More Related Content Similar to Schizophrenia รัชฎาพร 29 ก.ย. 54 Similar to Schizophrenia รัชฎาพร 29 ก.ย. 54 (20) Schizophrenia รัชฎาพร 29 ก.ย. 543. Positive Symptoms แสดงออกในด้านความผิดปกติของความคิด การรับรู้ การติดต่อสื่อสาร และพฤติกรรม ซึ่งแบ่งตามลักษณะอาการออกเป็น 2 ด้านใหญ่ Psychotic dimension อาการหลงผิด (Delusion) อาการหลงผิดที่มีน้ำหนักในการวินิจฉัย ได้แก่ bizarre delusion อาการประสาทหลอน (Hallucination) Disorganization dimension disorganized behavior เป็นพฤติกรรมที่ผิดไปจากปกติอย่างมาก disorganized speech ไม่สามารถสื่อสารกับผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลักษณะอาการทางคลินิก 4. Negative Symptoms เป็นภาวะที่ขาดในสิ่งที่คนทั่ว ๆ ไปควรมี Alogiaพูดน้อย เนื้อหาที่พูดมีน้อย ใช้เวลานานกว่าจะตอบ Affective flattening การแสดงออกทางด้านอารมณ์ลดลงมาก หน้าตาเฉยเมย ไม่ค่อยสบตา Avolitionขาดความกระตือรือร้น เฉื่อยชาลง ไม่สนใจเรื่องการแต่งกาย ผู้ป่วยอาจนั่งอยู่เฉย ๆ ทั้งวันโดยไม่ทำอะไร Asocialityเก็บตัว เฉย ๆ ไม่ค่อยแสดงออก หรือไม่มีกิจกรรมที่สนุกสนาน ลักษณะอาการทางคลินิก 6. การวินิจฉัย DSM - IV(American PsychiatricAssociation,1994) A. มีอาการต่อไปนี้ตั้งแต่ 2 อาการขึ้นไป นาน 1 เดือน อาการหลงผิด (Delusion) อาการประสาทหลอน (Hallucination) Disorganized speech Disorganized behavior หรือ catatonic behavior Negative Symptoms ได้แก่ flat affect, alogiaหรือ avolition หมายเหตุ แม้มีเพียงอาการเดียวก็ถือว่าเข้าเกณฑ์ หากเป็น bizarre delusion, หรือ Auditory hallucination 7. การวินิจฉัย B. มีความบกพร่องหรือปัญหาในด้าน social/ occupational function มาก เช่น ด้านการงาน สัมพันธภาพต่อผู้อื่น หรือสุขอนามัยของตนเอง C. มีอาการต่อเนื่องกันนาน 6 เดือนขึ้นไป โดยต้องมี active phase (ตามข้อ A) อย่างน้อยนาน 1 เดือน และระยะที่เหลืออาจเป็น prodromalหรือ residual phase D. ไม่รวมถึง schizoaffective disorder และ mood disorder ต้องแยกโรค schizoaffective และ mood disorder ที่มีอาการโรคจิต 8. การวินิจฉัย E. ไม่รวมถึงภาวะจากการใช้สารหรือโรคทางกาย อาการไม่ได้เป็นผลโดยตรงด้านสรีร วิทยาจากสาร เช่น สารเสพติด ยา หรือจากภาวะความเจ็บป่วยทางกาย F.ความเกี่ยวเนื่องกับ pervasive developmental disorder หากมีประวัติ autistic disorder หรือ pervasive developmental disorder อื่นๆ จะวินิจฉัยว่าเป็นโรคจิตเภท ต่อเมื่อผู้ป่วยมีอาการหลงผิดหรือประสาทหลอนอย่างชัดเจนนานอย่างน้อย 1 เดือน (หรือน้อยกว่านี้หากรักษาได้ผล) 9. DSM-IV โรคจิตเภทแบ่งออกตามลักษณะอาการทางคลินิก 5 กลุ่มย่อย 1 Catatonic type เป็นกลุ่มที่มีความผิดปกติเด่นด้านการเคลื่อนไหวได้แก่ stupor, negativism, rigidity, excitement หรือ posturing 2Disorganized typeลักษณะสำคัญคือ ความคิดกระจัดกระจายไม่เป็นไปในแนวเดียวกัน แสดงออกมาทางคำพูดหรือท่าทาง เช่น incoherence, loosening of association ส่วนใหญ่เริ่มมีอาการระหว่างอายุ 15-25 ปี การพยากรณ์โรคมักไม่ดี เนื่องจากมีอาการด้านลบเกิดขึ้นเร็ว การจำแนกกลุ่มย่อย 10. 