SlideShare una empresa de Scribd logo
1 de 51
Descargar para leer sin conexión
เรื่อง ระบบขับถ่าย
รายวิชาชีววิทยาเพิ่มเติม 2
ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560
คุณครูฐิตารีย์ สาเภา
โรงเรียนท่ามะกาวิทยาคม
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 8 (กาญจนบุรี-ราชบุรี)
 สืบค้นข้อมูล อภิปรายและสรุปเกี่ยวกับความหมายของของเสีย และการขับถ่าย พร้อม
ทั้งอธิบายกระบวนการขับถ่ายของสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว และของสัตว์
 สืบค้นข้อมูล ทดลอง อภิปราย และสรุปเกี่ยวกับโครงสร้างของไต และอวัยวะที่
เกี่ยวข้อง
 สืบค้นข้อมูล อภิปราย และสรุปเกี่ยวกับการทางานของไตกับการรักษาดุลยภาพของน้า
และแร่ธาตุในร่างกาย
 สืบค้นข้อมูล อภิปราย และอธิบายความผิดปกติที่เกี่ยวเนื่องกับไตและโรคของไต
พร้อมทั้งเสนอแนะแนวทางในการดูแลสุขภาพ
จุดประสงค์การเรียนรู้
 การขับถ่าย (Excretion)
 การขับถ่ายของสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว
 การขับถ่ายของสิ่งมีชีวิตหลายเซลล์
 การขับถ่ายของสัตว์มีกระดูกสันหลัง
 การขับถ่ายของคน
 ความผิดปกติเกี่ยวกับไตและโรคของไต
ระบบขับถ่าย
 กระบวนการกาจัดของเสียที่เกิดจาก
กระบวนการเมแทบอลิซึม
 CO2 จากระบบหายใจ
 น้า และเกลือแร่
 Nitrogenous waste : ของเสียที่เกิด
จากกระบวนการสลายโปรตีนและกรด
นิวคลีอิกภายในเซลล์
 Ammonia
 Urea
 Uric acid
 การถ่ายอุจจาระไม่เป็น Excretion
เนื่องจากกากอาหารที่ร่างกายขับ
ออกมายังเป็นสารที่มีประโยชน์ แต่
ร่างกายย่อยไม่ได้
การขับถ่าย (EXCRETION)
 Gas
 พิษสูงสุด
 ใช้น้าในการกาจัดมาก
 กาจัดออกในรูป NH+
4
 เปลี่ยนรูปเป็น urea/uric acid ได้
 พบในสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในน้า
 สิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว
 สัตว์หลายเซลล์ชั้นต่า
 สัตว์ขาข้อที่อาศัยอยู่ในน้า
 Mollusk ที่อยู่ในน้า
 ปลากระดูกแข็ง ปลากัด ปลาดุก
ปลาช่อน ปลาทู ปลาไหล
AMMONIA (NH3)
 Liquid
 พิษต่ากว่า NH3
 สูญเสียน้าน้อยลงเวลาขับออก
 สร้างที่ตับ
 ขับทางไตในรูปปัสสาวะ
 ปริมาณขึ้นอยู่กับโปรตีนที่กิน
 พบในสิ่งมีชีวิตที่อยู่บนบก
 ไส้เดือนดิน
 สัตว์สะเทินน้าสะเทินบก
 ปลากระดูกอ่อน เช่นปลาฉลาม,
ปลากระเบน,
 สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม
UREA
 Solid
 พิษต่าสุด
 ขับทางอุจจาระ
 Allantois เป็นที่เก็บของเสีย พบในเอ็มบริโอ
ของสัตว์เลื้อยคลาน/นก
 อาจสะสมในข้อในผู้ป่วยโรค gout
 มูลจิ้งจกมีสีขาวและสีดา สีขาวของเสียในรูป
กรดยูริก สีดาคือกากอาหาร (อุจจาระ)
 พบในสัตว์สงวนน้า
 สัตว์ขาข้อที่อาศัยอยู่บนบก/แมลง
 Mollusk ที่อยู่บนบก
 สัตว์เลื้อยคลาน
 นก
URIC ACID
NITROGENOUS WASTE
 เกิดจากกระบวนการเผาผลาญสารอาหาร
 C6H12O6+6O2+6H2O+36ADP+36Pi6CO2+12H2O+36ATP
 ขับออกทางปอด
 พืชกาจัดออกทางปากใบ/นากลับไปใช้ในการสังเคราะห์ด้วยแสง
CO2
 ขับส่วนที่เกินความต้องการออก
 ขับในรูป
 ปัสสาวะ (max)
 เหงื่อ
 ลมหายใจ
 อุจจาระ (min)
 ขับออกทางปัสสาวะ เหงื่อ อุจจาระ จะ
มีเกลือแร่ปนอยู่ด้วย
 ขับออกทางลมหายใจจะมีแต่น้า (gas)
เท่านั้น
 สาหรับพืชเก็บสะสมไว้ที่ sap
vacuole
น้าและเกลือแร่
การขับถ่ายของสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว
 แบคทีเรีย สาหร่ายสีเขียวแกมน้าเงิน: ของเสียแพร่ผ่านเยื่อหุ้มเซลล์ (CO2)
 โพรโทซัวน้าเค็ม: ขับของเสียออกจากเยื่อหุ้มเซลล์
 อะมีบา พารามีเซียม และโพรโทซัวน้าจืดอื่นๆ :
 ของเสียแพร่ออกจากเยื่อหุ้มเซลล์สู่น้ารอบๆ ในรูปของ NH3 และ CO2
 contractile vacuole ทาหน้าที่ขับน้าส่วนเกินออกจากเซลล์ ซึ่งทาหน้าที่คล้ายไต
ของสัตว์ชั้นสูง
 ไม่มีโครงสร้างในการขับถ่ายของเสีย แต่ทุกเซลล์สัมผัสกับน้าโดยตรง
 ของเสียในเซลล์เป็นแอมโมเนีย ถูกกาจัดออกสู่สภาพแวดล้อมภายนอกโดยการแพร่
 ไฮดรา : ของเสียสะสมภายในช่องแกสโตรวาสคิวลาร์ แล้วขับออกทางปาก
การขับถ่ายของฟองน้า ไฮดรา แมงกะพรุน
 เฟลมเซลล์ (Flame cell) : ทาหน้าที่กาจัดของเสีย
 กระจายอยู่ 2 ข้างตลอดความยาวของลาตัว เชื่อมต่อกับช่องขับถ่ายที่ผนังลาตัว
 ภายในมีซีเลีย โบกพัดน้าและของเสียไหลไปตามท่อและออกสู่ภายนอกทางรูขับถ่าย
 ของเหลวที่กรองผ่าน Flame cell เข้าสู่เซลล์ด้วยกระบวนการ pinocytosis
 ของเสียที่ถูกกาจัดออกสู่ภายนอกเป็นสารพวกแอมโมเนีย
การขับถ่ายของพลานาเรียหรือหนอนตัวแบน
 อวัยวะขับถ่ายของเสียคือ เนฟริเดียม (Nephridium) พบทุกปล้อง ๆ ละ 1 คู่ เป็นท่อ
ขดไปมา มีปลายเปิดทั้งสองข้าง
 ปลายข้างหนึ่งคล้ายปากแตร มีซิเลียติดตามขอบ ทาหน้าที่กรองสารต่างๆ เรียกว่า
