SlideShare a Scribd company logo
1 of 123
พื้นฐานชีวิต 3
ผู้เรียบเรียงรุ่นหลัง65
26/07/2565
09.18น.
สารบัญ
ที่มาของโหราศาสตร ์จีน 中国占卜学 23
วิธีพยากรณ์ของโหราศาสตร์จีน 30
ฤดูกาลและสีสันทั้งสี่ 36
ฤดูกาลทั้ง 5 ของจีน 54
ปฏิกิริยาธาตุ 5 กับวงจรการก่อเกิดฤดูกาล
ทั้ง 4
63
อักษรภาพจีน 70
ทฤษฏีปัญจธาตุ 83
12ราศีล่าง (地支) 96
หัวข ้อตามวิชาจีนโบราณ
(ตามความเข ้าใจของผู้เรียบเรียงฯ)
หยิน-หยาง
5ธาตุจีน
ฤดูกาล
ฟ้า
คน
ดิน
ปฏิกิริยา5ธาตุกับดิถี
ปฏิกิริยานักษัตรกับดิถี
ปฏิกิริยาระหว่างนักษัตร
ลักษณะการผันแปร 1
https://medium.com/@QiMenAlchemy/tian-ren-di-aba89d25e551
ลักษณะการผันแปร 2
ลักษณะการผันแปร 3
https://medium.com/@QiMenAlchemy/tian-ren-di-aba89d25e551
จาแนกพลังตามลักษณะของการ
ทางาน
๑. พลังงานศักย์ (Potential Energy)
เป็นพลังงานที่เกิดขึ้น
เมื่อวัตถุถูกวางอยู่ในตาแหน่งที่สามารถเคลื่อนที่ได ้
ไม่ว่าจากแรงโน้มถ่วง
หรือแรงดึงดูดจากแม่เหล็ก
เช่น ก ้อนหินที่วางอยู่บนขอบที่สูง
๒. พลังงานจลน์ (Kinetic Energy)
เป็นพลังงานที่เกิดขึ้นเมื่อวัตถุเคลื่อนที่
เช่น รถที่กาลังวิ่ง ธนูที่พุ่งออกจากแหล่ง
จักรยานที่กาลังเคลื่อนที่ เป็นต ้น
๓. พลังงานสะสม (Stored Energy)
เป็นพลังงานที่เก็บสะสมในวัสดุหรือสิ่งของต่างๆ
เช่น พลังงานเคมีที่เก็บสะสมไว ้ในอาหาร
ในก ้อนถ่านหิน น้ามัน หรือไม ้ฟืน
ซึ่งพลังงานดังกล่าว
จะถูกเก็บไว ้ในรูปขององค์ประกอบทางเคมีหรือของ
วัสดุหรือ สิ่งของนั้น ๆ
และจะถูกปล่อยออกมา
เมื่อวัสดุหรือสิ่งของดังกล่าวมีการเปลี่ยนรูป
เช่น การเผาไม ้ฟืนจะให ้พลังงานความร ้อน
ลักษณะอาการของพลัง องค์ประกอบข ้างในพลังมีดังนี้
๑. ถูกผลัก (ชง)
๒. ถูกดึง (ฮะ)
๓. ระเบิด ปะทะ เสียดสี (เฮ ้ง, ไห่, ผัวะ)
๔. กดดัน (คัก/ขัก/เก๋อ)
พลังงาน หมวด นักษัตรจีน นักษัตรไทย
ศักย์ ความรัก,ของสวยงาม (แม่
ธาตุ)
子 午 卯 酉 ชวด มะเมีย เถาะ ระกา
จลน์ อานาจ (พาหะ) 寅 申 巳 亥 ขาล วอก มะเส็ง กุน
สะสม เงินทอง (คลังขุมทรัพย์) 辰 戌 丑 未 มะโรง จอ ฉลู มะแม
ภูมิสวรรค์ (60กะจื้อ)
แผนผังสี่สัตว์เทพ
N
https://bit.ly/3OC2Kjo
ผังภาพจาลองท ้องฟ้าอย่างย่อ
นาฬิกาจีนโบราณ
https://bit.ly/3zrljm1
• เมื่อถึงสมัยฉินและฮั่น สัตว์เทพทั้งสี่ ก็เป็ นที่ยอมรับ
กันทั่วไป
ในฐานะตัวแทนของฤดูกาลและสีสันทั้งสี่
ฤดูกาลและสีสันทั้งสี่
ฤดูกาลจีนทั้ง ๔
เซียนเทียนปากว ้า (先天八卦)
และโฮ่วเทียนปากว ้า (后天八卦)
https://www.facebook.com/udeeland/posts/650998372005210/
แผนภูมิกาเนิดปากว ้า
ที่มา เครื่องหมาย และชื่อเรียก
โฮ่วเทียนปากว ้า (后天八卦)
ผังหลังฟ้า กับ บุคคล
ที่มาของโหราศาสตร ์จีน 中国占
卜学
• วิชาที่ว่าด ้วยการคานวณดวงชาตาของจีน
หรือโหราศาสตร์ของจีนนั้น
สมัยโบราณเรียกว่าวิชา เซวียนเสวี๋ย (玄学)
สมัยใหม่นี้ก็คือ วิชาพยากรณ์ศาสตร ์นั่นเอง
• https://bit.ly/3zrljm1
• โดยมีศิลปะและวัฒนธรรมหลากหลายแขนงของจีน
โบราณ
ผสมผสานกันอย่างเป็นระบบ
เช่น วิชาความรู้เกี่ยวกับ ไท่จี๋ (ไท ้เก็ก) ปากว ้า
(โป๊ ยข่วย) หยินหยาง
เทียนกาน ตี้จือ (แผนภูมิฟ้าดิน) โหวงเฮ ้ง (ธาตุทั้ง5)
การเกิดและการทาลาย เทวะวิทยา เทพเจ ้าและวิชา
คานวณปฎิทิน ฯลฯ
• โดยนามาใช ้ในการคานวณโชคชาตา
และโชคเคราะห์ของมนุษย์และสรรพสิ่ง
ว่าด ้วยเรื่องตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ว่าดีร่าย
อย่างไร
• วิชานี้แต่เดิมได ้พัฒนามาตั้งยุคก่อนประวัติศาสตร์ของ
จีน
มาจากการค ้นคว ้าและความรู้อันลึกซึ้ง
เกี่ยวพันกับความสัมพันธ์ของจักรวาลและธรรมชาติ
และการดารงอยู่ของทั้งสองสิ่ง
• และการศึกษาค ้นคว ้า
หารูปแบบและกฏเกณฑ์ที่เป็นรูปธรรมของจักรวาล
ที่สัมพันธ์กับทุกสรรพสิ่ง
โดยฉพาะได ้ผ่านการค ้นคว ้าและบันทึกสถิติ
