More Related Content
Similar to 02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง (20)
More from Champ Wachwittayakhang (10)
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
- 1. บทที่ 2
เอกสารที่เกี่ยวของ
ในการจัดทําโครงงานคอมพิวเตอร การพัฒนาเว็บบล็อก (WebBlog) ดวย Wordpress
เรื่องเทคโนโลยี 3G นี้ ผูจัดทําโครงงานไดศึกษาเอกสารและจากเว็บไซตตางๆ ที่เกี่ยวของ
ดังตอไปนี้
2.1 ความสําคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศและอินเทอรเน็ต
2.2 ขอมูลเกี่ยวกับสื่อสังคม Social Media
2.3 เว็บบล็อก (WebBlog)
2.1 ความสําคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศและอินเทอรเน็ต
เนื้อหา สาระเกี่ยวกับเทคโนโลยี 3G คือ 3G หรือ Third Generation เปนเทคโนโลยีการ
สื่อสารในยุคที่ 3 อุปกรณการสื่อสารยุคที่ 3 นั้นจะเปนอุปกรณที่ผสมผสาน การนําเสนอขอมูล และ
เทคโนโลยีในปจจุบันเขาดวยกัน เชน PDA โทรศัพทมือถือ Walkman, กลองถายรูป และ อินเทอรเน็ต 3G
เปนเทคโนโลยีที่พัฒนาตอเนื่องจากยุคที่ 2 และ 2.5 ซึ่งเปนยุคที่มีการใหบริการระบบเสียง และ การสงขอมูล
ในขั้นตน ทั้งยังมีขอจํากัดอยูมาก การพัฒนาของ 3G ทําใหเกิดการใชบริการมัลติมีเดีย และ สงผานขอมูลใน
ระบบไรสายดวยอัตราความเร็วที่สูงขึ้น
1.Gเริ่มตั้งแต 1G ... ซึ่งเปนยุคที่ใชระบบ Analog คือใชสัญญาณวิทยุในการสงคลื่นเสียง โดยไมรองรับการ
สงผานขอมูลใดๆทั้งสิ้นซึ่งนั่นก็หมายความวาสามารถใชงานทางดาน Voice ไดอยางเดียว คือ โทรออก-
รับสาย เทานั้นไมมีการรองรับการใชงานดาน Data ใดๆ ทั้งสิ้น .. แมแตการรับ-สง SMS ก็ยังทําไมไดในยุค
1Gแตจริงๆแลว ... ในยุคนั้น ผูบริโภคก็ยังไมมีความตองการในการใชงานอื่นๆ นอกจากเสียง (Voice) อยู
แลวโดยปริมาณผูใชโทรศัพทมือถือยังอยูในขอบเขตที่จํากัดมาก และจะพบวาผูใชมักจะเปนนักธุรกิจที่มีรายได
สูงเสียสวนใหญ
2.Gหลังจากนั้น ก็ไดพัฒนาตอมาเปนยุค 2G ... ซึ่งเปลี่ยนจากการสงคลื่นทางคลื่นวิทยุแบบ Analog มาเปน
การเขารหัส Digital สงทางคลื่น Microwave ซึ่งในยุคนี้เอง เปนยุคที่เริ่มทําใหเราเริ่มที่จะสามารถใชงาน
ทางดาน Data ได นอกเหนือจากการใชงาน Voice เพียงอยางเดียว
- 2. ในยุค 2G นี้ ... เราสามารถ รับ-สงขอมูลตางๆและติดตอเชื่อมโยงไดอยางมีประสิทธิภาพมากขึ้นเรื่อยๆ จนเกิด
การกําหนดเสนทางการเชื่อมกับสถานีฐาน หรือที่เรียกวา cell site และกอใหเกิดระบบ GSM (Global
System for Mobilization) ซึ่งทําใหเราสามารถถือโทรศัพทเครื่องเดียวไปใชไดเกือบทั่วโลก หรือที่เรียกวา
Roaming
