More Related Content
Similar to คอมโวยยยยยย (18)
คอมโวยยยยยย
- 2. • 1.1 ความหมายของเทคโนโลยี
• คำว่ำ เทคโนโลยีสำรสนเทศ
( Information Technology: IT )เรียกย่อว่ำ"ไอที"ประกอบด้วยคำว่ำ"เทคโนโลยี" และคำว่ำ"สำรสนเทศ" นำมำ
ร่วนกันเป็น"เทคโนโลยีสำรสนเทศ" และคำว่ำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร ( Information and
Communication Technology: ICT ) หรือเรียกย่อว่ำ"ไอซีที"ประกอบด้วยคำที่มีควำมหมำยดังนี้
• เทคโนโลยี( Technology ) หมายถึง การนาความรู้ด้านวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ในการพัฒนาเครื่องมือ เครื่องใช้ อุปกรณ์
วิธีการและกระบวนการ
• สารสนเทศ( Information ) หมายถึง ผลลัพธ์ที่เกดจากการนาข้อมูลมาผ่านกระบวนการต่างๆ อย่างมีระบบ
• เทคโนโลยีสารสนเทศ หมายถึง การนาความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้เพื่อสร้างหรือจัดการสารสนเทศอย่างเป็นระบบ
และรวดเร็ว โดยอาศัยเทคโนโลยีทางด้านคอมพิวเตอร์
• เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ตามแผ่นแม่บท เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารประเทศไทย พ.ศ. 2545-2549 หมายถึง
เทคโนโลยีเกี่ยวข้องกับข่าวสารข้อมูล และการสื่อสารนับตั้งแต่การสร้าง การนามาวิเคราะห์หรือการประมวลผล
- 3. • ปัจจุบันเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำรมีบทบำทมำก เช่น มีกำรใช้คอมพิวเตอร์ในกำรทำงำน ใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อ
สืบค้นข้อมูล หรือรับส่งข้อมูลระหว่ำงกัน ตลอดใช่โทรศัพท์เครื่องที่(mobile phone) หรือโทรศัพท์มือถือในกำร
ติดต่อสื่อสำรองค์กรทั้งภำครัฐและเอกชนได้นำเทคโนโลยีสำรสนเทศ และกำรสื่อสำรเข้ำมำใช้งำนในทุกระดับชั้นของ
องค์กร
•
- 5. • 1.2.2 ชอฟต์แวร์ ( soflware ) หมายถึง โปรแกรมหรือชุดคาสั่ง ( instruction ) ที่ใช่ควบคุมการทางานของเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆ ชุดคาสั่งจะถูก
แบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ
• ซอฟต์แวร์ระบบ ( system software ) หมายถึงชุดคาสั่งที่ทาหน้าที่ควบคุมการทางานของเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆ และทาหน้าที่เป็นตัวกลาง
ระหว่างผู้ใช้กับคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ระบบแบ่งออกเป็น
• ระบบปฏิบัติกำร ( Operating System: OS ) เป็นซอฟต์แวร์ที่ทาหน้าที่ควบคุมการทางานของอุปกรณ์และซอฟต์แวร์ทั้งหมดภายในคอมพิวเตอร์ ตัวอย่าง
ระบบปฏิบัติการ เช่น วินโดวส์( Windowns ) ลินุกซ์ ( Linux ) และ แมคโอเอส ( Mac OS )
• โปรแกรมอรรถประโยชน์ ( utilities program ) เป็นโปรแกรมที่ช่วยเสริมการทางานของคอมพิวเตอร์ หรือช่วยเสริมการทางานอื่นๆให้มีความสามารถใช่วานได้
สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น
• โปรแกรมขับอุปกรณ์ หรือดีไวซ์ไดร์ฟเวอร์ ( device driver ) เป็นโปรแกรมที่ช่วยในการติดตั้งระบบเพื่อให้คอมพิวเตอรืสามารถติดต่อหรือใช่งานอุปกรณ์ต่างๆ
• โปรแกรมแปลภำษำ เป็นโปรแกรมที่ทาหน้าที่แปลโปรแกรมที่เขียนขึ้นด้วยภาษาคอมพิวเตอร์ระดับสูงให้เป็นรหัสที่อยู่ในรูปแบบที่เครื่องคอมพิวเตอร์สามารถทางานได้ ดังรูป
ที่ 1.9 ตัวอย่างตัวแปลภาษา เช่น ตัวแปลภาษาจาวา ตัวแปลภาษาซี
- 6. ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (application
software) หมายถึง ชุดคาสั่งที่เขียนขึ้นเพื่อให้
เครื่องคอมพิวเตอร์ทางานตามวัตถุประสงค์เฉพาะอย่าง
ซอฟต์แวร์ประยุกต์อาจเขียนขึ้นโดยใช้
โปรแกรม ภาษาคอมพิวเตอร์ เช่น เบสิก (Basic)
ปาสคาล (Pascal) โคบอล (Cobol) ซี (C)
ซีพลัสพลัส (C++) และจาวา (Java) ซอฟต์แวร์
ประยุกต์แบ่งตามกลุ่มการใช้งานได้ดังตารางที่ 1.1
- 7. • 1.2.3 ข้อมูล (data) ข้อมูลจะถูกรวบรวมและป้ อนเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์โดยผ่านอุปกรณ์ของหน่วยรับเข้า เช่น คีย์บอร์ด เมาส์
และสแกนเนอร์ (scanner) ข้อมูลต้องมีโครงสร้างในการจัดเก็บที่เป็นระบบเพื่อการสืบค้นที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ข้อมูลจะ
ถูกจัดเก็บอยู่ในหน่วยความจา (memory unit) ก่อนที่จะถูกย้ายไปเก็บที่หน่วยเก็บข้อมูล (storage unit) เช่น ฮาร์ดดิสก์
และแผ่นซีดี (Compact Disc: CD)
- 8. • 1.2.4 บุคลำกร (people)บุคลากรเป็นองค์ประกอบที่สาคัญที่สุดของระบบสารสนเทศ ในที่นี้หมายถึงบุคลากรที่เป็นผู้ใช้ระบบ
สารสนเทศ ดังรูปที่ 1.11 บุคลากรที่เป็นผู้พัฒนาระบบสารสนเทศ จะต้องมีความรู้ความสามารถในการพัฒนาระบบสารสนเทศให้มี
ประสิทธิภาพให้สามารถทางานได้ตามความต้องการของผู้ใช้ใช้ง่ายและสะดวก ส่วนผู้ใช้ต้องมีความรู้ ความเข้าใจ และมี
ความสามารถในการใช้งานระบบสารสนเทศและการสื่อสารต่างๆ ได้อย่างถูกต้องจึงจะเกิดสารสนเทศที่เป็นประโยชน์
- 9. • 1.2.5 ขั้นตอนกำรปฏิบัติงำน (procedure) ระบบสารสนเทศต้องมีขั้นตอนการปฏิบัติงานที่เป็นลาดับขั้นชัดเจน เพื่อให้ผู้ใช้
สามารถเข้าใจได้ง่าย และดาเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในสถานการณ์ปกติและสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น ขั้นตอนการบันทึก
ข้อมูล ขั้นตอนการทาสาเนาข้อมูล ขั้นตอนการปฏิบัติเมื่อข้อมูลได้รับความเสียหาย หรือเมื่อเครื่องคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ต่างๆ
เกิดการชารุดเสียหาย ขั้นตอนต่างๆ เหล่านี้ควรได้รับการรวบรวมและจัดทาให้เป็นรูปเล่ม
- 11. • 1.3.2 ด้ำนกำรแพทย์และสำธำรณสุข เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
ถูกนามาใช้เริ่มตั้งแต่การทาทะเบียนคนไข้ การรักษาพยาบาลทั่วไป ตลอดจน