จากนักปราชญ์ชาวจีนมาตลอดทุกยุคสมัย
จนกระทั่งได ้ตกผลึกเป็นภูมิปัญญาทางวิชาการ
โหราศาสตร์จีนอันยิ่งใหญ่
จวบจนถึงปัจจุบัน
สิ่งที่ควรตระหนักก็คือ
วิทยาการโบราณของจีน
ไม่ว่าจะเป็น ไท่จี๋ (ไท ้เก็ก) ปากว ้า (โป๊ ยข่วย) หยิน
หยาง
เทียนกาน ตี้จือ (แผนภูมิฟ้าดิน) โหวงเฮ ้ง (ธาตุทั้ง5)
การเกิดและการทาลาย
เทพเจ ้าและวิชาคานวนปฎิทินและวิชาอื่นๆที่เกี่ยวเนื่อง
ซึ่งวิชาเหล่านี้
ไม่ได ้มีมูลเหตุมาจากโหราศาสตร์
หรือวิชาว่าด ้วยการคานวณโชคชาตา
แต่อย่างใด
• แต่มีพื้นฐานมาจากความรู้และความเข ้าใจ
กฏเกณฑ์ของโลกและจักรวาล
และรวมถึงธรรมชาติที่สัมพันธ์กับชีวิตมนุษย์
และเมื่อได ้พัฒนาองค์ความรู้
จนเกิดเป็นความคิดเชิงปรัชญามากขึ้น
จนกระทั่งได ้พัฒนามา
เป็นพื้นฐานของวิทยาการด ้านโหราศาสตร์ขึ้นในสมัย
ต่อมา
• อาจจะเรียกได ้ว่าวิชาปรัชญาของจีนกับวิชา
โหราศาสตร์นั้น
ก็ล ้วนมาจากรากฐานเดียวกัน
วิธีพยากรณ์ของโหราศาสตร ์จีน
• โหราศาสตร์จีนนั้น
มีหลักการพยากรณ์ดวงชาตา
มาจากหลักสามประการ
เรียกว่า เซี่ยง-ซู่-หลี่ “象、数、理”
หรือ หลักของรูปลักษณ์-หลักการคานวน-และหลัก
วิชาทฤษฎี
• วิชารูปลักษณ์ ก็คือลักษณะและองค์ประกอบเชิง
รูปธรรม
• วิชาการคานวณ ก็คือหลักวิชาสาหรับการคานวณ
ดวงดาวที่โคจรบนท ้องฟ้า
การนับจานวน วิชาคณิตศาสตร์หรือเราขาคณิต
• และวิชาทฤษฎีก็คือหลักทฤษฎีของโลกและจักรวาล
ที่ว่าไว ้ในคัมภีร์ต่างๆ
(เช่น อี้จิง)
• หลักในการพยากรณ์นั้น
ก็อิงอาศัยหลักของ”เซี่ยง”หรือรูปลักษณ์ เป็นหลัก
สาคัญที่สุด
ส่วน “ซู่ และหลี่” หรือการคานวณและทฤษฎีนั้น
ล ้วนต ้องอาศัย”เซี่ยง”เป็นตัวกาหนด
• ส่วนไท่จี๋ (ไท ้เก็ก) ปากว ้า (โป๊ ยข่วย) หยินหยาง
เทียนกาน ตี้จือ (แผนภูมิฟ้าดิน) โหวงเฮ ้ง (ธาตุทั้ง5)
การเกิดและการทาลาย(เซิงเค่อ)
และเทวะวิทยา เทพเจ ้า ต่างๆ
ซึ่งต่างก็มีความหมายและรูปแบบแตกต่างกันในการ
พยากรณ์
และก็เป็นตัวแทนของความหมายต่างๆที่ซ่อนอยู่
(รหัส)
ซึ่งความหมายต่างๆเหล่านี้ เราเรียกว่า“象” “เซี่ยง”
(ลักษณะ)
• https://bit.ly/3zrljm1
ตัวอย่างเช่น ตัวอักษร “乾เฉียน”
• ในวิชา ปา กว้า หรือ โป๊ ยข่วย
ซึ่งสามารถอธิบายได ้ทุกสรรพสิ่ง
ก็จะมีลักษณะบ่งบอกความหมายในเชิงรูปลักษณ์
แทนคาว่า แข็งแรง,การเคลื่อนไหว,เงินทอง,โลหะ,
ความร่ารวย,ผู้ดี,หรือผู้นา เป็นต ้น
https://medium.com/@QiMenAlchemy/feng-shui-basic-gua-432a0b11564b
ฤดูกาลและสีสันทั้งสี่
ฤดูกาลจีนทั้ง ๔
• ภาพด ้านบนนี่คือภาพซ ้อน
พื้นหลังคือ ผังดาวฤกษ์ทั้ง 28 ดวง
และด ้านบนทับด ้วยภาพสัตว์ทั้งสี่
ครองกลุ่มละ 7 ดวงโดยประมาณ รวมได ้28 ดวง
จาง่ายๆก็คือ
• มังกรเขียว (บารมี) ประจาทิศตะวันออก สีเขียว ธาตุ
ไม ้ ฤดูใบไม ้ผลิ
• เสือขาว (อานาจ) ประจาทิศตะวันตก สีขาว ธาตุทอง
ฤดูใบไม ้ร่วง
• หงส์แดง (โชคลาภ) ทิศใต ้สีแดง ธาตุไฟ ฤดูร ้อน
จริงๆก็กระดากปากจะเรียก หงส์แดง
เพราะตัวหนังสือจีนแท ้ๆ
เค ้าเขียนว่า จูเชว่ คือ กระจิบสีชาด หรือสีแดงเข ้ม
และไม่ใช่หงส์ ด ้วย
คนละนก แม ้ว่ารูปร่างจะคล ้ายออกทางหงส์มาก
แต่ยืนยันว่าเป็นนกคนละชนิด
• https://bit.ly/3OC2Kjo
• เต่าดา (มั่งคั่ง) ประจาทิศเหนือ สีดา ธาตุน้า ฤดู
หนาว
นี่ก็กระดากปากตัวที่สอง
เพราะภาษาจีนเขียนว่า เซวียนอู่
มันคือ เต่าบวกงู พ่วงด ้วยกัน
• https://bit.ly/3OC2Kjo
• ภาพด ้านล่าง
คงทาให ้มองเห็นภาพได ้ชัดขึ้น
ต ้องบอกก่อนว่า ผังนี้เป็ นผังฮวงจุ้ย หยางไจ๋ คือ บ้าน
คนเป็ น
ไม่ใช่ผังสุสานคนตายนะ
คนละแบบกัน
• https://bit.ly/3OC2Kjo
โดยที่เขายึดเอาหงส์แดง เป็นหน้า
บ ้าน
• เพราะคนจีนเชื่อว่า ไฟ คือ แสงสว่าง
คือความก ้าวหน้ารุ่งโรจน์
ไฟต ้องเป็นตัวหน้า ตัวขึ้นต ้น ตัวเจริญของสรรพสิ่ง
คนเรามีวิวัฒนาการขึ้น
ก็เพราะเราจุดไฟเป็ น ในยุคแต่บรรพกาลมา จริงไหม
