SlideShare a Scribd company logo
1 of 142
หมายถึงกระบวนการที่
ทำาให้อาหารแตกตัวเป็นโม
เลกุลเล็กๆจนสามารถดูด
กำรย่ อ ยอำหำร(Digestion) 




                                                           ลำ ำ ไส้ ต รง



  
หมำยถึ ง   กำรทำ ำ ให้ ส ำรอำหำรที ่ ม ี โ มเลกุ ล ขนำดใหญ่ ก ลำยเป็ น สำร
อำหำรที ่ ม ี
โมเลกุ ล เล็ ก ลงจนกระทั ่ ง แพร่ ผ ่ ำ นเยื ่ อ หุ ้ ม เซลล์ ไ ด้
อวั ย วะที ่ เ ป็ น ทำงเดิ น
                  อำหำร




   ช่ อ งปำก         คอหอย            หลอดอำหำร     กระเพำะอำหำร
ลำ ำ ไส้ เ ล็ ก        ลำ ำ ไส้ ใ หญ่     ทวำรหนั ก
การย่อยเชิงกลเป็นการ
1.

เปลียนแปลงอาหารให้มีขนาด
    ่
อนุภาคเล็กลง เช่นการบดเคี้ยว
ของฟัน การบีบตัวของ
หลอดอาหาร
2 . กำรย่ อ ยเชิ ง เคมี   เป็ น กำร
เปลี ่ ย นแปลงอำหำรให้ ม ี ข นำด
อนุ ภ ำคเล็ ก ลง โดยอำศั ย เอนไซม์
หรื อ นำ ำ ำ ย่ อ ย
1. ย่อยอาหาร
2. ดูดซึมสารอาหารไปเลียงส่วน
                      ้
ต่างๆของร่างกายโดยซึมเข้าสู่
กระแสเลือดบริเวณผนังของ
ลำาไส้เล็ก
3. ขับถ่ายกากอาหารที่บริเวณ
แบ่งออกเป็น 2 ส่วน
          คือ
    1.อวัยวะที่เป็นทางเดิน
    อาหาร ได้แก่
     1.1 ปากและโพรงปาก (Mouth and
     Mouth Cavity)ประกอบด้วย ฟัน ลิ้น

     ต่อมนำ้าลาย
     1.2 คอหอย (Pharynx)
             1.3 หลอดอาหาร
Esophagus)
1.4   กระเพาะอาหาร (Stomach)
1.5   ลำาไส้เล็ก (Small Intestine)
1.6   ลำาไส้ใหญ่ (Large Intestine)
1.7   ลำาไส้ตรง (Rectum)
1.8   ทวารหนัก (Anus)
2. อวั ย วะที ่ ช ่ ว ยย่ อ ยอำหำรแต่
ไม่ ใ ช่
    ทำงเดิ น อำหำรได้ แ ก่
2.1 ต่ อ มนำ ำ ำ ลำย ( Salivary
Gland )
2.2 ตั บ ( Liver ) และถุ ง นำ ำ ำ ดี ( Gall
Bladder )
2.3 ตั บ อ่ อ น ( Pancreas )   
เมื ่ อ รั บ ประทำนอำหำร  อำหำรจะเคลื ่ อ นที ่ ผ ่ ำ นอวั ย วะที ่
        เกี ่ ย วข้ อ งกั บ ทำงเดิ น อำหำรเพื ่ อ เกิ ด กำรย่ อ ยตำมลำ ำ ดั บ
        ดั ง ต่ อ ไปนี ำ
                           1.ปำก (Mouth )




 รย่ อ ยเชิ ง กล โดยกำรบดเคี ำ ย วของฟั น   และมี ก ำรย่ อ ยทำงเคมี   โดยเอนไซม์ อ ะไ
ไทยำลี น   ซึ ่ ง ทำ ำ งำนได้ ด ี ใ นสภำพที ่ เ ป็ น เบสเล็ ก น้ อ ย
                                      
          แป้ ง                        อะไมเลสหรื อ ไทยำลี น
                                                                                    นำ ำ ำ ตำลมอลโทส(maltos
เริ ่ ม ต้ น จำกกำรเคี ำ ย วอำหำรโดยกำรทำ ำ งำนร่ ว มกั น
ของ ฟั น ลิ ำ น และแก้ ม ซึ ่ ง ถื อ เป็ น กำรย่ อ ยเชิ ง กล
ทำ ำ ให้ อ ำหำรกลำยเป็ น ชิ ำ น เล็ ก ๆ มี พ ื ำ น ที ่ ผ ิ ว สั ม ผั ส กั บ
เอนไซม์ ไ ด้ ม ำกขึ ำ น ในขณะเดี ย วกั น ต่ อ มนำ ำ ำ ลำยก็ จ ะ
หลั ่ ง นำ ำ ำ ลำยออกมำช่ ว ยคลุ ก เคล้ ำ ให้ อ ำหำรเป็ น ก้ อ น
ลื ่ น สะดวกต่ อ กำรกลื น เอนไซม์ ใ นนำ ำ ำ ลำย คื อ ไทยำ
ลิ น หรื อ อะไมเลสจะย่ อ ยแป้ ง ในระยะเวลำสั ำ น ๆ ใน
ขณะที ่ อ ยู ่ ใ นช่ อ งปำกให้ ก ลำยเป็ น เดกซ์ ท ริ น
(Dextrin) ซึ ่ ง เป็ น คำร์ โ บไฮเดรตที ่ ม ี โ มเลกุ ล เล็ ก กว่ ำ
Mouth. -- The mouth is separated from the nose by the hard and soft
palate, and communicates. It is bounded in front by the lips, and its
sides by the cheeks. The space between the lips and teeth is called
the vestibule. The mouth is lined by a mucous membrane, which is
covered by numerous glands, some being mucous and some
salivary. The mouth contains a double row of teeth, thirty-two in the
aggregate, performing the first process in digestion, the mastication
of food.
Between the anterior and posterior
arches of each side is the tonsil gland.
The tonsils are about the size of an
almond, and consist of a collection of
large mucous follicles.
Salivary Glands. -- The salivary glands
are of light pink color, and their
secretion is of great service in
mastication and digestion. There are
three in number -- the parotid,
submaxillary, and sublingual. The
parotid is the largest; it lies on the side
of the face in front of the ear, and
beneath the skin. The submaxillary lies
in a depression on the internal face of
the lower jaw-bone. The sublingual is
the smallest of the three; it is situated
under the tongue.
Pharynx. -- The pharynx is a muscular
and membranous sac, communicating
with the mouth, nose, oesophagus,
larynx, and the tube (Eustachian)
leading to the ear. Its length is about
five inches, although this varies by
extension and contraction. Its uses are
for deglutition, respiration, and
modulation of the voice
Oesophagus. -- This is the canal that
conveys the food from the pharynx to
the stomach. Its length is about nine or
ten inches, and its diameter is not
uniform, gradually increasing (as it
descends). Its upper portion is the
narrowest part of the alimentary canal;
and hence foreign bodies which are too
large to pass through the alimentary
canal are generally arrested in the neck.
It never contains air. Deglutition is
performed by the contraction of the
longitudinal fibres of the oesophagus,
which shorten the passage, and by
contraction of its circular fibres
successively from above downward.
ในปำกยั ง มี น ำ ำ ลำยที ่ ผ ลิ ต จำกต่ อ มนำ ำ ำ ลำยประมำณวั น ละ 1-1.5
ลิ ต ร ในนำ ำ ำ ลำยมี เ อนไซม์ อ ะไมเลสสำมำรถย่ อ ยแป้ ง ให้ เ ป็ น นำ ำ ำ ตำล
ได้ แป้ ง ที ่ ถ ู ก ย่ อ ยส่ ว นใหญ่ จ ะอยู ่ ใ นรู ป ของนำ ำ ำ ตำลโมเลกุ ล คู ่ คื อ
นำ ำ ำ ตำลมอลโทส และเอนไซม์ ใ นนำ ำ ำ ลำยจะทำ ำ งำนได้ ด ี ร ะหว่ ำ งค่ ำ
Ph 6.4-7.2
เมื ่ อ เรำรั บ ประทำนอำหำรเข้ ำ ไปริ ม
ฝี ป ำกและ
ลิ ำ น จะทำ ำ หน้ ำ ที ่ ส ่ ง อำหำรให้ ฟ ั น บด
เคี ำ ย ว
ปำก  มี ก ำรย่ อ ยเชิ ง กลโดยกำรบดเคี ำ ย วของ
ฟั น และมี ก ำรย่ อ ยเชิ ง เคมี โ ดยเอนไซม์ ใ น
นำ ำ ำ ลำย ชื ่ อ อะไมเลส ย่ อ ยแป้ ง ให้ เ ป็ น นำ ำ ำ ตำ
ลมอลโตสซึ ่ ง ทำ ำ งำนได้ ด ี ในสภำพเป็ น เบส
เล็ ก น้ อ ย

                       นำ ำ ำ ลำย


ปำก ---- >  แป้อะไมเลส
               ง ------- > ( นำ ำ ำนำ ำ ำ ตำ คู ่ )
                                   ตำลโมเลกุ ล

ลมอลโตส
ทำ ำ หน้ ำ ที ่ ร ั บ รสชำติ อ ำหำรและคลุ ก เคล้ ำ
อำหำรกั บ นำ ำ ำ ลำยเพื ่ อ ให้ อ ำหำรอ่ อ นนุ ่ ม กลื น
สะดวก
นอกจำกนี ำ ใ นนำ ำ ำ ลำยยั ง มี น ำ ำ ย่ อ ยอะไมเลสช่ ว ยย่ อ ยอำหำร
จำ ำ พวกแป้ ง ให้ เ ป็ น นำ ำ ำ ตำลมอลโตสซึ ่ ง ยั ง ไม่ ส ำมำรถส่ ง ไป
เลี ำ ย งร่ ำ งกำยได้
Tongue. -- The tongue is an oblong, flattened, muscular body, which varies in
size and shape; it is the organ of taste, and also of importance in speech and
mastication. Its posterior extremity or root is attached to a bone, called the
hyoid, by yellow fibrous tissue. Its anterior extremity is called the tip; its
intervening portion its body. The mucous covering of the tongue is very thick
upon its upper surface, and very thin upon its under surface. Upon its upper
surface are a number of projections, of various sizes and shapes, called
papillae. The largest are eight or nine in number, called papillae maximae, and
are situated at the posterior portion of the tongue, in two convergent lines.
The smallest papillae are fine and pointed, and are found near the middle of
the tongue, and are termed filiform. The tongue assists in the process of
deglutition.
Palate. -- The palate separates the back portion of the nose from
the mouth, and is divided into two parts. The hard palate, of a
bony base, covered by mucous membrane, which is continuous
with that of the mouth; the soft palate is the membranous
separation between the back portion of the mouth and nose. From
the middle the uvula projects, about three quarters of an inch in
length; from each side of the uvula there are two divergent
creswcdentic folds of mucous membrane, which are called lateral
half-arches; the space between which constitutes the fauces.
(รสขม)




(รสเปรี ำ ย ว)




(รสหวำน)




  (รสเค็ ม )
ทำ ำ หน้ ำ ที ่ บ ดเคี ำ ย วอำหำรให้ ม ี ข นำด
เล็ ก ลง เป็ น กำรย่ อ ยเชิ ง กล
14.ต่ อ มนำ ำ ำ ลำย (Salivary gland

เป็ น ต่ อ มที ่ ส ร้ ำ งนำ ำ ำ ลำยอยู ่ ภ ำยใน
บริ เ วณนำ ำ ำ ย่ อ ยและคลุ ก เคล้ ำ อำหำร
พบได้ ท ี ่ บ ริ เ วณกกหู ผลิ ต นำ ำ ำ ลำย
ชนิ ด ใส
พบได้ ท ี ่ บ ริ เ วณใต้ ล ิ ำ น ผลิ ต นำ ำ ำ ลำย
ทั ำ ง ชนิ ด
เหนี ย ว และ ใสแต่ ช นิ ด เหนี ย วจะ
มำกกว่ ำ
ที ่ ค อหอยจะมี แ ผ่ น ปิ ด กั ำ น หลอดลมไม่ ใ ห้
อำหำรหลุ ด เข้ ำ ไปต่ อ จำกคอหอยเป็ น ท่ อ
กลวงขนำดสั ำ น มี ค วำมยำวประมำณ 25
ซ.ม. ส่ ว นปลำยของหลอดอำหำรเป็ น กล้ ำ ม
เนื ำ อ หู ร ู ด ซึ ่ ง สำมำรถบี บ ตั ว ให้
หลอดอำหำรปิ ด เพื ่ อ ป้ อ งกั น ไม่ ใ ห้ อ ำหำรที
อยู ่ ใ นกระเพำะอำหำรไหลย้ อ นกลั บ สู ่
หลอดอำหำรอี ก
คอหอย
                  ฝำปิ ด กล่ อ งเสี ย




กกล่ อ งเสี ย ง
ทำ ำ หน้ ำ ที ่ เ ป็ น ทำงผ่ ำ นของอำกำศจำก
จมู ก ไป
ยั ง กล่ อ งเสี ย ง (larynx) และเป็ น ทำง
ผ่ ำ น
ของอำหำรไปยั ง หลอดอำหำร
(esophagus)
รวมทั ำ ง เป็ น ตั ว ช่ ว ยทำ ำ ให้ เ กิ ด เสี ย งใน
ช่ ว งนี ำ
เป็ น ท่ อ กล้ ำ มเนื ำ อ บำงๆยำวประมำณ
5 นิ ำ ว เชื ่ อ มระหว่ ำ งช่ อ งจมู ก กั บ
หลอดอำหำร (esophagus) แบ่ ง ออก
ได้ เ ป็ น 3 ส่ ว นดั ง นี ำ :
1. คอหอยส่ ว นจมู ก ( Nasopharynx)
เป็ น ส่ ว นที ่ ต ่ อ เนื ่ อ งกั บ โพรงจมู ก มี ร ู เ ปิ ด
ของท่ อ Eustachian tube ซึ ่ ง มี ป ลำยด้ ำ น
หนึ ่ ง ต่ อ กั บ หู ช ั ำ น กลำง ด้ ำ นหลั ง ของ
nasopharynx เป็ น ที ่ อ ยู ่ ข อง pharyngeal
tonsil ( ต่ อ มทอนซิ ล หลั ง โพรงจมู ก )
2. คอหอยส่ ว นปำก (Oropharynx)
เป็ น ส่ ว นที ่ เ ปิ ด ติ ด ต่ อ กั บ ช่ อ งปำก จึ ง
เป็ น ทำงผ่ ำ นร่ ว มกั น ของอำหำรและ
อำกำศ ผนั ง ด้ ำ นข้ ำ งเป็ น ที ่ อ ยู ่ ข อง
palatine tonsils และบริ เ วณโคนลิ ำ น
เป็ น ที ่ อ ยู ่ ข อง lingual tonsils
-(ต่ อ มทอนซิ ล ที ่ โ คนลิ ำ น )
3. คอหอยส่ ว นกล่ อ งเสี ย ง
(Larynxgopharynx) เป็ น ส่ ว นล่ ำ งสุ ด
ด้ ำ นหน้ ำ เปิ ด ติ ด ต่ อ กั บ กล่ อ งเสี ย ง
(larynx) และมี ป ลำยล่ ำ งต่ อ อยู ่ ก ั บ
esophagus เป็ น ทำงผ่ ำ นร่ ว มของ
อำหำรและอำกำศ
หลั ง จำกที ่ อ ำหำรถู ก เคี ำ ย วและผสมกั บ
นำ ำ ำ ลำยจนอ่ อ นนิ ่ ม แล้ ว อำหำรก็ พ ร้ อ มที
                                              มท
จะถู ก กลื น โดยลิ ำ น จะดั น ก้ อ นอำหำร
( Bolus ) ไปทำงด้ ำ นหลั ง ให้ ล งสู ่ ช ่ อ ง
คอ ซึ ่ ง จะมี ผ ลให้ เ กิ ด รี เ ฟล็ ก ซ์
( Reflex ) ตำมลำ ำ ดั บ ดั ง นี ำ
1 . เพดำนอ่ อ น ( Solf Palate ) ถู ก ดั น
ยกขึ ำ น ไปปิ ด ช่ อ งจมู ก เพื ่ อ ไม่ ใ ห้
เกิ ด กำรสำ ำ ลั ก และไม่ ใ ห้ อ ำหำร
เข้ ำ ไปในช่ อ งจมู ก
2 . เส้ น เสี ย ง ( Vocal Cord ) ถู ก ดึ ง ให้ ม ำ
ชิ ด กั น และฝำปิ ด กล่ อ งเสี ย ง
( Epiglottis ) จะเคลื ่ อ นมำทำงข้ ำ งหลั ง
ปิ ด หลอดลมเอำไว้ ป ้ อ งกั น ไม่ ใ ห้
อำหำรตกเข้ ำ สู ่ ห ลอดลม
 3 . กล่ อ งเสี ย ง ( Larynx ) ถู ก
  ยกขึ ำ น ทำ ำ ให้ ร ู เ ปิ ด ช่ อ งคอมี
  ขนำดใหญ่ ข ึ ำ น
4. กล้ ำ มเนื ำ อ บริ เ วณคอหอยหดตั ว ให้
ก้ อ นอำหำร (Bolus) เคลื ่ อ นลงไปใน
หลอดอำหำรได้ โ ดยไม่ พ ลั ด ตกลงไป
ในหลอดลมหรื อ เคลื ่ อ นขึ ำ น ไปในช่ อ ง
จมู ก
มี ล ั ก ษณะเป็ น กล้ ำ มเนื ำ อ เรี ย บ มี ก ำรย่ อ ยเชิ ง กลโดย
กำรบี บ ตั ว ของกล้ ำ มเนื ำ อ ทำงเดิ น อำหำรเป็ น ช่ ว งๆ
เรี ย กว่ ำ “เพอริ ส ตั ล ซิ ส (peristalsis)” เพื ่ อ ให้ อ ำหำร
เคลื ่ อ นที ่ ล งสู ่ ก ระเพำะอำหำร
หลอดอำหำร ทำ ำ หน้ ำ ที ่ ห ดตั ว บี บ อำหำรลงสู ่
กระเพำะอำหำร เพรำะหลอดอำหำรมี ผ นั ง มี ก ล้ ำ ม
เนื ำ อ ที ่ ย ึ ด และหดตั ว ได้ บริ เ วณคอหอยมี ช ่ อ งเปิ ด
เข้ ำ สู ่ ห ลอดลมและหลอดอำหำร โดยส่ ว นบนของ
หลอดลมจะมี แ ผ่ น กระดู ก อ่ อ นปิ ด กั ำ น กั น อำหำรไม่
ให้ เ ข้ ำ สู ่ ห ลอดลม ไม่ ม ี ต ่ อ มสร้ ำ งนำ ำ ำ ย่ อ ยแต่ ม ี ต ่ อ ม
ขั บ นำ ำ ำ เมื อ กช่ ว ยให้ อ ำหำรใหลผ่ ำ นได้ ส ะดวก
หลอดอำหำรไม่ ม ี ห น้ ำ ที ่ ใ นกำรย่ อ ยอำหำรแต่
ทำ ำ หน้ ำ ที ่ เ ป็ น ทำงลำ ำ เลี ย งอำหำรไปสู ่
กระเพำะอำหำรเท่ ำ นั ำ น
stomach




