More Related Content
Similar to วิทยาศาสตร์พื้นฐาน(โลกดาราศาสตร์อวกาศ)
Similar to วิทยาศาสตร์พื้นฐาน(โลกดาราศาสตร์อวกาศ) (20)
More from Wichai Likitponrak
More from Wichai Likitponrak (20)
วิทยาศาสตร์พื้นฐาน(โลกดาราศาสตร์อวกาศ)
- 1. เตรียมสอบ Addmision (O-NET) โดยครูวิชัย ลิขิตพรรักษ์ 1.
วิทยาศาสตร์ O-NET ม.6
โลก ดาราศาสตร์และอวกาศ (ธรณีและดาราศาสตร์)
โลก (Earth)
�
�บริเวณแกนกลางรวมตัวกันเกิดเป็นดวงอาทิตย์
� วกันเกิดเป็นดาวเคราะห์ต่างๆ
� 4500-5000 ล้านปีมาแล้ว
� 1 ใน 4 ดวง
(พุธ, ศุกร์, โลก, อังคาร)
โครงสร้างของโลก
�
- เปลือกโลก (Crust) เป็นของแข็งมีความหนาประมาณ 70 กิโลเมตร แบ่งเป็น
= แผ่นดิน ซิลิคอน (ส่วนใหญ่) + อะลูมิเนียม ในสีจาง : หินไซอัล (แกรนิต) นอกสีเข้ม : ดิน
และหินตะกอน
= + แมกนีเซียม (เท่าๆกัน) สีเข้ม : หินไซมา (หินบะซอลต์)
- (Mantle) ส่วนถัดลงมาจากเปลือกโลก ด้านบนเป็นของแข็ง (ธรณีภาค)
(Magma : ฐานธรณีภาค) 70-2900 กิโลเมตร
- แกนโลก
(Outer Core) เป็นของเหลวอยู่ระหว่าง 2900-5100 กิโลเมตร องค์ประกอบเป็น
เหล็กและนิกเกิล
นใน (Inner Core) เป็นของแข็งอยู่ระหว่าง 5100 กิโลเมตรถึง 6400 กิโลเมตร ประกอบด้วยเหล็ก
และนิกเกิล
- 2. เตรียมสอบ Addmision (O-NET) โดยครูวิชัย ลิขิตพรรักษ์ 2.
ปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยา
แผ่นดินไหว (Earth Quake)
-
- = พลังงานศักย์สะสม
แตกหัก/
- = โฟกัส ( เรียกจุด “Epicenter”)
-
ผิว (ตามขวาง : L และ : R) (ปฐมภูมิ : P และ ทุติยภูมิ : S)
@ #
@ #
ไซสโมกราฟ : สัญญาณไฟฟ้า ขยายสัญญาณ
บันทึกลงกระดาษเป็นกราฟ
P S
- 3. เตรียมสอบ Addmision (O-NET) โดยครูวิชัย ลิขิตพรรักษ์ 3.
