IT Trends eMagazine ของ IMC Institute ฉบับเดือน พฤษภาคม - สิงหาคม 2018

1. VOL.3 NO.9 MAY -AUGUST 2018
นิตยสารไอที ราย 4 เดือน
SMART THAILAND :
Smart Thailand º¹¹ÔÂÒÁ “SIGMA” ˹ŒÒ 22
HOT ISSUE :
¤Ò´ËØ‹¹Â¹µ·Ñ่ÇâÅ¡ÁÕÂÍ´¢ÒÂáµÐ 5 áʹµÑÇã¹»‚ 2020
Digital Transformation ¡Ñº¡ÒþѲ¹Ò Platform
˹ŒÒ 18
˹ŒÒ 26

2. ปัจจุบันทุกอย่างถูกเชื่อมต่อเข้าด้วยกันบนระบบเน็ตเวิร์ก ด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Internet
of Things (IoT), 5G, หรือ Artificial Intelligence (AI) ย่อมท�ำให้การเชื่อมต่อนั้นมีมากและซับซ้อนขึ้น
ในระบบเน็ตเวิร์ก องค์กรธุรกิจที่สามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลของลูกค้าด้วยระบบเชื่อมต่อที่ปลอดภัยและ
เชื่อถือได้ ย่อมสร้างความได้เปรียบในตลาด
ประโยชน์ของ
สำ�หรับธุรกิจ
Virtual Cloud Network
จากระบบไอทีบนฮาร์ดแวร์สู่ซอฟต์แวร์
ระบบเน็ตเวิร์กขององค์กรแบบดั้งเดิมมักถูกสร้างขึ้นด้วยการ
เชื่อมต่อดีไวซ์ต่างๆ เข้าด้วยกัน อย่างการเชื่อมคอมพิวเตอร์
เซิร์ฟเวอร์ เราเตอร์ และสวิตช์แบบ Physical เข้าด้วยกัน เมื่อระบบ
เน็ตเวิร์กถูกสร้างขึ้น โซลูชันรักษาความปลอดภัยของระบบจะถูก
ติดตั้งไว้ในตอนท้ายอีกทั้งการอัปเดตหรือเปลี่ยนแปลงระบบต้องท�ำ
แบบ manual อยู่เสมอ โอกาสในการเกิดความผิดพลาดและเกิด
ระบบล่มจึงมีมากขึ้น
โดยนายเอกภาวิน สุขอนันต์
ผู้จัดการประจ�ำประเทศไทย
บริษัท วีเอ็มแวร์
ปัจจุบันได้มีการคิดค้นนวัตกรรมอย่างระบบเน็ตเวิร์กที่ขับเคลื่อน
ด้วยซอฟต์แวร์ (Software-driven networks) หรือที่รู้จักในชื่อ
ซอฟต์แวร์ดีฟายเน็ตเวิร์กกิ้ง (Software-defined networking) ที่
ท�ำให้ปัญหาและความท้าทายต่างๆ ถูกก�ำจัดไป เพราะนวัตกรรมนี้ไม่
ได้พึ่งพาฮาร์ดแวร์อีกต่อไป โดยช่วยจ�ำลองเน็ตเวิร์กเสมือน และใช้
ซอฟต์แวร์ควบคุมการท�ำงานของระบบเน็ตเวิร์ก ท�ำให้กระบวนการ
ท�ำงานเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งการท�ำAutomationและ
Programmabilityจะช่วยลดความซับซ้อนในการด�ำเนินงานด้านไอที
IT TRENDS | ADVERTORIAL2

3. รากฐานที่ส�ำคัญส�ำหรับการพัฒนานวัตกรรมและ
องค์กร
วีเอ็มแวร์มีความเชี่ยวชาญในการให้บริการโซลูชันต่างๆ ใน
หลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นดีไวซ์ แอปพลิเคชัน หรือการวางระบบดิจิทัล
พื้นฐาน วีเอ็มแวร์ยังให้บริการโซลูชันใหม่อย่าง เวอร์ชวล คลาวด์
เน็ตเวิร์ก (virtual cloud network) ที่จะสร้างโครงสร้างระบบ
เน็ตเวิร์กแบบสมบูรณ์ระหว่างการเชื่อมต่อกับดาต้าเซ็นเตอร์และ
เอนด์พอยนต์ต่างๆ ท�ำให้การจัดการและการเชื่อมต่อข้อมูลของ
องค์กรเป็นไปอย่างปลอดภัย รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ
กว่า 10% ของข้อมูลต่างๆ ขององค์กรในปัจจุบัน ถูกสร้างและ
ด�ำเนินการนอกดาต้าเซ็นเตอร์หรือคลาวด์ ซึ่ง Gartner ได้คาดการณ์
ว่าในปี 2565 จ�ำนวนข้อมูลที่ถูกสร้างและด�ำเนินการนอกดาต้า
เซ็นเตอร์หรือคลาวด์นั้นจะเพิ่มสูงถึง 50%1
ยิ่งไปกว่านั้น ผลการส�ำรวจของ Accenture ระบุว่า 95% ของ
องค์กรเชื่อว่าระบบเน็ตเวิร์กนั้นจะถูกท�ำให้เป็นระบบเสมือนทั้งหมด2
ด้วยการใช้งานเวอร์ชวล คลาวด์ เน็ตเวิร์กของวีเอ็มแวร์
องค์กรธุรกิจจะมีเครื่องมือที่สามารถจัดการกับระบบความปลอดภัย
การท�ำงานและการเชื่อมต่อแอปพลิเคชันเข้ากับข้อมูลและผู้ใช้งาน
และสามารถต่อยอดความก้าวหน้าทางธุรกิจได้ในที่สุด
ADVERTORIAL | IT TRENDS 3
ขององค์กรด้วยการแทนที่งานต่างๆ ที่ยังจัดการแบบ manual จึง
ท�ำให้องค์กรสามารถเพิ่มหรือลดสเกลการใช้งานได้อย่างเต็มที่ ท�ำให้
โดยรวมระบบมีความเสถียรมากขึ้น เทคโนโลยี Software-defined
networking จึงถือเป็นเทคโนโลยีส�ำคัญที่จะช่วยเปิดโอกาสให้ธุรกิจ
ที่ต้องการปรับปรุงระบบเครือข่ายในองค์กรให้ทันสมัย สามารถใช้
ระบบเน็ตเวิร์กที่ขับเคลื่อนด้วยซอฟต์แวร์ ขับเคลื่อนนวัตกรรมทาง
ธุรกิจ
ทุกวันนี้ข้อมูลและแอปพลิเคชันมีอยู่มากมายในทุกๆที่องค์กร
ต่างๆ จึงไม่สามารถพึ่งพาระบบเน็ตเวิร์กที่ขับเคลื่อนด้วยฮาร์ดแวร์
เพื่อด�ำเนินธุรกิจได้อีกต่อไปความเป็นจริงในข้อนี้ท�ำให้องค์กรเหล่านั้น
ต้องหันมาพิจารณาวิธีใหม่ๆที่จะจัดการกับระบบเน็ตเวิร์กในปัจจุบัน
อย่างที่เห็นได้จากการที่องค์กรใหญ่ๆ เริ่มมีการปรับใช้คลาวด์เข้ากับ
ธุรกิจมากขึ้น
เสถียรกว่าด้วยซอฟต์แวร์
ระบบเน็ตเวิร์กเสมือน (Virtual Network) สามารถท�ำงานได้
อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังลดค่าใช้จ่ายในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น
ค่าใช้จ่ายในการท�ำmaintenance,patchingหรือupdatingเพราะ
ระบบจะ automate กระบวนการเหล่านี้ พร้อมเพิ่มความเร็วของ
uptime ท�ำให้องค์กรสามารถใช้เวลาที่มีมากขึ้นในการคิดค้น
นวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจ
ระบบเน็ตเวิร์กต้องสามารถตอบโจทย์ความต้องการด้าน
แอปพลิเคชันมากขึ้น ซึ่งหมายถึง ระบบเน็ตเวิร์กต้องมีความสามารถ
ที่จะเชื่อมแอปพลิเคชันเข้ากับทรัพยากร และส่งต่อถึงผู้ใช้งานอย่าง
ปลอดภัย ไม่ว่าพวกเขาจะใช้งานจากที่ใดก็ตาม
นอกจากความต้องการในการท�ำ automate ดาต้าเซ็นเตอร์
เหตุผลที่องค์กรหันมาใช้งานระบบเน็ตเวิร์กเสมือนมากขึ้นก็คือความ
ปลอดภัย ด้วยการใช้ซอฟต์แวร์ ระบบความปลอดภัยจะถูกติดตั้งไป
ทั่วทั้งระบบ และจะติดตามแอปพลิเคชัน เซอร์วิส และดีไวซ์ไปทุกที่
องค์กรต่างๆ จึงมั่นใจได้ว่าข้อมูลจะได้รับการปกป้องอยู่ตลอด ยิ่งไป
กว่านั้น การใช้งานเทคโนโลยี micro-segmentation เพื่อป้องกัน
ข้อมูลส่วนบุคคล ยังเป็นการเพิ่มความปลอดภัยโดยรวมอีกด้วย
ปัจจุบันปริมาณงานที่ถูกจัดเก็บและเคลื่อนย้ายตลอดเวลา
ในดาต้าเซ็นเตอร์นั้นพุ่งสูงขึ้นเป็นอย่างมาก ท�ำให้ระบบการรักษา
ความปลอดภัยของข้อมูลแบบดั้งเดิมไม่สามารถดูแลได้ทั่วถึงอีกต่อไป
แต่การใช้งานระบบเน็ตเวิร์กที่ขับเคลื่อนด้วยซอฟต์แวร์ที่จะติดตั้ง
ระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูลเข้ากับแพลตฟอร์ม ท�ำให้
สามารถปกป้องข้อมูลได้อย่างทั่วถึง ถึงแม้ข้อมูลจะถูกเคลื่อนย้ายไป
ที่ใดก็ตาม

