More Related Content
Similar to การดูแลผู้บาดเจ็บที่ทรวงอก
Similar to การดูแลผู้บาดเจ็บที่ทรวงอก (20)
การดูแลผู้บาดเจ็บที่ทรวงอก
- 4. บทนา
การบาดเจ็บทรวงอก เป็นสาเหตุสาคัญทุพพลภาพและการตาย
• สถิตDeadจากอุบตเหตุในUSA ปี2548 ~ 118,000 ราย
ิ ั ิ
• สาเหตุการเสียชีวิต 50% เกิดจากบาดเจ็บทรวงอก
• ต้องรักษาในโรงพยาบาล 33% (Mary C Mancini ,2008)
ประเทศไทย ปี 2544 พบว่ามีผบาดเจ็บทังหมด 62,317 ราย
ู้ ้
• บาดเจ็บรุนแรงที่ทรวงอก 2,168 ราย 3.5 %
• เสียชีวต 276 ราย 5.6 %
ิ
• ผู้ป่วยส่วนใหญ่มาเสียชีวิตในโรงพยาบาล
• การเสียชีวิตป้องกันได้ถ้าได้รับการรักษาพยาบาลที่
ถูกต้องทันเวลา
- 5. Pitfall (ชุมพร พงษ์นุ่มกุล,2541)
Prehospital : Hospital :
• บุคลากรขาดความรูความ
้ • ไม่ทา 1๐ survey หรือทาไม่
ชานาญในการปฐม ถูกต้อง
พยาบาล • ไม่สามารถหาภาวะคุกคามต่อ
ชีวิตผู้ปวยได้
่
• ขาดเครืองมือเครืองใช้
่ ่ • ไม่ทาการช่วยเหลืออย่างถูกต้อง
• ขาดการติดต่อสือสารทีดี
่ ่ :
• การขนส่งไม่สะดวกและ – ไม่ seal open
pneumothorax,
ปลอดภัย – ไม่relief tension
pneumothorax ,
– ไม่ใส่ ICD
– Clamp ICD ขณะเคลือนย้าย
่
– ไม่ชวย Ventilateผูปวย เป็นต้น
่ ้ ่
- 6. (Chest trauma หรือ Chest injury หรือ
thoracic injuries)
บาดเจ็บทรวงอก(Chest trauma หรือ Chest injury หรือ
thoracic injuries ) หมายถึง ภาวะทีผนังทรวงอกและ
่
อวัยวะทีอยูภายในทรวงอกได้รับบาดเจ็บจากแรงภายนอก
่ ่
ที่มากระทาต่อทรวงอก
- 7. ชนิดของการบาดเจ็บ
แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ
• บาดแผลไม่ทะลุ (Non-
Penetrating injury or
Blunt injury) เกิดจากการถูก
กระแทกโดยตรง การหยุด
ความเร็วโดยกระทันหัน การ
ถูกบีบรัดและการเพิ่ม
Intrathoracic หรือ Intra-
abdominal pressure พบ
บ่อยจากอุบัติเหตุจากรถยนต์
ตกจากที่สูง
- 10. การเปลียนแปลง
่
ที่เกิดขึนใน
้
ช่องเยือหุมปอด
่ ้
การเปลียนแปลง
่ การเปลียนแปลง
่
ที่เกิดขึนใน
้ พยาธิสรีรวิทยา ที่เกิดขึน
้
ช่องเยือหุมหัวใจ
่ ้ เมดิแอสตินม ั่
ภาวะทีมลมรัว
่ ี ่
เข้าไปในเลือด
(Air emboli)
- 11. การเปลี่ยนแปลงทีเกิดขึ้นในช่องเยือหุมปอด
่ ่ ้
• ภายในช่องเยือหุมปอดมีภาวะความดัน
่ ้
เป็นลบ เมือมีรตดต่อระหว่างภายในเยือหุมปอด
่ ู ิ ่ ้
• ประมาณ – 4 ถึง-20 cmH2O ซึงจะมีสวน
่ ่ กับบรรยากาศภายนอก /มีลมรั่วจากปอด
ช่วยในการขยายตัวของปอดในช่วงหายใจ
เข้า
• ดังนันการเสียความดันลบ หรือการเกิด
้
ภาวะความดันบวกจึงมีอนตรายต่อระบบ
ั ทาให้อากาศแทรกเข้าไปอยูในเยือหุม
่ ่ ้
การหายใจ ปอด
• ภายในช่องเยือหุมปอดยังมีภาวะเป็น
่ ้
Potential space คือมีความจุเพิมขึนได้
่ ้
มาก
สูญเสียภาวะความดันลบในช่องเยือหุม
่ ้
ปอด
มีการหดกลับสูขวปอด