ขนาดและความรุนแรงของแผ่นดินไหว
ขนาดของแผ่นดินไหว = (ริคเตอร์) มี 9 ระดับ (1.0 – 9.0)
ความรุนแรงของแผ่นดินไหว = ผลกระทบหรือความเสียหายบนผิวโลก ณ จุดสังเกต (เมอคัลลี) มี 12 ระดับ (I – XII)
ประเทศไทย
9 (ภูเขามาก)
มีสถานีตรวจวัด 20 แห่ง 5-6 /ปี (อยู่นอกวงแหวนแห่งไฟ)
กรมทรัพยากรธรณี (การควบคุมออกแบบก่อสร้างอาคาร : สาธารณะ เก็บวัตถุ
ไวไฟ และสูงเกิน 15 เมตรหรือ 5 ) 3 เขต
- เขต 1 = กทม. สมุทรปราการ นนท์ ปทุม นครนายก
- เขต 2 = เชียงราย/ใหม่ ตาก น่าน พะเยา แพร่ แม่ฮ่อง ลําปาง/พูน กาญ
- เขต 3 =
3 จังหวัด คือ เชียงราย แม่ฮ่องสอน ตาก
=
การพยากรณ์แผ่นดินไหว ไม่สามารถทําให้แม่นยํา (ตําแหน่ง ขนาด รุนแรง)
- = แรงเครียด ความร้อนข้างใต้ (ผิวโลกขยาย/ ) สนามไฟฟ้า/
แม่เหล็ก/โน้มถ่ (ชาวจีน: ขุ่น หมุนวน ระดับ ฟองอากาศ ขม) แก๊สเรดอน แผ่นเปลือกโลก
- พฤติกรรมสัตว์หลายชนิด =
@ after shock = 1 ษ์สึนามิ
- 4. เตรียมสอบ Addmision (O-NET) โดยครูวิชัย ลิขิตพรรักษ์ 4.
ภูเขาไฟ (Volcano)
และหินหลอมละลาย (Lava) 1200 องศาเซลเซียสไหล
ออกมาได้
จะแข็งตัวเป็นหินอัคนี
หินอัคนี (Igneous Rock) (Lava) ลักษณะของหินจะแตกต่าง
กันออกไปตามอัตราการเย็นตัวของหิน แบ่งออกเป็น
- หินอัคนีแทรกซ้อน = (แกรนิต : สังเกตเห็นผลึกแร่ต่างๆได้อย่างชัดเจน
(ส่วนใหญ่ ควอทซ์ คอรันดัม))
- หินอัคนีพุหรือหินภูเขาไฟ = แข็งตัวหลังจากปะทุออกมา
หินภูเขาไฟ ลักษณะและรูปร่างของหิน
ไรโอไลต์
แอนดีไซต์
บะซอลต์
ทัฟฟ์
ออบซิเดียน
พัมมิซ
สคอเรีย
ละเอียดมาก( ) สีอ่อน(ขาว ชมพู เทา)
ละเอียด แน่นทึบ สีเข้ม (เทา เขียว ดํา)
แน่น ละเอียด รูพรุน สีเข้มดํา (ถ้ามากและหนา ผิวหน้าเย็นตัวอย่างรวดเร็ว # ด้านล่างยัง
ร้อน แรงดึงบนผิว แตกเป็นแท่งบนลงล่าง : หินแท่ง/เสาหิน)
แน่น เศษหินละเอียด สีอ่อน
แก้ว ไม่มีรูปผลึก สีเข้ม
สีอ่อน : ( )
รูพรุน สีเข้ม
@ หินตะกอนภูเขาไฟ = (หินทัฟฟ์ ,
หรือบล็อก : ,หินกรวดมนภูเขาไฟหรือบอมบ์ : )
3 ประเภทของภูเขาไฟ (โอกาสการระเบิด)
- ยังคุกรุ่น พร้อมระเบิดทุกเวลา 1,300 ลูก ส่วนมากฮาวาย อเมริกา 15%ในอินโดนีเซีย
- แต่อาจระเบิดได้เช่น เซนต์เฮเลน อเมริกา (สะสมความดัน)
-
@ ปัจจัยการระเบิด = แม /อุณหภูมิสูงมาก รอยต่อและรอยแตกของแผ่นธรณีภาค
ภูมิลักษณ์ของภูเขาไฟ (ลาวาเย็นตัวแข็งเป็นหิน)
- (บ้านซับบอน
เพชรบูรณ์ ,เดคคาน อินเดีย)
- ภูเขาไฟรูปโล่ ลาวาหินบะซ
/โล่ (มันนาลัว ฮาวาย)
- 5. เตรียมสอบ Addmision (O-NET) โดยครูวิชัย ลิขิตพรรักษ์ 5.