ยุค 2G นี้ ถือเปนยุคเริ่มตนแหงการเฟองฟูของโทรศัพทมือถือ... ราคาของโทรศัพทมือถือเริ่มต่ําลง (กวายุค
1G) ทําใหปริมาณผูใชโทรศัพทมือถือมีมากขึ้น ซึ่งการสงขอมูลของยุค 2G นี้ เปนยุคที่มีการเริ่มฮิต
Download Ringtone , Wallpaper , Graphic ตางๆ แตก็จะจํากัดอยูที่การ Downlaod Ringtone
แบบ Monotone และ ภาพ Graphic ตางๆก็เปนเพียงแคภาพขาว-ดําที่มีความละเอียดต่ําเทานั้น
3.Gตอมา ก็ไดพัฒนามาเปนระบบ 3G หรือ Third Generation ซึ่งเปนเทคโนโลยีการสื่อสารในยุคที่ 3
จุดเดนที่สุดของ 3G นั้น เปนเรื่องของความเร็วในการเชื่อมตอและการรับ-สงขอมูล โดยเนนการเชื่อมตอแบบ
ไรสายดวยความเร็วสูง ทําใหประสิทธิภาพในการรับสงขอมูลตางๆ รวดเร็วมากขึ้น พรอมทั้งสามารถใช บริการ
Multimedia ไดอยางสมบูรณแบบ และ มีประสิทธิภาพแบบมากยิ่งขึ้น เชน การรับ-สง File ที่มีขนาดใหญ ,
การใชบริการ Video/Call Conference , Download เพลง , ดู TV Streaming ตางๆซึ่งถา
เปรียบเทียบเทคโนโลยี 2G กับ 3G แลว ... 3G มีชองสัญญาณความถี่ และ ความจุในการรับสงขอมูลที่
มากกวาเยอะเลย
คุณสมบัติหลักที่เดนๆ อีกอยางหนึ่งของระบบ 3G ก็คือ Always On ... คือ มีการเชื่อมตอกับระบบเครือขาย
ของ 3G ตลอดเวลาที่เราเปดโทรศัพทดวย
http://aon1011.wordpress.com
2.2 ขอมูลเกี่ยวกับสื่อสังคม Social Media
2.2.1 ความหมายของ Social Mediaปจจุบันกระแสการใชสื่อสังคม (Social Media) และ
เครือขายสังคม (Social Networking) อยาง Facebook, Twitter, Youtube ไดรับความนิยมสูงมาก ทั้ง
ในรูปแบบการใชสวนบุคคล โครงการ จนถึงระดับองคกร มีการเผยแพรขอมูลตางๆ ของหนวยงาน
ดวยผานสื่อสังคม เครือขายสังคมอยางตอเนื่อง และจํานวนมาก บุคลากรขององคกรสมัครเปน
สมาชิกเว็บไซต facebook และนําเสนอเนือหา ขอมูลของตนเองผาน facebook ควบคูกับเว็บไซต
้
หลักที่มีอยูเดิม รวมทั้งยังมีอีกหลายหนวยงานสนใจดําเนินการเพิ่ม สาเหตุหลักก็ไมนาจะพนไปจาก
การปรับบทบาทการบริการ การประชาสัมพันธใหทันตอเทคโนโลยีและตอบรับกับแนวคิดการ
บริการ การประชาสัมพันธเชิงรุก อยางไรก็ดีอยากใหผูบริหาร บุคลากรหนวยงานที่สนใจลอง
พิจารณารายละเอียดปลีกยอยเพิ่มเติม ดังรายละเอียด
- 3. 1.หนวยงานทราบหรือยังวาประเด็นสําคัญของบริการสื่อสังคม เครือขายสังคม คืออะไร มีจุดเดน
จุดดอย ขอควรระวังเรื่องใดบาง
2.หากหนวยงานไดศึกษาประเด็นนี้อาจจะชวยใหการใชสื่อสังคม เครือขายสังคม เพื่อเผยแพร
สารสนเทศเปนไปตามวัตถุประสงคและปลอดภัยดวยครับ
3.ใครเปนผูรับผิดชอบการเผยแพรสารสนเทศหนวยงาน
4.อีเมลที่ใชสมัครเปนสมาชิก ไมควรใชอีเมลสวนตัวของคนใดคนหนึ่ง รวมทั้งไมควรใช Group