    เป็ น อวั ย วะที ่ อ ยู ่ ต ่ อ จำกหลอดอำหำร ตั ำ ง อยู ่ บ ริ เ วณ
ใต้ ท รวงอก
   ส่ ว นบนของกระเพำะอำหำร จะเชื ่ อ มต่ อ กั บ
หลอดอำหำร และส่ ว นปลำยเชื ่ อ มต่ อ กั บ ลำ ำ ไส้ เ ล็ ก มี
ลั ก ษณะเป็ น กล้ ำ มเนื ำ อ หู ร ู ด เพื ่ อ ป้ อ งกั น ไม่ ใ ห้ อ ำหำรที ่
กระเพำะอำหำรของคนเรำขณะไม่ ม ี อ ำหำรอยู ่ ม ี ข นำด
ประมำณ50 ลู ก บำศก์ เ ซนติ เ มตร แต่ ส ำมำรถขยำยได้
อี ก 10- 40 เท่ ำ เมื ่ อ มี อ ำหำรอยู ่
กระเพำะอำหำรมี ก ำรย่ อ ยเชิ ง กลโดย
กำรบี บ ตั ว ของกล้ ำ มเนื ำ อ ทำงเดิ น
อำหำรและมี ก ำรย่ อ ยเชิ ง เคมี โ ดยเอน
ไซม์ เ ปปซิ น (Pepsin ) และเรนนิ น
เปปซิ น จะทำ ำ งำนได้ ด ี ใ นสภำพเป็ น กรด ซึ ่ ง กระเพำะ
จะสร้ ำ ง กรดไฮโดคลอริ ก ( HCl ) ขึ ำ น มำ และเปปซิ น
           เปปซิ น
จะย่ อ ยโปรตี น ให้ เ ป็ น เปปไตด์ ( Peptide )

กระเพำะ -------> โปรตี น   ------->  เปปไตด์
Stomach. -- The stomach is a conoidal sac, somewhat bent or curved, and
situated below the breast-bone or in the epigastric region. The left
extremity is much the larger, and terminates in a rounded sac; at the
upper portions of this extremity is the cardiac orifice where the
oesophagus is continued into the stomach, immediately below the
diaphragm. The right extremity is continuous with the intestines, and its
orifice is called the pyloric. The structure of the pylorus is much thicker
than that of any other portion. The stomach is held in its position by the
oesophagus and the duodenum, as well as by reflexions of the
peritoneum. The upper and lower curvatures of the stomach are called the
greater and lesser curvatures. Near the pyloric extremity of the stomach is
a small dilatation called the antrum pylori. The dimensions of the stomach
are variable, depending upon the mode of life. It has four coats; the
peritoneal, muscular, cellular and mucous.
In the stomach the food receives the
admixture of the gastric juice, which is
the solvent agent of digestion. The
fluids taken into the stomach are for the
most part absorbed from it; the solids,
with the exception of the insoluble
parts, are by the action of the gastric
juice reduced to a substance called
chyme, which in general is grayish,
semi-fluid, homogeneous, with a
slightly acid taste and smell. The chyme
is then poured into the duodenum
through the pyloric orifice for the
subsequent action of the intestines.
โปรตี น ถู ก ย่ อ ยที ่ ก ระเพำะโดย
*เอนไซม์ เปปซิ น ย่ อ ยพวกเนื ำ อ สั ต ว์
*เอนไซม์ เรนนิ น ย่ อ ยพวกนม
 หลั ง จำกสลำยโมเลกุ ล มั น จะได้ เปปไทด์ ทั ำ ง สอง
เปปไทด์ ถ ู ก ย่ อ ยอี ก ที ท ี ่ ล ำ ำ ไส้ เ ล็ ก เปปไทด์ ถู ก สลำย
โมเลกุ ล โดย อะมิ โ นเปปไทด์ ได้ เ ป็ น กรดอะมิ โ น
กำรย่ อ ยในกระเพำะอำหำร
ผนั ง กระเพำะอำหำรมี ก ล้ ำ มเนื ำ อ หนำแข็ ง แรงมำก
และยื ด หยุ ่ น ภำวะปกติ ม ี ข นำด 50 ลบ.ซม. เมื ่ อ มี
อำหำรจะขยำยควำมจุ ไ ด้ ถ ึ ง 1,000-1,200 ลบ.ซม.
กระเพำะอำหำรมี ก ล้ ำ มเนื ำ อ หู ร ู ด 2 แห่ ง คื อ หู ร ู ด
ส่ ว นต้ น ที ่ ต ่ อ กั บ หลอดอำหำร และกล้ ำ มเนื ำ อ หู ร ู ท ี ่
ต่ อ กั บ ลำ ำ ไส้ เ ล็ ก
กระเพำะอำหำรจะสร้ ำ งกรดเกลื อ (ไฮโดรคลอ
ริ ก )และเอนไซม์ ตำมปกติ อ ำหำรจะอยู ่ ใ นกระเพำะ
อำหำรประมำณ 30 นำที ถึ ง 3 ชั ่ ว โมง ขึ ำ น อยู ่ ก ั บ
ชนิ ด ของอำหำรเอนไซม์ ท ี ่
กระเพำะอำหำรสร้ ำ ง ได้ แ ก่ เพปซิ น ทำ ำ หน้ ำ ที ่ ย ่ อ ย
โปรตี น โมเลกุ ล ใหญ่ ใ ห้ เ ป็ น โมเลกุ ล เล็ ก ลง แต่ ย ั ง
ไม่ เ ล็ ก ที ่ ส ุ ด ที ่ จ ะสำมำรถแพร่ เ ข้ ำ สู ่ เ ซลล์ ไ ด้
กระเพำะอำหำร (Stomach) มี ค วำมจุ 3-5 ลิ ต ร ทำ ำ หน้ ำ ที ่ ย ่ อ ย
อำหำร
ในขั ำ น ต้ น ให้ เ ป็ น โมเลกุ ล เล็ ก ลง ผนั ง กระเพำะอำหำรแต่ ล ะส่ ว
มี ห น้ ำ ที ่
ในกำรผลิ ต นำ ำ ำ ย่ อ ย (Gastric juice) และของเหลวที ่ ม ี ค ุ ณ สมบ
แตกต่ ำ งกั น ทำ ำ ให้ ภ ำยในกระเพำะอำหำรมี ส ภำพเป็ น กรด
แต่ ล ะส่ ว นมี ล ั ก ษณะดั ง นี ำ
1. ส่ ว นต่ อ กั บ หลอดอำหำร (Esophageal region)
เป็ น เยื ่ อ บุ ช ั ำ น เดี ย ว ไม่ ม ี ก ำรผลิ ต นำ ำ ำ ย่ อ ย
2. ส่ ว นตอนกลำง (Cardiac gland region) เป็ น
ส่ ว นที ่ ม ี ข นำดใหญ่ ท ี ่ ส ุ ด คลุ ม พื ำ น ที ่ ส ่ ว นใหญ่
ตอนกลำงของกระเพำะอำหำร ทำ ำ หน้ ำ ที ่ ผ ลิ ต นำ ำ ำ
เมื อ ก (mucus)
3. ส่ ว นตอนล่ ำ ง (Fundic gland region) เป็ น ส่ ว น
ด้ ำ นล่ ำ ง ทำ ำ หน้ ำ ที ่ ผ ลิ ต ทั ำ ง นำ ำ ำ ย่ อ ยหลำยชนิ ด และ
กรดเกลื อ (Hcl)
4. ส่ ว นต่ อ กั บ ลำ ำ ไส้ เ ล็ ก (Pyloric gland region)
เป็ น ส่ ว นด้ ำ นล่ ำ งติ ด กั บ ลำ ำ ไส้ เ ล็ ก มี พ ื ำ น ที ่ เ พี ย งเล็ ก
น้ อ ย
ทำ ำ หน้ ำ ที ่ ผ ลิ ต นำ ำ ำ ย่ อ ยหลำยชนิ ด และ ฮอร์ โ มนกำส
ตริ น (Gastrin Hormone) ซึ ่ ง กระตุ ้ น กำร
เคลื ่ อ นไหว
กระเพำะอำหำรผลิ ต นำ ำ ำ ย่ อ ยเปปซิ น และเรน
นิ น ออกมำย่ อ ยอำหำรพวกโปรตี น เท่ ำ นั ำ น


 โดยกระเพำะอำหำรจะบี บ รั ด ตั ว ให้ อ ำหำร
 คลุ ก เคล้ ำ กั บ นำ ำ ำ ย่ อ ย โปรตี น ที ่ ย ่ อ ยแล้ ว ยั ง
 ไม่ ส ำมำรถส่ ง ไปเลี ำ ย งร่ ำ งกำยได้ อ ำหำรจึ ง
 เคลื ่ อ นตั ว สู ่ ล ำ ำ ไส้ เ ล็ ก
เอนไซม์ ( Enzyme)



 เป็ น สำรประกอบประเภทโปรตี น ที ่ ร ่ ำ งกำยสร้ ำ งขึ ำ น
เพื ่ อ ทำ ำ หน้ ำ ที ่ เ ร่ ง อั ต รำกำรเกิ ด ปฎิ ก ิ ร ิ ย ำเคมี ใ นร่ ำ งกำย
เอนไซม์ ท ี ่ ใ ช้ ใ นกำรย่ อ ยสำรอำหำรเรี ย กว่ ำ “ นำ ำ ำ ย่ อ ย
”
เอนไซม์ ม ี ส มบั ต ิ ท ี ่ ส ำ ำ คั ญ ดั ง นี ำ



*เป็ น สำรประเภทโปรตี น ที ่ ส ร้ ำ งขึ ำ น จำกเซลล์ ข องสิ ่ ง มี ช ี ว ิ ต
*ช่ ว ยเร่ ง ปฎิ ก ิ ร ิ ย ำในกำรย่ อ ยอำหำรให้ เ ร็ ว ขึ ำ น และเมื ่ อ เร่ ง ปฎิ
กิ ร ิ ย ำแล้ ว ยั ง คงมี ส ภำพเดิ ม สำมำรถใช้ เ ร่ ง ปฎิ ก ิ ร ิ ย ำโมเลกุ ล อื ่ น
ได้ อ ี ก
กำรทำ ำ งำนของเอนไซม์ จำ ำ แนก
ได้ ด ั ง นี ำ




*เอนไซม์ ใ นนำ ำ ำ ลำย     ทำ ำ งำนได้ ด ี ใ นสภำวะเป็ น เบส
เล็ ก น้ อ ยเป็ น กลำงหรื อ กรดเล็ ก น้ อ ยจะขึ ำ น อยู ่ ก ั บ ชนิ ด
*เอนไซม์ ใ นลำ ำ ไส้ เ ล็ ก ทำ ำ งำนได้ ด ี ใ นสภำวะ
เป็ น เบสและอุ ณ ภู ม ิ ป กติ ร ่ ำ งกำย 37 ๐ C
Intestines. -- The intestinal canal is from
thirty to thirty-five feet in length, and is
divided into large and small intestines.
The small intestine is four-fifths of the
length of the whole canal, reaching from
the pylorus to the large intestine; it is
cylindrical, and about one inch in
diameter; there is a gradual diminution
in calibre as it descends. Its coats are
the same as those of the stomach. The
mucous coat is very vascular, and its
absorbents are very numerous. The
glands are the crypts or follicles of
Lieberkuhn, the glands of Peyer, the
solitary glands, and Brunner's glands.
The small intestine is divided into
duodenum, jejunam, and ileum.
The Duodenum commences at the
pylorus, and is about twelve inches
long. The common duct formed by the
junction of the bile and gall ducts opens
into it about four or five inches from the
pylorus. The Jejunum (from jejunus,
empty) constitutes the upper two-fifths
of the small intestine, and the ileum the
remaining three-fifths
ำไส้ เ ล็ ก เป็ น ทำงเดิ น อำหำรที ่ ส ำ ำ คั ญ ที ่ ส ุ ด และมี ค วำมยำวท
ลั ก ษณะเป็ น ท่ อ ยำวประมำณ 6-8 เมตร ขดอยู ่ ใ นช่ อ งท้ อ ง
*ลำ ำ ไส้ เ ล็ ก ส่ ว นต้ น ต่ อ จำกกระเพำะอำหำร ยำวประมำณ 30
เซนติ เ มตร
 เรี ย ก ดู โ อดิ น ั ม
*ลำ ำ ไส้ เ ล็ ก ส่ ว นกลำงยำวประมำณ 2.5 เมตร เรี ย ก เจจู น ั ม
*ลำ ำ ไส้ เ ล็ ก ส่ ว นสุ ด ท้ ำ ยยำวประมำณ 4 เมตร เรี ย ก ไอเลี ย ม
*ผนั ง ด้ ำ นในของลำ ำ ไส้ เ ล็ ก มี ล ั ก ษณะเป็ น ปุ ่ ม ไม่ เ รี ย บ เรี ย กว่ ำ
วิ ล ไล
บริ เ วณลำ ำ ไส้ ต อนต้ น (Duodenum) จะมี น ำ ำ ย่ อ ยจำก3แหล่ ง
มำผสมกั บ
 ไคม์ C hyme (อำหำรที ่ ค ลุ ก เคล้ ำ กั บ นำ ำ ำ ย่ อ ยและถู ก ย่ อ ยไปบำง
ส่ ว น มี ล ั ก ษณะคล้ ำ ยซุ ป ข้ น ๆ) ได้ แ ก่
    *นำ ำ ำ ย่ อ ยจำกผนั ง ลำ ำ ไส้ เ ล็ ก (Intestinal Juice)
    *นำ ำ ำ ย่ อ ยจำกตั บ อ่ อ น (Pancreatic Juice)
    *นำ ำ ำ ดี (Bile) จำกตั บ (Liver) ซึ ่ ง นำ ำ มำเก็ บ ไว้ ท ี ่ ถ ุ ง นำ ำ ำ ดี
กำรย่ อ ยที ่ ใ นลำ ำ ไส้ เ ล็ ก ต้ อ งอำศั ย เอนไซม์ จ ำกตั บ อ่ อ น
  (Pancreas)
  ซึ ่ ง ประกอบด้ ว ยเอนไซม์ ต ่ ำ งๆดั ง นี ำ




1. ทริ ป ซิ น (Trypsin) เป็ น เอนไซม์ ท ี ่ ย ่ อ ยโปรตี น หรื อ เพป
ไทด์ ใ ห้ เ ป็ น
       กรดอะมิ โ น
2. อะไมเลส (Amylase) เป็ น เอนไซม์ ท ี ่ ย ่ อ ยแป้ ง ให้ เ ป็ น
นำ ำ ำ ตำลกลู โ คส
3. ไลเพส ( Lipase) เป็ น เอนไซม์ ท ี ่ ย ่ อ ยไขมั น ให้ เ ป็ น กรดไข
ลำ ำ ไส้ เ ล็ ก จะทำ ำ หน้ ำ ที ่ ย ่ อ ยอำหำรทุ ก ประเภทคื อ โปรตี น
   คำร์ โ บไฮเดรต และไขมั น และอำหำรที ่ ถ ู ก ย่ อ ยแล้ ว จะถู ก
   ดู ด ซึ ม ผ่ ำ นผนั ง ลำ ำ ไส้ เ ล็ ก เข้ ำ สู ่ ห ลอดเลื อ ด




กำรย่ อ ยอำหำรในลำ ำ ไส้ เ ล็ ก เกิ ด จำกกำรทำ ำ งำนร่ ว มกั น ของ
เอนไซม์ ห ลำยชนิ ด จำกแหล่ ง ต่ ำ งๆ
กำรย่ อ ยในลำ ำ ไส้ เ ล็ ก
อำหำรจะเคลื ่ อ นจำกกระเพำะอำหำรผ่ ำ นกล้ ำ ม
เนื ำ อ หู ร ู ด เข้ ำ สู ่ ล ำ ำ ไส้ เ ล็ ก กำรย่ อ ยอำหำรใน
ลำ ำ ไส้ เ ล็ ก เกิ ด จำกกำรทำ ำ งำนของอวั ย วะ 3 ชนิ ด
คื อ ตั บ อ่ อ น ผนั ง ลำ ำ ไส้ เ ล็ ก และตั บ
นำ ำ ำ ย่ อ ยของลำ ำ ไส้ เ ล็ ก

    นำ ำ ำ ย่ อ ยของลำ ำ ไส้ เ ล็ ก
                               (Intestinal Juices) เป็ น
เอนไซม์ ท ี ่ ส ร้ ำ งมำจำกผนั ง ของลำ ำ ไส้ เ ล็ ก เอง ประกอบ
ด้ ว ยเอนไซม์ ห ลำยชนิ ด ดั ง นี ำ
   *ไดเปปดิ เ ดส(Dipeptidase)ย่ อ ยไดเปปไทด์ D ipep
         ่ ไ ด้ จ ำกเปปซิ น ทริ ป ซิ น  ให้ เ ป็ น Amino Acid
   tideที
*มอลเทส(Maltase)ย่ อ ยMaltoseได้ G lucose + Glucese
*ซู เ ครส(Sucraes)ย่ อ ยSucroseได้ G lucose + Fructose
*แลกเตส(Lactaes) ย่ อ ยนำ ำ ำ ตำล นมเป็ น Glucose +
Galactose
     *
  *ไลเปส (Lipaes)ย่ อ ย Fatได้ Fatty Acid + Glycerol
   *ซู เ ครส(Sucrase)ย่ อ ย Sucrose ให้ เ ป็ น Glucose +
Fructose
   *อะไมเลส( Amylase )ย่ อ ยแป้ ง ให้ เ ป็ น เดกซิ ด ริ น และมอส
โตส
   *อะมิ โ นเปปซิ เ ดสย่ อ ยเปปไทด์ เ ป็ น กรดอะมิ โ น
ง คื อ ส่ ว นของลำ ำ ไส้ ใ หญ่ ท ี ่ ย ื ่ น ออกมำเป็ น ติ ่ ง อยู ่ ต รงบริ เ วณด้ ำ นขว
ำดเท่ ำ ปลำยนิ ำ ว ก้ อ ย ยำวตั ำ ง แต่ 2-20 เซนติ เ มตรมี ร ู ต ิ ด ต่ อ กั บ ลำ ำ ไส
 มนั ำ น เรำยั ง ไม่ ท รำบแน่ ช ั ด ว่ ำ ไส้ ต ิ ่ ง ทำ ำ หน้ ำ ที ่ อ ะไร มี ป ระโยชน์ ห รื
 คนคิ ด ว่ ำ ไส้ ต ิ ่ ง เป็ น ส่ ว นเกิ น ของร่ ำ งกำย เมื ่ อ มี เ หตุ ใ ห้ ต ้ อ งผ่ ำ ตั ด
ท้ อ ง จึ ง ผ่ ำ ไส้ ต ิ ่ ง ทิ ำ ง ไปด้ ว ย เพรำะเกรงไส้ ต ิ ่ ง จะสร้ ำ งปั ญ หำหำกกล
 ส้ ต ิ ่ ง อั ก เสบขึ ำ น มำแต่ ม ี ง ำนวิ จ ั ย ที ่ ค ้ น พบว่ ำ ไส้ ต ิ ่ ง นั ำ น มี ป ระโยชน์ ค ่ ะ
ไส้ ต ิ ่ ง มี ไ ว้ ท ำ ำ อะไร
    ไส้ ต ิ ่ ง มี ห น้ ำ ที ่ ส ร้ ำ งและปกป้ อ งเชื ำ อ จุ ล ิ น ทรี ย ์ ใ นช่ อ งท้ อ งของค
 เรำ