• และพืชนี่เจริญด ้วยการสังเคราะห์แสง ก็คือ ดวง
อาทิตย์
ไฟจึงคือ แสงสว่างและความอบอุ่น
ดังนั้น ทิศที่เป็นไฟ ก็คือ ทิศใต ้
เนื่องจากว่า จีนนั้น เหนือหนาวใต้อุ่น
เพราะตั้งอยู่เหนือเส้นศูนย์สูตรครับ
สรุป ทิศใต ้หรือทิศหงส์แดงเลย
แทนหน้าบ ้าน
• แล้วก็กางแขนออก
ซ้ายคือมังกรเขียว ขวาก็คือ เสือขาว
ตรงตามทิศทางและสีสันข้างต้นทั้งหมดที่พูดไป
อย่าไปหันผิด
บางคนนี่ ยืนหน้าบ ้าน หันหน้าเข ้าบ ้าน แบบนี้เดี๋ยว
สับสน งงกันตาย
เสร็จยังไม่พอ
ก็เถียงกันสองผัวเมีย ว่า มังกรต ้องซ ้าย
อีกคนก็ มังกรต ้องขวา งงกันไปเรื่อยนะ
ถ ้าเรามีหลักคิดว่าเขาอยู่ประจาทิศ
ประจาสี ก็จะจาง่าย
• เพราะสีเขียวคือ ธาตุไม ้ ทิศตะวันออก
และสีขาวคือ ธาตุทอง ทิศตะวันตก
เพราะงั้นถ ้าเถียงกันเรื่องซ ้ายขวามาก ทาไงครับ
• ควักเอาเข็มทิศมาวัดทิศเลย
มังกรต ้องอยู่ตะวันออก ชัวร์ๆ
ไม่ก็ใจเย็นๆ
นั่งรอดูพระอาทิตย์ขึ้น ถ ้าไม่มีเข็มทิศนะ
• แต่ว่าบางสานัก เค ้าเอาหลักการง่ายๆ ก็ไม่วัดทิศครับ
เอาซ ้ายขวาหน้าหลังเอา ยึดที่ตัวบ ้าน
ไม่ต ้องตรงตะวันออกเป๊ ะๆ ก็บอกเป็นมังกร
แบบนี้ก็มี แล ้วแต่แต่ละสานัก อันนี้ไม่ก ้าวล่วง
• สอดคล ้องกับหลักการของจีนอีกอย่าง
คือ จั่ว หนาน อิ้ว หนวี่
แปลว่า ซ้ายชาย ขวาหญิง ครับ
มังกรเลยมาแทนเพศชาย
เค ้าเลยแต่งคาทานายออกมาไงว่า ต ้องเคลื่อนไหว
พลุกพล่าน
มีหัวคิด มีก ้าวหน้า เป็นทางบารมี
บารมีคืออะไรที่ดูเป็นรัศมีแผ่ออกไป กระเพื่อมไป
• ในขณะเดียวกัน สตรี ฝั่งขวาก็แทนเสือขาว คือ นิ่งๆ
แต่ก็ต ้องดูมีอานาจ มีพลังเยอะ
ทิศนี้เลยแทนอานาจ
หงส์แดง คือ ไฟ
• ทิศข ้างหน้าเป็นโชคลาภ
เป็นสิ่งดีๆที่เข ้ามา
เข ้ามาจากการรู้จักอะไรครับ
รู้จักการแสวงหา
เพราะไฟมีลักษณะลุกโชน พุ่งขึ้น
อันนี้ตาราจีนโบราณเขียนไว ้ ไม่ได ้พูดเองนะ
สุดท ้ายคือความมั่งคั่งคือ น้า
เพราะเมื่อก่อนสังคมเกษตร
ใครจัดการบริหารน้าได ้ ถือว่ายิ่งใหญ่หละ
• สมัยนี้ ตามหลักฮวงจุ้ย
น้า คือ คลื่นและการสื่อสาร
ก็เห็นไหม พวกบริษัทการสื่อสารติดต่อ ร่ารวยกัน
ที่เขาว่า น้า คือมั่งคั่ง
เพราะหลักการห้าธาตุจีนบอก น้าหนุนไม ้ครับ
อุปมาคนเราเป็นดั่งธาตุไม ้
น้าเลยย่อมต ้องหนุนนา
เป็นความมั่งคั่ง อยู่เบื้องหลังเรา หนุนเรา
• พูดซะยืดยาว
ผมไม่ได ้บอกให ้เชื่อสานักที่แบ่งบ ้านแบบง่ายๆแบบนี้
นะ
เพียงแต่เราหาความรู้ไว ้ก็ไม่เสียหาย
เอาไว ้เพื่อประดับสมอง
เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให ้ชีวิต
• https://bit.ly/3OC2Kjo
ฤดูกาลทั้ง 5 ของจีน
• หลักอภิปรัชญา 5 ธาตุนี้
มีการอธิบายปรากฏการณ์ของปฏิกิริยาผ่านฤดูกาล
ต่างๆของจีน
ซึ่งตามที่เราเข ้าใจว่ามีเพียง 4ฤดูกาล
แต่ความเป็นจริงมี 5 ฤดูกาล
ซึ่งทฤษฎีนี้ถูกนามาใช ้มากที่สุด
โดยเฉพาะการแพทย์แผนจีน และโหราศาสตร์จีน
แขนงต่างๆ
เพื่ออธิบายความสัมพันธ์ของพลังธาตุทั้ง 5
• https://www.astroneemo.net/index.php/2016-08-07-05-21-50/2016-09-26-02-33-02/73-2010-01-16-14-52-47/1609-5-4-5-5.html
โดยฤดูกาลทั้ง 5 มีดังนี้
1. 木为春
ธาตุไม ้/ ฤดูใบไม ้ผลิ = (72 วัน)
เป็นระยะเวลาของการเจริญเติบโตและความมีชีวิตชีวา
พืชพันธุ์และสัตว์ต่างๆก็จะเริ่มเติบโตในช่วงนี้
ซึ่งเรียกว่า ฤดูใบไม ้ผลิ
เป็นผู้ควบคุมการก่อกาเนิด(春主生)
2. 火为夏
ธาตุไฟ / ฤดูร ้อน = (72 วัน)
เป็นระยะเวลาของการผลิดอกออกผลที่เต็มไปด ้วย
พลังงาน (ไฟ )
ซึ่งเรียกว่า ฤดูร ้อน
เป็นผู้ควบคุมการเจริญเติบโต (夏主长)
3. 土为季夏
ธาตุดิน/ฤดูร ้อนยาว = (72 วัน = 4 x 18
(4 ฤดูนับเฉพาะช่วงเปลี่ยนผ่าน x แต่ละฤดู 18วัน)
ในระหว่างระยะเวลาการเปลี่ยนผ่านฤดูกาล
หรือเรียกว่า”ฉางเซี่ย长夏” หรือ 季夏
(Late Summer ปลายฤดูร ้อนหรือฤดูร ้อนช่วงยาว)
- เป็นระยะเวลาของที่เกี่ยวข ้องกับ