-
แผ่กว้างทับถมซ้อนหรือสลับกัน ( ,เซนต์เฮเลน อเมริกา ,มายอน ฟิลิปปินส์ ,สุราบายา อินโดนีเชีย)
วงแหวนไฟ (Ring of Fire) และมีแผ่นดินไหว
บริเวณโดยรอบของมหาสมุทรแปซิฟิก
@ (มองเห็นเพียงด้านเดียว) = ดอยผาคอกหินฟู ลําปาง ,ภูพระอังคารและพนม
รุ้ง บุรีรัมย์
= พ่นควัน/ (นกบินผ่านตาย : พิษ)
ตกใจ
ธรณีภาค
องแผ่นธรณีภาค
�
เป็นของเหลว
�บริเวณรอยต่อของแผ่นธรณีภาคจึงมีการกระทบกันของขอบ
แบบต่างๆ เช่น แยกออกจากกัน ชนกัน
หรือเฉือน
� เกิดแผ่นดิน
ไหวบ่อย
- 6. เตรียมสอบ Addmision (O-NET) โดยครูวิชัย ลิขิตพรรักษ์ 6.
พันเจีย ลอเรเซีย (เหนือ) ยุโรป อเมริกาเหนือ + ออสเตรเลีย เอเชีย
กอนด์วานา (ใต้) อินเดีย อเมริกาใต้ แอฟริกา
หลักฐานและข้อมูลทางธรณีวิทยา
- รอยต่อของแผ่นธรณีภาคพอดีกันเสมือนเป็นแผ่นดินเดียวกันมาก่อน
@ + สมุทร 12 แผ่น ได้แก่ ยูเรเชีย ,อเมริกาเหนือ ,อเมริกาใต้,อินเดีย (ออสเตเรีย-อินเดีย) ,แปซิฟิก ,นา
สกา ,แอฟริกา ,อาระเบีย ,ฟิลิปปินส์ ,แอนตาร์กติกา, คาริบเบียและคอคอส
- รอยแยกของแผ่นธรณีภาค (โดยเฉพาะมหาสมุทรขยาย)
อายุหินบนเทือกเขากลางมหาสมุทร < ใกล้ขอบทวีป
- เปลือกโลกเคยเป็นผืนแผ่น
เดียวกัน (เฟิน : กลอสซอฟเทอริก , : มีโซซอรัส)
- ช่น หิน :
และอินเดียด้วย
- สนามแม่เหล็กโลกโบราณ นําตัวอย่างหินในบริเวณต่างๆ (แร่เหล็กภายใน) /ค่า
สนามแม่เหล็กโลกในห้องปฏิบัติการ
แผ่นธรณีภาค
1. แผ่นธรณีภาคแยกจากกัน
�การแยกจากกันเกิดจากแรงดันของแมกมาทางด้านล่างดันให้แผ่นธรณีภาคแยกออกจากกัน เกิดหุบเขาทรุด
� เช่น มหาสมุทรแอตแลนติก
2. เข้าหากัน (ชนกัน)
การกระทบจะทําให้เกิด
เกิดเป็นภูเขา ได้แก่ ภูเขาหิมาลัย -อินเดีย กับแผ่นยูเรเซีย
- 7. เตรียมสอบ Addmision (O-NET) โดยครูวิชัย ลิขิตพรรักษ์ 7.
3. (มุดลงใต้กัน)
เกิดแนวภูเขา (ภูเขาไฟ) ตามแนวขอบทวีป เช่น
4.
