More Related Content
More from Piyapong Sirisutthanant (20)
ตัวอย่างหนังสือ กู้วิกฤติชาติ บทเรียนสะเทือนโลก
- 3. "อะเซโมกลูกับโรบินสันถามคำาถามง่ายๆ ที่สำาคัญมาก คือทำาไม
บางชาติถึงรุ่งเรืองขึ้นมาได้ ในขณะที่ชาติอื่นยากจนดักดานอยู่อย่างนั้น? คำา
ตอบก็ง่ายเหมือนกัน นั่นคือการปกครองบางแห่งมีสถาบันที่เปิดกว้างกว่า
หนังสือเล่มนี้เด็ดมากก็ตรงที่เขียนได้คมและชัดเจน เหตุผลไร้ที่ติ และยังมีราย
ละเอียดต่างๆ จำานวนมากในประวัติศาสตร์ หนังสือเล่มนี้ต้องอ่าน ถ้ารัฐบาล
อยากจะแก้ปัญหาวิกฤติเงินกู้ในปัจจุบันให้ได้"
— สตีเวน พินคัส ศาสตราจารย์สาขาประวัติศาสตร์
และการต่างประเทศ มหาวิทยาลัยเยล
"หนังสือสุดวิเศษเล่มนี้อธิบายอย่างละเอียดว่า สถาบันเศรษฐกิจและ
การเมือง ส่งเสริมกันเป็นวงจรที่ดีและเลวอย่างไร และสมดุลจะเปลี่ยนไปเช่น
ไรเวลามี “รอยต่อที่สำาคัญ” เข้ามากระทบ แล้วตลอดประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา
สถาบันต่างๆ เปลี่ยนทิศทางเป็นดีหรือเสื่อมได้อย่างไร หนังสือเล่มนี้ยังเขียน
ได้น่าตื่นเต้นและให้ข้อคิดอย่างมาก"
— โรเบิร์ต ซอโลว ผู้ได้รับรางวัลโนเบล
สาขาเศรษฐศาสตร์ปี 1987
- 5. สารบัญ
ค�าน�าส�านักพิมพ์ ● 9
บทน�า ● 12
เหตุใดชาวอียิปต์จึงมาชุมนุมเต็มจัตุรัสทาห์รีร์เพื่อโค่นล้ม ฮุสนี มุบาร็อก
และเหตุการณ์นี้มีผลต่อความเข้าใจเรื่องความมั่งคั่ง
และความยากจนของเราอย่างไร
1. ใกล้แต่กลับไกลห่าง ● 17
คนโนกาเลส รัฐแอริโซนากับโนกาเลส รัฐโซโนรามีเชื้อสายเดียวกัน
วัฒนธรรมกับภูมิศาสตร์ก็เหมือนกัน
แล้วเหตุใดที่หนึ่งจึงร�่ารวย ส่วนอีกที่กลับยากจน?
2. ทฤษฎีที่ล้มเหลว ● 56
ประเทศยากจนไม่ได้ยากจนเพราะภูมิศาสตร์ วัฒนธรรม
หรือเพราะผู้น�าไม่รู้ว่านโยบายใดท�าให้ประชาชนอยู่ดีกินดี
3. จุดก�าเนิดความรุ่งเรืองและความยากจน ● 80
ความรุ่งเรืองและความยากจนก�าหนดด้วยแรงจูงใจจากสถาบันอย่างไร
และการเมืองก�าหนดได้อย่างไรว่าประเทศหนึ่งจะมีสถาบันแบบไหน
4. น�้าหนักของประวัติศาสตร์:
ความแตกต่างเล็กน้อยกับรอยต่อส�าคัญ ● 106
สถาบันเปลี่ยนไปเนื่องจากความขัดแย้งทางการเมืองอย่างไร
และอดีตส่งผลต่อปัจจุบันเช่นไร
- 6. 5. “ฉันเห็นอนาคตมาแล้ว และมันได้ผล”:
การเติบโตในสถาบันแบบขูดรีด ● 134
สตาลิน ราชาชาม การปฏิวัติหินใหม่ และนครรัฐมายามีอะไรร่วมกัน
และสิ่งนั้นอธิบายได้อย่างไรว่า
จีนจะไม่สามารถเติบโตทางเศรษฐกิจเช่นนี้ไปได้ตลอด
6. ลอยห่าง ● 160
สถาบันต่างๆ วิวัฒน์ตามกาลเวลา
และบ่อยครั้งก็ค่อยๆ ลอยห่างจากกันช้าๆ อย่างไร
7. จุดพลิกผัน ● 189
การปฏิวัติทางการเมืองในปี 1688 เปลี่ยนสถาบันในอังกฤษ
และน�าไปสู่การปฏิวัติอุตสาหกรรมได้อย่างไร
8. ถิ่นข้าใครอย่าแหยม: อุปสรรคขวางการพัฒนา ● 214
เหตุใดผู้มีอ�านาจทางการเมืองของหลายชาติ
จึงต่อต้านการปฏิวัติอุตสาหกรรม
9. พัฒนาการถอยหลัง ● 243
ลัทธิล่าอาณานิคมของยุโรปท�าให้พื้นที่กว้างใหญ่ในโลกยากจนลงอย่างไร
10. ความเจริญแพร่กระจายอย่างไร ● 272
บางส่วนของโลกก้าวสู่ความรุ่งเรืองด้วยเส้นทางอื่นที่ต่างจากอังกฤษอย่างไร
11. วงจรสวรรค์ ● 301
สถาบันที่ส่งเสริมความรุ่งเรือง สร้างวงจรเชิงบวกที่ป้องกันไม่ให้ชนชั้นสูง
ท�าลายสถาบันเหล่านั้นลงได้อย่างไร
- 7. 12. วงจรอุบาทว์ ● 333
สถาบันที่สร้างความยากจนสร้างวงจรเชิงลบ
และอยู่คงทนต่อไปได้อย่างไร
13. เหตุใดทุกวันนี้บางชาติจึงล้มเหลว ● 365
แล้วอะไรที่ชาติเหล่านี้มีร่วมกัน?
