SlideShare una empresa de Scribd logo
1 de 21
Descargar para leer sin conexión
หนวย : ความรู (Information)
                                          แผนการจัด รายวิชา : ภาษาอังกฤษอาน เขียน
ตอน : บทคัดจากสารานุกรม                    การเรียนรู        ระดับชัน : มัธยมศึกษาปที่ 4
                                                                      ้
เรอง : โรงเรียน (School)
  ่ื                                           ที่ 2          ระยะเวลา : 4 คาบ / ชวโมง่ั
                รูปแบบการเรียน : การเรียนรูแบบปฏิสัมพันธ (Interactive Learning)
สาระการเรียนรู : 1 , 2 และ 4
มาตรฐานการเรียนรู : ต 1.1 (2) , (4) / ต 1.2 (3) / ต 2.1 (2) / ต 2.2 (1) , (2) / ต 4.1 (1)

จุดประสงคการเรียนรู : เพื่อใหมีความรูความเขาใจในการอานสิ่งพิมพประเภทความรู
       จุดประสงคปลายทาง : นักเรียนมีความรูความเขาใจในสาระการเรียนรูทอาน
                                                                              ่ี 
       จุดประสงคนําทาง : 1. บอกความหมายของคําศัพทและสานวนในบรบทไดํ           ิ
                                  2. ระบุคําศัพทที่สะกดผิด และแกไขใหถูกตองได
                                  3. ตอบคําถามวัดความเขาใจในสาระการเรียนรูที่อานได
                                  4. เขียนเติมขอมูลได
                                  5. เขียนตารางเรยนในชนของตนเองได
                                                  ี      ้ั

สาระสาคัญ
       ํ
          การอานสิ่งพิมพภาษาอังกฤษประเภทความรู มีความจําเปนตอชีวตประจําวัน งานอาชพ
                                                                     ิ                 ี
และการศึกษาหาความรู การฝกทักษะการอานโดยที่ครูและนักเรียนไดมีปฏิสัมพันธกัน โดยใช
เนื้อหาที่ใกลตัวนักเรียน จําทําใหเ กดการเรยนรวธการอานเพอเกบรายละเอยด นําไปสูการอาน
                                      ิ     ี ู ิ ี  ่ื ็            ี
เพื่อความเขาใจในสิ่งพิมพภาษาอังกฤษรูปแบบตาง ๆ และสามารถเขียนสื่อความหมายไดอยางมี
ประสิทธิภาพ

เนื้อหาทางภาษา
        1. สาระการเรียนรู : 1. บทอานจากสารานกรม เรือง School , Education
                                                    ุ      ่
                               2. เอกสารการเรียนรู เรือง Back to School
                                                       ่
        2. คําศัพท : instruct , system , attend , handicap
        3. โครงสรางทางภาษา :3.1 ประโยค Present Simple Tense
                                   3.2 S + should + be + V1
        4. วฒนธรรม : การศึกษาในโรงเรียนในประเทศอังกฤษและสหรัฐอเมริกาแตกตางจาก
             ั
โรงเรียนในประเทศไทย ทงการเรยกชอระดบชน และการศึกษาภาคบังคับ นกเรยนจะไดเ รยนรู
                          ้ั      ี ่ื ั ้ั                              ั ี ี
และนํามาเปรียบเทียบกับโรงเรียนและการศึกษาในประเทศไทย
กิจกรรมการจดการเรยนรู
           ั     ี

      ชวโมงท่ี 1-2
       ่ั

           1. ข้ันนําเสนอเนือหา (Presentation)
                            ้
              1.1 นักเรียนทุกคนทําขอทดสอบกอนเรยน จํานวน 10 ขอ ใชเวลาประมาณ 15 นาที
                                               ี
              1.2 ครูพูดสนทนาเกยวกบโรงเรยน โดยการถามนักเรียนถึงโรงเรียนเดิมของนักเรียน
                                 ่ี ั        ี
ตั้งแตชั้นอนุบาล จนถึงปจจุบน (ชั้น ม.4) และโรงเรยนทนกเรยนอยากเขาศกษาตอ ใหนกเรยนชวย
                              ั                   ี ่ี ั ี        ึ     ั ี 
กันระดมพลังสมองเพื่อเขียนผังมโนทัศน (Mind Mapping) เก่ียวกบโรงเรยนประเภทตาง ๆ ใน
                                                              ั   ี         
ประเทศไทยที่นักเรียนรูจัก โดยใชคาวา “โรงเรียน” (School) เปน theme
                                   ํ                       



               ชั้นมัธยมศึกษา          ชั้นประถมศึกษา                  ชั้นอนุบาล



วิทยาลัยอาชีวศึกษา                     โรงเรยน
                                            ี                          สถาบันราชภัฐ



       สถาบันราชมงคล                วิทยาลัยพานิชย                    มหาวิทยาลัย



             1.3 ครูแจกบทอานเรือง School ใหนักเรยนสงเกตรปภาพประกอบ และคําบรรยายภาพ
                                   ่                  ี ั          ู
และนักเรียนเลือกคําศัพทใหม เชน instruct , system , attend , through , handicap , เปนตน
                                 
             1.4 ครูออกเสียงคําศัพทใหม แลวใหนักเรียนออกเสียงตามเปนกลุมและทีละคน ครูสุม
เรียกนักเรียนออกเสียงคําศัพททีละคน
             1.5 นักเรียนอานเนื้อเรืองอยางรวดเร็ว 1 เที่ยว เพือคนหาโรงเรียนประเภทตาง ๆ ใน
                                     ่                          ่
ประเทศสหรัฐอเมริกา แลวเขยนเปนผงมโนทศน
                          ี  ั             ั
College or university              Vocational School                 High School



       Special School                      School                    Elementary School



        Nursery School                 Public School                  Kindergarten School



2 ขนปฏบตกจกรรม (Practice)
       ้ั ิ ั ิ ิ
               2.1 นักเรียนใชพจนานุกรมคนหาความหมายของคําศัพทใหม
               2.2 นักเรียนอานบทอานโดยละเอียด และนําขอมูลจากบทอานมาแกไข ปรบปรง    ั ุ
ผงมโนทศน
 ั          ั
               2.3 นักเรยนศกษาประโยค present simple ตอไปนี้ และสังเกตคําศัพทที่ขีดเสนใต
                        ี ึ
ซึ่งเปนคากริยาที่แสดงถึงปจจุบันกาล (V1)
          ํ
                    Nick Jason is a Music Producer. He is middle-aged and wears glasses. He is tall
and thin. Sometimes he loses his temper. He shouts at his musicians and secretary. He doesn’t
have much money.
              2.4 นักเรียนและครูชวยกันสรุปโครงสรางประโยค
                                   

3 ข้ันถายโอนการเรยนรู (Production)
                     ี
            3.4 นักเรียนทําแบบฝกกิจกรรมการเรียนรู เรือง โรงเรียน
                                                       ่
            3.5 นักเรียนศึกษาตัวอยางการใชประโยค ในใบงานที่ 1 และทาแบบฝกปฏิบัติ
                                                                   ํ
กิจกรรม
            3.3 นักเรียนจับคูกนตรวจคําตอบ ครสมนกเรยนอานคาตอบของเพือน ครูเฉลยคําตอบ
                               ั             ู ุ ั ี  ํ             ่
ที่ถกตอง นกเรยนแกไขขอผด
    ู      ั ี        ิ
ใบงานที่ 1

        Present Simple Tense : Subject + Verb 1

        Example : Jenny and Nick get up at 7.30 every weekend.

A. Put do (2) , go (2) , have (2) , play , start , walk , watch in the blank of the sentence.
   1. They ------------ breakfast at eight.
   2. They -------------- to school.
   3. Lessons --------------- at nine o’clock.
   4. The children -------------- lunch at school.
   5. They -------------- more work after lunch, or they --------------- games.
   6. They ------------- home at three thirty.
   7. Then they --------------- their homework before dinner.
   8. After dinner they --------------- television, and they -------------- to bed at nine o’clock.

