More Related Content
Similar to บทที่ 3 สารชีวโมเลกุล
Similar to บทที่ 3 สารชีวโมเลกุล (20)
More from Jariya Jaiyot (20)
บทที่ 3 สารชีวโมเลกุล
- 1. บทที่ 3 สารชีวโมเลกุล
วิทยาศาสตร์ (ว30102) ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
โดย..คุณครูจริยา ใจยศ
โรงเรียนสา จังหวัดน่าน
- 2. ความหมาย “สารชีวโมเลกุล”
สารชีวโมเลกุล คือ สารที่สิ่งมีชีวิตสามารถนาไปใช้ในกระบวนการ
ดารงชีวิตมีธาตุคาร์บอน(C) ไฮโดรเจน(H) และออกซิเจน(O) เป็น
องค์ประกอบหลัก โดยทาหน้าที่เป็นทั้งโครงสร้างและสารทาหน้าที่ของ
เซลล์ ประกอบด้วย
o คาร์โบไฮเดรต
o โปรตีน
o ไขมัน
o กรดนิวคลีอิก
- 3. ใช้ในการเจริญเติบโต
เป็นส่วนหนึ่งในการ เป็นส่วนประกอบ
รักษาสมดุลของน้า ของฮอร์โมน เอนไซม์
และกรด-เบส และระบบภูมิคุ้มกัน
บทบาทของ
สารชีวโมเลกุล
ถ่ายทอดลักษณะ
สลายให้พลังงาน
ทางพันธุกรรม
ช่วยให้ผิวหนังชุ่มชื่น
สุขภาพผมและเล็บดี
- 5. ไขมัน (Fat) และ น้้ามัน (Oil)
ไขมันและน้ามันประกอบด้วยธาตุ C H และ O รวมตัวกันทางเคมีเป็น
สารประกอบที่เรียกว่า ไตรกลีเซอร์ไรด์
ไตรกลีเซอร์ไรด์ มีทั้งในน้ามันพืชและน้ามันสัตว์ ถ้าเป็นของแข็งเรียกว่า ไขมัน
(fat) ถ้าเป็นของเหลวเรียกว่า น้้ามัน (oil)
- 7. ชนิดของกรดไขมัน
1. กรดไขมันอิ่มตัว ได้แก่ กรดไขมันที่อะตอมของคาร์บอนต่อกันด้วย
พันธะเดี่ยว เช่น กรดลอริก กรดไมรีสติก, กรดปาล์มติก, กรดสเตียริก
ิ
2. กรดไขมันไม่อิ่มตัว เป็นกรดไขมันที่มีพันธะคู่อยู่บนโครงสร้างของ
คาร์บอน เช่น กรดโอเลอิก, กรดลิโนเลอิก, กรดไลโนเลอิก
- 13. ความแตกต่างระหว่างน้้ามันพืชและน้้ามันสัตว์
น้้ามันสัตว์ เช่น น้ามันหมู
o องค์ประกอบส่วนใหญ่ เป็นกรดไขมันอิ่มตัว ซึ่งมีคุณสมบัตเป็นไขได้ิ
ง่าย เมื่ออากาศเย็นชื้น
o ไขมันสัตว์มีกลิ่นเหม็นหืนได้ง่ายเมื่อทิ้งไว้ที่อุณหภูมิธรรมดา
o ไขมันจากสัตว์มโคเลสเตอรอลอีกด้วย การกินไขมันสัตว์มากอาจจะ
ี
ทาให้ระดับโคเลสเตอรอลในเลือดสูงขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสาคัญต่อการ
เกิดโรคหัวใจขาดเลือด ผู้ที่มีไขมันในเลือดสูง ควรหลีกเลี่ยงการใช้
น้ามันสัตว์ น้ามันเมล็ดปาล์ม และน้ามันมะพร้าว เนื่องจากมีกรดไขมัน
อิ่มตัวปริมาณมาก
- 18. กรดอะมิโนแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม คือ
1. กรดอะมิโนจ้าเป็น เป็นกรดอะมิโนที่ร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์ได้