14. ฉีกรูปแบบเดิมๆ ● 402
ประเทศจ�านวนหนึ่งสามารถเปลี่ยนเส้นทางเศรษฐกิจ
ด้วยการเปลี่ยนสถาบันของประเทศได้อย่างไร
15. เบื้องหลังความรุ่งเรืองกับความยากจน ● 426
โลกใบนี้อาจต่างจากนี้ได้เช่นไร และเรื่องนี้ช่วยให้เราเข้าใจได้อย่างไร
ว่าเหตุใดความพยายามต่อสู้กับความยากจนส่วนใหญ่จึงล้มเหลว
กิตติกรรมประกาศ ● 462
บรรณานุกรมและแหล่งข้อมูล ● 464
แหล่งอ้างอิง ● 487
เกี่ยวกับผู้เขียน ● 519
เกี่ยวกับผู้แปล ● 520
- 8. 12 กู้วิกฤติชาติ บทเรียนสะเทือนโลก
นังสือเล่มนี้กล่าวถึงความแตกต่างใหญ่หลวงทั้งในแง่รายได้
และมาตรฐานการครองชีพ ระหว่างประเทศร�่ารวยในโลกอย่าง
สหรัฐอเมริกา อังกฤษ และเยอรมนี กับประเทศยากจนเช่นในแถบแอฟริกา
ส่วนใต้ทะเลทรายสะฮารา อเมริกากลาง และเอเชียใต้เป็นต้น
ระหว่างที่เราก�าลังเขียนหนังสือเล่มนี้อยู่ แอฟริกาเหนือกับ
ตะวันออกกลางก�าลังสะเทือนด้วยเหตุการณ์ “อาหรับสปริง” เหตุการณ์
ดังกล่าวเริ่มจาก “การปฏิวัติดอกมะลิ” ซึ่งมวลชนร่วมไม่พอใจไปกับโมฮัมเหม็ด
โบอาซิซิ พ่อค้าริมทางผู้จุดไฟเผาตัวเองเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2010 หลังจาก
นั้นแม้ประธานาธิบดีซีน อัลอาบิดีน บิน อาลี ผู้น�าแห่งตูนิเซียจะพ้นจาก
ต�าแหน่งในวันที่ 14 มกราคม 2011 แต่กระแสปฏิวัติต่อต้านกลุ่มอภิสิทธิ์ชน
กลับไม่แผ่วตาม ความรุนแรงได้ลุกลามไปยังส่วนอื่นของตะวันออกกลาง
ฮุสนี มุบาร็อก ซึ่งปกครองอียิปต์มาถึงสามสิบปีถูกขับพ้นต�าแหน่งในวันที่
11 กุมภาพันธ์ 2011 ส่วนชะตากรรมของบาห์เรน ลิเบีย ซีเรีย และเยเมนจะ
เป็นอย่างไรนั้น ขณะที่เราเขียนค�าน�าอยู่นี้ยังมิอาจทราบได้
มูลเหตุความไม่พอใจในประเทศเหล่านี้คือเรื่องความยากจน พลเมือง
อียิปต์ทั่วไปมีรายได้อยู่ที่ราวร้อยละ 12 ของพลเมืองสหรัฐอเมริกา และมี
อายุสั้นกว่าถึงสิบปี ประชากรอียิปต์มากถึงร้อยละ 20 ยากจนอย่างยิ่ง ทว่า
ตัวเลขเหล่านี้ก็ยังถือว่าไม่มาก หากเราเทียบกับความแตกต่างระหว่าง
สหรัฐอเมริกากับประเทศที่จนที่สุดในโลกอย่างเกาหลีเหนือ เซียร์ราลีโอน และ
ห
บทน�ำ
- 9. บดินทร์ พรวิลาวัณย์ แปล 13บดินทร์ พรวิลาวัณย์ แปล 13
ซิมบับเว ซึ่งประชาชนเกินครึ่งประเทศยากจน
เหตุใดอียิปต์จึงยากจนกว่าสหรัฐอเมริกามาก? อะไรจ�ากัดไม่ให้
ชาวอียิปต์รุ่งเรืองกว่านี้? ความยากจนของอียิปต์เป็นสิ่งตายตัวหรือว่าขจัดได้?
วิธีมองอย่างหนึ่งก็คือดูว่าชาวอียิปต์เองกล่าวถึงปัญหาที่พวกเขาเผชิญอยู่
อย่างไร และเหตุใดพวกเขาจึงลุกขึ้นต่อต้านมุบาร็อก อย่างเช่นโนฮา ฮาเหม็ด
พนักงานบริษัทโฆษณาวัยยี่สิบสี่ปีผู้หนึ่งกล่าวชัดเจนระหว่างเดินขบวนอยู่กลาง
จัตุรัสทาห์รีร์ว่า “เรามีทั้งปัญหาคอร์รัปชั่น การกดขี่ประชาชน แล้วก็ระบบ
การศึกษาห่วยๆ เราอยู่ในระบบเน่าเฟะที่ต้องเปลี่ยน” โมซาบ เอล ชามี
นักศึกษาเภสัชกรอีกคนในจัตุรัสเห็นด้วยว่า “หวังว่าไม่เกินสิ้นปีนี้เราจะได้
รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ได้มีเสรีภาพแบบสากล แล้วก็ปิดฉากคอร์รัปชั่นที่
ครอบง�าประเทศนี้ได้เสียที” ผู้ประท้วงในจัตุรัสทาห์รีร์ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน
ว่ารัฐบาลทั้งคอร์รัปชั่น บกพร่องในการให้บริการสาธารณะ และผู้คนใน
ประเทศของพวกเขามีโอกาสไม่เท่าเทียมกัน โมฮัมเหม็ด เอลบาราเด อดีต
ผู้อ�านวยการองค์การพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศก็เขียนบนทวิตเตอร์
เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2011 ว่า “ตูนิเซีย: กดขี่+สังคมที่ไม่ยุติธรรม+ปิดกั้น