การปรับระดับและการรองรับ (การดูแลรักษา)
ผลผลิต
ซึ่งเรียกว่า ฤดูร ้อนยาว เป็นผู้ควบคุมการดูแลรักษา(季
夏主养)
แต่ในบางทรรศนะ
ถือเอาเฉพาะเดือน 6 ตามจันทรคติจีน
นับเป็นฤดู ”ฉางเซี่ย长夏”
ในคัมภีร์《素问·藏气法时论》
อธิบายว่า “长夏,谓六月也。夏为土母,土长干中,
以长而治,故云长夏。”
ฤดูฉางเซี่ย เป็นเดือน 6 (ซึ่ง)ฤดูร ้อนถือเป็นมารดาแห่ง
ธาตุดิน
ดินเติบโต(จะ)แห ้งผาก (จาเป็น)ต ้องใช ้(เวลา)รักษา
เลี้ยงดู
(ช่วงนี้)นับเป็นฤดูฉางเซี่ย
4. 金为秋
ธาตุทอง / ฤดูใบไม ้ร่วง = (72 วัน)
เป็นระยะเวลาของการเก็บเกี่ยวพืชพรรณ
ต ้นไม ้ก็จะผลิตเมล็ดพันธุ์ออกมาจากฤดูก่อนหน้า
และต ้นไม ้ต่างๆก็จะสลัดใบทิ้งไป เพื่อกักเก็บความชื้น
เอาไว ้
ซึ่งเรียกว่า ฤดูใบไม ้ร่วง
เป็นผู้ควบคุมการเก็บเกี่ยว/กักเก็บ(秋主收)
5. 水为冬
ธาตุน้า / ฤดูหนาว = (72 วัน)
เป็นระยะเวลาของการพักผ่อนและการเก็บรักษา
ต ้นไม ้ต่างๆก็จะหยุดนิ่งไม่เจริญเติบโต
ซึ่งเรียกว่า ฤดูหนาว
เป็นผู้ควบคุมการเก็บซ่อน/เก็บรักษา(冬主藏)
ปฏิกิริยาธาตุ 5 กับวงจรการก่อ
เกิดฤดูกาลทั้ง 4
ในการก่อเกิดและขับเคลื่อนของวงจรปฏิกิริยา 5
ธาตุนี้
ถูกนามาอธิบายปรากฏการณ์ของการก่อเกิด
ผลัดเปลี่ยนและหมุนเวียนของฤดูกาลทั้ง 4
ซึ่งก่อให้เกิดความร้อน-เย็น, ความแห้ง-ความชื้น ,
กลางคืน-กลางวัน,
เวลาสั้น-ยาว ในฤดูกาลต่างๆที่แตกต่างกัน
• โดยมีปรากฏการณ์ของปฏิกิริยา 5 ธาตุ
แสดงถึงพลังงานจากจุดสูงสุดลงไปหาจุดต่าสุด
และจากจุดต่าสุดไปหาจุดสูงสุด
เกิดการผันแปรไม่สิ้นสุด
• และก็จะเกิดปฏิกิริยา 5 ธาตุ
ซึ่งมีทั้งในด ้านจุดสูงสุดและต่าสุดในขณะเดียวกัน
ซึ่งเป็นหลักการที่ก่อให ้เกิดพลังยิ่งใหญ่ที่ไม่มีที่
สิ้นสุด (生杀大权)
โดยมี 6 ปฏิกิริยาย่อย
คือ 1.เข ้มแข็ง 2.อ่อนแอ 3.ร่วมกัน
4.หยุดพัก 5.กักเก็บ 6.สูญสลาย
(旺,衰,相,休,囚,死 )
春ฤดูใบไม ้ผลิ ( เริ่มจากสารท ลี่
ชุน 立春 )
• ธาตุไม ้มีพลังสูงสุดและเป็นฤดูแห่งธาตุไม ้
ธาตุดินมีพลังต่าสุด เพราะถูกพิฆาตโดยธาตุไม ้
夏ฤดูร ้อน (เริ่มจากสารท ลี่เซี่ย 立
夏)
• ธาตุไฟมีพลังสูงสุดและเป็นฤดูแห่งธาตุไฟ
ธาตุทองมีพลังต่าสุด เพราะถูกพิฆาตโดยธาตุไฟ
秋ฤดูใบไม ้ร่วง (เริ่มจากสารท ลี่ชิว
立秋)
• ธาตุทองมีพลังสูงสุดและเป็นฤดูแห่งธาตุทอง
ธาตุไม ้มีพลังต่าสุด เพราะถูกพิฆาตโดยธาตุทอง
冬ฤดูหนาว (เริ่มจากสารท ลี่ตง立
冬)
• ธาตุน้ามีพลังสูงสุดและเป็นฤดูแห่งธาตุน้า
ธาตุไฟมีพลังต่าสุด เพราะถูกพิฆาตโดยธาตุน้า
• https://www.astroneemo.net/index.php/2016-08-07-05-21-50/2016-09-26-02-33-02/73-2010-01-16-14-52-47/1609-5-4-5-5.html
อักษรภาพจีน
• อักษรจีนเป็นอักษรที่มีความแปลกที่สุดในโลก
เพราะอักษรจีนจะเป็นอักษรภาพ
เป็นตัวอักษรที่เกิดจากการสังเกตรูปร่างลักษณะของ
ธรรมชาติ
แล ้วนารูปร่างนั้นมาเขียนเป็นตัวหนังสือ
• ดังนั้น อักษรจีนจึงมีลักษณะเป็นคา
หนึ่งคาตัวอักษรก็คือหนึ่งความหมาย
ไม่เหมือนอย่างภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษที่เป็น
แบบสะกด
หนึ่งคาจะต ้องเกิดจากการใช ้ตัวอักษรหลายตัว
รวมเข ้าไว ้ด ้วยกัน
ถึงแม ้เราจะไม่รู้ความหมายของคานั้น
แต่เราก็ยังสามารถอ่านออกเสียงจากการสะกดได ้
• แต่ภาษาจีนจะไม่เป็นเช่นนั้น
เนื่องจากเป็นอักษรภาพ
ต่อให ้เราได ้เห็นตัวหนังสือก็ยังไม่สามารถอ่านออก
เสียงได ้
• ดังนั้นในระบบภาษาของภาษาจีน
จึงต ้องมีวิธีการอ่านออกเสียงกากับอีกระบบหนึ่ง
และระบบการอ่านออกเสียงที่มีการใช ้กันอย่าง
แพร่หลายในปัจจุบัน
จะมีอยู่สองระบบ
• ระบบแรกคือ “ระบบจู้อิน (注音)”
ซึ่งเป็นระบบที่มีการใช ้กันอย่างแพร่หลายที่ไต ้หวัน
อีกระบบหนึ่งคือ “ระบบพินอิน (拼音)”
เป็นระบบที่มีการใช ้กันอย่างแพร่หลายที่ประเทศจีน
ระบบพินอิน
• เป็นระบบการออกเสียงที่ประยุกต์จากระบบการออก
เสียงของภาษาอังกฤษ ดังนั้นจึงทาให ้ผู้เรียน
สามารถเรียนรู้ระบบการออกเสียงได ้ในเวลา
