More Related Content Similar to Skin part 2 (20) Skin part 21. 1
Common Skin problems
for Primary Care Practitioners
นายแพทย์กฤษณะ สุวรรณภูมิ
อาจารย์สาขาเวชศาสตร์ครอบครัว ภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน
คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
Part II 2. 2
เนื้อหา: โรคผิวหนังที่พบบ่อย
1.Dermatophytosisor Ringworm
(โรคกลาก)
2.Contact dermatitisและ
Atopicdermatitis (AD)
3.Pityriasisversicoloror
Tineaversicolor(โรคเกลื้อน)
4.Pediculosis(เหาและโลน)
5.Scabies (หิด)
6.Seborrheicdermatitis
7.Urticaria(ลมพิษ)
8.Acne(สิว)
9.Dandruffor Pityriasiscapitis(รังแค)
10.Creeping Eruption or larva migrans 3. 3
1. Dermatophytosisor Ringworm (โรคกลาก)
•Tineacapitisโรคกลากที่บริเวณศีรษะ เส้นผม
•Tineafacieiโรคกลากที่บริเวณใบหน้า
•Tineacorporisโรคกลากที่บริเวณลำตัว แขน ขา
•Tineacrurisโรคกลางที่ขาหนีบ ต้นขา สะโพก
•Tineamanuumโรคกลางที่บริเวณมือ
•Tineapedisโรคกลากที่บริเวณเท้า
•Tineaunguiumโรคกลากที่เล็บ 4. 4
สาเหตุ
•เชื้อรา genus Dermatophyte ได้แก่ Trichophyton, Microsporum และ
Epidermophyton 5. 5
ลักษณะทางคลินิก
•ผื่นราบ (macule) ที่มีอาการคัน •วงมีขอบเขตชัดเจน ตรงกลาง หาย (central healing) •ตรงขอบมีตุ่มแดงหรือตุ่มใส ร่วมกับขุย (active border) •มีรูปร่างเป็นวงกลม วงแหวน (annular lesion) หรือหลายวงมา รวมกัน QUIZ 8 6. 6
การวินิจฉัยแยกโรค
•Tineacapitisโรคกลากที่บริเวณศีรษะ เส้นผม
•Tineafacieiโรคกลากที่บริเวณใบหน้า
•Tineacorporisโรคกลากที่บริเวณลำตัว แขน ขา
•Tineacrurisโรคกลางที่ขาหนีบ ต้นขา สะโพก
•Tineamanuumโรคกลางที่บริเวณมือ
•Tineapedisโรคกลากที่บริเวณเท้า
•Tineaunguiumโรคกลากที่เล็บ 7. 7
การวินิจฉัย
•Wood’s lamp examination(black light test or ultraviolet light test) •ส่องบริเวณรอยโรคจะให้การเรืองแสงสีเขียวเหลือง (yellowish green fluorescence) 8. 8
•KOH examination
•พบลักษณะของสายใยใสที่มีผนัง
กั้นและปล้องของเชื้อรา (branching septatehyphae) 9. 9
การรักษา
•ยาทาภายนอก Azolecreams (Ketoconazole, Clotrimazole) หรือ Keratolyticagent เช่น Whitfield’s ointment ทาที่เป็น วันละ 2 ครั้ง •ยารับประทานควรใช้ในกรณีต่อไปนี้ - โรคเชื้อราที่เป็นบริเวณกว้างหรือเรื้อรัง - โรคเชื้อราที่หนังศีรษะ - โรคเชื้อราที่เล็บ -Majocchi’sgranuloma(a deep folliculitisdue to a cutaneousdermatophyteinfection) 10. 10
•Tineacorporis, Tineacruris, widespread or chronic dermatophytosis1. Griseofulvin500 mg 1 เม็ด วันละ 1 ครั้ง หลังอาหาร นาน 3 สัปดาห์ 2. Itraconazole100 mg 1 เม็ด วันละ 1 ครั้ง หลังอาหาร นาน 2 สัปดาห์ •Tineapedis, chronic or Moccasin type1. Griseofulvin500 mg 1 เม็ด วันละ 1 ครั้ง หลังอาหาร นาน 6 สัปดาห์ 2. Itraconazole100 mg 1 เม็ด วันละ 1 ครั้ง หลังอาหาร นาน 4 สัปดาห์ 11. 11