การเปลี่ยนแปลงโดยสันติ = ระเบิดเวลา”
ทั้งชาวอียิปต์และตูนิเซียต่างมองว่าปัญหาทางเศรษฐกิจของพวกเขา
มีพื้นฐานมาจากการขาดสิทธิทางการเมือง เช่นเมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมเริ่มเรียกร้อง
เป็นระบบขึ้น วาล คาลิล นักวิศวกรซอฟแวร์และบล็อกเกอร์ ซึ่งเป็นหนึ่งใน
แกนน�าการเคลื่อนไหวของอียิปต์ ได้เสนอข้อเรียกร้องเร่งด่วนสิบสองประการ
แรก ข้อเรียกร้องเหล่านี้เน้นประเด็นการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองทั้งสิ้น ใน
ขณะที่เรื่องอย่างการขึ้นค่าแรงขั้นต�่านั้นอยู่แต่ในข้อเรียกร้องช่วงเปลี่ยนผ่าน
ที่จะบังคับใช้ภายหลังเท่านั้น
ชาวอียิปต์มองว่าสิ่งที่ปิดกั้นพวกเขาคือรัฐที่ไร้ประสิทธิภาพและ
ฉ้อฉล กับสังคมซึ่งพวกเขาไม่สามารถน�าทักษะ ความใฝ่ฝัน สติปัญญา และ
การศึกษาที่มี มาใช้ได้ พวกเขายังมองออกว่าปัญหาเหล่านี้มีรากมาจากเรื่อง
การเมือง พวกเขารู้ว่าอุปสรรคทางเศรษฐกิจที่พวกเขาต้องเผชิญ มาจากกลุ่ม
อภิสิทธิ์ชนเล็กๆ เพียงกลุ่มเดียวที่ยึดอ�านาจทางการเมืองในอียิปต์ไว้ และใช้
- 10. 14 กู้วิกฤติชาติ บทเรียนสะเทือนโลก
อ�านาจดังกล่าวในทางที่ผิด พวกเขารู้ว่านี่คือสิ่งแรกที่ต้องเปลี่ยน
ทว่าความเชื่อของกลุ่มผู้ชุมนุมในจัตุรัสทาห์รีร์ ต่างจากความเชื่อ
ตามแบบแผนอย่างยิ่ง เวลาถกเถียงว่าท�าไมประเทศอย่างอียิปต์จึงยากจน
นักวิชาการและนักวิเคราะห์ข่าวส่วนใหญ่มักเน้นปัจจัยอื่นที่ต่างไปอย่างสิ้นเชิง
บ้างว่าปัญหามาจากพื้นที่อียิปต์เป็นทะเลทราย ซึ่งขาดน�้าฝนและไม่เอื้ออ�านวย
ต่อเกษตรกรรม บ้างก็ว่าชาวอียิปต์ขาดปรัชญาการท�างานและวัฒนธรรมที่
ท�าให้ชาติอื่นเจริญ แต่กลับรับความเชื่ออิสลามที่ไม่ดีต่อเศรษฐกิจมาแทน
ส่วนพวกนักเศรษฐศาสตร์และ “ผู้รู้” ด้านนโยบายคิดว่า ผู้น�าอียิปต์เพียง
ด�าเนินนโยบายและแผนบริหารประเทศที่ไม่ถูกต้อง ขอเพียงผู้น�าเหล่านี้ได้
รับค�าแนะน�าที่ถูกต้องจากคนที่ถูกต้อง ความเจริญก็จะตามมาเอง ส�าหรับ
นักวิชาการและผู้รู้เหล่านี้ เรื่องที่ว่ามีกลุ่มอภิสิทธิ์ชนเล็กๆ ปกครองอียิปต์และ
ท�านาบนหลังคนในชาติ ดูจะไม่เกี่ยวข้องกับปัญหาเศรษฐกิจของประเทศนี้เลย
เราจะให้เหตุผลในหนังสือเล่มนี้ ว่าชาวอียิปต์ในจัตุรัสทาห์รีร์ต่างหาก
ที่เข้าใจถูกต้อง ไม่ใช่นักวิชาการกับนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ แท้จริงอียิปต์ไม่ได้
ยากจนเพราะเหตุอื่นใดนอกจากถูกอภิสิทธิ์ชนส่วนน้อยปกครอง พวกเขา
จัดระเบียบสังคมเพื่อชักประโยชน์เข้ากระเป๋าโดยปล่อยให้มวลชนรับกรรม
คนเหล่านี้กวาดอ�านาจทางการเมืองมาอยู่ในวงแคบเพื่อสร้างความมั่งคั่งให้
ตัวเอง เช่นที่อดีตประธานาธิบดีมุบาร็อกสะสมทรัพย์สินได้ถึงเจ็ดหมื่นล้าน
ดอลลาร์สหรัฐ (สองล้านล้านบาท) ส่วนประชาชนอียิปต์เป็นผู้แพ้ อย่างที่
พวกเขารู้ซึ้งเป็นอย่างดี
เราจะแสดงให้เห็นว่าการตีความเรื่องความยากจนของอียิปต์ให้เข้าใจ
ง่ายเช่นนี้ น�าไปอธิบายได้ทั่วไปว่าเหตุใดประเทศยากจนจึงได้จนอย่างที่เป็น
เราจะแสดงให้ดูว่าทั้งเกาหลีเหนือ เซียร์ราลีโอน และซิมบับเวต่างก็ยากจนด้วย
เหตุผลเดียวกับอียิปต์ ประเทศอย่างอังกฤษและสหรัฐอเมริกานั้นร�่ารวยได้
เพราะประชาชนเคยล้มล้างชนชั้นสูงที่กุมอ�านาจ แล้วสร้างสังคมที่กระจาย
สิทธิทางการเมืองทั่วถึงกว่ามาก รัฐบาลต้องชี้แจงตัวเองและตอบสนองต่อ
พลเมือง และมวลชนส่วนใหญ่ตักตวงโอกาสทางเศรษฐกิจได้ การจะเข้าใจ
ความเหลื่อมล�้าในโลกปัจจุบัน เราต้องย้อนไปศึกษาพลวัตทางประวัติศาสตร์