อันรวดเร็ว ขอยกตัวอย่างการออกเสียงคาว่า อินห
ยาง คือ “อิน” ภาษาจีนคือ “陰”
การเขียนออกเสียงโดยระบบพินอินคือ “Yin” อ่านว่า
“อิน”
ส่วนหยางนั้น ภาษาจีนคือ “陽”
การออกเสียงโดยระบบพินอินคือ “Yang” อ่านว่า
“หยาง”
• ดังนั้น อินหยาง
หรือที่ภาษาจีนเขียนว่า “陰陽” นั้น
ในทางระบบพินอิน
จะกากับการออกเสียงว่า “Yin Yang”
เมื่อคนจีนเห็นพินอิน ว่า “Yin Yang”
ก็จะสามารถอ่านออกเสียงได ้ในทันทีว่า “อินหยาง”
• แต่คาดว่าคนไทยที่ไม่เข ้าใจระบบการออกเสียงพิน
อินนี้
เมื่อเห็นคาว่า Yin Yang
ก็จะออกเสียงตามวิธีการออกเสียงของเราว่า หยิน
หยาง
ซึ่งเป็นการออกเสียงที่ผิด
และทาให ้เราใช ้ผิดตราบจนทุกวันนี้
ปรัชญาอินหยาง
• เป็นปรัชญาที่เกิดขึ้นจากการสังเกตธรรมชาติของ
เหล่านักปราชญ์
ด ้วยเพราะนักปราชญ์แต่โบราณครั้นได ้เห็นความ
หลากหลายของธรรมชาติแล ้ว ก็มีความพยายามที่จะ
ค ้นหาต ้นกาเนิดของธรรมชาติที่มีความหลากหลาย
เหล่านี้ ครั้นเมื่อสังเกตดูความหลากหลายของ
ธรรมชาติแล ้วก็พบว่า
ทุกสิ่งทุกอย่างล ้วนมีความเป็นลักษณะสองขั้วทั้งสิ้น
ยกตัวอย่างเช่น ชาย-หญิง ร ้อน-หนาว สุริยัน-จันทรา
สูง-ต่า รวย-จน เป็นต ้น ในเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างบน
โลกล ้วนมีลักษณะเป็นสองขั้ว
ดังนั้นนักปราชญ์แต่โบราณจึงได ้กาหนดนามให ้กับ
ปรากฏการณ์นี้ว่า อินหยาง
• ดังนั้นคาอธิบายปรากฏการณ์ธรรมชาติทั้งหมดของ
จีน
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของโหราศาสตร์
ที่ดูเรื่องต ้นไม ้ภูเขา ลาธาร ที่เรารู้จักกันในนามว่า
ฮวงจุ้ย
หรือปรัชญาดาราศาสตร์ที่ขงเบ ้งใช ้ในการดูดาวแล ้วรู้
ความเป็นไปของอดีตปัจจุบันและอนาคต หรือกระทั่ง
ปรัชญาทางการแพทย์ที่ศึกษาระบบการทางานของ
ร่างกายมนุษย์ หรืออีกหลาย ๆ แขนงปรัชญา
ก็ ล ้วนหนีไม่พ ้นปรัชญาอินหยางนี้ทั้งสิ้น
ด ้วยเพราะจักรวาลทั้งหมดล ้วนถูก
ขับเคลื่อนด ้วยระบบของอินหยาง
นั่นเอง
• ปรัชญาอินหยาง สามารถอธิบายให ้จบได ้ด ้วยรูปภาพ
2.2
ในรูปนั้นมีลักษณะวงกลม วงกลมเป็นตัวแทนของ
เต๋า
ซึ่งหมายถึงสภาวะที่อยู่เหนืออินและหยาง คือไม่มี
การผันแปรเกิดดับ
และภายในเต๋าหรือวงกลมนั้นจะเห็นรูปที่มีลักษณะ
คล ้ายปลาสองตัว
โดยสีขาวเป็นตัวแทนของหยาง สีดาเป็นตัวแทนของ
อิน
ส่วนที่มีพื้นที่สีขาวมากสุด หมายถึงมีความเป็ นห
ยางมากที่สุด
• เมื่อเข ้าใจความหมายของภาพดังนี้แล ้วก็จะรู้ได ้ว่า
เมื่อหยางมากสุด อินย่อมต้องน้อยที่สุด
เมื่ออินน้อยสุด หยางย่อมต้องมากที่สุด
และในระหว่างที่หยางค่อย ๆ ลดน้อยถอยลงนั้น
อินก็จะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นเป็ นเงาตามตัว
ตราบกระทั่งหยางเหลือน้อยที่สุดนั้น
ก็เป็ นเวลาที่อินมีพลานุภาพมากที่สุดนั่นเอง
นอกจากนี้ ในพื้นที่สีขาวยังมีจุด
เล็ก ๆ ที่เป็นสีดา
ส่วนในพื้นที่สีดาก็ยังมีจุดเล็ก ๆ ที่
เป็นสีขาว
• ตรงนี้หมายความว่า ในหยาง มีอินดารงอยู่
ขณะเดียวกัน ในอิน ก็ย่อมมีหยางดารงอยู่
สองสิ่งไม่สามารถแยกขาดออกจากกัน
ไม่สามารถดารงอยู่อย่างโดดเดี่ยวในธรรมชาติ
เพราะสองสิ่งคือสิ่งที่เกื้อหนุน
ให้เกิดการขับเคลื่อนเป็ นพลวัตไม่รู ้จักจบสิ้นนั่นเอง
• https://www.astroneemo.net/index.php/2016-08-07-05-21-50/2016-09-26-02-33-02/73-2010-01-16-14-52-47/1609-5-4-5-5.html
ทฤษฏีปัญจธาตุ
• ยิน-หยาง
จะควบคุมและเป็นส่วนประกอบ ของสรรพสิ่งใน
จักรวาล
สรรพสิ่งยังประกอบด ้วยธาตุทั้งห ้า คือ ไม ้ไฟ ดิน
ทอง และน้า
มนุษย์เราเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาล
จึงมีลักษณะของธาตุทั้งห ้าอยู่ในร่างกาย
อย่างมีกฏเกณฑ์แน่นอน
• https://bit.ly/3ba5wi4
• ธาตุไม ้(木) มีลักษณะพิเศษ คือ เกิดใหม่ได ้
เจริญเติบโตได ้ และอ่อนนุ่ม
ได ้แก่ ตับ ถุงน้าดี