่ ั้
เมดิแอสตินมเลือนมาทางทรวงอกข้าง
ั่ ่
ปกติ
- 12. การเปลียนแปลงทีเกิดขึ้นเมดิแอสตินั่ม (Mediastinum)
่ ่
เมดิแอสตินม หมายถึง ส่วนที่
ั่
อยูระหว่างปอดทังสองข้างและ
่ ้
ระหว่างกระดูกอกและกระดูกสัน
หลัง เป็นทีอยูของอวัยวะ
่ ่ มีความดันในทรวงอกข้างหนึงมากกว่าอีกข้าง
่
สาคัญต่างๆในทรวงอก ได้แก่ ลมรั่วในช่องเยือหุมปอดมากจนเกิดความดันบวก
่ ้
หัวใจ หลอดเลือดแดงใหญ่ หรือมีเลือดออกในช่องเยือหุมปอดมาก
่ ้
หลอดเลือดดา/แดงของปอด
หลอดลมใหญ่ หลอดอาหาร
ระบบน้าเหลือง เบียดเมดิแอสตินมเกิดความเปลียนแปลง
ั่ ่
เมดิแอสตินมถูกเบียดไปฝังตรงข้ามกับปอดข้างที่
ั่ ่
บาดเจ็บ
• ทาให้เกิดความผิดปกติในการทางานของอวัยวะต่างๆ
• หลอดเลือดขนาดใหญ่ในทรวงอกคดงอหรือพับหรือ
• ทาให้ผนังของหลอดเลือดดาทีกลับสูหัวใจเสียรูปทรง
่ ่
• ส่งผลให้เลือดไหลกลับสูหวใจลดลง และปริมาณเลือดออกจากหัวใจใน 1 นาทีลดลง
่ ั
- 13. การเปลี่ยนแปลงทีเกิดขึนในช่องเยือหุมหัวใจ
่ ้ ่ ้
• ภายในช่องเยือหุมหัวใจ
่ ้ การทีมเลือดหรือน้าบรรจุภายในช่องเยือหุมหัวใจปริมาณมาก
ี ่ ้
จะมีของเหลวประมาณ
5-20 cc ไม่เกิน 50 cc
• แต่ชองเยือหุมหัวใจมี
่ ่ ้ ทาแรงดันในช่องเยือหุมหัวใจเพิมขึนอาจสูงกว่าหลอดเลือด
่ ้ ่ ้
ความจุประมาณ 150- ดาที่กลับสูหวใจ
่ ั
200 cc
ส่งผลให้เลือดไหลกลับสูหวใจลดลง
่ ั
ปริมาณเลือดออกจากหัวใจใน 1 นาทีลดลง
การบีบเลือดไปเลียงส่วนต่างๆทาได้ลาบากเนืองจากถูกบีบรัด
้ ่
ด้วยของเหลวทีอยูในช่องเยือหุมหัวใจ
่ ่ ่ ้
- 14. ภาวะทีมลมรั่วเข้าไปในเลือด (Air emboli)
่ ี
ในภาวะทีมีการบาดเจ็บต่อเนือ
่ ้ มีการฉีกขาดของหลอดเลือดดา/
ปอด แดงของปอด
ลมรัวเข้าไปในเลือด
่
ฟองอากาศเหล่านันจะไปอุดตาม
้
หลอดเลือดแดง
ขัดขวางการไหลเวียนโลหิตทาให้
อวัยวะส่วนนันเสียการทางาน
้
- 15. Major pathophysiologic
events?
Hypoxia
Hypoventilation
Acidosis
Respiratory
Metabolic
Inadequate
tissue
perfusion
- 17. 1. เจ็บหน้าอกตาแหน่งทีบาดเจ็บ กดเจ็บ บทรวงอก
อาการและอาการแสดงการบาดเจ็
่
2. เจ็บเมือหายใจเข้า เจ็บเมือมีการเคลื่อนไหว
่ ่
3. หายใจลาบาก หายใจเร็วตืน กระวนกระวาย
้
4. มีภาวะขาดออกซิเจน ริมฝีปาก ปลายมือ ปลายเท้า
เขียว
5. มีบาดแผลทีบริเวณทรวงอก
่
6. ทรวงอกผิดรูป การเคลื่อนไหวผิดปกติขณะหายใจ
7. ผนังทรวงอกบวมนูน
8. คลาได้ Crepitation ใต้ผวหนัง
ิ
9. ไอเป็นเลือด
10.ชีพจรเบา ความดันโลหิตต่าอย่างรวดเร็วหลัง
บาดเจ็บทรวงอก
- 18. ระยะการดูแลรักษาแบ่งออกเป็น 4 ระยะ
ระยะที่ 1 การตรวจเบืองต้น (Primary survey) ใช้เวลาประมาณ 30-60 วินาที ซึงจะตรวจ
้ ่
Airway with Protect C-spine , Breathing , Circulation ,Disability และExposure/Environment ตามลาดับ