- 11. บดินทร์ พรวิลาวัณย์ แปล 15บดินทร์ พรวิลาวัณย์ แปล 15
ของสังคมต่างๆ เราจะได้เห็นว่าอังกฤษร�่ารวยกว่าอียิปต์ เพราะในปี 1688
อังกฤษเกิดการปฏิวัติที่เปลี่ยนแปลงการเมือง และเท่ากับเปลี่ยนระบบ
เศรษฐกิจของชาติไปด้วย ประชาชนอังกฤษต่อสู้จนมีสิทธิทางการเมืองมากขึ้น
และใช้สิทธินั้นเพื่อขยายโอกาสทางเศรษฐกิจของพวกตน การปฏิวัติดังกล่าว
ส่งผลให้วิถีทางการเมืองและเศรษฐกิจแตกต่างตั้งแต่รากฐาน จนน�าไปสู่การ
ปฏิวัติอุตสาหกรรมในที่สุด
การปฏิวัติอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีจากการปฏิวัตินั้นไม่ได้แพร่
กระจายไปถึงอียิปต์ เพราะตอนนั้นจักรวรรดิออตโตมันยังปกครองอียิปต์
อย่างกดขี่เหมือนตระกูลมุบาร็อก ต่อมาแม้ นโปเลียน โบนาปาร์ต จะโค่น
ออตโตมันในอียิปต์ลงได้ในปี 1798 อียิปต์ก็ตกอยู่ภายใต้ลัทธิล่าอาณานิคม
ของอังกฤษซึ่งไม่ใส่ใจความเจริญของอียิปต์พอๆ กัน แม้ชาวอียิปต์จะสลัด
จักรวรรดิออตโตมันกับอังกฤษหลุดได้ในปี 1952 แต่เหตุการณ์นี้ก็ยังต่างจาก
การปฏิวัติของอังกฤษในปี 1688 อยู่ดี คือแทนที่จะเปลี่ยนการเมืองในอียิปต์
จากรากฐาน กลับเพียงท�าให้อภิสิทธิ์ชนอีกกลุ่มได้ขึ้นครองอ�านาจ โดยที่ไม่ได้
สนใจความเป็นอยู่ของชาวบ้านพอๆ กับทั้งออตโตมันและอังกฤษ เป็นอันว่า
โครงสร้างสังคมก็ยังเหมือนเดิม และอียิปต์ก็ยังยากจนต่อไป
เราจะศึกษาในหนังสือเล่มนี้ว่า รูปแบบนี้เกิดซ�้าแล้วซ�้าอีกได้อย่างไร
ตลอดเวลาที่ผ่านมา และเหตุใดบางครั้งจึงเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น อย่างใน
อังกฤษเมื่อปี 1688 หรือการปฏิวัติฝรั่งเศสปี 1789 ความรู้นี้จะท�าให้เราทราบ
ว่าปัจจุบันสถานการณ์ในอียิปต์เปลี่ยนไปหรือไม่ และการปฏิวัติโค่นล้ม
มุบาร็อกจะน�าไปสู่สถาบันใหม่ซึ่งท�าให้ชาวอียิปต์รุ่งเรืองได้จริงหรือ ในอดีต
อียิปต์ก็เคยเกิดเหตุปฏิวัติที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมาแล้วหลายครั้ง เหตุเพราะ
ผู้ก่อการเพียงยึดเศษซากของคนที่ตนล้มล้างไป แล้วสร้างระบบใหม่คล้ายกัน
ขึ้นมาแทน การที่ประชาชนจะได้อ�านาจทางการเมืองมาอย่างเป็นรูปธรรม
หรือเปลี่ยนโครงสร้างสังคมนั้นเกิดขึ้นได้ยากก็จริง แต่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ เราจะ
ได้ทราบว่าเรื่องนี้เคยเกิดขึ้นอย่างไรในอังกฤษ ฝรั่งเศส กับสหรัฐอเมริกา รวม
ถึงในญี่ปุ่น บอตสวานา และบราซิลด้วย โดยพื้นฐานแล้วสังคมยากจนต้อง
เปลี่ยนแปลงการเมืองในลักษณะนี้จึงจะร�่ารวยขึ้นได้
- 12. 16 กู้วิกฤติชาติ บทเรียนสะเทือนโลก
มีหลักฐานว่าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวอาจจะก�าลังเกิดขึ้นในอียิปต์
เรดา เมทวาลี ผู้ประท้วงอีกรายในจัตุรัสทาห์รีร์กล่าวว่า “ตอนนี้คุณจะเห็น
ชาวมุสลิมกับชาวคริสต์ เห็นคนแก่กับคนหนุ่มสาวมารวมตัวกัน เรียกร้องในสิ่ง
เดียวกัน” เราจะได้ทราบว่าการที่สังคมเคลื่อนไหวในวงกว้างเช่นนี้ เคยเป็น
กุญแจส�าคัญอย่างไรในการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองลักษณะนี้ครั้งอื่นๆ หาก
เราเข้าใจว่าการเปลี่ยนแปลงเช่นนั้นเกิดขึ้นเมื่อไรและอย่างไร เราก็จะประเมิน
ได้ดีขึ้นว่าเมื่อใดเราจะคาดได้ว่าการเคลื่อนไหวคงล้มเหลวเหมือนหลายครั้งใน
อดีต แต่ที่ส�าคัญกว่านั้นคือเราจะตั้งความหวังได้ว่าเมื่อใดเหตุการณ์จะลุล่วง
และช่วยยกระดับชีวิตของผู้คนอีกนับล้านได้จริงๆ
- 13. บดินทร์ พรวิลาวัณย์ แปล 17บดินทร์ พรวิลาวัณย์ แปล 17
มืองโนกาเลสมีรั้วพาดผ่านตรงกลาง ถ้าคุณยืนริมรั้วหันหน้าไปทาง
ทิศเหนือ คุณจะเห็นโนกาเลสในเขตรัฐแอริโซนาในสหรัฐอเมริกา ที่