B. Missing –s or –es. Six of these sentences contain mistakes.
   Correct them by adding –s or –es to the verbs.

    Example : Everything cost more here.             ------costs--------
    1. I fly to Bangkok on Monday.                   ---------------------
    2. Yes, she don’t feel well.                     ---------------------
    3. Yes, they have an office in Chiang Mai.       ---------------------
    4. No, he don’t have a beard.                    ---------------------
    5. He play tennis, you know.                     ---------------------
    6. No. She wear glasses.                         ---------------------
    7. They don’t like jazz.                         ---------------------
    8. Really ! My flight leave at 4 a.m.            ---------------------
    9. He smoke too much.                            ---------------------
ชวโมงท่ี 3
         ่ั

       1. ข้ันนําเสนอเนือหา (Presentation)
                        ้
           1.1 ครูสนทนาเกี่ยวกับวิชาตาง ๆ ทีนกเรียนในโรงเรียน โดยเฉพาะวิชาที่เปดสอนใน
                                              ่ ั
หลักสูตรสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ในชั้น ม. 4 ที่นักเรียนกําลังศึกษาอยู เชน วิชาฟสิกส เคมี และ
                                                                      
คณิตศาสตร เปนตน
           1.2 นักเรียนบอกชือวิชาตาง ๆ เปนภาษาองกฤษ เชน biology , chemistry , etc.
                            ่                      ั         

          2. ขนปฏบตกจกรรม (Practice)
               ้ั ิ ั ิ ิ
             2.1 ครูแจกบทอาน เรือง “Education” นักเรยนสังเกตภาพประกอบและคําอธิบายภาพ
                                    ่                   ี
และอานเนือเรืองอยางรวดเร็วโดยวิธี scanning
            ้ ่
             2.2 นักเรยนคนหาคําศัพทใหมในบทอาน เชน education , formal , such as , goal ,
                        ี                                
solve , knowledge เปนตน
              2.3 ครูออกเสียงคําศัพทใหม นักเรียนออกเสียงตามเปนกลุมและทีละคน แลวนักเรียน
จับคูฝกออกเสียงใหเพื่อนฟง
              2.4 นักเรียนใชพจนานกรมคนหาความหมายของคําศัพท และสังเกตหนาที่ของคา
                                     ุ                                               ํ
(part of speech)
              2.5 นักเรียนอานบทอานอยางละเอยดอกครงหนง เพอวดความเขาใจ และเติมขอมูลใน
                                             ี ี ้ ั ่ ึ ่ื ั         
แบบฝกปฏิบัติกิจกรรม
Read the text and fill in blanks.
       • Education is : -------------------------------------------------------------------------------
       • Formal education : 1. To learn ----------------------------------------------------------
                                 2. Begin with : 2.1 ------------------------------------------------
                                                   2.2 ------------------------------------------------
                                 3.To learn many subjects :
                                    3.1----------------------------------------------------------------
                                    3.2----------------------------------------------------------------
                                    3.3----------------------------------------------------------------
       • Informal education : Learn outside school from :
                                   1.------------------------------------------------------------------
                                   2.------------------------------------------------------------------
                                   3.------------------------------------------------------------------
                                   4.------------------------------------------------------------------
       • Goal of education : To teach a person : 1.---------------------------------------------
                                                       2.----------------------------------------------



       3.ข้ันถายโอนการเรยนรู (Production)
                           ี
                 3.1 นักเรียนศึกษาบทอานจากใบงานที่ 2 เกี่ยวกับระบบการจัดการศึกษาของ
ประเทศสหราชอาณาจักร เปรียบเทียบกับประเทศสหรัฐอเมริกา (บทอาน Education ) และ
ประเทศไทย
                 3.2 นักเรียนทําแบบฝกกจกรรม ครสงเกตการปฏบตกจกรรมของนกเรยน และให
                                     ิ        ู ั             ิ ั ิิ        ั ี
คําแนะนําเมอนกเรยนมปญหา
            ่ื ั ี ี 
ชวโมงท่ี 4
           ่ั
          1. ขั้นการนําเสนอเนือหา (Presentation)
                              ้
              1.1 นักเรียนและครทบทวนเกยวกบชอวชาตาง ๆ เปนภาษาองกฤษ ทเ่ี รยนเมอชวโมง
                                ู       ่ี ั ่ื ิ          ั          ี ่ื ่ั
ที่แลว
            1.2 นักเรียนจับคูกนอานตารางเรียนของ David Hill ตอบคําถามถูก-ผด แลวแลก
                             ั                                           ิ
เปลี่ยนกันตรวจคําตอบกบเพอนคอน
                       ั ่ื ู ่ื
            1.3 นักเรียนอานออกเสยงคําศัพทวิชาตาง ๆ ในตารางเรยนพรอมกน และทีละคน
                                 ี                           ี     ั
แลวครสมเรยกใหอานตารางคนละ 1 วัน
   ู ุ ี       
2. ขั้นกิจกรรมการฝก (Practice)
           2.1 นักเรียนศึกษาหมายเลขหองประจําวิชาที่ David Hill เรียน แลวนําตัวเลขไปใส
                                                                        
ในตารางเรยน ของ David
         ี




           2.2 นักเรยนจบคกนฝกตอบคําถามโดยดขอมลจากตารางเรยนของ David Hill
                    ี ั ู ั                   ู ู              ี
           Answer these question. Note : a “double lesson” counts as two lessons.

       1. How many lessons does David have in Room 121 ? --------------------------------
       2. How many lessons does he have in the Science Laboratory ? ---------------------
       3. How many lessons does he have in the Gym ? --------------------------------------
       4. How many lessons does he have in Room 416 ? -------------------------------------
       5. How many lessons does he have in Room 337 ? -------------------------------------

         2.3 นักเรียนฝกเขยนบรรยายภาพ โดยใชโครงสราง He should be ………………
                       ี
ประโยคละ 1 ภาพ แลวแลกเปลี่ยนกันตรวจคําตอบกับเพือน (ครูยกตัวอยางการแตงประโยคใน
                                                ่
ภาพที่ 1 คือ He should be in the Gym. )
2.4 นักเรียนจับคูกันกับเพื่อนศึกษาปายประกาศ “Remember” ชวยกันหาคําที่สะกดผิด
แลวแกไขใหถูกตอง
2.5 นักเรยนจบคกบเพอน ชวยกันคิดหาคาศัพทที่เปนคากริยา (infinitive) เติมในชองวาง
                 ี ั ู ั ่ื                        ํ             ํ
ดังตวอยางท่ี 1
    ั 
                 Complete these sentences.
        1. Students are not allowed to wear earrings in school.
        2. Students are not allowed to ------------- make-up in school.
        3. Students are not allowed to ------------- cigarettes in school
        4. Students are not allowed to ------------- computer games in school.
        5. Students are not allowed to ------------- snacks in school.
        6. Students are not allowed to ------------- in the library.

         2.6 นักเรียนทําใบงานที่ 3 โดยการเตมคา / กลุมคําที่เหมาะสมลงในชองวางของประโยค
                                           ิ ํ
ท่ีเปนกฎระเบยบของโรงเรยนโดยทวไป
              ี            ี        ่ั

         3. ขั้นการถายโอนการเรียนรู (Production)
               3.1 นักเรียนศึกษาภาพ Alexander แลวเขียนบรรยายภาพโดยใชวิธีตอบคําถาม
เกี่ยวกับการฝาฝนกฎโรงเรียน
3.2 นักเรียนจบคกบเพอนชวยคดกฎระเบยบของโรงเรยนโชคชยสามคคี เปน
                         ั ู ั ่ื  ิ           ี         ี        ั ั     
ภาษาอังกฤษ เชน “No rolled up socks” ครูสุมนักเรียนนําเสนอหนาชนเรยน
                                                             ้ั ี
          3.3 นกเรยนทาใบงานที่ 4 โดยนําชือวิชาเรียนเติมใตภาพตามตารางเรียน และ
               ั ี ํ                       ่
มอบหมายใหนักเรียนทาผงมโนทศน / ปายประกาศ กฎระเบียบของโรงเรียน โดยศึกษาจากขอ 2.4
                     ํ ั        ั

กิจกรรมพัฒนาศักยภาพ
       นักเรียนเขียนตารางเรยนของตนเองตามวนเวลาทเ่ี รยน ตงแตวนจนทร – วันศุกร
                           ี                ั         ี   ้ั  ั ั
วันละ 7 ชวโมงเรยน ตามแบบตารางที่กาหนดให และจัดทาโครงงาน (Mini Project)
          ่ั     ี                ํ                 ํ
ตามสาระการเรยนรเู กยวกบโรงเรยนของตนเองทงในอดตและปจจบน โดยเขียนเปน
              ี     ่ี ั     ี           ้ั   ี          ุ ั
ผงมโนทศน
  ั    ั