เป็นก ตัวอย่างเช่น
-ฟรานซิสโก ในมลรัฐคาร์ลิฟอเนีย
ธรณีประวัติ
ธรณีประวัติ ในอดีตโดยมีอายุทางธรณีวิทยา 2 แบบ
- อายุเทียบสัมพันธ์ บอกอายุ และโครงสร้างทางธรณีวิทยา
- อายุสัมบูรณ์ คือ อาจใช้การสลายตัวของสารกัมมันตรังสี เช่น ธาตุคาร์บอน-14 เรดียม-226 มา
คํานวณอายุของหิน ( )
ซากดึกดําบรรพ์
� (ไม่ใช้หินอัคนี:ร้อน
มาก ,หินแปร:ดันสูง)
�
“ซากดึกดําบรรพ์ดัชนี” (บอกสภาพแวดล้อมในอดีต)
� งของชนิดซากดึกดําบรรพ์สามารถนํามาจัดอายุทางธรณีวิทยาได้ เรียกว่า “ธรณีกาล” (Geologic
Time)
@ living fossil
ปากเป็ด
@ (ส่วนมากภาคอีสาน : : กลุ่มหินโคราช)
1.
2.
- 8. เตรียมสอบ Addmision (O-NET) โดยครูวิชัย ลิขิตพรรักษ์ 8.
K-T Boundary ไดโนเสาร์สูญพันธุ์ได้อย่างไร
�ในหินตะกอนของยุค Cretaceous มีซากดึกดําบรรพ์ของไดโนเสาร์อยู่มาก Tertiary ไม่มีซาก
ดึกดําบรรพ์ของไดโนเสาร์อยู่เลย
� Cretaceous กับ Tertiary
ธาตุอิริเดียม (Iridium)
�
อุกกาบาต มาชนโลก
ตามลําดับ
อายุน้อย
อายุมาก
ไทรโลไบต์
ไคร์นอยด์
ปลา
ปะการัง
ไดโนเสาร์
- 9. เตรียมสอบ Addmision (O-NET) โดยครูวิชัย ลิขิตพรรักษ์ 9.
เอกภพ (ดวงดาว + เนบิวล่า ระบบสุริยะ กาแล็กซี เอกภพ)
กําเนิดของเอกภพ
- ยอมรับกันในปัจจุบัน - ทฤษฎีการระเบิดปังใหญ่ (Big BangTheory)
-
- โปรตอน นิวตรอน และอิเล็กตรอน (90% ไฮโดรเจน ,10%ฮีเลียม)
@ อนุภาค > ปฏิอนุภาค (เกิดพลังงานและสสาร)
หลักฐานของการระเบิดปังใหญ่
- การขยายตัวของเอกภพ = เอดวิน ฮับเบิล “ จะเร็ว สรุปได้ว่า
เอกภพปัจจุบัน ”
- = เพนเซียสและวิลสัน ได้ คํานวณพบว่าอุณหภูมิ
ของเอกภพปัจจุบัน คือ 3 เคลวิน (-270 องศาเซลเซียส)
ดาราจักร = ดาวฤกษ์ ดาราจักร
- รูปร่าง = กังหันเกลียว (ส่วนใหญ่ , ) กังหันมีแกน รูปไข่ (อายุมากใกล้ดับ) รูปร่างไม่
แน่นอน (สันนิษฐานจาก 3 แบบแรกรวมกัน)
ทางช้างเผือก กังหันเกลียวเช่นเดียวกัน “ดาราจักรของเรา” จึง
เห็นทางยาวพาดผ่านท้องฟ้า
= มองเห็นด้วยตาเปล่า ได้แก่ แอนโดรเมดา (ซีกโลกเหนือ) แมกเจลแลนใหญ่/เล็ก (ขอบฟ้าทิศใต้)
ระยะทางในดาราศาสตร์ มีหลายหน่วย เช่น
- 1 หน่วยดาราศาสตร์ (A.U.) = ระยะทางดวงอาทิตย์-โลก หรือ 150 ล้านกม. ใช้ภายในระบบสุริยะ
- 1 ปีแสง (Light Year) = เวลา 1 ปี (9.46 ล้านล้านกิโลเมตร) หรือ 63072 A.U.