ธาตุไฟ(火) มีลักษณะพิเศษ คือ ร ้อน ได ้แก่ หัวใจ
ลาไส ้เล็ก
ธาตุดิน(土) มีลักษณะพิเศษ คือ ให ้กาเนิดแก่สรรพสิ่ง
ได ้แก่ ม ้าม กระเพาะอาหาร
ธาตุโลหะ(金) มีลักษณะพิเศษ คือ สะอาด บริสุทธ์
แข็ง
และมีความสามารถในการดูดซับ ได ้แก่ ปอด ลาไส ้
ใหญ่
ธาตุน้า(水) มีลักษณะพิเศษ คือ ทาให ้เกิดความชื้น
ชื้น ไหลลงสู่ที่ต่า
• นอกจากธาตุทั้งห ้าจะมีอยู่ในอวัยวะของร่างกายแล ้ว
ยังมีอยู่ในทวาร ต่างๆ เนื้อเยื่อ เสียง อารมณ์ สี กลิ่น
รส
และสิ่งแวดล ้อม ได ้แก่ ฤดูกาล อากาศและทิศทาง
เป็นต ้น
• ธาตุทั้งห ้าจะมีความสัมพันธ์ต่อกันใน 2 ลักษณะ
คือ การสร ้าง (生) และการข่ม (克)
• การสร ้าง (生) หมาย ถึงการหนุนเนื่องให ้มีการเกิด
และการพัฒนา
ธาตุที่เป็นตัวสร ้าง ถือเป็น ธาตุ “แม่ (母)”
ส่วนธาตุที่ถูกสร ้าง ถือว่าเป็นธาตุ “ลูก(子)”
ลักษณะการผันแปร
https://medium.com/@QiMenAlchemy/tian-ren-di-aba89d25e551
• ตัวอย่างเช่น น้า สร ้างไม ้น้าจึงเป็นแม่ของไม ้และไม ้
เป็นลูกของน้า
ไม ้สร ้างไฟ ไม ้จึงเป็นแม่ของไฟและไฟเป็นลูกของ
ไม ้ ดังนี้
ไม ้สร ้าง ไฟ 木生火—— ( ตับ เป็นที่เก็บสะสมเลือด
ส่งไปเลี้ยงที่ หัวใจ )
ไฟ สร ้าง ดิน 火生土—— ( หัวใจ ช่วยสูบฉีดเลือดไป
เลี้ยงที่ ม ้าม )
ดิน สร ้าง ทอง 土生金—— ( ม ้าม ทาหน้าที่สร ้าง
เลือดและลมปราณไปหล่อเลี้ยง ปอด )
ทอง สร ้าง น้า 金生水—— ( ปอด มีลมปราณจาก
ปอดกระจายลงไปช่วยการทางานของ ไต )
น้า สร ้าง ไม ้水生木—— ( ไต มีสารจาเป็นที่สะสมอยู่
การข่ม (克) หมายถึงการคุม หรือ
กดกันไว ้
ซึ่งมีลักษณะดังนี้
• ไม ้ข่ม ดิน 木克土—— ( ลมปราณ ตับ มักแผ่ซ่าน
สามารถกระจายลมปราณ ม ้าม ที่ติดขัดได ้)
ดิน ข่ม น้า 土克水—— ( ม ้าม ดูดซึมอาหารและน้า
ป้องกันน้าของ ไต ไม่ให ้สะสมมากเกินไป)
น้า ข่ม ไฟ 水克火—— ( น้าจาก ไต ขึ้นไปควบคุม
หัวใจ ไม่ให ้ร ้อนแรงเกินไป )
ไฟ ข่ม ทอง 火克金—— ( ไฟหยางของ หัวใจ
สามารถควบคุมไม่ให ้ลมปราณจาก ปอด กระจายลง
มากเกินไป )
ทอง ข่ม ไม ้金克木—— ( ลมปราณจาก ปอด
กระจายลง ป้องกันหยางของ ตับ ไม่ให ้เพิ่มมาก
เกินไป )
• การสร ้างและการข่ม
จะดาเนินควบคู่สัมพันธ์กันในลักษณะสมดุล
เพื่อทาให ้สิ่ง ทั้งหลายเกิดขึ้น เจริญเติบโต ทรงตัวอยู่
ได ้ และตายไป
หาก สมดุล ถูกทาลาย ความผิดปกติจะเกิดขึ้น
ทฤษฎี ปัญจธาตุนี้นามาประยุกต์
อธิบายในการจาแนกโรค
และใช ้เป็นแนวทางการรักษา
• เช่น โรคตับ (ธาตุไม ้) อาจถ่ายทอดไปยังหัวใจได ้
(ธาตุไฟ)
เพราะธาตุไม ้ สร ้างธาตุไฟ
หรือแม่ป่ วยแล ้วลูกป่ วยตาม
โดยอาจจะย ้อนกลับไปหาธาตุน้าได ้คือป่ วยเป็น โรค
ไตได ้อีก
เพราะธาตุน้าสร ้างธาตุไม ้
ดังนั้นการรักษาต ้องติดตามไปถึง อวัยวะที่เป็นแม่
และอวัยวะที่เป็นลูกของอวัยวะที่เป็นโรคด ้วยเสมอ
นอกจากการสร ้างและการข่มแล ้วยังมี
ปรากฏการณ์
อีก 2 ลักษณะคือ การข่มเกิน (乘) และการ
ข่มกลับ (侮)
• การข่มเกิน(乘)
หมายถึง การฉวยโอกาสที่ตนแข็งแกร่งขึ้น หรืออีก
ฝ่ ายอ่อนแอลง
ข่มอีกฝ่ ายมากเกินกว่าเคยข่มในภาวะปกติ
การข่มกลับ(侮)
• หมาย ถึง ปรากฏการณ์ที่ธาตุหนึ่งเคยเป็นฝ่ ายถูกข่ม
แต่กลับมีความแกร่งมากขึ้น มากจนสามารถข่มกลับ
ธาตุเดิมได ้
เช่น ปกติธาตุทองข่มธาตุไม ้และธาตุไม ้ข่มธาตุดิน
หากมีภาวะใดที่ธาตุไม้แกร่งขึ้นมาก
จะมีการข่มเกินต่อธาตุ ดิน และสามารถที่จะข่ม
กลับธาตุทองได้
การข่มเกินและข่มกลับมีกฏเกณฑ์แน่นอน
ธาตุที่สามารถข่มเกินธาตุอื่นได ้ต ้องแกร่งกว่า
ส่วนธาตุที่ถูกข่มกลับ ต ้องเป็นธาตุที่พร่อง
12ราศีล่าง (地支)
• ราศีล่าง เป็นการเปลี่ยนแปลง เคลื่อนไหวของดินฟ้า
อากาศ
เกิดจากการจดบันทึกสถิติ
จัดทาเป็นปฏิทินกาหนดวันสารท และฤดูกาลต่าง ๆ
เพื่อให ้คนจีนสมัยก่อนทาการเกษตร
24 สารทจีน
ลักษณะการผันแปร
https://medium.com/@QiMenAlchemy/tian-ren-di-aba89d25e551
