปนี้แล๎วตอบคาถาม ตอน 1 พระคุณเอํยได๎โปรดด๎วยชํวยระวัง ในครั้งนี้ เหมือนหนึ่งเห็นแกํข๎า พระบาทมัทรีเถิดนะวําเป็นเพื่อน ยาก ตอน 2 ผิวกายดาเป็นมันหมึกมืดดั่ง มหาเมฆ ตอน 3 ธรรมดาวําสตรีนี้เป็นเกาะแกํงกีด กระแสกุศล มีมัจฉริยะมืดมนคือตัว มาร ตอน 4 ส่วนพระทองร้อยชั่งทั้งคู่ พิศดูเห็น บุรุษโทษสิบแปดประการ เกิดใน สันดานเฒ่าบัดสี ข้อใดใช้ภาพพจน์ ตอนละ 2 แห่ง 1) ตอน 1 และตอน 2 2) ตอน 2 และตอน 3 3) ตอน 3 และตอน 4 4) ตอน 1 และตอน 4 75. คาประพันธ์ในข๎อใดกลําวถึงเสียงและความ เคลื่อนไหว 1) รัศมีมีเสียงเพียงดนตรี 2) ประทีปทีฆรัสสะจังหวะโยน 3) สุดเสนาะเสียงนกซึ่งผกโผน 4) รเมียรไม๎ใบโบกสุโนกเกาะ
  • 13. ภาษาไทย Ent 48 13 76. ‚ถึงทวารโรงหมอก็รอรถ พร๎อมกันหมดเดินเรียงเคียงไสว ยุรยาตรเยื้องยํางเข๎าข๎างใน ตึกนั้นใหญํกว๎างรีสูงสี่ชั้น‛ ข๎อใดเป็นจุดอํอนทางวรรณศิลป์ของคา ประพันธ์ข๎างต๎น 1) คาฟุ่มเฟือย 2) เนื้อความไมํชัดเจน 3) จังหวะไมํสม่าเสมอ 4) ฉันทลักษณ์ไมํเหมาะแกํเนื้อความ 77. เพรางายวายเสพรส แสนกาสรดอดโอชา อิ่มทุกข์อิ่มชลนา อิ่มโศกาหน๎านองชล ข๎อใดไม่ใช่ลักษณะเดํนของบทประพันธ์ ข๎างต๎น 1) ใช๎ถ๎อยคาที่มีเสียงและจังหวะดุจดนตรี 2) ใช๎ถ๎อยคาได๎ดุลของเสียงและ ความหมาย 3) ใช๎ถ๎อยคาที่ทาให๎เกิดความรู๎สึกและ จินตนาการได๎ 4) ใช๎ถ๎อยคางําย ๆ สั้น ๆ พรรณนาให๎เกิด ความสะเทือนอารมณ์ 78. คาประพันธ์ตํอไปนี้ข๎อใดมีวิธีการพรรณนา ตํางจากข๎ออื่น 1) พื้นผนังหลังบัวที่ฐานปัทม์ เป็นครุฑอัดยืนเหยียบภุชงค์ขยา 2) หยิกขยุ๎มกุมวาสุกรีกา กินนรรารํายเทพประนมกร 3) ใบระกาหน๎าบันบนชั้นมุข สุวรรณสุกเลื่อมแก๎วประภัสสร 4) ดูยอดเยี่ยมเทียมยอดยุคุนธร กระจังซ๎อนแซมใบระกาบัง 79. ความรักประเทศผู๎ ยอมสละ ทั้งรํางและชีวะ ปลดเปลื้อง รักษาอิสร - ภาพแหํง ไทยแฮ ยงยศสยามราชเรื้อง รัฐคุ๎งอวสาน คาประพันธ์ข๎างต๎นนี้ไม่ได้กลําวถึงเรื่องใด 1) ความเป็นเอกราชของชาติ 2) ความมั่นคงของชาติ 3) ความสามัคคีของคนในชาติ 4) ความเสียสละของคนในชาติ 80. ราตรีก็แมํนมี ขณะดีและร๎ายปน ความหมายของคาประพันธ์ในข๎อใดต่างกับ ข๎อความข๎างต๎น 