4. มีข้อกังวลกันว่า “หุ่นยนต์จะเข้ามาแย่งงานมนุษย์” เรื่องนี้จะ
เป็นจริงหรือไม่ ?... อาจไม่มีค�ำตอบที่ถูกหรือผิด จริงหรือไม่จริงเสมอไป
แต่หากมองในมุมที่หุ่นยนต์จะเข้ามาท�ำงานแทนมนุษย์โดยเฉพาะงาน
ที่มีความเสี่ยงสูง หรืองานที่ขาดแคลนแรงงานคน ก็จะพบว่า
หุ่นยนต์เป็นตัวช่วยที่ดีคนหนึ่ง
การพ่นยาฆ่าแมลงในอาชีพเกษตรกรที่จะต้องใช้คน ซึ่งต้อง
ป้องกันอันตรายอย่างรอบคอบไม่ให้สัมผัสกับยานั้นแต่หากมีหุ่นยนต์
มาช่วยพ่นยาฆ่าแมลงให้เกษตรกร ก็คงจะดีไม่น้อย
งานกู้วัตถุระเบิดเมื่อเกิดเหตุการณ์ใดๆที่จะต้องเสี่ยงเก็บกู้วัตถุ
ระเบิด หากเปลี่ยนไปใช้หุ่นยนต์แทนการเสี่ยงชีวิตย่อมเป็นทางเลือก
ที่ดีกว่า ยิ่งไปกว่านั้น หุ่นยนต์ยังสามารถพัฒนาให้ฉลาด คิดเองได้
ตัดสินใจเป็นด้วยการใส่เทคโนโลยีAIหรือปัญญาประดิษฐ์เข้าไปจะยิ่ง
ท�ำให้หุ่นยนต์ท�ำงานได้เสมือนคนมากขึ้น
หรือแม้แต่หุ่นยนต์เพื่อการส�ำรวจเช่นส�ำรวจท่อส่งน�้ำมันส�ำรวจ
แท่นขุดเจาะน�้ำมันส�ำรวจระบบจักรวาลที่จะต้องไปกับกระสวยอวกาศ
เหล่านี้เป็นประโยชน์อย่างมาก นอกจากนี้ยังมีการใช้งานใน
อุตสาหกรรมต่างๆ หลายด้าน แต่ที่ใช้งานหุ่นยนต์กันแพร่หลายมีสอง
อุตสาหกรรม คือ ยานยนต์ และอิเล็กทรอนิกส์
กล่าวได้ว่า ช่วงที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันอยู่ในยุคของหุ่นยนต์
ภาคการผลิต (Industrial Robots) มีการเติบโตต่อเนื่อง และยังคง
ขยายตัวต่อไป แต่ในขณะเดียวกันนับจากนี้ หุ่นยนต์บริการ (Service
Robots) จะเป็นแนวโน้มใหม่ โดยเฉพาะงานด้านการแพทย์และ
สาธารณสุข
ITTrendsฉบับนี้จึงได้น�ำเสนอบทความเกี่ยวกับหุ่นยนต์ในมุม
แนวโน้มตลาดโลก โอกาสของประเทศไทยอีกทั้งยังได้สัมภาษณ์ผู้ผลิต
หุ่นยนต์รายหลักของไทยในนามดินสอตามด้วยข้อมูลรายงานWorld
Robotics 2017 จากสหพันธ์หุ่นยนต์นานาชาติ (IFR: International
Federation of Robots) ที่เปิดเผยเมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา
ที่แสดงถึงมูลค่าตลาดโลกและการใช้งานในอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งน�ำ
เสนอในคอลัมน์ Survey แล้ว
นิตยสารไอที ราย 4 เดือน
VOL.3 NO.9 MAY-AUGUST 2018
CONTENTS
EDITOR NOTEหุ่นยนต์แย่งงานหรือท�ำแทนมนุษย์
นัยนา แย้มอรุณ
บรรณาธิการ
IMC NEWS5
35
39
12
Robotics
แนวโน้มใหม่มุ่งสู่บริการเฉพาะทาง
Special Report
Training
IMC Upcoming Courses
18
คาดหุ่นยนต์ทั่วโลก มียอดขายแตะ 5 แสนตัวในปี 2020
Survey
34
30
32
22
26
Smart Thailand บนนิยาม “SIGMA”
Digital Transformation กับการพัฒนา Platform
ถ่ายทอดความประทับใจต่อการเรียนการสอนของ
สถาบันไอเอ็มซี
กลยุทธ์ก้าวสู่ “ทางลัดแห่งความส�ำเร็จ” ด้าน BI
หลักสูตร Microservices with spring boot
เน้นพื้นฐานแกร่ง-ปฏิบัติเป็น
Impression
Highlight
Instructor
Smart Thailand
Digital Transformation

5. IMC NEWS | IT TRENDS 5
ศึกษาดูงาน China IT Expo 2018
เมื่อวันที่ 9-11 เมษายนที่ผ่านมา สถาบันไอเอ็มซีได้จัดทริปศึกษาดูงานที่เมืองเซินเจิ้น ประเทศจีน โดยได้ดูงานแสดงเทคโนโลยี China
Information Technology Expo 2018 ครั้งที่ 6 ภายในงานมีทั้งหมด 9 ฮอลล์ แยกตามประเภทของเทคโนโลยี ซึ่งเป็นผู้ประกอบการและ
ผู้ผลิตในประเทศจีนทั้งสิ้นนับพันราย โดยส่วนใหญ่เป็นโรงงานที่อยู่ในเมืองเซินเจิ้น
ส�ำหรับฮอลล์ที่ 1 เป็นฮอลล์หลักที่ก�ำหนดธีมเป็น Smart
Home และ Intelligent Terminal แสดงอุปกรณ์จากแบรนด์เครื่อง
ใช้ไฟฟ้าในบ้านยี่ห้อต่างๆของจีนมาให้ชมตัวอย่างเช่นSKYWORTH,
CHIQ, ZTE และ TCL นอกจากนี้ยังมีโซลูชันที่แสดงระบบอัจฉริยะ
ต่างๆ อาทิ ระบบ Facial Recognition, ระบบ Smart Classroom
และอุปกรณ์ด้าน Semiconductor อื่นๆ อีกจ�ำนวนมาก
ฮอลล์ 2 แสดงอุปกรณ์ด้านดิสเพลย์ต่างๆ ได้แก่ LCD, OLED
และ LED ที่มีกว่า 200 ราย โดยจุดเด่นคือเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ส่วน
ฮอลล์ 3 และฮอลล์ 4 น�ำเสนอ Intelligent Manufacturing และ
3D Printing รวมถึง Industrial Robots และ Intelligent System
ที่ได้น�ำบริษัทที่ผลิตหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติส�ำหรับโรงงาน
อุตสาหกรรมในจีนมากกว่า 150 รายมาแสดง เน้นน�ำระบบอัตโนมัติ
เข้ามาใช้ในโรงงาน ใช้แรงงานคนน้อยลง ซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย
Dark Factory ของประเทศจีน
รูปที่ 1 ผังงาน China IT Expo 2018
รูปที่ 2 ตัวอย่างบูธต่างๆ ที่อยู่ในฮอลล์ 1

6. IT TRENDS | IMC NEWS6
ฮอลล์5แสดงโซลูชันด้านปัญญาประดิษฐ์(ArtificialIntelligence)
พบเห็นผู้ผลิตระบบหุ่นยนต์ในจีนประมาณ 30 ราย ตั้งแต่หุ่นยนต์ใน
บ้าน ร้านอาหาร และหุ่นยนต์เพื่อการศึกษาส�ำหรับเด็ก ท�ำให้เห็นถึง
ความก้าวหน้าองค์ความรู้ด้านปัญญาประดิษฐ์ของจีน ที่อาจกล่าว
ได้ว่าเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ส่วนฮอลล์ 6 แสดงโซลูชัน IoT
โดยเน้น Smart City, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ รวมถึง Interactive
Entertainment มาร่วมแสดงจ�ำนวนมาก
รูปที่ 3 ตัวอย่างบูธต่างๆ ที่อยู่ในฮอลล์ 2-3
รูปที่ 5 ตัวอย่างบูธต่างๆ ที่อยู่ในฮออล์ 7-8
รูปที่ 6 ตัวอย่างบูธต่างๆ ที่อยู่ในงาน
รูปที่ 4 ตัวอย่างบูธต่างๆ ที่แสดงด้านหุ่นยนต์
ฮอลล์ 7 และ 8 เน้นรถยนต์ไฟฟ้าและเทคโนโลยีด้าน
Connected Car รวมถึงแบตเตอรี่ส�ำหรับรถยนต์ต่างๆ จ�ำนวนมาก
โดยผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าหลายๆยี่ห้อของจีนน�ำรถมาแสดงภายในงาน
ทั้งนี้เมืองเซินเจิ้นยังเป็นศูนย์กลางการวิจัยและการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า
ยี่ห้อBYDซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าใหญ่อันดับสองของโลกผลิตและ
ส่งออกไปขายในหลายประเทศทั่วโลก มีการผลิตและส่งมอบในจีน
ราวปีละ 171,000 คัน ส�ำหรับฮอลล์ 9 เป็นส่วนที่แสดงอุปกรณ์
อิเล็กทรอนิกส์ทั่วๆ ไปที่โรงงานมากกว่า 200 แห่งในประเทศจีนมา
ร่วมแสดง
การเข้าชมงาน China IT Expo ครั้งนี้ยิ่งท�ำให้มั่นใจมากขึ้นว่า
การพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีไอทีของประเทศจีนก�ำลังแซงหน้า
หลายๆ ประเทศในโลกไปแล้ว และอาจเปรียบได้ว่า เซินเจิ้นก�ำลัง
กลายเป็น Silicon Valley ด้านฮาร์ดแวร์ของโลกอย่างแท้จริง ซึ่งใน
โอกาสต่อไปสถาบันไอเอ็มซีจะได้จัดทริปศึกษาดูงานChinaHi-Tech
Fair 2018 ช่วงเดือนพฤศจิกายนส�ำหรับปีนี้อีกครั้ง

