Consult
- 2. ความหมาย
• เป็นกระบวนการทีมีปฏิสมพันธ์
่ ั
ระหว่างบุคคล โดยอาศัยการสือสาร ่
แบบสองทาง ระหว่างบุคคลหนึงใน ่
ฐานะผู้ให้การปรึกษา ซึ่งทำาหน้าที่
เอื้ออำานวยให้อกฝ่ายหนึ่งซึ่งเป็นผู้รับ
ี
การปรึกษาได้สำารวจและทำาความ
เข้าใจถึงสิงทีเป็นปัญหา และสามารถ
่ ่
ทำาให้ผู้รับการปรึกษาแสวงหา
- 3. วัตถุประสงค์
เพือมุงที่จะช่วยเหลือให้ผู้รับ
่ ่
การปรึกษาสามารถรับผิดชอบ
ต่อตนเอง พึ่งตนเองได้ ซึงแสดง
่
ถึงความเป็นอิสระ มีความสุขใน
ชีวิตและได้ใช้ศักยภาพของ
ตนเองอย่างเต็มที่ ในการแก้
ปัญหาของตน
- 4. ลัก ษณะบุค ลิก ภาพของผู้
1.รู้จ ัก และยอมรับ ตนเองก ษาที่ด ี
ให้ก ารปรึ
2.อดทน ใจเย็น (ความเจริญ ของ
ชีว ิต ต้อ งใช้เ วลา)
3.สบายใจทีจ ะอยูก ับ ผู้อ ื่น
่ ่
4.จริง ใจและตั้ง ใจช่ว ยเหลือ ผู้อ ื่น
5.มีท า ทีท เ ป็น มิต ร
่ ี่
6.มองโลกในแง่ด ี
7.ไวต่อ ความรู้ส ก ของผู้อ ื่น ช่า ง
ึ
สัง เกต
8.ใช้ค ำา พูด ทีเ หมาะสม
่
9.รู้จ ัก ใช้อ ารมณ์ข ัน
10.เป็น ผู้ร ับ ฟัง ทีด ี (Active
่
Listening)
- 6. ข้อ แนะนำา บางประการในการ
เป็น ผู้ใ ห้ก ารปรึก ษาที่ด ี
1.ผูใ ห้ก ารปรึก ษาควรเป็น เพื่อ นร่ว มเดิน
้
ทาง ไม่ใ ช่ผ น ำา ทาง
ู้
2.ผูใ ห้ก ารปรึก ษาเป็น ผูช ว ยเหลือ ให้ผ ร ับ
้ ้ ่ ู้
การปรึก ษาแก้ไ ขปัญ หาของตนเอง
3.ส่ง เสริม ให้ผ ู้ร ับ การปรึก ษาเห็น คุณ ค่า ใน
ตนเอง
4.จงเป็น ผูใ ห้โ อกาส
้
5.ส่ง เสริม ให้ผ ู้ร ับ การปรึก ษาเป็น ตัว ของ
ตัว เองและสามารถพึ่ง ตนเองได้
- 7. เงื่อนไขที่จำาเป็นต่อการ
พัฒนาจิตใจ
1.สัม พัน ธภาพ
2.ความสมัค รใจของผู้ร ับ
การปรึก ษา
3.ความสอดคล้อ งและ
ความมั่น คงในจิต ใจ
4.การยอมรับ โดยไม่ม ี
เงือ นไข
่
5.ความร่ว มรับ รู้ถ ึง ความ
- 9. การรับ รู้แ ละเข้า ใจผู้อ ื่น
• หมายถึง การที่บ ุค คลหนึ่ง
พยายามที่จ ะเข้า ใจ หรือ มอง
เห็น ภาวะและความรู้ส ึก ของ
อีก ผู้ห นึ่ง เหมือ นเข้า ใจภาวะ
และความรู้ส ึก ของตนเอง
• “เอาใจเขามาใส่ใ จเรา ”
- 10. วิธการสร้าง Empathy
ี
1. การขจัด ความลำา เอีย งของผู้
ให้ก ารปรึก ษาที่ม ีต ่อ ผู้ร ับ การ