นั่นรายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือน 30,000 ดอลลาร์ต่อปี วัยรุ่นส่วนใหญ่เรียนหนังสือ
ในโรงเรียน ผู้ใหญ่ส่วนมากจบการศึกษาระดับมัธยมปลาย ประชากรในเมือง
มีสุขภาพดี เทียบตามมาตรฐานโลกก็มีอายุขัยยืนยาว ผู้อาศัยจ�านวนมากอายุ
เกินหกสิบห้าปีและเข้าถึงโครงการประกันสังคมเมดิแคร์ โครงการที่ว่านั้น
ยังเป็นเพียงหนึ่งในบริการรัฐอีกหลายอย่างที่คนส่วนใหญ่มองเป็นเรื่องปกติ
เช่นไฟฟ้า โทรศัพท์ ระบบก�าจัดของเสีย บริการสาธารณสุข เครือข่ายถนนที่
เชื่อมโยงพวกเขาเข้ากับเมืองอื่น ทั้งในบริเวณเดียวกันและส่วนอื่นของสหรัฐฯ
และสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดคือความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ผู้คนใน
โนกาเลสรัฐแอริโซนาใช้ชีวิตประจ�าวันได้อย่างไม่ต้องกลัวอันตรายหรือชีวิต
ไม่ปลอดภัย และไม่ต้องคอยหวาดระแวงเหตุโจรกรรม การเวนคืนที่ดิน หรือ
สิ่งอื่นใดที่อาจส่งผลเสียหายต่อการลงทุนในกิจการและบ้านเรือนของพวกเขา
ที่ส�าคัญไม่น้อยไปกว่ากันคือ ผู้คนในโนกาเลสรัฐแอริโซนาไว้ใจได้ว่าต่อให้
รัฐบาลขาดประสิทธิภาพและทุจริตเป็นบางคราว แต่ก็ยังเป็นตัวแทนของ
พวกตน พวกเขาสามารถลงคะแนนเสียงเพื่อเปลี่ยนตัวผู้ว่าการ สมาชิกรัฐสภา
หรือวุฒิสมาชิกได้ และพวกเขาสามารถลงคะแนนเลือกประธานาธิบดี เพื่อ
ก�าหนดตัวผู้น�าประเทศของพวกเขาได้ ประชาธิปไตยถือว่าเป็นเรื่องธรรมชาติ
ส�าหรับพวกเขา
เ
1
ใกล้แต่กลับไกลห่ำง
เศรษฐกิจรอบแม่น�้ำรีโอแกรนด์
- 14. 18 กู้วิกฤติชาติ บทเรียนสะเทือนโลก
แต่ชีวิตทางทิศใต้ของรั้วกั้นค่อนข้างต่างออกไป แม้ประชากรเมือง
โนกาเลสรัฐโซโนราจะอาศัยในบริเวณที่ถือว่าค่อนข้างมั่งคั่งแล้วของเม็กซิโก
แต่คนที่นั่นมีรายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือนอยู่เพียงราวหนึ่งในสามของคนโนกาเลส
รัฐแอริโซนา ผู้ใหญ่ส่วนใหญ่ในโนกาเลสรัฐโซโนราเรียนไม่จบชั้นมัธยม วัยรุ่น
ไม่น้อยก็ไม่เรียนหนังสือ คนจะเป็นแม่ต้องกังวลเรื่องทารกมีอัตราเสียชีวิตสูง
ระบบสาธารณสุขก็ย�่าแย่ จึงไม่แปลกที่ผู้คนในโนกาเลสรัฐโซโนราจะอายุไม่ยืน
เท่าเพื่อนบ้านทางเหนือ พวกเขายังขาดสาธารณูปโภคอีกหลายอย่าง ถนนทาง
ทิศใต้ของรั้วกั้นก็ทรุดโทรม ระเบียบกฎหมายหละหลวม อาชญากรรมชุกชุม
และการเปิดกิจการถือเป็นเรื่องเสี่ยง ไม่ต้องพูดถึงเสี่ยงถูกปล้น แค่จะเปิดร้าน
ก็ต้องตรากตร�าตั้งแต่การขออนุญาตกับจ่ายใต้โต๊ะให้ครบแล้ว ผู้คนในโนกาเลส
รัฐโซโนราต้องทนกับความฉ้อฉลและไม่เอาอ่าวของนักการเมืองอยู่ทุกเมื่อ
เชื่อวัน
เทียบกับเพื่อนบ้านทางเหนือแล้ว ประชาธิปไตยยังถือเป็น
ประสบการณ์แปลกใหม่ส�าหรับพวกเขาอยู่ โนเกเลสรัฐโซโนราก็เหมือนกับ
เม็กซิโกส่วนที่เหลือ ที่อยู่ใต้การปกครองแบบโกงกินของพรรคสถาบันปฏิวัติ
หรือปาร์ตีโด เรโวลูเซียนนารีโอ อินส์ติตูเซียนแนล มาตลอดจนกระทั่งมีการ
ปฏิรูปการเมืองเมื่อปี 2000 นี้เอง
เหตุใดครึ่งทั้งสองของเมืองที่โดยสาระส�าคัญแล้วคือเมืองเดียวกัน
จึงได้ต่างกันเพียงนี้? ทั้งภูมิประเทศ ภูมิอากาศ หรือประเภทของโรคภัยใน
พื้นที่ไม่ต่างกัน เพราะไม่มีอะไรขวางมิให้เชื้อโรคเดินทางข้ามไปมาระหว่าง
สหรัฐอเมริกากับเม็กซิโก จริงอยู่ที่สภาพสาธารณสุขของทั้งสองแห่งต่างกัน
มาก แต่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับโรคภัย สภาพทางสาธารณสุขต่างกันเพราะประชาชน
ทางใต้ของเส้นเขตแดนขาดบริการสาธารณสุขที่เหมาะสมต่างหาก
หรือจะเป็นเพราะกลุ่มคนต่างกันมาก เป็นไปได้หรือไม่ว่าผู้คนใน