7. IMC NEWS | IT TRENDS 7
เซินเจิ้น Silicon Valley ด้านฮาร์ดแวร์
ช่วงวันที่ 16-18 พฤศจิกายน 2560 ทางสถาบันไอเอ็มซีได้จัด
ทริปศึกษาดูงาน China Hi-Tech Fair 2017 ที่เมืองเซินเจิ้น ประเทศ
จีน เป็นงานขนาดใหญ่ที่มีผู้ผลิตและจ�ำหน่ายภายในประเทศจีนมา
ร่วมแสดงสินค้าจ�ำนวนมากมาย ตั้งแต่สินค้าไอที เทคโนโลยี
โทรคมนาคม ไปจนถึงอุปกรณ์นวัตกรรมในโรงงาน ตลอดจนรถยนต์
ไร้คนขับ และการแสดงสินค้าอย่างรถไฟฟ้า
ภายในงานยังพบนวัตกรรมจ�ำนวนมาก ซึ่งมีทั้งนวัตกรรมด้าน
หุ่นยนต์และระบบอัจฉริยะต่างๆรวมถึงDroneซึ่งผู้แสดงผลิตภัณฑ์
แต่ละรายมีความโดดเด่นที่แตกต่างกันตรงแอปพลิเคชันการใช้งานที่
มีหลากหลายประเภท นอกจากนี้ยังมีระบบ Face Recognition ซึ่ง
พบทั้งหมด 3 บูธ แต่มีความต่างกันที่การท�ำ Data Analytic
ภายในงานมีฮอลล์ต่างๆเน้นแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมได้แก่5G,
Smart City, Smart Healthcare, Hi-Tech Industry, New
ElectronicTechnologyหรือAerospaceโดยมีแบรนด์ขนาดใหญ่
ของจีนมาแสดงนวัตกรรมมากมาย นับว่าเป็นงานที่สร้างความสนใจ
ให้กับคนจากทั่วโลก
สิ่งที่ได้รับความสนใจอีกประการคือเมืองเซินเจิ้นได้เปลี่ยนจาก
แหล่งอุตสาหกรรมที่เป็น Tech Copy ให้กลายเป็นศูนย์กลางของ
นวัตกรรม จนอาจกล่าวได้ว่า เมืองเซินเจิ้นคือ The Silicon Valley
ofHardwareนอกจากนี้ก็ยังเป็นศูนย์กลางของHardwareStartup
ที่มีนวัตกรรมใหม่ๆมากมายทั้งหุ่นยนต์Drone,อุปกรณ์Wearable
ไปจนถึง IoT และอุปกรณ์ Hi-Tech ต่างๆ
เมืองเซินเจิ้นเป็นสังคมที่ใช้เงินสดน้อยมากทุกอย่างสามารถจ่าย
ผ่าน Mobile Payment ของ Alipay หรือ Wechat ซึ่งมีตั้งแต่การเช่า
จักรยานการซื้อของตามร้านค้าหรือแม้แต่ร้านขายของริมทางอาหาร
ริมถนน รวมไปถึงนักดนตรีเปิดหมวกก็ยังสามารถจ่ายเงินผ่าน QR
Payment จึงอาจกล่าวได้ว่า เซินเจิ้นเข้าสู่สังคมไร้เงินสดเกือบ 100%
ทั้งนี้ เมืองเซินเจิ้นมีลักษณะเป็นชาติตะวันตกกว่าเมืองอื่นๆ
เพราะสะอาด และมีค่าครองชีพที่ค่อนข้างสูง คนชั้นกลางมีฐานะดี
เซินเจิ้นมีท่าเรือที่มีความหนาแน่นอันดับห้าของโลก มีตึกสูง และมี
โรงแรมระดับ 5 ดาวจ�ำนวนมาก ถ้าหากพิจารณาถึงจ�ำนวนอาคารสูง
ที่สร้างขึ้นทั่วโลกในปี 2016 พบว่ามีการสร้างอาคารสูงขึ้นใหม่ใน
เซินเจิ้นมากกว่าที่ใดๆ ในโลก แต่อย่างไรก็ตาม เมืองเซินเจิ้นก็ยังมี
ปัญหาเรื่องของการสื่อสารที่ผู้คนส่วนใหญ่ยังใช้ภาษาจีน ท�ำให้
อาจยากต่อการติดต่อสื่อสารและเดินทาง อีกทั้งยังมีการบล็อก
อินเทอร์เน็ตในหลายๆ เว็บไซต์ เช่น Google และ LINE เป็นต้น
CHINA HI-TECH FAIR 2018 รวมนวัตกรรมเด่นๆ อยู่ใน
งานเดียว ซึ่งผู้เข้าชมจะได้พบกับเทคโนโลยีล�้ำยุคที่ใช้ในครัวเรือน
จนถึงอุตสาหกรรมหุ่นยนต์, โดรน เทคโนโลยีสื่อสาร, การผลิต IoT,
การแสดงผลจอ LED, Wearable Device นับว่าเป็นงานแสดง
เทคโนโลยีที่มีความครบครัน ณ เมืองเซินเจิ้น โดยจัดขึ้นช่วงเดือน
พฤศจิกายน ส�ำหรับผู้สนใจสามารถส�ำรองที่นั่งได้ที่สถาบันไอเอ็มซี

8. IT TRENDS | IMC NEWS8
Agile Testing in Practice
เมื่อเร็วๆนี้สถาบันไอเอ็มซีได้เปิดหลักสูตร
อบรมAgileTestinginPracticeเพื่อให้ผู้เรียน
เข้าใจบทบาทและการทดสอบซอฟต์แวร์ ซึ่งอยู่
ในกระบวนการของการพัฒนาซอฟต์แวร์ ที่
สามารถน�ำไปใช้ได้ในทุกๆ รูปแบบของการ
พัฒนาซอฟต์แวร์
ทั้งนี้ แอลไจล์ (Agile) เป็นหลักการในการ
พัฒนาซอฟต์แวร์แนวใหม่ที่เน้นพัฒนาซอฟต์แวร์
ให้ออกมาใช้งานได้จริงในกรอบระยะเวลาสั้นๆ
เจาะลึก Big Data Certification Course
Big Data Certification Course มีผู้สนใจเข้าอบรมจ�ำนวนมาก ท�ำให้สถาบันต้องเปิดหลักสูตรเพิ่มเพื่อตอบสนองความต้องการดังกล่าว
และขณะเดียวกันก็ได้ปรับเนื้อหาให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีที่เพิ่มเข้ามาในตลาด โดยมีระยะเวลาอบรม 4 เดือน เรียนทุกวันพฤหัสบดี
เวลา 18.00 -21.00 น. และวันเสาร์ เวลา 9.00 - 17.00 น. รวม 120 ชั่วโมง ซึ่งได้อบรมไปเมื่อกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
ส�ำหรับรูปแบบการอบรม ประกอบด้วย บรรยาย 30%, ปฏิบัติการ 70% มีการจัดกลุ่มอภิปรายกรณีศึกษาของการท�ำ Big Data Strategy
มีการติดตั้งระบบจริง และการใช้ Big Data as a Service รวมทั้งการพัฒนาโปรแกรมต่างๆ ไปจนถึงการท�ำ Mini-Project ทางด้าน Data
Science เพื่อให้เกิดประสบการณ์จากการเรียน
เหมาะกับบุคคลทั่วไปที่สนใจจะพัฒนา Big Data และต้องการเป็น Big Data IT Professional หรือ Data Scientist โดยต้องมีความรู้
พื้นฐานด้านไอที มีความรู้เรื่องฐานข้อมูลและการเขียนโปรแกรม
หลักสูตรนี้มีระยะเวลาในการอบรม 3 วัน โดยวันแรกเป็นการบรรยายทฤษฎีและกิจกรรม และสองวันต่อมาเป็นการเรียนรู้แนวทาง
ปฏิบัติการ และแบ่งปันประสบการณ์ เป็นหลักสูตรที่เหมาะกับ Software Tester Quality Assurance หรือ Development Manager
ช่วยให้รู้ลึกว่า Agile Testing คืออะไร เหมาะสมกับการน�ำไปปรับใช้หรือประยุกต์ใช้ได้อย่างไร