ราศีล่างเป็นพลังงานภาคดิน (地支
ตี่ จี)
• เป็นส่วนประกอบของแผนภูมิสวรรค์ (六十甲子 หลัก
จับกะจื้อ)
ที่จับคู่พลังงานราศีฟ้า 天干 และราศีล่าง
เรียงกันไปตามลาดับจนครบ 60 คู่และวนกลับมาใหม่
เพื่อบอกวันเวลาในปฏิทินจีน
ภูมิสวรรค์ (60กะจื้อ)
• นอกจากนี้ปฏิทินจีนหลักจับกะจื้อ
ยังนามาเทียบ กับวัน เดือน ปีเกิด
ใช ้ทานายดวงชะตา
ในระบบโป๊ ยหยี่ซี่เถียว (八字四柱) หรือแปดตัวอักษร
สี่แถว
เพื่อหาความสัมพันธ์ปฏิกริยาระหว่างธาตุทั้งห ้า
และหาธาตุที่ให ้คุณหรือธาตุที่ให ้โทษในดวงชะตา
ตัวอย่าง ดวงจีน แปดตัวอักษร สี่
แถวและถนนชีวิต
การทานายดวงจีน
• ซึ่งในปีใดที่เป็นธาตุให ้คุณเข ้ามา (喜神 ฮี่ซิ้ง) ก็จะ
ทานายว่า เป็นปีที่ดวงดี
• ส่วนในปีที่เป็นธาตุให ้โทษ (忌神 กี๋ซิ้ง) เข ้ามาก็ถือว่า
เป็นปีที่ดวงไม่ดี
หญิงหงาย ชายคว่า
ราศีล่าง เป็ นฐานของดวงชะตา
• ที่บอกเรื่องราวเหตุการณ์ต่างๆ
อุปนิสัยใจคอที่ซ่อนอยู่ภายใน
พฤติกรรมที่แสดงออก บุคคลรอบตัว
ความยากดี มีจน เกียรติยศชื่อเสียง
โดยใช้ฐานเดือนเป็ นตัวตั้งต้น ในการพยากรณ์
ตัวอย่าง ดวงจีน แปดตัวอักษร สี่
แถว
ฐานเดือนคือนักษัตรขาล ธาตุไม ้ห
ยาง
ราศีล่างหลักปี 年柱
• จะใช ้แทนนักษัตร 十二生肖
เช่น ปีขาลแทนด ้วยไม ้寅
โดยยึดหลักพลังของ 28 ดวงดาวที่โคจรอยู่รอบโลก
มีการเปลี่ยนแปลงพลัง ที่แตกต่างกันในแต่ละปี
ตามปฏิทินจีนกะจื้อ (1 รอบมี 60 ปี)
ราศีล่างหลักปีคือนักษัตรกุน ธาตุ
น้าหยาง
การเปลี่ยนปีนักษัตรของจีน
โดยทั่วไป
• จะเริ่มในเดือน 1 正月 ราวต ้นเดือนกุมภาพันธ์
ในวันเปลี่ยนสาร์ทใหญ่ลิบชุง 立春
เริ่มเข ้าสู่ฤดูใบไม ้ผลิ จะนับอายุไปถึงเดือนมกราคม
十二月 ปีถัดไป
ตามระบบของ ซื้อจื้อเพ ้ง 徐子平 ที่ได ้ใช ้มาจนถึง
ปัจจุบัน
ราศีล่างเดือนเกิดเมื่อเทียบกับ
เดือนสากล
- เดือนขาล 寅(甲丙戊) ไม ้เอี้ยง(ฤดูใบไม ้ผลิ)
ราวต ้นเดือนวันที่ 3-5 กุมภาพันธ์ (เทียบกับปฏิทินจีน
แต่ละปี)
- เดือนเถาะ 卯(乙) ไม ้เบ ้า
ราวต ้นเดือนมีนาคม
- เดือนมะโรง 辰(戊乙癸) ดินซิ้ง
ราวต ้นเดือนเมษายน
- เดือนมะเส็ง 巳(丙庚戊) ไฟจี๋ (ฤดูร ้อน)
ราวต ้นเดือนพฤษภาคม
- เดือนมะเมีย 午(丁己) ไฟโง่ว
ราวต ้นเดือนมิถุนายน
- เดือนมะแม 未(己丁乙) ดินบี่
ราวต ้นเดือนกรกฏาคม
- เดือนวอก 申(庚壬戊) ทองซิม(ฤดูใบไม ้ร่วง)
ราวต ้นเดือนสิงหาคม
- เดือนระกา 酉(辛) ทองอิ้ว
ราวต ้นเดือนกันยายน
- เดือนจอ 戌(戊辛丁) ดินสุก
ราวต ้นเดือนตุลาคม
- เดือนกุน 亥(壬甲) น้าไห (ฤดูหนาว)
ราวต ้นเดือนพฤศจิกายน
- เดือนชวด 子(癸) น้าจื้อ
ราวต ้นเดือนธันวาคม
- เดือนฉลู 丑(己癸辛) ดินทิ่ว
ราวต ้นเดือนมกราคม
N
หลักยาม 时柱
ในหนึ่งวันจะแบ่งเป็น 12 ชั่วยาม
กลางวันพลังหยาง 6 ชั่วยาม และกลางคืน 6 ชั่วยาม
โดย 1 ยามจะเท่ากับ 2 ชั่วโมง
เริ่มจากยามจื้อ 子 ไปถึงยามไห 亥
ราศีล่างหลักยาม
เฉพาะยามชวดจะแบ่งเวลาเป็น 2 ส่วน
-- ยามชวด子จื้อ(夜子时 แหม่จื้อซี้) 23.00- 23.59น.
จะเปลี่ยนยามก่อน
แต่วันยังไม่เปลี่ยน ใช ้ตาราง แหม่จื้อซี้
ตัวอย่างผู้ที่เกิดวันที่ 13 มกราคม ค.ศ.1965
เวลา 23.15น.(夜子时)
ย ว ด ป
壬 丁 丁 甲
子 卯 丑 辰
--ยามชวด子(早子时 จ๋าจื้อซี้) 00.00-00.59น.
จะเปลี่ยนวันใหม่หลังจากเที่ยงคืน ใช ้ตารางจ๋าจื้อซี้
ตัวอย่างผู้ที่เกิดวันที่ 14มกราคม ค.ศ.1965
เวลา 00.15น.(早子时)
ย ว ด ป
壬 戊 丁 甲
子 辰 丑 辰
• ยามฉลู 丑 ดินทิ่ว 1.00-02.59น.
• ยามขาล 寅 ไม ้เอี้ยง 3.00-04.59น.
• ยามเถาะ 卯 ไม ้เบ ้า 5.00-06.59น.
• ยามมะโรง 辰 ดินซิ้ง 7.00-08.59น.
• ยามมะเส็ง 巳 ไฟจี๋ 9.00-10.59น.
• ยามมะเมีย 午 ไฟโง่ว 11.00-12.59น.
• ยามมะแม 未 ดินบี่ 13.00-14.59น.
• ยามวอก 申 ทองซิม 15.00-16.59น.
• ยามระกา 酉 ทองอิ้ว 17.00-18.59น.
• ยามจอ 戌 ดินสุก 19.00-20.59น.
• ยามกุน 亥 น้าไห 21.00-22.59น.
• https://www.facebook.com/Wattanaheng59/posts/2224852897764296/?_rdr

