Zoonosis
- 2. Zoo - Animal
Nosos - ill
ZOONOSES หมายถึง
โรคติดต่อระหว่างคนและสัตว์ที่
มีกระดูกสันหลังอื่นๆ
ทั้งสัตว์เลี้ยงและสัตว์ป่า การ
ติดต่ออาจติดต่อจากสัตว์มายัง
คน หรือจากคนไปยังสัตว์ก็ได้
Zoonotic diseases (Zoonoses)
2
- 4. โรคติดตอกันไดอยางไร?
• Direct contact: ติดผ่านสารคัดหลั่ง เลือด ปัสสาวะ อุจจาระ
• Indirect contact: ติดต่อจากพื้นที่อาศัยของสัตว์ โดยได้รับเชื้อ
ผ่านสิ่งของ อุปกรณ์ นํ้า ดิน ที่มีเชื้อ เช่น นํ้าปนเปื้อน อุจจาระสัตว์
พืช ดิน เป็นต้น
• Vector-borne: ติดต่อผ่านแมลง เช่น ยุง เห็บ หมัด ไร
• Foodborne: ติดต่อโดยการทานอาหารที่ติดเชื้อ เช่น ดื่มนํ้า-นม ไข่
ดิบ เนื้อดิบ ผักดิบ เป็นต้น
4
- 6. ชนิดของเชื้อที่ทําให้เกิดโรคติดต่อระหว่างสัตว์และคน
• Anthrax, Brucellosis, Leptospirosis, Plague, Melliodiosis, Clostridial food
poisoning, Vibrio parahaemolyticus, Salmonellosis, Shigellosis, E.coli
infection, Staphylococcus food poisoning, Tuberculosis เป็นต้น
เชื้อแบคทีเรีย
• Swine flu, Avian Influenza, Rabies, Japanese encephalitis, Ebola
disease, Yellow fever เป็นต้นเชื้อไวรัส
• Aspergillosis, Cryptococcosis, Histoplasmosis, Candidiasisเชื้อรา
• Trichinosis, Filariasis, Angiostrongyliasis, Gnathostomiasis,
Opisthorchiasis, Fasciolopsiasis, Schistosomiasis, Paragonimiasis,
Cysticercosis, Toxoplasmosis, Anisakiasis, Capillariasis เป็นต้น
ปรสิต
6
- 7. List of diseases
• Anthrax
• Avian and other zoonotic
influenza
• Botulism
• Brucellosis
• Campylobacter
• Chagas disease
• Chikungunya
• Dengue
• E. coli
• Echinococcosis
• Encephalitis
• Foodborne trematode
infections
https://www.who.int/zoonoses/diseases/en/
Haemorrhagic fevers
Haemorrhagic fevers, Viral
•Crimean-Congo haemorrhagic fever
(CCHF)
•Dengue/dengue haemorrhagic fever
•Ebola virus disease
•Lassa fever
•Marburg virus disease
•Rift Valley fever
•Japanese encephalitis
•Leishmaniasis
•Leptospiroris
•MERS-CoV
•Plague
•Rabies
•Salmonella (non typhoidal)
•SARS
•Spongiform encephalopathies
•Steptococcus suis
•Taeniasis/cysticercosis
•Variant Creutzfeldt-Jakob
disease
•Zika virus
•Zoonotic Tuberculosis
7
- 13. อาการและอาการแสดงในคน
แบ่งออกเป็น 3 ระยะ
1. ระยะเริ่มต้น ผู้ป่วยจะมีอาการที่ไม่เฉพาะเจาะจง เช่น ไข้ เจ็บคอ ปวด