เพือหาภาวะทีคกคามต่อชีวตของผูบาดเจ็บทรวงอก มี 6 ภาวะดังนี้
่ ่ ุ ิ ้
1. Upper airway obstruction (A)
2. Tension pneumothorax (B)
3. Open pneumothorax (B+C)
4. Flail chest (B)
5. Massive hemothorax (C+B)
6. Cardiac tamponade(C)
ระยะที่ 2 การช่วยชีวต (Resuscitation) เป็นการแก้ไขภาวะทีคกคามต่อชีวตของผูบาดเจ็บ
ิ ่ ุ ิ ้
ทันทีหลังตรวจพบเบืองต้น ถ้าไม่แก้ไขภาวะเหล่านีอาจทาให้การรักษาล้มเหลว
้ ้
ระยะที่ 3 การตรวจละเอียด (Secondary survey) รวมทังซักประวัตตรวจร่างกายตังแต่หวจรด
้ ิ ้ ั
เท้าอย่างละเอียด ควรทาเมือผูบาดเจ็บทรวงอกได้รบการช่วยเหลือภาวะวิกฤตจนอาการ
่ ้ ั
คงที่
ระยะที่ 4 การรักษาเฉพาะ (Definitive care) เป็นการแก้ไขพยาธิสภาพทีพบ
่
- 20. Upper airway obstruction
1. Upper airway obstruction หมายถึง ภาวะทีมการอุดกันทางเดินหายใจส่วนบนเหนือ
่ ี ้
Larynx เมือทางเดินหายใจถูกอุดกัน ขณะผูปวยหายใจเข้าอากาศจากภายนอกจะเข้าไปใน
่ ้ ้ ่
ปอดได้ไม่สะดวกหรือไม่ได้เลย แล้วแต่วาการอุดกันนันเป็นเฉพาะบางส่วนหรือทังหมด ทา
่ ้ ้ ้
ให้
– การแลกเปลียนอากาศภายในปอดกับภายนอกเป็นไปได้ไม่ดี
่
– ออกซิเจนทีอยูในปอดจะต่าลง ออกซิเจนทีอยูในเลือดลดลง เนือเยือของร่างกายขาดออกซิเจน
่ ่ ่ ่ ้ ่
– ระดับคาร์บอนไดออกไซค์ในเลือดสูง
– ทรวงอกขยายออกไม่ได้เต็มทีแต่กลับมีสวนทียบเข้าไปได้
่ ่ ่ ุ
O2
CO2
- 21. การประเมิน Sign & Upper airway
Symptoms obstruction
1. กระวนกระวาย
2. RESPIRATORY การดูแลรักษา
3. DISTRESSTACHYPNEA • เพื่อแก้ไขภาวะอุดกันทางเดินหายใจทาให้ผปวยหายใจสะดวก
้ ู้ ่
4. เขียว CYANOSIS และได้ออกซิเจนเพียงพอ โดยจัดท่าไม่ให้ทางเดินหายใจอุดกัน
้
นิยมทา Chin lip หรือ Jaw thrust
5. หายใจโดยใช้กล้ามเนือช่วยหายใจมาก
้ 1. ประเมินการหายใจ ถ้ามีการอุดกันให้ใส่
้
6. บางรายมีเสียงแหบ Pharyngeal airway ให้ออกซิเจน และรีบ
7. พูดไม่ออก Suction
8. หายใจเสียงดัง STIRDOR (nasal 2. เตรียม Advance airway management เช่น
flaring, subcostal & ใส่ทอช่วยหายใจ Cricothyroidotomy หรือ
่
suprasternal retraction) Tracheostomy เป็นต้น
9. DECREASE BREATH SOUND 3. ผูป่วยทีสงสัยมีการบาดเจ็บทีกระดูกคอควรหลีกเลียง
้ ่ ่ ่
การแหงนคอผูปวยมากเกินไปและควรมีผช่วยคอย
้ ่ ู้
10.UNCONSCIOUS – CARDIAC ARREST ประคองศีรษะและคอ(In- line
stabilization)ระหว่างใส่ทอช่วยหายใจ
่
- 23. ข้อบ่งชีในการใส่ทอช่วยหายใจในผู้ป่วยทีได้รับ
้ ่ ่
บาดเจ็บ
• ผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บเมื่อมีปัญหาเรื่องทางเดินหายใจส่วนบนอุดตัน
ควรพิจารณาใส่ท่อช่วยหายใจ (endotracheal intubation)
โดยทั่วไปแล้วข้อบ่งชี้ในการใส่ท่อช่วยหายใจในผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บ