เนโฟรสโตรม (nephrostome) อีกข้างเป็นท่อเปิดออกข้างนอกเรียกว่า รูขับถ่าย
(Nephridiopore) รับของเหลวพวกแอมโมเนีย และยูเรีย เพื่อขับออกนอกร่างกาย
 ลักษณะการทางานของเนฟริเดียมคล้ายหน่วยไตของสัตว์มีกระดูกสันหลัง
การขับถ่ายของไส้เดือนดิน
ดูดซึมน้าและเกลือแร่
กลับเข้าสู่ระบบเลือด
ของเสียถูกกาจัดออก
หลอดขับถ่าย
หลอดพัก
 อวัยวะขับถ่ายของแมลง: ท่อมัลพิ
เกียน (Malpighian tubule)
 ของเสียจากเลือดในโพรงลาตัว+
เกลือแร่แพร่เข้าสู่ Malpighian
tubule ด้วยกระบวนการ active
transport และ passive
transport
 ของเหลวที่มีของเสียปนอยู่เคลื่อนเข้า
ทางเดินอาหารโดยการหดตัวของ
กล้ามเนื้อผนังมัลพิเกียนทิวบูล
 ที่ทางเดินอาหาร : ดูดซึมน้าและสาร
ต่างๆ กลับเข้าร่างกายโดย เรกตัล
แพด (Rectal pad)
 ของเสียที่แมลงขับออกทางทวารหนัก
: กากอาหาร กรดยูริก เกลือแร่
การขับถ่ายของแมลง
 ไต เป็นอวัยวะขับถ่ายของเสีย
 ของเสียเป็นสารประกอบไนโตรเจนลักษณะเป็นของเหลวจาพวกแอมโมเนีย
การขับถ่ายของปลา
 ขับถ่ายของเสียในรูปของยูเรีย
การขับถ่ายของสัตว์สะเทินน้าสะเทินบก
 โครงสร้างร่างกายที่ป้องกันการสูญเสียน้าและแร่ธาตุ มีผิวหนังหนา มีเกล็ด/ขนปกคลุม
 ของเสียจากทุกส่วนของร่างกายผ่านมาทางกระแสเลือดและเข้าสู่ไตแล้วขับออกนอก
ร่างกาย
 ของเสียเป็นกรดยูริก
 อุจจาระจิ้งจกมี 2 สี สีดาเป็นกากอาหาร สีขาวเป็นกรดยูริก
การขับถ่ายของนกและสัตว์เลื้อยคลาน
อวัยวะที่ใช้ในการขับถ่ายของสิ่งมีชีวิต
สิ่งมีชีวิต โครงสร้างที่ใช้
โปรโตซัว อะมีบา พารามีเซียม
(สิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว)
เยื่อหุ้มเซลล์, Contractile vacuole เพื่อขับน้า
ส่วนเกิน
ฟองน้า (P. Porifera) และ
ไฮดรา (P. Cnidaria)
แพร่โดยตรงเข้าเซลล์
หนอนตัวแบน
(P. Platyhelminthes)
เฟลมเซลล์ (Flame cell) ระบบ Protonephridia
ไส้เดือนดิน (P. Annelida) เนฟริเดีย (Nephridia)
แมลง (P. Arthropoda : Insect) ท่อมัลพิเกียน (Mulphighian Tubule)
สัตว์มีกระดูกสันหลัง, คน
(P. Chordata), P. Mollusca
ไต (Kidney)
 โครงสร้างของไต
 โครงสร้างระดับอวัยวะ: ไต, ท่อไต, กระเพาะปัสสาวะ, ท่อปัสสาวะ
 โครงสร้างระดับเซลล์: glomerulus, Bowman’s capsule, ท่อหน่วยไตส่วนต้น,
ห่วงเฮนเล, ท่อหน่วยไตส่วนท้าย, ท่อไตรวม, renal blood vessel
 การทางานของไต
 ความผิดปกติของระบบขับถ่าย
การขับถ่ายของคน
ไต (KIDNEY)
 มี 1 คู่ รูปร่างคล้ายเม็ดถั่ว
 อยู่ในช่องท้องทั้งสองข้างของ
กระดูกสันหลังบริเวณเอว
 ยาว ≈ 10 cm
 กรองของเสียออกจากเลือด
โดยเฉพาะของเสียจากเมแทบอ
ลิซึมของสารโปรตีน
 กาจัดสารส่วนเกิน
 ควบคุมดุลยภาพของสารใน
เลือด
 สร้างฮอร์โมน อิริโทรปอยอิติน
(Erythropoietin) กระตุ้นไข
กระดูกให้สร้างเม็ดเลือดแดง
 Nephron (หน่วยไต) จานวนมาก แต่ละข้าง
มีหน่วยไตประมาณ 1 ล้านหน่วย
 ไตชั้นนอก (Cortex): สีจาง โครงสร้างส่วน
ใหญ่ของ Nephron ได้แก่ Bowman’s
capsule, ท่อหน่วยไตส่วนต้น, ท่อหน่วยไต
ส่วนท้าย ทาหน้าที่กรองของเสียออกจาก
เลือด
 ไตชั้นใน (Medulla): สีเข้มกว่าชั้น Cortex
ลักษณะคล้ายพีระมิด เป็นส่วนที่ดูดซับของดี
กลับ ประกอบด้วยห่วงเฮนเล
 Pelvis (กรวยไต): รวบรวมน้าปัสสาวะให้
ไหลเข้าสู่ท่อไต
 ท่อไตรวม (collecting duct): พบทั้งในชั้น
Cortex และ Medulla
papilla
เนื้อไต
 เป็นท่อออกมาจากไตทั้งสองข้าง
 เชื่อมต่อจากกรวยไตไปสู่กระเพาะปัสสาวะ
 เส้นผ่านศูนย์กลาง ≈ 1 cm
 ทาหน้าที่ลาเลียงปัสสาวะไปยังกระเพาะปัสสาวะ
ท่อไต (URETER)
 ตั้งอยู่ในช่องท้องน้อย มีผนังยืดหดดี
 เป็นที่พักน้าปัสสาวะจากท่อไตทั้งสองข้างไหล
มารวมกัน
 ความจุ 500 ml
 รูเปิดออกทางท่อปัสสาวะ มี sphincter (หู
รูด) คอยควบคุมการปิด-เปิด
กระเพาะปัสสาวะ (URINARY BLADDER)
 Male (ผู้ชาย) :
 ยาว ≈ 25 cm
 มีต่อมลูกหมากและท่อนา
น้าเชื้อมาเปิด/ เป็นทางออก
ร่วมกับน้าอสุจิ
 เปิดออกสู่ภายนอกที่ปลา
ยองคชาต
 Female (ผู้หญิง) :
 ยาว ≈ 4 cm  ท่อสั้นมาก
 โอกาสติดเชื้อง่าย
กระเพาะปัสสาวะอักเสบ
กรวยไตอักเสบ
 น้าปัสสาวะเปิดออกสู่
ภายนอกโดยตรง
ท่อปัสสาวะ (URETHRA)
Glomerulus
Bowman’s capsule
ท่อของหน่วยไต (renal tubule)
Proximal Convoluted Tubule
Henle’s loop
Distal Convoluted Tubule
Collecting Duct
Renal blood vessel
โครงสร้างระดับเซลล์ : หน่วยไต (NEPHRON)
 กลุ่มเส้นเลือดฝอย/ ยื่นเข้าไปใน
Bowman’s capsule
 แตกแขนงจาก afferent arteriole
 ทาหน้าที่กรองของเสียออกจากเลือด
 Glomerulus มีเซลล์ชนิดพิเศษเรียก
podocyte
 ช่องว่างระหว่าง podocyte เรียก
filtration slit (slit pore)