ส่ือการเรยนรู
         ี

         รายการสือการเรียนรู
                 ่                        ปริมาณ               สภาพการใชสื่อการเรียนรู
1.   เอกสารการเรียนทักษสัมพันธ         1 ชุด / คน      ฝกปฏิบตกิจกรรมการเรยนรู
                                                                 ัิ            ี
2.   สมุดแบบฝกปฏิบัติกิจกรรมนักเรียน   1 เลม / คน     เขียนปฏิบตกิจกรรมการเรียนรู
                                                                    ัิ
3.   พจนานุกรมฉบับภาษาอังกฤษ-ไทย        1 เลม / คน     คนควาความหมายของคําศัพท สํานวน
4.   รูปแบบโครงงาน                      1 ชุด / คน      จัดทํากิจกรรมพัฒนาศักยภาพ
5.   แหลงการเรียนรู                   หลากหลาย        คนควาหาความรเู กยวกบโรงเรยนเดม
                                                                         ่ี ั       ี ิ
                                                        และโรงเรียนปจจุบน  ั

การวัดผลและประเมินผล

        รายการวัด / ประเมินผล                 วิธีการ              คะแนน             เกณฑ
1.   ผลการปฏิบตกิจกรรมการเรยน
                ัิ           ี      ตรวจสมุดแบบฝกกิจกรรม             20          รอยละ 70
                                                                                   
2.   ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน          ทดสอบการเรยนรู
                                                ี                     10          รอยละ 70
                                                                                     
3.   พฤติกรรมดานคุณลักษณะ          แบบสังเกตคุณลักษณะ                10          เกณฑ ดี
4.   ความกาวหนาการเรียนรู        โครงงาน 1 ชิ้น                    10          E/G/A/P
แบบฝกกิจกรรมการเรียนรู : School

1. Speed Reading : Scan the text to answer the questions.
   1. What is a school ?
   2. How many grades did the USA have, by 1890 ?
   3. How old do children start in kindergarten ?
2. Understanding Words : Find words in the text that mean :
   1. i - - t r - - t      = teach
   2. a - - e – d          = go to ; be present at
   3. – o – t i - - -      = go on
   4. The word “they” (line 6) refers to ---------------
3. Understanding Ideas : True or False ?
   ------- 1. At present, parents teach their children at home.
   ------- 2. Children attend elementary school for grade one through eight.
   ------- 3. After grade 12 , they can continue in a college or university.
   ------- 4. Special schools train people to work in specific jobs.
4. Answer these questions completely.
   1. In what kind of school may three-year-old children go ?
   2. Which kind of school is Chokechai Samakkee School ?
   3. List many kinds of schools in the USA :
        3.1 -----------------------------------------------
        3.2 -----------------------------------------------
        3.3 -----------------------------------------------
        3.4 -----------------------------------------------
        3.5 -----------------------------------------------
        3.6 -----------------------------------------------
        3.7 ------------------------------------------------
        3.8 ------------------------------------------------
                     Timetable of Chokechai Samakkee School
         Name ------------------------------------------ Class --------------- No. -------------
Time / Day       08.20 – 09.15        09.15 – 10.10          10.10 – 11.05          11.05 – 12.00        1   13.00 – 13.55
                                                                                                         H
Monday                                                                                                   L

Tuesday                                                                                                  U

Wednesday                                                                                                N

Thursday                                                                                                 C

Friday                                                                                                   H



                ลงชื่อ ----------------------------------------------- นักเรียน                      ลง
      ชื่อ -----------------------------------------            เพือน
                                                                   ่
                                                                       ลงชื่อ ----------------------------
      -----------      ครูผสอน
                            ู
ขอสอบวัดผลการเรียนรู                       จุดประสงคการเรียนรู
                                                     นักเรียนมีความรูความเขาใจสาระการเรียนรูทอาน
                                                                                             ่ี 
 หนวย : ความรู                                   1. บอกความหมายของคําศัพทและสํานวนในบริบทได
 ตอน : บทคัดจากสารานุกรม                           2. ระบุคาศัพทที่สะกดผิดและแกไขใหถูกตองได
                                                             ํ
 เรื่อง :โรงเรียน (School)                         3. ตอบคาถามวัดความเขาใจในเรื่องที่อานได
                                                               ํ
 ระดับชั้น : มัธยมศึกษาปที่ 4 เวลา 15 นาที        4. เขียนเติมขอมูลได
 รูปแบบการเรียน : การเรียนรูแบบปฏิสัมพันธ 5. เขียนตารางเรียนในชั้นของตนเองได
 คําแนะนํา : จงเลือกคาตอบที่ถูกที่สุดเพียงขอเดียว โดยใชความรจากสาระการเรยนรทอาน
                      ํ                                           ู            ี ู ่ี 

        School
1. How many grades does the USA have in school system ?
       a. 4                                         b. 6
       c. 10                                        d. 12
2. Before studying in kindergarten school, some children may go to ----------------- school.
       a. nursery                                   b. free public
       c. elementary                                d. special
3. Sometimes ----------------- are used to help teaching in many subjects, according to the
   passage.
       a. plays on stage                            b. movies
       c. laws                                      d. adults
4. All children in the USA must attend school for grade --------------------------
       a. one through eight                         b. nine through twelve
       c. one through twelve                        d. eight through twelve
5. In Thailand, children must attend school for ------------------ in 2546.
       a. Pratom 1 – 6                              b. Mattayom 1 - 6
       c. Pratom 1 – Mattatom 6                     d. Pratom 1 - Mattayom 3

        Education
6. Education is the process by which people ---------------------
      a. learn                                    b. work
      c. do or make                               d. study and play
7. What kind of education is used in school ?
         a. Informal education                        b. Formal education
         c. Learning outside of school                d. Learning from the world around them
8. Students (children) learn ------------------- in school.
         a. listening and writing                     b. listening and speaking
         c. speaking and reading                      d. reading and writing
9. Which is not the subject in Chokechai Samakkee School ?
         a. Science                                   b. Mathematics
         c. Literature                                d. Computer Studies
10. After learning in school for many years, students should use knowledge ----------------- ,
    that is the goal of education.
         a. in working                                b. in solving the problems
         c. for earn the living                       d. for the high position
Answer Key : แผนการจัดการเรียนรู ที่ 2

School :
1. Speed reading :
    1. a place where students are instructed     4. Answer these questions completely.
        by teachers.                                 1. nursery school
    2. 12 grades                                     2. high school
    3. about 5 years old                                3.1 nursery school
2. Understanding words :                                3.2 kindergarten
    1. Instruct                                         3.3 elementary
    2. Attend                                           3.4 high school
    3. Continue                                         3.5 college or university
    4. Children                                         3.6 vocational school
3. Understanding ideas :                                3.7 special school
    1. F 2. T 3. T 4. F                                 3.8 public school

        ใบงานท่ี 1
 Present Simple Tense :
A : 1. Have        2. Walk       3. Start        B : 1. True 2. Doesn’t         3. True
    4. have        5. Do / play 6. Go                4. doesn’t 5. Plays        6. Wears
    7. do          8. Watch / go                     7. true    8. Leaves       9. Smokes

       Education
-Education is : the process by which people learn. - Informal education :1. their parents
-Formal education : 1. In school                                          2. their friends
                     2. / 2.1 reading 2.2 writing                         3. TV
                     3. / 3.1 mathematics                            4. the world around them
                          3.2 history              - Goal for education : To teach a person :
                          3.3 art                    1. how to think and reason
                                                     2. solve problems
ใบงานท2 : ่ี                                   ใบงานท่ี 3 :
1. a play school                               1. longer       2. Leave     3. Phones
2. primary school                              4. uniform      5. Dyed       6. Colourful
3. state school                                7. fashion      8. rolled up 9. Black
4. 16 or 18 years old                          10.bigger
5. polytechnic
                                               Back to school :
ใบงานท่ี 4 :                                   1. True : 1 , 4 , 7
Monday : literature, music, art                2.2 1. 5 lessons             2. 6 lessons
Tuesday : science, economics, maths, sewing        3. 4 lessons             4. 2 lessons
Wednesday : history, computer studies, sport       5. 3 lessons
Thursday : geography, languages, typing,       2.3 vary
            Physical education                 2.5 2. use           3. smoke          4. play
Friday : technical drawing, algebra, cookery       5. eat / have 6. talk
                                               3.1 3 rules : 1. He smokes cigarettes.
ขอทดสอบกอน / หลังเรียน                                      2. He wears earrings.
1. D     2. A        3. B        4. C                         3. He dresses improperly.
5. D     6. A        7. B        8. D
9. C     10. B