จุ ล ิ น ทรี ย ์ ท ี ่ ว ่ ำ นี ำ ช ่ ว ยในระบบกำรย่ อ ยอำหำร นอกจำกนี ำ ไ ส้ ต ิ ่ ง
ยั ง ทำ ำ หน้ ำ ที ่ ก ระตุ ้ น ระบบย่ อ ยอำหำรให้ ก ลั บ มำทำ ำ งำนอย่ ำ งมี
ประสิ ท ธิ ภ ำพ ในกรณี ท ี ่ ถ ู ก เชื ำ อ โรคอหิ ว ำต์ ห รื อ เชื ำ อ โรคบิ ด
 6   ลำ ำ ไส้ ใ หญ่ ( large intestine) ที ่ ล ำ ำ ไส้ ใ หญ่ ไ ม่ ม ี
กำรย่ อ ย 
แต่ ท ำ ำ หน้ ำ ที ่ เ ก็ บ กำกอำหำรและดู ด ซึ ม นำ ำ ำ ออกจำก
กำกอำหำร 
ดั ง นั ำ น ถ้ ำ ไม่ ถ ่ ำ ยอุ จ จำระเป็ น เวลำหลำยวั น ติ ด ต่ อ กั น
จะทำ ำ ให้ เ กิ ด อำกำรท้ อ งผู ก
The large intestine reaches from the ileum to the anus, and is one-fifth
in length of the whole canal; it differs much from the small intestine,
and has a sacculated appearance. It likewise has four coats. It is
divided into caecum, colon, and rectum.
The Caecum is a cul-de-sac or blind sac, and the commencement of
the large intestine, and hence often called the caput coli. At the
inferior portion is a worm-like process called the appendix
vermiformis. On the side of the caecum is the ileo-caecal valve, an
elliptical opening whereby the small intestine empties into the large.
The Colon is the largest portion of the large intestine; gradually
diminishes in diameter until it terminates in the sigmoid or S-like
flexure on the left side. It ascends on the right side, and forming an
arch transversely, descends upon the left side. The Rectum is the
terminating portion of the large intestine, and reaches from the
sigmoid flexure to the anus. It is somewhat barrel-shaped, being larger 
in the middle than at either end. 
สรุ ป กำรย่ อ ยสำรอำหำรประเภทต่ ำ งๆ ในลำ ำ ไส้ เ ล็ ก
     คำร์ โ บไฮเดรต
                                                                   

     แป้ ง                         อะไมเลส             มอลโทส
                                                                   
    มอลโทส                มอลเทส              กลู โ คส +
    กลู โ คส
                                                                   
    ซู โ ครส                   ซู เ ครส                กลู โ คส +
    ฟรั ก โทส
                                                                   
     แล็ ก โทส                แล็ ก เทส               กลู โ คส +
    กำแล็ ก โทส
โปรตี น
                           เพปไทด์                    ทริ ป ซิ น
                                                                                      กรด
            อะมิ โ น
ไขมั น

 ขมั น   นำ ำ ำ ดี     ย่ อ ยโมเลกุ ล ของไขมั น ขนำดเล็ ก     ไลเพส   กรดไขมั น + กลี เ ซอรอ
อำหำรเมื ่ อ ถู ก ย่ อ ยเป็ น โมเลกุ ล เล็ ก ที ่ ส ุ ด แล้ ว   จะถู ก ดู ด ซึ ม ที ่
ลำ ำ ไส้ เ ล็ ก  
โดยโครงสร้ ำ งที ่ เ รี ย กว่ ำ ”วิ ล ลั ส ”(villus)ซึ ่ ง มี ล ั ก ษณะคล้ ำ ย
นิ ำ ว มื อ ที ่ ย ื ่ น ออกมำจำกผนั ง ของลำ ำ ไส้ เ ล็ ก  ทำ ำ หน้ ำ ที ่ เ พิ ่ ม
พื ำ น ที ่ ผ ิ ว ในกำรดู ด ซึ ม อำหำร
1.โปรตี น ถู ก ย่ อ ยโดยนำ ำ ำ ย่ อ ย
ทริ ป ซิ น จนได้ โ มเลกุ ล เล็ ก ที ่ ส ุ ด
คื อ กรดอะมิ โ น

ลำ ำ ไส้ เ ล็ ก   ทริ ป ซิ น
                               โปรตี น   กรดอะมิ โ น
ลำ ำ ไส้ เ ล็ ก
3. ไขมั น ซึ ่ ง ถู ก ย่ อ ยเป็ น ครั ำ ง แรกต้ อ ง
 อำศั ย นำ ำ ำ ดี จ ำกตั บ ช่ ว ยทำ ำ ให้ ไ ขมั น
 แตกตั ว เป็ น เม็ ด เล็ ก ๆ

ลำ ำ ไส้ เ ล็ ก   ตั บ        ไขมั น   ไขมั น แตกตั ว เป็ น เม็ ด เล็ ก ๆ
                  นำ ำ ำ ดี
แล้ ว นำ ำ ำ ย่ อ ยไลเปสจำกตั บ อ่ อ นและ
ลำ ำ ไส้ เ ล็ ก ย่ อ ยไขมั น จนได้ โ มเลกุ ล เล็ ก
ที ่ ส ุ ด คื อ
กรดไขมั น และกลี เ ซอรอล
ลำ ำ ไส้ เ ล็ ก   ตั บ อ่ อ น
                                ไขมั น   กรดไขมั น +กลี เ ซอรอล
                  ไลเป
                  ส
คำร์ โ บไฮเดร
 
                    กลู โ คส  
    ต

 
    โปรตี น         กรดอะมิ โ น   

                    กรดไขมั น และกลี เ ซ
 
    ไขมั น
                    อรอล
สรุ ป ได้ ว ่ ำ สำรอำหำรประเภทคำร์ โ บไฮเดรต
โปรตี น
 และไขมั น จะถู ก ย่ อ ยอย่ ำ งสมบู ร ณ์ ท ี ่ ล ำ ำ ไส้ เ ล็ ก
จนได้
ส่ ว นกำกอำหำรที ่ เ หลื อ จำกกำรย่ อ ยและ
ย่ อ ยไม่ ไ ด้
ตั บ อ่ อ น




ทำ ำ หน้ ำ ที ่ ส ร้ ำ งเอนไซม์ ห ลำยชนิ ด เช่ น
* อะไมเลส ย่ อ ยคำร์ โ บไฮเดรตให้ เ ป็ น กลู โ คส
*ไลเพส ย่ อ ยไขมั น ให้ เ ป็ น กรดไขมั น และกลี เ ซลรอล
*ทริ ป ซิ น ย่ อ ยโปรตี น ให้ เ ป็ น กรดอะมิ โ น
นอกจำกนี ำ ตั บ อ่ อ นยั ง สร้ ำ งสำรโซเดี ย มไฮโดรเจน
คำร์ บ อ เนต ซึ ่ ง มี ฤ ทธิ ์ เ ป็ น เบสอ่ อ นออกมำเพื ่ อ ลด
ควำมเป็ น กรดของอำหำรที ่ ม ำจำกกระเพำะอำหำร
ตับอ่อน ช่วงแรกเรียกว่า ท่อแพนครีเอติค
( pancreatic duct) ช่วงหลังเรียกว่าท่อจาก
ตับอ่อน ( hepato pancreaticduct) หน้าที่
ของตับอ่อนสรุปได้ดงนี้ ั
   มีตอมสร้างนำ้าย่อยหลายชนิดส่งให้
       ่
   ลำาไส้เล็กทำาหน้าที่ย่อย แป้ง โปรตีนและไข
   มัน
   มีตอมไร้ท่อควบคุมนำ้าตาลในเลือด
         ่
   สร้างสารที่เป็นด่างกระตุ้นให้นำ้าย่อยใน
   ลำาไส้เล็กทำางานได้ดี โดยเฉพาะเอนไซม์
ตั บ เป็ น อวั ย วะที ่ ผ ลิ ต นำ ำ ำ ดี แ ละส่ ง ไปเก็ บ ไว้ ท ี ่ ถ ุ ง นำ ำ ำ ดี ซึ ่ ง มี
ท่ อ ติ ด ต่ อ กั บ
  ลำ ำ ไส้ เ ล็ ก   เมื ่ อ อำหำรผ่ ำ นเข้ ำ มำในลำ ำ ไส้ เ ล็ ก   จะมี ก ำรกระ
ตุ ้ น ให้ น ำ ำำ ดี
  หลั ่ ง ออกมำ   นำ ำ ำ ดี จ ะช่ ว ยให้ ไ ขมั น แตกตั ว ออกเป็ น เม็ ด เล็ ก ๆ  
ตั บ เป็ น อวั ย วะซึ ่ ง มี ต ่ อ มที ่ ใ หญ่ ท ี ่ ส ุ ด ของร่ ำ งกำย อยู ่ ช ่ อ งท้ อ ง
ใต้ ก ระบั ง ลม ทำ ำ หน้ ำ ที ่ ส ร้ ำ งนำ ำ ำ ดี แ ล้ ว นำ ำ ไปเก็ บ สะสมไว้ ใ นถุ ง
นำ ำ ำ ดี น ำ ำ ดี ประกอบด้ ว ยเกลื อ นำ ำ ำ ดี และรงควั ต ถุ น ำ ำ ดี ท่ อ นำ ำ นำ ำ ำ ดี
ช่ ว งแรกเรี ย กว่ ำ common bile duct ช่ ว งสุ ด ท้ ำ ยก่ อ นที ่ จ ะเปิ ด
เข้ ำ ลำ ำ ไส้ เ ล็ ก โดยไปรวมกั บ ท่ อ จำกตั บ อ่ อ นเรี ย กว่ ำ hepato
pancreatic duct
นำ ำ ำ ดี ( bile)  เป็ น สำรที ่ ผ ลิ ต มำจำกตั บ (liver)แล้ ว ไปเก็ บ
ไว้ ท ี ่ ถ ุ ง นำ ำ ำ ดี ( gall  bladder)นำ ำ ำ ดี ไ ม่ ใ ช่ เ อนไซม์ เ พรำะ
ไม่ ใ ช่ ส ำรประกอบประเภทโปรตี น   โดยนำ ำ ำ ดี จ ะทำ ำ หน้ ำ ที ่
ย่ อ ยโมเลกุ ล ของไขมั น ให้ เ ล็ ก ลง  แล้ ว นำ ำ ำ ย่ อ ยจำกตั บ
อ่ อ นจะย่ อ ยต่ อ ทำ ำ ให้ ไ ด้ อ นุ ภ ำคที ่ เ ล็ ก ที ่ ส ุ ด ที ่ ส ำมำรถแพร่
เข้ ำ สู ่ เ ซลล์
ทำ ำ หน้ ำ ที ่ ก ำ ำ จั ด ของเสี ย ที ่ ม ำจำก
ทำงเดิ น อำหำรผ่ ำ นทำงหลอดเลื อ ด
ที ่ ม ำจำกลำ ำ ไส้ ส ่ ว นต่ ำ งๆ
ตั บ ทำ ำ หน้ ำ ที ่ ส ร้ ำ งนำ ำ ำ ดี เ ก็ บ ไว้ ท ี ่ ถ ุ ง นำ ำ ำ ดี จำก
ถุ ง นำ ำ ำ ดี ม ี ท ่ อ มำเปิ ด เข้ ำ สู ่ ล ำ ำ ไส้ เ ล็ ก ส่ ว นดู โ อ
ดิ น ั ม นำ ำ ำ ดี จ ะช่ ว ยกระจำยไขมั น ให้ แ ตกตั ว ออก
เป็ น เม็ ด เล็ ก ๆ แล้ ว เอนไซม์ ไ ลเพสจะทำ ำ กำร
ย่ อ ยต่ อ ไป จนได้ ก รดไขมั น และกลี เ ซอรอล
นอกจำกนี ำ ต ั บ ยั ง ทำ ำ หน้ ำ ที ่ ท ำ ำ ลำยเชื ำ อ
โรคและสำรบำงชนิ ด ที ่ เ ป็ น อั น ตรำยต่ อ
ร่ ำ งกำย รวมทั ำ ง เก็ บ สะสมวิ ต ำมิ น และธำตุ
เหล็ ก
ถุ ง นำ ำ ำ ดี (Gall bladder)




เป็ น ส่ ว นประกอบที ่ ส ำ ำ คั ญ ในกำรย่ อ ยอำหำรพวกไขมั น เมื ่ อ เรำ
รั บ ประทำนอำหำร ถุ ง นำ ำ ำ ดี จ ะบี บ ตั ว เพื ่ อ ปล่ อ ยนำ ำ ำ ดี ป ริ ม ำณมำก
ลงมำในลำ ำ ไส้ เ พื ่ อ ทำ ำ หน้ ำ ที ่ ใ นกำรช่ ว ยย่ อ ยอำหำร นำ ำ ำ ดี ม ี ฤ ทธิ ์
เป็ น เบสอ่ อ น ๆ   นำ ำ ำ ดี ไ ม่ ใ ช่ เ อนไซม์ เพรำะไม่ ใ ช่ ส ำรประเภท
โปรตี น จึ ง ไม่ ม ี ห น้ ำ ที ่ เ กี ่ ย วกั บ กำรย่ อ ยโดยตรง
เป็ น อวั ย วะที ่ อ ่ อ นนุ ่ ม โอบล้ อ มด้ ว ยลำ ำ ไส้ ส ่ ว นดู โ อดิ น ั ม
ตำ ำ แหน่ ง ในช่ อ งท้ อ งจะอยู ่ เ หนื อ บริ เ วณสะดื อ เล็ ก น้ อ ย
ข้ ำ งหน้ ำ จะถู ก
นำ ำ ำ ย่ อ ยของตั บ อ่ อ น




        นำำำย่อยของตับอ่อน (Pancreatic Juice) เป็นเอนไซม์ที่สร้ำงมำจำกตับอ่อน
(Pancreas) มีสภำพเป็นเบส ประกอบด้วย
         *โซเดียมไบคำร์บอเนต (NaHCO3) มีคุณสมบัติเป็นเบส จึงถือว่ำเหมำะสมทีจะ ่
ทำำให้ลำำไส้เล็กมีสภำวะเป็นเบส ซึงเอนไซม์ต่ำงๆ (จำก 3 แหล่ง) จะทำำงำนได้
                                 ่
(ยกเว้น Pepsin จำกกระเพำะอำหำรจะหมดประสิทธิภำพ) เพรำะในขณะทีอำหำร        ่
ผ่ำนกระเพำะอำหำรมีสภำวะเป็นกรด
        
นำ ำ ำ ย่ อ ยของตั บ อ่ อ น




     * อะไมเลส (Amylase) ทำ ำ หน้ ำ ที ่ ย ่ อ ยแป้ ง
(Starch) และ เด็ ก ทริ น (Dextrin) มอลโทส
(Maltose)
      * ไลเปส (Lipase) ทำ ำ หน้ ำ ที ่ ย ่ อ ยไขมั น
(Fat) กรดไขมั น (Fatty Acid) และกลี เ ซอรอล
(Grycerol)
นำ ำ ำ ย่ อ ยของตั บ อ่ อ น




* ทริพซิโนเจน (Trypsinogen) (เมือเกิดใหม่ๆ ยังเป็นเอนไซม์ทย่อยอำหำรไม่ได้
                                   ่                       ี่
 แต่เมือผ่ำนถึงลำำไส้เล็กตอนต้น จะเปลี่ยนสภำพเป็น Trypsin โดยอำศัยเอนไซม์
       ่
Enterokinase จำกผนังลำำไส้เล็กช่วย เอนไซม์ Trypsin จะย่อย Protein และ
Polypeptide          Peptide (Trypsin ย่อยโปรตีนต่อจำก Pepsin ซึงหมด
                                                                ่
หน้ำทีเมื่ออำหำรมีสภำพเป็นเบส เพรำะ Pepsin ทำำหน้ำที่ได้ดีในสภำวะทีเป็นก
         ่                                                          ่
รดสูง)
นำ ำ ำ ย่ อ ยของตั บ อ่ อ น
*ไคโมทริ พ ซิ น (Chymotrypsin) ย่ อ ย Polypeptide (ต่ อ จำก
Trypsin )
 * คำร์ บ อกซี เ ปปติ เ ดส (Carboxypeptidase) ย่ อ ย
Peptideได้ A mino Acid
1.ระบบทำงเดิ น อำหำร ตั บ
   อ่ อ นให้ น ำ ำ ย่ อ ยอำหำรหลำยชนิ ด เช่ น
      *ไลเปส   ทำ ำ หน้ ำ ที ่ ย ่ อ ยไขมั น
        * อะไมเลส ทำ ำ หน้ ำ ที ่ ย ่ อ ยแป้ ง

* ทริ ป ซิ น ทำ ำ หน้ ำ ที ่ ย ่ อ ยโปรตี น โมเลกุ ล ย่ อ ยให้ เ ป็ น
กรดอะมิ โ น
2. ระบบต่ อ มไร้ ท ่ อ     ตั บ อ่ อ นทำ ำ หน้ ำ ที ่ ใ ห้
ฮอร์ โ มน(hormone)ที ่ ส ำ ำ คั ญ ในกำรควบคุ ม
ระดั บ นำ ำ ำ ตำลในกระแสเลื อ ด และมี บ ทบำท
สำ ำ คั ญ ในเรื ่ อ งโรคเบำหวำน
เป็นทางเดินอาหารส่วนสุดท้ายต่อ
จากลำาไส้เล็กมีความยาวประมาณ
1.5เมตรกว้างประมาณ6 เซนติเมตร
     เมตร
 ที่ผนังลำาไส้ใหญ่จะไม่มีการย่อย
อาหาร แต่จะมีการดูดซึมนำ้า แร่ธาตุ
วิตามินบางชนิด ออกจากกาก
อาหารกลับเข้าสู่กระแสเลือด ทำาให้
กากอาหารเหนียว ข้น และเป็นก้อน
กำรย่ อ ยอำหำรซึ ่ ง จะสิ ำ น สุ ด ลงบริ เ วณรอยต่ อ
ระหว่ ำ งลำ ำ ไส้ เ ล็ ก กั บ ลำ ำ ไส้ ใ หญ่ เนื ่ อ งจำกอำหำรที ่
ลำ ำ ไส้ เ ล็ ก ย่ อ ยแล้ ว จะเป็ น ของเหลว
   หน้ ำ ที ่ ข องลำ ำ ไส้ ใ หญ่ ค รึ ่ ง แรกคื อ ดู ด ซึ ม ของเหลว
นำ ำ ำ เกลื อ แร่ แ ละนำ ำ ำ ตำลกลู โ คสที ่ ย ั ง เหลื อ อยู ่ ใ นกำก
อำหำรและขั บ กำกอำหำรเข้ ำ สู ่ ล ำ ำ ไส้ ใ หญ่ ส ่ ว นต่ อ ไป
  