3 Paranoid type ลักษณะสำคัญคือ มีความหมกมุ่นอยู่กับอาการหลงผิด หรือหูแว่ว ทั้งนี้ผู้ป่วยต้องไม่มีอาการของ catatonic หรือ disorganized type เป็นโรคจิตเภทชนิดที่พบบ่อยบุคลิกภาพโดยรวมไม่เสื่อมเท่า 2 ชนิดแรก 4 Undifferentiated type เป็นผู้ป่วยที่มีอาการเข้ากันได้กับโรคจิตเภท แต่ไม่สามารถจัดกลุ่มได้อย่างชัดเจนว่าเป็นชนิดใดใน 3 ชนิดข้างต้น 5 Residual type ผู้ป่วยเคยป่วยมีอาการกำเริบชัดเจนอย่างน้อย 1 ครั้ง ในขณะที่ประเมินไม่พบอาการด้านบวก หรืออาจมีแต่ไม่ใช่อาการเด่น ลักษณะอาการที่มีหลงเหลืออยู่ส่วนใหญ่เป็นอาการด้านลบ เช่น เก็บตัว เฉื่อยชา ไม่สนใจตัวเอง เป็นต้น การจำแนกกลุ่มย่อย 11. อุบัติการณ์ 0.1-0.5 ต่อ 1000 ความชุก 2.5-5.3 ต่อ 1000 หญิงและชายพบได้พอ ๆ กัน ชายเริ่มเป็นอายุน้อยกว่าหญิง Onset พบในช่วง 15-54 ปี ส่วนใหญ่เริ่มมีอาการช่วงวัยรุ่น หรือผู้ใหญ่ตอนต้น ชาย 15- 25ปี หญิง 25- 35 ปี ระบาดวิทยา 12. สาเหตุ ก. ปัจจัยทางด้านชีวภาพ พันธุกรรม จากการศึกษาพบว่าญาติของผู้ป่วยมีโอกาสเป็นโรคจิตเภทสูงกว่าประชากรทั่วไป ยิ่งมีความใกล้ชิดทางสายเลือดมากยิ่งมีโอกาสสูง (ดูตารางที่ 2) ระบบสารชีวเคมีในสมอง คือ สมมุติฐานโดปามีน (dopamine hypothesis) กายวิภาคของสมอง มีผู้ป่วยโรคจิตเภทอยู่จำนวนหนึ่งที่มีความผิดปกติทางด้านกายวิภาคของสมอง เช่น มี ventricle โตกว่าปกติ ซึ่งผู้ป่วยเหล่านี้ส่วนใหญ่มีอาการด้านลบ ประสาทสรีรวิทยา พบว่า cerebral blood flow และ glucose metabolism ลดลงในบริเวณ frontal lobe 13. ข. ปัจจัยทางด้านครอบครัวและสังคม ในแง่ของครอบครัวนั้น พบว่าสภาพครอบครัวมีผลต่อการกำเริบของโรค โดยในครอบครัวของผู้ป่วยที่อาการกำเริบบ่อย ๆ พบว่ามีการใช้อารมณ์ต่อกัน (expressed-emotion) สูง ได้แก่ การตำหนิวิพากษ์วิจารณ์ (criticism) มีท่าทีไม่เป็นมิตร (hostility) หรือจู้จี้ยุ่งเกี่ยวกับผู้ป่วยมากเกินไป (emotional over involvement) ผู้ป่วยที่เป็นโรคจิตเภทพบมากในสังคมที่มีเศรษฐานะต่ำ ซึ่งอาจเป็นจากการที่ผู้ป่วยมีอาการโรคจิตอยู่เรื่อย ๆ ทำให้การดำรงชีพไม่สามารถคงอยู่ได้ในสถานภาพเดิม (downward drift hypothesis) หรือการที่สภาพสังคมบีบคั้นทำให้คนเป็นโรคจิตเภทมากขึ้น (social causation hypothesis สาเหตุ 14. ความเสียงต่อการเกิดโรคจิตเภทในเครือญาติ . ความสัมพันธ์ ความเสี่ยง (%) ประชากรทั่วไป 1.0 