More Related Content

Similar to พื้นฐานชีวิต 3.pptx

พื้นฐานชีวิต 22.pptx
พื้นฐานชีวิต 22.pptxพื้นฐานชีวิต 22.pptx
พื้นฐานชีวิต 22.pptx
SunnyStrong
 
พื้นฐานชีวิต 39.pptx
พื้นฐานชีวิต 39.pptxพื้นฐานชีวิต 39.pptx
พื้นฐานชีวิต 39.pptx
SunnyStrong
 
ปฏิทินยุคโบราณ
ปฏิทินยุคโบราณปฏิทินยุคโบราณ
ปฏิทินยุคโบราณ
Urassaya Thanarujeewong
 

Similar to พื้นฐานชีวิต 3.pptx (13)

พื้นฐานชีวิต 22.pptx
พื้นฐานชีวิต 22.pptxพื้นฐานชีวิต 22.pptx
พื้นฐานชีวิต 22.pptx
 
สังสารวัฏ การเวียนว่ายตายเกิด
สังสารวัฏ การเวียนว่ายตายเกิดสังสารวัฏ การเวียนว่ายตายเกิด
สังสารวัฏ การเวียนว่ายตายเกิด
 
รวมปฏิสัมพันธ์.pptx
รวมปฏิสัมพันธ์.pptxรวมปฏิสัมพันธ์.pptx
รวมปฏิสัมพันธ์.pptx
 
ม611(แก้)
ม611(แก้)ม611(แก้)
ม611(แก้)
 
พื้นฐานชีวิต 39.pptx
พื้นฐานชีวิต 39.pptxพื้นฐานชีวิต 39.pptx
พื้นฐานชีวิต 39.pptx
 
Astro1 pdf
Astro1 pdfAstro1 pdf
Astro1 pdf
 
พื้นฐานชีวิต 2.pptx
พื้นฐานชีวิต 2.pptxพื้นฐานชีวิต 2.pptx
พื้นฐานชีวิต 2.pptx
 
ม611(แก้)
ม611(แก้)ม611(แก้)
ม611(แก้)
 
ม611(แก้)
ม611(แก้)ม611(แก้)
ม611(แก้)
 
พื้นฐานชีวิต 13.pptx
พื้นฐานชีวิต 13.pptxพื้นฐานชีวิต 13.pptx
พื้นฐานชีวิต 13.pptx
 
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
 
ปฏิทินยุคโบราณ
ปฏิทินยุคโบราณปฏิทินยุคโบราณ
ปฏิทินยุคโบราณ
 
ความหมายของดวงดาว.1
ความหมายของดวงดาว.1ความหมายของดวงดาว.1
ความหมายของดวงดาว.1
 

More from SunnyStrong

How to Write a Novel Writing a Book in 4 Steps.docx
How to Write a Novel Writing a Book in 4 Steps.docxHow to Write a Novel Writing a Book in 4 Steps.docx
How to Write a Novel Writing a Book in 4 Steps.docx
SunnyStrong
 
characterdevelopmentquestions.docx
characterdevelopmentquestions.docxcharacterdevelopmentquestions.docx
characterdevelopmentquestions.docx
SunnyStrong
 
ฟาร์มสุข 1.docx
ฟาร์มสุข 1.docxฟาร์มสุข 1.docx
ฟาร์มสุข 1.docx
SunnyStrong
 
ฟาร์มสุข 2.docx
ฟาร์มสุข 2.docxฟาร์มสุข 2.docx
ฟาร์มสุข 2.docx
SunnyStrong
 
ไหว้ฟ้ากราบดิน1.docx
ไหว้ฟ้ากราบดิน1.docxไหว้ฟ้ากราบดิน1.docx
ไหว้ฟ้ากราบดิน1.docx
SunnyStrong
 
พื้นฐานชีวิต 40.pptx
พื้นฐานชีวิต 40.pptxพื้นฐานชีวิต 40.pptx
พื้นฐานชีวิต 40.pptx
SunnyStrong
 

More from SunnyStrong (20)

คุณเป็นใคร 2.docx
คุณเป็นใคร 2.docxคุณเป็นใคร 2.docx
คุณเป็นใคร 2.docx
 
คุณเป็นใคร 3.docx
คุณเป็นใคร 3.docxคุณเป็นใคร 3.docx
คุณเป็นใคร 3.docx
 
คุณเป็นใคร 1.docx
คุณเป็นใคร 1.docxคุณเป็นใคร 1.docx
คุณเป็นใคร 1.docx
 
Austria.docx
Austria.docxAustria.docx
Austria.docx
 
5 Signs of a Strong Novel Plot.docx
5 Signs of a Strong Novel Plot.docx5 Signs of a Strong Novel Plot.docx
5 Signs of a Strong Novel Plot.docx
 
7 Fear Archetypes.docx
7 Fear Archetypes.docx7 Fear Archetypes.docx
7 Fear Archetypes.docx
 
คุณเป็นใคร.docx
คุณเป็นใคร.docxคุณเป็นใคร.docx
คุณเป็นใคร.docx
 
The Hero’s Journey A 17 Step Story Structure Beat Sheet.docx
The Hero’s Journey A 17 Step Story Structure Beat Sheet.docxThe Hero’s Journey A 17 Step Story Structure Beat Sheet.docx
The Hero’s Journey A 17 Step Story Structure Beat Sheet.docx
 
12 Poems.docx
12 Poems.docx12 Poems.docx
12 Poems.docx
 
Mom's Telling Stories1.docx
Mom's Telling Stories1.docxMom's Telling Stories1.docx
Mom's Telling Stories1.docx
 
12 Poems.docx
12 Poems.docx12 Poems.docx
12 Poems.docx
 
100 words for people.docx
100 words for people.docx100 words for people.docx
100 words for people.docx
 
How to Write a Novel Writing a Book in 4 Steps.docx
How to Write a Novel Writing a Book in 4 Steps.docxHow to Write a Novel Writing a Book in 4 Steps.docx
How to Write a Novel Writing a Book in 4 Steps.docx
 
characterdevelopmentquestions.docx
characterdevelopmentquestions.docxcharacterdevelopmentquestions.docx
characterdevelopmentquestions.docx
 
characterdevelopmentquestions.docx
characterdevelopmentquestions.docxcharacterdevelopmentquestions.docx
characterdevelopmentquestions.docx
 
ฟาร์มสุข 1.docx
ฟาร์มสุข 1.docxฟาร์มสุข 1.docx
ฟาร์มสุข 1.docx
 
ฟาร์มสุข 2.docx
ฟาร์มสุข 2.docxฟาร์มสุข 2.docx
ฟาร์มสุข 2.docx
 
ไหว้ฟ้ากราบดิน1.docx
ไหว้ฟ้ากราบดิน1.docxไหว้ฟ้ากราบดิน1.docx
ไหว้ฟ้ากราบดิน1.docx
 
Mom's Telling Stories1.docx
Mom's Telling Stories1.docxMom's Telling Stories1.docx
Mom's Telling Stories1.docx
 
พื้นฐานชีวิต 40.pptx
พื้นฐานชีวิต 40.pptxพื้นฐานชีวิต 40.pptx
พื้นฐานชีวิต 40.pptx
 

พื้นฐานชีวิต 3.pptx