•Tineaunguum
1. Griseofulvin500 mg 1-2 เม็ด วันละ 1 ครั้ง หลังอาหาร
นาน 3 เดือนสำหรับเล็บมือ 6 เดือนสำหรับเล็บเท้า
2. Itraconazole100 mg 1 เม็ด วันละ 2 ครั้ง หลังอาหาร
นาน 6 สัปดาห์สำหรับเล็บมือ 12 สัปดาห์สำหรับเล็บเท้า
หรือให้ยาแบบเป็นชุดเป็นระยะ (Pulse therapyor Shot intermittent therapy)
Itraconazole100 mg 2 เม็ด วันละ 2 ครั้ง หลังอาหาร นาน 1 สัปดาห์ เว้นการให้ ยา 3 สัปดาห์ในแต่ละเดือน เป็นเวลานาน 3 เดือน สำหรับทั้งเล็บมือและเล็บเท้า 13. 13
2. Contact dermatitisและ Atopicdermatitis (AD) Dermatitis (Eczema) EndogenousExogenousSun exposeNon-sun exposePhototoxic CDPhotoallergicCDIrritant CDAllergic CD•Atopicdermatitis•Nummular dermatitis•Seborrheicdermatitis•Neurodermatitis•Lichen simplex chronicus•Stasis dermatitis 14. 14
ผิวหนังอักเสบ (Dermatitis, Eczema)
•ระยะเฉียบพลัน (acute stage) ผื่นแดง บวม มีตุ่มแดง ตุ่มน้ำ และมีน้ำเหลืองไหล •ระยะปานกลาง (subacutestage) ผื่นแดงน้อยกว่าระยะเฉียบพลัน ประกอบด้วยตุ่มแดง อาจมีตุ่มน้ำเล็กน้อย มีสะเก็ดและขุย อาจมีรอย แตกเป็นร่อง •ระยะเรื้อรัง (chronic stage) ผื่นมีลักษณะหนานูน มี lichenification สีแดงคล้ำหรือค่อนข้างดำ มีขุยและรอยเกา 15. 15
สาเหตุของ Contact Dermatitis
ที่พบบ่อย
•Allergic contact dermatitis
•Irritant contact dermatitis 17. 17
ชนิดของ Allergic Reactions
•Type 1: IgE-allergy
•Type2:IgG-antibodyrelatedallergicreaction
•Type 3: allergicalreaction which focuses on surface antigens on tissues
•Type4:cellrelatedallergicreactions 19. 19
ลักษณะทางคลินิก
•Irritant contact dermatitis
สารที่สัมผัสมีฤทธิ์ระคายเคืองสูง
–ผิวหนังอักเสบ ระยะเฉียบพลัน (acute stage)
สารระคายเคืองอย่างอ่อน ต้องมีการสัมผัสนานหรือบ่อยจึงจะเกิดผื่น
–ผื่นระยะปานกลาง (subacutestage)
–ผื่นระยะเรื้อรัง (chronic stage)
•Allergic contact dermatitis 20. ประวัติ Allergic CD Irritant CD
คนที่เกิดอาการ บางคน ทุกคน
เกิดหลังได้รับสารครั้งแรก 7-10 วัน 0-2 วัน
เกิดขึ้นอีกเมื่อได้รับสาร ใช่ ไม่แน่นอน
การหายหลังจากหยุดสาร ช้า ทันที
อาการคัน ++++ (early) +++ (late)
อาการ pain, burning ++ ++++ (early)
21. ประวัติ Allergic CD Irritant CD
Erythema ++++ ++++
Vesicles ++++ +
Pustules + +++
Hyperkeratosis ++ ++++
Fissuring ++ ++++
Sharp demarcation ขอบเขตชัด ลุกลามไปนอก
บริเวณที่สัมผัสด้วย
ขอบเขตชัด 22. 22
Allergic CD or Irritant CD?QUIZ 2ลุกลามไปนอกบริเวณที่สัมผัสErythema 24. Mechanism
Allergic CD
Irritant CD
สารที่สัมผัส
น้ำหนักโมเลกุลต่ำ
ละลายในไขมัน
กรด ด่าง ตัวทำละลาย สาร surfactants, enzymes
ความเข้มข้นของสาร
ไม่ขึ้นกับความเข้มข้น
ความเข้มข้นสูง
Sensitization & lag period
จำเป็น
ไม่จำเป็น
การพิสูจน์ด้วยการทดสอบ
Patch Test
Positive
Negative 26. 26
การวินิจฉัย