มีดังต่อไปนี้ คือ
1. มีการอุดตันของระบบทางเดินหายใจส่วนบน (acute airway
obstruction)
2. ผู้ป่วยไม่หายใจ (apnea)
3. ผู้ป่วยอยู่ในภาวะ hypoxia
4. บาดแผลถูกยิงหรือแทงที่คอ และมีก้อน hematoma ใหญ่ใน
คอ
5. ผู้ป่วยบาดเจ็บที่ศีรษะที่คะแนน Glasgow Coma Scale ต่า
กว่า 8
6. ผู้ป่วยบาดเจ็บหลายระบบ และอยู่ในภาวะช็อค
- 24. Flail chest
Fx Rib 3ซี่ (1 ซี่ หักมากกว่า 1 ตาแหน่ง)ขึนไปผนังทรวงอกจะ
้
ยุบเมื่อหายใจเข้าและโป่งเมือหายใจออก O2 ลดลง CO2 เพิ่ม
่
- 25. Paradoxical O2
Respiration CO2
Floating Segment
ส่วนลอยนี้เองที่จะทา ให้กลไกของ
การหายใจผิดปกติ
หายใจเข้าผนังทรวงอกข้างที่ได้รับ
ภยันตรายจะยุบลง
หายใจออกผนังทรวงอกที่ได้รับ
ภยันตรายกลับจะโป่งพองขึน
้
1. การแลกเปลียนก๊าซภายใน
่
ปอดได้น้อยลง
2. ออกซิเจนลดลง
3. คาร์บอนไดออกไซด์คงั่ หายใจเข้า หายใจออก
- 26. ภาวะอกรวน (Flail chest)
อาการ/อาการแสดง การดูแล
• เจ็บหน้าอกรุนแรง • ดูแลการหายใจ ให้ออกซิเจน
• ยึดตรึงผนังทรวงอกไม่ให้
• หายใจลาบาก เคลือนไหว
่
• ลักษณะการหายใจเร็วตืน
้ • บรรเทาอาการปวด
• Paradoxical Respiration
• Hypoxia มีภาวะขาดออกซิเจน • หากมีภาวะของการขาดออกซิเจน
รุนแรงให้พจารณาใส่ทอช่วย
ิ ่
โดยวัดออกซิเจนปลายนิวได้ตา
้ ่ หายใจ (ET tube)
หรือเขียว
• ตรวจพบกดเจ็บ และคลาได้ • ให้สารน้าหรือสารละลายทางหลอด
กระดูกกรอบแกรบบริเวณที่หัก เลือดดา
• ติดตามอัตราการหายใจ O2 sat
- 27. Open Chest injury
ลมเข้า-ออกทางแผลแทนหลอดลม
ปอดไม่สามารถขยายตามการหายใจ และ mediastinum
เคลื่อนไปมา หายใจไม่ดี CO ลดลง
- 29. อากาศภายนอกเข้าไปในช่องเยือหุม
่ ้
ปอดกดปอดให้แฟบ
อากาศภายนอกเข้าไปในช่องเยือหุม
่ ้
ปอดแข่ง
กับอากาศที่เข้าทางจมูก
อากาศ เข้า ปอดน้อยลง
แผลใหญ่ลมดัน Mediastinumไป
ตรงข้าม
หายใจออกอากาศออกทางแผลทาให้
Mediastinum แกว่ง
Hemodynamic เปลียนแปลง
่
- 30. • อาการ อาการแสดง 1. ปิดแผล 3 ด้าน เพื่อป้องกัน
• อาจพบผูปวยกระวนกระวาย
้ ่ ไม่ให้ลมเข้าทางบาดแผล แต่
หายใจเร็ว หายใจลาบาก ให้ลมออกได้
2. vassaline gauze/
• ชีพจรเต้นเร็ว
ICD
• เจ็บหน้าอก 3. นังในท่าสบาย (กรณี no
่
• มีแผลที่ผนังทรวงอก และอาจได้ spine injury)
ยินเสียงลมดูดเข้า และอาจเห็น 4. Oxygen
ฟองอากาศช่วงหายใจออก 5. ใส่ทอช่วยหายใจ เมือมีขอบ่งชี้
่ ่ ้
(Sucking wound) 6. monitor ติดตามอาการ เฝ้า
• ทรวงอกไม่ขยายตามการหายใจ ระวังภาวะลมดันในช่องปอด
• Breath sound ลดลง จากการช่วยหายใจและจากการ
ทีมลมรัวจากปอดทีได้รบ
่ ี ่ ่ ั
• Subcutaneous บาดเจ็บผ่านเข้าทางช่องเยือหุม
่ ้
emphysema ปอด
- 32. Tension
pneumothorax
ลมรั่วเข้าช่องทรวงอก
ไม่มีทางออก