9. IMC NEWS | IT TRENDS 9
Code for Kids ครั้งที่ 2
เปิดให้เยาวชนเรียนรู้พื้นฐานการเขียนโปรแกรมผ่านการ
สร้างแอนิเมชันและเกมด้วย Scratch เพื่อให้เกิดความเข้าใจ
เกี่ยวกับหลักการเขียนโปรแกรมเบื้องต้น ได้ฝึกทักษะการเขียน
โปรแกรม รู้จักกับชุดค�ำสั่งพื้นฐาน Scratch ได้รู้จักตัวละคร
และฉาก อีกทั้งยังได้ทดลองสร้างเกมอย่างง่ายด้วย Scratch ซึ่ง
จะเป็นแนวทางในการพัฒนาต่อยอดในอนาคตได้ หลักสูตรนี้
เหมาะส�ำหรับเด็กอายุตั้งแต่ 7-15 ปี ใช้เวลาในการเรียน 1 วัน
Robot for Kids ครั้งที่ 1
พัฒนาทักษะกระบวนการคิด
มูลนิธิเพื่อการศึกษาและพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล(TDED)ได้
จัดอบรมเป็นระยะเวลา 3 วัน เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการคิด
และการเรียนรู้ Robot for Kids ซึ่งได้จัดขึ้นเป็นครั้งแรก และ
เปิดโอกาสให้นักเรียนได้เข้าร่วมประลองความคิดสร้างสรรค์
ท้าทายกับการสร้างนวัตกรรมใหม่โดยไม่จ�ำเป็นต้องมี
ประสบการณ์มาก่อน อีกทั้งยังได้เข้าร่วม
การแข่งขันหุ่นยนต์กันระหว่างผู้เข้า
ร่วมค่าย โดยโครงการนี้จัดที่สถาบัน
ไอเอ็มซี ระหว่างวันที่ 30 เมษายน -
2 พฤษภาคมที่ผ่านมา และได้รับความ
สนใจเป็นอย่างมาก
Digital Transformation
สุดยอดหลักสูตรส�ำหรับผู้บริหาร
เมื่อเร็วๆ นี้ สถาบันไอเอ็มซีได้เปิดหลักสูตร Digital Transformation
Strategy for Senior Managements เป็นหลักสูตรที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วย
เติมเต็มความรู้ความเข้าใจ และสร้างประโยชน์ให้แก่ผู้บริหารองค์กร ซึ่งจะได้เปิด
มุมมองต่างๆ ท�ำให้เข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นใน
โลกดิจิทัล เช่น เทคโนโลยีก�ำลังจะเข้ามา Disrupt การท�ำธุรกิจ รวมทั้งกฎหมาย
ต่างๆเป็นต้นเพื่อให้ผู้เรียนน�ำไปใช้ในการก�ำหนดทิศทางวางแผนการสร้างกลยุทธ์
ด้านดิจิทัลให้กับองค์กร สามารถที่จะติดตามและประเมินผลความก้าวหน้าและ
การเปลี่ยนแปลงในองค์กรที่เกิดจากการวางกลยุทธ์ด้านดิจิทัล
การอบรมใช้เวลา 35 ชั่วโมง เปิดสอนช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงมีนาคม
ที่ผ่านมา โดยมี รศ.ดร. ธนชาติ นุ่มนนท์ และอาจารย์ปริญญา หอมเอนก
สองผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงในแวดวงไอทีเป็นผู้อ�ำนวยการหลักสูตร

10. IT TRENDS | IT NEWS10
ส�ำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) กระทรวงดิจิทัลเพื่อ
เศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ลงนามความร่วมมือกับสถาบันวิทยสิริเมธี
ในการพัฒนานวัตกรรมดิจิทัลด้าน Data Science, IoT และ AI
รวมถึงร่วมมือด้านขับเคลื่อนสถาบันไอโอทีและนวัตกรรมดิจิทัล
ดร. พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อ
เศรษฐกิจและสังคม กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า รัฐบาลมี
เป้าหมายพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกให้เป็นเขต
เศรษฐกิจชั้นน�ำของอาเซียน เพื่อส่งเสริม 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย
ให้เป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพื่ออนาคต โดยอุตสาหกรรมดิจิทัล
เป็น 1 ใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย และเป็นกลไกส�ำคัญที่จะ
ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอื่นอีก9อุตสาหกรรมด้วยเหตุนี้คณะกรรมการ
นโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (กนศ.)
จึงได้เห็นชอบให้มีการจัดตั้งเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรม
ดิจิทัลขึ้นเมื่อเดือนเมษายนปีที่ผ่านมาตามข้อเสนอของกระทรวงดีอี
ให้เป็นเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาค
ตะวันออก โดยมีดีป้าเป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนให้เกิดการ
พัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล ด�ำเนินการจัดตั้งสถาบันไอโอที
และนวัตกรรมดิจิทัลขึ้น เพื่อให้เป็นศูนย์กลางการพัฒนาเทคโนโลยี
และนวัตกรรมดิจิทัลที่เป็นพื้นฐานของการสร้างอุตสาหกรรม
เป้าหมายอื่นอีกทั้ง 9 อุตสาหกรรม
ดร. ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อ�ำนวยการดีป้า กล่าวว่า ดีป้า
ได้รับมอบหมายจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมให้เป็น
หน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนให้เกิดการพัฒนาธุรกิจนวัตกรรม
ดิจิทัล โดยการจัดตั้งสถาบันไอโอทีและนวัตกรรมดิจิทัลขึ้น เพื่อให้
เป็นศูนย์กลางการพัฒนาถ่ายทอดเทคโนโลยี โดยดีป้าตั้งเป้าให้
สถาบันไอโอทีและนวัตกรรมดิจิทัลเป็นพื้นที่เปิดส�ำหรับ"IoTและAI
Maker" ได้แสดงความสามารถ และเปิดให้ประชาชนสามารถน�ำไป
ประยุกต์ใช้ในธุรกิจและการด�ำเนินชีวิตประจ�ำวัน โดยตั้งเป้าให้เกิด
อุตสาหกรรมดิจิทัลใหม่ที่เป็น Deep Tech Innovation Maker ของ
ไทยให้ทัดเทียมนานาประเทศ โดยกลไกการท�ำงานของสถาบันจะ
ด�ำเนินการผ่านเครือข่ายพันธมิตรไอโอทีสากล (International IoT
Alliance) ซึ่งมุ่งเน้นให้เกิดความร่วมมือกันของทุกภาคส่วน ตั้งแต่
สถาบันการศึกษา,ธุรกิจขนาดใหญ่,ธุรกิจSMEวิสาหกิจ,เทคโนโลยี
ดิจิทัลเริ่มต้นและประชาชนทั่วไป โดยดีป้าจะท�ำหน้าที่"ส่งเสริมและ
สนับสนุน" ให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมดิจิทัลเชิงพาณิชย์ และน�ำ
นวัตกรรมดิจิทัลของไทยออกไปสู่ตลาดระดับอาเซียน
ส�ำหรับความร่วมมือกับสถาบันฯ ดีป้าจะให้การสนับสนุนการ
พัฒนาก�ำลังคนดิจิทัลด้านIoT,AIและDataScienceผ่านมาตรการ
ส่งเสริมของทางดีป้า นอกจากนี้ยังจะร่วมพัฒนา National AI
Center ซึ่งจะเป็นการพัฒนาระบบบริการ Data Platform เพื่อให้
บริการกับธุรกิจ SME ได้สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจด้วยการเป็น
แพลตฟอร์มกลางที่จะรวบรวมและจัดหาเครื่องมือต่างๆ ที่จ�ำเป็น
ส�ำหรับธุรกิจ SMEs ในการเปลี่ยนผ่านสู่ยุค 4.0
ด้านศาสตราจารย์ ดร. จ�ำรัส ลิ้มตระกูล อธิการบดีสถาบันวิทย
สิริเมธี (VISTEC: Vidyasirimedhi institute of Science and
Technology) กล่าวว่า VISTEC มีอาจารย์และบุคลากรที่มีความ
สามารถในด้าน Data Science, AI, Deep Learning มีผลงานวิจัย
ที่ตีพิมพ์ในวารสาร IEEE จ�ำนวนมาก ทาง VISTEC จึงมีความมั่นใจที่
จะส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ในทางอุตสาหกรรมและความร่วมมือ
ครั้งนี้ เป็นการร่วมศึกษาและส่งเสริมการวิจัยและพัฒนานวัตกรรม
ดิจิทัลด้านวิทยาศาสตร์ข้อมูลในภาคอุตสาหกรรม รวมทั้งร่วมพัฒนา
ทักษะบุคลากรให้มีความรู้ความสามารถด้านดิจิทัลยุคใหม่ สาขา
วิทยาศาสตร์ข้อมูล เพื่อตอบสนองความต้องการในอุตสาหกรรม
โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs ตลอดจนร่วมเผยแพร่และน�ำ
เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลเพื่อช่วยยกระดับและเปลี่ยนผ่านธุรกิจ
ขนาดกลางและขนาดเล็กสู่ยุคดิจิทัล ในการจัดการ วิเคราะห์ และใช้
ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่ หรือ Big Data นอกจากนี้ยังร่วม
ส่งเสริมสนับสนุนให้เกิดโครงสร้างพื้นฐานด้านนวัตกรรมดิจิทัลอีกด้วย
ดีป้าร่วมมือสถาบันวิทยสิริเมธี
พัฒนานวัตกรรม DATA SCIENCE-IOT-AI