- 1 ปาร์เสค (Parsec) = 1 ฟิลิปดา (206265 A.U. หรือ 3.27 ปีแสง)
ปรากฏการณ์พาราลแลกซ์
การคํานวณระยะห่างของดาวด้วยวิธีพาราลแลกซ์
• ปรากฏการณ์พาราลแลกซ์ คือ
ของโลกในรอบ 6 เดือน
• มุมพาราลแลกซ์ “p” โดยใช้ความสัมพันธ์ มุม = ส่วนโค้ง/รัศมี (มุมมีหน่วยเป็นเรเดียน)
- 10. เตรียมสอบ Addmision (O-NET) โดยครูวิชัย ลิขิตพรรักษ์ 10.
ดาวฤกษ์ ได้แก่ กลุ่มก้อนของแก๊สในอวกาศเหมือนกับดวงอาทิตย์ ต่
(เปล่งแสง) ทุกดวง (ยกเว้นดวงอาทิตย์อยู่ใกล้เราจนปรากฏเป็นแผ่นกลมใน
เวลากลางวัน)
สีของดาวฤกษ์ จําง่ายๆ ได้ด้วยประโยค Oh Be A Fine Girl Kiss Me
ความสว่างของดาวฤกษ์ = ปริมาณพลังงานแสง ต่อวินาที มีปัจจัยหลายประการ เช่น ระยะทาง หากมาก
จะมาถึงน้อยกว่า , (อยู่ห่างเท่าๆ กัน) บ
และได้จัดลําดับความสว่างของ
ดาวต่างๆ ไว้โดยใช้ตัวเลข 1
ให้มีระดับความสว่างเท่ากับ 6 ( สว่างมาก + < 0 < - )
ความสว่างและระดับความสว่าง
- 1 จะสว่างกว่ากันเท่ากับ 2.5 เท่า n จะสว่างกว่า (2.5)n
เท่า
พลังงานของดาวฤกษ์ าศาล คือ นิวเคลียร์
“ ” ได้แก่ ปฏิกิริยาหลอมรวมธาตุไฮโดรเจน (ใจกลางมวลสารถูกดึงด้วย
แรงดึงดูดจนมีความดันและอุณหภูมิสูงมาก) และ
ใหญ่จะยุบตัวลงทํา จน
ได้แก่ นิวเคลียสของคาร์บอน
กลายเป็นดาวยักษ์แ
วิวัฒนาการของดาวฤกษ์ หมายถึง
มากก็จะยุบตัวลงเกิดเป็นดาวฤกษ์ก่อนเกิด
ว่า ดาวฤกษ์ในแถบกระบวนหลัก
- 11. เตรียมสอบ Addmision (O-NET) โดยครูวิชัย ลิขิตพรรักษ์ 11.
มีมวลน้อย
( )
วิวัฒนาการของดาวฤกษ์ขนาดดวงอาทิตย์ : ยุบตัว เกิดการเผาผลาญ
ฮีเลียม ,ขยายขนาด “ดาวยักษ์แดง” เย็นตัวลงจน
ดาวแคระดํา
@ ยู่รอบ = เนบิวล่าดาวเคราะห์
วิวัฒนาการของดาวฤกษ์ขนาดใหญ่กว่าดวงอาทิตย์มาก
ผิวจะสูงไปด้วย
เป็นลําดับ ได้แก่ ฮีเลียม คาร์บอน นีออน แมกนีเซียม ออกซิเจน จะขยาย
อิเล็กตรอนจะถูกบีบอัดจนเข้าไปรวมตัวกับโปรตอนในอะตอม
กระบวนการดังกล่าวปลดปล่อยพลังงานมหาศาลทําให้ดาวฤกษ์เกิดการระเบิดเป็นซูเปอร์
โนวา กับนิวเคลียส เรียกว่า
“ดาวนิวตรอน” เรียกว่า “พัลซาร์”
ระบบสุริยะ
ดวงอาทิตย์เป็นดาวฤกษ์ในกาแล็กซีทางช้างเผือก
อาจจะมีแก๊สบางส่วนหลงเหลือกลายเป็นฝุ่นผงล้อมรอบดวงอาทิตย์อยู่
เกิดเป็นดาวบริวารต่างๆ
ปัจจุบันดวงอาทิตย์มีดาวเคราะห์บริวาร 8 ดวง และมีดาวเคราะห์แคระบริวาร 1 ดวง
นิยามของดาวเคราะห์ สมาพันธ์ดาราศาสตร์ระหว่างประเทศ
1. มีวงโคจรรอบดวงอาทิตย์
2.