•Irritant contact dermatitis
•ผื่นชนิดเฉียบพลันจะวินิจฉัยได้ง่าย เพราะผื่นเกิดขึ้นเร็ว และผู้ป่วยมักมีอาการคันหรือ
แสบร้อนในทันทีที่สัมผัสกับสารต้นเหตุ
•ผื่นเรื้อรัง ต้องอาศัยประวัติที่เกี่ยวข้องกับการสัมผัสสารต่างๆในชีวิตประจำวัน ซึ่งอาจ
ถามลึกลงไปถึงอาชีพ งานอดิเรก และวิธีการทำงานโดยละเอียด
•Allergiccontact dermatitis
•อาศัยลักษณะทางคลินิก ร่วมกับประวัติการสัมผัสสารต่างๆ
•แพทย์หรือผู้รักษาต้องมีความรู้เกี่ยวกับ allergen ที่พบบ่อย
•ให้ผู้ป่วยสังเกตอาการต่อไป ถ้าหยุดสัมผัสกับสารที่ต้องสงสัยแล้วผื่นหายไป เมื่อไป
สัมผัสอีกก็เกิดผื่นขึ้นใหม่ เช่นนี้ก็สรุปได้ว่าคงแพ้สารนั้นค่อนข้างแน่นอน 27. 27
การรักษา - ระยะเฉียบพลัน
ยาทาภายนอก
•Burowsolution 1:40 หรือ
•น้ำด่างทับทิม 1:4,000 หรือ
•น้ำเกลือ เทน้ำยาบนก๊อสจนชุ่ม วางบนรอยโรค 15-30 นาที วันละ 3-4 ครั้ง จนผื่นแห้งแล้วหยุด 28. 28
การรักษา – ระยะเฉียบพลัน
ยารับประทาน
1. ถ้าเป็นรุนแรงและบริเวณกว้าง ให้ Prednisolone5 mg 2 เม็ด หลังอาหาร วันละ 3 เวลา จนกว่าผื่นจะแห้ง ซึ่งใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ แล้วลดขนาดยาลงจนหยุด ภายใน 3 สัปดาห์
2. ถ้ามีอาการแสดงของการอักเสบติดเชื้อเช่นมีหนอง ให้รับประทานยาปฏิชีวนะ Cloxacillin500 mg 1 แคปซูล วันละ 4 ครั้ง ก่อนอาหาร นาน 7 วัน
3. ถ้ามีอาการคันให้ antihistamine เช่น Hydroxyzine10 mg 1 เม็ด วันละ 2 ครั้ง, Chlorpheniramine(CPM)4 mg 1 เม็ด วันละ 3-4 ครั้ง ในรายที่กินแล้วง่วงมากอาจ ให้ Loratadine10 mg 1 เม็ด วันละ 1 ครั้ง 29. 29
การรักษา – ระยะปานกลาง เรื้อรัง
ยาทาภายนอก
ผื่นกว้างและไม่หนามาก:
•Low potency steroid (เช่น Clobetasone, Fluocortolone) หรือชนิดเจือจาง (เช่น Hydrocortisone, Methylprednisolone) ทาที่เป็น วันละ 2 ครั้ง
ผื่นหนา:
•Moderate (เช่น Triamcinolone) หรือ High potency steroid (Betamethasone, Beclomethasone, Flucinolone, Clobetasol) ทาที่เป็น วันละ 2 ครั้ง
ยารับประทานเช่นเดียวกับระยะเฉียบพลัน 30. 30
การป้องกัน
1.การหยุดใช้สารที่ทำให้เกิดอาการแพ้หรือระคายเคือง ถ้าไม่สามารถ หลีกเลี่ยงได้ให้
2.ใช้เครื่องป้องกัน เช่นใส่ถุงมือยาง ผ้า หรือใส่เครื่องป้องกันอื่น เช่น ผ้า กันเปื้อน รองเท้าบู้ท ครีมป้องกันผิว
3.การใช้สิ่งทดแทนสารที่แพ้ เช่นหากแพ้นิกเกิลในเครื่องประดับ ก็ เปลี่ยนมาใช้เครื่องประดับที่ทำจากทองแท้หรือแพลทินัมแทน หากแพ้ รองเท้าหนังอาจใช้รองเท้าหนังเทียมแทน การใส่ถุงเท้าไม่ได้ช่วย เนื่องจากเหงื่อจะทำให้สารในรองเท้ามาสัมผัสผิวหนังได้ 31. 31
Atopicdermatitis (AD)
•เป็นโรคผิวหนังที่เกิดร่วมกับ
กลุ่มอาการ atopy ประกอบด้วย หอบหืด ภูมิแพ้
•ส่วนใหญ่จะเป็นในเด็ก 33. 33
ลักษณะทางคลินิก และ การวินิจฉัย
•ลักษณะผิวโดยทั่วไปของผู้ป่วย AD มีผิวแห้ง และมีเหงื่อออกน้อย ผิวซีด ผู้ป่วย AD ต้องมีอาการครบทั้ง 3 ข้อคือ 1) มีอาการคัน 2) มีลักษณะผื่น และการกระจายที่จำเพาะกับ AD คือ Flexural lichenification ในผู้ใหญ่ หรือ Facial and extensor involvement ในเด็ก 3) เรื้อรังหรือเป็นๆหายๆ มาเป็นเวลานาน