แรงดันในเยื่อหุ้มปอดเพิ่มขึ้น
ดันหัวใจไปอีกข้าง กด IVC
ทาให้ Venous Return
ลดลง
ส่งผลให้ CO ลดลง
- 33. Tension Pnemothorax
• การประเมิน อาการ/อาการแสดง Tx
• ในช่วงแรก ผูปวยอาจเพียงแค่บนเจ็บหน้าอก
้ ่ ่ • สิงที่ตองทาอันดับแรกคือ การระบายลม โดยใช้
่ ้
และหายใจตืน เมือความดันในช่องเยือหุมปอด
้ ่ ่ ้ เข็มเจาะระบายลมในช่องอก ทาเมือ่
มากขึน ผูปวยจะมีอาการกระวนกระวาย และ
้ ้ ่ ตาแหน่งที่เจาะปอดอยูทระหว่างกระดูกซีโครงซีที่ 2-
่ ี่ ่ ่
หายใจลาบาก 3 ตรงกึงกลางไหปลาร้า เนืองจากง่ายต่อการทา
่ ่
– ผูปวยทีมอาการรุนแรง อาจมีเขียว และ
้ ่ ่ ี และการนาส่งผูป่วย ซึงต้องใช้ ไม้กระดานรอง
้ ่
หยุดหายใจได้ หลัง และเฝือกคอ
เจาะโดยใช้เข็มแทงน้าเกลือเบอร์ 16 แทงเข้าไป
– อาการแสดงทีพบคือ ่ จนกระทังมีฟองอากาศออกมา
่
• หลอดลมเอียงไปอีกด้านหนึง ่ • Oxygen
• ฟังเสียงปอดได้เบาลง และ
• monitor
• เคาะโปร่ง
– อาการอืนทีอาจพบได้คอ หลอดเลือดดาที่
่ ่ ื
คอโป่ง
– คลาได้เสียงกรอบแกรบ
– ผูปวยจะหายใจเร็ว
้ ่
– หัวใจเต้นเร็วอย่างมาก
– ความดันต่าและช็อคได้
– ***การหายใจแย่ลง หรือช่วยหายใจด้วย
การบีบ AMBUได้ลาบากขึน ้
- 35. Massive
Hemothorax
เป็นภาวะทีมเลือดอยูในช่องเยือ
่ ี ่ ่ Massive Hemothorax
หุ้มปอด ซึงเกิดจากการถูกทิมแทง
่ ่ เป็นภาวะที่มีปริมาณเลือดออกมาใน
จากของมีคมที่ทะลุผ่านเข้าไปทาง ช่องเยื่อหุ้มปอดตั้งแต่ 1500 cc
ทรวงอกหรืออาจเกิดจากตัวของ
กระดูกซีโครงที่หักอยู่ทมแทงเองก็
่ ิ่ ภายใน 1 ชั่วโมงตั้งแต่ได้รับบาดเจ็บ
ได้ ภาวะนีจะขัดขวางการขยายตัว
้
ของปอดและถ้ามีการเสียเลือด
มากๆอาจทา ให้เกิดภาวะช็อคจาก
การเสียเลือดได้
- 36. อาการ Tx
• เจ็บหน้าอก หายใจตื้น • ให้ออกซิเจนปริมาณสูง
• หายใจลาบาก • ใส่ทอช่วยหายใจ
่
• เขียว ซีดเย็น • ใส่ ICD* ถ้าออกมาก1000
• ซีด สับสน cc ทันที หรือ 200 cc
อาการแสดง ติดต่อกัน2-3 ชม.
• ให้ IVF อย่างรวดเร็ว G/M
• หลอดลมเคลือน ่
• monitor
• Breath sound ลดลง
• ข้างที่เป็น เคาะทึบ
• หลอดเลือดดาทีคอแฟบ
่
• เสียงหายใจเบาลง
• BP drop
- 38. Cardiac
tamponade
เป็นภาวะทีมเลือดเข้าไปอยู่ในเยือ
่ ี ่
หุ้มหัวใจและบีบรัดหัวใจให้ไม่
ขยายตัวรับเลือดได้เต็มที่ เลือดที่ขง
ั
อยูเพียง 150-200 CC จะกันไม่ให้
่
หัวใจขยายตัวรับเลือดใหม่ได้ ผลที่
ตามมาคือปริมาณCardiac
output จะลดลงเรือยๆ หัวใจจะ
่
พยายามปรับตัวโดยเต้นเร็วขึน ้
ต่อมาเมือ Venous return ลดลง
่
ความดันในหลอดเลือดแดงจะลดลง
เรือยๆ ขณะเดียวกันความดันใน
่
หลอดเลือดดาจะสูงขึน ้
- 39. Signs and Symptoms
• ***Beck’s triad:
• Muffled heart sounds,
• JVD,
• Decreased BP
Intervention
Rapid intravenous fluid
• preparing for
pericardiocentesis.