ปรึก ษา
2. การตั้ง ใจฟัง และสัง เกต
3. จับ ประเด็น ที่ส ำา คัญ ที่ส ด ของผู้ร ับ
ุ
การปรึก ษาและให้ค วามสนใจ
ในสิ่ง นั้น
4. เชือ มโยงสู่ค วามรู้ส ึก ของผู้ร ับ
่
- 11. การแสดง Empathy
• แสดงออกทางคำา พูด
• แสดงออกโดยท่า ทาง
• แสดงออกจากประสาทสัม ผัส ทั้ง 5
ของผู้ใ ห้ก ารปรึก ษา ซึ่ง ผุ้ร ับ การ
ปรึก ษาจะรับ รู้ไ ด้ เช่น
- รับ รู้จ ากการมองเห็น
- รับ รู้จ ากการได้ย ิน นำ้า เสีย ง
- 13. ทัก ษะการฟัง
สิ่ง ที่ต ้อ งสนใจในการฟัง
• คำา พูด นำ้า เสีย ง (Verbal part)
• แววตา สีห น้า ท่า ทาง ( Non-
verbal part)
สิ่ง ที่ต ้อ งได้ใ นการฟัง
• เนื้อ หา สาระ (Content)
• อารมณ์ ความรู้ส ก (Emotion)
ึ
- 14. ลัก ษณะของการฟัง ที่ด ี
• มีส มาธิ
• ตั้ง ใจฟัง
• สนใจติด ตามเรื่อ งราว
• มีก ารแสดงออกอย่า ง
สอดคล้อ งกับ เรื่อ งราวที่ฟ ัง
• มีก ารแสดงออกตอบรับ เรื่อ งที่
ฟัง
- 16. ทัก ษะการสัง เกต
•คือ การใช้ก ารมองด้ว ยตา และ
รับ ฟัง เพื่อ รับ รู้ส ิ่ง ต่า งๆที่ผ ู้ร ับ
การปรึก ษา แสดงออกมาทั้ง ที่
เป็น Verbal และ Non-verbal
แล้ว เผยความหมายเหล่า นั้น
เป็น คำา พูด ให้ผ ู้ร ับ การปรึก ษา
ได้ร ับ รู้แ ละเข้า ใจตนเองมาก
- 17. แนวทางการสัง เกต
• กิร ิย าท่า ทาง เกี่ย วกับ การ
แสดงอารมณ์ หรือ ความคิด ที่
เป็น คำา พูด ของผู้ร ับ การปรึก ษา
• คำา พูด และภาษาที่ใ ช้
- เน้น เรื่อ งราวประเด็น ใด
- สอดคล้อ งหรือ ขัด แย้ง
ระหว่า งคำา พูด และพฤติก รรม
- 18. ผลที่ไ ด้จ ากการสัง เกต
• เป็น วิธ ีแ สดงความเข้า ใจถึง ความ
คิด และความรู้ส ึก ของผู้ร ับ บริก าร
อย่า งลึก ซึ้ง
• ทำา ให้ผ ู้ร ับ บริก ารเกิด ความไว้
วางใจในผู้ใ ห้ก ารปรึก ษามากขึ้น
• เปิด โอกาสให้ผ ู้ร ับ การปรึก ษา ได้
พูด ต่อ ในสิ่ง ที่เ ป็น ประเด็น สำา คัญ ๆ
- 20. ทัก ษะการถาม
คือ การที่ผ ู้ใ ห้ก ารปรึก ษา
ถามผู้ร ับ การปรึก ษา เพื่อ
ค้น หาสาเหตุข องปัญ หา และ
ความต้อ งการของผู้ร ับ การ
ปรึก ษา ตลอดจนผู้ร ับ การ
ปรึก ษาได้ใ ช้เ วลาในการ
สำา รวจความคิด ความจำา และ
- 22. คำา ถามปิด
หมายถึง - คำา ถามที่ก ำา หนด