Mail ทั้งนี้หนวยงานนาจะสรางอีเมลเฉพาะสําหรับการใชสมัครสมาชิกสื่อสังคม เครือขายสังคม
5.เนื้อหาที่นําเสนอ นอกจากขอมูลหนวยงานแลว ควรนําเสนอเนื้อหาอื่นๆ ตามวาระ เทศกาลสําคัญ
หมุนเวียนแนะนําอยางสม่ําเสมอ แทนที่จะใชเปนชองทางพูดคุยอยางเดียว เดี๋ยวจะเหมือนกับใช
Facebook เปน MSN ไปซะนะครับ
6.รูปภาพ จุดเดนของสื่อสังคม เครือขายสังคมอยาง Facebook คือการทําคลังภาพ ดังนั้นหากมี
กิจกรรมตางๆ ของหนวยงาน การเขาเยี่ยมชม การจัดกิจกรรมสัมมนา รวมถึงมุมสวยๆ ของ
หนวยงาน นาจะนํามาเผยแพรและใสคําอธิบายใหเหมาะสม
7.ไมควรนําภาพละเมิดลิขสิทธิ์มาเผยแพร เพราะจะกระจายไดกวางและไวมาก อาจจะสรางปญหา
ตางๆ ใหองคกรและตนเองได
8.Video ก็สามารถนําเขาและเผยแพรไดลองหยิบกลองถายภาพดิจิตอลแลวบันทึกภาพในโหมด
Video พรอมบรรยายแบบไมทางการมากนัก เพียงเทานี้ก็สามารถ Upload และนําเสนอผาน
Facebook ไดงายๆ แลวประเด็นก็คือ Video ที่นํามาเผยแพรไดบันทึกและเปนสมบัติของหนวยงาน
หรือไมอยางไร
9.การโตตอบกับเพื่อนๆ สมาชิก อยาใหสื่อสังคม เครือขายสังคม เชน Facebook เปนเพียงชองทาง
ถามอยางเดียวนะครับ ควรมีบุคลากรสื่อสาร โตตอบ รวมทั้งการสงตอคําถามไปยังผูเกี่ยวของ
10.การกําหนดสิทธิ์การเขาถึงเนื้อหาแตละสวนใหเหมาะสม อันนี้สําคัญมาก
การกลั่นกรองเนื้อหาเพื่อปองกันการละเมิดปญหาทรัพยสินทางปญญา ถาไมอยากถูกจับ หรือมี
ประเด็นฟองรองควรใหความสําคัญกับการนําเสนอภาพ ฟอนต (กราฟก) และขอความดวยนะครับ
เชน การนําขอความสําคัญจากหนังสือมาเผยแพร ซึ่งถือวาเปนการทําซ้ําการใชความสามารถ
อัตโนมัติเพื่อเผยแพรขอมูลจากแหลงอื่นๆ เชน RSS Feed, TwitterFeed อันนี้มีจุดเดนมากเชนกัน
11.การเลือกใช Facebook Apps อยางเหมาะสม และหมั่นตรวจสอบขอมูลจากหลายๆ แหลงวา
ไมใช Spy & Spam Apps ที่จะไปสรางภาระใหผูอื่นดวยนะคะ
http://www.facebook.com/profile.php?id=100002314214312
- 4. 2.2.2 ประวัติความเปนมาและพัฒนาการของ Social Media
ปจจุบันโลกอินเตอรเน็ตกําลังอยูในยุคกลางหรือยุคปลาย ๆ ของ web 2.0 กันแลว จึงทําให
มีเว็บไซตในลักษณะ Social Networking Service (SNS) ออกมามากมาย เปนบริการผานเว็บไซตที่
เปนจุดโยงระหวางบุคคลแตละคนที่มีเครือขายสังคมของตัวเองผานเน็ตเวิรคอินเทอรเน็ต รวมทั้ง
เชื่อมโยงบริการตางๆ อยางเมลเมสเซ็นเจอรเว็บบอรด บล็อก ฯลฯ เขาดวยกันตั้งแต Hi5, MySpace,
Facebook, Bebo, LinkedIn, Multiply, Ning และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งทั้งหมดจะมีสวนที่คลายกันคือ
"การแอดเพื่อน" ตามหลักการ Friend-Of-A-Friend (FOAF) โดยปกติแลวสิ่งที่ SNS ใหบริการ