11. IT NEWS | IT TRENDS 11
การประชุมสุดยอดความร่วมมือของไทยNB-IoTจัดขึ้นเมื่อเร็วๆ
นี้ที่กรุงเทพฯ มีวัตถุประสงค์และมุ่งเน้นเรื่องส่วนแบ่งการพัฒนา
แนวโน้มการพัฒนาอุตสาหกรรมทั่วโลกของNB-IoTระบบEcosystem
อุตสาหกรรมของ NB-IoT ของไทย ความต้องการของอุตสาหกรรม
ตามแนวตั้ง และหัวข้ออื่นๆ ที่อาจกระตุ้นความต้องการของ
อุตสาหกรรมในประเทศไทยการแนะน�ำคู่ค้าอุปกรณ์IoTการสรรหา
ตัวแทนในประเทศไทยและผู้ติดตั้งระบบเพื่อส่งเสริมการประยุกต์ใช้
ความสามารถ NB-IoT ให้แก่องค์กรต่างๆ ที่ช่วยในการพัฒนา
อุตสาหกรรม NB-IoT ในประเทศไทย
ด�ำเนินการเปิดประชุมโดยสมาคมผู้ประกอบการระบบรักษา
ความปลอดภัยไทย (TSA) ซึ่งนายกร ทัพพะรังสี (อดีตรองนายก
รัฐมนตรี, อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
และประธานสมาคมมิตรภาพไทย-จีน) เป็นประธาน มี ดร. พันธ์ศักดิ์
ศิริรัชตพงษ์(ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจ�ำกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและ
สังคม) และ ดร. ภาสกร ประถมบุตร (รองผู้อ�ำนวยการส�ำนักงาน
DEPAกลุ่มงานโครงการพิเศษและผู้อ�ำนวยการศูนย์พัฒนาดิจิทัลและ
นวัตกรรม)ได้กล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมสุดยอดครั้งนี้มีผู้เข้าร่วม
ประชุมกว่า 400 คน และผู้แทนจาก Huawei, Quectel (ผู้ผลิต
โมดูล), Fuzhou Internet of Things Lab, Mobike, Vcom,
HotThink, Tactus, พันธมิตร NB-IoT รวมทั้งผู้แทนจากกระทรวง
กลาโหมไทย, ส�ำนักงานต�ำรวจแห่งชาติ ผู้แทนสถาบันวิทยาศาสตร์
สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชียและศูนย์นวัตกรรมแห่งราชอาณาจักร
จีน และสมาคมต่างๆ หลายแห่งเข้าร่วมงาน
ดร. ภาสกร ประถมบุตร กล่าวว่า NB-IoT เป็นเทคโนโลยีการ
สื่อสารมาตรฐานระดับสากลของ 3GPP จะถูกใช้งานและน�ำไปใช้ใน
ประเทศไทยเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งการจัดประชุมสุดยอดระบบความร่วมมือ
NB-IoT ครั้งนี้ มีผู้เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมผู้ผลิตอุปกรณ์ คู่ค้า
ปลายทาง และเจ้าของอุตสาหกรรมแนวตั้งที่แตกต่างกันเข้าร่วมใน
การส�ำรวจโซลูชันIoTและเพื่อให้เมืองอัจฉริยะและชีวิตที่สมาร์ทเป็น
ไปได้ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมให้ความส�ำคัญกับการ
พัฒนาอุตสาหกรรมด้าน IoT เพื่อยกระดับกระบวนการปฏิรูประบบ
ดิจิทัลของไทยและเพื่อยกระดับการพัฒนา THAILAND 4.0
ดร. พันธ์ศักดิ์ ศิริรัชตพงษ์ กล่าวว่า ยุคของ IoT ได้มาแล้ว และ
จะไม่เพียงเปลี่ยนแปลงชีวิตของคนเท่านั้นแต่ยังน�ำมาซึ่งนวัตกรรมและ
การเปลี่ยนแปลงที่ลึกซึ้งต่อชีวิตประจ�ำวันของเราการใช้เทคโนโลยีIoT
อย่างกว้างขวางจะช่วยเร่งสร้างรากฐานและการสร้างเมืองอัจฉริยะใน
ประเทศไทย
นายพชรธรรม์ พลอัครวัตน์ ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ฝ่ายขายโซลูชัน
เครือข่ายไร้สายประเทศไทย (ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิค Huawei)
เปิดตัวสถานะของการพัฒนาห่วงโซ่อุตสาหกรรมทั่วโลกของNB-IoT
และชี้ให้เห็นว่า NB-IoT เป็นกุญแจส�ำคัญส�ำหรับผู้ประกอบการใน
การเข้าสู่ตลาดในเมืองอัจฉริยะและแบ่งปันการปรับใช้กลยุทธ์GLocal
ของหัวเว่ยและเป้าหมายในการพัฒนาความร่วมมือเพื่อความส�ำเร็จ
ร่วมกัน ในระหว่างการประชุมสุดยอด หัวเว่ยยังได้มีจุดเชื่อมต่อ
เชิงพาณิชย์ NB-IoT ที่หลากหลาย เหมาะส�ำหรับการใช้งานใน
ประเทศไทย และให้ประสบการณ์การติดตั้งในภูมิภาคเพื่อบริการ
NB-IoT ในเชิงพาณิชย์ ซึ่งได้รับความสนใจอย่างยิ่งจากผู้เข้าร่วม
ประชุม ผู้ให้ค�ำปรึกษา และผู้มีประสบการณ์
นายโทนี่ หยาง (นายกสมาคมผู้ประกอบการระบบรักษาความ
ปลอดภัยไทย) เชื่อมั่นว่าการประชุมสุดยอดครั้งนี้จะเกิดการ
แลกเปลี่ยนทางเทคนิคและการจัดแสดงนิทรรศการของผลิตภัณฑ์
สร้างระบบ NB-IoT ของไทย ช่วยให้องค์กรต่างๆ พัฒนาผลิตภัณฑ์
NB-IoT ยิ่งขึ้น ด้วยการท�ำเช่นนี้จะสามารถตอบสนองความต้องการ
ของอุตสาหกรรมได้อย่างรวดเร็ว ส่งเสริมการปรับปรุงโดยรวม และ
การยกระดับห่วงโซ่อุปทานอุตสาหกรรมของNB-IoTด้วยเทคโนโลยี
และผลิตภัณฑ์เพื่อเป็นแนวทางที่ดี
ในการประชุมครั้งนี้ สมาคมผู้ประกอบการระบบรักษาความ
ปลอดภัยไทย ร่วมกับ Innovation Center of the Chinese
AcademyofSciencesinBangkokและtheChinaIoTAlliance
Organization ได้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ NB-IOT
กับเทศบาลเมืองเบตงด้วย
ประชุมความร่วมมือ NB-IOT
สร้างแพลตฟอร์มเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรม

12. หนึ่งในแนวโน้มนวัตกรรมระดับโลกที่มาแรงคือ “Robot” หลายประเทศทั่วโลกเร่งพัฒนาเพื่อก้าวสู่ความ
เป็นผู้น�ำ ในมุมของเอเชียมีประเทศจีนที่รุดหน้าและตลาดมีการเติบโตสูง ขณะที่หุ่นยนต์ประเทศไทยไม่แพ้ใคร
โอกาสแค่เอื้อมขึ้นเวทีผู้น�ำระดับโลกด้านการแพทย์
ROBOTICS
แนวโน้มใหม่มุ่งสู่บริการเฉพาะทาง
หุ่นยนต์ (Robot) หนึ่งในอุตสาหกรรมที่รัฐบาลประกาศให้เป็น
หัวหอกเพื่อพัฒนาประเทศให้ไปสู่เป้าหมายของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
ไทยในอนาคต ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มของ New S-curve หรือการยกระดับ
เป็นอุตสาหกรรมแห่งอนาคตโดยในอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ยังมีโอกาสอีก
มาก เพราะปัจจุบันเป็นเพียงก้าวแรกๆ ของการน�ำหุ่นยนต์มาใช้ในงาน
ต่างๆ
ที่ผ่านมาการใช้หุ่นยนต์มักจะพบในสองอุตสาหกรรมหลักคือ
ด้านการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ และด้านอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งทั้งหมดนี้จัดอยู่
ในภาคอุตสาหกรรมการผลิตเป็นส่วนใหญ่อย่างไรก็ตามวิวัฒนาการของ
หุ่นยนต์ไม่ได้อยู่ในวงจ�ำกัดเท่านั้น ไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ คนทั่วโลกได้สัมผัส
กับหุ่นยนต์ด้านบริการบ้างแล้วกล่าวคือหุ่นยนต์ในปัจจุบันแบ่งออกเป็น
2 ประเภท ได้แก่ หุ่นยนต์ภาคการผลิต (Industrial Robots) และ
หุ่นยนต์บริการ (Service Robots)
IT TRENDS | SPECIAL REPORT12