ศีรษะ เบื่ออาหาร ปวดเมื่อยตามตัว หนาวสั่น คลื่นไส้อาเจียน กระวน
กระวายนอนไม่หลับ ระยะนี้มีเวลาประมาณ 2-10 วัน
2. ระยะที่มีอาการทางสมอง ผู้ป่ วยจะมีอาการสับสน วุ่นวาย
กระสับกระส่าย อยู่ไม่นิ่ง กลืนลําบาก รวมถึงกลัวนํ้า อาการจะมากขึ้นหาก
มีเสียงดัง หรือถูกสัมผัสเนื้อตัว จากนั้นผู้ป่วยอาจมีอาการชักและเป็น
อัมพาต ระยะนี้มีอาการประมาณ 2-7 วัน
3. ระยะท้าย ผู้ป่วยอาจมีภาวะหายใจล้มเหลว หัวใจหยุดเต้น โคม่า และ
เสียชีวิตในเวลาอันสั้น
13
- 14. อาการทางคลินิก
1. อาการแบบคลุ้มคลั่ง (Furious หรือ Encephalitic rabies): โดยเฉลี่ยเสียชีวิต
ใน 5 วัน ต้องมีอาการครบทั้ง 3 ประการ ดังนี้
1.1) Fluctuation of conscious - มีอาการสับเปลี่ยนระหว่างการรู้ตัวปกติ
และกระวนกระวายต่อแสง เสียง และมีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนคลุ้มคลั่ง
1.2) Phobic spasms - กลัวนํ้า กลัวลมในขณะที่รู้สึกตัว ถอนหายใจเป็นพักๆ
1.3) Autonomic stimulation - ขนลุกทั้งตัวหรือบางส่วน รูม่านตาไม่
ตอบสนองต่อแสง นํ้าลายมากผิดปกติ คัน ปวดแสบร้อนในซีกที่ถูกกัด
2. อาการแบบอัมพาต (Dumb หรือ Paralytic rabies): โดยเฉลี่ยเสียชีวิตใน 11 วัน
มีไข้ กล้ามเนื้อและกล้ามเนื้อใบหน้าอ่อนแรง เริ่มจากขาไปยังแขนและลามไปทั่วตัว
14
- 15. ระดับการสัมผัสโรค
แบ่งออกเป็น 3 ระดับ
1
• สัมผัสสัตว์โดยผิวหนังปกติ ไม่มีบาดแผล
2
• สัตว์กัด หรือข่วน เป็นรอยชํ้า เป็นแผลถลอก
สัตว์เลียบาดแผล บริโภคผลิตภัณฑ์จากสัตว์ที่
สงสัยว่าเป็นโรคพิษสุนัขบ้าโดยไม่ทําให้สุก
3
• สัตว์กัด หรือข่วนทะลุผ่านผิวหนัง มีเลือดออก
ชัดเจน นํ้าลายสัตว์ถูกเยื่อบุ หรือบาดแผลเปิด
รวมทั้งค้างคาวกัด หรือข่วน
15
- 16. การวินิจฉัยโรคพิษสุนัขบา
เกณฑ์วินิจฉัย ความหมาย
1. ผู้ป่วยสงสัย
(suspected)
หมายถึง ผู้ป่วยที่มีอาการเข้าได้กับคํานิยามของผู้ป่วยด้วยโรคพิษสุนัขบ้า (อาจ
มีอาการไม่ครบ 3 ประการสําหรับวินิจฉัย furious rabies) และไม่ทราบประวัติ
การสัมผัสกับสัตว์ที่สงสัยว่าเป็นโรคพิษสุนัขบ้า
2. ผู้ป่วยน่าจะ
เป็น (probable)
หมายถึง ผู้ป่วยที่มีอาการของ furious rabies ครบถ้วนทั้ง 3 ประการ หรือ
paralytic rabies ตามอาการทางคลินิก
ซึ่งไม่มีผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ แต่มีประวัติสัมผัสกับสัตว์ที่สงสัยว่าเป็น
โรคพิษสุนัขบ้า
3. ผู้ป่วยยืนยัน
(confirmed)
หมายถึง ผู้ป่วยที่ได้รับการตรวจวินิจฉัยยืนยันทางห้องปฏิบัติการที่เชื่อถือได้
(ทั้งก่อนหรือหลังเสียชีวิต)
16
- 20. การฉีดวัคซีนกอนถูกกัด
ประชาชนทั่วไป