พื้นฐานคือ การใหผูสนใจสราง profile ลงในเว็บ บางที่อาจอนุญาตใหอัพโหลดไฟลแบบตางๆ ไม
วาจะภาพ เสียง หรือ คลิปวีดีโอ จากนั้นก็จะมีเรื่องของการ comment (เมน) มี Personal Messeage
(PM) ใหคุยสวนตัวกับเพื่อนบางคน และที่ตองทําก็คือ ไลอาน ไลเมน ไปตาม Profile ของคนอื่น
เรื่อยๆ
Social Network ยังไมมีคําไทยเปนทางการ มีการใชคําวา “เครือขายสังคม” บาง “เครือขายมิตรภาพ
บาง” “กลุมสังคมออนไลน” Social Network นี้ถือวาเปนเทคโนโลยีอีกอันนึ่ง ที่สามารถชวยใหเรา
ไดมามีปฏิสัมพันธกัน ซึ่งวัตถุประสงคที่แทจริงของคําวา Social Network นี้จริงๆ แลวก็คือ
Participation หรือ การมีสวนรวมดวยกันไดทุก ๆ คน (ซึ่งหวังวาผูที่ติดตอกันเหลานั้นจะมีแตความ
ปรารถนาดี สิ่งที่ดีๆ มอบใหแกกันและกัน) ถาพูดถึง Social Network แลว คนที่อยูในโลกออนไลน
คงจะรูจักกันเปนอยางดี และก็คงมีอีกหลายคนที่ไดเขาไปทองอยูในโลกของ Social Network
มาแลว ถึงแมวา Social Network จะไมใชสิ่งใหมในโลกออนไลน แตก็ยังเปนที่นิยมอยางมากใน
กลุมคนที่ใชอินเตอรเน็ต ทําใหเครือขายขยายวงกวางออกไปเรื่อยๆ และจะยังคงแรงตอไปอีกใน
อนาคต จากผลการสํารวจจากประเทศสหรัฐอเมริกายืนยันการใชบริการ Social Network ที่เพิ่ม
สูงขึ้นอยางตอเนื่องทุกป และมาแรงเปนอันดับตนๆ ของโลกออนไลน สวนเว็บไซตที่มีจํานวนผูเขา
ชมสูงสุดทั่วโลก ก็เห็นจะเปน My space, Facebook และ Orkut สําหรับเว็บไซต ที่มีเปอรเซ็นต
เติบโตเพิมขึ้นเปนเทาตัวก็เห็นจะเปน Facebook แตสําหรับประเทศไทยที่ฮอตฮิตมากๆ ก็คงจะหนี
่
ไมพน Hi5
- 5. 2.2.3 ประเภทเว็บไซตที่ใหบริการ Social Media
เนื้อหา สาระเว็บไซต ที่ใหบริการ Social Network หรือ Social Media
1.Google Group – เว็บไซตในรูปแบบ Social Networking
2.Wikipedia – เว็บไซตในรูปแบบขอมูลอางอิง
3.MySpace – เว็บไซตในรูปแบบ Social Networking
4.Facebook -เว็บไซตในรูปแบบ Social Networking
5.MouthShut – เว็บไซตในรูปแบบ Product Reviews
6.Yelp – เว็บไซตในรูปแบบ Product Reviews
7.Youmeo – เว็บที่รวม Social Network
8.Last.fm – เว็บเพลงสวนตัว Personal Music
9.YouTube – เว็บไซต Social Networking และ แชรวิดีโอ
10.Avatars United – เว็บไซตในรูปแบบ Social Networking
11.Second Life – เว็บไซตในรูปแบบโลกเสมือนจริง Virtual Reality
13.Flickr – เว็บแชรรปภาพ
ู
2.3 เว็บบล็อก (WebBlog)
2.3.1 ความหมายของเว็บบล็อก (WebBlog)
เนื้อหา สาระ Blog คือ การบันทึกบทความของตนเอง (Personal Korunal) ลงบน