 สารที่ผ่านมากับเลือดจะถูกกรองผ่าน
filtration slit
 ของเหลวที่ถูกกรองได้เรียก filtrate
(น้ากรอง)
 เลือดที่ไม่ผ่านการกรองจะลาเลียงออก
ทาง efferent arteriole
โครงสร้างระดับเซลล์ : GLOMERULUS
 กระเปาะรูปถ้วยหุ้มรอบ Glomerulus
 Bowman’s space เป็นช่องว่างระหว่าง Bowman’s capsule และ Glomerulus
 เป็นที่รองรับ filtrate แล้วไหลสู่ renal tubule (ท่อหน่วยไต)
BOWMAN’S CAPSULE
 ท่อขดสั้นๆ อยู่ในชั้น cortex
 ผนังของท่อประกอบด้วย mitochondria มาก (แหล่งพลังงาน) เพราะมี
กระบวนการ active transport ดูดสารที่มีประโยชน์ เช่น กลูโคส กรดอะมิโน
 Microvilli มาก ช่วยเพิ่มพื้นที่ดูดสารต่างๆ กลับ
PROXIMAL CONVOLUTED TUBULE (ท่อขดส่วนต้น)
HENLE’S LOOP (ห่วงเฮนเล)
 ห่วงรูปท่อตัว U/ ท่อโค้งลงสู่ medulla
แล้ววกกลับขึ้นสู่ชั้น cortex
 ท่อเรียงตัวลึกลงในท่อไต
 มี vasa recta เรียงตัวขนานกับห่วง
 อาศัย countercurrent mechanism
ในการดูดซึมสารกลับ
 ประกอบด้วย
 Descending limb (ท่อตัว U ขาลง)
 ไม่ยอมให้ NaCl ผ่าน
 ยอมให้ H2O ผ่าน
 Ascending limb (ท่อตัว U ขาขึ้น)
 thin segment : ยอมให้ NaCl
ผ่าน ไม่ยอมให้ H2O ผ่าน
 thick segment : ยอมให้ NaCl
ผ่าน ไม่ยอมให้ H O ผ่าน
 ท่อขดไปมาคล้ายท่อขดส่วนต้น อยู่ถัดจากห่วงเฮนเลเข้ามาในเนื้อไตชั้นคอร์เท็กซ์
 ฮอร์โมนวาโซเปรสซิน/ADH จากต่อมใต้สมองส่วนท้ายมาเพิ่มการดูดกลับน้า
 ฮอร์โมน Aldosterone จากต่อมหมวกไตชั้นนอก มามีผลต่อการดูดกลับโซเดียมอิออน
 ตอนปลายเปิดเข้าสู่ท่อรวม (collecting duct) ซึ่งรับของเหลวจากท่อหน่วยไตส่งไป
ทางกรวยไต
DISTAL CONVOLUTED TUBULE (ท่อขดไตส่วนท้าย)
 ท่อรวมน้าปัสสาวะจาก nephron อื่น
 เมื่อของเหลวที่กรองได้ผ่านมาถึงตาแหน่งนี้ เรียกว่า น้าปัสสาวะ (Urine)
 น้าปัสสาวะจะเปิดเข้าสู่กรวยไต (Renal pelvis) ไปสู่ท่อไต (Ureter) ซึ่งนาน้าปัสสาวะ
ไปเก็บสะสมในกระเพาะปัสสาวะ เพื่อรอการขับทิ้ง
COLLECTING DUCT (ท่อรวม)
RENAL BLOOD VESSEL
http://humananatomylesson.com/blood-supply-of-the-kidney/
 Abdominal aorta : เป็นส่วนของ aorta อยู่ในช่องท้อง, นาเลือดจากหัวใจไปเลี้ยง
อวัยวะภายในช่องท้อง
 Renal artery : แยกไปไตซ้ายและขวา, นาเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของไต
 Afferent arteriole : วิ่งเข้า Bowman’s capsule, มี juxtaglomerular cell ผลิต
renin ที่ควบคุมความดันเลือด, แตกแขนงเป็น glomerulus
 Glomerulus : กลุ่มเส้นเลือดฝอย ทาหน้าที่กรองของเสียออกจากเลือด
 Efferent arteriole : วิ่งออกจาก Bowman’s capsule, แตกแขนงเป็นเส้นเลือดฝอย
พันรอบหน่วยไต
 peritubular capillaries (juxtamedullary nephron  vasa recta ) : พันรอบ
renal tubule, ทาหน้าที่ดูด/หลั่งสาร, รักษา hyperosmolarity
 renal vein : แยกไปไตซ้ายขวา, รับเลือดจากไตทั้งสองข้างเข้าเส้นเลือดดาใหญ่
 Inferior vena cava : รับเลือดจาก renal vein ทั้งสองข้างจากไต, นาเลือดไปยัง
หัวใจ
RENAL BLOOD VESSEL
 กรองของเสียออกจากเลือด และกาจัด
ออกเป็นน้าปัสสาวะ
 กระบวนการเกิดน้าปัสสาวะ 3
กระบวนการ
 การกรองที่โกลเมอรูลัส
(glomerular filtration)
 การดูดกลับที่ท่อของหน่วยไต
(tubular reabsorption)
 การหลั่งสารที่ท่อของหน่วยไต
(tubular secretion)
กลไกการทางานของหน่วยไต
 Ultrafiltration (แยกสารเฉพาะที่มีโมเลกุลขนาด
ใหญ่ออกจากสารละลาย)
 ความเข้มข้นสูงกว่าเส้นเลือดฝอยทั่วไป 2 เท่า
 เลือดจาก afferent arteriole จะถูกกรองผ่าน
glomerulus
 เม็ดเลือดและสารโมเลกุลขนาดใหญ่จะไม่ผ่านการ
กรอง
 สารที่กรองได้คล้ายกับ plasma
 น้ากรอง (filtrate):
 พบ: H2O, amino acid, glucose, เกลือแร่ (Na
K Cl), vitamin, hormone, urea, uric acid
 ไม่พบ: RBC, Hb, albumin, globulin,
prothrombin, fibrinogen
 WBC: เคลื่อนที่แบบอะมีบาลอดผ่าน
glomerulus ได้
การกรองที่โกลเมอรูลัส (GLOMERULAR FILTRATION)
 เซลล์เยื่อบุผิวที่ท่อของหน่วยไตมีบทบาทในการดูดสารกลับเนื่องจากมี microvilli
และมี Mitochondria มาก
 proximal tubule: ดูดกลับกลูโคส กรดอะมิโน วิตามิน และ NaCl (Active
transport) ส่วน น้า K+ และ HCO3
- (Passive transport)
 ห่วงเฮนเลส่วนวกลง: ดูดน้ากลับโดยวิธี Osmosis
 ห่วงเฮนเลส่วนวกขึ้น: ดูด NaCl กลับ ทั้งแบบ Active transport และ Passive
transport
 Distal tubule: ดูดน้ากลับ แบบ Passive transport ส่วน NaCl และ HCO3
- ดูด
กลับแบบ Active transport
 Collecting Duct: ดูดน้ากลับโดยวิธี Osmosis ยอมให้ยูเรียผ่านออกโดยการแพร่
 การดูดสารกลับถูกควบคุมด้วยฮอร์โมน Aldosterone หลั่งจากชั้นคอร์เทกซ์ของต่อม