- 40. ให้ผู้ปวยนอนราบหรือนอนศีรษะสูงเล็กน้อยกรณีทแน่นหน้าอกมาก
่ ี่
ใช้ Cathlon เบอร์ 16 หรือ 18 แทงบริเวณข้าง Xyphoid cartilage
ข้างซ้าย ทามุม 45 องศาออกจากแนวกลางตัวหรืออาจใช้วธแทงให้แนว
ิ ี
ตรงไปยังหัวไหล่ซาย ค่อยดึง Negative pressure จะมีความรูสก
้ ้ ึ
เมือผ่านเยือหุมหัวใจ จากนันถ้าได้ของเหลวให้เลือนพลาสติกเข้าไปและ
่ ่ ้ ้ ่
เลือนเข็มออก การดูดเอาของเหลวออกมา 15-20 cc จะช่วยให้ผู้ปวย
่ ่
ลดภาวะ Cardiac tamponade ได้
- 42. A :OPEN Airway และระวัง C-
spine injury เสมอ
- 43. ข้อวินิจฉัยการพยาบาล
เสียงต่อเนือเยือได้รบออกซิเจนไม่เพียงพอ เนืองจาก
่ ้ ่ ั ่
ขาดประสิทธิภาพในการทาทางเดินหายใจให้เปิดโล่งเนืองจากไม่สามารถ
่
ไอเพือขับเสมหะออกเองได้จากมีกระดูกซีโครงหัก หรือมีสงอุดกัน
่ ่ ิ่ ้
ทางเดินหายใจ และ
แบบแผนการหายใจไม่มประสิทธิภาพ จาก ภาวะอกรวน และ
ี
การแลกเปลียนก๊าซลดลง จาก ภาวะอกรวน มีเลือดหรือลมในช่องเยือหุม
่ ่ ้
ปอด
วัตถุประสงค์ เนือเยือได้รบออกซิเจนอย่างเพียงพอ
้ ่ ั
- 44. การพยาบาล A
• ประเมินอาการและอาการแสดงของร่างกายได้รบออกซิเจนไม่เพียงพอ
ั
• ประเมินสัญญาณชีพ
• การจัดท่าผูปวยอกรวนระยะแรกควรจัดให้นอนทับข้างทีมพยาธิสภาพ ซึงเป็น
้ ่ ่ ี ่
การยึดตรึงจากภายนอก
• ส่วนผูบาดเจ็บทีมลมรัวในเยือหุมปอด อกรวนทีมสวนลอยค่อนข้างคงที่ ควร
้ ่ ี ่ ่ ้ ่ ี ่
จัดในนอนศีรษะสูง 20-30 องศาหรือ 45-60 องศา หรือท่าทีผบาดเจ็บสบาย
่ ู้
ที่สด
ุ
• ดูแลทางเดินหายใจให้โล่ง
• ใส่ oro-pharyngeal air way ป้องกันลินตก ้
• ดูดเสมหะทางท่อช่วยหายใจเป็นระยะ เท่าทีจาเป็น เช่น มีเสียงหายใจครืด
คราด secretion sound ขับเสมหะออกเองไม่ได้
• บรรเทาอาการปวด โดย
– ให้การพยาบาลดูแลอย่างนุมนวลเบามือ
่
– เบียงเบนความสนใจจากความเจ็บปวดไปสูสงอืน
่ ่ ิ่ ่
– ใช้เทคนิคผ่อนคลาย
– ดูแลให้ได้รบยาระงับปวดตามแผนการรักษา
ั
- 47. B : ประเมินและให้การช่วยเหลือ
Breathing
- 48. การพยาบาล B
• ประเมินและให้การช่วยเหลือ Breathing
• อัตราการหายใจผิดปกติ <10 ครัง/นาที >30ครัง/นาที
้ ้
• จมูกบาน อ้าปากหายใจ
• คลาพบ Tracheal deviation
• คลาได้ crepitation of rib fracture
• คลาได้ลมได้ชนผิวหนัง
ั้
• หน้าอกขยายตัวไม่เท่ากัน
• ฟังเสียงลม 2 ข้างไม่เท่ากัน
• มีบาดแผลบริเวณหน้าอก ผนังทรวงอกเคลือนที่ผดปกติ
่ ิ
• Expose the patients chest
and neck to allow
assessment of breathing
and the neck veins.
- 49. • ดูแลให้ออกซิเจนตามแผนการรักษา
• ดูแลการทางานเครืองช่วยหายใจให้มประสิทธิภาพ
่ ี
• แก้ไขภาวะเลือดและลมขังในช่องเยือหุมปอด (ถ้ามี)
่ ้
• โดยใส่ทอระบายทรวงอกทาให้ปอดทาหน้าทีได้ดขน
่ ่ ี ึ้
• ประเมินและดูแลการทางานของท่อระบายทรวงอก (ICD)
• ดูแลการทา งานของ chest drain โดยสังเกตการขึนลงของระดับนา
้ ้
(fluctuation) ใน tube ที่จมอยูใต้น้า ถ้าผูปวยหายใจออก
ุ่ ่ ้ ่
ระดับน้าใน tube จะต่าลง และมีฟองอากาศในนา ถ้าผู้ป่วยหายใจเข้า
้
ระดับนาใน tube จะสูงขึน ซึงจะสัมพันธ์กนอย่างนีเสมอ
้ ้ ่ ั ้
• การป้องกันอุบตเหตุ ระวังขวด Chest drain แตกหรือล้ม
ั ิ
- 50. ดูแลการทา งานของ chest drain
• บีบหรือรูดสายระบาย (วิธการบีบหรือรูดไม่
ิ
• ถ้าสายยาง chest drain หลุด ต้องรีบใช้ ควรยาวเกินครังละ 4 นิว หรือ 10
้ ้
Vaseline gauze ปิด ทับด้วย gauze เซนติเมตร)ทุก 1-2 ชัวโมง
่
และพลาสเตอร์ให้แน่นทันที แล้วรายงานให้
แพทย์ทราบ • สังเกตและบันทึกปริมาณเลือดทีออกจากท่อ
่
ระบาย ถ้าพบว่ามีอาการผิดปกติเช่นมี
• ดูแลให้เป็นระบบปิดตลอด ขวดระบายต้องอยู่ตา ่ เลือดออกจาก ICD. ทันที 1,000 ml. หลัง
กว่าตัวผูบาดเจ็บ 2-3 ฟุตเสมอ
้ ใส่ หรือ ออกประมาณ 200-300 ml./
• การดูแลผูปวยบาดเจ็บทรวงอกทีมลมรัวหรือ
้ ่ ่ ี ่ ชัวโมง ติดต่อกัน 2-3ชัวโมงและ/หรือมี
่ ่
เลือดคังในช่องอก ไม่จาเป็นต้องต่อกับเครืองดูด
่ ่ อาการหายใจผิดปกติ เช่น หายใจหอบ เร็ว มี
อาการเขียวตามปลายมือปลายเท้า มีการ
• ไม่ Clamp สายระบายขณะ เปลียนแปลงของระดับความรูสกตัว ควร
่ ้ ึ
เคลือนย้ายโดยเฉพาะในราย
่ รายงานแพทย์ทนที ั
tension pneumothorax • สังเกตภาวะแทรกซ้อนจากการใส่สายท่อ
• เปลียนขวดเมือสารเหลวในขวดมีปริมาณ
่ ่ ระบายทรวงอก ทีพบได้บอยเช่น ภาวะมีลม
่ ่
ใต้ผวหนัง
ิ
มาก โดยสังเกตทีปลายแท่งแก้ว ถ้าจุมใน
่ ่
น้าเกิน 5 ซม.