การวินิจฉัยและรักษาโรคต่างๆได้อย่างรวดเร็วและแม่นยา นอกจากนี้ยังใช้ใน
ห้องทดลอง การศึกษาและการวิจัยทางการแพทย์ งานศึกษาโมเลกุลสารเคมี
สามารถค้นคว้าข้อมูลทางการแพทย์ รักษาคนไข้ด้วยระบบการรักษาทางไกล
ตลอดเวลาผ่านเครือข่ายการสื่อสาร เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ที่เรียกว่า
• อีเอ็มไอสแกนเนอร์ (EMI scanner) ถูกนามาถ่ายภาพสมองมนุษย์เพื่อ
ตรวจหาความผิดปกติในสมอง
- 12. • 1.3.3 ด้ำนกำรเกษตรและอุตสำหกรรม เทคโนโลยี
สารสนเทศและการสื่อสารถูกนามาใช้ประโยชน์ในด้าน
เกษตรกรรม เช่น การจัดทาระบบข้อมูลเพื่อการเกษตร
และพยากรณ์ผลผลิตด้านการเกษตร นอกจากนี้ยังช่วย
พัฒนาความก้าวหน้าทางด้านอุตสาหกรรม การ
ประดิษฐ์หุ่นยนต์เพื่อใช้ทางานบ้าน และหุ่นยนต์เพื่อ
งานอุตสาหกรรมที่ต้องเสี่ยงภัยและเป็นอันตรายต่อ
สุขภาพ เช่น โรงงานสารเคมี โรงผลิตและการจ่ายไฟฟ้ า
รวมถึงงานที่ต้องทาซ้าๆ
- 13. • 1.3.4 ด้ำนกำรเงินธนำคำร เทคโนโลยีสำรสนเทศและกำร
สื่อสำรถูกนำมำใช้ในด้ำนกำรเงินและกำรธนำคำร โดยใช้
ช่วยด้ำนกำรบัญชี กำรฝำกถอนเงิน โอนเงิน บริกำร
สินเชื่อ และเปลี่ยนเงินตรำ บริกำรข่ำวสำรธนำคำร กำร
ใช้คอมพิวเตอร์ด้ำนกำรเงินกำรธนำคำรที่รู้จักและนิยม
ใช้กันทั่วไป เช่น บริกำรฝำกถอนเงิน กำรโอนเงินแบบ
อิเล็กทรอนิกส์
- 14. • 1.3.5 ด้ำนควำมมั่นคง มีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารกันอย่างแพร่หลาย เช่น ใช้
ในการควบคุมประสานงานวงจรสื่อสารทหาร การแปลรหัสลับในงานจารกรรมระหว่างประเทศ
การส่งดาวเทียมและการคานวณวิถีโคจรของจรวดไปสู่อวกาศ สานักงานตารวจแห่งชาติของ
ประเทศไทยมีศูนย์ประมวลข่าวสาร มีระบบจัดทาทะเบียนปืน ทะเบียนประวัติอาชญากร ทาให้
เกิดความสะดวกและรวดเร็วในการสืบค้นข้อมูลเพื่อการสืบสวนคดีต่างๆ
- 15. • 1.3.6 ด้ำนกำรคมนำคม มีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในส่วนที่เกี่ยวกับการเดินทาง
เช่น การเดินทางโดยรถไฟ มีการเชื่อมโยงข้อมูลการจองที่นั่งไปยังทุกสถานี ทาให้สะดวกต่อผู้โดยสาร
การเช็คอินของสายการบิน ได้จัดทาเครื่องมือที่สะดวกต่อลูกค้า ในรูปแบบของการเช็คอินด้วยตนเอง
- 16. • 1.3.7 ด้ำนวิศวกรรมและสถำปัตยกรรม มีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการ
ออกแบบ หรือจาลองสภาวการณ์ต่างๆ เช่น การรับแรงสั่นสะเทือนของอาคารเมื่อเกิดแผ่นดินไหว
โดยการคานวณและแสดงภาพสถานการณ์ใกล้เคียงความจริง
- 17. • 1.3.8 ด้ำนกำรพำณิชย์ องค์กรในภาคธุรกิจใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการ
บริหารจัดการ เพื่อช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับองค์กรในการทางาน ทาให้การประสานงานหรือการทา
กิจกรรมต่างๆ ของแต่ละหน่วยงานในองค์กรหรือระหว่างองค์กรเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