หมวดไต กระตุ้น Distal tubule และ Collecting Duct ให้เพิ่มการดูด H2O และ
Na+ กลับคืนเลือด
การดูดกลับที่ท่อของหน่วยไต (TUBULAR REABSORPTION)
 สารบางชนิดหลั่งจากเลือดเข้าสู่ของเหลวที่กรองได้ในทิวบูล
 proximal tubule: มีการหลั่ง H+, K+, NH+
4
 H+: เพื่อรักษาระดับ pH ในของเหลวในร่างกายให้คงที่
 K+: เมื่อความเข้มข้นของ K+ สูงเกินไปเพราะทาให้การส่งกระแสประสาทบกพร่อง
และความแรงในการหดตัวของกล้ามเนื้อลดลง
 Distal tubule: มีการหลั่ง H+, K+, ยาบางชนิดเช่น เพนิซิลลิน และยาพิษ
 K+: ควบคุมระดับความเข้มข้นของ K+ และ Na+ ในร่างกาย แปรผันการหลั่ง K+
และการดูดกลับ Na+
 H+: เพื่อควบคุม pH ในเลือด โดยควบคุมการหลั่ง H+ และการดูดกลับ HCO3
-
การหลั่งสารที่ท่อของหน่วยไต (TUBULAR SECRETION)
การดูดกลับและการหลั่งสารที่ท่อของหน่วยไต
การดูดกลับและการหลั่งสารที่ท่อของหน่วยไต
องค์ประกอบของสารที่ตรวจพบในบริเวณต่างๆ
ตาแหน่ง องค์ประกอบของสารที่ตรวจพบ
Glomerulus เม็ดเลือด, โปรตีน, กรดอะมิโน, กลูโคส, ยูเรีย, น้าและแร่ธาตุ
Bowman’s capsule กรดอะมิโน, กลูโคส, ยูเรีย, น้าและแร่ธาตุ
Proximal tubule กรดอะมิโน, กลูโคส, ยูเรีย, น้าและแร่ธาตุ
Loop of Henle ยูเรีย, น้าและแร่ธาตุ
Distal tubule ยูเรีย, น้าและแร่ธาตุ
Urine ยูเรีย, น้าและแร่ธาตุ
ตารางเปรียบเทียบสารต่างๆ จากพลาสมา โกลเมอรูลัส และปัสสาวะ
 รักษาสมดุลน้าในร่างกาย: ขับปัสสาวะเพื่อควบคุมน้า เกิดจากฮอร์โมน Antidiuretic
(ADH) ควบคุมการดูดกลับของน้าที่ท่อหน่วยไตและท่อรวม
 ร่างกายขาดน้า: ADH หลั่งมาก ดูดน้ากลับมาก ปัสสาวะสีเหลืองจัด กระหายน้า
 ร่างกายมีน้ามาก: ADH หลั่งน้อย ดูดน้ากลับน้อย ปัสสาวะสีจาง
 รักษาสมดุลเกลือแร่ของร่างกาย: โดยฮอร์โมน Aldosterone กระตุ้นการดูดกลับของ
แร่ธาตุ ถ้าขาดฮอร์โมนนี้ปัสสาวะมีแร่ธาตุมาก เรียกว่า เบาเค็ม
 การรักษาระดับ pH ของร่างกาย: ร่างกายผลิตกรดทุกวัน การคั่งของกรดทาให้เบื่อ
อาหาร ไตเสื่อมสภาพ ปัสสาวะเป็นกรด
 ควบคุมความดันโลหิต: ความดันโลหิตสูงเกิดจากความผิดปกติของการควบคุมสมดุล
น้าและเกลือแร่
 ผลิตและควบคุมการทางานของฮอร์โมน: เช่น Vitamin D ช่วยสร้างกระดูก
หน้าที่ของไต
 โพรทิสต์ : กาจัดของเสียออกทางเยื่อหุ้มเซลล์
 โพรทิสต์น้าจืดบางชนิด : พารามีเซียมน้าจืด และอะมีบาน้าจืด มี contractile
vacuole หดตัวไล่น้าส่วนเกินที่ออสโมซิสเข้ามาให้ออกไป
 สัตว์ : ป้องกันการสูญเสียน้าโดยมีเกล็ด และสร้างปัสสาวะปริมาณน้อยและ สังเกตจาก
Bowman’s capsule เล็ก หรือ loop of Henle ยาว
 คน : รักษาสมดุลของน้าโดยสมองส่วน hypothalamus และ kidney
การรักษาสมดุลของน้า
การรักษาสมดุลของน้า
 ปลาน้าจืด: สภาพแวดล้อมเป็น hypotonic จึงมีกระบวนการป้องกันน้าเข้าตัว และ
กันเกลือแพร่ออก เช่น มีเกล็ด ปัสสาวะเจือจางและบ่อย มี active transport ที่
เหงือก ทวารหนักดูดเกลือกลับคืน
 ปลาน้าเค็ม: สิ่งแวดล้อมเป็น hypertonic จึงมีกระบวนการป้องกันเกลือแพร่เข้ามา
และน้าทะลักออก เช่น มีเกล็ด ปัสสาวะเข้มข้น มี active transport ขับเกลือแร่ออก
ที่เหงือกและทวารหนัก
 สัตว์ทะเลอื่น: มีของเหลวในร่างกาย isotonic ต่อน้าทะเล เช่น แมงกะพรุน ปลาดาว
 นก: มีต่อมนาสิกหรือต่อมเกลือ (nasal gland, salt gland) ขับเกลือส่วนเกินออก
บริเวณจมูก
การรักษาสมดุลเกลือแร่
การรักษาสมดุลเกลือแร่
 คน: ผิวหนังเป็นเซนเซอร์
รับอุณหภูมิ แล้วส่งข้อมูลไป
ให้สมองส่วนไฮโพทาลามัส
ควบคุม
 T สูง: หลอดเลือดฝอยที่
ผิวหนังขยายตัว มีการขับ
เหงื่อ เส้นขนเอนราบ ลด
อัตรา metabolism
 T ต่า: หลอดเลือดฝอยที่
ผิวหนังหดตัว ขนลุกชัน
กล้ามเนื้อสั่นเทิ้ม เพิ่มอัตรา
metabolism
การรักษาสมดุลอุณหภูมิ
 การจาศีลสัตว์เลือดเย็น: มีอัตราการหายใจและการเต้นของหัวใจต่ามาก เช่น กบ
 การจาศีลของสัตว์เลือดอุ่น: การเปลี่ยนแปลงในร่างกายน้อยมาก เช่น หนูและค้างคาว
บางชนิด
 สัตว์เลือดอุ่นไม่ได้จาศีลแต่หลับในฤดูหนาว เช่น หมีขั้วโลก สกั๊งค์
การรักษาสมดุลอุณหภูมิ
 รักษา pH พลาสมาให้อยู่ที่ประมาณ 7.4 มี 3 กระบวนการ
 ระบบหายใจ: มี CO2 หรือ H+ เป็นตัวกระตุ้นพอนส์และเมดัลลา
 ระบบขับถ่าย: ใช้ไต เช่นการขับ H+ ออกหรือดูดกลับ HCO3
- เข้า
 ระบบบัฟเฟอร์: สารเคมีในเลือดทาปฏิกิริยาเพื่อปรับ pH เช่น คู่สาร H2CO3 /
HCO3
- คู่สาร H2PO4
- / HPO4
2- หรือโปรตีน เช่น hemoglobin
 กาลังในการรักษา pH: ไต (ออกเยอะ) > หายใจ (ออกทีละน้อย) > บัฟเฟอร์
(ปฏิกิริยาเคมี)
 ความเร็วในการรักษา pH: บัฟเฟอร์ (วินาที) > หายใจ (นาที) > ไต (ชั่วโมง)
การรักษาสมดุลกรดเบส
ระบบขับถ่าย (T) 1 2560