โดยปกติ กากอาหารผ่านเข้าสู่
ลำาไส้ใหญ่ประมาณวันละ 300-500
ลูกบาศก์เซนติเมตร ซึ่งจะ
ทำาให้เกิดอุจจาระประมาณวัน
ละ 150 กรัม
เป็ น ลำ ำ ไส้ ใ หญ่ ส ่ ว นแรก ต่ อ จำกลำ ำ ไส้ เ ล็ ก ส่ ว นไอเลี ย มทำ ำ
หน้ ำ ที ่ ร ั บ กำกอำหำรจำกลำ ำ ไส้ เ ล็ ก ตอนปลำย ที ่ ซ ี ก ั ม มี ส ่ ว น
ของไส้ ต ิ ่ ง (Vermifrom appendix) ยื ่ น ออกมำ
เป็นส่วนทียาวที่สดมีหน้าทีดูดนำ้ากลับ
            ่      ุ        ่
คืนจากกากอาหารและเป็นที่เก็บสะสม
กากอาหารแบ่งออกเป็น 3 ส่วนย่อย คือ
-โคลอนส่วนขึน (AscendingColon) เป็นส่วน
                ้
ของโคลอนทียื่นตรงขึนไปเป็นแนวตัง
              ่       ้              ้
ฉากทางด้านขวาของช่องท้อง ยาว
ประมาณ 20 เซนติเมตร
- โคลอนส่วนขวาง (Transverse Colon) เป็น
ส่วนที่วางพาดตามแนวขวางของช่อง
เป็นส่วนปลายของลำาไส้ใหญ่ มีลักษณะ
เป็นท่อตรงยาวประมาณ 15 เซนติเมตร
ตรงปลายของไส้ตรงจะเป็นทวารหนัก(An
us)โดยมีกล้ามเนือหูรูด 2 อัน ควบคุมการ
                ้
ปิดเปิดของทวารหนัก
*กล้ ำ มเนื ำ อ หู ร ู ด ด้ ำ นในถู ก ควบคุ ม โดยระบบประสำท
อั ต โนมั ต ิ
ไม่ อ ยู ่ ใ ต้ บ ั ง คั บ ของจิ ต ใจ
*กล้ ำ มเนื ำ อ หู ร ู ด ด้ ำ นนอกอยู ่ ใ ต้ บ ั ง คั บ ของจิ ต ใจ และ
สำ ำ คั ญ มำกในกำรควบคุ ม กำรปิ ด เปิ ด ของทวำรหนั ก
เมื่อกากอาหารเข้าสู่ไส้ตรงจะทำาให้
เกิดความรู้สึกอยากถ่ายขึ้น เพราะ
ความดันในไส้ตรงเพิ่มขึ้นเป็นผล
ทำาให้กล้ามเนือหูรูดที่ทวารหนักอัน
              ้
ในเปิดออก แต่กล้ามเนื้อหูรูดที่ทวาร
หนักอันนอกเปิดออกเมื่อร่างกาย
ต้องการ ซึ่งจะทำาให้เกิดการถ่าย
1.เก็ บ สะสมกำกอำหำร
 2.ดู ด นำ ำ ำ และเกลื อ แร่
 กลั บ คื น จำกกำกอำหำร

 3.ขั บ ถ่ ำ ยกำกอำหำร
 สู ่ ภ ำยนอก
1.โรคท้องผูก
2.โรคท้องอืดท้องเฟ้อ
3.โรคกระเพาะ
อาหารอักเสบ เสบ
4.โรคลำาไส้อัก
5.โรคไส้ติ่งอักเสบ
6.โรคนิ่วในถุงนำ้าดี
7.โรคมะเร็งในลำาไส้ใหญ่
8. โรคมะเร็งใน
หลอดอาหาร
9.โรคมะเร็งใน
กระเพาะอาหาร
สำเหตุ ข องอำกำรท้ อ งผู ก
1.  กิ น อำหำรที ่ ม ี ก ำกอำหำรน้ อ ย
2.  กิ น อำหำรรสจั ด
3.  กำรถ่ ำ ยอุ จ จำระไม่ เ ป็ น เวลำหรื อ กลั ำ น อุ จ จำระติ ด ต่ อ กั น
หลำยวั น
4.  ดื ่ ม นำ ำ ำ ชำ กำแฟ มำกเกิ น ไป
5.  สู บ บุ ห รี ่ จ ั ด เกิ น ไป
6.  เกิ ด ควำมเครี ย ด หรื อ ควำมกั ง วลมำก
1. รั บ ประทำนอำหำรมำกเกิ น ไปอำหำรย่ อ ยไม่ ห มด
       กรด แก๊ ส ขึ ำ น ในกระเพำะอำหำร

   2.รั บ ประทำนอำหำรที ่ ม ี ก ำกน้ อ ย
   3. สุ ข นิ ส ั ย กำรขั บ ถ่ ำ ยไม่ ด ี

   4. มี เ ชื ำ อ โรคในระบบทำงเดิ น อำหำร ทำ ำ ให้ ล ำ ำ ไส้ เ ก
   บี บ ตั ว อย่ ำ งรวดเร็ ว ไม่ ม ี ก ำรดู ด นำ ำ ำ กลั บ

5. บางครั้งอาหารย่อยไม่หมดไม่มีการ
กลิ ่ น เหม็ น จำกปำก เกิ ด ขึ ำ น ได้ ค ล้ ำ ยๆ กั บ กลิ ่ น
เหม็ น ที ่ เ กิ ด จำกส่ ว นอื ่ น ๆ ของร่ ำ งกำย ซึ ่ ง เป็ น
ผลมำจำกแบคที เ รี ย ในช่ อ งปำกทำ ำ ให้ เ กิ ด กำร
เน่ ำ มี ก ลิ ่ น เหม็ น เกิ ด ขึ ำ น เรำสำมำรถแยกกลิ ่ น
เหม็ น ออกได้ 4 แบบ คื อ
      *กลิ ่ น ที ่ ม ำจำกด้ ำ นหลั ง ของลิ ำ น
      *กลิ ่ น ของโรคปริ ท ั น ต์ แ ละซอกเหงื อ ก
      *กลิ ่ น จำกฟั น
      *กลิ ่ น จำกกำรสู บ บุ ห รี ่
โรคมะเร็ ง ในกระเพำะอำหำรเกิ ด ขึ ำ น ได้
อย่ ำ งไร?



 
อวั ย วะที ่ ส ำ ำ คั ญ อวั ย วะหนึ ่ ง ก็ ค ื อ กระเพำะ
อำหำร ในร่ ำ งกำยมนุ ษ ย์ ไม่ ม ี อ วั ย วะใดเลย
ที ่ ไ ม่ ส ำ ำ คั ญ กระเพำะอำหำรคื อ อวั ย วะที ่
มี ห น้ ำ ที ่ ย ่ อ ยอำหำรที ่ ก ิ น เข้ ำ ไปทำงปำก นั ่ น
หมำยควำมว่ ำ หำกอวั ย วะที ่ ม ี ห น้ ำ ที ่ ส ำ ำ คั ญ
ในกำรย่ อ ยสลำยและดู ด ซึ ม สำรอำหำรเกิ ด
ไม่ ท ำ ำ งำนขึ ำ น มำ ผลที ่ ต ำมมำจะไม่ ส ่ ง ผลกระ
ทบกั บ อวั ย วะส่ ว นใดส่ ว นหนึ ่ ง เพี ย งเท่ ำ นั ำ น
แต่ น ั ่ น หมำยถึ ง ผลกระทบต่ อ สำรอำหำรที ่ ใ ช้
1. รั บ ประทำนอำหำรให้ เ ป็ น เวลำ
2.รั บ ประทำนอำหำรให้ ค รบทุ ก หมู ่ ใ นแต่ ล ะมื ำ อ
3. รั บ ประทำนอำหำรที ่ ม ี ก ำกอำหำรมำกๆ

4.ไม่ ร ั บ ประทำนอำหำรรสจั ด อำหำรหมั ก ดองและของ
มึ น เมำ
5. ดื ่ ม นำ ำ ำ อย่ ำ งน้ อ ยวั น ละ 6-8 แก้ ว
6.เคี ำ ย วอำหำรให้ ล ะเอี ย ดก่ อ นกลื น ทุ ก ครั ำ ง
7.รั บ ประทำนอำหำรที ่ ส ะอำด และปรุ ง สุ ก ใหม่ ๆ
8.ไม่ ร ั บ ประทำนอำหำรพรำ ่ ำ เพรื ่ อ จุ ก จิ ก และทำนให้
ตรงเวลำ
9.อย่ ำ รี บ รั บ ประทำนอำหำรขณะกำ ำ ลั ง เหนื ่ อ ย

10.รั บ ประทำนอำหำรแต่ พ อควร ไม่ ม ำกหรื อ น้ อ ยจน
เกิ น ไป
11. ไม่ ร ั บ ประทำนอำหำรที ่ ม ี ร สจั ด จนเกิ น ไป
12.ขั บ ถ่ ำ ยอุ จ จำระให้ เ ป็ น เวลำ
13.นอนหลั บ พั ก ผ่ อ นให้ เ พี ย งพอและเหมำะสมกั บ วั ย
 14. ทำ ำ จิ ต ใจให้ ร ่ ำ เริ ง แจ่ ม ใสอยู ่ เ สมอ
15.ไม่ ค วรออกกำ ำ ลั ง กำยหรื อ ใช้ พ ลั ง งำนมำกภำยหลั ง รั บ
ประทำนอำหำรเสร็ จ ใหม่ ๆ
ระบบย่อยอาหาร
ระบบย่อยอาหาร

More Related Content

What's hot

ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต02
ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต02ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต02
ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต02oranuch_u
 
ใบงาน 3.1 3.2
ใบงาน 3.1 3.2ใบงาน 3.1 3.2
ใบงาน 3.1 3.2oraneehussem
 
วิทยาศาตร์พื้นฐาน ม1เทอม1
วิทยาศาตร์พื้นฐาน ม1เทอม1วิทยาศาตร์พื้นฐาน ม1เทอม1
วิทยาศาตร์พื้นฐาน ม1เทอม1dnavaroj
 
ระบบย่อยอาหาร
ระบบย่อยอาหารระบบย่อยอาหาร
ระบบย่อยอาหารพัน พัน
 
ระบบหมุนเวียนเลือด
ระบบหมุนเวียนเลือดระบบหมุนเวียนเลือด
ระบบหมุนเวียนเลือดWan Ngamwongwan
 
การหักเหของแสง
การหักเหของแสงการหักเหของแสง
การหักเหของแสงPonpirun Homsuwan
 
บทเรียนแบบโปรแกรมวิชาเคมี
บทเรียนแบบโปรแกรมวิชาเคมีบทเรียนแบบโปรแกรมวิชาเคมี
บทเรียนแบบโปรแกรมวิชาเคมีSutisa Tantikulwijit
 
บทที่ 1 ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม
บทที่ 1 ชีวิตกับสิ่งแวดล้อมบทที่ 1 ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม
บทที่ 1 ชีวิตกับสิ่งแวดล้อมWichai Likitponrak
 
ข้อสอบอัจฉริยะ
ข้อสอบอัจฉริยะข้อสอบอัจฉริยะ
ข้อสอบอัจฉริยะKodchaporn Siriket
 
ระบบขับถ่าย
ระบบขับถ่ายระบบขับถ่าย
ระบบขับถ่ายWan Ngamwongwan
 
ธาตุและสารประกอบ
ธาตุและสารประกอบธาตุและสารประกอบ
ธาตุและสารประกอบwebsite22556
 
เซลล์พืชและเซลล์สัตว์
เซลล์พืชและเซลล์สัตว์เซลล์พืชและเซลล์สัตว์
เซลล์พืชและเซลล์สัตว์dnavaroj
 
การสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช
การสังเคราะห์ด้วยแสงของพืชการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช
การสังเคราะห์ด้วยแสงของพืชsukanya petin
 
ไฟฟ้าเคมี1 ppt
ไฟฟ้าเคมี1 pptไฟฟ้าเคมี1 ppt
ไฟฟ้าเคมี1 ppt10846
 
ระบบขับถ่าย (T) 1 2560
ระบบขับถ่าย (T) 1 2560ระบบขับถ่าย (T) 1 2560
ระบบขับถ่าย (T) 1 2560Thitaree Samphao
 

What's hot (20)

สรุปเซลล์
สรุปเซลล์สรุปเซลล์
สรุปเซลล์
 
ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต02
ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต02ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต02
ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต02
 
ใบงาน 3.1 3.2
ใบงาน 3.1 3.2ใบงาน 3.1 3.2
ใบงาน 3.1 3.2
 
วิทยาศาตร์พื้นฐาน ม1เทอม1
วิทยาศาตร์พื้นฐาน ม1เทอม1วิทยาศาตร์พื้นฐาน ม1เทอม1
วิทยาศาตร์พื้นฐาน ม1เทอม1
 
ระบบย่อยอาหาร
ระบบย่อยอาหารระบบย่อยอาหาร
ระบบย่อยอาหาร
 
ระบบหมุนเวียนเลือด
ระบบหมุนเวียนเลือดระบบหมุนเวียนเลือด
ระบบหมุนเวียนเลือด
 
สารละลาย (Solution)
สารละลาย (Solution)สารละลาย (Solution)
สารละลาย (Solution)
 
การหักเหของแสง
การหักเหของแสงการหักเหของแสง
การหักเหของแสง
 
บทเรียนแบบโปรแกรมวิชาเคมี
บทเรียนแบบโปรแกรมวิชาเคมีบทเรียนแบบโปรแกรมวิชาเคมี
บทเรียนแบบโปรแกรมวิชาเคมี
 
บทที่ 1 ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม
บทที่ 1 ชีวิตกับสิ่งแวดล้อมบทที่ 1 ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม
บทที่ 1 ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม
 
ใบงานการย่อยอาหาร Version คุณครู
ใบงานการย่อยอาหาร Version คุณครูใบงานการย่อยอาหาร Version คุณครู
ใบงานการย่อยอาหาร Version คุณครู
 
ข้อสอบอัจฉริยะ
ข้อสอบอัจฉริยะข้อสอบอัจฉริยะ
ข้อสอบอัจฉริยะ
 
ระบบขับถ่าย
ระบบขับถ่ายระบบขับถ่าย
ระบบขับถ่าย
 
ธาตุและสารประกอบ
ธาตุและสารประกอบธาตุและสารประกอบ
ธาตุและสารประกอบ
 
เซลล์พืชและเซลล์สัตว์
เซลล์พืชและเซลล์สัตว์เซลล์พืชและเซลล์สัตว์
เซลล์พืชและเซลล์สัตว์
 
การสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช
การสังเคราะห์ด้วยแสงของพืชการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช
การสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช
 
งานและพลังงาน (work and_energy)
งานและพลังงาน (work and_energy)งานและพลังงาน (work and_energy)
งานและพลังงาน (work and_energy)
 
หน่วยของสิ่งมีชีวิต
หน่วยของสิ่งมีชีวิตหน่วยของสิ่งมีชีวิต
หน่วยของสิ่งมีชีวิต
 
ไฟฟ้าเคมี1 ppt
ไฟฟ้าเคมี1 pptไฟฟ้าเคมี1 ppt
ไฟฟ้าเคมี1 ppt
 
ระบบขับถ่าย (T) 1 2560
ระบบขับถ่าย (T) 1 2560ระบบขับถ่าย (T) 1 2560
ระบบขับถ่าย (T) 1 2560
 

Viewers also liked

การย่อยอาหารของสัตว์
การย่อยอาหารของสัตว์การย่อยอาหารของสัตว์
การย่อยอาหารของสัตว์Y'tt Khnkt
 
502การย่อยอาหารจุลทรีย์ สัตว คน
502การย่อยอาหารจุลทรีย์ สัตว คน502การย่อยอาหารจุลทรีย์ สัตว คน
502การย่อยอาหารจุลทรีย์ สัตว คนThitiporn Parama
 
ชีววิทยา เรื่อง การย่อยอาหาร Digestive system
ชีววิทยา เรื่อง การย่อยอาหาร Digestive systemชีววิทยา เรื่อง การย่อยอาหาร Digestive system
ชีววิทยา เรื่อง การย่อยอาหาร Digestive systemkasidid20309
 
ระบบหายใจ (Respiration)
ระบบหายใจ (Respiration)ระบบหายใจ (Respiration)
ระบบหายใจ (Respiration)joongka3332
 
ระบบต่างๆในร่างกายป.6
ระบบต่างๆในร่างกายป.6ระบบต่างๆในร่างกายป.6
ระบบต่างๆในร่างกายป.6arkhom260103
 
ชุดที2 ระบบย่อยอาหาร
ชุดที2 ระบบย่อยอาหารชุดที2 ระบบย่อยอาหาร
ชุดที2 ระบบย่อยอาหารWilawon Jatinei
 

Viewers also liked (10)

Animal digestion
Animal digestionAnimal digestion
Animal digestion
 
การย่อยอาหารของสัตว์
การย่อยอาหารของสัตว์การย่อยอาหารของสัตว์
การย่อยอาหารของสัตว์
 
502การย่อยอาหารจุลทรีย์ สัตว คน
502การย่อยอาหารจุลทรีย์ สัตว คน502การย่อยอาหารจุลทรีย์ สัตว คน
502การย่อยอาหารจุลทรีย์ สัตว คน
 
ระบบย่อยอาหาร
ระบบย่อยอาหารระบบย่อยอาหาร
ระบบย่อยอาหาร
 
ชีววิทยา เรื่อง การย่อยอาหาร Digestive system
ชีววิทยา เรื่อง การย่อยอาหาร Digestive systemชีววิทยา เรื่อง การย่อยอาหาร Digestive system
ชีววิทยา เรื่อง การย่อยอาหาร Digestive system
 
ระบบหายใจ (Respiration)
ระบบหายใจ (Respiration)ระบบหายใจ (Respiration)
ระบบหายใจ (Respiration)
 
STB
STBSTB
STB
 
ระบบต่างๆในร่างกายป.6
ระบบต่างๆในร่างกายป.6ระบบต่างๆในร่างกายป.6
ระบบต่างๆในร่างกายป.6
 
ชุดที2 ระบบย่อยอาหาร
ชุดที2 ระบบย่อยอาหารชุดที2 ระบบย่อยอาหาร
ชุดที2 ระบบย่อยอาหาร
 
ระบบย่อยอาหาร (Digestive System)
ระบบย่อยอาหาร (Digestive System)ระบบย่อยอาหาร (Digestive System)
ระบบย่อยอาหาร (Digestive System)
 

Similar to ระบบย่อยอาหาร

ระบบต่างๆในร่างกายป.6
ระบบต่างๆในร่างกายป.6ระบบต่างๆในร่างกายป.6
ระบบต่างๆในร่างกายป.6arkhom260103
 
ระบบต่างๆในร่างกายป.6
ระบบต่างๆในร่างกายป.6ระบบต่างๆในร่างกายป.6
ระบบต่างๆในร่างกายป.6arkhom260103
 