นอกจากนี้ยังสามารถใช้ปรับปรุงการให้บริการกับลูกค้าทั่วไป สิ่งเหล่านี้นับเป็นการสร้างโอกาสความ
ได้เปรียบในการแข่งขันให้กับองค์กร
- 18. 1.4 แนวโน้มกำรใช้งำนเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร
1.4.1 ด้ำนอุปกรณ์เทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร เมื่อพิจารณาเครือข่าย
การสื่อสารทั่วไปจากอดีตจนถึงปัจจุบัน เห็นได้ชัดว่ามนุษย์ใช้อุปกรณ์การสื่อสาร
แบบพกพามากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มจากวิทยุเรียกตัว (pager) ซึ่งเป็นเครื่องรับ
ข้อความ มาเป็นถึงโทรศัพท์เคลื่อนที่ อุปกรณ์สื่อสารชนิดนี้ได้ถูกพัฒนาจน
สามารถใช้งานด้านอื่นๆได้ นอกจากการพูดคุยธรรมดา โทรศัพท์เคลื่อนที่รุ่นใหม่
สามารถใช้ถ่ายรูป ฟังเพลง ฟังวิทยุ ดูโทรทัศน์ บันทึกข้อมูลสั้นๆ บางรุ่นมีลักษณะ
เป็นเครื่องช่วยงานส่วนบุคคล (Personal Digital Assistant : PDA)
ซึ่งสามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตได้ อีกทั้งยังมีหน้าจอแบบสัมผัส ทาให้สะดวก
ต่อการใช้งานมากขึ้น บางรุ่นมีอุปกรณ์ สไตลัส (stylus)
- 19. • 1.4.2 ด้ำนระบบเครือข่ำยคอมพิวเตอร์ ระบบเครื่องข่ายคอมพิวเตอร์ในอดีตมักเป็นระบบที่ใช้คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์
เชื่อมต่อตรงโดยจุดเดียว (stand alone) ต่อมามีการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เข้าด้วยกันภายในองค์กร เพื่อทาให้สามารถ
ใช้ข้อมูลร่วมกัน หรือใช้เครื่องพิมพ์ร่วมกัน จนเกิดเป็นระบบรับและให้บริการ หรือที่เรียกว่าระบบรับ-ให้บริการ (client-
server system) โดยมีเครื่องให้บริการ (server) และเครื่องรับบริการ (client) การให้บริการบนเว็บก็นาหลักการ
ของระบบรับ-ให้บริการมาใช้ช่วยให้การทางานง่ายขึ้น สะดวก รวดเร็ว เพราะสามารถทางานจากที่ใดก็ได้โดยผ่านระบบ
อินเตอร์เน็ต โดยมีเว็บเซอร์เวอร์ (web server) เป็นเครื่องให้บริการ
- 20. • 1.4.3 ด้ำนเทคโนโลยี ระบบทางานอัตโนมัติที่สามารถตัดสินใจได้เองจะเข้ามาแทนที่มากขึ้น เช่น ระบบ
แนวนาเส้นทางจราจร ระบบจอดรถ ระบบตรวจหาตาแหน่งของวัตถุ ระบบควบคุมความปลอดภัยภายใน
อาคาร ระบบที่ทางานอัตโนมัติเช่นนี้อาจกลายเป็นระบบหลักในการดาเนินการของหน่วยงานต่างๆ โดยเข้า
มาแทนที่การทางานของมนุษย์ มีการเชื่อมต่ออย่างกว้างขวางไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมากกว่าที่เป็นอยู่
ในปัจจุบัน
- 21. 1.5 ควำมเปลี่ยนแปลงจำกกำรใช้เทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร
For Your Time
ความก้าวหน้าของอุปกรณ์เทคโนโลยีสารสรเทศและการสื่อสารเป็นไปอย่าง
รวดเร็ว เพื่อนสนองความต้องการด้านต่างๆ ของผู้ใช้ปัจจุบันซึ่งมีจานวน
ผู้ใช้งานเทคโนโลยีสารสรเทศและการสื่อสารทั่วโลกประมาณพันล้านคน และ
เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี ผู้ใช้สามารถใช้งานอุปกรณ์ดังกล่าวได้ทุกที่ ทุกเวลา จึง
ทาให้เกิดความเปลี่ยนแปลงด้านต่างๆทั้งที่้เกิดประโยชน์และโทษ เช่น
- 22. 1. ด้ำนสังคม สภาพเสมือนจริง การใช้
อินเตอร์เน็ตเชื่อมโยงการทางานต่างๆ จนเกิด
เป็นสังคมที่ติดต่อผ่านทางอินเตอร์เน็ต หรือที่
รู้จักกีนว่า ไซเบอรฺ์สเปช (cyber space) ซึ่ง
มีกิจกรรมต่างๆ เช่นการพูด การชื้อสินค้า และ
บริการ การทางานผ่านเครื่อข่ายคอมพิวเตอร์ทา
ให้เกิดสภาพที่เสมือนจริง (virtual) เช่น
เกมส์เสมือนจริง ห้องเรียนเสมือนจริง ซึ่งทาให้
ลดเวลาในการเดินทางและสามารถใช้งานได้ทุก
ที่ทุกเวลา
- 23. 2. ด้ำนเศรษกิจ เทคโนโลยี
สารสนเทศและการสื่อสารส่งผลให้เกิดสังคม
โลกาภิวัตน์(globalization) เพราะ
สามารถชมข่าว ชมรายการโทรทัศนที่ส่งกระจาย
ผ่านดาวเทียมของประเทศต่างๆ ได้ทั่วโลก
สามารถรับรู้ข่าวสารได้ทันที ใช้อินเทอร์เน็ตใน
การติดต่อสื่อสารระหว่างกัน ระบบเศรษกิจซึ่งแต่
เดิมมีขอบเขตจากัดภายในประเทศ ก็กระจาย
เป็นเศรษญกิจโลก เกิดกระแสการหมุนเวียน
แลกเปลี่ยนสินค้าและบริการอย่างรวดเร็วและ
กว้างขวาง ระบบเศรษฐกิจของทุกประเทศใน
โลกจึงเชื่อมโยงและผูกพันกันมากขึ้น
- 24. 3. ด้ำนสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยี
สารสนเทศและการสื่อสาร มีประโยชน์ในด้าน
ธรรมชาติและและสิ่งแวดล้อม เช่น ระบบป้ องกัน
การกัดเซาะชายฝั่ง โดยใช้ภาพถ่ายดาวเทียม หรือ
ภาพถ่ายทางอากาศ ร่วมกับการจัดเก็บรักษา
ข้อมูลระดับน้าทะเล ความสูงของคลื่นจากระบบ
เรดาร์ เป็นการศึกษาเพื่อหาสาเหตุ และนาข้อมูล
มาวางแผนและสร้างระบบเพื่อป้ องกันการกัด
เซาะชายฝั่งแต่ละแห่งได้อย่างเหมาะสม
- 27. 2. นักวิเครำะห์ระบบ (system analyst)
ทาหน้าที่ในการศึกษาวิเคราะห์และพัฒนาระบบสารสนเทศ นักวิเคราะห์ระบบ
จะทาการวิเคราะห์ระบบงานและออกแบบระบบสารสนเทศให้ตรงกับความ
ต้องการของผู้ใช้งาน ซึ่งอาจรวมถึงงานด้านการออกแบบฐานข้อมูลด้วย
- 28. 3. ผู้ดูแลและบริหำรฐำนข้อมูล (database administrator)
ทาหน้าที่บริหารและจัดการฐานข้อมูล (database) รวมถึงการออกแบบ
บารุงรักษาข้อมูล และการดูแลระบบความปลอดภัยของฐานข้อมูล เช่น การ
กาหนดบัญชีผู้ใช้ การกาหนดสิทธิ์ผู้ใช้
- 30. 5. ผู้ดูแลและบริหำรระบบเครือข่ำย (network administrator)
ทาหน้าที่บริหารและจัดการออกแบบระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ และดูแล
รักษาความปลอดภัยของระบบเครือข่ายขององค์กร เช่น ตรวจสอบการใช้งาน
เครือข่ายของพนักงานและติดตั้งโปรแกรมป้ องกันผู้บุกรุกเครือข่าย
- 33. 8. นักเขียนเกม (game maker)
ทาหน้าที่เขียนหรือพัฒนาโปรแกรมเกมคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันนี้การเขียน
โปรแกรมคอมพิวเตอร์เป็นอาชีพได้รับความนิยมอย่างสูงในประเทศไทย