3. มีวงโคจรของตนเองโดยเป็นวัตถุหลักในวงโคจร
- 12. เตรียมสอบ Addmision (O-NET) โดยครูวิชัย ลิขิตพรรักษ์ 12.
ทําให้เหลือดาวเคราะห์ในระบบสุริยะเพียง 8 ดวง เพราะพลูโตไม่จัดเข้าตามคํานิยามข้อ 3 จึงจัดพลูโต
ไปเข้ากลุ่มดาวเคราะห์แคระ อย่างไรก็ตามคํานิยามในข้อ 3 ยังมีความไม่กระจ่างชัด
ระบบสุริยะปัจจุบันประกอบด้วย
- ดาวเคราะห์ 8 ดวง ได้แก่ ดาวพุธ ดาวศุกร์ โลก ดาวอังคาร ดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส ดาวเนปจูน
- ดาวเคราะห์แคระ ได้แก่ ดาวเคราะห์แคระพลูโตและชารอน
- เช่น ดาวหาง ดาวเคราะห์น้อย (มวลสารระหว่างดาวอังคารและดาวพฤหัส)
การแบ่งกลุ่มดาวเคราะห์ 1 แบ่งตามวงโคจร แบ่งดาวเคราะห์ออกได้เป็น 2 กลุ่ม
- ดาวเคราะห์วงใน ได้แก่ คือ ดาวพุธและดาวศุกร์ ดาวเคราะห์ดวงในจะ
- ดาวเคราะห์วงนอก ได้แก่ ดาว คือ ดาวอังคาร ดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ ดาว
ยูเรนัส ดาวเนปจูน และดาวเคราะห์แคระพลูโต ดาวเคราะห์วงนอกอาจจะปรากฏด้านตรงข้ามกับดวงอาทิตย์
สังเกตจากโลกได้
2 แบ่งตามองค์ประกอบ แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มเช่นกัน คือ
- ดาวเคราะห์หิน ได้แก่ ดาวพุธ ดาวศุกร์ โลก ดาวอังคาร สูง
- ดาวเคราะห์แก๊ส ได้แก่ ดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส และดาวเนปจูน
ไฮโดรเจน และฮีเลียม
- สําหรับดาวเคราะห์แคระพลูโต
มีเทนและคาร์บอนมอนอกไซด์
@ 4 เขต โดยใช้ลักษณะการก่อตัวของบริวารของดวงอาทิตย์
เป็นเกณฑ์ คือ
1. เคราะห์หิน (ดาวเคราะห์แบบโลก)
2. เขตดาวเคราะห์น้อย
3.
4. เขตของดาวหาง (
โคจรมาใกล้ดวงอาทิตย์จะดูดความร้อนและรังสีเกิดการ
ระเหยกลายเป็นไอกระจายออก + ลมสุริยะผลักทิศตรงข้าม พุ่งเป็นหางยาวและสว่างจ้า)
- 18. เตรียมสอบ Addmision (O-NET) โดยครูวิชัย ลิขิตพรรักษ์ 18.