ร่างกายมนุษย์
ร่างกายมนุษย์ร่างกายมนุษย์
ร่างกายมนุษย์kanitnun
 
บทที่ 2 ระบบต่างๆในร่างกายมนุษย์ ย่อยอาหาร
บทที่  2  ระบบต่างๆในร่างกายมนุษย์   ย่อยอาหารบทที่  2  ระบบต่างๆในร่างกายมนุษย์   ย่อยอาหาร
บทที่ 2 ระบบต่างๆในร่างกายมนุษย์ ย่อยอาหารPinutchaya Nakchumroon
 
ตำแหน่งการเกิดเสียง 56030549
ตำแหน่งการเกิดเสียง 56030549ตำแหน่งการเกิดเสียง 56030549
ตำแหน่งการเกิดเสียง 56030549Wilipda Wongsakul
 
ระบบต่าง ๆ ในร่างกายมนุษย์
ระบบต่าง ๆ ในร่างกายมนุษย์ระบบต่าง ๆ ในร่างกายมนุษย์
ระบบต่าง ๆ ในร่างกายมนุษย์thitichaya24
 
ระบบต่าง ๆ-ในร่างกายมนุษย์
ระบบต่าง ๆ-ในร่างกายมนุษย์ระบบต่าง ๆ-ในร่างกายมนุษย์
ระบบต่าง ๆ-ในร่างกายมนุษย์thitichaya24
 
ระบบย่อยอาหาร - Digestive system
ระบบย่อยอาหาร - Digestive systemระบบย่อยอาหาร - Digestive system
ระบบย่อยอาหาร - Digestive systemsupreechafkk
 
การลำเลียงสารผ่านเซลล์
การลำเลียงสารผ่านเซลล์การลำเลียงสารผ่านเซลล์
การลำเลียงสารผ่านเซลล์Peangjit Chamnan
 
9789740329831
97897403298319789740329831
9789740329831CUPress
 
การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต
การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิตการเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต
การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิตPodjaman Jongkaijak
 
ชีววิทยาเรื่องการหายใจ respiration system
ชีววิทยาเรื่องการหายใจ respiration system ชีววิทยาเรื่องการหายใจ respiration system
ชีววิทยาเรื่องการหายใจ respiration system kasidid20309
 
ระบบขับถ่าย
ระบบขับถ่ายระบบขับถ่าย
ระบบขับถ่ายkrubua
 
นาโนเทคโนโลยีด้านเครื่องสำอาง
นาโนเทคโนโลยีด้านเครื่องสำอางนาโนเทคโนโลยีด้านเครื่องสำอาง
นาโนเทคโนโลยีด้านเครื่องสำอางNaw Fatt
 

Similar to ระบบย่อยอาหาร (20)

ระบบต่างๆในร่างกายป.6
ระบบต่างๆในร่างกายป.6ระบบต่างๆในร่างกายป.6
ระบบต่างๆในร่างกายป.6
 
ระบบต่างๆในร่างกายป.6
ระบบต่างๆในร่างกายป.6ระบบต่างๆในร่างกายป.6
ระบบต่างๆในร่างกายป.6
 
ร่างกายมนุษย์
ร่างกายมนุษย์ร่างกายมนุษย์
ร่างกายมนุษย์
 
ศูนย์ที่ 2 ชุดที่ 8
ศูนย์ที่ 2 ชุดที่ 8ศูนย์ที่ 2 ชุดที่ 8
ศูนย์ที่ 2 ชุดที่ 8
 
ศูนย์ที่ 2 ชุดที่ 8
ศูนย์ที่ 2 ชุดที่ 8ศูนย์ที่ 2 ชุดที่ 8
ศูนย์ที่ 2 ชุดที่ 8
 
บทที่ 2 ระบบต่างๆในร่างกายมนุษย์ ย่อยอาหาร
บทที่  2  ระบบต่างๆในร่างกายมนุษย์   ย่อยอาหารบทที่  2  ระบบต่างๆในร่างกายมนุษย์   ย่อยอาหาร
บทที่ 2 ระบบต่างๆในร่างกายมนุษย์ ย่อยอาหาร
 
ตำแหน่งการเกิดเสียง 56030549
ตำแหน่งการเกิดเสียง 56030549ตำแหน่งการเกิดเสียง 56030549
ตำแหน่งการเกิดเสียง 56030549
 
Animalia
AnimaliaAnimalia
Animalia
 
ระบบต่าง ๆ ในร่างกายมนุษย์
ระบบต่าง ๆ ในร่างกายมนุษย์ระบบต่าง ๆ ในร่างกายมนุษย์
ระบบต่าง ๆ ในร่างกายมนุษย์
 
ระบบต่าง ๆ-ในร่างกายมนุษย์
ระบบต่าง ๆ-ในร่างกายมนุษย์ระบบต่าง ๆ-ในร่างกายมนุษย์
ระบบต่าง ๆ-ในร่างกายมนุษย์
 
ระบบย่อยอาหาร - Digestive system
ระบบย่อยอาหาร - Digestive systemระบบย่อยอาหาร - Digestive system
ระบบย่อยอาหาร - Digestive system
 
การลำเลียงสารผ่านเซลล์
การลำเลียงสารผ่านเซลล์การลำเลียงสารผ่านเซลล์
การลำเลียงสารผ่านเซลล์
 
9789740329831
97897403298319789740329831
9789740329831
 
หู
หูหู
หู
 
การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต
การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิตการเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต
การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต
 
อจท. แผน 1 1 สุขศึกษาฯ ป.5
อจท. แผน 1 1 สุขศึกษาฯ ป.5อจท. แผน 1 1 สุขศึกษาฯ ป.5
อจท. แผน 1 1 สุขศึกษาฯ ป.5
 
ชีววิทยาเรื่องการหายใจ respiration system
ชีววิทยาเรื่องการหายใจ respiration system ชีววิทยาเรื่องการหายใจ respiration system
ชีววิทยาเรื่องการหายใจ respiration system
 
ระบบขับถ่าย
ระบบขับถ่ายระบบขับถ่าย
ระบบขับถ่าย
 
นาโนเทคโนโลยีด้านเครื่องสำอาง
นาโนเทคโนโลยีด้านเครื่องสำอางนาโนเทคโนโลยีด้านเครื่องสำอาง
นาโนเทคโนโลยีด้านเครื่องสำอาง
 
404766008
404766008404766008
404766008
 

More from นางอัจฉรา วงศ์อามาตย์

หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 ระบบสมการเชิงเส้นสองตัวแปร
หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 ระบบสมการเชิงเส้นสองตัวแปรหน่วยการเรียนรู้ที่ 3 ระบบสมการเชิงเส้นสองตัวแปร
หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 ระบบสมการเชิงเส้นสองตัวแปรนางอัจฉรา วงศ์อามาตย์
 
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 พื้นที่ผิวและปริมาตร
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 พื้นที่ผิวและปริมาตรหน่วยการเรียนรู้ที่ 1 พื้นที่ผิวและปริมาตร
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 พื้นที่ผิวและปริมาตรนางอัจฉรา วงศ์อามาตย์
 
ภาพทอดกฐินวัดสามขาพัฒนา ต.โนนเจริญ อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ 21ตค56
ภาพทอดกฐินวัดสามขาพัฒนา ต.โนนเจริญ อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ 21ตค56ภาพทอดกฐินวัดสามขาพัฒนา ต.โนนเจริญ อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ 21ตค56
ภาพทอดกฐินวัดสามขาพัฒนา ต.โนนเจริญ อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ 21ตค56นางอัจฉรา วงศ์อามาตย์
 

More from นางอัจฉรา วงศ์อามาตย์ (20)

CAI ดีกรีของจุดยอด
CAI ดีกรีของจุดยอดCAI ดีกรีของจุดยอด
CAI ดีกรีของจุดยอด
 
Cai ดีกรีของจุดยอด
Cai ดีกรีของจุดยอดCai ดีกรีของจุดยอด
Cai ดีกรีของจุดยอด
 
เยี่ยมบ้านนักเรียน ปี2557
เยี่ยมบ้านนักเรียน ปี2557เยี่ยมบ้านนักเรียน ปี2557
เยี่ยมบ้านนักเรียน ปี2557
 
M&e m3 51
M&e m3 51M&e m3 51
M&e m3 51
 
Onet m3 52
Onet m3 52Onet m3 52
Onet m3 52
 
หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 ความคล้าย
หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 ความคล้ายหน่วยการเรียนรู้ที่ 4 ความคล้าย
หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 ความคล้าย
 
หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 ระบบสมการเชิงเส้นสองตัวแปร
หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 ระบบสมการเชิงเส้นสองตัวแปรหน่วยการเรียนรู้ที่ 3 ระบบสมการเชิงเส้นสองตัวแปร
หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 ระบบสมการเชิงเส้นสองตัวแปร
 
หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 กราฟความสัมพันธ์
หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 กราฟความสัมพันธ์หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 กราฟความสัมพันธ์
หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 กราฟความสัมพันธ์
 
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 พื้นที่ผิวและปริมาตร
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 พื้นที่ผิวและปริมาตรหน่วยการเรียนรู้ที่ 1 พื้นที่ผิวและปริมาตร
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 พื้นที่ผิวและปริมาตร
 
คณิตศาสตร์พื้นฐาน ม.๓
คณิตศาสตร์พื้นฐาน ม.๓คณิตศาสตร์พื้นฐาน ม.๓
คณิตศาสตร์พื้นฐาน ม.๓
 
คณิตศาสตร์ ม.๓
คณิตศาสตร์ ม.๓คณิตศาสตร์ ม.๓
คณิตศาสตร์ ม.๓
 
พื้นที่ผิวของปริซึม
พื้นที่ผิวของปริซึมพื้นที่ผิวของปริซึม
พื้นที่ผิวของปริซึม
 
Asean Math
Asean MathAsean Math
Asean Math
 
Math asean
Math aseanMath asean
Math asean
 
Math asean
Math aseanMath asean
Math asean
 
ภาพทอดกฐินวัดสามขาพัฒนา ต.โนนเจริญ อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ 21ตค56
ภาพทอดกฐินวัดสามขาพัฒนา ต.โนนเจริญ อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ 21ตค56ภาพทอดกฐินวัดสามขาพัฒนา ต.โนนเจริญ อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ 21ตค56
ภาพทอดกฐินวัดสามขาพัฒนา ต.โนนเจริญ อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ 21ตค56
 
Father day 56
Father day 56Father day 56
Father day 56
 
ข้อมูลบุคลากร และการบริหาร
ข้อมูลบุคลากร และการบริหารข้อมูลบุคลากร และการบริหาร
ข้อมูลบุคลากร และการบริหาร
 
ข้อมูลบุคลากร และการบริหาร
ข้อมูลบุคลากร และการบริหารข้อมูลบุคลากร และการบริหาร
ข้อมูลบุคลากร และการบริหาร
 
ข้อมูลบุคลากร และการบริหาร
ข้อมูลบุคลากร และการบริหารข้อมูลบุคลากร และการบริหาร
ข้อมูลบุคลากร และการบริหาร
 