 หนวย : ความรู (Information) รูปลักษณโครงงาน
                                                       กลุมสาระการเรียนรู :ภาษาอังกฤษ
                                                           
ตอน :บทคัดจากสารานุกรม (Project Work)                         ระดับชั้น : มัธยมศึกษาปที่ 4
 เรอง :โรงเรียน (School)
   ่ื                               ลําดับที่                  ระยะเวลา : ตามศักยภาพผูเรียน
                        กิจกรรมการสรรคสรางความรู (Constructivism)
1. สาระการเรียนรู (Theme) : -------------------------------------
2. ชอเรอง (Topic) : ------------------------------------------------
      ่ื ่ื
3. วิธีการเรยนรู : ผังมโนทศน (Mind Mapping)
            ี                ั




(ลงชื่อ) ---------------------------------------- นกเรยน ---------------------------------------- เพื่อน
                                                    ั ี
                                ---------------------------------------------ครูผูสอน
                                  เอกสารการเรยนรู : Education
                                             ี
Education




(Adapted from Disney’s My First Encyclopedia. Grolier, 1981 p. 26)
ใบงานที่ 3

         Direction : Fill in each blank about the General School Rules with word(s) below.

         dyed ,          black ,          longer ,         bigger ,         leave ,
         fashion ,       uniform ,        phones ,         colourful ,      rolled up



1.   Hair should be no ………………………….. than two inches below the ear.
2.   Student can’t ……………………………… before the end of the class.
3.   No mobiles ……………………………………..
4.   ……………………………………. only.
5.   No …………………………. hair.
6.   No ……………………………. bags or fashion logos.
7.   No ……………………….. …earrings.
8.   No ………………………………… socks.
9.   Watches should be ………………………. and no ………………….. than one inch in
     diameter.




     (Tanistha Dansilp. Feature, School Rules : Cool or cruel ? Nation Junior,
      May 15-31, 2003, p.27)
ใบงานที่ 4

Más contenido relacionado

La actualidad más candente

Reading lesson plan
Reading lesson planReading lesson plan
Reading lesson planBelinda Bow
 
Writing lesson plan
Writing lesson planWriting lesson plan
Writing lesson planBelinda Bow
 
แผนการสอน ป3 our food
แผนการสอน ป3 our food แผนการสอน ป3 our food
แผนการสอน ป3 our food Nim Kotarak
 
แบบฝึกเสริมทักษะการอ่าน การเรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษ (Introductory Stories)
แบบฝึกเสริมทักษะการอ่าน การเรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษ (Introductory Stories)แบบฝึกเสริมทักษะการอ่าน การเรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษ (Introductory Stories)
แบบฝึกเสริมทักษะการอ่าน การเรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษ (Introductory Stories)Sommawan Keawsangthongcharoen
 
แผนการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่าน
แผนการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านแผนการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่าน
แผนการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านWanida Keawprompakdee
 
ระเบียบการรับนักเรียน57
ระเบียบการรับนักเรียน57ระเบียบการรับนักเรียน57
ระเบียบการรับนักเรียน57Vattana Lapanich
 
๒.๓ แนวข้อสอบสมรรถนะผู้บริหารสถานศึกษา จักราวุธ คำทวี
๒.๓ แนวข้อสอบสมรรถนะผู้บริหารสถานศึกษา จักราวุธ คำทวี๒.๓ แนวข้อสอบสมรรถนะผู้บริหารสถานศึกษา จักราวุธ คำทวี
๒.๓ แนวข้อสอบสมรรถนะผู้บริหารสถานศึกษา จักราวุธ คำทวีนายจักราวุธ คำทวี
 
Speaking lesson plan
Speaking lesson planSpeaking lesson plan
Speaking lesson planBelinda Bow
 
เล่มที่ 1 เรื่อง Occupations
เล่มที่ 1 เรื่อง Occupationsเล่มที่ 1 เรื่อง Occupations
เล่มที่ 1 เรื่อง OccupationsChamchuree88
 
การพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความสำคัญภาษาอังกฤษของนักเรียน
การพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความสำคัญภาษาอังกฤษของนักเรียนการพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความสำคัญภาษาอังกฤษของนักเรียน
การพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความสำคัญภาษาอังกฤษของนักเรียนworapong jinwong
 
Reading for comprehension
Reading for comprehensionReading for comprehension
Reading for comprehensionruttiporn
 
แผนเขียน ส่งครั้งที่ 3
แผนเขียน ส่งครั้งที่ 3แผนเขียน ส่งครั้งที่ 3
แผนเขียน ส่งครั้งที่ 3Aiwilovekao
 
แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง อาชีพ
แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง อาชีพแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง อาชีพ
แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง อาชีพProud N. Boonrak
 
แผนการเรียนรู้ที่ 1
แผนการเรียนรู้ที่ 1แผนการเรียนรู้ที่ 1
แผนการเรียนรู้ที่ 1krusu01
 

La actualidad más candente (20)

Reading lesson plan
Reading lesson planReading lesson plan
Reading lesson plan
 
daily routine
daily routine daily routine
daily routine
 
Writing lesson plan
Writing lesson planWriting lesson plan
Writing lesson plan
 
แผนการสอน ป3 our food
แผนการสอน ป3 our food แผนการสอน ป3 our food
แผนการสอน ป3 our food
 
แบบฝึกเสริมทักษะการอ่าน การเรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษ (Introductory Stories)
แบบฝึกเสริมทักษะการอ่าน การเรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษ (Introductory Stories)แบบฝึกเสริมทักษะการอ่าน การเรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษ (Introductory Stories)
แบบฝึกเสริมทักษะการอ่าน การเรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษ (Introductory Stories)
 
แผนการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่าน
แผนการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านแผนการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่าน
แผนการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่าน
 
ระเบียบการรับนักเรียน57
ระเบียบการรับนักเรียน57ระเบียบการรับนักเรียน57
ระเบียบการรับนักเรียน57
 
๒.๓ แนวข้อสอบสมรรถนะผู้บริหารสถานศึกษา จักราวุธ คำทวี
๒.๓ แนวข้อสอบสมรรถนะผู้บริหารสถานศึกษา จักราวุธ คำทวี๒.๓ แนวข้อสอบสมรรถนะผู้บริหารสถานศึกษา จักราวุธ คำทวี
๒.๓ แนวข้อสอบสมรรถนะผู้บริหารสถานศึกษา จักราวุธ คำทวี
 
B slim
B slim B slim
B slim
 
01introductions
01introductions01introductions
01introductions
 
Speaking lesson plan
Speaking lesson planSpeaking lesson plan
Speaking lesson plan
 
เล่มที่ 1 เรื่อง Occupations
เล่มที่ 1 เรื่อง Occupationsเล่มที่ 1 เรื่อง Occupations
เล่มที่ 1 เรื่อง Occupations
 
การพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความสำคัญภาษาอังกฤษของนักเรียน
การพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความสำคัญภาษาอังกฤษของนักเรียนการพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความสำคัญภาษาอังกฤษของนักเรียน
การพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความสำคัญภาษาอังกฤษของนักเรียน
 
Reading for comprehension
Reading for comprehensionReading for comprehension
Reading for comprehension
 
PPP Model
PPP ModelPPP Model
PPP Model
 
แผนเขียน ส่งครั้งที่ 3
แผนเขียน ส่งครั้งที่ 3แผนเขียน ส่งครั้งที่ 3
แผนเขียน ส่งครั้งที่ 3
 
Smile1 unit1
Smile1 unit1Smile1 unit1
Smile1 unit1
 
No.1 at school
No.1 at schoolNo.1 at school
No.1 at school
 
แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง อาชีพ
แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง อาชีพแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง อาชีพ
แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง อาชีพ
 