พี่น้องของผู้ป่วย 8.0 ลูกที่พ่อหรือแม่ป่วย 12.0 คู่แฝดของผู้ป่วย (ไข่คนละใบ) 12.0 ลูกที่พ่อและแม่ป่วย 40.0 คู่แฝดของผู้ป่วย (ไข่ใบเดียวกัน) 47.0 16. Organic disease Temporal lobe epilepsy Brain tumor, brain trauma CNS infection Endocrine disorder Autoimmune disorder Psychotic disorder Brief psychotic disorder Delusional disorder Mood disorder Substance induced Alcohol induced psychosis Amphetamine induced psychosis การวินิจฉัยแยกโรค 19. prodromal phase เริ่มมีอาการแบบค่อยเป็นค่อยไป มักมีปัญหาในด้านหน้าที่ความรับผิดชอบ หรือด้านสัมพันธภาพ การเรียนหรือการทำงานเริ่มแย่ลง เก็บตัวอยู่แต่ในห้อง ละเลยเรื่องสุขอนามัยหรือการแต่งกาย อาจหันมาสนใจในด้านปรัชญา ศาสนา หรือจิตวิทยา มีการใช้คำหรือสำนวนแปลก ๆ ระยะเวลาช่วงนี้ไม่ โดยเฉลี่ยนานประมาณ 1 ปีก่อนอาการกำเริบ active phase เป็นระยะที่ผู้ป่วยมีอาการตามเกณฑ์การวินิจฉัยข้อ A โดยส่วนใหญ่มักเป็นกลุ่มอาการด้านบวก residual phase อาการคล้ายคลึงกับระยะเริ่มมีอาการ อาจพบ flat affect หรือเสื่อมลงมากกว่า อาการโรคจิต เช่น ประสาทหลอนหรือหลงผิด อาจยังมีอยู่ แต่มิได้มีผลต่อผู้ป่วยมากเหมือนในช่วงแรก พบว่าร้อยละ 25 ของผู้ป่วยโรคจิตเภทมีอาการซึมเศร้าร่วมด้วย การดำเนินโรค 20. การรับผู้ป่วยไว้รักษาในโรงพยาบาล จะรับผู้ป่วยไว้รักษาในโรงพยาบาลในกรณีต่อไปนี้ 1. มีพฤติกรรมเป็นอันตรายต่อตนเองหรือผู้อื่น หรือก่อความเดือดร้อนรำคาญแก่ผู้อื่น 2. มีปัญหาอื่น ๆ ที่ต้องดูแลใกล้ชิด เช่น มีอาการข้างเคียงจากยารุนแรง 3. เพื่อควบคุมเรื่องยา ในกรณีที่ผู้ป่วยไม่ยอมรับประทานยา 4. มีปัญหาในการวินิจฉัย การรักษาด้วยยา การรักษาด้วยไฟฟ้า (electroconvulsive therapy) การรักษาด้านจิตสังคม แนวทางการรักษา 24. ยารักษาโรคจิตทั่วไปจะออกฤทธิ์ในการรักษาโดยไปจับกับ D2 receptor (D2 receptor antagonism) ผลการออกฤทธิ์ของยาตาม dopamine pathway Mesolimbic pathway เกี่ยวข้องกับการรักษาอาการด้านบวก(positive symptoms) Mesocortical pathway เกี่ยวข้องกับการรักษาอาการด้านลบ (negative symptoms) และอาการด้าน cognitive Nigrostriatal pathway เกี่ยวกับการเกิดการข้างเคียง extrapyramidal (extrapyramidal side effects : EPS) Tuberoinfundibular pathway ยารักษาโรคจิตทำให้ prolactinหลั่งมาก เกิด galactorrheaและ gynecomastia ยารักษาโรคจิต 25. 