ร่วมกับ
•มีประวัติการเจ็บป่วยของตนเองหรือครอบครัวด้วยเรื่อง atopicdisease
ประกอบด้วย หอบหืด ภูมิแพ้ atopicdermatitis 38. 38
การป้องกัน
1. การอธิบายสาเหตุกับผู้ป่วยและบิดามารดา
2. การหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้โรคกำเริบ เช่นอากาศเปลี่ยน (ร้อนจัดหรือแห้ง จัด) การระคายเคืองที่ผิวหนัง (ยาทาบางชนิด สบู่ยา เสื้อผ้าหนาหยาบ กระด้าง ผ้าขนสัตว์ ผ้าใยสังเคราะห์) บรรยากาศที่เต็มไปด้วยละอองฝุ่น ละอองเกสร ดอกไม้ อาหารและยาบางชนิด ความเครียด ความวิตกกังวล และอารมณ์หงุดหงิด 39. 39
3. Pityriasisversicoloror Tineaversicolor(โรคเกลื้อน)
•เป็นโรคเชื้อราของผิวหนังที่พบได้บ่อย ไม่รุนแนง
•พบได้ทั่วโลก โดยเฉพาะเขตร้อนชื้น 40. 40
สาเหตุ
•เกิดจากเชื้อรา Malassezia
–M. dermatis
–M. equi
–M.furfur
–M. globosa
–M.obtusa
–M. pachydermatis
–M.restricta
–M. slooffiae
–M.sympodialis
–M. ovalis(alsoknownasPityrosporumovale)
•มีโรคผิวหนังที่พบบ่อย 3 โรคที่ เกิดจากหรือเกิดเพราะถูกกระตุ้น โดยเชื้อรา Malassesia ได้แก่
1.Pityriasisversicolor
2.Malasseziafolliculitis
3.Seborrhoeicdermatitis, Dandruff 41. 41
ลักษณะทางคลินิก
•เริ่มจากเป็น macule ผื่นราบที่บริเวณรู ขุมขน (hair follicle)
•ลามเป็นปื้นขนาดใหญ่ได้ มีรูปร่างเป็น วงกลมๆหลายวง หรือรูปร่างไม่ แน่นอน
•มีขุยละเอียด (branny scale) และมีสี ต่างๆกัน คือสีจางหรือขาว สีดำหรือสี น้ำตาล สีแดง
•ผู้ป่วยมักไม่ค่อยมีอาการ สีจาง หรือ ขาว สีแดง 42. 42
การวินิจฉัยแยกโรค
•Hypopigmentedlesions: Pityriasisalba, Vitiligo, Postinflammatoryhypopigmentation, Tuberculoidleprosy
•Scaling lesions: Tineacorporis, Seborrheicdermatitis, Pityrosisrosea, Guttatepsoriasis, Nummular eczema 44. 44
•Wood’s lamp examination
•ให้การเรืองแสงสีเหลืองทอง (golden yellow fluorescence) 46. 46
การรักษา
•ยาทาและยารับประทานให้ผลดีพอๆกัน •ยาทาภายนอก Azolecreams (Ketoconazole, Clotrimazole) ทาที่ เป็น วันละ 2 ครั้ง นาน 14 วัน •ยารับประทาน 1. Ketoconazole200 mg 2 เม็ด หลังอาหาร ครั้งเดียว ในรายที่เป็นไม่มาก 2. Ketoconazole200 mg 1เม็ด วันละ 1 ครั้ง หลังอาหาร นาน 7-14 วัน ในรายที่เป็นมาก และบริเวณกว้าง 48. 48
4. Pediculosis(เหาและโลน) •จริงๆ แล้วมี 3 ชนิด Pediculushumanuscapitis(head louse) Pediculushumanuscorporis(body louse) Pthiruspubis(pubic louse). •แพร่กระจายโดยการสัมผัสใกล้ชิด หรือ ใช้ของใช้ร่วมกัน เช่น หวี เสื้อผ้า หมวก ที่นอน •Body louse เป็นพาหะของ typhus, trench fever และ relapsing fever 52. 52
ลักษณะทางคลินิก
•เหาพบบ่อยในเด็กวัยเรียน โดยเฉพาะเด็กผู้หญิงในชุมชนแออัด
•ติดต่อจากคนสู่คนโดยการสัมผัสหรือจากการใช้สิ่งของที่เกี่ยวข้องกับ ศีรษะร่วมกัน ได้แก่หวีหมวก หมอน เป็นต้น