13. หากกล่าวถึง ASIMO คนจ�ำนวนมากมักจะคิดออกทันทีว่าเป็น
หุ่นยนต์ตัวแรกๆ ที่อยู่ในความทรงจ�ำของคน ASIMO เป็นหุ่นยนต์
ฮิวแมนนอยด์หรือหุ่นยนต์เลียนแบบมนุษย์ของบริษัทฮอนด้าประเทศ
ญี่ปุ่น สร้างเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2543 ชื่อนี้ย่อมาจาก Advanced Step in
Innovative Mobility โดย ASIMO ได้รับการออกแบบให้สามารถใช้
งานได้อย่างง่าย ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ
หรือการควบคุมระยะไกล
อย่างไรก็ตาม หากมองถึงวิวัฒนาการของหุ่นยนต์ อาจกล่าวได้ว่า
หุ่นยนต์บริการ(ServiceRobots)จะเป็นทิศทางหรือแนวโน้มที่ส�ำคัญ
ของโลกต่อจากนี้ไปซึ่งในหมวดบริการนี้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่จะมุ่ง
พัฒนาหุ่นยนต์ทางการแพทย์ ด้วยเพราะสังคมโลกก�ำลังจะก้าวสู่สังคม
ผู้สูงวัย (Aging Society) ท�ำให้เกิดความต้องการเครื่องทุ่นแรงและ
ระบบอัตโนมัติที่จะเข้ามาอ�ำนวยความสะดวกแก่มนุษย์ให้มากขึ้น
หุ่นยนต์กับโอกาสประเทศไทย
จากนโยบายรัฐบาลที่ประกาศให้อุตสาหกรรมหุ่นยนต์เป็นหนึ่ง
ในเป้าหมายของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศไทยในอนาคต ผนวก
กับมีการเรียนการสอน และมีเวทีการแข่งขันด้านหุ่นยนต์มากขึ้น นับ
เป็นโอกาสดีของคนไทยรุ่นต่อไปที่จะก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ยังมีการ
เติบโตอีกยาวไกลทั้งนี้ในตลาดโลกที่ประมาณการโดยสหพันธ์หุ่นยนต์
นานาชาติ (IFR: International Federation of Robots) มีการ
คาดการณ์ว่าในปี 2020 ตลาดหุ่นยนต์จะมียอดขายถึง 521,000 ตัว
(อ่านข้อมูลเพิ่มเติมในคอลัมน์ Survey) ตัวเลขประมาณการนี้หมายถึง
โอกาสทางการตลาดของคนไทยด้วยเช่นกัน
https://www.robotics.org/blog-article.cfm/
How-Becoming-a-Certified-Robot-Integrator-Helps-Your-Business/98
photo : http://asimo.honda.com
ส�ำหรับประเทศไทยปัจจุบันมีการน�ำไปใช้ในอุตสาหกรรมการผลิต
และอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์เช่นเดียวกับทิศทางแนวโน้มโลกในช่วง
ที่ผ่านมาแต่หากพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการน�ำไปใช้งานในอนาคต
นั้น ภาคการเกษตรจะได้รับประโยชน์อย่างมาก เพราะหุ่นยนต์สามารถ
ช่วยท�ำงานได้หลายรูปแบบ เช่น พ่นยาฆ่าแมลง เก็บเกี่ยวผลผลิต ยก
และเคลื่อนย้ายผลผลิต หรือคัดผลผลิต เป็นต้น
ผศ.ดร. ถวิดา มณีวรรณ์ สถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนาม
(FIBO) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ได้ให้สัมภาษณ์ไว้
ในเว็บไซต์ วารสารอิเล็กทรอนิกส์ ส�ำนักวิจัยและบริการวิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยีว่าในประเทศไทยนั้นมีโจทย์เพื่อการท�ำการวิจัยที่มีความ
หลากหลายไม่ว่าจะเป็นภาคอุตสาหกรรมหรือภาคการเกษตรหากเรา
สามารถออกแบบหุ่นยนต์ที่แก้ปัญหาได้ อนาคตเราก็จะสามารถเป็น
ผู้น�ำด้านหุ่นยนต์ได้เช่นกัน
ในปัจจุบันเมื่อมีการจัดแข่งขันหุ่นยนต์ ประเทศไทยก็สามารถ
คว้ารางวัลกลับมาได้ดังนั้นต้องบอกว่าเรายังมีความหวังทั้งนี้เทคโนโลยี
และองค์ความรู้ด้านหุ่นยนต์ทั่วโลกในขณะนี้ยังพอๆ กันอยู่ หากเราเริ่ม
ตอนนี้ก็ไม่สายเกินไปและเรามีความสามารถเฉพาะทางที่จะน�ำหุ่นยนต์
ไปแก้ปัญหาได้หากท�ำส�ำเร็จเราก็จะมีความเข้าใจลึกซึ้งในเรื่องเหล่านั้น
และในอนาคตโอกาสที่เราจะส่งออกเทคโนโลยีก็สามารถท�ำได้เช่นกัน
ดังนั้นทุกภาคส่วนจึงควรช่วยกันผลักดัน โดยความร่วมมือระหว่าง
สถาบันการศึกษา และผู้ประกอบการพัฒนาหุ่นยนต์มีความสามารถใน
การแก้ปัญหาเฉพาะทาง ซึ่งในอนาคตประเทศไทยเรามีศักยภาพ
เพียงพอที่อาจจะเป็นผู้น�ำและผู้ส่งออกหุ่นยนต์
ส่วนวิวัฒนาการของหุ่นยนต์บริการ (Service Robots) ใน
ประเทศไทยมีความก้าวหน้าและล�้ำหน้าไม่แพ้ต่างประเทศอย่าง ญี่ปุ่น
อเมริกา และเยอรมัน ฯลฯ นั่นคือ SetRobots เป็นหุ่นยนต์ที่ท�ำหน้าที่
SPECIAL REPORT | IT TRENDS 13

14. ซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์และหุ่นยนต์ดินสอเป็นหุ่นยนต์นักบริการ
ด้านต่างๆ ที่มีความล�้ำหน้ากว่าหุ่นยนต์ในหลายประเทศ
คุณเฉลิมพล ปุณโณทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท
ซีที เอเชีย โรโบติกส์ จ�ำกัด ผู้พัฒนาหุ่นยนต์อันดับหนึ่งของประเทศไทย
ให้สัมภาษณ์มุมมองต่อตลาดไทยว่าสถานการณ์ปัจจุบันประเทศไทยมี
แนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการใช้ในอุตสาหกรรมการผลิต และ
อิเล็กทรอนิกส์ขณะนี้ได้ขยายเข้าไปใช้งานในทางการแพทย์และสุขภาพ
โดยพบว่าทิศทางตลาดหุ่นยนต์เริ่มกระจายไปยังกลุ่มเฉพาะทาง
นับเป็นโอกาสอันดีที่มีผู้ประกอบการไทยมุ่งเน้นการพัฒนาหุ่นยนต์
ต่อเนื่องมาราว 9 ปี ในนาม “หุ่นยนต์ดินสอ” ที่เกิดจากแนวคิดของคุณ
เฉลิมพล ปุณโณทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีที เอเชีย
photo : https://www.robotics.org/blog-article.cfm/
Service-Robots-Are-Quickly-Tackling-New-Applications-Every-Day/95
(Segment) และแนวทางในการพัฒนานับจากนี้จะใช้เทคโนโลยี AI
(Artificial Intelligence) เพื่อสร้างความฉลาดให้หุ่นยนต์สามารถคิด
ประมวลผลเองจากข้อมูลที่มีอยู่
“นับเป็นข้อสังเกตว่าการใช้หุ่นยนต์ในทางการแพทย์ไทยมีความ
ก้าวหน้ากว่าประเทศญี่ปุ่น ในขณะที่ด้าน Nursing Home ของไทย
ล้าหลังกว่าญี่ปุ่นมาก ทั้งนี้อาจเป็นเพราะประเทศไทยมีบุคลากรด้าน
การแพทย์ที่เก่ง และเป็นเหตุให้โรงพยาบาลเอกชนเข้าจดทะเบียนใน
ตลาดหลักทรัพย์เพื่อระดมทุนได้จึงเป็นการขยายโอกาสด้านการแพทย์
ไทย อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าในอนาคตตลาด Nursing Home ของไทยจะ
ทันสมัยและเติบโตอีกมาก” คุณเฉลิมพล เสริม
คุณเฉลิมพลกล่าวถึงแนวโน้มของหุ่นยนต์โลกจากการคลุกคลีใน
แวดวงนี้มานานว่า หุ่นยนต์จะมีเส้นทางในการเติบโตแบบเดียวกับ
โทรศัพท์มือถือคือในยุคแรกของมือถือนั้นผู้ที่ใช้งานจะเป็นกลุ่มนักธุรกิจ
หรือนักปกครองและนักบริหารชั้นผู้ใหญ่ เพราะมีราคาแพง แต่ปัจจุบันมือถือ
มีใช้กันทั่วไปแทบทุกคนมีใช้เป็นของตนเอง ซึ่งเชื่อว่าหุ่นยนต์ก็เช่นกัน
ในอนาคตจะเป็นผู้ช่วยประจ�ำกายของคนทั่วๆ ไป เช่น หุ่นยนต์ขับรถ
หุ่นยนต์รักษาความปลอดภัย และหุ่นยนต์ที่เป็นพนักงานคนส�ำคัญใน
ร้าน หากเกิดการช�ำรุด ร้านอาจจะไม่สามารถเปิดให้บริการได้ เป็นต้น
“ดินสอ” หุ่นยนต์ไทยล�้ำหน้าระดับโลก
โรโบติกส์ จ�ำกัด จนถึงปัจจุบันอยู่ระหว่างพัฒนาหุ่นยนต์ดินสอรุ่นที่ 4
ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จปลายปีนี้ อีกทั้งยังมีหุ่นยนต์ดินสอมินิแบบตั้งโต๊ะ
ที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อท�ำหน้าที่ดูแลผู้สูงวัย
หุ่นยนต์ดินสอ รุ่นที่ 1
ท�ำงานอีเวนต์
หุ่นยนต์ดินสอ รุ่นที่ 2
พนักงานเสิร์ฟ
1
2
3
4 5
หุ่นยนต์ดินสอ รุ่นที่ 3
พนักงานต้อนรับ และขายเสื้อผ้า Arrow
หุ่นยนต์ดินสอ รุ่นที่ 4
ผู้ช่วยแพทย์ และผู้ช่วยพยาบาล หุ่นยนต์ดินสอมินิ
ดูแลผู้สูงวัย
IT TRENDS | SPECIAL REPORT14