แผนการเรียนรู้ที่ 1
แผนการเรียนรู้ที่ 1แผนการเรียนรู้ที่ 1
แผนการเรียนรู้ที่ 1
 

Destacado

The impact of innovation on travel and tourism industries (World Travel Marke...
The impact of innovation on travel and tourism industries (World Travel Marke...The impact of innovation on travel and tourism industries (World Travel Marke...
The impact of innovation on travel and tourism industries (World Travel Marke...Brian Solis
 
Open Source Creativity
Open Source CreativityOpen Source Creativity
Open Source CreativitySara Cannon
 
Reuters: Pictures of the Year 2016 (Part 2)
Reuters: Pictures of the Year 2016 (Part 2)Reuters: Pictures of the Year 2016 (Part 2)
Reuters: Pictures of the Year 2016 (Part 2)maditabalnco
 
The Six Highest Performing B2B Blog Post Formats
The Six Highest Performing B2B Blog Post FormatsThe Six Highest Performing B2B Blog Post Formats
The Six Highest Performing B2B Blog Post FormatsBarry Feldman
 
The Outcome Economy
The Outcome EconomyThe Outcome Economy
The Outcome EconomyHelge Tennø
 

Destacado (9)

clauses
clausesclauses
clauses
 
งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1
 
01 manners1
01 manners101 manners1
01 manners1
 
%Ba%b
%Ba%b%Ba%b
%Ba%b
 
The impact of innovation on travel and tourism industries (World Travel Marke...
The impact of innovation on travel and tourism industries (World Travel Marke...The impact of innovation on travel and tourism industries (World Travel Marke...
The impact of innovation on travel and tourism industries (World Travel Marke...
 
Open Source Creativity
Open Source CreativityOpen Source Creativity
Open Source Creativity
 
Reuters: Pictures of the Year 2016 (Part 2)
Reuters: Pictures of the Year 2016 (Part 2)Reuters: Pictures of the Year 2016 (Part 2)
Reuters: Pictures of the Year 2016 (Part 2)
 
The Six Highest Performing B2B Blog Post Formats
The Six Highest Performing B2B Blog Post FormatsThe Six Highest Performing B2B Blog Post Formats
The Six Highest Performing B2B Blog Post Formats
 
The Outcome Economy
The Outcome EconomyThe Outcome Economy
The Outcome Economy
 

Similar a interactive M 4

การออกแบบการจัดการเรียนรู้อิงมาตรฐาน
การออกแบบการจัดการเรียนรู้อิงมาตรฐานการออกแบบการจัดการเรียนรู้อิงมาตรฐาน
การออกแบบการจัดการเรียนรู้อิงมาตรฐานkruthai40
 
แผนการจัดการเรียนรู้ ภาษาเขมร
แผนการจัดการเรียนรู้ ภาษาเขมรแผนการจัดการเรียนรู้ ภาษาเขมร
แผนการจัดการเรียนรู้ ภาษาเขมรitnogkamix
 
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1Itnog Kamix
 
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 phonics a and e sound
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 phonics a and e soundแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 phonics a and e sound
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 phonics a and e soundpantiluck
 
แผนเป็นวิทยากรวิจัย
แผนเป็นวิทยากรวิจัยแผนเป็นวิทยากรวิจัย
แผนเป็นวิทยากรวิจัยppisoot07
 
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 7 phonics review
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 7 phonics reviewแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 7 phonics review
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 7 phonics reviewpantiluck
 
แผน 5 มัลติมีเดีย
แผน 5 มัลติมีเดียแผน 5 มัลติมีเดีย
แผน 5 มัลติมีเดียkrupornpana55
 
งานคอมพอตตต ล่าสุด2
งานคอมพอตตต ล่าสุด2งานคอมพอตตต ล่าสุด2
งานคอมพอตตต ล่าสุด2AomSirilakKhawsanlee
 
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 8 phonics ee sound
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 8 phonics ee soundแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 8 phonics ee sound
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 8 phonics ee soundpantiluck
 
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 phonics i, o and u sound
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 phonics i, o and u soundแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 phonics i, o and u sound
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 phonics i, o and u soundpantiluck
 
วันเข้าพรรษา
วันเข้าพรรษาวันเข้าพรรษา
วันเข้าพรรษาsuchinmam
 
แผนการเรียนรู้เรื่อง เพศพัฒนา
แผนการเรียนรู้เรื่อง เพศพัฒนาแผนการเรียนรู้เรื่อง เพศพัฒนา
แผนการเรียนรู้เรื่อง เพศพัฒนาtassanee chaicharoen
 
หลักสูตรwin win1
หลักสูตรwin win1หลักสูตรwin win1
หลักสูตรwin win1kruthailand
 
เอกสารประกอบการเรียนการสอน2
เอกสารประกอบการเรียนการสอน2เอกสารประกอบการเรียนการสอน2
เอกสารประกอบการเรียนการสอน2Pak Ubss
 

Similar a interactive M 4 (20)

ภาษาอังกฤษ ม.ต้น
ภาษาอังกฤษ ม.ต้น ภาษาอังกฤษ ม.ต้น
ภาษาอังกฤษ ม.ต้น
 
การออกแบบการจัดการเรียนรู้อิงมาตรฐาน
การออกแบบการจัดการเรียนรู้อิงมาตรฐานการออกแบบการจัดการเรียนรู้อิงมาตรฐาน
การออกแบบการจัดการเรียนรู้อิงมาตรฐาน
 
แผนการจัดการเรียนรู้ ภาษาเขมร
แผนการจัดการเรียนรู้ ภาษาเขมรแผนการจัดการเรียนรู้ ภาษาเขมร
แผนการจัดการเรียนรู้ ภาษาเขมร
 
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1
 
แผนการจัดการเรียนรู้
แผนการจัดการเรียนรู้แผนการจัดการเรียนรู้
แผนการจัดการเรียนรู้
 
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 phonics a and e sound
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 phonics a and e soundแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 phonics a and e sound
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 phonics a and e sound
 
แผนเป็นวิทยากรวิจัย
แผนเป็นวิทยากรวิจัยแผนเป็นวิทยากรวิจัย
แผนเป็นวิทยากรวิจัย
 
Ppp+มิ้น+..
Ppp+มิ้น+..Ppp+มิ้น+..
Ppp+มิ้น+..
 
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 7 phonics review
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 7 phonics reviewแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 7 phonics review
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 7 phonics review
 
ผลการดำเนินงานจุดเน้นที่ 2
ผลการดำเนินงานจุดเน้นที่ 2ผลการดำเนินงานจุดเน้นที่ 2
ผลการดำเนินงานจุดเน้นที่ 2
 
ผลการดำเนินงานจุดเน้นที่ 2
ผลการดำเนินงานจุดเน้นที่ 2ผลการดำเนินงานจุดเน้นที่ 2
ผลการดำเนินงานจุดเน้นที่ 2
 
แผน 5 มัลติมีเดีย
แผน 5 มัลติมีเดียแผน 5 มัลติมีเดีย
แผน 5 มัลติมีเดีย
 
งานคอมพอตตต ล่าสุด2
งานคอมพอตตต ล่าสุด2งานคอมพอตตต ล่าสุด2
งานคอมพอตตต ล่าสุด2
 
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 8 phonics ee sound
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 8 phonics ee soundแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 8 phonics ee sound
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 8 phonics ee sound
 
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 phonics i, o and u sound
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 phonics i, o and u soundแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 phonics i, o and u sound
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 phonics i, o and u sound
 
วันเข้าพรรษา
วันเข้าพรรษาวันเข้าพรรษา
วันเข้าพรรษา
 
แผนการเรียนรู้เรื่อง เพศพัฒนา
แผนการเรียนรู้เรื่อง เพศพัฒนาแผนการเรียนรู้เรื่อง เพศพัฒนา
แผนการเรียนรู้เรื่อง เพศพัฒนา
 