•อาการได้แก่การเกิดตุ่มคันบนศีรษะ ซึ่งหากเป็นมากอาจเกาจนมี น้ำเหลืองไหลและมีการติดเชื้อแทรกซ้อน
•โลนติดต่อทางเพศสัมพันธ์จึงมักพบในคนวัยหนุ่มสาว ผู้ป่วยมาด้วย อาการคันที่หัวหน่าวและอวัยวะเพศ ตรวจร่างกายพบรอยโรคเป็นตุ่ม แดงคัน ใต้ร่มผ้า และมักจะมีรอยเกาและการติดเชื้อด้วย 54. 54
การวินิจฉัย
•อาศัยการพบตัวเหา-โลน หรือไข่ ในเหาอาจพบปลอกหุ้มเส้นผม (hair casts) ซึ่งมีสีขาวรูปทรงกระบอกขนาด 2-7 mm อยู่รอบเส้นผม ห่างจาก หนังศีรษะ 2-3 cm ส่องด้วย Wood’s lamp Wood’s lamp จะเรืองแสงสี น้ำเงินอมเหลือง 56. 56
•การรักษาด้วยการทายา 0.3% gamma benzene hexachloridegel (Jacutin) •เหา ให้สระผมให้สะอาดแล้วทายาทั่วศีรษะ ทิ้งไว้ 12 ชั่วโมงแล้วสระผม ซ้ำ ตัวยาจะมีฤทธิ์ฆ่าตัวแก่ จึงจำเป็นต้องรักษาซ้ำอีกครั้งหนึ่งใน 1 สัปดาห์ ซึ่งเป็นเวลาที่ตัวอ่อนฟักออกจากไข่ นอกจากนั้นการใช้หวีตาถี่ๆ สางผมให้ไข่หลุดออกมา จะช่วยให้โรคหายเร็วขึ้น 6th century Egyptian nit combpresent day plastic nit comb 57. 57
•โลน ให้ทายาบริเวณหัวเหน่า ท้องน้อย ก้น และต้นขา ทิ้งไว้ 12 ชั่วโมงแล้วล้างออก อีก 1 สัปดาห์ หากยังพบตัวหรือไข่ ควรให้การ รักษาซ้ำอีกครั้ง 59. 59
5. Scabies(หิด)
•พบได้บ่อย ทั่วโลก
•คันมาก
•ติดต่อง่าย จากการสัมผัส
•เป็นทั้งชายหญิง
•ทุกเศรษฐานะ
•ทุกเชื้อชาติ 60. 60
สาเหตุ
•Sarcoptesscabiei
•ไรชนิดหนึ่งที่มีขนาดเล็ก มองไม่ เห็นด้วยตาเปล่า
•สามารถขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว
•โรคนี้ติดต่อกันง่าย จึงมักพบว่าเป็น กันทั้งครอบครัวหรือระบาดอยู่ใน ชุมชน 62. 62
การวินิจฉัยแยกโรค
•Atopicdermatitis
•Neurodermatitis
•Contact dermatitis
•Drug eruption
•HistiocytosisX
•Acropustulosisof infancy
•Bites from other kinds of mites
•Pyoderma
•Dermatitis herpetiformis
•Bullouspemphigoid
•Lichen planus 63. 63
การวินิจฉัย
•การวินิจฉัยอาศัยลักษณะทางคลินิก ยิ่งถ้าได้ประวัติคนในครอบครัวเป็น เหมือนกันก็ยิ่งสนับสนุนการวินิจฉัย •การตรวจทางห้องปฏิบัติการ ให้ใช้ใบมีด ผ่าตัดจุ่ม mineral oil แล้วขูดผิวหนังตรง burrow ที่ยังไม่ได้เกา นำมาป้ายลงบน กระจกสไลด์ ส่องดูด้วยกล้องจุลทรรศน์ ถ้า พบตัวหิด ไข่หรืออุจจาระของมัน ก็วินิจฉัย ได้แน่นอน 64. 64
การรักษา
•ใช้ 0.3% gamma benzene hexachloridegel (Jacutin) โดยหลังอาบน้ำ ให้ ทายาทั่วตัวตั้งแต่ระดับคอลงมาถึงปลายเท้า ทิ้งไว้ทั้งคืน (12 ชั่วโมง) แล้ว จึงอาบน้ำออกในเวลาเช้า
•ในกรณีที่ผู้ป่วยคันมาก อาจให้ยา antihistamine
เพื่อระงับอาการคัน 66. 66
6. Seborrheicdermatitis
•Seborrheicdermatitis เป็น papulosquamousdisorder ที่บริเวณ sebum- rich areas ของหนังศีรษะ หน้า ลำตัว
•มักกระตุ้นให้เกิดโดยการเปลี่ยนแปลงความชื้นในอากาศ การเปลี่ยนฤดู การถูกขีดข่วน หรือความเครียด
•ความรุนแรงอาจมีตั้งแต่ mild dandruff จนถึง exfoliativeerythroderma.