Más contenido relacionado

La actualidad más candente

ระบบหมุนเวียนเลือด
ระบบหมุนเวียนเลือด ระบบหมุนเวียนเลือด
ระบบหมุนเวียนเลือด Thitaree Samphao
 
การขับถ่ายของคน
การขับถ่ายของคนการขับถ่ายของคน
การขับถ่ายของคนWan Ngamwongwan
 
การสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช
การสังเคราะห์ด้วยแสงของพืชการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช
การสังเคราะห์ด้วยแสงของพืชsukanya petin
 
ระบบขับถ่าย ม.2
ระบบขับถ่าย ม.2ระบบขับถ่าย ม.2
ระบบขับถ่าย ม.2Sukanya Nak-on
 
การรักษาดุลยภาพของร่างกายด้วยฮอร์โมน
การรักษาดุลยภาพของร่างกายด้วยฮอร์โมนการรักษาดุลยภาพของร่างกายด้วยฮอร์โมน
การรักษาดุลยภาพของร่างกายด้วยฮอร์โมนsukanya petin
 
ไขสันหลัง
ไขสันหลังไขสันหลัง
ไขสันหลังWan Ngamwongwan
 
โครงสร้างและหน้าที่ของราก
โครงสร้างและหน้าที่ของรากโครงสร้างและหน้าที่ของราก
โครงสร้างและหน้าที่ของรากThanyamon Chat.
 