1370228618
13702286181370228618
1370228618
 
หลักสูตรwin win1
หลักสูตรwin win1หลักสูตรwin win1
หลักสูตรwin win1
 
เอกสารประกอบการเรียนการสอน2
เอกสารประกอบการเรียนการสอน2เอกสารประกอบการเรียนการสอน2
เอกสารประกอบการเรียนการสอน2
 

interactive M 4

  • 1. หนวย : ความรู (Information)  แผนการจัด รายวิชา : ภาษาอังกฤษอาน เขียน ตอน : บทคัดจากสารานุกรม การเรียนรู ระดับชัน : มัธยมศึกษาปที่ 4 ้ เรอง : โรงเรียน (School) ่ื ที่ 2 ระยะเวลา : 4 คาบ / ชวโมง่ั รูปแบบการเรียน : การเรียนรูแบบปฏิสัมพันธ (Interactive Learning) สาระการเรียนรู : 1 , 2 และ 4 มาตรฐานการเรียนรู : ต 1.1 (2) , (4) / ต 1.2 (3) / ต 2.1 (2) / ต 2.2 (1) , (2) / ต 4.1 (1) จุดประสงคการเรียนรู : เพื่อใหมีความรูความเขาใจในการอานสิ่งพิมพประเภทความรู จุดประสงคปลายทาง : นักเรียนมีความรูความเขาใจในสาระการเรียนรูทอาน   ่ี  จุดประสงคนําทาง : 1. บอกความหมายของคําศัพทและสานวนในบรบทไดํ ิ 2. ระบุคําศัพทที่สะกดผิด และแกไขใหถูกตองได 3. ตอบคําถามวัดความเขาใจในสาระการเรียนรูที่อานได 4. เขียนเติมขอมูลได 5. เขียนตารางเรยนในชนของตนเองได ี ้ั สาระสาคัญ ํ การอานสิ่งพิมพภาษาอังกฤษประเภทความรู มีความจําเปนตอชีวตประจําวัน งานอาชพ ิ ี และการศึกษาหาความรู การฝกทักษะการอานโดยที่ครูและนักเรียนไดมีปฏิสัมพันธกัน โดยใช เนื้อหาที่ใกลตัวนักเรียน จําทําใหเ กดการเรยนรวธการอานเพอเกบรายละเอยด นําไปสูการอาน ิ ี ู ิ ี  ่ื ็ ี เพื่อความเขาใจในสิ่งพิมพภาษาอังกฤษรูปแบบตาง ๆ และสามารถเขียนสื่อความหมายไดอยางมี ประสิทธิภาพ เนื้อหาทางภาษา 1. สาระการเรียนรู : 1. บทอานจากสารานกรม เรือง School , Education  ุ ่ 2. เอกสารการเรียนรู เรือง Back to School ่ 2. คําศัพท : instruct , system , attend , handicap 3. โครงสรางทางภาษา :3.1 ประโยค Present Simple Tense 3.2 S + should + be + V1 4. วฒนธรรม : การศึกษาในโรงเรียนในประเทศอังกฤษและสหรัฐอเมริกาแตกตางจาก ั โรงเรียนในประเทศไทย ทงการเรยกชอระดบชน และการศึกษาภาคบังคับ นกเรยนจะไดเ รยนรู ้ั ี ่ื ั ้ั ั ี ี และนํามาเปรียบเทียบกับโรงเรียนและการศึกษาในประเทศไทย
  • 2. กิจกรรมการจดการเรยนรู ั ี ชวโมงท่ี 1-2 ่ั 1. ข้ันนําเสนอเนือหา (Presentation) ้ 1.1 นักเรียนทุกคนทําขอทดสอบกอนเรยน จํานวน 10 ขอ ใชเวลาประมาณ 15 นาที   ี 1.2 ครูพูดสนทนาเกยวกบโรงเรยน โดยการถามนักเรียนถึงโรงเรียนเดิมของนักเรียน ่ี ั ี ตั้งแตชั้นอนุบาล จนถึงปจจุบน (ชั้น ม.4) และโรงเรยนทนกเรยนอยากเขาศกษาตอ ใหนกเรยนชวย ั ี ่ี ั ี  ึ   ั ี  กันระดมพลังสมองเพื่อเขียนผังมโนทัศน (Mind Mapping) เก่ียวกบโรงเรยนประเภทตาง ๆ ใน ั ี  ประเทศไทยที่นักเรียนรูจัก โดยใชคาวา “โรงเรียน” (School) เปน theme ํ  ชั้นมัธยมศึกษา ชั้นประถมศึกษา ชั้นอนุบาล วิทยาลัยอาชีวศึกษา โรงเรยน ี สถาบันราชภัฐ สถาบันราชมงคล วิทยาลัยพานิชย มหาวิทยาลัย 1.3 ครูแจกบทอานเรือง School ใหนักเรยนสงเกตรปภาพประกอบ และคําบรรยายภาพ ่ ี ั ู และนักเรียนเลือกคําศัพทใหม เชน instruct , system , attend , through , handicap , เปนตน  1.4 ครูออกเสียงคําศัพทใหม แลวใหนักเรียนออกเสียงตามเปนกลุมและทีละคน ครูสุม เรียกนักเรียนออกเสียงคําศัพททีละคน 1.5 นักเรียนอานเนื้อเรืองอยางรวดเร็ว 1 เที่ยว เพือคนหาโรงเรียนประเภทตาง ๆ ใน ่ ่ ประเทศสหรัฐอเมริกา แลวเขยนเปนผงมโนทศน  ี  ั ั
  • 3. College or university Vocational School High School Special School School Elementary School Nursery School Public School Kindergarten School 2 ขนปฏบตกจกรรม (Practice) ้ั ิ ั ิ ิ 2.1 นักเรียนใชพจนานุกรมคนหาความหมายของคําศัพทใหม 2.2 นักเรียนอานบทอานโดยละเอียด และนําขอมูลจากบทอานมาแกไข ปรบปรง ั ุ ผงมโนทศน ั ั 2.3 นักเรยนศกษาประโยค present simple ตอไปนี้ และสังเกตคําศัพทที่ขีดเสนใต ี ึ ซึ่งเปนคากริยาที่แสดงถึงปจจุบันกาล (V1) ํ Nick Jason is a Music Producer. He is middle-aged and wears glasses. He is tall and thin. Sometimes he loses his temper. He shouts at his musicians and secretary. He doesn’t have much money. 2.4 นักเรียนและครูชวยกันสรุปโครงสรางประโยค  3 ข้ันถายโอนการเรยนรู (Production) ี 3.4 นักเรียนทําแบบฝกกิจกรรมการเรียนรู เรือง โรงเรียน ่ 3.5 นักเรียนศึกษาตัวอยางการใชประโยค ในใบงานที่ 1 และทาแบบฝกปฏิบัติ ํ กิจกรรม 3.3 นักเรียนจับคูกนตรวจคําตอบ ครสมนกเรยนอานคาตอบของเพือน ครูเฉลยคําตอบ ั ู ุ ั ี  ํ ่ ที่ถกตอง นกเรยนแกไขขอผด ู ั ี   ิ
  • 4. ใบงานที่ 1 Present Simple Tense : Subject + Verb 1 Example : Jenny and Nick get up at 7.30 every weekend. A. Put do (2) , go (2) , have (2) , play , start , walk , watch in the blank of the sentence. 1. They ------------ breakfast at eight. 2. They -------------- to school. 3. Lessons --------------- at nine o’clock. 4. The children -------------- lunch at school. 5. They -------------- more work after lunch, or they --------------- games. 6. They ------------- home at three thirty. 7. Then they --------------- their homework before dinner. 8. After dinner they --------------- television, and they -------------- to bed at nine o’clock. B. Missing –s or –es. Six of these sentences contain mistakes. Correct them by adding –s or –es to the verbs. Example : Everything cost more here. ------costs-------- 1. I fly to Bangkok on Monday. --------------------- 2. Yes, she don’t feel well. --------------------- 3. Yes, they have an office in Chiang Mai. --------------------- 4. No, he don’t have a beard. --------------------- 5. He play tennis, you know. --------------------- 6. No. She wear glasses. --------------------- 7. They don’t like jazz. --------------------- 8. Really ! My flight leave at 4 a.m. --------------------- 9. He smoke too much. ---------------------
  • 5. ชวโมงท่ี 3 ่ั 1. ข้ันนําเสนอเนือหา (Presentation) ้ 1.1 ครูสนทนาเกี่ยวกับวิชาตาง ๆ ทีนกเรียนในโรงเรียน โดยเฉพาะวิชาที่เปดสอนใน ่ ั หลักสูตรสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ในชั้น ม. 4 ที่นักเรียนกําลังศึกษาอยู เชน วิชาฟสิกส เคมี และ  คณิตศาสตร เปนตน 1.2 นักเรียนบอกชือวิชาตาง ๆ เปนภาษาองกฤษ เชน biology , chemistry , etc. ่  ั  2. ขนปฏบตกจกรรม (Practice) ้ั ิ ั ิ ิ 2.1 ครูแจกบทอาน เรือง “Education” นักเรยนสังเกตภาพประกอบและคําอธิบายภาพ ่ ี และอานเนือเรืองอยางรวดเร็วโดยวิธี scanning ้ ่ 2.2 นักเรยนคนหาคําศัพทใหมในบทอาน เชน education , formal , such as , goal , ี   solve , knowledge เปนตน 2.3 ครูออกเสียงคําศัพทใหม นักเรียนออกเสียงตามเปนกลุมและทีละคน แลวนักเรียน จับคูฝกออกเสียงใหเพื่อนฟง 2.4 นักเรียนใชพจนานกรมคนหาความหมายของคําศัพท และสังเกตหนาที่ของคา  ุ  ํ (part of speech) 2.5 นักเรียนอานบทอานอยางละเอยดอกครงหนง เพอวดความเขาใจ และเติมขอมูลใน    ี ี ้ ั ่ ึ ่ื ั  แบบฝกปฏิบัติกิจกรรม