•อาการจะรุนแรงขึ้นในรายที่เป็น Parkinson disease และ AIDs 67. 67
สาเหตุ
•Epidermis ของหนังศีรษะมีการ แบ่งตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เกิด keratinization โดยไม่สมบูรณ์ เซลล์ ในชั้น stratum corneum ซึ่งเกาะยึด กันหลวมๆ จึงหลุดลอกออกเป็นแผ่น เห็นเป็นขุย •การเพิ่มจำนวนของเชื้อรา Pityrosporonovale(หรือ Malassesiaovalis) ซึ่งเป็น lipophilicorganism พบได้ตามปกติในต่อมไขมัน 68. 68
ลักษณะทางคลินิก และ การวินิจฉัย
•ผื่นแดงมีสะเก็ดเป็นมัน ขอบชัด บางรายมีอาการอื่นร่วมด้วย ได้แก่ สะเก็ดในหู และการอักเสบที่ตาชนิด chronic blepharitisบริเวณที่เป็น แบ่งเป็น 3 กลุ่มคือ •กลุ่มที่เป็นบริเวณหน้า คอ หลังหู ศีรษะ •กลุ่มที่เป็นบริเวณหน้าอก •กลุ่มที่เป็นบริเวณรักแร้ ขาหนีบ สะดือ ใต้อกและง่ามก้น QUIZ 7 71. 71
การวินิจฉัยแยกโรค
•ต้องแยกออกจาก psoriasis โดยเฉพาะในรายที่ได้รับการรักษามาแล้ว เหลือเป็นรอยแดง และสะเก็ดบางๆตามตัวและศีรษะ
•พบว่า seborrheicdermatitis มีความสัมพันธ์กับโรคอื่นเช่น malabsorbtion, obesity, CVA และเอดส์ 75. 75
สาเหตุ
•Mediator ต่างๆเช่น histamine ทำให้ เกิดการขยายตัวของหลอดเลือด การ ขยายตัวของหลอดเลือดอย่างมาก ทำ ให้การซึมผ่านของหลอดเลือดเพิ่มขึ้น มีการไหลของน้ำเหลืองเข้าไปสะสม ในชั้นหนังแท้ ทำให้เกิดผื่นบวมขึ้นที่ ผิวหนัง และเมื่อสิ้นสุดปฏิกิริยา น้ำเหลืองจะถูกดูดกลับไปหมด ทำให้ กลับเป็นผิวหนังปกติเช่นเดิม Type I 76. 76
ลักษณะทางคลินิก
•อาการบวมที่ผิวหนัง (wheal)
•คันอย่างรุนแรง
•มักเกิดขึ้นพร้อมกันหรือทยอยเกิดขึ้นหลายแห่ง
•ผื่นมีขนาด รูปร่าง ตกต่างกันได้มาก
•เกิดขึ้นกับส่วนใดของร่างกายก็ได้ เมื่อเกิด เต็มที่แล้วจะค่อยๆยุบหายไปกลายเป็นผิวหนัง ปกติภายในเวลา 24 ชั่วโมง QUIZ 10 78. 78
การวินิจฉัย
•ลักษณะทางคลินิกของโรคนี้ค่อนข้างชัดเจน
•ปัญหาอยู่ที่การหาสาเหตุและการรักษามากกว่า แพทย์ควรซักประวัติ เกี่ยวกับยา อาหารและสารต่างๆที่ผู้ป่วยได้รับก่อนที่จะเป็นลมพิษ ในบาง กรณีผู้ป่วยที่เป็น vasculitis หรือ connective tissue disease อาจให้รอย โรคแบบลมพิษ แต่ในกรณีนี้ผู้ป่วยมักมีอาการอื่นร่วมด้วย และผื่นลมพิษ มักเป็นนานเกิน 24 ชั่วโมง
•ลมพิษที่เป็นติดต่อกันนานเกิน 6 สัปดาห์ จัดเป็นลมพิษเรื้อรังมักหา สาเหตุไม่พบ 79. 79
การรักษา
ลมพิษระยะเฉียบพลัน
•ยาทาภายนอก
Calamine lotion หรือประคบความเย็นเพื่อลดอาการคัน
•ยารับประทาน
Chlorpheniramine(CPM)4 mg 1 เม็ด วันละ 3-4 ครั้ง
ในรายที่กินแล้วง่วงมากอาจให้ Loratadine10 mg 1 เม็ด วันละ 1 ครั้ง 80. 80
•ถ้าให้ยาแก้แพ้ไป 1-2 วันแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น อาจพิจารณาให้ Prednisolone15-30 mg ต่อวัน โดยให้ไม่ควรเกิน 1 สัปดาห์ •ในรายที่มี angioedema(มีอาการบวมบริเวณหนังตา ใบหน้า ปาก) ควร ระวังปฏิกิริยา anaphylaxis และควรพิจารณาให้ Epinephrine1:1,000 ขนาด 0.3-0.5 ml ฉีดเข้าใต้ผิวหนัง และติดตามดูอาการอย่างใกล้ชิด 86. 86