15. จับตาประเทศจีน เบอร์ 1
ด้านหุ่นยนต์
จากข่าวในเว็บไซต์ industryweek ได้รายงานถึงความสามารถ
ในการผลิตหุ่นยนต์ของประเทศจีนที่สูงมากกว่า 100,000 ตัว ในช่วง
เวลา 10 เดือนของช่วงปีที่ผ่านมา (2017) ซึ่งมียอดผลิตสูงกว่าตลอด
ทั้งปีของปีก่อนหน้านี้ที่ผลิตได้ราว 90,000 ตัว และคาดว่าเมื่อสิ้นสุด
ปี 2017 จะมียอดผลิตทะลุ 120,000 ตัวนั้น ตัวเลขดังกล่าวสอดคล้อง
กับการคาดการณ์ของ IFR (International Federation of Robotics)
ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ได้ว่า ประเทศจีนมีพัฒนาการและให้ความส�ำคัญกับ
อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ไม่น้อยกว่าประเทศใดในโลก
หากมองในเชิงปัจจัยสนับสนุนคือ ประเทศจีนเป็นแหล่งโรงงาน
ผลิตของโลกในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา ผู้ประกอบการน้อยใหญ่
ทั่วโลกต่างส่งผลิตภัณฑ์ต้นแบบไปผลิตยังประเทศจีนเพราะมีต้นทุน
ค่าแรงค่อนข้างต�่ำ เมื่อเข้าสู่ยุคแรงงานเริ่มขาดแคลนและมีค่าแรงที่สูงขึ้น
ประจวบเหมาะกับพัฒนาการทางเทคโนโลยีที่สร้างหุ่นยนต์ขึ้นมาท�ำงาน
ในภาคส่วนต่างๆได้ส�ำเร็จท�ำให้เป็นโอกาสใหม่อีกด้านของประเทศจีน
ที่จะทะยานขึ้นเป็นผู้น�ำอันดับต้นๆ หรือเป็นหมายเลข 1 ด้านหุ่นยนต์
ของโลกได้ไม่ยาก
ส�ำหรับการใช้งานหุ่นยนต์ในประเทศจีนปัจจุบันใช้ในหลากหลาย
อุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมการผลิต การขนส่ง และด้านการแพทย์
การเกษตร ค้าปลีก เป็นต้น ข่าวจาก People’s Daily Online เผยว่า
เมื่อต้นปี2017โรงงานแห่งหนึ่งชื่อChangyingPrecisionTechnology
ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของมณฑลกวางตุ้งของประเทศจีน
ใช้หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติในการผลิตสินค้าถึง 90% นับเป็นโรงงาน
อุตสาหกรรมแห่งแรกที่ใช้หุ่นยนต์จ�ำนวนมาก ผลปรากฏว่าโรงงาน
แห่งนั้นสามารถผลิตสินค้าเพิ่มขึ้นได้ถึง 250% และช่วยลดข้อบกพร่อง
ลงถึง 80%
ตลอด9ปีที่ผ่านมาการพัฒนาหุ่นยนต์ดินสอประสบความส�ำเร็จ
เป็นอย่างดี โดยสิ่งที่ยืนยันความส�ำเร็จได้คือ การส่งออกไปยังตลาด
ต่างประเทศได้แก่ญี่ปุ่นสวีเดนและล่าสุดได้พาร์ตเนอร์ในการท�ำตลาด
ที่เยอรมันแล้วและเตรียมรุกตลาด นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะขยายตลาด
ไปยังประเทศแคนาดา และฮ่องกง ในอนาคตอันใกล้นี้ด้วย
หุ่นยนต์ดินสอ#4 คัดกรองมะเร็งปอด
อาจนับเป็นตัวแรกในโลก
หุ่นยนต์ดินสอ#4 ในขณะนี้ได้พัฒนาไปกว่า 80% แล้ว คาดว่าจะ
แล้วเสร็จพร้อมส่งสู่โรงพยาบาลได้ราวปลายปีนี้ โดยมีความสามารถด้าน
การคัดกรองคนไข้ เช่น วัดความดันโลหิต วัดชีพจร อุณหภูมิร่างกาย
ซึ่งท�ำหน้าที่เป็นผู้ช่วยพยาบาลยิ่งไปกว่านั้น หุ่นยนต์ดินสอ#4ยังก้าวหน้า
ไปถึงขั้นวัดน�้ำตาลในเลือด โดยใช้เข็มเจาะขนาดเล็กเพียง 1 ใน 3
ของเส้นผมมนุษย์
อีกหนึ่งความล�้ำของหุ่นยนต์ดินสอ#4 ที่น่าตื่นเต้นส�ำหรับ
ประเทศไทยคืออาจจัดได้ว่าเป็นหุ่นยนต์ตัวแรกของโลกด้านการคัดกรอง
มะเร็งปอด ซึ่งมีความแม่นย�ำกว่า 80% ทั้งนี้คุณเฉลิมพล กล่าวว่า เรา
ได้พัฒนาให้หุ่นยนต์ดินสอ#4 “รับรู้กลิ่น และแยกแยะได้” ซึ่งเกิดจาก
ความร่วมมือกับทีมแพทย์ นักวิจัย และทีมพัฒนาหุ่นยนต์ โดยได้ร่วม
ท�ำการวิจัยและพัฒนา (R&D) อย่างใกล้ชิดกับโรงพยาบาลศิริราช
โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์และโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ส�ำหรับการวิจัยและ
พัฒนานั้นมีแนวคิดที่จะช่วยลดอัตราการเสี่ยงของโรคมะเร็งปอดใน
โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพต�ำบล (รพสต.) เพื่อสร้างโอกาสในการเข้าถึง
ทางการแพทย์ในระดับท้องถิ่น
“อีก 3 ปี ตั้งเป้าว่าจะน�ำหุ่นยนต์รุกตลาดโรงพยาบาลทั่วโลก
โดยความท้าทายคือ การพัฒนาที่ล�้ำหน้า ไม่ใช่แค่ตามทันโลกเท่านั้น”
คุณเฉลิมพล กล่าวถึงเป้าหมายใหญ่ https://www.robotics.org/blog-article.cfm/
The-Latest-Technological-Innovations-in-Autonomous-Mobile-Robots/97
SPECIAL REPORT | IT TRENDS 15

16. ก่อนหน้าที่จะใช้หุ่นยนต์โรงงานดังกล่าวต้องใช้พนักงานราว650
คนตลอดกระบวนการผลิต แต่เมื่อน�ำแขนหุ่นยนต์เข้ามาใช้ทดแทน
แรงงานมนุษย์ ซึ่งหุ่นยนต์หนึ่งแขนทดแทนคนได้ 6-8 คน ท�ำให้ปัจจุบัน
ภายในโรงงานใช้พนักงานที่เป็นมนุษย์เพียง 60 คนเท่านั้น
ไม่เพียงแค่การท�ำงานตามค�ำสั่งคอมพิวเตอร์ที่ส่งไปยังแขน
หุ่นยนต์เท่านั้นหุ่นยนต์ยังสามารถพัฒนาให้มีความฉลาดมากขึ้นได้ด้วย
ดังที่พบเห็นในปัจจุบันกับการใช้ระบบ AI (Artificial Intelligence)
ในหุ่นยนต์ ท�ำให้มีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ ซึ่งเกิดจากการ
เรียนรู้จากข้อมูลที่ได้รับ หรืออาจจะกล่าวได้ว่า AI หรือปัญญาประดิษฐ์
ท�ำหน้าที่คล้ายคลึงกับสมองมนุษย์นั่นเอง
อีกตัวอย่างหนึ่งของการใช้หุ่นยนต์ในประเทศจีนคือการใช้หุ่นยนต์
ท�ำฟันแทนทันตแพทย์เป็นผลส�ำเร็จที่ได้ประกาศไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา
สร้างความตื่นเต้นให้กับคนหลายสาขาวิชาชีพหุ่นยนต์ดังกล่าวสามารถ
ท�ำทันตกรรมรากฟันเทียมโดยไม่จ�ำเป็นต้องพึ่งพามนุษย์ในการควบคุม
หุ่นยนต์จะด�ำเนินการผ่าตัดฝังรากฟันเทียมลงในเหงือกของคนไข้ด้วย
ตนเอง นอกจากนี้ยังถูกตั้งโปรแกรมให้เคลื่อนตัวไปตามอิริยาบถของ
ผู้ป่วย จนลดความผิดพลาดได้ดีอยู่ในระดับยอมรับได้อีกด้วย
หุ่นยนต์นี้เป็นผลงานความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยWuhan
University Stomatological Hospital เมืองซีอาน มณฑลส่านซี
ประเทศจีน และสถาบันวิจัยของมหาวิทยาลัย Beihang University’s
robotics institute
AI หนุนอนาคตเศรษฐกิจจีนเติบโต
Adam Burden ต�ำแหน่ง Global Lead for Advanced
Technology & Architecture (ATA) ของ Accenture กล่าวว่า
ในประเทศจีนจะมีอุตสาหกรรมการผลิต ค้าปลีก และการเกษตร ได้น�ำ
AI ไปติดตั้งและพัฒนาการใช้งานเพื่อยกระดับธุรกิจให้ดีกว่าเดิม
โดยก่อนหน้านี้การใช้หุ่นยนต์ในภาคการผลิตนั้นเป็นเพียงงานระดับ
เบื้องต้นแต่ในอนาคตIoTหรือInternetofThingsจะเข้ามามีบทบาท
มากขึ้น และช่วยเชื่อมต่อข้อมูลต่างๆ เข้ากับ AI เพื่อพัฒนาให้ท�ำงานที่
ยากมากขึ้น จึงเป็นการยกระดับภาคการผลิตโดยอัตโนมัติ”
ส�ำหรับการประยุกต์ใช้AIในอุตสาหกรรมต่างๆจะช่วยเพิ่มมูลค่า
เพิ่มรวมของประเทศจีน หรือ GVA (Gross Value Added) ในปี 2035
ดังภาพประกอบด้านล่าง นั่นคือ AI จะยิ่งมีประโยชน์ต่อประเทศที่
ขาดแคลนแรงงาน เนื่องจากในอนาคต AI จะฉลาดมากขึ้น ในขณะที่
ราคาถูกลง เอื้อให้ธุรกิจสามารถลงทุนในเทคโนโลยี AI ได้ง่ายขึ้น
photo : https://www.digitalagemag.com
photo : https://www.accenture.com/cn-en/insight-artificial-intelligence-china
26275
Projected growth
without AI
Projected growth with AI's
Impact limited to TFP
THREE GROWTH SCENARIOS FOR CHINA'S ECONOMY
Projected growth with as
new factor of production
CHINA'S GVA
AI-INDUCED TFP
ADDITIONAL AI-INDUCED
GROWTH
26275
831
26275
831
6280
CHINA'S GVA in 2035 (US$ billion)
Source : Accenture and Frontier Economics
ผลส�ำรวจ ARM SURVEY
พบ หุ่นยนต์ช่วยมนุษย์ท�ำงาน-
ไม่ได้ท�ำงานแทน
เคมบริดจ์ อังกฤษ–(BUSINESS WIRE)–27 มิ.ย. 2560 (แปลจากhttp://www.thainewsy.com)
การส�ำรวจอิสระของARMด้วยการสอบถามผู้บริโภคเกือบ4,000
คนทั่วโลก พบว่า มีผู้บริโภคเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่เชื่อว่า AI ที่มาในรูป
ของหุ่นยนต์จะเข้ามาแทนที่การท�ำงานของมนุษย์จนก่อให้เกิดความ
ปั่นป่วนในตลาดแรงงาน เมื่อถามว่าในอนาคต AI จะเข้ามามีบทบาทใน
ชีวิตประจ�ำวันเพิ่มขึ้นในด้านใดบ้าง ผู้บริโภค 30% บอกว่า ผลกระทบ
ที่ส�ำคัญที่สุดคือ“จะท�ำให้มนุษย์มีงานท�ำลดลงหรือท�ำงานที่ไม่เหมือนเดิม”
อย่างไรก็ตามผู้ที่เข้ารับการส�ำรวจยังคงมองโลกในแง่ดีว่าในการท�ำงาน
ส่วนใหญ่นั้น หุ่นยนต์จะเข้ามาช่วยเหลือมนุษย์มากกว่าแทนที่มนุษย์
โดยจะเข้ามาช่วยงานส่วนที่น่าเบื่อหรืออันตรายให้มีประสิทธิภาพ
ยิ่งขึ้น
IT TRENDS | SPECIAL REPORT16