โนกาเลสรัฐแอริโซนาเป็นลูกหลานของผู้อพยพชาวยุโรป ในขณะที่คนทางใต้
สืบเชื้อสายจากชาวอินเดียนแดง? ก็ไม่ใช่อีก ชนทั้งสองฝั่งเขตแดนมีพื้นเพ
คล้ายคลึงกัน หลังจากเม็กซิโกเป็นเอกราชจากสเปนในปี 1821 พื้นที่ตรงนี้
ก็เป็นส่วนหนึ่งของเม็กซิโกมาจนกระทั่งสงครามเม็กซิโก-อเมริกาช่วงปี
- 15. บดินทร์ พรวิลาวัณย์ แปล 19บดินทร์ พรวิลาวัณย์ แปล 19
1846-1848 ด้วยซ�้า เส้นเขตแดนฝั่งสหรัฐฯ เพิ่งขยายเข้ามายังพื้นที่นี้เมื่อ
มีสัญญาซื้อแกดสเดนในปี 1853 เท่านั้น ร้อยโทเอ็น. มิชเลอร์ เคยตั้งข้อสังเกต
ไว้ระหว่างส�ารวจเส้นเขตแดนว่ามี “หุบเขาโลส โนกาเลสเล็กๆ ที่งดงาม” อยู่
ตรงนี้เองก็มีเมืองเกิดขึ้นสองเมืองบนสองฝั่งของเส้นเขตแดน เป็นอันว่าผู้อาศัย
ของโนกาเลสรัฐแอริโซนากับโนกาเลสรัฐโซโนรามีบรรพบุรุษร่วมกัน ดื่มด�่ากับ
อาหารและดนตรีประเภทเดียวกัน และเรากล้าพูดด้วยซ�้าว่ามี “วัฒนธรรม”
อย่างเดียวกัน
แน่นอนว่ามีค�าอธิบายหนึ่งที่ทั้งตรงไปตรงมาและเห็นได้ชัด ซึ่งคุณ
คงเดาออกนานแล้ว ว่าเหตุใดสองซักของโนกาเลสจึงได้ต่างกันนัก ค�าอธิบาย
ที่ว่าก็คือเส้นแบ่งเขตแดนซึ่งก�าหนดชะตาของแต่ละซีกนั่นเอง โนกาเลสรัฐ
แอริโซนาอยู่ในสหรัฐอเมริกา ผู้อาศัยเข้าถึงสถาบันเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จึง
เลือกประกอบอาชีพได้อย่างอิสระ ได้รับการศึกษาและฝึกทักษะ และกระตุ้น
ให้นายจ้างของพวกเขาลงทุนในเทคโนโลยีที่ดีที่สุด พวกเขาจึงมีค่าแรงสูง
ตามไปด้วย พวกเขายังเข้าถึงสถาบันการเมืองที่ให้พวกเขามีส่วนร่วมใน
ประชาธิปไตย พวกเขาสามารถเลือกและเปลี่ยนตัวผู้แทนได้หากผู้แทน
ประพฤติตัวไม่เหมาะสม ยังผลให้นักการเมืองจัดบริการพื้นฐาน (ตั้งแต่ระบบ
สาธารณสุข ถนนหนทาง จนถึงเรื่องระเบียบกฎหมาย) ให้ประชาชนตามที่
ประชาชนต้องการ แต่ผู้คนในโนกาเลสรัฐโซโนราไม่ได้โชคดีเช่นนั้น พวกเขา
อยู่ในโลกอีกใบที่ก�าหนดโดยสถาบันอีกชุด สถาบันที่ต่างไปนี้สร้างแรงจูงใจ
ต่างกันอย่างสิ้นเชิงทั้งส�าหรับผู้คนในโนกาเลสทั้งสองแห่ง และส�าหรับ
ผู้ประกอบการกับห้างร้านต่างๆ ที่จะเข้าไปลงทุน จึงเป็นแรงจูงใจจากสถาบัน
ที่ต่างกันของโนกาเลสทั้งสอง กับประเทศซึ่งแต่ละเมืองสังกัดอยู่นี้เอง ที่เป็น
เหตุผลหลักให้เศรษฐกิจบนสองด้านของเส้นขอบแดนเจริญไม่เท่ากัน
เหตุใดสถาบันต่างๆ ของสหรัฐอเมริกา จึงเอื้อให้เศรษฐกิจประสบ
ความส�าเร็จมากกว่าสถาบันของเม็กซิโกและส่วนอื่นของลาตินอเมริกา?
ค�าตอบอยู่ที่สมัยต้นยุคล่าอาณานิคม ซึ่งส่งผลสะท้อนมาจนถึงทุกวันนี้ เราจะ
ย้อนกลับไปสมัยก่อตั้งอาณานิคมในอเมริกาเหนือและลาตินอเมริกากันก่อน
เพื่อท�าความเข้าใจการแยกห่างดังกล่าว
- 16. 20 กู้วิกฤติชาติ บทเรียนสะเทือนโลก
การก่อตั้งนครบัวโนสไอเรส
ฆวน ดีอัซ เดโซลิส นักส�ารวจชาวสเปนแล่นเรือเข้าปากแม่น�้ากว้างตรงริมฝั่ง
ทะเลด้านตะวันออกของทวีปอเมริกาใต้ในปี 1516 เดโซลิสได้ฝ่าฟันขึ้นฝั่ง และ
ประกาศให้ดินแดนนั้นเป็นของสเปน เขาตั้งชื่อแม่น�้าว่ารีโอเดลาพลาตา หรือ
“แม่น�้าเงิน” เนื่องจากเขาเห็นชนพื้นเมืองมีแร่เงิน ชนพื้นเมืองพวกนี้คือ
ชาวชารูอาส์ในอุรุกวัยปัจจุบัน กับชาวเกรันดิบนที่ราบแพมพัซในอาร์เจนตินา
ทุกวันนี้ ชนพื้นเมืองเหล่านี้เป็นพรานเก็บของป่า ซึ่งอยู่กันเป็นกลุ่มเล็กๆ อย่าง
ไม่มีศูนย์กลางทางการเมืองเข้มแข็ง ชนพื้นเมืองบนทั้งสองฝั่งของปากแม่น�้า
มองผู้มาเยือนเป็นศัตรู และชาวชารูอาส์ก็ได้ทุบท�าร้ายเดโซลิสจนถึงแก่ชีวิต
ระหว่างเขาก�าลังส�ารวจพื้นที่อยู่นั่นเอง