สาเหตุ Stages of acne(A)Normal follicle(B)Open comedo(blackhead) (C)Closed comedo(whitehead) (D)Papule(E)Pustule Propionibacteriumacnes 87. 87
ลักษณะทางคลินิก และ การวินิจฉัย
•สิวไม่อักเสบ (non-inflammatory acne) แบ่งออกเป็น 2 ชนิดคือ
1 สิวหัวปิด/สิวหัวขาว (closed or white head comedones)
2 สิวหัวเปิด/สิวหัวดำ (opened or black head comedones)
•สิวอักเสบ (Inflammatory acne) แบ่งออกเป็น 4 ชนิดคือ
1. Papules
2. Pustules
3. Nodules
4. Cyst 90. 90
การรักษา
•ยาทาภายนอกการใช้ยาเฉพาะที่เพียงอย่างเดียวเพื่อรักษาสิวนั้น ควรใช้ในรายที่เป็นไม่รุนแรงนัก การทายานั้นไม่ควรทาเฉพาะตรง ตำแหน่งขอหัวสิว แต่ควรจะทาทั่วบริเวณที่เป็นสิวเพื่อป้องกันไม่ให้มี รอยโรคใหม่
•ยารับประทานในกรณีเป็นสิวค่อนข้างมาก ใช้ยาทาแล้วไม่ได้ผล หรือผู้ป่วยไม่สามารถทนต่อยาทาได้ กรณีที่สิวมีความรุนแรงควรให้ยา กินตั้งแต่ต้น และอาจใช้ร่วมกับยาทาไปพร้อมๆกัน เพื่อให้ได้ ผลการรักษาที่รวดเร็วและป้องกันการเกิดแผลเป็น ควรให้ยาติดต่อกัน นานประมาณ 6-8 เดือน 91. 91
Topical antibiotics
ยาปฏิชีวนะที่ใช้ยาทาเฉพาะที่
–Clindamycin
–Erythromycin
–Tetracycline
•ใช้ได้ผลกับสิวชนิดที่มีตุ่มอักเสบหรือตุ่มหนองที่เป็นไม่มาก
•ลดจำนวนของ P. acnes และ free fatty acid
•ใช้ในรูป lotion ทาวันละ2 ครั้ง เช้า-เย็น นาน 6-12 สัปดาห์ 92. 92
Benzoylperoxide (BP)
•ออกฤทธิ์เป็น anti-bacterial เป็นหลัก
•ยาขนานนี้ถ้าใช้โดดๆ ได้ผลดีในรายที่มีสิวน้อยหรือปานกลางชนิดที่มีตุ่ม
อักเสบหรือตุ่มหนอง
•ใช้ในรูปครีมหรือเจล โดยปกติควรจะเริ่มใช้ยาในความเข้มข้นต่ำ (2.5%)
•โดยให้ทาวันละครั้งก่อนนอน แล้วจึงค่อยๆเพิ่มให้ใช้ความเข้มข้นปกติ (5%) วันละ 1-2 ครั้ง
•ผลข้างเคียงที่พบบ่อยที่สุดได้แก่ อาการระคายเคืองที่ผิวหนัง 93. 93
Retinoic acid
•ใช้ในสิวที่มี comedone มากแต่ไม่ค่อยมีการอักเสบ
•ออกฤทธิ์ทำให้ keratin ที่ปากรูขุมขนหลวม หัวสิวหลุดออกง่าย
•วิธีการใช้ยาก็ให้เริ่มจากความเข้มข้นน้อยไปหามาก ได้แก่ ครีม 0.025
และ0.05%
•ผลข้างเคียงได้แก่ การระคายเคืองที่ผิวหนัง
•ผู้ป่วยที่ใช้อาจมีความไวต่อแสงแดด จึงให้ทายาวันละ 1 ครั้งก่อนนอน ถ้า
ใช้ยาที่มีความเข้มข้นสูง หรือใช้ร่วมกับยาตัวอื่น ควรลดยาลงเหลือวัน เว้นวัน หรือวันเว้น 2 วัน โดยจะเริ่มเห็นผลชัดเจนเมื่อใช้ยา 3-4 เดือน 94. 94
Oral antibiotics
•ที่นำมาใช้รักษาสิวได้ผลดี ได้แก่ Tetracycline
•กลไกการออกฤทธิ์ออกจากเป็น antibacterial แล้ว ยังมีฤทธิ์ anti- inflammatory และสามารถลดปริมาณของ free fatty acids
•ขนาดกินใช้ขนาด 250 mg 2 แคปซูล วันละ 2-4 ครั้ง ก่อนอาหาร
•ควรใช้ยาขนาดสูงก่อน เมื่อดีขึ้นค่อยๆลดยาลง
•ในทางปฏิบัติควรมักจะให้ยาทาร่วมด้วย จะทำให้การรักษาได้ผลเร็วขึ้น
•กินยา 3-4 สัปดาห์จึงเริ่มเห็นผล 95. 95
การป้องกัน
1. ล้างเครื่องสำอางก่อนเข้านอน
2. รักษาใบหน้าให้สะอาดเสมอ
3. ล้างหน้าวันละประมาณ 2-3 ครั้ง การล้างหน้าบ่อยเกินไปไม่ทำให้หยุด เป็นสิว แต่จะทำให้แพ้และสิวก็ขึ้นมามากกว่าเดิมอีก แต่ก็ไม่ควรปล่อย ให้ผิวสกปรกเกินไป