โครงสร้างของระบบประสาท
โครงสร้างของระบบประสาทโครงสร้างของระบบประสาท
โครงสร้างของระบบประสาทWan Ngamwongwan
 
แบบรายงานการแสดงทางวิทยาศาสตร์
แบบรายงานการแสดงทางวิทยาศาสตร์แบบรายงานการแสดงทางวิทยาศาสตร์
แบบรายงานการแสดงทางวิทยาศาสตร์สมศรี หอมเนียม
 
ระบบประสาท - Nervous system
ระบบประสาท - Nervous systemระบบประสาท - Nervous system
ระบบประสาท - Nervous systemsupreechafkk
 
ข้อสอบอัจฉริยะ
ข้อสอบอัจฉริยะข้อสอบอัจฉริยะ
ข้อสอบอัจฉริยะKodchaporn Siriket
 
ใบความรู้เรื่องเซลล์ของสิ่งมีชีวิต1
ใบความรู้เรื่องเซลล์ของสิ่งมีชีวิต1ใบความรู้เรื่องเซลล์ของสิ่งมีชีวิต1
ใบความรู้เรื่องเซลล์ของสิ่งมีชีวิต1Sumarin Sanguanwong
 
หลอดเลือดและส่วนประกอบของเลือด
หลอดเลือดและส่วนประกอบของเลือดหลอดเลือดและส่วนประกอบของเลือด
หลอดเลือดและส่วนประกอบของเลือดWan Ngamwongwan
 
ระบบหายใจ
ระบบหายใจ ระบบหายใจ
ระบบหายใจ Thitaree Samphao
 
โครงสร้างและหน้าที่ของใบ
โครงสร้างและหน้าที่ของใบโครงสร้างและหน้าที่ของใบ
โครงสร้างและหน้าที่ของใบThanyamon Chat.
 
ระบบหมุนเวียนเลือด
ระบบหมุนเวียนเลือดระบบหมุนเวียนเลือด
ระบบหมุนเวียนเลือดWan Ngamwongwan
 

La actualidad más candente (20)

ระบบหมุนเวียนเลือด
ระบบหมุนเวียนเลือด ระบบหมุนเวียนเลือด
ระบบหมุนเวียนเลือด
 
ระบบสืบพันธุ์ (Reproductive System)
ระบบสืบพันธุ์ (Reproductive System)ระบบสืบพันธุ์ (Reproductive System)
ระบบสืบพันธุ์ (Reproductive System)
 
การขับถ่ายของคน
การขับถ่ายของคนการขับถ่ายของคน
การขับถ่ายของคน
 
ศูนย์ควบคุมระบบประสาท
ศูนย์ควบคุมระบบประสาทศูนย์ควบคุมระบบประสาท
ศูนย์ควบคุมระบบประสาท
 
การสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช
การสังเคราะห์ด้วยแสงของพืชการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช
การสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช
 
ระบบขับถ่าย ม.2
ระบบขับถ่าย ม.2ระบบขับถ่าย ม.2
ระบบขับถ่าย ม.2
 
การรักษาดุลยภาพของร่างกายด้วยฮอร์โมน
การรักษาดุลยภาพของร่างกายด้วยฮอร์โมนการรักษาดุลยภาพของร่างกายด้วยฮอร์โมน
การรักษาดุลยภาพของร่างกายด้วยฮอร์โมน
 
ระบบย่อยอาหาร (Digestive System)
ระบบย่อยอาหาร (Digestive System)ระบบย่อยอาหาร (Digestive System)
ระบบย่อยอาหาร (Digestive System)
 
ไขสันหลัง
ไขสันหลังไขสันหลัง
ไขสันหลัง
 
โครงสร้างและหน้าที่ของราก
โครงสร้างและหน้าที่ของรากโครงสร้างและหน้าที่ของราก
โครงสร้างและหน้าที่ของราก
 
โครงสร้างของระบบประสาท
โครงสร้างของระบบประสาทโครงสร้างของระบบประสาท
โครงสร้างของระบบประสาท
 
แบบรายงานการแสดงทางวิทยาศาสตร์
แบบรายงานการแสดงทางวิทยาศาสตร์แบบรายงานการแสดงทางวิทยาศาสตร์
แบบรายงานการแสดงทางวิทยาศาสตร์
 
ใบงานการย่อยอาหาร Version คุณครู
ใบงานการย่อยอาหาร Version คุณครูใบงานการย่อยอาหาร Version คุณครู
ใบงานการย่อยอาหาร Version คุณครู
 
ระบบประสาท - Nervous system
ระบบประสาท - Nervous systemระบบประสาท - Nervous system
ระบบประสาท - Nervous system
 
ข้อสอบอัจฉริยะ
ข้อสอบอัจฉริยะข้อสอบอัจฉริยะ
ข้อสอบอัจฉริยะ
 
ใบความรู้เรื่องเซลล์ของสิ่งมีชีวิต1
ใบความรู้เรื่องเซลล์ของสิ่งมีชีวิต1ใบความรู้เรื่องเซลล์ของสิ่งมีชีวิต1
ใบความรู้เรื่องเซลล์ของสิ่งมีชีวิต1
 
หลอดเลือดและส่วนประกอบของเลือด
หลอดเลือดและส่วนประกอบของเลือดหลอดเลือดและส่วนประกอบของเลือด
หลอดเลือดและส่วนประกอบของเลือด
 
ระบบหายใจ
ระบบหายใจ ระบบหายใจ
ระบบหายใจ
 
โครงสร้างและหน้าที่ของใบ
โครงสร้างและหน้าที่ของใบโครงสร้างและหน้าที่ของใบ
โครงสร้างและหน้าที่ของใบ
 
ระบบหมุนเวียนเลือด
ระบบหมุนเวียนเลือดระบบหมุนเวียนเลือด
ระบบหมุนเวียนเลือด
 

Similar a ระบบขับถ่าย (T) 1 2560

สรีรวิทยา (part 1)
สรีรวิทยา (part 1)สรีรวิทยา (part 1)
สรีรวิทยา (part 1)pitsanu duangkartok
 
ระบบขับถ่าย
ระบบขับถ่ายระบบขับถ่าย
ระบบขับถ่ายkrubua
 
502การย่อยอาหารจุลทรีย์ สัตว คน
502การย่อยอาหารจุลทรีย์ สัตว คน502การย่อยอาหารจุลทรีย์ สัตว คน
502การย่อยอาหารจุลทรีย์ สัตว คนThitiporn Parama
 
ระบบย่อยอาหาร - Digestive system
ระบบย่อยอาหาร - Digestive systemระบบย่อยอาหาร - Digestive system
ระบบย่อยอาหาร - Digestive systemsupreechafkk
 
ติวสอบเตรียมระบบย่อยและหมุนเวียน
ติวสอบเตรียมระบบย่อยและหมุนเวียนติวสอบเตรียมระบบย่อยและหมุนเวียน
ติวสอบเตรียมระบบย่อยและหมุนเวียนWichai Likitponrak
 
กลไกการรักษาดุลยภาพ 54
กลไกการรักษาดุลยภาพ 54กลไกการรักษาดุลยภาพ 54
กลไกการรักษาดุลยภาพ 54Oui Nuchanart
 