ระบบย่อยอาหาร

  • 1.
  • 2.
  • 4. กำรย่ อ ยอำหำร(Digestion)  ลำ ำ ไส้ ต รง    หมำยถึ ง   กำรทำ ำ ให้ ส ำรอำหำรที ่ ม ี โ มเลกุ ล ขนำดใหญ่ ก ลำยเป็ น สำร อำหำรที ่ ม ี โมเลกุ ล เล็ ก ลงจนกระทั ่ ง แพร่ ผ ่ ำ นเยื ่ อ หุ ้ ม เซลล์ ไ ด้
  • 5. อวั ย วะที ่ เ ป็ น ทำงเดิ น อำหำร ช่ อ งปำก คอหอย หลอดอำหำร กระเพำะอำหำร ลำ ำ ไส้ เ ล็ ก ลำ ำ ไส้ ใ หญ่ ทวำรหนั ก
  • 6. การย่อยเชิงกลเป็นการ 1. เปลียนแปลงอาหารให้มีขนาด ่ อนุภาคเล็กลง เช่นการบดเคี้ยว ของฟัน การบีบตัวของ หลอดอาหาร
  • 7. 2 . กำรย่ อ ยเชิ ง เคมี   เป็ น กำร เปลี ่ ย นแปลงอำหำรให้ ม ี ข นำด อนุ ภ ำคเล็ ก ลง โดยอำศั ย เอนไซม์ หรื อ นำ ำ ำ ย่ อ ย
  • 8. 1. ย่อยอาหาร 2. ดูดซึมสารอาหารไปเลียงส่วน ้ ต่างๆของร่างกายโดยซึมเข้าสู่ กระแสเลือดบริเวณผนังของ ลำาไส้เล็ก 3. ขับถ่ายกากอาหารที่บริเวณ
  • 9. แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ 1.อวัยวะที่เป็นทางเดิน อาหาร ได้แก่ 1.1 ปากและโพรงปาก (Mouth and Mouth Cavity)ประกอบด้วย ฟัน ลิ้น ต่อมนำ้าลาย 1.2 คอหอย (Pharynx) 1.3 หลอดอาหาร Esophagus)
  • 10. 1.4 กระเพาะอาหาร (Stomach) 1.5 ลำาไส้เล็ก (Small Intestine) 1.6 ลำาไส้ใหญ่ (Large Intestine) 1.7 ลำาไส้ตรง (Rectum) 1.8 ทวารหนัก (Anus)
  • 11. 2. อวั ย วะที ่ ช ่ ว ยย่ อ ยอำหำรแต่ ไม่ ใ ช่ ทำงเดิ น อำหำรได้ แ ก่ 2.1 ต่ อ มนำ ำ ำ ลำย ( Salivary Gland ) 2.2 ตั บ ( Liver ) และถุ ง นำ ำ ำ ดี ( Gall Bladder ) 2.3 ตั บ อ่ อ น ( Pancreas )   
  • 12.
  • 13. เมื ่ อ รั บ ประทำนอำหำร  อำหำรจะเคลื ่ อ นที ่ ผ ่ ำ นอวั ย วะที ่ เกี ่ ย วข้ อ งกั บ ทำงเดิ น อำหำรเพื ่ อ เกิ ด กำรย่ อ ยตำมลำ ำ ดั บ ดั ง ต่ อ ไปนี ำ     1.ปำก (Mouth ) รย่ อ ยเชิ ง กล โดยกำรบดเคี ำ ย วของฟั น   และมี ก ำรย่ อ ยทำงเคมี   โดยเอนไซม์ อ ะไ ไทยำลี น   ซึ ่ ง ทำ ำ งำนได้ ด ี ใ นสภำพที ่ เ ป็ น เบสเล็ ก น้ อ ย                                        แป้ ง         อะไมเลสหรื อ ไทยำลี น                        นำ ำ ำ ตำลมอลโทส(maltos
  • 14. เริ ่ ม ต้ น จำกกำรเคี ำ ย วอำหำรโดยกำรทำ ำ งำนร่ ว มกั น ของ ฟั น ลิ ำ น และแก้ ม ซึ ่ ง ถื อ เป็ น กำรย่ อ ยเชิ ง กล ทำ ำ ให้ อ ำหำรกลำยเป็ น ชิ ำ น เล็ ก ๆ มี พ ื ำ น ที ่ ผ ิ ว สั ม ผั ส กั บ เอนไซม์ ไ ด้ ม ำกขึ ำ น ในขณะเดี ย วกั น ต่ อ มนำ ำ ำ ลำยก็ จ ะ หลั ่ ง นำ ำ ำ ลำยออกมำช่ ว ยคลุ ก เคล้ ำ ให้ อ ำหำรเป็ น ก้ อ น ลื ่ น สะดวกต่ อ กำรกลื น เอนไซม์ ใ นนำ ำ ำ ลำย คื อ ไทยำ ลิ น หรื อ อะไมเลสจะย่ อ ยแป้ ง ในระยะเวลำสั ำ น ๆ ใน ขณะที ่ อ ยู ่ ใ นช่ อ งปำกให้ ก ลำยเป็ น เดกซ์ ท ริ น (Dextrin) ซึ ่ ง เป็ น คำร์ โ บไฮเดรตที ่ ม ี โ มเลกุ ล เล็ ก กว่ ำ
  • 15. Mouth. -- The mouth is separated from the nose by the hard and soft palate, and communicates. It is bounded in front by the lips, and its sides by the cheeks. The space between the lips and teeth is called the vestibule. The mouth is lined by a mucous membrane, which is covered by numerous glands, some being mucous and some salivary. The mouth contains a double row of teeth, thirty-two in the aggregate, performing the first process in digestion, the mastication of food.
  • 16. Between the anterior and posterior arches of each side is the tonsil gland. The tonsils are about the size of an almond, and consist of a collection of large mucous follicles.
  • 17. Salivary Glands. -- The salivary glands are of light pink color, and their secretion is of great service in mastication and digestion. There are three in number -- the parotid, submaxillary, and sublingual. The parotid is the largest; it lies on the side of the face in front of the ear, and beneath the skin. The submaxillary lies in a depression on the internal face of the lower jaw-bone. The sublingual is the smallest of the three; it is situated under the tongue.
  • 18. Pharynx. -- The pharynx is a muscular and membranous sac, communicating with the mouth, nose, oesophagus, larynx, and the tube (Eustachian) leading to the ear. Its length is about five inches, although this varies by extension and contraction. Its uses are for deglutition, respiration, and modulation of the voice
  • 19. Oesophagus. -- This is the canal that conveys the food from the pharynx to the stomach. Its length is about nine or ten inches, and its diameter is not uniform, gradually increasing (as it descends). Its upper portion is the narrowest part of the alimentary canal; and hence foreign bodies which are too large to pass through the alimentary canal are generally arrested in the neck. It never contains air. Deglutition is performed by the contraction of the longitudinal fibres of the oesophagus, which shorten the passage, and by contraction of its circular fibres successively from above downward.
  • 20. ในปำกยั ง มี น ำ ำ ลำยที ่ ผ ลิ ต จำกต่ อ มนำ ำ ำ ลำยประมำณวั น ละ 1-1.5 ลิ ต ร ในนำ ำ ำ ลำยมี เ อนไซม์ อ ะไมเลสสำมำรถย่ อ ยแป้ ง ให้ เ ป็ น นำ ำ ำ ตำล ได้ แป้ ง ที ่ ถ ู ก ย่ อ ยส่ ว นใหญ่ จ ะอยู ่ ใ นรู ป ของนำ ำ ำ ตำลโมเลกุ ล คู ่ คื อ นำ ำ ำ ตำลมอลโทส และเอนไซม์ ใ นนำ ำ ำ ลำยจะทำ ำ งำนได้ ด ี ร ะหว่ ำ งค่ ำ Ph 6.4-7.2
  • 21. เมื ่ อ เรำรั บ ประทำนอำหำรเข้ ำ ไปริ ม ฝี ป ำกและ ลิ ำ น จะทำ ำ หน้ ำ ที ่ ส ่ ง อำหำรให้ ฟ ั น บด เคี ำ ย ว
  • 22. ปำก  มี ก ำรย่ อ ยเชิ ง กลโดยกำรบดเคี ำ ย วของ ฟั น และมี ก ำรย่ อ ยเชิ ง เคมี โ ดยเอนไซม์ ใ น นำ ำ ำ ลำย ชื ่ อ อะไมเลส ย่ อ ยแป้ ง ให้ เ ป็ น นำ ำ ำ ตำ ลมอลโตสซึ ่ ง ทำ ำ งำนได้ ด ี ในสภำพเป็ น เบส เล็ ก น้ อ ย นำ ำ ำ ลำย ปำก ---- >  แป้อะไมเลส ง ------- > ( นำ ำ ำนำ ำ ำ ตำ คู ่ ) ตำลโมเลกุ ล ลมอลโตส
  • 23. ทำ ำ หน้ ำ ที ่ ร ั บ รสชำติ อ ำหำรและคลุ ก เคล้ ำ อำหำรกั บ นำ ำ ำ ลำยเพื ่ อ ให้ อ ำหำรอ่ อ นนุ ่ ม กลื น สะดวก
  • 24. นอกจำกนี ำ ใ นนำ ำ ำ ลำยยั ง มี น ำ ำ ย่ อ ยอะไมเลสช่ ว ยย่ อ ยอำหำร จำ ำ พวกแป้ ง ให้ เ ป็ น นำ ำ ำ ตำลมอลโตสซึ ่ ง ยั ง ไม่ ส ำมำรถส่ ง ไป เลี ำ ย งร่ ำ งกำยได้
  • 25. Tongue. -- The tongue is an oblong, flattened, muscular body, which varies in size and shape; it is the organ of taste, and also of importance in speech and mastication. Its posterior extremity or root is attached to a bone, called the hyoid, by yellow fibrous tissue. Its anterior extremity is called the tip; its intervening portion its body. The mucous covering of the tongue is very thick upon its upper surface, and very thin upon its under surface. Upon its upper surface are a number of projections, of various sizes and shapes, called papillae. The largest are eight or nine in number, called papillae maximae, and are situated at the posterior portion of the tongue, in two convergent lines. The smallest papillae are fine and pointed, and are found near the middle of the tongue, and are termed filiform. The tongue assists in the process of deglutition.
  • 26. Palate. -- The palate separates the back portion of the nose from the mouth, and is divided into two parts. The hard palate, of a bony base, covered by mucous membrane, which is continuous with that of the mouth; the soft palate is the membranous separation between the back portion of the mouth and nose. From the middle the uvula projects, about three quarters of an inch in length; from each side of the uvula there are two divergent creswcdentic folds of mucous membrane, which are called lateral half-arches; the space between which constitutes the fauces.
  • 27. (รสขม) (รสเปรี ำ ย ว) (รสหวำน) (รสเค็ ม )
  • 28. ทำ ำ หน้ ำ ที ่ บ ดเคี ำ ย วอำหำรให้ ม ี ข นำด เล็ ก ลง เป็ น กำรย่ อ ยเชิ ง กล
  • 29.
  • 30.
  • 31. 14.ต่ อ มนำ ำ ำ ลำย (Salivary gland เป็ น ต่ อ มที ่ ส ร้ ำ งนำ ำ ำ ลำยอยู ่ ภ ำยใน บริ เ วณนำ ำ ำ ย่ อ ยและคลุ ก เคล้ ำ อำหำร
  • 32. พบได้ ท ี ่ บ ริ เ วณกกหู ผลิ ต นำ ำ ำ ลำย ชนิ ด ใส
  • 33.
  • 34.
  • 35. พบได้ ท ี ่ บ ริ เ วณใต้ ล ิ ำ น ผลิ ต นำ ำ ำ ลำย ทั ำ ง ชนิ ด เหนี ย ว และ ใสแต่ ช นิ ด เหนี ย วจะ มำกกว่ ำ
  • 36.
  • 37. ที ่ ค อหอยจะมี แ ผ่ น ปิ ด กั ำ น หลอดลมไม่ ใ ห้ อำหำรหลุ ด เข้ ำ ไปต่ อ จำกคอหอยเป็ น ท่ อ กลวงขนำดสั ำ น มี ค วำมยำวประมำณ 25 ซ.ม. ส่ ว นปลำยของหลอดอำหำรเป็ น กล้ ำ ม เนื ำ อ หู ร ู ด ซึ ่ ง สำมำรถบี บ ตั ว ให้ หลอดอำหำรปิ ด เพื ่ อ ป้ อ งกั น ไม่ ใ ห้ อ ำหำรที อยู ่ ใ นกระเพำะอำหำรไหลย้ อ นกลั บ สู ่ หลอดอำหำรอี ก
  • 38. คอหอย ฝำปิ ด กล่ อ งเสี ย กกล่ อ งเสี ย ง
  • 39. ทำ ำ หน้ ำ ที ่ เ ป็ น ทำงผ่ ำ นของอำกำศจำก จมู ก ไป ยั ง กล่ อ งเสี ย ง (larynx) และเป็ น ทำง ผ่ ำ น ของอำหำรไปยั ง หลอดอำหำร (esophagus) รวมทั ำ ง เป็ น ตั ว ช่ ว ยทำ ำ ให้ เ กิ ด เสี ย งใน ช่ ว งนี ำ
  • 40. เป็ น ท่ อ กล้ ำ มเนื ำ อ บำงๆยำวประมำณ 5 นิ ำ ว เชื ่ อ มระหว่ ำ งช่ อ งจมู ก กั บ หลอดอำหำร (esophagus) แบ่ ง ออก ได้ เ ป็ น 3 ส่ ว นดั ง นี ำ :
  • 41. 1. คอหอยส่ ว นจมู ก ( Nasopharynx) เป็ น ส่ ว นที ่ ต ่ อ เนื ่ อ งกั บ โพรงจมู ก มี ร ู เ ปิ ด ของท่ อ Eustachian tube ซึ ่ ง มี ป ลำยด้ ำ น หนึ ่ ง ต่ อ กั บ หู ช ั ำ น กลำง ด้ ำ นหลั ง ของ nasopharynx เป็ น ที ่ อ ยู ่ ข อง pharyngeal tonsil ( ต่ อ มทอนซิ ล หลั ง โพรงจมู ก )
  • 42. 2. คอหอยส่ ว นปำก (Oropharynx) เป็ น ส่ ว นที ่ เ ปิ ด ติ ด ต่ อ กั บ ช่ อ งปำก จึ ง เป็ น ทำงผ่ ำ นร่ ว มกั น ของอำหำรและ อำกำศ ผนั ง ด้ ำ นข้ ำ งเป็ น ที ่ อ ยู ่ ข อง palatine tonsils และบริ เ วณโคนลิ ำ น เป็ น ที ่ อ ยู ่ ข อง lingual tonsils -(ต่ อ มทอนซิ ล ที ่ โ คนลิ ำ น )
  • 43. 3. คอหอยส่ ว นกล่ อ งเสี ย ง (Larynxgopharynx) เป็ น ส่ ว นล่ ำ งสุ ด ด้ ำ นหน้ ำ เปิ ด ติ ด ต่ อ กั บ กล่ อ งเสี ย ง (larynx) และมี ป ลำยล่ ำ งต่ อ อยู ่ ก ั บ esophagus เป็ น ทำงผ่ ำ นร่ ว มของ อำหำรและอำกำศ
  • 44.
  • 45. หลั ง จำกที ่ อ ำหำรถู ก เคี ำ ย วและผสมกั บ นำ ำ ำ ลำยจนอ่ อ นนิ ่ ม แล้ ว อำหำรก็ พ ร้ อ มที มท จะถู ก กลื น โดยลิ ำ น จะดั น ก้ อ นอำหำร ( Bolus ) ไปทำงด้ ำ นหลั ง ให้ ล งสู ่ ช ่ อ ง คอ ซึ ่ ง จะมี ผ ลให้ เ กิ ด รี เ ฟล็ ก ซ์ ( Reflex ) ตำมลำ ำ ดั บ ดั ง นี ำ
  • 46. 1 . เพดำนอ่ อ น ( Solf Palate ) ถู ก ดั น ยกขึ ำ น ไปปิ ด ช่ อ งจมู ก เพื ่ อ ไม่ ใ ห้ เกิ ด กำรสำ ำ ลั ก และไม่ ใ ห้ อ ำหำร เข้ ำ ไปในช่ อ งจมู ก
  • 47. 2 . เส้ น เสี ย ง ( Vocal Cord ) ถู ก ดึ ง ให้ ม ำ ชิ ด กั น และฝำปิ ด กล่ อ งเสี ย ง ( Epiglottis ) จะเคลื ่ อ นมำทำงข้ ำ งหลั ง ปิ ด หลอดลมเอำไว้ ป ้ อ งกั น ไม่ ใ ห้ อำหำรตกเข้ ำ สู ่ ห ลอดลม
  • 48.  3 . กล่ อ งเสี ย ง ( Larynx ) ถู ก ยกขึ ำ น ทำ ำ ให้ ร ู เ ปิ ด ช่ อ งคอมี ขนำดใหญ่ ข ึ ำ น
  • 49. 4. กล้ ำ มเนื ำ อ บริ เ วณคอหอยหดตั ว ให้ ก้ อ นอำหำร (Bolus) เคลื ่ อ นลงไปใน หลอดอำหำรได้ โ ดยไม่ พ ลั ด ตกลงไป ในหลอดลมหรื อ เคลื ่ อ นขึ ำ น ไปในช่ อ ง จมู ก
  • 50.
  • 51. มี ล ั ก ษณะเป็ น กล้ ำ มเนื ำ อ เรี ย บ มี ก ำรย่ อ ยเชิ ง กลโดย กำรบี บ ตั ว ของกล้ ำ มเนื ำ อ ทำงเดิ น อำหำรเป็ น ช่ ว งๆ เรี ย กว่ ำ “เพอริ ส ตั ล ซิ ส (peristalsis)” เพื ่ อ ให้ อ ำหำร เคลื ่ อ นที ่ ล งสู ่ ก ระเพำะอำหำร
  • 52. หลอดอำหำร ทำ ำ หน้ ำ ที ่ ห ดตั ว บี บ อำหำรลงสู ่ กระเพำะอำหำร เพรำะหลอดอำหำรมี ผ นั ง มี ก ล้ ำ ม เนื ำ อ ที ่ ย ึ ด และหดตั ว ได้ บริ เ วณคอหอยมี ช ่ อ งเปิ ด เข้ ำ สู ่ ห ลอดลมและหลอดอำหำร โดยส่ ว นบนของ หลอดลมจะมี แ ผ่ น กระดู ก อ่ อ นปิ ด กั ำ น กั น อำหำรไม่ ให้ เ ข้ ำ สู ่ ห ลอดลม ไม่ ม ี ต ่ อ มสร้ ำ งนำ ำ ำ ย่ อ ยแต่ ม ี ต ่ อ ม ขั บ นำ ำ ำ เมื อ กช่ ว ยให้ อ ำหำรใหลผ่ ำ นได้ ส ะดวก
  • 53.
  • 54. หลอดอำหำรไม่ ม ี ห น้ ำ ที ่ ใ นกำรย่ อ ยอำหำรแต่ ทำ ำ หน้ ำ ที ่ เ ป็ น ทำงลำ ำ เลี ย งอำหำรไปสู ่ กระเพำะอำหำรเท่ ำ นั ำ น
  • 55.
  • 56. stomach เป็ น อวั ย วะที ่ อ ยู ่ ต ่ อ จำกหลอดอำหำร ตั ำ ง อยู ่ บ ริ เ วณ ใต้ ท รวงอก ส่ ว นบนของกระเพำะอำหำร จะเชื ่ อ มต่ อ กั บ หลอดอำหำร และส่ ว นปลำยเชื ่ อ มต่ อ กั บ ลำ ำ ไส้ เ ล็ ก มี ลั ก ษณะเป็ น กล้ ำ มเนื ำ อ หู ร ู ด เพื ่ อ ป้ อ งกั น ไม่ ใ ห้ อ ำหำรที ่
  • 57. กระเพำะอำหำรของคนเรำขณะไม่ ม ี อ ำหำรอยู ่ ม ี ข นำด ประมำณ50 ลู ก บำศก์ เ ซนติ เ มตร แต่ ส ำมำรถขยำยได้ อี ก 10- 40 เท่ ำ เมื ่ อ มี อ ำหำรอยู ่