4. อย่าเครียด เพราะความเครียดเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดสิว 97. 97
สาเหตุ
•Epidermis ของหนังศีรษะมีการ แบ่งตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เกิด keratinization โดยไม่สมบูรณ์ เซลล์ ในชั้น stratum corneum ซึ่งเกาะยึด กันหลวมๆ จึงหลุดลอกออกเป็นแผ่น เห็นเป็นขุย •การเพิ่มจำนวนของเชื้อรา Pityrosporonovale(หรือ Malassesiaovalis) ซึ่งเป็น lipophilicorganism พบได้ตามปกติในต่อมไขมัน 99. 99
การวินิจฉัยแยกโรค
•เด็ก + ขุยมาก:Icthyosisvulgaris,
X-linked icthyosis
•กรณีขุยมากPsoriasis
•ขุยร่วมกับผมร่วง Fungal infection
•ขุยหนามากจนเหมือน asbestosPityriasisamiantacea 101. 101
การรักษา
•สระผมด้วยแชมพูแก้รังแค (antidandruff shampoo) ที่มีตัวยา –Selenium sulfide หรือ –Zinc pyrithioneซึ่งตัวยาทั้งสองชนิดมีฤทธิ์ antipityrosporal และ cytostaticeffect •เมื่ออาการดีขึ้น ควรเปลี่ยนมาใช้แชมพูธรรมดาเพื่อป้องกันการดื้อยา •ถ้าแชมพู 2 ชนิดนี้ไม่ได้ผล ควรเปลี่ยนเป็น ketoconazoleshampooQUIZ 103. 103
10. Creeping Eruption or larva migrans
•เป็นโรคผิวหนังในเขตร้อนที่พบได้บ่อยในเขตร้อน
•ไม่รุนแรง หายเองได้ แต่ทำให้เกิดความรำคาญจากอาการคัน 104. 104
สาเหตุ
•เกิดจาก larva ของพยาธิปากขอ (hookworm) ของสุนัขและแมว เช่น Ancylostomacanium และ Ancylostomabrazilliense•คนเป็น accidental host ตัวอ่อนของพยาธิจึงไม่สามารถเข้าสู่ระบบ ทางเดินอาหารได้ครบวงจรชีวิต จึงได้แต่เคลื่อนที่อยู่ใต้ชั้นผิวหนัง 105. 105
ลักษณะทางคลินิก
•รอยนูนบวมแดงขนาด 1-2 mm เป็นเส้น คดเคี้ยวที่ผิวหนังซึ่งมีอาการคันมาก •รอยโรคส่วนใหญ่เกิดขึ้นที่มือและเท้า •ตัวอ่อนพยาธิเคลื่อนได้ 1-3 mm ต่อวัน •ในส่วนปลายของรอยโรคจะค่อยๆลดการ อักเสบ เหลือเป็นเส้นสีคล้ำค่อยๆจางลง ตามเวลา •ตัวอ่อนจะมีชีวิตอยู่ใต้ผิวหนังได้นาน 1-3 เดือน QUIZ 4 108. 108
การรักษา
ยารับประทาน •Albendazole200 mg 2 เม็ด วันละ 1 ครั้ง ติดต่อกันนาน 3 วัน •เด็ก <2 ปี200 mg วันละ 1 ครั้ง ติดต่อกันนาน 3 วัน >2 ปีเหมือนผู้ใหญ่ Day 1Day 2Day 3 113. ก.ข. จ.ง. ค. ฉ.
1. ภาพใดไม่ใช่ผื่นแพ้สัมผัส (Allergic contact dermatitis) 116. 4. ผื่นในรูปเป็น allergic reaction ชนิดใด
ก.Type 1: IgE-allergy
ข.Type2:IgG-antibodyrelatedallergicreaction
ค.Type 3: allergicalreaction which focuses on surface antigens on tissues
ง.Type4:cellrelatedallergicreactions 121. ค. ก. ง. ก. ข.3. ภาพใดไม่ใช่การติดเชื้อราที่เท้า
- 122. ก.Type 1: IgE-allergy ข.Type2:IgG-antibodyrelatedallergicreactionค.Type 3: allergicalreaction which focuses on surface antigens on tissues ง.Type4:cellrelatedallergicreactions4. ผื่นในรูปเป็น allergic reaction ชนิดใด 123. ก.
ข.
ค.
ง.
5. โรคผิวหนังใดที่ไม่ได้เกิดจากการกระตุ้นโดยเชื้อรา Malassesia