1) ราตรีนี้มืดมิดไฉน ดาวลับดับไฟนักฝัน 2) อนิจจาเมฆคล้าดาแท๎แท๎ อุตสําห์แรขอบน้าเงินเพลิดเพลินได๎ 3) การเปลี่ยนแปลงเป็นธรรมดาโลก มีเดํนโชคมีอับเฉาชื่นเหงาได๎ 4) ในฟ้ามืดมีดาววับวาวสํอง ในใจหมองมีดาววับวาวสี 81. คากลําวในข๎อใดที่แสดงให๎เห็นถึงแนวคิด แบบอานาจนิยม 1) ใครเดชะสาแดง ก็จะสมอารมณ์ปอง 2) กาลังอยูํกับใคร สิก็ใช๎กาลังครํา 3) ใครมีกาลังอํอน ก็ต๎องแพ๎ผู๎มีแรง 4) ผู๎ใฝ่ซึ่งอานาจ ก็ต๎องอาจและกล๎าหาญ 82.‚รัศมีมีเสียงเพียงดนตรี ประทีปทีฆรัสสะจังหวะโยน ระเมียงไม๎ใบโบกสุโนคเกาะ สุดเสนาะเสียงนกซึ่งผกผัน โผต๎นนั้นผันตนไปต๎นโน๎น จังหวะโจนสํงจับรับกันไป‛ ภาพสรวงสวรรค์ชั้นกวีจากข๎อความข๎างต๎น ข๎อใดสามารถตีความเกี่ยวกับความไพเราะ ด๎านเสียงของกวีนิพนธ์ได๎น๎อยที่สุด 1) เสียงสูงต่า 2) เสียงสั้นยาว 3) เสียงสัมผัส 4) เสียงหนักเบา
  • 14. 14 83. ข๎อใดไม่ใช้ภาพพจน์ 1) งามสองสุริยราชล้า เลอพิศ นาพํอ 2) สละสละสมร เสมอชื่อ ไม๎นา 3) ธุมากรเกิดกระลบ อบอลเวงฟากฟ้า ดูบํรู๎จักหน๎า หนึ่งสิ้นแสงไถง 4) มงกุฎทรงเทริดเกศ อยํางอิศเรศรามัญ สรรเป็นรูปอุรเคนทร์ 84. ทองเนื้อในไร๎คนมองทองเนื้อแท๎ ทองเนื้อนอกสิของแนํคอยเกื้อหนุน ทองจึงสาปให๎หลงบาปให๎ลืมบุญ ทองวัตถุจึงทารุณทองคุณธรรม คาประพันธ์ข๎างต๎นไม่แสดงคุณคําของ เนื้อหาด๎านใด 1) ให๎แนวปฏิบัติในการดาเนินชีวิต 2) ชี้ให๎เห็นสัจธรรม 3) จรรโลงใจ 4) สะท้อนสังคม 85. พวกแมํค๎าเรียงรายนั่งขายของ ล๎วนผักปลามากองกํอนจะสาย เสียงเชิญซื้อสินค๎านําวุํนวาย คนจับจํายหิ้วถุงพะรุงพะรัง ข๎อใดอนุมานได๎จากบทประพันธ์นี้ 1) ตลาดมีสินค๎าทุกชนิดขาย 2) ตลาดสดมีของขายเป็นเวลา 3) ผู๎ซื้อมีฐานะดี 4) ผู๎ซื้อใช๎จํายสุรุํยสุรําย 86. แวะเข๎าบ๎านไหนได๎เบี้ยเลี้ยง ข๎าวสารเสบียงก็หนักหนา ลํองเลี้ยวเข๎าทางบางพุทรา ผํานมาหน๎าเมืองลพบุรี ข๎อความข๎างต๎นแสดงความเดํนชัดในเรื่องใด มากที่สุด 1) การหาลาไพํพิเศษของพนักงาน 2) ความอุดมสมบูรณ์ของท๎องถิ่น 3) ความมีใจเอื้อเฟื้อของชาวบ๎าน 4) ความเกียจคร๎านไมํทามาหากิน 87. ข๎อใดไม่มีภาพพจน์อุปมา 1) ภาเพียงไพฑูรย์ประภาพิสุทธิ์สด 