- 53. C : ประเมินและให้การช่วยเหลือ
Circulation
- 55. การพยาบาล
1. ประเมินอาการและอาการแสดง ประเมินสัญญาณชีพ
– Circulation Assessment : ระดับความรูสกตัว
้ ึ HR Capillary refill BT สีผิว
– ความรูสกตัว
้ ึ
– HR : 60-100 ครัง/นาที
้
– Blood pressure : SBP >90 mmHg
– pulse pressure : 30-40 mmHg
– Capillary refill < 2 sec
– skin for color and temperature.: ไม่มี มือเท้าเย็น เหงือแตก ซีด เขียวกระสับกระส่าย
่
2. จัดท่าเพือเพิมปริมาณเลือดดาทีไหลกลับเข้าหัวใจโดยจัดท่านอนราบยกปลายเท้าสูงประมาณ45
่ ่ ่
องศา เข่าตรงศีรษะอยูระดับอก หรือยกสูงเล็กน้อย
่
3. ประเมินการทางานหรือการเฝ้าระวังการเปลียนแปลงของระบบไหลเวียนโลหิต การวัดความดันเลือดดัน
่
ส่วนกลาง
4. ดูแลการทางานของท่อระบายทรวงอกให้มประสิทธิภาพ
ี
5. ดูแลการได้รบสารน้าหรือสารละลายทดแทนทางหลอดเลือดดาอย่างเพียงพอ
ั
6. ดูแลการได้รบเลือดทดแทนอย่างเพียงพอ
ั
7. บันทึกปริมาณน้าเข้าและออกจากร่างกายเพือเป็นแนวทางในการให้สารน้าทดแทนและประเมินหน้าทีของไต
่ ่
8. ติดตามผลการตรวจทางห้องปฏิบตการ
ั ิ
- 56. สารละลายที่ควรใช้ Isotonic Crystalloid
solution คือ NSS,RLS,Acetar
•NSS ใช้มากในภาวะที่มี
การสูญเสียNa ระวัง!
hypercholemic
metabolic acidosis
•Acetar สามารถ Met ที่
กล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อ
•RLSสามารถ Met ทีตับ ่
เท่านั้น
ชนิด Na K Ca HCO3 Cl osmole •RLS และ Acetar
สามารถเปลียนเป็นไบ
่
NSS 154 - - - 154 310 คาร์บอเนตในร่างกาย
RLS 130 4 3 28 109 275 •RLSไม่ควรใช้ในผู้ป่วย
Acetar 130 4 3 28 109 โรคตับ เพราะเกิด Lactic
acidosis ได้งาย
่
พลาสมา 280-300
- 57. • แก้ไข Hypovolemic shock , ภาวะเลือด
และลมขังในช่องเยือหุมหัวใจโดย
่ ้
• เปิดเส้น 2-3 เส้นทังที่แขนและขา/Cutdownด้วย
้
RLS 1000 CC หรือ NSS 1000 CC
• Warm RLS/ เลือด
• ทา Subxyphoid
pericardiocentesisเพื่อลด Cardiac
tamponade
• นอกจากนันต้องเตรียมขอเลือดด่วนและให้เลือด
้
เพื่อทดแทนภาวะสูญเสียเลือด หรือเข้าผ่าตัดด่วน
เพื่อหยุดเลือด
Stop bleed
- 58. D : Disability : AVPU ,GCS
- 60. Clinical Practice Guideline
of Chest Injury
Clinic OPDAE.