  • 58. กระเพำะอำหำรมี ก ำรย่ อ ยเชิ ง กลโดย กำรบี บ ตั ว ของกล้ ำ มเนื ำ อ ทำงเดิ น อำหำรและมี ก ำรย่ อ ยเชิ ง เคมี โ ดยเอน ไซม์ เ ปปซิ น (Pepsin ) และเรนนิ น
  • 59. เปปซิ น จะทำ ำ งำนได้ ด ี ใ นสภำพเป็ น กรด ซึ ่ ง กระเพำะ จะสร้ ำ ง กรดไฮโดคลอริ ก ( HCl ) ขึ ำ น มำ และเปปซิ น เปปซิ น จะย่ อ ยโปรตี น ให้ เ ป็ น เปปไตด์ ( Peptide ) กระเพำะ -------> โปรตี น   ------->  เปปไตด์
  • 60. Stomach. -- The stomach is a conoidal sac, somewhat bent or curved, and situated below the breast-bone or in the epigastric region. The left extremity is much the larger, and terminates in a rounded sac; at the upper portions of this extremity is the cardiac orifice where the oesophagus is continued into the stomach, immediately below the diaphragm. The right extremity is continuous with the intestines, and its orifice is called the pyloric. The structure of the pylorus is much thicker than that of any other portion. The stomach is held in its position by the oesophagus and the duodenum, as well as by reflexions of the peritoneum. The upper and lower curvatures of the stomach are called the greater and lesser curvatures. Near the pyloric extremity of the stomach is a small dilatation called the antrum pylori. The dimensions of the stomach are variable, depending upon the mode of life. It has four coats; the peritoneal, muscular, cellular and mucous.
  • 61. In the stomach the food receives the admixture of the gastric juice, which is the solvent agent of digestion. The fluids taken into the stomach are for the most part absorbed from it; the solids, with the exception of the insoluble parts, are by the action of the gastric juice reduced to a substance called chyme, which in general is grayish, semi-fluid, homogeneous, with a slightly acid taste and smell. The chyme is then poured into the duodenum through the pyloric orifice for the subsequent action of the intestines.
  • 62. โปรตี น ถู ก ย่ อ ยที ่ ก ระเพำะโดย *เอนไซม์ เปปซิ น ย่ อ ยพวกเนื ำ อ สั ต ว์ *เอนไซม์ เรนนิ น ย่ อ ยพวกนม หลั ง จำกสลำยโมเลกุ ล มั น จะได้ เปปไทด์ ทั ำ ง สอง เปปไทด์ ถ ู ก ย่ อ ยอี ก ที ท ี ่ ล ำ ำ ไส้ เ ล็ ก เปปไทด์ ถู ก สลำย โมเลกุ ล โดย อะมิ โ นเปปไทด์ ได้ เ ป็ น กรดอะมิ โ น
  • 63. กำรย่ อ ยในกระเพำะอำหำร ผนั ง กระเพำะอำหำรมี ก ล้ ำ มเนื ำ อ หนำแข็ ง แรงมำก และยื ด หยุ ่ น ภำวะปกติ ม ี ข นำด 50 ลบ.ซม. เมื ่ อ มี อำหำรจะขยำยควำมจุ ไ ด้ ถ ึ ง 1,000-1,200 ลบ.ซม. กระเพำะอำหำรมี ก ล้ ำ มเนื ำ อ หู ร ู ด 2 แห่ ง คื อ หู ร ู ด ส่ ว นต้ น ที ่ ต ่ อ กั บ หลอดอำหำร และกล้ ำ มเนื ำ อ หู ร ู ท ี ่ ต่ อ กั บ ลำ ำ ไส้ เ ล็ ก กระเพำะอำหำรจะสร้ ำ งกรดเกลื อ (ไฮโดรคลอ ริ ก )และเอนไซม์ ตำมปกติ อ ำหำรจะอยู ่ ใ นกระเพำะ อำหำรประมำณ 30 นำที ถึ ง 3 ชั ่ ว โมง ขึ ำ น อยู ่ ก ั บ ชนิ ด ของอำหำรเอนไซม์ ท ี ่ กระเพำะอำหำรสร้ ำ ง ได้ แ ก่ เพปซิ น ทำ ำ หน้ ำ ที ่ ย ่ อ ย โปรตี น โมเลกุ ล ใหญ่ ใ ห้ เ ป็ น โมเลกุ ล เล็ ก ลง แต่ ย ั ง ไม่ เ ล็ ก ที ่ ส ุ ด ที ่ จ ะสำมำรถแพร่ เ ข้ ำ สู ่ เ ซลล์ ไ ด้
  • 64. กระเพำะอำหำร (Stomach) มี ค วำมจุ 3-5 ลิ ต ร ทำ ำ หน้ ำ ที ่ ย ่ อ ย อำหำร ในขั ำ น ต้ น ให้ เ ป็ น โมเลกุ ล เล็ ก ลง ผนั ง กระเพำะอำหำรแต่ ล ะส่ ว มี ห น้ ำ ที ่ ในกำรผลิ ต นำ ำ ำ ย่ อ ย (Gastric juice) และของเหลวที ่ ม ี ค ุ ณ สมบ แตกต่ ำ งกั น ทำ ำ ให้ ภ ำยในกระเพำะอำหำรมี ส ภำพเป็ น กรด
  • 65. แต่ ล ะส่ ว นมี ล ั ก ษณะดั ง นี ำ 1. ส่ ว นต่ อ กั บ หลอดอำหำร (Esophageal region) เป็ น เยื ่ อ บุ ช ั ำ น เดี ย ว ไม่ ม ี ก ำรผลิ ต นำ ำ ำ ย่ อ ย 2. ส่ ว นตอนกลำง (Cardiac gland region) เป็ น ส่ ว นที ่ ม ี ข นำดใหญ่ ท ี ่ ส ุ ด คลุ ม พื ำ น ที ่ ส ่ ว นใหญ่ ตอนกลำงของกระเพำะอำหำร ทำ ำ หน้ ำ ที ่ ผ ลิ ต นำ ำ ำ เมื อ ก (mucus) 3. ส่ ว นตอนล่ ำ ง (Fundic gland region) เป็ น ส่ ว น ด้ ำ นล่ ำ ง ทำ ำ หน้ ำ ที ่ ผ ลิ ต ทั ำ ง นำ ำ ำ ย่ อ ยหลำยชนิ ด และ กรดเกลื อ (Hcl) 4. ส่ ว นต่ อ กั บ ลำ ำ ไส้ เ ล็ ก (Pyloric gland region) เป็ น ส่ ว นด้ ำ นล่ ำ งติ ด กั บ ลำ ำ ไส้ เ ล็ ก มี พ ื ำ น ที ่ เ พี ย งเล็ ก น้ อ ย ทำ ำ หน้ ำ ที ่ ผ ลิ ต นำ ำ ำ ย่ อ ยหลำยชนิ ด และ ฮอร์ โ มนกำส ตริ น (Gastrin Hormone) ซึ ่ ง กระตุ ้ น กำร เคลื ่ อ นไหว
  • 66.
  • 67.
  • 68. กระเพำะอำหำรผลิ ต นำ ำ ำ ย่ อ ยเปปซิ น และเรน นิ น ออกมำย่ อ ยอำหำรพวกโปรตี น เท่ ำ นั ำ น โดยกระเพำะอำหำรจะบี บ รั ด ตั ว ให้ อ ำหำร คลุ ก เคล้ ำ กั บ นำ ำ ำ ย่ อ ย โปรตี น ที ่ ย ่ อ ยแล้ ว ยั ง ไม่ ส ำมำรถส่ ง ไปเลี ำ ย งร่ ำ งกำยได้ อ ำหำรจึ ง เคลื ่ อ นตั ว สู ่ ล ำ ำ ไส้ เ ล็ ก
  • 69.
  • 70. เอนไซม์ ( Enzyme) เป็ น สำรประกอบประเภทโปรตี น ที ่ ร ่ ำ งกำยสร้ ำ งขึ ำ น เพื ่ อ ทำ ำ หน้ ำ ที ่ เ ร่ ง อั ต รำกำรเกิ ด ปฎิ ก ิ ร ิ ย ำเคมี ใ นร่ ำ งกำย เอนไซม์ ท ี ่ ใ ช้ ใ นกำรย่ อ ยสำรอำหำรเรี ย กว่ ำ “ นำ ำ ำ ย่ อ ย ”
  • 71. เอนไซม์ ม ี ส มบั ต ิ ท ี ่ ส ำ ำ คั ญ ดั ง นี ำ *เป็ น สำรประเภทโปรตี น ที ่ ส ร้ ำ งขึ ำ น จำกเซลล์ ข องสิ ่ ง มี ช ี ว ิ ต *ช่ ว ยเร่ ง ปฎิ ก ิ ร ิ ย ำในกำรย่ อ ยอำหำรให้ เ ร็ ว ขึ ำ น และเมื ่ อ เร่ ง ปฎิ กิ ร ิ ย ำแล้ ว ยั ง คงมี ส ภำพเดิ ม สำมำรถใช้ เ ร่ ง ปฎิ ก ิ ร ิ ย ำโมเลกุ ล อื ่ น ได้ อ ี ก
  • 72. กำรทำ ำ งำนของเอนไซม์ จำ ำ แนก ได้ ด ั ง นี ำ *เอนไซม์ ใ นนำ ำ ำ ลำย     ทำ ำ งำนได้ ด ี ใ นสภำวะเป็ น เบส เล็ ก น้ อ ยเป็ น กลำงหรื อ กรดเล็ ก น้ อ ยจะขึ ำ น อยู ่ ก ั บ ชนิ ด
  • 73.
  • 74. *เอนไซม์ ใ นลำ ำ ไส้ เ ล็ ก ทำ ำ งำนได้ ด ี ใ นสภำวะ เป็ น เบสและอุ ณ ภู ม ิ ป กติ ร ่ ำ งกำย 37 ๐ C
  • 75. Intestines. -- The intestinal canal is from thirty to thirty-five feet in length, and is divided into large and small intestines. The small intestine is four-fifths of the length of the whole canal, reaching from the pylorus to the large intestine; it is cylindrical, and about one inch in diameter; there is a gradual diminution in calibre as it descends. Its coats are the same as those of the stomach. The mucous coat is very vascular, and its absorbents are very numerous. The glands are the crypts or follicles of Lieberkuhn, the glands of Peyer, the solitary glands, and Brunner's glands.
  • 76. The small intestine is divided into duodenum, jejunam, and ileum. The Duodenum commences at the pylorus, and is about twelve inches long. The common duct formed by the junction of the bile and gall ducts opens into it about four or five inches from the pylorus. The Jejunum (from jejunus, empty) constitutes the upper two-fifths of the small intestine, and the ileum the remaining three-fifths
  • 77. ำไส้ เ ล็ ก เป็ น ทำงเดิ น อำหำรที ่ ส ำ ำ คั ญ ที ่ ส ุ ด และมี ค วำมยำวท ลั ก ษณะเป็ น ท่ อ ยำวประมำณ 6-8 เมตร ขดอยู ่ ใ นช่ อ งท้ อ ง
  • 78. *ลำ ำ ไส้ เ ล็ ก ส่ ว นต้ น ต่ อ จำกกระเพำะอำหำร ยำวประมำณ 30 เซนติ เ มตร เรี ย ก ดู โ อดิ น ั ม *ลำ ำ ไส้ เ ล็ ก ส่ ว นกลำงยำวประมำณ 2.5 เมตร เรี ย ก เจจู น ั ม *ลำ ำ ไส้ เ ล็ ก ส่ ว นสุ ด ท้ ำ ยยำวประมำณ 4 เมตร เรี ย ก ไอเลี ย ม *ผนั ง ด้ ำ นในของลำ ำ ไส้ เ ล็ ก มี ล ั ก ษณะเป็ น ปุ ่ ม ไม่ เ รี ย บ เรี ย กว่ ำ วิ ล ไล
  • 79. บริ เ วณลำ ำ ไส้ ต อนต้ น (Duodenum) จะมี น ำ ำ ย่ อ ยจำก3แหล่ ง มำผสมกั บ ไคม์ C hyme (อำหำรที ่ ค ลุ ก เคล้ ำ กั บ นำ ำ ำ ย่ อ ยและถู ก ย่ อ ยไปบำง ส่ ว น มี ล ั ก ษณะคล้ ำ ยซุ ป ข้ น ๆ) ได้ แ ก่ *นำ ำ ำ ย่ อ ยจำกผนั ง ลำ ำ ไส้ เ ล็ ก (Intestinal Juice) *นำ ำ ำ ย่ อ ยจำกตั บ อ่ อ น (Pancreatic Juice) *นำ ำ ำ ดี (Bile) จำกตั บ (Liver) ซึ ่ ง นำ ำ มำเก็ บ ไว้ ท ี ่ ถ ุ ง นำ ำ ำ ดี
  • 80. กำรย่ อ ยที ่ ใ นลำ ำ ไส้ เ ล็ ก ต้ อ งอำศั ย เอนไซม์ จ ำกตั บ อ่ อ น (Pancreas) ซึ ่ ง ประกอบด้ ว ยเอนไซม์ ต ่ ำ งๆดั ง นี ำ 1. ทริ ป ซิ น (Trypsin) เป็ น เอนไซม์ ท ี ่ ย ่ อ ยโปรตี น หรื อ เพป ไทด์ ใ ห้ เ ป็ น กรดอะมิ โ น 2. อะไมเลส (Amylase) เป็ น เอนไซม์ ท ี ่ ย ่ อ ยแป้ ง ให้ เ ป็ น นำ ำ ำ ตำลกลู โ คส 3. ไลเพส ( Lipase) เป็ น เอนไซม์ ท ี ่ ย ่ อ ยไขมั น ให้ เ ป็ น กรดไข
  • 81. ลำ ำ ไส้ เ ล็ ก จะทำ ำ หน้ ำ ที ่ ย ่ อ ยอำหำรทุ ก ประเภทคื อ โปรตี น คำร์ โ บไฮเดรต และไขมั น และอำหำรที ่ ถ ู ก ย่ อ ยแล้ ว จะถู ก ดู ด ซึ ม ผ่ ำ นผนั ง ลำ ำ ไส้ เ ล็ ก เข้ ำ สู ่ ห ลอดเลื อ ด กำรย่ อ ยอำหำรในลำ ำ ไส้ เ ล็ ก เกิ ด จำกกำรทำ ำ งำนร่ ว มกั น ของ เอนไซม์ ห ลำยชนิ ด จำกแหล่ ง ต่ ำ งๆ
  • 82. กำรย่ อ ยในลำ ำ ไส้ เ ล็ ก อำหำรจะเคลื ่ อ นจำกกระเพำะอำหำรผ่ ำ นกล้ ำ ม เนื ำ อ หู ร ู ด เข้ ำ สู ่ ล ำ ำ ไส้ เ ล็ ก กำรย่ อ ยอำหำรใน ลำ ำ ไส้ เ ล็ ก เกิ ด จำกกำรทำ ำ งำนของอวั ย วะ 3 ชนิ ด คื อ ตั บ อ่ อ น ผนั ง ลำ ำ ไส้ เ ล็ ก และตั บ
  • 83. นำ ำ ำ ย่ อ ยของลำ ำ ไส้ เ ล็ ก     นำ ำ ำ ย่ อ ยของลำ ำ ไส้ เ ล็ ก (Intestinal Juices) เป็ น เอนไซม์ ท ี ่ ส ร้ ำ งมำจำกผนั ง ของลำ ำ ไส้ เ ล็ ก เอง ประกอบ ด้ ว ยเอนไซม์ ห ลำยชนิ ด ดั ง นี ำ *ไดเปปดิ เ ดส(Dipeptidase)ย่ อ ยไดเปปไทด์ D ipep          ่ ไ ด้ จ ำกเปปซิ น ทริ ป ซิ น  ให้ เ ป็ น Amino Acid tideที
  • 84. *มอลเทส(Maltase)ย่ อ ยMaltoseได้ G lucose + Glucese *ซู เ ครส(Sucraes)ย่ อ ยSucroseได้ G lucose + Fructose *แลกเตส(Lactaes) ย่ อ ยนำ ำ ำ ตำล นมเป็ น Glucose + Galactose
  • 85.    * *ไลเปส (Lipaes)ย่ อ ย Fatได้ Fatty Acid + Glycerol *ซู เ ครส(Sucrase)ย่ อ ย Sucrose ให้ เ ป็ น Glucose + Fructose *อะไมเลส( Amylase )ย่ อ ยแป้ ง ให้ เ ป็ น เดกซิ ด ริ น และมอส โตส *อะมิ โ นเปปซิ เ ดสย่ อ ยเปปไทด์ เ ป็ น กรดอะมิ โ น
  • 86. ง คื อ ส่ ว นของลำ ำ ไส้ ใ หญ่ ท ี ่ ย ื ่ น ออกมำเป็ น ติ ่ ง อยู ่ ต รงบริ เ วณด้ ำ นขว ำดเท่ ำ ปลำยนิ ำ ว ก้ อ ย ยำวตั ำ ง แต่ 2-20 เซนติ เ มตรมี ร ู ต ิ ด ต่ อ กั บ ลำ ำ ไส มนั ำ น เรำยั ง ไม่ ท รำบแน่ ช ั ด ว่ ำ ไส้ ต ิ ่ ง ทำ ำ หน้ ำ ที ่ อ ะไร มี ป ระโยชน์ ห รื คนคิ ด ว่ ำ ไส้ ต ิ ่ ง เป็ น ส่ ว นเกิ น ของร่ ำ งกำย เมื ่ อ มี เ หตุ ใ ห้ ต ้ อ งผ่ ำ ตั ด ท้ อ ง จึ ง ผ่ ำ ไส้ ต ิ ่ ง ทิ ำ ง ไปด้ ว ย เพรำะเกรงไส้ ต ิ ่ ง จะสร้ ำ งปั ญ หำหำกกล ส้ ต ิ ่ ง อั ก เสบขึ ำ น มำแต่ ม ี ง ำนวิ จ ั ย ที ่ ค ้ น พบว่ ำ ไส้ ต ิ ่ ง นั ำ น มี ป ระโยชน์ ค ่ ะ
  • 87. ไส้ ต ิ ่ ง มี ไ ว้ ท ำ ำ อะไร    ไส้ ต ิ ่ ง มี ห น้ ำ ที ่ ส ร้ ำ งและปกป้ อ งเชื ำ อ จุ ล ิ น ทรี ย ์ ใ นช่ อ งท้ อ งของค เรำ จุ ล ิ น ทรี ย ์ ท ี ่ ว ่ ำ นี ำ ช ่ ว ยในระบบกำรย่ อ ยอำหำร นอกจำกนี ำ ไ ส้ ต ิ ่ ง ยั ง ทำ ำ หน้ ำ ที ่ ก ระตุ ้ น ระบบย่ อ ยอำหำรให้ ก ลั บ มำทำ ำ งำนอย่ ำ งมี ประสิ ท ธิ ภ ำพ ในกรณี ท ี ่ ถ ู ก เชื ำ อ โรคอหิ ว ำต์ ห รื อ เชื ำ อ โรคบิ ด
  • 88.  6  ลำ ำ ไส้ ใ หญ่ ( large intestine) ที ่ ล ำ ำ ไส้ ใ หญ่ ไ ม่ ม ี กำรย่ อ ย  แต่ ท ำ ำ หน้ ำ ที ่ เ ก็ บ กำกอำหำรและดู ด ซึ ม นำ ำ ำ ออกจำก กำกอำหำร  ดั ง นั ำ น ถ้ ำ ไม่ ถ ่ ำ ยอุ จ จำระเป็ น เวลำหลำยวั น ติ ด ต่ อ กั น จะทำ ำ ให้ เ กิ ด อำกำรท้ อ งผู ก
  • 89. The large intestine reaches from the ileum to the anus, and is one-fifth in length of the whole canal; it differs much from the small intestine, and has a sacculated appearance. It likewise has four coats. It is divided into caecum, colon, and rectum. The Caecum is a cul-de-sac or blind sac, and the commencement of the large intestine, and hence often called the caput coli. At the inferior portion is a worm-like process called the appendix vermiformis. On the side of the caecum is the ileo-caecal valve, an elliptical opening whereby the small intestine empties into the large. The Colon is the largest portion of the large intestine; gradually diminishes in diameter until it terminates in the sigmoid or S-like flexure on the left side. It ascends on the right side, and forming an arch transversely, descends upon the left side. The Rectum is the terminating portion of the large intestine, and reaches from the sigmoid flexure to the anus. It is somewhat barrel-shaped, being larger  in the middle than at either end. 