เทคโนโลยีอวกาศ
1. กล้องโทรทัศน์
-
-
(1) หักเหแสง = กาลิเลโอประดิษฐ์ เลนส์นูน 2 ชุด (ใกล้ตา+ใกล้วัตถุ)
(2) สะท้อนแสง = นิวตันประดิษฐ์ ใช้กระจกเว้าแทนเลนส์นูนใกล้วัตถุสะท้อนแสงไปยังเลนส์ใกล้ตา
(3) วิทยุ = (รังสี/ ) จากดวงดาวภาพปรากฏบนจอ เก็บข้อมูลในระยะไกลมากๆ
2. ดาวเทียมและยานอวกาศ
- 1
สปุตนิก 2 + สุนัข อเมริกาส่งดาวเทียมเอกพลอเรอร์
- =
( อย่างน้อย 7.91 กิโลเมตร/วินาที)
- = (น้อยไป = ตก ,มากไป =
หลุดออก) โดยแปรผกผันกับความสูงจากผิวโลกและคาบของการโคจร (เวลาใน 1 รอบ)
@ ถ้าดาวเทียมโคจรด้วยความเร็ว 3.07 กิโลเมตร/วิ 35,880 กิโลเมตร จะมีคาบของการ
โคจรเท่ากับ 24 = โลกหมุนรอบตัวเอง เรียกว่า วงโคจรค้างฟ้ า ( )
-
พ้น อย่างน้อย 11.2 กิโลเมตร/
3. ระบบการขนส่งอวกาศ
-
-
( )
หรือยานอวกาศ จึงมีความเร็วสูงพอเอาชนะแรงดึงดูดของโลกได้
- โรเบิร์ต กอดดาร์ด ชาวอเมริกัน ได้สร้างจรวด เหลวช่วยในการเผาไหม้ และ
: ไฮโดรเจน = 1.5: 1
- ปัจจุบันออกแบบเป็นจรวจ 3
(ประหยัดและประสิทธิภาพ) ภายนอกเป็ 3 ของนิวตัน แรงกิริยา = แรงปฏิกิริยา
- 19. เตรียมสอบ Addmision (O-NET) โดยครูวิชัย ลิขิตพรรักษ์ 19.
- 3
- ยานอวกาศ = อาจมี/ไม่มีมนุษย์ควบคุมก็
ได้ เช่น เมอร์คิวรี (อเมริกา : ดาวพุธ) ,เซอร์เวเยอร์ (ดวงจันทร์) , (ดาวอังคาร) ,กาลิเลโอ (ดาวพฤหัส) ,แมกเจ
ลแลน (ดาวศุกร์) ,แคสสินี (ดาวเสาร์) ,อะพอลโล 11 (นิวอาร์มสตรอง : ดวงจันทร์)
- ชีวิตในอวกาศ เดิมการทํางานของอวัยวะร่างกายอยู่ภายใต้แรงโน้มถ่วงโลก จึงตองฝึกความอดทนและทดสอบ
เล็กลง กระดูกมวลลดลงเปราะแตกง่าย ( )
@ ชุดอวกาศมีความสามารถในการปรับความดันและอุณหภูมิให้เหมาะสมต่อร่างกายมนุษย์
4. ประโยชน์ของเทคโนโลยีอวกาศ
- ความก้าวหน้าของการสํารวจเกิดผลดี คือ ความรู้ความเข้าใจปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ พัฒนาและใช้ใน
ชีวิตประจําวัน เกิดจินตนาการและคิดสร้างสรรค์ และเกิดแนวคิดในการค้นคว้าหาทรัพยากรจากอวกาศ/
- ดาวเทียม แบ่งเป็น
อุตุนิยมวิทยา เช่น GOES (อเมริกา) GMS ( ) INSAT (อินเดีย)
สํารวจทรัพยากรโลก เช่น LANDSAT (อมริกา) SPOT (ยุโรป)
PALAPA (อินโดนีเชีย) THAICOM (ไทย)
สังเกตการณ์ดาราศาสตร์ เช่น METEOR (รัสเชีย) EXPLORER (อเมริกา)