เอง หรือสร้างได้ปริมาณน้อยมาก จาเป็นต้องได้จากอาหารที่รับประทาน
เข้าไปเท่านั้น กรดอะมิโนกลุ่มนี้มีอยู่ 8 ตัว คือ
ลิวซีน ไอโซลิวซีน ไลซีน เมไธโอนีน
ฟีนิลอะลานีน ทรีโอนีน ทริปโตเฟน เวลีน
ส้าหรับเด็กต้องการกรดอะมิโนจาเป็นเพิ่มขึ้นอีกตัว คือ ฮีสติดีนและอาร์
จินีน
- 19. กรดอะมิโนแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม คือ
2. กรดอะมิโนที่ร่างกายสังเคราะห์ได้ เช่น อะลานีน อาร์จินีน ซีสเตอีน
โปรลีน และไทโรซีน เป็นต้น
หมายเหตุ
อาหารประเภทเนื้อสัตว์ ไข่ นม จะมีกรดอะมิโนจาเป็นครบถ้วน
อาหารที่ได้จากพืชจะมีกรดอะมิโนจาเป็นไม่ครบ
โปรตีนมีความจาเป็นต่อร่างกาย และไม่สามารถทดแทนได้ด้วย
สารอาหารชนิดอื่น ไม่วาจะเป็นไขมันหรือคาร์โบไฮเดรต
่
- 23. การแปลงสภาพโปรตีน(Protein Denaturation)
การแปลงสภาพโปรตีน
หมายถึง การทาให้โครงสร้างสาม
มิติของโปรตีนเปลี่ยนแปลงไป
เช่น การทาให้เกลียวของโปรตีน
คลายออก จะทาให้โครงสร้างของ
โปรตีนเปลี่ยนแปลงไปสมบัติของ
โปรตีนก็จะเปลี่ยนแปลงไปด้วย
- 26. ประเภทของคาร์โบไฮเดรต
คาร์โบไฮเดรตแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ
1. โมโนแซคคาไรด์ หรือน้้าตาลโมเลกุลเดี่ยว เช่น
- กลูโคส เป็นน้าตาลที่สาคัญที่สุด เพราะร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ได้
โดยตรง(พบในผลไม้)
- ฟรักโทส เป็นน้าตาลที่หวานมากที่สุด(พบในผลไม้)
- กาแลกโทส เป็นน้าตาลที่หวานน้อยที่สุด(พบในน้านมคนและสัตว์)
คนที่เป็นโรคเบาหวานเพราะร่างกายขาดอินซูลิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่มี
หน้าที่ปรับกลูโคสในเลือดให้อยู่ในระดับปกติ
กลูโคสและฟรักโทส นามาหมักกับยีสต์ได้เป็นเอทิลแอลกอฮอล์หรือ
เอทานอล
- 28. 3. พอลิแซ็กคาไรด์ เป็นคาร์โบไฮเดรตที่ไม่มีรสหวาน เป็นโมเลกุลขนาดใหญ่ที่มี
กิ่งก้านสาขาเชื่อมต่อ ไม่ละลายน้า ไม่เป็นผลึก เช่น
แป้ง พบมากในพืชประเภทเมล็ดและหัว เช่น ข้าวโพด ข้าวเจ้า และมันฝรั่ง
กรดไฮโดรคลอริกสามารถย่อยแป้งเป็นกลูโคสได้
เซลลูโลส เป็นคาร์โบไฮเดรตที่พบมากที่สุดในธรรมชาติ เป็นองค์ประกอบสาคัญ
ของผนังในเซลล์พืช
ร่างกายย่อยเซลลูโลสไม่ได้ แต่เซลลูโลสก็มีประโยชน์ เพราะทาให้อุจาระอ่อน
นุ่มขับถ่ายง่าย ท้องไม่ผูก
ไกลโคเจน พอลิแซ็กคาไรด์ทมีโมเลกุลขนาดใหญ่ที่สุด สะสมในเซลล์สัตว์ พบมาก
ี่
ในตับและกล้ามเนื้อ
ไคติน พบในเปลือกของแมลง หอย กุ้ง ปู เป็นสารที่พบมากเป็นอันสองรองจาก
เซลลูโลส ใช้ในผลิตภัณฑ์ยาและเครื่องสาอาง