1. Typical Antipsychotic Drugs 2. Atypical Antipsychotic Drugs Clozapine Risperidone Olanzapino Quetiapine การจำแนกกลุ่มยาจิตเวช 26. ยารักษาโรคจิตกลุ่ม typical antipsychotic drug ออกฤทธิ์แบบ postsynaptic dopamine receptor blocker โดยเฉพาะ dopamine – 2 receptor ที่mesolimbic pathway สำหรับรักษาอาการทางจิตแต่ออกฤทธิ์ที่ dopamine pathway อื่นด้วย ยาในกลุ่มใหม่ (atypical antipsychotic drug ) ออกฤทธิ์ที่ serotonin system มากกว่า dopamine system ใช้ชื่อย่อว่า SDA ได้แก่risperidalolanzapineเป็นต้น กลไกการออกฤทธิ์ 27. Typical antipsychotic drugs แบ่งตามขนาดยา เป็น 3 กลุ่ม 1. High potency - Haloperidol (Haldol) - Fluphenazine (Fendec) - Flupentixol (Fluanxol) - Trifluoperazine (Stelazine) - Pimozide (Orap) 2. Moderate potency - Perphenazine (Pernazine) - Zuclopenthixol (Clopixol) 3. Low potency - Chlorpromazine (CPZ) (Largactil) - Thioridazine (Melleril) 28. 28 รายละเอียดของกลุ่มยารักษาโรคจิต ( antipsychotic drug ) Generic name ขนาดมิลลิกรัมเทียบเท่า Chlorpromazine 100 มก. ขนาดที่ใช้ในการรักษา High potency - haloperidol - trifluoperazine 2-5 5 6-20 6-20 Low potency - chlopromazine - thioridazine 100 100 300-800 300-800 Medium polency - perphenazine 8 8-40 ตารางที่ 1 ยารักษาโรคจิตแบ่งตาม potency และขนาดที่ใช้รักษา 30. 1. ผลจากการเป็น dopamine blocker ใน pathway อื่น Acute dystonia Akathisia Parkinsonism Tardivedyskinesia Neuroleptic malignant syndrome 2. ผลจากการเป็น alpha-1 adrenergic blocker ลุกขึ้นหน้ามืด ความดันโลหิตลดต่ำ 3. ผลจากการเป็น anticholinergic agent (muscarinic type) น้ำลายน้อย ปากคอแห้ง เกิดฟันผุง่ายขึ้น ตาพร่า เหงื่อไม่ออก 4. ผลข้างเคียงอื่น ๆ ที่มีความสำคัญแต่พบไม่บ่อย Cardiotoxicity Hematological effects Dermatological effects Weight gain ผลข้างเคียงของยารักษาโรคจิต Antipsychotic drugs 32. 32 รายละเอียดของกลุ่มยารักษาโรคจิต ( antipsychotic drug ) ข้อห้ามใช้ 1.narrow angle glaucoma 2. recent MI 3. conduction abnormality เช่น prolong QT 4. benign prostate hypertrophy 33. 33 รายละเอียดของกลุ่มยารักษาโรคจิต ( antipsychotic drug ) ข้อบ่งชี้สำหรับการใช้ยารักษาโรคจิต โรคจิต (psychosis) ได้แก่ schizophrenia , brief psychotic disorder พฤติกรรมก้าวร้าวที่พบในโรคปัญญาอ่อนบุคลิกภาพแปรปรวนเป็นต้น โรคทางจิตเวชเด็กเช่นtourette’s disorder autistic disorder เป็นต้น โรคทางจิตเวชที่มีอาการโรคจิตร่วมได้แก่ major depression disorder with psychotic features , substance induced psychosis เป็นต้น 34. 