17. สรุปการค้นพบที่ส�ำคัญ: ประโยชน์และผลกระทบที่จะตกสู่ผู้บริโภค
photo : https://www.freepik.com
Joyce Kim รองประธานฝ่ายการสื่อสาร แบรนด์ และการตลาด
ระดับโลกของ ARM กล่าวว่า “เป็นที่น่ายินดีที่ผลการส�ำรวจ
แสดงให้เห็นมุมมองในแง่บวกและโอกาสที่มีต่อ AI แต่อย่างไรก็ตาม
เป็นเพียงค�ำถามเกี่ยวกับศักยภาพส่วนน้อยของ AI เท่านั้น AI จะ
ส่งผลต่อการท�ำงานอย่างแน่นอน แต่เป็นไปในระดับที่ควบคุมได้
และเป็นผลกระทบในทางที่ดี โดยจะเพิ่มโอกาสและยกระดับชีวิต
ของคน”
ทั้งนี้การส�ำรวจดังกล่าวจัดท�ำโดยNorthstarResearchPartners
ร่วมมือกับ ARM โดยนักวิจัยท�ำการส�ำรวจเฉพาะผู้บริโภคที่พอมี
ความรู้เกี่ยวกับ AI อยู่บ้าง จากนั้นจึงประเมินความคิดเห็นของผู้ตอบ
แบบสอบถามเกือบ 4,000 คน จากประเทศสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร
สวีเดน เยอรมนี จีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้
37% 30%
29% 20%
19% 18%
11% 12%
5% 11%
9%
เชื่อว่า พัฒนาการดังกล่าว
จะช่วยเหลือมนุษย์ได้ เช่น
ด้านวิทยาศาตร์และยารักษาโรค
เชื่อว่า จะท�ำให้มนุษย์มีงานท�ำ
ลดลงหรือท�ำงานที่ไม่เหมือนเดิม
เชื่อว่า หุ่นยนต์จะเข้ามาท�ำงาน
ส่วนที่น่าเบื่อหรืออันตราย
เชื่อว่า เครื่องจักรจะเข้ามา
มีบทบาทในการควบคุมชีวิต
ตนเองส่วนหนึ่ง
เชื่อว่า จะลดต้นทุนการด�ำเนิน
ธุรกิจ พร้อมยกระดับบริการใน
ราคาที่ลดลง
เชื่อว่า ในโลกออนไลน์จะมีการ
ส่งผ่านข้อมูลมากขึ้น และอาจ
ท�ำให้มีการขโมยข้อมูลมากขึ้น
มองว่า จะลดความเสี่ยงที่มนุษย์
จะประสบอุบัติเหตุหรือเกิดความ
ผิดพลาด
มองว่าอาจก่อให้เกิดปัญหา
สังคม เนื่องจากมนุษย์มีโอกาส
ลดลง หรือรู้สึกไร้ประโยชน์ หรือ
มีเวลาว่างมากเกินไป
คิดว่าจะมีเวลาว่างมากขึ้น เชื่อว่า เครื่องจักรจะมีอิสรภาพ
มากขึ้น และสามารถคิดเองได้
เชื่อว่า อาจมีการสร้างความ
สัมพันธ์กับเครื่องจักรมากกว่า
ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์
หาก AI เข้ามามีบทบาทมากมายในชีวิตประจ�ำวัน
จะก่อให้เกิดประโยชน์ใดมากที่สุดในอนาคต
หาก AI เข้ามามีบทบาทมากมายในชีวิตประจ�ำวัน
จะก่อให้เกิดความเสียหายใดมากที่สุดในอนาคต
ผู้เข้ารับการส�ำรวจเชื่อว่าเทคโนโลยีAIใหม่ๆจะเข้ามามีบทบาท
ในภาคการผลิตและการธนาคารมากที่สุด ขณะที่อาชีพเกี่ยวกับการท�ำ
อาหาร ดับเพลิง และเกษตรกรรมจะยังคงต้องใช้แรงงานมนุษย์ ส�ำหรับ
ความเห็นดังกล่าวมาจากความเห็นส่วนใหญ่ของผู้ตอบแบบสอบถาม
เกี่ยวกับอนาคตของหุ่นยนต์ โดยผู้บริโภคในเอเชียมีความคิดเห็นไปใน
แง่บวกมากที่สุด ตามด้วยสหรัฐฯ และยุโรปตามล�ำดับ
ส�ำหรับในภาพรวมนั้นผู้บริโภคมีความเห็นต่ออนาคตในแง่บวก
มากจนน่าประหลาดใจ โดย 61% เชื่อว่า “สังคมจะดีขึ้น” หากมี
การน�ำระบบอัตโนมัติและ AI มาใช้งาน ผู้บริโภคยังสนับสนุนการ
ใช้งาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการดูแลสุขภาพและวิทยาศาสตร์
อีกทั้งยังพร้อมมอบความไว้วางใจให้มีการน�ำเครื่องจักรมาวินิจฉัยโรค
ขับรถ และเป็นเพื่อนคู่กายด้วย
SPECIAL REPORT | IT TRENDS 17

18. คาดหุ่นยนต์ทั่วโลก
ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจ องค์กรหลายแห่งต่างมองหาทางเลือกใหม่ๆ ที่จะเป็น
เครื่องมือในการเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขัน และหล่อหลอมให้พร้อมใช้ในการต่อกรกับคู่แข่ง
ในตลาด วันนี้ทางเลือกหนึ่งในยุคนี้คือ การใช้นวัตกรรมน�ำทาง ซึ่งในโอกาสนี้ IT Trends eMagazine
by IMC Institute น�ำข้อมูลด้านการเติบโตและมูลค่าตลาดหุ่นยนต์ทั่วโลกมาเสนอ ซึ่งจะได้เห็น
ปรากฏการณ์และแนวโน้มที่เกิดขึ้น โดยข้อมูลนี้เป็นรายงาน World Robotics 2017 จากสหพันธ์
หุ่นยนต์นานาชาติ (IFR: International Federation of Robots) ที่เปิดเผยเมื่อปลายเดือนมกราคม
ที่ผ่านมา (ภาพประกอบที่ 1)
มียอดขายแตะ 5 แสนตัวในปี 2020
ภาพประกอบที่ 1
ในปี 2016 ตลาดของอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ระดับ
โลกมีมูลค่า 13.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีสอง
อุตสาหกรรมหลักที่น่าจับตามอง คือ อุตสาหกรรม
อิเล็กทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมยานยนต์ ดังภาพ
ประกอบที่ 2
photo : www.freepik.com
IT TRENDS | SURVEY18

19. ภาพประกอบที่ 3
ภาพประกอบที่ 3 แสดงอัตราการเติบโตของ
หุ่นยนต์ในภูมิภาคต่างๆ ในช่วงปี 2016
ภาพประกอบที่ 2
ภาพประกอบที่ 4
ภาพประกอบที่ 4 พบว่ามี 5 ประเทศหลักที่มี
ยอดขายหุ่นยนต์จ�ำนวนมาก ได้แก่ ประเทศจีน เกาหลี
ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และเยอรมัน โดยประเทศจีนมียอด
ขายสูงที่สุดถึง 87,000 ตัว
SURVEY | IT TRENDS 19