2) ใสเสมอมรกตอันเข๎มเขียวขา 3) จาพวกหนึ่งเหลือบเหลียวเลํห์ไกลาส 4) คิริสีขาวบริสุทธิ์สะอาดอุฬารตระการตา ใช้ข้อความต่อไปนี้ตอบคาถามข้อ 88 – 89 ก. แล๎วรีบรัดจัดพลรณยุทธ์ ตั้งที่นามครุฑปักษา วางกองเยื้องกันเป็นฟันปลา ให๎โยธาคอยยิงชิงชัย ข. ทาคํายหน๎าคํายตั้งบรรจบ ยกหอรบขึ้นปรับสับวิหลั่น ชักปีกกาขึ้นไปถึงกัน ผูกราวสามชั้นขันชะเนาะ ค. พอได๎ศุภฤกษ์ก็ลั่นฆ๎อง ประโคมคึกกึกก๎องท๎องสนาม ประโรหิตฟันไม๎ขํมนาม ทาตามตาราพิชัยยุทธ์ ง. ครั้นถึงเนินทรายชายทุํง แวํนแคว๎นแดนกรุงดาหา จึงได๎หยุดกองทัพตั้งพลับพลา ที่ต๎องนามครุฑาเกรียงไกร 88. ข๎อใดเป็นกิจกรรมที่ต่างกับข๎ออื่น 1) ก. 2) ข. 3) ค. 4) ง. 89. ข๎อใดไม่ปรากฏความเชื่อด๎านการศึกสงคราม 1) ก. 2) ข. 3) ค. 4) ง.
  • 15. ภาษาไทย Ent 48 15 90. ‚อกุศลกรรมบท‛ ข๎อใดเป็นสาเหตุสาคัญที่ กํอให๎เกิดปัญหามากที่สุดในสังคมทุกระดับ 1) มุํงใจและใฝ่ทรัพ- ยะด๎วยโลภะเจตนา 2) กลําวปดและลดเลี้ยว พจนามิรู๎สงวน 3) การฆําประดาสัตว์ ฤ ประโยชน์บํพึงมี 4) การลํวงประเวณี ณ บุตรีและภรรยา 91. ข๎อใดไม่ใช่การพรรณนาฉากท๎องเรื่อง 1) มืดมัวทั่วทิศทุกตาบล ลมวนพัดซ้ากระหน่ามา 2) โหํเกรียววิ่งกรูจูํเข๎าล๎อม ไลํอ๎อมเลี้ยวลัดสกัดหน๎า 3) ยางยูงสูงหักกระจัดกระจาย ฝุ่นทรายปลิวกลุ๎มคลุ๎มเวหา 4) เย็นฉ่าน้าไหลมาหลั่งหลั่ง ล๎นหลั่งถั่งชะงํอนก๎อนภูผา 92. การหลั่งน้าตาในข๎อใดแสดงความรู๎สึกต่าง กับข๎ออื่น 1) อิ่มทุกข์อิ่มชลนา อิ่มโศกาหน๎านองชล 2) เธอทรงพระโศกีกรรแสงไห๎ น้าพระชลนัยน์ไหลลงหลั่ง ๆ 3) ขุนแผนวันทองนองน้าตา กราบลาพํอแมํทั้งสองศรี 4) ยามบวชบํมบุญไป น้าตาไหลเพราะอิ่มบุญ 93. ขอใจนุชที่ฉันสุจริตรัก ให๎แนํนหนักเหมือนพุทธรูปเลขาขา ถึงแสนคนจะมาวอนชะอ๎อนนา สักแสนคาอยําให๎เคลื่อนจงเหมือนใจ ข๎อความข๎างต๎นมุํงเตือนสตรีในเรื่องใด 1) การพูดจา 2) การคบคน 3) ความซื่อตรง 4) ความมั่นคงของจิตใจ 94. สานวนในข๎อใดมีความหมายใกล๎เคียงกับคา ประพันธ์ตํอไปนี้ มากที่สุด ‚พักตร์จิตผิดประมาณ ยากรู๎‛ 1) ปากปราศรัย ใจเชือดคอ 2) ตํอหน๎ามะพลับ ลับหลังตะโก 3) คบคนให๎ดูหน๎า ซื้อผ๎าให๎ดูเนื้อ 