เว็บไซต โดยเนื้อหาของ blog นั้นจะครอบคลุมไดทุกเรื่อง ไมวาจะเปนเรื่องสวนตัว การมองโลก
ของเรา ความคิดเห็นของเราตอเรื่องตาง ๆ หรือเปนบทความเฉพาะดาน เชน เรื่องการเมือง เรื่อง
กลองถายรูป เรื่องกีฬา เรื่องธุรกิจBlog มาจากคําวา WeBlog บางคนอานวา We Blog บางคน
อานวา Web Log แตทั้งหมดคือ Blog ซึ่งหมายถึง การบันทึกบทความของตนเอง (อาจเปน
อักษร รูปภาพ มัลติมีเดีย) ลงบนเว็บผานเครือขายอินเตอรเน็ต เพื่อเผยแพรใหผูอื่นไดรับ
ทราบ Blog หรือ Web Blog เปนการสื่อสารสองทางระหวางผูเขียนและผูอาน โดยผูอานสามารถ
โตตอบไดโดยการ comment
- 6. 2.3.2 ประเภทของเว็บบล็อก
เนื้อหา สาระประเภทของ Blog
บล็อกที่เราเห็นอยูในปจจุบันนี้ ใชมีเพียงแคบล็อกที่เปนตัวหนังสือและรูปภาพเทานั้น หรือ มีแค
ออนไลนไดอารี่ เราแบงบล็อกออกได ดังตอไปนี้
1. แบงตามลักษณะของมีเดียที่มีในบล็อกไดแก
1.1. Linklog บล็อกแบบนี้นาจะเปนบล็อกรุนแรก ๆ เปนบล็อกที่รวมลิงคที่เจาของบล็อกสนใจ
เอาไว ถาคุณยังจําผูใหกําเนิดคําวา “บล็อก” ที่ชื่อ จอหน บาจเจอรได นั่นแหละครับ
robotwisdom.com ของเขาคือตัวอยางของ linklog นั่นเอง แมวาจะบล็อกแบบนี้จะเปนการรวมลิงค
เทานั้น แตก็ไมเรียงเหมือนเว็บไดเร็กทอรี่ เพราะเจาของบล็อกจะโพสตลิงคของเขา 1 – 2 ลิ๊งกตอ
โพสตเทานั้นครับ ใครที่อยากมีบล็อกเปนของตนเองแตยังนึกไมออกวาจะทําบล็อกแบบไหน
linklog นาจะเปนการเริ่มตนการทําบล็อกไดเปนอยางดี
1.2 Photoblog ชื่อก็บอกอยูแลวครับวา Photo บล็อกประเภทนี้เนนในโพสตภาพถายที่เจาของบล็อก
อยากนําเสนอ และมักจะไมเนนที่จะเขียนขอความมากนัก บางบล็อกเรียกไดวาภาพโดยเจาของ
บล็อกลวน ๆ เลยครับ1.3. Vlog ยอมาจาก Videoblog เปนบล็อกที่รวมวิดีโอคลิปไวในบล็อก Vlog
เปนบล็อกที่เรียกไดวาเปนบล็อกที่นิยมทํากันมากในอนาคต เพราะการเจริญเติบโตของไฮสปด
อินเตอรเน็ต หรือ อินเตอรเน็ตบอรดแบนด ที่ทําใหการถายทอดเสียง ภาพเคลื่อนไหว movie […]
2. แบงตามประเภทเนื้อหา ไดแก
2.1 บล็อกสวนตัว(Personal Blog) นําแสนอความคิดเห็นกิจวัตรประจําวันของเจาของบล็อกเปน
หลัก
2.2 บล็อกขาว(News Blog) บล็อกที่นําเสนอขาวเปนหลัก
2.3 บล็อกกลุม(Collaborative Blog) เปนบล็อกที่เขียนกันเปนกลุม เชน blognone.com
2.4 บล็อกการเมือง(Politic Blog) วาดวยเรื่องการเมืองลวน ๆ
2.5 บล็อกเพื่อสิ่งแวดลอม(Environment Blog) พูดถึงเรื่องราวของธรรมชาติและการรักษา
สิ่งแวดลอม
2.6 มีเดียบล็อก(Media Blog) เปนบล็อกที่วิเคราะหสื่อตางๆ สารคดีและสิ่งที่เกี่ยวกับสื่อ เชน
oknation.net/blog/black ของสุทธิชัย หยุน
- 7. 2.7 บล็อกบันเทิง(Entertainment Blog) บล็อกที่นําเสนอเรื่องราวบันเทิงทั้งทางจอแกว และจอเงิน