แต่ทางสเปนยังมีความหวัง ในปี 1534 เปโดร เดเมนโดซา ได้น�าผู้ตั้ง
รกรากจากสเปนไปตั้งเมืองขึ้นตรงต�าแหน่งที่เป็นนครบัวโนสไอเรส ที่แห่งนั้น
น่าจะเป็นสถานที่ในอุดมคติของชาวยุโรป เพราะบัวโนสไอเรสซึ่งแปลตรงตัว
ว่า “อากาศดี” นั้นมีภูมิอากาศอบอุ่นอยู่สบาย ทว่าตอนแรกชาวสเปนอยู่ที่นั่น
กันได้ไม่นาน พวกเขาไม่ได้ไปเพื่อกินบรรยากาศดีๆ แต่เพื่อเก็บทรัพยากรและ
หาแรงงานมาใช้ หากแต่พวกชารูอาส์กับเกรันดิไม่ยอมร่วมมือด้วย พวกเขา
ไม่ยอมแบ่งอาหารให้คนสเปน ถูกจับมาก็ไม่ยอมท�างาน ซ�้ายังขนคันศรกับธนู
มาโจมตีนิคมตั้งใหม่ ชาวสเปนพากันหิวโหยเพราะไม่ได้เผื่อมาว่าต้องหาอาหาร
เลี้ยงปากท้องตัวเอง เป็นอันว่าบัวโนสไอเรสกลับไม่เป็นดังฝัน คนท้องถิ่นก็ใช้
แรงงานไม่ได้ ในพื้นที่ก็ไม่มีเงินหรือทองให้ขุด ส่วนเงินที่เดโซลิสไปพบเข้า
ความจริงก็มาจากรัฐอินคาในเทือกเขาแอนดีส ที่อยู่ไกลไปทางทิศตะวันตกนู่น
ชาวสเปนจึงเริ่มส่งคนออกส�ารวจหาสถานที่ใหม่ซึ่งมีทรัพยากร
มากกว่าและประชากรบังคับใช้แรงงานง่ายกว่าแล้วในปี1537ฆวนเดอาโยลัส
ก็น�าคณะส�ารวจฝ่าลึกขึ้นไปตามแม่น�้าปารานา เพื่อตามหาเส้นทางไปยังอินคา
ระหว่างทางคณะส�ารวจพบกับชาวกวารานีซึ่งเป็นกลุ่มชนที่ลงหลักปักฐาน
และมีเศรษฐกิจเกษตรกรรมที่ปลูกข้าวโพดกับมันส�าปะหลัง ชาวสเปนพิชิต
- 17. บดินทร์ พรวิลาวัณย์ แปล 21บดินทร์ พรวิลาวัณย์ แปล 21
ชาวกวารานีได้และตั้งเมืองชื่อว่า “นูเอสตรา เซโญรา เดซานตา มาเรีย เด ลา
อะซุนซิออง” ซึ่งยังคงเป็นเมืองหลวงของปารากวัยในปัจจุบัน นักผจญภัยทั้ง
หลายสมรสกับบรรดาเจ้าหญิงแห่งกวารานี ก่อนจะตั้งตนเป็นชนชั้นสูงอย่าง
ว่องไว พวกเขาดัดแปลงระบบแรงงานกับระบบบรรณาการที่มีมาแต่เดิมเสีย
ใหม่โดยให้พวกตนอยู่ตรงยอด นี่คืออาณานิคมประเภทที่พวกเขาอยากตั้ง
ภายในสี่ปีบัวโนสไอเรสก็กลายเป็นเมืองร้าง เพราะชาวสเปนพากันย้ายไปยัง
เมืองใหม่
บัวโนสไอเรส หรือ “ปารีสแห่งอเมริกาใต้” นครที่มีถนนหนทางกว้าง
ใหญ่ซึ่งสร้างด้วยทรัพยากรทางเกษตรมหาศาลของพื้นที่แพมพัส ได้ถูกทิ้งให้
ร้างจนปี 1580 การที่ชาวสเปนละทิ้งบัวโนสไอเรสและเข้ายึดครองกวารานี
เผยให้เห็นว่านักล่าอาณานิคมชาวสเปน ไม่ได้สนใจจะท�าไร่ไถนาเอง พวกเขา
ต้องการคนอื่นมาท�าแทน และพวกเขาหวังเพียงปล้นสะดมทรัพย์สมบัติ ทองค�า
และเงิน
ตั้งแต่กาฆามาร์กา...
ก่อนหน้าการส�ารวจของเดโซลิส เดเมนโดซา และเดอาโยลัส ยังมีการส�ารวจ
ที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นอีก นับตั้งแต่โคลัมบัสค้นพบหมู่เกาะบาฮามาสเมื่อวันที่ 12
ตุลาคม 1492 สเปนก็ได้เปิดฉากแผ่อ�านาจเข้ายึดดินแดนอย่างรวดเร็ว นาย
พลเอร์นัน กอร์เตส บุกเม็กซิโกในปี 1519 หลังจากนั้นก็มีคณะส�ารวจของ
ฟรานซิสโก ปิซาโร ไปยึดครองเปรูในอีกทศวรรษครึ่งให้หลัง เพียงสองปีถัด
จากนั้นคณะส�ารวจของเดเมนโดซาจึงไปยังแม่น�้ารีโอเดลาพลาตา ตลอด
ศตวรรษต่อมาสเปนสามารถพิชิตและยึดครองอเมริกาใต้ตอนกลาง ตอน
ตะวันตก และตอนใต้ เป็นอาณานิคมได้เกือบหมด ส่วนโปรตุเกสได้บราซิลทาง
ตะวันออกไป
สเปนมีวิธีล่าอาณานิคมที่มีประสิทธิภาพมาก ซึ่งนายพลกอร์เตส
ขัดเกลาจนสมบูรณ์เป็นครั้งแรกในเม็กซิโก วิธีนี้ตั้งอยู่บนข้อสังเกตว่าชาวสเปน
จะก�าราบชาวพื้นเมืองได้ดีที่สุดเมื่อจับตัวผู้น�าไว้ ยุทธวิธีนี้ท�าให้ชาวสเปนยึด
- 18. 22 กู้วิกฤติชาติ บทเรียนสะเทือนโลก
ทรัพย์ที่ผู้น�าสะสมมาได้ และบังคับคนพื้นเมืองให้ถวายบรรณาการกับอาหาร
ให้ ขั้นถัดไปชาวสเปนก็ตั้งตนเป็นชนชั้นสูงใหม่ในสังคมพื้นเมืองดังกล่าว แล้ว