• ฉีดเข้ากล้ามเนื้อต้นแขน 1 เข็ม ในวันที่ 0 และ 7
• ฉีดเข้าในหนังบริเวณต้นแขน 0.1 มิลลิลิตร/จุด จํานวน 2 จุด ในวันที่ 0 และ
7 หรือ 21
ผู้ที่มีปัจจัยสูงในการสัมผัสโรคตลอดเวลาหรือผู้ที่มีภูมิคุ้มกัน
บกพร่อง
• ฉีดเข้ากล้ามเนื้อต้นแขน 1 เข็ม ในวันที่ 0, 7, 21 หรือ 28
• ฉีดเข้าในหนังบริเวณต้นแขน 0.1 มิลลิลิตร/จุด จํานวน 1 จุด ในวันที่ 0, 7,
21 หรือ 28
20
- 21. การฉีดวัคซีนหลังถูกกัด
วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ที่ฉีดได้หลังติดเชื้อ มี 2 สูตร ได้แก่
•สูตรฉีดเข้ากล้าม ฉีดวัคซีน 0.1 มิลลิลิตร หรือ 0.5
มิลลิลิตร ขึ้นกับชนิดของวัคซีนใน 1 หลอดเมื่อละลายแล้ว ฉีดเข้า
กล้ามเนื้อต้นแขน ในวันที่ 0, 3, 7, 14 และ 28
•สูตรการฉีดเข้าในหนัง ฉีดวัคซีนเข้าในหนังบริเวณต้นแขน 2 ข้าง
ข้างละ 1 จุด รวม 2 จุด ปริมาณจุดละ 0.1 มิลลิลิตร ในวันที่ 0, 3, 7
และ 28
21
- 27. อาการและอาการแสดง
ระยะที่ 1 Leptospiremic phase
•ไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
โดยเฉพาะกล้ามเนื้อหลัง น่อง และต้น
คอ คลื่นไส้ อาเจียน ดีซ่าน (ตาเหลือง
ตัวเหลือง)
•คอแข็ง ความดันตํ่า ผื่นแดง ต่อม
นํ้าเหลืองโต ตับ ม้านโต
ระยะที่ 2 Immune phase
เป็นระยะที่ผู้ป่วยเริ่มสร้าง anti-body โดยพบหลังจากเริ่มมีอาการ 1 สัปดาห์
ปวดศีษระ ไข้ตํ่าๆ คลื่นไส้อาเจียน อาจพบเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ม่านตาอักเสบ
การทํางานของตับและไตผิดปกติ
27
- 36. อาการและอาการแสดงในคน
1. อาการทางผิวหนัง
เกิดแผลรอยนูนแดง > ตุ่มใส > หนอง > แตกออกกลายเป็น
แผลปกคลุมด้วยเนื้อตายสีดํา ขอบแผลจะนูนเป็นวงโดยรอบ
มักเป็นที่มือแขน ขา และลําคอ หรือใบหน้า
2. อาการทางระบบทางเดินอาหาร
เกิดแผลหลุมในทางเดินอาหาร เลือดออก เยื่อเมือกทางเดิน
อาหารลอกหลุด มีไข้ ท้องเสียถ่ายเหลวปนเลือดเก่าอาเจียน
ปวดท้องมาก ท้องอืด และมีท้องมาน สุดท้ายจะช็อคแล้ว
เสียชีวิต
3. อาการทางระบบทางเดินหายใจ
คล้ายเป็นหวัด มีไข้ ตัวสั่น ไอ เจ็บหน้าอก หายใจลําบาก
มักเสียชีวิตภายใน 1-2 วัน
36
- 38. การปองกัน
1. ฉีดวัคซีนให้แก่ วัว ควาย แพะ แกะ และช้าง ที่อายุตั้งแต่ 14
สัปดาห์ขึ้นไป
2. กักแยกสัตว์ที่เคลื่อนย้ายเข้ามาเลี้ยงก่อนนําไปเลี้ยงร่วมฝูง
3. บุคคลกลุ่มเสี่ยงสูงที่ควรฉีดวัคซีนป้องกันโรค ได้แก่ ผู้ที่ต้อง
สัมผัสกับวัตถุดิบจากสัตว์ สัตวแพทย์ นักท่องเที่ยว ผู้ทํางานใน
ฟาร์มปศุสัตว์ และเจ้าหน้าที่ตรวจเชื้อในห้องปฏิบัติการ
4. ระมัดระวังการสัมผัสผิวหนังสัตว์
5. ไม่รับประทานอาหารสุกๆ ดิบๆ
38