  • 90. สรุ ป กำรย่ อ ยสำรอำหำรประเภทต่ ำ งๆ ในลำ ำ ไส้ เ ล็ ก คำร์ โ บไฮเดรต                                                                 แป้ ง                         อะไมเลส             มอลโทส                                                                 มอลโทส                มอลเทส              กลู โ คส + กลู โ คส                                                                 ซู โ ครส                   ซู เ ครส                กลู โ คส + ฟรั ก โทส                                                                 แล็ ก โทส                แล็ ก เทส               กลู โ คส + กำแล็ ก โทส
  • 91. โปรตี น                เพปไทด์                  ทริ ป ซิ น                    กรด อะมิ โ น ไขมั น ขมั น   นำ ำ ำ ดี     ย่ อ ยโมเลกุ ล ของไขมั น ขนำดเล็ ก     ไลเพส   กรดไขมั น + กลี เ ซอรอ
  • 92. อำหำรเมื ่ อ ถู ก ย่ อ ยเป็ น โมเลกุ ล เล็ ก ที ่ ส ุ ด แล้ ว   จะถู ก ดู ด ซึ ม ที ่ ลำ ำ ไส้ เ ล็ ก   โดยโครงสร้ ำ งที ่ เ รี ย กว่ ำ ”วิ ล ลั ส ”(villus)ซึ ่ ง มี ล ั ก ษณะคล้ ำ ย นิ ำ ว มื อ ที ่ ย ื ่ น ออกมำจำกผนั ง ของลำ ำ ไส้ เ ล็ ก  ทำ ำ หน้ ำ ที ่ เ พิ ่ ม พื ำ น ที ่ ผ ิ ว ในกำรดู ด ซึ ม อำหำร
  • 93. 1.โปรตี น ถู ก ย่ อ ยโดยนำ ำ ำ ย่ อ ย ทริ ป ซิ น จนได้ โ มเลกุ ล เล็ ก ที ่ ส ุ ด คื อ กรดอะมิ โ น ลำ ำ ไส้ เ ล็ ก ทริ ป ซิ น โปรตี น กรดอะมิ โ น
  • 94. ลำ ำ ไส้ เ ล็ ก
  • 95. 3. ไขมั น ซึ ่ ง ถู ก ย่ อ ยเป็ น ครั ำ ง แรกต้ อ ง อำศั ย นำ ำ ำ ดี จ ำกตั บ ช่ ว ยทำ ำ ให้ ไ ขมั น แตกตั ว เป็ น เม็ ด เล็ ก ๆ ลำ ำ ไส้ เ ล็ ก ตั บ ไขมั น ไขมั น แตกตั ว เป็ น เม็ ด เล็ ก ๆ นำ ำ ำ ดี
  • 96. แล้ ว นำ ำ ำ ย่ อ ยไลเปสจำกตั บ อ่ อ นและ ลำ ำ ไส้ เ ล็ ก ย่ อ ยไขมั น จนได้ โ มเลกุ ล เล็ ก ที ่ ส ุ ด คื อ กรดไขมั น และกลี เ ซอรอล ลำ ำ ไส้ เ ล็ ก ตั บ อ่ อ น ไขมั น กรดไขมั น +กลี เ ซอรอล ไลเป ส
  • 97. คำร์ โ บไฮเดร   กลู โ คส   ต   โปรตี น กรดอะมิ โ น    กรดไขมั น และกลี เ ซ   ไขมั น อรอล
  • 98. สรุ ป ได้ ว ่ ำ สำรอำหำรประเภทคำร์ โ บไฮเดรต โปรตี น และไขมั น จะถู ก ย่ อ ยอย่ ำ งสมบู ร ณ์ ท ี ่ ล ำ ำ ไส้ เ ล็ ก จนได้
  • 99. ส่ ว นกำกอำหำรที ่ เ หลื อ จำกกำรย่ อ ยและ ย่ อ ยไม่ ไ ด้
  • 100.
  • 101.
  • 102. ตั บ อ่ อ น ทำ ำ หน้ ำ ที ่ ส ร้ ำ งเอนไซม์ ห ลำยชนิ ด เช่ น * อะไมเลส ย่ อ ยคำร์ โ บไฮเดรตให้ เ ป็ น กลู โ คส *ไลเพส ย่ อ ยไขมั น ให้ เ ป็ น กรดไขมั น และกลี เ ซลรอล *ทริ ป ซิ น ย่ อ ยโปรตี น ให้ เ ป็ น กรดอะมิ โ น นอกจำกนี ำ ตั บ อ่ อ นยั ง สร้ ำ งสำรโซเดี ย มไฮโดรเจน คำร์ บ อ เนต ซึ ่ ง มี ฤ ทธิ ์ เ ป็ น เบสอ่ อ นออกมำเพื ่ อ ลด ควำมเป็ น กรดของอำหำรที ่ ม ำจำกกระเพำะอำหำร
  • 103. ตับอ่อน ช่วงแรกเรียกว่า ท่อแพนครีเอติค ( pancreatic duct) ช่วงหลังเรียกว่าท่อจาก ตับอ่อน ( hepato pancreaticduct) หน้าที่ ของตับอ่อนสรุปได้ดงนี้ ั มีตอมสร้างนำ้าย่อยหลายชนิดส่งให้ ่ ลำาไส้เล็กทำาหน้าที่ย่อย แป้ง โปรตีนและไข มัน มีตอมไร้ท่อควบคุมนำ้าตาลในเลือด ่ สร้างสารที่เป็นด่างกระตุ้นให้นำ้าย่อยใน ลำาไส้เล็กทำางานได้ดี โดยเฉพาะเอนไซม์
  • 104.
  • 105. ตั บ เป็ น อวั ย วะที ่ ผ ลิ ต นำ ำ ำ ดี แ ละส่ ง ไปเก็ บ ไว้ ท ี ่ ถ ุ ง นำ ำ ำ ดี ซึ ่ ง มี ท่ อ ติ ด ต่ อ กั บ ลำ ำ ไส้ เ ล็ ก   เมื ่ อ อำหำรผ่ ำ นเข้ ำ มำในลำ ำ ไส้ เ ล็ ก   จะมี ก ำรกระ ตุ ้ น ให้ น ำ ำำ ดี หลั ่ ง ออกมำ   นำ ำ ำ ดี จ ะช่ ว ยให้ ไ ขมั น แตกตั ว ออกเป็ น เม็ ด เล็ ก ๆ  
  • 106. ตั บ เป็ น อวั ย วะซึ ่ ง มี ต ่ อ มที ่ ใ หญ่ ท ี ่ ส ุ ด ของร่ ำ งกำย อยู ่ ช ่ อ งท้ อ ง ใต้ ก ระบั ง ลม ทำ ำ หน้ ำ ที ่ ส ร้ ำ งนำ ำ ำ ดี แ ล้ ว นำ ำ ไปเก็ บ สะสมไว้ ใ นถุ ง นำ ำ ำ ดี น ำ ำ ดี ประกอบด้ ว ยเกลื อ นำ ำ ำ ดี และรงควั ต ถุ น ำ ำ ดี ท่ อ นำ ำ นำ ำ ำ ดี ช่ ว งแรกเรี ย กว่ ำ common bile duct ช่ ว งสุ ด ท้ ำ ยก่ อ นที ่ จ ะเปิ ด เข้ ำ ลำ ำ ไส้ เ ล็ ก โดยไปรวมกั บ ท่ อ จำกตั บ อ่ อ นเรี ย กว่ ำ hepato pancreatic duct
  • 107. นำ ำ ำ ดี ( bile)  เป็ น สำรที ่ ผ ลิ ต มำจำกตั บ (liver)แล้ ว ไปเก็ บ ไว้ ท ี ่ ถ ุ ง นำ ำ ำ ดี ( gall  bladder)นำ ำ ำ ดี ไ ม่ ใ ช่ เ อนไซม์ เ พรำะ ไม่ ใ ช่ ส ำรประกอบประเภทโปรตี น   โดยนำ ำ ำ ดี จ ะทำ ำ หน้ ำ ที ่ ย่ อ ยโมเลกุ ล ของไขมั น ให้ เ ล็ ก ลง  แล้ ว นำ ำ ำ ย่ อ ยจำกตั บ อ่ อ นจะย่ อ ยต่ อ ทำ ำ ให้ ไ ด้ อ นุ ภ ำคที ่ เ ล็ ก ที ่ ส ุ ด ที ่ ส ำมำรถแพร่ เข้ ำ สู ่ เ ซลล์
  • 108. ทำ ำ หน้ ำ ที ่ ก ำ ำ จั ด ของเสี ย ที ่ ม ำจำก ทำงเดิ น อำหำรผ่ ำ นทำงหลอดเลื อ ด ที ่ ม ำจำกลำ ำ ไส้ ส ่ ว นต่ ำ งๆ
  • 109. ตั บ ทำ ำ หน้ ำ ที ่ ส ร้ ำ งนำ ำ ำ ดี เ ก็ บ ไว้ ท ี ่ ถ ุ ง นำ ำ ำ ดี จำก ถุ ง นำ ำ ำ ดี ม ี ท ่ อ มำเปิ ด เข้ ำ สู ่ ล ำ ำ ไส้ เ ล็ ก ส่ ว นดู โ อ ดิ น ั ม นำ ำ ำ ดี จ ะช่ ว ยกระจำยไขมั น ให้ แ ตกตั ว ออก เป็ น เม็ ด เล็ ก ๆ แล้ ว เอนไซม์ ไ ลเพสจะทำ ำ กำร ย่ อ ยต่ อ ไป จนได้ ก รดไขมั น และกลี เ ซอรอล นอกจำกนี ำ ต ั บ ยั ง ทำ ำ หน้ ำ ที ่ ท ำ ำ ลำยเชื ำ อ โรคและสำรบำงชนิ ด ที ่ เ ป็ น อั น ตรำยต่ อ ร่ ำ งกำย รวมทั ำ ง เก็ บ สะสมวิ ต ำมิ น และธำตุ เหล็ ก
  • 110. ถุ ง นำ ำ ำ ดี (Gall bladder) เป็ น ส่ ว นประกอบที ่ ส ำ ำ คั ญ ในกำรย่ อ ยอำหำรพวกไขมั น เมื ่ อ เรำ รั บ ประทำนอำหำร ถุ ง นำ ำ ำ ดี จ ะบี บ ตั ว เพื ่ อ ปล่ อ ยนำ ำ ำ ดี ป ริ ม ำณมำก ลงมำในลำ ำ ไส้ เ พื ่ อ ทำ ำ หน้ ำ ที ่ ใ นกำรช่ ว ยย่ อ ยอำหำร นำ ำ ำ ดี ม ี ฤ ทธิ ์ เป็ น เบสอ่ อ น ๆ   นำ ำ ำ ดี ไ ม่ ใ ช่ เ อนไซม์ เพรำะไม่ ใ ช่ ส ำรประเภท โปรตี น จึ ง ไม่ ม ี ห น้ ำ ที ่ เ กี ่ ย วกั บ กำรย่ อ ยโดยตรง
  • 111.
  • 112. เป็ น อวั ย วะที ่ อ ่ อ นนุ ่ ม โอบล้ อ มด้ ว ยลำ ำ ไส้ ส ่ ว นดู โ อดิ น ั ม ตำ ำ แหน่ ง ในช่ อ งท้ อ งจะอยู ่ เ หนื อ บริ เ วณสะดื อ เล็ ก น้ อ ย ข้ ำ งหน้ ำ จะถู ก
  • 113.
  • 114. นำ ำ ำ ย่ อ ยของตั บ อ่ อ น         นำำำย่อยของตับอ่อน (Pancreatic Juice) เป็นเอนไซม์ที่สร้ำงมำจำกตับอ่อน (Pancreas) มีสภำพเป็นเบส ประกอบด้วย          *โซเดียมไบคำร์บอเนต (NaHCO3) มีคุณสมบัติเป็นเบส จึงถือว่ำเหมำะสมทีจะ ่ ทำำให้ลำำไส้เล็กมีสภำวะเป็นเบส ซึงเอนไซม์ต่ำงๆ (จำก 3 แหล่ง) จะทำำงำนได้ ่ (ยกเว้น Pepsin จำกกระเพำะอำหำรจะหมดประสิทธิภำพ) เพรำะในขณะทีอำหำร ่ ผ่ำนกระเพำะอำหำรมีสภำวะเป็นกรด         
  • 115. นำ ำ ำ ย่ อ ยของตั บ อ่ อ น   * อะไมเลส (Amylase) ทำ ำ หน้ ำ ที ่ ย ่ อ ยแป้ ง (Starch) และ เด็ ก ทริ น (Dextrin) มอลโทส (Maltose)       * ไลเปส (Lipase) ทำ ำ หน้ ำ ที ่ ย ่ อ ยไขมั น (Fat) กรดไขมั น (Fatty Acid) และกลี เ ซอรอล (Grycerol)
  • 116. นำ ำ ำ ย่ อ ยของตั บ อ่ อ น * ทริพซิโนเจน (Trypsinogen) (เมือเกิดใหม่ๆ ยังเป็นเอนไซม์ทย่อยอำหำรไม่ได้ ่ ี่ แต่เมือผ่ำนถึงลำำไส้เล็กตอนต้น จะเปลี่ยนสภำพเป็น Trypsin โดยอำศัยเอนไซม์ ่ Enterokinase จำกผนังลำำไส้เล็กช่วย เอนไซม์ Trypsin จะย่อย Protein และ Polypeptide Peptide (Trypsin ย่อยโปรตีนต่อจำก Pepsin ซึงหมด ่ หน้ำทีเมื่ออำหำรมีสภำพเป็นเบส เพรำะ Pepsin ทำำหน้ำที่ได้ดีในสภำวะทีเป็นก ่ ่ รดสูง)
  • 117. นำ ำ ำ ย่ อ ยของตั บ อ่ อ น *ไคโมทริ พ ซิ น (Chymotrypsin) ย่ อ ย Polypeptide (ต่ อ จำก Trypsin )  * คำร์ บ อกซี เ ปปติ เ ดส (Carboxypeptidase) ย่ อ ย Peptideได้ A mino Acid
  • 118. 1.ระบบทำงเดิ น อำหำร ตั บ อ่ อ นให้ น ำ ำ ย่ อ ยอำหำรหลำยชนิ ด เช่ น *ไลเปส   ทำ ำ หน้ ำ ที ่ ย ่ อ ยไขมั น * อะไมเลส ทำ ำ หน้ ำ ที ่ ย ่ อ ยแป้ ง * ทริ ป ซิ น ทำ ำ หน้ ำ ที ่ ย ่ อ ยโปรตี น โมเลกุ ล ย่ อ ยให้ เ ป็ น กรดอะมิ โ น
  • 119. 2. ระบบต่ อ มไร้ ท ่ อ ตั บ อ่ อ นทำ ำ หน้ ำ ที ่ ใ ห้ ฮอร์ โ มน(hormone)ที ่ ส ำ ำ คั ญ ในกำรควบคุ ม ระดั บ นำ ำ ำ ตำลในกระแสเลื อ ด และมี บ ทบำท สำ ำ คั ญ ในเรื ่ อ งโรคเบำหวำน
  • 120. เป็นทางเดินอาหารส่วนสุดท้ายต่อ จากลำาไส้เล็กมีความยาวประมาณ 1.5เมตรกว้างประมาณ6 เซนติเมตร เมตร ที่ผนังลำาไส้ใหญ่จะไม่มีการย่อย อาหาร แต่จะมีการดูดซึมนำ้า แร่ธาตุ วิตามินบางชนิด ออกจากกาก อาหารกลับเข้าสู่กระแสเลือด ทำาให้ กากอาหารเหนียว ข้น และเป็นก้อน
  • 121.
  • 122. กำรย่ อ ยอำหำรซึ ่ ง จะสิ ำ น สุ ด ลงบริ เ วณรอยต่ อ ระหว่ ำ งลำ ำ ไส้ เ ล็ ก กั บ ลำ ำ ไส้ ใ หญ่ เนื ่ อ งจำกอำหำรที ่ ลำ ำ ไส้ เ ล็ ก ย่ อ ยแล้ ว จะเป็ น ของเหลว หน้ ำ ที ่ ข องลำ ำ ไส้ ใ หญ่ ค รึ ่ ง แรกคื อ ดู ด ซึ ม ของเหลว นำ ำ ำ เกลื อ แร่ แ ละนำ ำ ำ ตำลกลู โ คสที ่ ย ั ง เหลื อ อยู ่ ใ นกำก อำหำรและขั บ กำกอำหำรเข้ ำ สู ่ ล ำ ำ ไส้ ใ หญ่ ส ่ ว นต่ อ ไป   
  • 123.
  • 125. เป็ น ลำ ำ ไส้ ใ หญ่ ส ่ ว นแรก ต่ อ จำกลำ ำ ไส้ เ ล็ ก ส่ ว นไอเลี ย มทำ ำ หน้ ำ ที ่ ร ั บ กำกอำหำรจำกลำ ำ ไส้ เ ล็ ก ตอนปลำย ที ่ ซ ี ก ั ม มี ส ่ ว น ของไส้ ต ิ ่ ง (Vermifrom appendix) ยื ่ น ออกมำ
  • 126. เป็นส่วนทียาวที่สดมีหน้าทีดูดนำ้ากลับ ่ ุ ่ คืนจากกากอาหารและเป็นที่เก็บสะสม กากอาหารแบ่งออกเป็น 3 ส่วนย่อย คือ -โคลอนส่วนขึน (AscendingColon) เป็นส่วน ้ ของโคลอนทียื่นตรงขึนไปเป็นแนวตัง ่ ้ ้ ฉากทางด้านขวาของช่องท้อง ยาว ประมาณ 20 เซนติเมตร - โคลอนส่วนขวาง (Transverse Colon) เป็น ส่วนที่วางพาดตามแนวขวางของช่อง
  • 127. เป็นส่วนปลายของลำาไส้ใหญ่ มีลักษณะ เป็นท่อตรงยาวประมาณ 15 เซนติเมตร ตรงปลายของไส้ตรงจะเป็นทวารหนัก(An us)โดยมีกล้ามเนือหูรูด 2 อัน ควบคุมการ ้ ปิดเปิดของทวารหนัก
  • 128. *กล้ ำ มเนื ำ อ หู ร ู ด ด้ ำ นในถู ก ควบคุ ม โดยระบบประสำท อั ต โนมั ต ิ ไม่ อ ยู ่ ใ ต้ บ ั ง คั บ ของจิ ต ใจ *กล้ ำ มเนื ำ อ หู ร ู ด ด้ ำ นนอกอยู ่ ใ ต้ บ ั ง คั บ ของจิ ต ใจ และ สำ ำ คั ญ มำกในกำรควบคุ ม กำรปิ ด เปิ ด ของทวำรหนั ก
  • 129. เมื่อกากอาหารเข้าสู่ไส้ตรงจะทำาให้ เกิดความรู้สึกอยากถ่ายขึ้น เพราะ ความดันในไส้ตรงเพิ่มขึ้นเป็นผล ทำาให้กล้ามเนือหูรูดที่ทวารหนักอัน ้ ในเปิดออก แต่กล้ามเนื้อหูรูดที่ทวาร หนักอันนอกเปิดออกเมื่อร่างกาย ต้องการ ซึ่งจะทำาให้เกิดการถ่าย
  • 130. 1.เก็ บ สะสมกำกอำหำร 2.ดู ด นำ ำ ำ และเกลื อ แร่ กลั บ คื น จำกกำกอำหำร 3.ขั บ ถ่ ำ ยกำกอำหำร สู ่ ภ ำยนอก
  • 133. สำเหตุ ข องอำกำรท้ อ งผู ก 1.  กิ น อำหำรที ่ ม ี ก ำกอำหำรน้ อ ย 2.  กิ น อำหำรรสจั ด 3.  กำรถ่ ำ ยอุ จ จำระไม่ เ ป็ น เวลำหรื อ กลั ำ น อุ จ จำระติ ด ต่ อ กั น หลำยวั น 4.  ดื ่ ม นำ ำ ำ ชำ กำแฟ มำกเกิ น ไป 5.  สู บ บุ ห รี ่ จ ั ด เกิ น ไป 6.  เกิ ด ควำมเครี ย ด หรื อ ควำมกั ง วลมำก
  • 134. 1. รั บ ประทำนอำหำรมำกเกิ น ไปอำหำรย่ อ ยไม่ ห มด กรด แก๊ ส ขึ ำ น ในกระเพำะอำหำร 2.รั บ ประทำนอำหำรที ่ ม ี ก ำกน้ อ ย 3. สุ ข นิ ส ั ย กำรขั บ ถ่ ำ ยไม่ ด ี 4. มี เ ชื ำ อ โรคในระบบทำงเดิ น อำหำร ทำ ำ ให้ ล ำ ำ ไส้ เ ก บี บ ตั ว อย่ ำ งรวดเร็ ว ไม่ ม ี ก ำรดู ด นำ ำ ำ กลั บ 5. บางครั้งอาหารย่อยไม่หมดไม่มีการ
  • 135. กลิ ่ น เหม็ น จำกปำก เกิ ด ขึ ำ น ได้ ค ล้ ำ ยๆ กั บ กลิ ่ น เหม็ น ที ่ เ กิ ด จำกส่ ว นอื ่ น ๆ ของร่ ำ งกำย ซึ ่ ง เป็ น ผลมำจำกแบคที เ รี ย ในช่ อ งปำกทำ ำ ให้ เ กิ ด กำร เน่ ำ มี ก ลิ ่ น เหม็ น เกิ ด ขึ ำ น เรำสำมำรถแยกกลิ ่ น เหม็ น ออกได้ 4 แบบ คื อ *กลิ ่ น ที ่ ม ำจำกด้ ำ นหลั ง ของลิ ำ น *กลิ ่ น ของโรคปริ ท ั น ต์ แ ละซอกเหงื อ ก *กลิ ่ น จำกฟั น *กลิ ่ น จำกกำรสู บ บุ ห รี ่
  • 136. โรคมะเร็ ง ในกระเพำะอำหำรเกิ ด ขึ ำ น ได้ อย่ ำ งไร?   อวั ย วะที ่ ส ำ ำ คั ญ อวั ย วะหนึ ่ ง ก็ ค ื อ กระเพำะ อำหำร ในร่ ำ งกำยมนุ ษ ย์ ไม่ ม ี อ วั ย วะใดเลย ที ่ ไ ม่ ส ำ ำ คั ญ กระเพำะอำหำรคื อ อวั ย วะที ่ มี ห น้ ำ ที ่ ย ่ อ ยอำหำรที ่ ก ิ น เข้ ำ ไปทำงปำก นั ่ น หมำยควำมว่ ำ หำกอวั ย วะที ่ ม ี ห น้ ำ ที ่ ส ำ ำ คั ญ ในกำรย่ อ ยสลำยและดู ด ซึ ม สำรอำหำรเกิ ด ไม่ ท ำ ำ งำนขึ ำ น มำ ผลที ่ ต ำมมำจะไม่ ส ่ ง ผลกระ ทบกั บ อวั ย วะส่ ว นใดส่ ว นหนึ ่ ง เพี ย งเท่ ำ นั ำ น แต่ น ั ่ น หมำยถึ ง ผลกระทบต่ อ สำรอำหำรที ่ ใ ช้
  • 137. 1. รั บ ประทำนอำหำรให้ เ ป็ น เวลำ 2.รั บ ประทำนอำหำรให้ ค รบทุ ก หมู ่ ใ นแต่ ล ะมื ำ อ 3. รั บ ประทำนอำหำรที ่ ม ี ก ำกอำหำรมำกๆ 4.ไม่ ร ั บ ประทำนอำหำรรสจั ด อำหำรหมั ก ดองและของ มึ น เมำ
  • 138. 5. ดื ่ ม นำ ำ ำ อย่ ำ งน้ อ ยวั น ละ 6-8 แก้ ว 6.เคี ำ ย วอำหำรให้ ล ะเอี ย ดก่ อ นกลื น ทุ ก ครั ำ ง 7.รั บ ประทำนอำหำรที ่ ส ะอำด และปรุ ง สุ ก ใหม่ ๆ 8.ไม่ ร ั บ ประทำนอำหำรพรำ ่ ำ เพรื ่ อ จุ ก จิ ก และทำนให้ ตรงเวลำ
  • 139. 9.อย่ ำ รี บ รั บ ประทำนอำหำรขณะกำ ำ ลั ง เหนื ่ อ ย 10.รั บ ประทำนอำหำรแต่ พ อควร ไม่ ม ำกหรื อ น้ อ ยจน เกิ น ไป 11. ไม่ ร ั บ ประทำนอำหำรที ่ ม ี ร สจั ด จนเกิ น ไป 12.ขั บ ถ่ ำ ยอุ จ จำระให้ เ ป็ น เวลำ
  • 140. 13.นอนหลั บ พั ก ผ่ อ นให้ เ พี ย งพอและเหมำะสมกั บ วั ย 14. ทำ ำ จิ ต ใจให้ ร ่ ำ เริ ง แจ่ ม ใสอยู ่ เ สมอ 15.ไม่ ค วรออกกำ ำ ลั ง กำยหรื อ ใช้ พ ลั ง งำนมำกภำยหลั ง รั บ ประทำนอำหำรเสร็ จ ใหม่ ๆ