ดุลยภาพสิ่งมีชีวิต
ดุลยภาพสิ่งมีชีวิตดุลยภาพสิ่งมีชีวิต
ดุลยภาพสิ่งมีชีวิตWichai Likitponrak
 
ระบบขับถ่าย
ระบบขับถ่ายระบบขับถ่าย
ระบบขับถ่ายWan Ngamwongwan
 
ระบบย่อยอาหาร ระบบย่อยอาหาร ระบบย่อยอาหาร
ระบบย่อยอาหาร ระบบย่อยอาหาร ระบบย่อยอาหารระบบย่อยอาหาร ระบบย่อยอาหาร ระบบย่อยอาหาร
ระบบย่อยอาหาร ระบบย่อยอาหาร ระบบย่อยอาหารcapchampz
 
ระบบต่างๆในร่างกายป.6
ระบบต่างๆในร่างกายป.6ระบบต่างๆในร่างกายป.6
ระบบต่างๆในร่างกายป.6arkhom260103
 
ระบบต่างๆในร่างกายป.6
ระบบต่างๆในร่างกายป.6ระบบต่างๆในร่างกายป.6
ระบบต่างๆในร่างกายป.6arkhom260103
 
ระบบต่างๆในร่างกายป.6
ระบบต่างๆในร่างกายป.6ระบบต่างๆในร่างกายป.6
ระบบต่างๆในร่างกายป.6arkhom260103
 
โครงสร้างและหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ในร่างกายสัตว์
โครงสร้างและหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ในร่างกายสัตว์ โครงสร้างและหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ในร่างกายสัตว์
โครงสร้างและหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ในร่างกายสัตว์ พัน พัน
 

Similar a ระบบขับถ่าย (T) 1 2560 (20)

สรีรวิทยา (part 1)
สรีรวิทยา (part 1)สรีรวิทยา (part 1)
สรีรวิทยา (part 1)
 
ระบบขับถ่าย
ระบบขับถ่ายระบบขับถ่าย
ระบบขับถ่าย
 
502การย่อยอาหารจุลทรีย์ สัตว คน
502การย่อยอาหารจุลทรีย์ สัตว คน502การย่อยอาหารจุลทรีย์ สัตว คน
502การย่อยอาหารจุลทรีย์ สัตว คน
 
ระบบย่อยอาหาร - Digestive system
ระบบย่อยอาหาร - Digestive systemระบบย่อยอาหาร - Digestive system
ระบบย่อยอาหาร - Digestive system
 
ติวสอบเตรียมระบบย่อยและหมุนเวียน
ติวสอบเตรียมระบบย่อยและหมุนเวียนติวสอบเตรียมระบบย่อยและหมุนเวียน
ติวสอบเตรียมระบบย่อยและหมุนเวียน
 
กลไกการรักษาดุลยภาพ 54
กลไกการรักษาดุลยภาพ 54กลไกการรักษาดุลยภาพ 54
กลไกการรักษาดุลยภาพ 54
 
ดุลยภาพสิ่งมีชีวิต
ดุลยภาพสิ่งมีชีวิตดุลยภาพสิ่งมีชีวิต
ดุลยภาพสิ่งมีชีวิต
 
G2
G2G2
G2
 
404766008
404766008404766008
404766008
 
การดำรงชีพ
การดำรงชีพการดำรงชีพ
การดำรงชีพ
 
ระบบขับถ่าย
ระบบขับถ่ายระบบขับถ่าย
ระบบขับถ่าย
 
Animal System
Animal SystemAnimal System
Animal System
 
สรุปวิทยาศาสตร์พื้นฐาน
สรุปวิทยาศาสตร์พื้นฐานสรุปวิทยาศาสตร์พื้นฐาน
สรุปวิทยาศาสตร์พื้นฐาน
 
สรุปวิทยาศาสตร์พื้นฐาน
สรุปวิทยาศาสตร์พื้นฐานสรุปวิทยาศาสตร์พื้นฐาน
สรุปวิทยาศาสตร์พื้นฐาน
 
รักษาดุลม.5
รักษาดุลม.5รักษาดุลม.5
รักษาดุลม.5
 
ระบบย่อยอาหาร ระบบย่อยอาหาร ระบบย่อยอาหาร
ระบบย่อยอาหาร ระบบย่อยอาหาร ระบบย่อยอาหารระบบย่อยอาหาร ระบบย่อยอาหาร ระบบย่อยอาหาร
ระบบย่อยอาหาร ระบบย่อยอาหาร ระบบย่อยอาหาร
 
ระบบต่างๆในร่างกายป.6
ระบบต่างๆในร่างกายป.6ระบบต่างๆในร่างกายป.6
ระบบต่างๆในร่างกายป.6
 
ระบบต่างๆในร่างกายป.6
ระบบต่างๆในร่างกายป.6ระบบต่างๆในร่างกายป.6
ระบบต่างๆในร่างกายป.6
 
ระบบต่างๆในร่างกายป.6
ระบบต่างๆในร่างกายป.6ระบบต่างๆในร่างกายป.6
ระบบต่างๆในร่างกายป.6
 
โครงสร้างและหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ในร่างกายสัตว์
โครงสร้างและหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ในร่างกายสัตว์ โครงสร้างและหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ในร่างกายสัตว์
โครงสร้างและหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ในร่างกายสัตว์
 

Más de Thitaree Samphao

ระบบน้ำเหลืองและระบบภูมิคุ้มกัน (1- 2560)
ระบบน้ำเหลืองและระบบภูมิคุ้มกัน (1- 2560)ระบบน้ำเหลืองและระบบภูมิคุ้มกัน (1- 2560)
ระบบน้ำเหลืองและระบบภูมิคุ้มกัน (1- 2560)Thitaree Samphao
 
ศูนย์ควบคุมระบบประสาท
ศูนย์ควบคุมระบบประสาท ศูนย์ควบคุมระบบประสาท
ศูนย์ควบคุมระบบประสาท Thitaree Samphao
 
เซลล์ประสาทและการทำงาน
เซลล์ประสาทและการทำงาน เซลล์ประสาทและการทำงาน
เซลล์ประสาทและการทำงาน Thitaree Samphao
 
การรับรู้และตอบสนอง
การรับรู้และตอบสนอง การรับรู้และตอบสนอง
การรับรู้และตอบสนอง Thitaree Samphao
 
การทำงานของระบบประสาท
การทำงานของระบบประสาทการทำงานของระบบประสาท
การทำงานของระบบประสาทThitaree Samphao
 