  • 6. Read the text and fill in blanks. • Education is : ------------------------------------------------------------------------------- • Formal education : 1. To learn ---------------------------------------------------------- 2. Begin with : 2.1 ------------------------------------------------ 2.2 ------------------------------------------------ 3.To learn many subjects : 3.1---------------------------------------------------------------- 3.2---------------------------------------------------------------- 3.3---------------------------------------------------------------- • Informal education : Learn outside school from : 1.------------------------------------------------------------------ 2.------------------------------------------------------------------ 3.------------------------------------------------------------------ 4.------------------------------------------------------------------ • Goal of education : To teach a person : 1.--------------------------------------------- 2.---------------------------------------------- 3.ข้ันถายโอนการเรยนรู (Production)  ี 3.1 นักเรียนศึกษาบทอานจากใบงานที่ 2 เกี่ยวกับระบบการจัดการศึกษาของ ประเทศสหราชอาณาจักร เปรียบเทียบกับประเทศสหรัฐอเมริกา (บทอาน Education ) และ ประเทศไทย 3.2 นักเรียนทําแบบฝกกจกรรม ครสงเกตการปฏบตกจกรรมของนกเรยน และให  ิ ู ั ิ ั ิิ ั ี คําแนะนําเมอนกเรยนมปญหา ่ื ั ี ี 
  • 7. ชวโมงท่ี 4 ่ั 1. ขั้นการนําเสนอเนือหา (Presentation) ้ 1.1 นักเรียนและครทบทวนเกยวกบชอวชาตาง ๆ เปนภาษาองกฤษ ทเ่ี รยนเมอชวโมง ู ่ี ั ่ื ิ   ั ี ่ื ่ั ที่แลว 1.2 นักเรียนจับคูกนอานตารางเรียนของ David Hill ตอบคําถามถูก-ผด แลวแลก ั ิ เปลี่ยนกันตรวจคําตอบกบเพอนคอน ั ่ื ู ่ื 1.3 นักเรียนอานออกเสยงคําศัพทวิชาตาง ๆ ในตารางเรยนพรอมกน และทีละคน  ี ี  ั แลวครสมเรยกใหอานตารางคนละ 1 วัน  ู ุ ี 
  • 8. 2. ขั้นกิจกรรมการฝก (Practice) 2.1 นักเรียนศึกษาหมายเลขหองประจําวิชาที่ David Hill เรียน แลวนําตัวเลขไปใส  ในตารางเรยน ของ David ี 2.2 นักเรยนจบคกนฝกตอบคําถามโดยดขอมลจากตารางเรยนของ David Hill ี ั ู ั  ู ู ี Answer these question. Note : a “double lesson” counts as two lessons. 1. How many lessons does David have in Room 121 ? -------------------------------- 2. How many lessons does he have in the Science Laboratory ? --------------------- 3. How many lessons does he have in the Gym ? -------------------------------------- 4. How many lessons does he have in Room 416 ? ------------------------------------- 5. How many lessons does he have in Room 337 ? ------------------------------------- 2.3 นักเรียนฝกเขยนบรรยายภาพ โดยใชโครงสราง He should be ………………  ี ประโยคละ 1 ภาพ แลวแลกเปลี่ยนกันตรวจคําตอบกับเพือน (ครูยกตัวอยางการแตงประโยคใน ่ ภาพที่ 1 คือ He should be in the Gym. )
  • 9. 2.4 นักเรียนจับคูกันกับเพื่อนศึกษาปายประกาศ “Remember” ชวยกันหาคําที่สะกดผิด แลวแกไขใหถูกตอง
  • 10. 2.5 นักเรยนจบคกบเพอน ชวยกันคิดหาคาศัพทที่เปนคากริยา (infinitive) เติมในชองวาง ี ั ู ั ่ื ํ ํ ดังตวอยางท่ี 1 ั  Complete these sentences. 1. Students are not allowed to wear earrings in school. 2. Students are not allowed to ------------- make-up in school. 3. Students are not allowed to ------------- cigarettes in school 4. Students are not allowed to ------------- computer games in school. 5. Students are not allowed to ------------- snacks in school. 6. Students are not allowed to ------------- in the library. 2.6 นักเรียนทําใบงานที่ 3 โดยการเตมคา / กลุมคําที่เหมาะสมลงในชองวางของประโยค ิ ํ ท่ีเปนกฎระเบยบของโรงเรยนโดยทวไป ี ี ่ั 3. ขั้นการถายโอนการเรียนรู (Production) 3.1 นักเรียนศึกษาภาพ Alexander แลวเขียนบรรยายภาพโดยใชวิธีตอบคําถาม เกี่ยวกับการฝาฝนกฎโรงเรียน
  • 11. 3.2 นักเรียนจบคกบเพอนชวยคดกฎระเบยบของโรงเรยนโชคชยสามคคี เปน ั ู ั ่ื  ิ ี ี ั ั  ภาษาอังกฤษ เชน “No rolled up socks” ครูสุมนักเรียนนําเสนอหนาชนเรยน   ้ั ี 3.3 นกเรยนทาใบงานที่ 4 โดยนําชือวิชาเรียนเติมใตภาพตามตารางเรียน และ ั ี ํ ่ มอบหมายใหนักเรียนทาผงมโนทศน / ปายประกาศ กฎระเบียบของโรงเรียน โดยศึกษาจากขอ 2.4 ํ ั ั กิจกรรมพัฒนาศักยภาพ นักเรียนเขียนตารางเรยนของตนเองตามวนเวลาทเ่ี รยน ตงแตวนจนทร – วันศุกร ี ั ี ้ั  ั ั วันละ 7 ชวโมงเรยน ตามแบบตารางที่กาหนดให และจัดทาโครงงาน (Mini Project) ่ั ี ํ ํ ตามสาระการเรยนรเู กยวกบโรงเรยนของตนเองทงในอดตและปจจบน โดยเขียนเปน ี ่ี ั ี ้ั ี  ุ ั ผงมโนทศน ั ั ส่ือการเรยนรู ี รายการสือการเรียนรู ่ ปริมาณ สภาพการใชสื่อการเรียนรู 1. เอกสารการเรียนทักษสัมพันธ 1 ชุด / คน ฝกปฏิบตกิจกรรมการเรยนรู ัิ ี 2. สมุดแบบฝกปฏิบัติกิจกรรมนักเรียน 1 เลม / คน เขียนปฏิบตกิจกรรมการเรียนรู ัิ 3. พจนานุกรมฉบับภาษาอังกฤษ-ไทย 1 เลม / คน คนควาความหมายของคําศัพท สํานวน 4. รูปแบบโครงงาน 1 ชุด / คน จัดทํากิจกรรมพัฒนาศักยภาพ 5. แหลงการเรียนรู หลากหลาย คนควาหาความรเู กยวกบโรงเรยนเดม  ่ี ั ี ิ และโรงเรียนปจจุบน ั การวัดผลและประเมินผล รายการวัด / ประเมินผล วิธีการ คะแนน เกณฑ 1. ผลการปฏิบตกิจกรรมการเรยน ัิ ี ตรวจสมุดแบบฝกกิจกรรม 20 รอยละ 70  2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ทดสอบการเรยนรู ี 10 รอยละ 70  3. พฤติกรรมดานคุณลักษณะ แบบสังเกตคุณลักษณะ 10 เกณฑ ดี 4. ความกาวหนาการเรียนรู โครงงาน 1 ชิ้น 10 E/G/A/P
  • 12. แบบฝกกิจกรรมการเรียนรู : School 1. Speed Reading : Scan the text to answer the questions. 1. What is a school ? 2. How many grades did the USA have, by 1890 ? 3. How old do children start in kindergarten ? 2. Understanding Words : Find words in the text that mean : 1. i - - t r - - t = teach 2. a - - e – d = go to ; be present at 3. – o – t i - - - = go on 4. The word “they” (line 6) refers to --------------- 3. Understanding Ideas : True or False ? ------- 1. At present, parents teach their children at home. ------- 2. Children attend elementary school for grade one through eight. ------- 3. After grade 12 , they can continue in a college or university. ------- 4. Special schools train people to work in specific jobs. 4. Answer these questions completely. 1. In what kind of school may three-year-old children go ? 2. Which kind of school is Chokechai Samakkee School ? 3. List many kinds of schools in the USA : 3.1 ----------------------------------------------- 3.2 ----------------------------------------------- 3.3 ----------------------------------------------- 3.4 ----------------------------------------------- 3.5 ----------------------------------------------- 3.6 ----------------------------------------------- 3.7 ------------------------------------------------ 3.8 ------------------------------------------------ Timetable of Chokechai Samakkee School Name ------------------------------------------ Class --------------- No. -------------