ยึดระบบเก็บภาษี บรรณาการ และระบบบังคับใช้แรงงานที่มีอยู่แต่เดิมเสีย
เมื่อกอร์เตสกับพวกมาถึงเมืองหลวงของชาวแอซเท็กในวันที่
8 พฤศจิกายน 1519 มอกเตซูมา จักรพรรดิแห่งแอซเท็กได้ออกมาต้อนรับ
ชาวสเปนอย่างสันติตามค�าแนะน�าของเหล่าที่ปรึกษา ส่วนเหตุการณ์ถัดจาก
นั้นไป เบร์นาดิโน เดซาอากุน นักบวชคณะฟรันซิสกันได้อธิบายไว้ในบันทึก
ฟลอเรนไทน์ของเขา ที่รวบรวมขึ้นหลังปี 1545 ดังนี้
[ใน]ทันใด พวกเขา[ชาวสเปน] ก็คุมตัวมอกเตซูมาไว้แน่นหนา... ก่อน
ปืนแต่ละกระบอกจะลั่นกระสุน... ความหวาดกลัวโรยลงคลุม ราว
ทุกคนกลืนหัวใจตนลงท้องไป ยังไม่ทันมืดก็มีความพรั่นพรึง
ตกตะลึง หวาดวิตก ผู้คนพากันตะลึงงัน
เมื่อขึ้นวันใหม่ [ชาวสเปน]ก็ประกาศทุกสิ่งอันที่พวกเขาต้องการ:
ตอติญ่าขาวนวล, ไก่งวงตัวเมียย่าง, ไข่, น�้าจืด, ไม้, ฟืน, ถ่าน... ซึ่ง
มอกเตซูมาก็น�ามาให้
และเมื่อชาวสเปนกินอยู่สบายดีแล้ว พวกเขาก็สอบมอกเตซูมา
ถึงสมบัติทั้งหลายในนคร... พวกเขาต้องการทองค�าอย่างออกนอก
หน้า มอกเตซูมาก็น�าทางชาวสเปนไป พวกเขาล้อมเขาไว้... ต่างก็
ตรึงร่าง ฉวยร่างเขา
เมื่อพวกเขาไปถึงคลังตรงที่เรียกว่าเตโอกัลโก พวกเขาก็ให้น�าสิ่ง
เลอเลิศทุกสิ่งมา ทั้งมงกุฎขนนกเควทซัล อุปกรณ์ต่างๆ เกราะต่างๆ
แผ่นกลมท�าจากทองค�า... ห่วงจมูกทองค�า ก�าไลขาทองค�า ก�าไลแขน
ทองค�า ที่คาดหน้าผากทองค�า
พวกเขาแงะทองออกมา... จุดไฟโดยไม่รอช้า... เผาสิ่งมีค่าทั้ง
หลายมอดไหม้หมด ชาวสเปนขึ้นรูปทองค�าเป็นแท่ง... ชาวสเปน
เหยียบย�่าไปทุกหนแห่ง... พวกเขาช่วงชิงทุกสิ่ง ทุกสิ่งที่พวกเขาเห็น
ว่ามีค่า
- 19. บดินทร์ พรวิลาวัณย์ แปล 23บดินทร์ พรวิลาวัณย์ แปล 23
แล้วพวกเขาก็ไปยังคลังเก็บส่วนตัวของมอกเตซูมา... ตรงที่เรียก
ว่าโตโตกัลโก... พวกเขาน�าสมบัติ[ของมอกเตซูมา]เองออกมา... ของ
มีค่าทั้งหลายทั้งปวง สร้อยคอประดับจี้, ก�าไลแขนประดับกระจุกขน
นกเควทซัล ก�าไลแขนทองค�า ก�าไลข้อมือ แถบคาดทองค�าประดับ
เปลือกหอย... และมงกุฎเทอร์คอยซ์ ซึ่งเป็นเครื่องแสดงความเป็นผู้น�า
พวกเขายึดสิ่งเหล่านั้นไปทั้งหมด
ภารกิจน�าก�าลังทหารพิชิตแอซเท็กสิ้นสุดลงในปี 1521 หลังจากนั้น
กอร์เตสก็ขึ้นเป็นข้าหลวงผู้ปกครองจังหวัดนิวสเปน เขาเริ่มแบ่งทรัพยากรที่
มีค่าที่สุดคือประชากรพื้นเมือง ผ่านสถาบันที่เรียกว่า เอนโกเมียนดา สถาบัน
ดังกล่าวเริ่มปรากฏครั้งแรกเมื่อสเปนยึดตอนใต้คืนจากชาวอาหรับมัวร์ใน
ศตวรรษที่สิบห้า ทว่าในโลกใหม่สถาบันนี้ร้ายกาจขึ้นมาก คือกลายเป็นการ
จัดสรรชาวพื้นเมืองให้จ่ายบรรณาการและมอบแรงงาน ให้กับชาวสเปนผู้มี
ต�าแหน่งเป็นเอนโกเมนเดโร แลกกับการที่เอนโกเมนเดโรมีหน้าที่พาพวกเขา
เข้ารีตนับถือศาสนาคริสต์
บาร์โตโลเม เดลาสกาซัส เป็นนักบวชคณะดอมินิกันและนักวิจารณ์
ระบบอาณานิคมของสเปนรายแรกและหนึ่งในรายที่หัวรุนแรงที่สุด เขามาถึง
เกาะฮิสปานิโอลาในปกครองของสเปนเมื่อปี 1502 กับกองเรือที่น�าโดย
ข้าหลวงปกครองคนใหม่คือ นิโกลัส เดโอบันโด เมื่อเขาเห็นภาพการทารุณ
กรรมและเอาเปรียบคนพื้นเมืองทุกวัน เขาก็ตาสว่างและเป็นเดือดเป็นร้อนใจ
ขึ้นเรื่อยๆ เขาเป็นบาทหลวงร่วมภารกิจพิชิตคิวบาของสเปน แถมยังได้รับ
เอนโกเมียนดาไว้คอยรับใช้ด้วย แต่เขากลับสละสิทธิ์นั้น แล้วหันมาเริ่มรณรงค์
เพื่อปฏิรูปสถาบันอาณานิคมของสเปนเสียใหม่ เขาเขียนหนังสือขึ้นในปี 1542
ชื่อว่า บันทึกฉบับย่อว่าด้วยการท�าลายล้างหมู่เกาะอินดีส์ (A Short Account
of the Destruction of the Indies) ซึ่งโจมตีการปกครองอันป่าเถื่อนของ
สเปนอย่างรุนแรง เขากล่าวไว้ดังนี้