34 รายละเอียดของกลุ่มยารักษาโรคจิต ( antipsychotic drug ) ผลข้างเคียงของยารักษาโรคจิต 1.extrapyramidal side effects (EPS) เป็นผลมาจากการ block dopamine แบ่งเป็น 1.1 parkinsonism มีอาการเดินตัวแข็งจากที่กล้ามเนื้อเกร็ง (rigidity) มือสั่น (resting tremor) ก้าวเดินสั้นๆหน้าตาเฉยเมยเชื่องช้า (bradykinesia) มักเกิดในช่วงสัปดาห์ที่ 2 ถึง 3 เดือนแรกของการได้ยาเกิดขึ้นประมาณ 15 % วิธีการรักษาanticholinergic drug ได้แก่benztropinemesylateหรือtrihexyphenidyl hydrochloride ขนาด 2-5 มิลลิกรัมวันละ 2 – 4 ครั้งเป็นระยะเวลา 4-8 สัปดาห์แล้วประเมินว่าจำเป็นต้องให้หรือไม่หากไม่จำเป็นควรลดยาจนหมดภายในระยะเวลา 2 สัปดาห์ 35. 35 รายละเอียดของกลุ่มยารักษาโรคจิต ( antipsychotic drug ) 1.2 acute dystoniaมีอาการบิดเกร็งของกล้ามเนื้อเป็นพักๆมักเกิดที่กล้ามเนื้อตา (occulogyric crisis) กล้ามเนื้อคอ (torticollis) กล้ามเนื้อหลัง (opisthotonus) มักเกิดในคนหนุ่มอายุน้อยกว่า 30 อาการมักเกิดภายในสัปดาห์แรกของการได้รับยาเกิดขึ้นประมาณ 10 % วิธีการรักษาให้anticholinergic drug ฉีดได้แก่benztropine 0.5 – 1 มิลลิกรัมเข้าเส้นเลือดหรือ 1-2 มิลลิกรัมเข้ากล้ามเนื้อและให้ยารับประทานต่อประเมินอาการทุก 2 อาทิตย์ 36. 36 รายละเอียดของกลุ่มยารักษาโรคจิต ( antipsychotic drug ) 1.3 akathisiaมีอาการย่ำเท้าเดินไปเดินมากระสับกระส่ายผุดลุกผุดนั่งไม่สบายในกล้ามเนื้ออาการมักเกิดภายในสัปดาห์แรกของการได้รับยา วิธีการรักษา 1. ลดขนาดยารักษาโรคจิตลงหรือเปลี่ยนชนิดของยารักษาโรคจิต 2. ให้ยาBadrenergic receptor antagonist, antichoinergic drug benzodiazepines หรือcyproheptadine 37. 37 รายละเอียดของกลุ่มยารักษาโรคจิต ( antipsychotic drug ) 1.4 tardivedyskinesiaเป็นการขยับของกล้ามเนื้อที่ควบคุมไม่ได้บริเวณปากลิ้นใบหน้าแขนขาหรือลำตัว (choreoathetoid movement) มักเกิดหลังจากได้รับยานานเกิน 6 เดือนแล้วมักพบในผู้สูงอายุเพศหญิงอายุมากกกว่า 50 ปีโอกาสเกิด 10 – 20 % ของผู้ที่ได้รับมากกกว่า 1 ปีสาเหตุมาจากdopaminegic receptor supersensitivityใน basal ganglia จากการที่ dopamine receptor ถูก block นาน วิธีการรักษาเปลี่ยนเป็นยากลุ่ม serotonin – dopamine antagonist (SDA) 38. 38 รายละเอียดของกลุ่มยารักษาโรคจิต ( antipsychotic drug ) 2. cardiac effect มีผลทำให้ QT และ PR interval ยาวขึ้นได้แก่ chlorpromazine ส่วนthioridazneอาจมีผลกับ t – wave 3. orthostatic (postural hypotension)เป็นผลจาก alpha adrenergic blocker ทำให้เวลาเปลี่ยนท่าแล้วหน้ามืดมักเกิดใน 2-3 วันแรกของการรักษามักเกิดจากยารักษาโรคจิตกลุ่ม low potency 4. peripheral anticholinergic effects มีอาการปากคอแห้งตาพร่ามัวท้องผูกปัสสาวะคั่งมักเกิดกับกลุ่มยารักษาโรคจิต low potency วิธีการรักษา - บ้วนปากบ่อยๆสำหรับปากคอแห้ง - bethanechol (urecholine ) 20-40 มิลลิกรัม/วันสำหรับผู้ป่วยปัสสาวะคั่ง 39. 