ทิศ ทางการตอบไว้แ ล้ว
- เป็น คำา ถามที่ใ ห้ต อบเพีย ง
สัน ๆ
้
แนวทางการใช้ค ำา ถามปิด
1. เมื่อ ต้อ งการคำา ตอบเฉพาะที่
เกี่ย วกับ ปัญ หา
- 23. ข้อ จำา กัด
• ไม่ค วรใช้ค ำา ถามปิด มาก
• ไม่ค วรใช้ค ำา ถามปิด ที่เ ป็น
ลัก ษณะคำา ถามนำา
• หลีก เลี่ย งคำา ถามที่ข ึ้น ต้น ด้ว ย
คำา ว่า “ทำา ไม ”
- 24. คำา ถามเปิด
หมายถึง คำา ถามที่ไ ม่ไ ด้
กำา หนดขอบเขตของการตอบ
เป็น คำา ถามที่เ ปิด โอกาสให้ผ ู้
ตอบ ตอบได้อ ย่า งอิส ระ และ
ได้ข ้อ มูล รายละเอีย ดของผู้ร ับ
การปรึก ษาเพิ่ม ขึ้น
- 25. แนวทางการใช้ค ำา ถาม
เปิด
1. เพื่อ หาข้อ มูล ในระดับ ลึก
2. เพื่อ ต้อ งการหาข้อ มูล เรื่อ งราว
ของผู้ร ับ การปรึก ษาเพิ่ม ขึ้น
ชัด เจนขึ้น
3. เพื่อ ติด ตามเรื่อ งในเชิง ลำา ดับ
เหตุก ารณ์ และปฏิส ัม พัน ธ์
4. กระตุน ให้ผ ู้ร ับ การปรึก ษา มี
้
ส่ว นร่ว มในการสนทนา และ
- 26. ผลที่เ กิด จากการใช้
ทัก ษะการถาม
ผู้ร ับ การปรึก ษาได้บ อกถึง
ความคิด ความรู้ส ึก และเรื่อ ง
ราวต่า งๆที่ต ้อ งการปรึก ษา จะ
ช่ว ยให้ผ ู้ใ ห้ก ารปรึก ษาเข้า ใจ
ถึง ปัญ หายิ่ง ขึ้น และนำา มา
ประกอบในการวางแผนแก้ไ ข
ปัญ หาร่ว มกัน
- 28. การเงีย บ
ความหมาย เป็น ช่ว งเวลา
ระหว่า งการปรึก ษาที่ไ ม่ม ีก าร
สือ สารด้ว ยวาจา ระหว่า งผู้
่
ให้ก ารปรึก ษา และผู้ร ับ การ
ปรึก ษา
- 30. การเงีย บทางบวก
• สำา หรับ ผู้ใ ห้ก ารปรึก ษา
1. เพื่อ ให้ผ ู้ร ับ การปรึก ษาใช้ค วามคิด
สำา รวจความคิด ความรู้ส ึก ของตนเอง
2. เพื่อ ให้ค ด ว่า จะพูด เรื่อ งอะไรต่อ ไป
ิ
3. เพื่อ ให้เ วลาผู้ร ับ การปรึก ษา เวลา
รู้ส ก เศร้า หรือ ยัง ไม่พ ร้อ มทีจ ะพูด
ึ ่
4. เพื่อ ให้ผ ู้ร ับ การปรึก ษาพัก ฟืน จาก
้
ความเหน็ด เหนื่อ ย
- 31. •สำา หรับ ผู้ร ับ การปรึก ษา
1. ผู้ร ับ การปรึก ษากำา ลัง คิด ว่า
จะพูด เรื่อ งอะไรต่อ ไป
2. ผู้ร ับ การปรึก ษา รอคอยให้
ผู้ใ ห้ก ารปรึก ษาพูด อะไรบาง
อย่า ง
3. ผู้ร ับ การปรึก ษา อาจ
ต้อ งการเวลาคิด และทำา ความ
- 32. การเงีย บทางลบ
• สำา หรับ ผู้ใ ห้ก ารปรึก ษา หมายถึง