  • 13. Time / Day 08.20 – 09.15 09.15 – 10.10 10.10 – 11.05 11.05 – 12.00 1 13.00 – 13.55 H Monday L Tuesday U Wednesday N Thursday C Friday H ลงชื่อ ----------------------------------------------- นักเรียน ลง ชื่อ ----------------------------------------- เพือน ่ ลงชื่อ ---------------------------- ----------- ครูผสอน ู
  • 14. ขอสอบวัดผลการเรียนรู จุดประสงคการเรียนรู นักเรียนมีความรูความเขาใจสาระการเรียนรูทอาน   ่ี  หนวย : ความรู 1. บอกความหมายของคําศัพทและสํานวนในบริบทได ตอน : บทคัดจากสารานุกรม 2. ระบุคาศัพทที่สะกดผิดและแกไขใหถูกตองได ํ เรื่อง :โรงเรียน (School) 3. ตอบคาถามวัดความเขาใจในเรื่องที่อานได ํ ระดับชั้น : มัธยมศึกษาปที่ 4 เวลา 15 นาที 4. เขียนเติมขอมูลได รูปแบบการเรียน : การเรียนรูแบบปฏิสัมพันธ 5. เขียนตารางเรียนในชั้นของตนเองได คําแนะนํา : จงเลือกคาตอบที่ถูกที่สุดเพียงขอเดียว โดยใชความรจากสาระการเรยนรทอาน ํ  ู ี ู ่ี  School 1. How many grades does the USA have in school system ? a. 4 b. 6 c. 10 d. 12 2. Before studying in kindergarten school, some children may go to ----------------- school. a. nursery b. free public c. elementary d. special 3. Sometimes ----------------- are used to help teaching in many subjects, according to the passage. a. plays on stage b. movies c. laws d. adults 4. All children in the USA must attend school for grade -------------------------- a. one through eight b. nine through twelve c. one through twelve d. eight through twelve 5. In Thailand, children must attend school for ------------------ in 2546. a. Pratom 1 – 6 b. Mattayom 1 - 6 c. Pratom 1 – Mattatom 6 d. Pratom 1 - Mattayom 3 Education 6. Education is the process by which people --------------------- a. learn b. work c. do or make d. study and play
  • 15. 7. What kind of education is used in school ? a. Informal education b. Formal education c. Learning outside of school d. Learning from the world around them 8. Students (children) learn ------------------- in school. a. listening and writing b. listening and speaking c. speaking and reading d. reading and writing 9. Which is not the subject in Chokechai Samakkee School ? a. Science b. Mathematics c. Literature d. Computer Studies 10. After learning in school for many years, students should use knowledge ----------------- , that is the goal of education. a. in working b. in solving the problems c. for earn the living d. for the high position
  • 16. Answer Key : แผนการจัดการเรียนรู ที่ 2 School : 1. Speed reading : 1. a place where students are instructed 4. Answer these questions completely. by teachers. 1. nursery school 2. 12 grades 2. high school 3. about 5 years old 3.1 nursery school 2. Understanding words : 3.2 kindergarten 1. Instruct 3.3 elementary 2. Attend 3.4 high school 3. Continue 3.5 college or university 4. Children 3.6 vocational school 3. Understanding ideas : 3.7 special school 1. F 2. T 3. T 4. F 3.8 public school ใบงานท่ี 1 Present Simple Tense : A : 1. Have 2. Walk 3. Start B : 1. True 2. Doesn’t 3. True 4. have 5. Do / play 6. Go 4. doesn’t 5. Plays 6. Wears 7. do 8. Watch / go 7. true 8. Leaves 9. Smokes Education -Education is : the process by which people learn. - Informal education :1. their parents -Formal education : 1. In school 2. their friends 2. / 2.1 reading 2.2 writing 3. TV 3. / 3.1 mathematics 4. the world around them 3.2 history - Goal for education : To teach a person : 3.3 art 1. how to think and reason 2. solve problems
  • 17. ใบงานท2 : ่ี ใบงานท่ี 3 : 1. a play school 1. longer 2. Leave 3. Phones 2. primary school 4. uniform 5. Dyed 6. Colourful 3. state school 7. fashion 8. rolled up 9. Black 4. 16 or 18 years old 10.bigger 5. polytechnic Back to school : ใบงานท่ี 4 : 1. True : 1 , 4 , 7 Monday : literature, music, art 2.2 1. 5 lessons 2. 6 lessons Tuesday : science, economics, maths, sewing 3. 4 lessons 4. 2 lessons Wednesday : history, computer studies, sport 5. 3 lessons Thursday : geography, languages, typing, 2.3 vary Physical education 2.5 2. use 3. smoke 4. play Friday : technical drawing, algebra, cookery 5. eat / have 6. talk 3.1 3 rules : 1. He smokes cigarettes. ขอทดสอบกอน / หลังเรียน 2. He wears earrings. 1. D 2. A 3. B 4. C 3. He dresses improperly. 5. D 6. A 7. B 8. D 9. C 10. B หนวย : ความรู (Information) รูปลักษณโครงงาน  กลุมสาระการเรียนรู :ภาษาอังกฤษ 
  • 18. ตอน :บทคัดจากสารานุกรม (Project Work) ระดับชั้น : มัธยมศึกษาปที่ 4 เรอง :โรงเรียน (School) ่ื ลําดับที่ ระยะเวลา : ตามศักยภาพผูเรียน กิจกรรมการสรรคสรางความรู (Constructivism) 1. สาระการเรียนรู (Theme) : ------------------------------------- 2. ชอเรอง (Topic) : ------------------------------------------------ ่ื ่ื 3. วิธีการเรยนรู : ผังมโนทศน (Mind Mapping) ี ั (ลงชื่อ) ---------------------------------------- นกเรยน ---------------------------------------- เพื่อน ั ี ---------------------------------------------ครูผูสอน เอกสารการเรยนรู : Education ี
  • 19. Education (Adapted from Disney’s My First Encyclopedia. Grolier, 1981 p. 26)
  • 20. ใบงานที่ 3 Direction : Fill in each blank about the General School Rules with word(s) below. dyed , black , longer , bigger , leave , fashion , uniform , phones , colourful , rolled up 1. Hair should be no ………………………….. than two inches below the ear. 2. Student can’t ……………………………… before the end of the class. 3. No mobiles …………………………………….. 4. ……………………………………. only. 5. No …………………………. hair. 6. No ……………………………. bags or fashion logos. 7. No ……………………….. …earrings. 8. No ………………………………… socks. 9. Watches should be ………………………. and no ………………….. than one inch in diameter. (Tanistha Dansilp. Feature, School Rules : Cool or cruel ? Nation Junior, May 15-31, 2003, p.27)