39 รายละเอียดของกลุ่มยารักษาโรคจิต ( antipsychotic drug ) 5. hematological effects มักเกิดในช่วง 3 เดือนแรกของการรักษาอัตราส่วน 1 : 10,000 ดูจากการที่ผู้ป่วยเจ็บคอมีไข้ถ้าเกิดต้องหยุดยาเพราะอัตราตายสูงถึง 30 % 6. endocrine effects เป็นผลมาจาก bock dopamine receptors ในtuberoinfundibular tract ผลมีการหลั่งprolactinเพิ่มขึ้นทำให้นมโตน้ำนมไหลและ impotence ในผู้ชายส่วนในผู้หญิงเกิดamemorrheaและnibibited orgasm วิธีการรักษาเปลี่ยนเป็นยากลุ่ม SDA เช่นquatiepine 40. 40 รายละเอียดของกลุ่มยารักษาโรคจิต ( antipsychotic drug ) 7.weight gain วิธีการรักษาเปลี่ยนเป็นยาที่ไม่เพิ่มน้ำหนักได้แก่ziprazidone 8. dermatological effects เป็นลักษณะผื่นแพ้และผื่นที่ไวต่อแสงมักเกิดกับยาcholorpromazine วิธีการรักษาไม่ควรอยู่กลางแดดนานเกิน 30 - 60 นาทีและควรใช้ครีมกันแดด 41. 41 รายละเอียดของกลุ่มยารักษาโรคจิต ( antipsychotic drug ) 9. opthalmological effects ทำให้เกิดการสะสมของเม็ดสีที่จอประสาทอย่างแก้ไขไม่ได้ (retinitis pigmentosa) มีสาเหตุจากการ รับประทานthioridazineเกิน 800 มิลลิกรัม/วันส่วน chlorpromazine อาจทำให้เลนส์ตาขุ่น 10. jaundice มักเกิดในช่วง 1 เดือนแรก มีลักษณะอาการปวดท้องด้านบน คลื่นไส้อาเจียน ไข้ ผื่นeonsinophilia , bilirubinในปัสสาวะ , bilirubin , alkaline phosphataseและ hepatic transaminasesในเลือดสูงขึ้น 42. 42 รายละเอียดของกลุ่มยารักษาโรคจิต ( antipsychotic drug ) 11. neuroleptic malignant syndrome เป็นสาเหตุให้เสียชีวิตได้มีอาการกล้ามเนื้อแข็งแกร็งไข้สูงเหงื่อแตกชีพจรเร็วและความดันโลหิตขึ้นสูงเจาะเลือดพบมีการเพิ่มขึ้นของ WBC creatininephosphokinase , เอ็นไซม์ของตับ , myoglobinและมีmyoglobinในปัสสาวะทำให้ไตวายได้ถ้าไม่ได้รับการรักษาอาการคงอยู่นาน 10-14 วันมักเกิดในผู้ชายมากกว่าผู้หญิงและในคนอายุน้อยมากกว่าคนอายุมากอัตราการตาย 20-30 % วิธีการรักษา - หยุดยา dopamine receptor antagonist - ลดไข้ - ดูแล vital signs , เกลือแร่ , น้ำที่เข้าและออกจากร่างกาย - ยาที่รักษาdantrolene - เริ่มรักษาครั้งใหม่ให้ใช้ยาโรคจิตกลุ่ม low potencyหรือ SDA 43. 43 รายละเอียดของกลุ่มยารักษาโรคจิต ( antipsychotic drug ) 12. epileptogenic effects กลุ่ม low potency และclozapineทำให้ผู้ป่วยที่เสี่ยงหรือมีโรคลมชักอยู่มีโอกาสชักได้ง่ายขึ้น 13. sedation เป็นผลจากการ block H1 receptors ยาที่ง่วงนอนมากที่สุดคือ chlorpromazine 14. pregnancy และ lactation หลีกเลี่ยงการให้ใน 3 เดือนแรกและช่วงให้นมบุตร 44. 44 รายละเอียดของกลุ่มยารักษาโรคจิต ( antipsychotic drug ) atypical antipsychotic drug เป็นยารักษาโรคจิตกลุ่มใหม่ที่ออกฤทธิ์ block ทั้งdopaminagicและserotonergic receptor ทำให้มีฤทธิ์ข้างเคียงน้อยลงเมื่อเทียบกับยารุ่นเก่า 45. 