Test CBC,Hct stat,UA PT PTT
•BUN Cr ELECTROLYTE ABG
CK-MB TROP-T
Anti HIV
G/M PRC 4 u FFP 4 u
EKG 12 lead,Monitor EKG
PORT CXR
Echocardiogram FAST
Cardiac catherization หรือ Angiocardiography
เมื่อมีข้อบ่งชี้
CT Chest เมื่อมีข้อบ่งชี้
Consultation แพทย์ศัลยกรรม ภายใน4 นาที
CVT ภายใน15 นาที
- 61. Treatment ให้ O2 mask with bag flow 10 l/min หรือตามอาการของ
ผู้ป่วย เช่น AMBU c O210 l/min, ET tube
CPR เมื่อมีข้อบ่งชี้
Cutdown ICD
NSS หรือ RLS 1000 cc 2-3 เส้น เข็มเบอร์16-18 Free
flow หรือตามอาการผู้ป่วย
Foley ‘ s Cath , NG
ICD
เตรียม ER thoracotomy หรือ Pericardiocentesis หรือ
Subxiphoid windowเมื่อมีข้อบ่งชี้
เตรียม OR ด่วน
Mediation ตามอาการของผู้ป่วย เช่น
Codarone , Lidocaine เมื่อมีภาวะ Veintricular
arrhythmia
Digoxin เมื่อมีภาวะ Pump failure , AF
Inotropic agent เมื่อช่วยเพิม Cardiac output และ
่
Ejection fraction
Adenosine เมื่อมีภาวะ PSVT
Morphine เพื่อลดปวดที่รุนแรง
Diet NPO
Activity Absoluted Bed rest
- 62. Nursing 1. ประเมินการบาดเจ็บ อาการและบันทึก V/S แรงดันห้องบนซ้าย (LAP) ห้องบน
Care ขวา(RAP)แรงดันหลอดเลือดแดงทีปอด (PAP) แรงดันหลอดเลือดดาส่วนกลาง(CVP)
่
ทุก15 นาที x 4 ครัง ถ้า V/S คงที่ วัดทุก 30 นาที x 2 ครัง และ ทุก 1 ชัวโมง ถ้า
้ ้ ่
อาการไม่คงทีให้วดทุก 5 –10 นาที จนกว่าผูปวยจะ คงที่ *** หมายเหตุ ควรวัดชีพจร
่ ั ้ ่
BP เปรียบเทียบ 2 ข้าง กรณี Vascular injury
2. EKG ทุก 15 นาที ทุก 1 -2 ชัวโมง นาน 48-72 ชัวโมง
่ ่
3. Position
กรณีมภาวะ Hypovolemic shock ให้ นอนราบ ยกขาสูง
ี
กรณีไม่มภาวะ Hypovolemic shock ให้ นอนศีรษะสูง30-45 องศา (15-30)
ี
4. Serial Hct ทุก 2-4 ชัวโมง หรือตามอาการผูปวย
่ ้ ่
5. ประเมินบาดแผลให้การดูแล
6. ประเมินความปวดและบรรเทาอาการ
7. I/O;Urine Output ทุก 1 ชัวโมง Keep > 30 cc/h ปริมาณ-สี ของ
่
drain โดยการดูแล drain ทีออกจากเยือหุมหัวใจทาเช่นเดียวกับทีออกจากเยือหุม
่ ่ ้ ่ ่ ้
ปอด
8. เตรียมยาและอุปกรณ์ฉกเฉิน
ุ
9. ติดตามผล LAB Film และรายงานให้แพทย์ทราบ
10. รายงานแพทย์เมือพบความผิดปกติ เช่น หอบเหนือย เจ็บแน่นหน้าอก
่ ่
SBP>180 or < 90 HR >100 or < 50
11. RR> 30 or < 10 EKG ผิดปกติ
12. ดูแลด้านร่างกาย-จิตใจแก่ผปวยและญาติ
ู้ ่
- 63. Education
/
บอกให้ทราบถึงอาการผิดปกติและการขอความช่วยเหลือ โดย
Counselling แพทย์และ พยาบาล
บอกให้ทราบการวินิจฉัยโรค โดยแพทย์ศัลยกรรม
บอกให้ทราบการดูแลรักษาในห้องฉุกเฉิน โดยพยาบาล
บอกให้ทราบการผ่าตัด และ Consent from โดยแพทย์
ศัลยกรรม
เตรียมย้ายไปห้องผ่าตัดและ/หรือเข้ารักษาต่อที่ใน ICU
Ward Refer โดยผู้ช่วยพยาบาล / พยาบาล
ก่อนกลับบ้าน : บอกให้ทราบถึงการดูแลตนเองที่บ้าน อาการ
ผิดปกติที่ต้องกลับมาพบแพทย์ก่อนนัด การมาตรวจตามนัด
แหล่งประโยชน์ที่จะขอความช่วยเหลือเมื่อมีภาวะฉุกเฉิน
- 66. สรุป
ประเมิน ช่วยเหลือ ประเมินซ้า
Airway : จัดท่า Collar suction ET เจาะคอ
Breathing:O2 AMBM เตรียมทาหัตถการฉุกเฉิน
ICD needle tapping
Circulation:IVF RLS 2-3 เส้น Stop
bleed Pericariocentesis G/M
Cutdown
Disability:GCS N/S
Exposure:Environment:Keep warm
Mornitor