การเงีย บเพราะไม่ร ู้จ ะพูด หรือ จะ
ถามอะไรซึ่ง เป็น สิ่ง ที่ไ ม่เ อื้อ
อำา นวยต่อ กระบวนการปรึก ษา
• สำา หรับ ผู้ร ับ การปรึก ษา หมายถึง
- ไม่ส บายใจ อึด อัด อาย
- ไม่อ ยากพูด เรื่อ งของตนเอง
- 33. ผลที่เ กิด จากการใช้ท ัก ษะ
ความเงีย บ
• การเงีย บจะมีป ระโยชน์ถ า มี้
จุด มุ่ง หมาย
• เป็น การแสดงถึง ความเข้า ใจที่
มีต ่อ ผู้ร ับ การปรึก ษา
• เป็น การเน้น ความสนใจ ให้
เกีย รติผ ู้ร ับ การปรึก ษา
• เป็น การให้โ อกาส และให้
- 35. 1.การใส่ใ จด้ว ยภาษา
ท่า ทาง
2.การเริ่ม ต้น การปรึก ษา
3.การตกลงบริก าร
4.การตั้ง คำา ถาม
5.การเงีย บ
6.การสัง เกต
7.การทวนซำ้า
8.การให้ก ำา ลัง ใจ
- 36. 8.การให้ก ำา ลัง ใจ
9.การสะท้อ นความรู้ส ก ึ
10.การสรุป ความ
11.การเลือ กประเด็น และ
แนวทาง
12.การให้ข อ มูล และคำา
้
แนะนำา
13.การตีค วาม
14.การชี้ผ ลที่ต ามมา
15.การให้ข อ มูล ย้อ นกลับ
้
16.การเผชิญ หน้า
- 37. ขั้น ตอนในการให้ค ำา
ปรึก ษา
1.การสร้า งสัม พัน ธภาพ
และตกลงบริก าร
2.การสำา รวจปัญ หา
3.เข้า ใจปัญ หา
4.การวางแผนแก้ป ัญ หา
5.การยุต ิก ารปรึก ษา
- 38. 1.การสร้างสัมพันธภาพ
Co Cl
ความพร้อม
ตั้งใจ
การต้อนรับ
สนทนาเรื่องทั่วไป ลด
ความเครียด
การใส่ใจด้วยท่าทางและการพูด
อบอุ่น
การตั้งคำาถาม ไว้
- 39. 2.การสำารวจปัญหา
Co Cl
การตั้งคำาถาม สำารวจ
ตนเอง
การเงียบ เปิดเผยความคิด
การสังเกต
การตามความคิด เปิดเผย
ความรู้สึก
การแกะรอย
การทวนซำ้า พูดอย่างต่อ
เนื่อง
- 40. 3.การเข้าใจปัญหา ความ
ต้องการ
Co Cl
การทวนซำ้า กระจ่างใน
ปัญหา
เข้าใจปัญหาตน
การสรุปความ รู้สาเหตุของ
ปัญหา
การชีประเด็น
้ รู้ความต้องการ
การให้กำาลังใจ คิดแก้ปัญหา
- 41. 4.การวางแผนแก้ปัญหา
Co Cl
ให้ Cl สำารวจ มีเป้าหมายแก้
ปัญหา
การให้ข้อมูล สำารวจทางแก้
ปัญหา
การเสนอแนะ วางแผนแก้
ปัญหา
การชีผลที่ตามมา
้ รู้วิธีแก้
ปัญหาตนเอง
- 42. 5.ยุตกระบวนการ
ิ
Co Cl
สัญญาณยุติ รับรู้
การยุติสนทนา
การสรุปความ รู้คณ
ุ
ค่าที่มาปรึกษา
การส่งต่อ พร้อมใจไป
พบ
การเปิดโอกาส พร้อม
รับนัด
ให้พบครั้งต่อไป พึง
พอใจและมั่นใจ