45 Typical drug clozapine risporidone olanzapine quetiapine sertindole ziprazidone กระสับกระส่าย agranulocytosis anticholinergic effects เอ็นไซม์ตับSGOT , SGPT EPS EPS เพิ่มขึ้นตามขนาดยา คลื่นไส้ , ท้องอืด Orthostatic hypotension การเพิ่มขึ้นของระดับprolactin ง่วงนอน มีผลต่อการชัก Tardivedyskinesia น้ำหนักขึ้น + ถึง ++ พบน้อยมาก + ถึง +++ + + ถึง +++ ใช่ + + ถึง +++ + ถึง ++ ++ ถึง +++ + +++ + ถึง ++ 0 +++ +++ + 0 0 0 +++ 0 +++ +++(ขึ้นกับขนาดยา) 0 +++ ++ พบน้อยมาก + 0 + ใช่ + + ++ + 0 + + + พบน้อยมาก ++ + 0 ใช่ + ++ + ++ + ยังไม่แน่ ++ + พบน้อยมาก + + 0 ยังไม่แน่ 0 ++ 0 ++ 0 ยังไม่แน่ + 0 พบน้อยมาก 0 0 0 ไม่มี + + 0 0 0 ยังไม่แน่ ++ 0 พบน้อยมาก + + + ยังไม่แน่ + + + + 0 ยังไม่แน่ 0 รายละเอียดของกลุ่มยารักษาโรคจิต ( antipsychotic drug ) ตารางที่ 2 ฤทธิ์ข้างเคียงของยา atypical antipsychotic drug เทียบกับ typical antipsychotic drug 0 = ไม่มีอะไร+ =เล็กน้อย++ =ปานกลาง+++ =มาก 48. เอกสารอ้างอิง มาโนช หล่อตระกูล และ ปราโมทย์ สุคนิชย์. 2542. โรคจิตเภท. พิมพ์ครั้งที่ 1. เมดอินโฟร์ จีดีกรุงเทพมหานคร. ศิริยุพา นันสุนานนท์. 2543. โรคจิตเภท. คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยจิตเภทที่ได้รับการรักษาด้วยยาต้านโรคจิตกลุ่มดั้งเดิมและกลุ่มใหม่. วิทยานิพนธ์ วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (สาขาสุขภาพจิต) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย American Psychiatric Association. 1994. Diagnostic and statistical manual of mental disorders. 4thed. American Psychiatric Association, Washington DC : 273-315. NorquistGS and Narrow WE. 2000. Schizophrenia: epidemiology. In : Sadock BJ, Sadock VA, editors. Kaplan & Sadock’ s comprehensive textbook of psychiatry. 7th ed. Vol.I. Williams & Wilkins, Philadelphia : 1110-6. Siris SG. Diagnosis of secondary depression in schizophrenia : Implication for DSM-IV. Schizophr Bull 1991; 17(1):75-98. World Health Organization. The ICD-10 classification of mental and behavioral disorders. Geneva: World Health Organization, 1992: 86-95 Psychotic Disorders and Antipsychotic Therapy: A Consensus Statement, MJA 2004, 181 (10): 544-548, or www.psychiatry.unimelb.edu.au/open/diabetes_consensus/index.html www.nph.go.th/doc/7.pdf www.ra.mahidol.ac.th/mental/topics/int483.pdf www.skphweb.skph.go.th/skphpic/drug_maual.pdf elearning.medicine.swu.ac.th/edu/images/stories/mirco.ppt www.srbr.in.th/Pharmacy/Web_Saraburi/Quality/G.../monitorจิตเวช.doc