เรื่องซุบซุดารา กองถาย ฯลฯ2.8 บล็อกเพือการศึกษา(Educational Blog) ในโรงเรียน หรือ
่
มหาวิทยาลัยในตางประเทศมักจะใชบล็อกเปนสื่อในการสอนหรือ แลกเปลี่ยนความคิดกัน2.9 ติว
เตอรบล็อก(Tutorial Blog) เปนบล็อกที่นําเสนอวิธีการตาง
2.3.3 เว็บไซตที่ใหบริการเว็บบล็อก
เนื้อหา สาระ
www.blogger.com
www.exteen.com
www.mapandy.com
www.buddythai.com
www.imigg.com
www.5iam.com
www.blogprathai.com
www.ndesignsblog.com
- 8. 2.3.4 ประวัติของเว็บไซต Wordpress
ไปดูที่เว็บนี้คะ http://wordpress.9supawat.com/10/what-is-wordpress.html
และ
เว็บไซตนี้ จะแนะนําถึงวิธี การใช WordPress ตั้งแตพื้นฐานเริ่มตน ไปจนถึงการ
เพิ่มเทคนิคลูกเลนตาง ๆ แตกอนที่จะไปเรียนรูกัน เราควรมารูจักกอนวา WordPress คือ อะไร
WordPress คือ โปรแกรมสําเร็จรูปตัวหนึ่ง ที่เอาไวสําหรับสราง บล็อก หรือ เว็บไซต สามารถใช
งานไดฟรี ถูกจัดอยูในประเภท CMS (Contents Management System) ซึ่งหมายถึง โปรแกรม
สําเร็จรูปที่มีไวสําหรับสรางและบริหารจัดการเนื้อหาและขอมูลบนเว็บไซต
WordPress ไดรับการพัฒนาและเขียนชุดคําสั่งมาจากภาษา PHP (เปนภาษาโปรแกรมมิ่งตัวหนึ่ง)
ทํางานบนฐานขอมูล MySQL ซึ่งเปนโปรแกรมสําหรับจัดการฐานขอมูล มีหนาที่เก็บ เรียกดู แกไข
เพิ่มและลบขอมูล การใชงานWordPress รวมกับMySQLอยูภายใตสัญญาอนุญาตใชงานแบบ
GNU General Public License
WordPress ปรากฏโฉมครั้งแรกในโลกเมื่อป พ.ศ. 2546 (2003) เปนความรวมมือกันระหวาง Matt
Mullenwegและ Mike Littlej มีเว็บไซตหลักอยูที่ http://wordpress.org และยังมีบริการ Free Hosting
(พื้นที่สําหรับเก็บทุกอยางของเว็บ/บล็อก) โดยขอใชบริการไดที่ http://wordpress.com
ปจจุบันนี้ WordPress ไดรับความนิยมเพิ่มขึ้นอยางรวดเร็วจนมีผูใชงานมากกวา200ลานเว็บบล็อก
ไปแลวแซงหนา CMS ตัวอื่น ๆไมวาจะเปน Drupal , Mambo และ Joomla สาเหตุเปนเพราะ ใชงาน
งายไมจําเปนตองมีความรูในเรื่องProgramin มีรูปแบบที่สวยงามอีกทั้งยังมีผูพัฒนาTheme (รูปแบบ
การแสดงผล)และPlugins(โปรแกรมเสริม)ใหเลือกใชฟรีอยางมากมายนอกจากนี้สําหรับ
นักพัฒนา WordPress ยังมี Codex เอาไวใหเราไดเปนไกดไลนเพื่อศึกษาองคประกอบสวนตางๆที่
อยูภายใน สําหรับพัฒนาตอยอด หรือ นําไปสราง Theme และ Plugins ขึ้นมาเองไดอีกดวย หนําซ้ํา
ยังมีรุนพิเศษ คือ WordPress MUสําหรับไวใหผูนําไปใช สามารถเปดใหบริการพื้นที่ทําเว็บบล็อก
เปนของตนเองเพื่อใหผูอื่นมาสมัครขอรวมใชบริการในการสรางเว็บบล็อกภายใตชื่อโดเมนของเขา