4) ข๎างนอกสุกใส ข๎างในเป็นโพรง 95. ข๎อใดเป็นงานด๎านสถาปัตยกรรม 1) ก๎านแยํงยกดอกดูเดํนดี 2) ที่ฐานปัทม์รงค์ทองรองเรือง 3) กนกยอดลงยาราชาวดี 4) สิงห์คูํลายเส๎นดูเดํนโดด 96. ข๎อใดเป็นสาระสาคัญของคาประพันธ์ ตํอไปนี้ ‚เวรามาทันแล๎ว จึงจาแคล๎วแก๎วโกมล ให๎แค๎นแสนสุดทน ทุกข์ถึงเจ๎าเศร๎าเสียดาย‛ 1) ความอาลัยรักที่ระงับได๎ด๎วยกฎแหํง กรรมและอุเบกขา 2) ความขัดแย๎งกับโชคชะตาที่ทาให๎ทุกข์ ทรมานใจอยํางสาหัส 3) ความขัดแย๎งที่ต๎องยอมรับความจริงกับ ความอัดอั้นและทุกข์ใจ 4) ความเด็ดเดี่ยวเพราะอาศัยหลักศาสนา ชํวยหักห๎ามใจให๎คลายทุกข์
  • 16. 16 97. วันนั้นวันพระสิบห๎าค่า นางเคยไปฟังธรรมเทศนา อาบน้าทาแป้งแตํงกายา น้ามันทาลูบผมพอสมตัว นุํงตาเล็ดงาหํมผ๎าผวย ไมํชุํมชวยด๎วยระคายเป็นมํายผัว ไกลญาติขาดมิตรคิดถึงตัว ลูกผัวกลับมาจะกินใจ จากข๎อความข๎างต๎น คํานิยมใดที่ไม่อาจอนุมานได๎ 1) การแตํงกายที่สมฐานะ 2) กิริยามารยาทของสตรีที่เหมาะสม 3) การครองตนของสตรี 4) ความศรัทธาในสิ่งที่เชื่อถือ 98. ใครจะไว้ใจอะไรก็ตามเถิด แต่อย่าเกิดไว้ใจในสิ่งห้า หนึ่งอย่าไว้ใจทะเลทุกเวลา สองสัตว์เขี้ยวเล็บงาอย่าวางใจ สามผู้ถืออาวุธสุดจักร้าย สี่ผู้หญิงทั้งหลายอย่ากรายใกล้ ห้ามหากษัตริย์ทรงฉัตรชัย ถ้าแม้นใครประมาทอาจตายเอย เหตุผลสาคัญที่สุดที่ไม่ให้ไว้ใจสิ่งทั้งห้าที่กล่าวถึงในบทประพันธ์นี้คือข้อใด 1) ความโลเล 2) ความรุนแรง 3) ความแปรปรวน 4) ความมีอานาจ 99. สภาพของ “ใจ” ในข้อใดต่างกับข้ออื่น 1) สงสารใจใจเจ้าเอ๋ยไม่เคยนิ่ง วนและวิ่งคืนและวันหวั่นและไหว 2) และใจเจ้าจักเป็นเช่นสายน้า ใสเย็นฉ่าชื่นแล้วไหลแผ่วผ่าน 3) ทุกวิถีที่ใจได้เที่ยวท่อง ล้วนขึ้นล่องอยู่ระหว่างกลางปลายต้น 4) ใจจึงหน่ายจึงเหนื่อยจึงเมื่อยล้า วุ่นผวาว่อนไหวไล่ต้อน 100. คราหิวใช่จักต้อง เสียศรี อุทกกลั้วนาภี อยู่ได้ เย็นซ่านผ่านอินทรีย์ พอชื่น จิตนา แม้มิได้อิ่มไซร้ ใช่ต้องวางวาย แนวคิดในข้อใดตรงกับคาประพันธ์ข้างต้นมากที่สุด 1) สมถะ อดทน และมีศักดิ์ศรี 2) รักษาศักดิ์ศรีของตนทุกเมื่อ 3) สู้ชีวิตและมีความหวัง 4) ปรับตัวเข้ากับสถานการณ์และต่อสู้