อวัยวะรับความรู้สึก
อวัยวะรับความรู้สึกอวัยวะรับความรู้สึก
อวัยวะรับความรู้สึกThitaree Samphao
 
พฤติกรรมของสิ่งมีชีวิต
พฤติกรรมของสิ่งมีชีวิต พฤติกรรมของสิ่งมีชีวิต
พฤติกรรมของสิ่งมีชีวิต Thitaree Samphao
 
ต่อมไร้ท่อ
ต่อมไร้ท่อ ต่อมไร้ท่อ
ต่อมไร้ท่อ Thitaree Samphao
 
ระบบน้ำเหลืองและระบบภูมิคุ้มกัน
ระบบน้ำเหลืองและระบบภูมิคุ้มกัน ระบบน้ำเหลืองและระบบภูมิคุ้มกัน
ระบบน้ำเหลืองและระบบภูมิคุ้มกัน Thitaree Samphao
 

Más de Thitaree Samphao (9)

ระบบน้ำเหลืองและระบบภูมิคุ้มกัน (1- 2560)
ระบบน้ำเหลืองและระบบภูมิคุ้มกัน (1- 2560)ระบบน้ำเหลืองและระบบภูมิคุ้มกัน (1- 2560)
ระบบน้ำเหลืองและระบบภูมิคุ้มกัน (1- 2560)
 
ศูนย์ควบคุมระบบประสาท
ศูนย์ควบคุมระบบประสาท ศูนย์ควบคุมระบบประสาท
ศูนย์ควบคุมระบบประสาท
 
เซลล์ประสาทและการทำงาน
เซลล์ประสาทและการทำงาน เซลล์ประสาทและการทำงาน
เซลล์ประสาทและการทำงาน
 
การรับรู้และตอบสนอง
การรับรู้และตอบสนอง การรับรู้และตอบสนอง
การรับรู้และตอบสนอง
 
การทำงานของระบบประสาท
การทำงานของระบบประสาทการทำงานของระบบประสาท
การทำงานของระบบประสาท
 
อวัยวะรับความรู้สึก
อวัยวะรับความรู้สึกอวัยวะรับความรู้สึก
อวัยวะรับความรู้สึก
 
พฤติกรรมของสิ่งมีชีวิต
พฤติกรรมของสิ่งมีชีวิต พฤติกรรมของสิ่งมีชีวิต
พฤติกรรมของสิ่งมีชีวิต
 
ต่อมไร้ท่อ
ต่อมไร้ท่อ ต่อมไร้ท่อ
ต่อมไร้ท่อ
 
ระบบน้ำเหลืองและระบบภูมิคุ้มกัน
ระบบน้ำเหลืองและระบบภูมิคุ้มกัน ระบบน้ำเหลืองและระบบภูมิคุ้มกัน
ระบบน้ำเหลืองและระบบภูมิคุ้มกัน
 

ระบบขับถ่าย (T) 1 2560

  • 1. เรื่อง ระบบขับถ่าย รายวิชาชีววิทยาเพิ่มเติม 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 คุณครูฐิตารีย์ สาเภา โรงเรียนท่ามะกาวิทยาคม สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 8 (กาญจนบุรี-ราชบุรี)
  • 2.  สืบค้นข้อมูล อภิปรายและสรุปเกี่ยวกับความหมายของของเสีย และการขับถ่าย พร้อม ทั้งอธิบายกระบวนการขับถ่ายของสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว และของสัตว์  สืบค้นข้อมูล ทดลอง อภิปราย และสรุปเกี่ยวกับโครงสร้างของไต และอวัยวะที่ เกี่ยวข้อง  สืบค้นข้อมูล อภิปราย และสรุปเกี่ยวกับการทางานของไตกับการรักษาดุลยภาพของน้า และแร่ธาตุในร่างกาย  สืบค้นข้อมูล อภิปราย และอธิบายความผิดปกติที่เกี่ยวเนื่องกับไตและโรคของไต พร้อมทั้งเสนอแนะแนวทางในการดูแลสุขภาพ จุดประสงค์การเรียนรู้
  • 3.  การขับถ่าย (Excretion)  การขับถ่ายของสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว  การขับถ่ายของสิ่งมีชีวิตหลายเซลล์  การขับถ่ายของสัตว์มีกระดูกสันหลัง  การขับถ่ายของคน  ความผิดปกติเกี่ยวกับไตและโรคของไต ระบบขับถ่าย
  • 4.  กระบวนการกาจัดของเสียที่เกิดจาก กระบวนการเมแทบอลิซึม  CO2 จากระบบหายใจ  น้า และเกลือแร่  Nitrogenous waste : ของเสียที่เกิด จากกระบวนการสลายโปรตีนและกรด นิวคลีอิกภายในเซลล์  Ammonia  Urea  Uric acid  การถ่ายอุจจาระไม่เป็น Excretion เนื่องจากกากอาหารที่ร่างกายขับ ออกมายังเป็นสารที่มีประโยชน์ แต่ ร่างกายย่อยไม่ได้ การขับถ่าย (EXCRETION)
  • 5.  Gas  พิษสูงสุด  ใช้น้าในการกาจัดมาก  กาจัดออกในรูป NH+ 4  เปลี่ยนรูปเป็น urea/uric acid ได้  พบในสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในน้า  สิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว  สัตว์หลายเซลล์ชั้นต่า  สัตว์ขาข้อที่อาศัยอยู่ในน้า  Mollusk ที่อยู่ในน้า  ปลากระดูกแข็ง ปลากัด ปลาดุก ปลาช่อน ปลาทู ปลาไหล AMMONIA (NH3)
  • 6.  Liquid  พิษต่ากว่า NH3  สูญเสียน้าน้อยลงเวลาขับออก  สร้างที่ตับ  ขับทางไตในรูปปัสสาวะ  ปริมาณขึ้นอยู่กับโปรตีนที่กิน  พบในสิ่งมีชีวิตที่อยู่บนบก  ไส้เดือนดิน  สัตว์สะเทินน้าสะเทินบก  ปลากระดูกอ่อน เช่นปลาฉลาม, ปลากระเบน,  สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม UREA
  • 7.  Solid  พิษต่าสุด  ขับทางอุจจาระ  Allantois เป็นที่เก็บของเสีย พบในเอ็มบริโอ ของสัตว์เลื้อยคลาน/นก  อาจสะสมในข้อในผู้ป่วยโรค gout  มูลจิ้งจกมีสีขาวและสีดา สีขาวของเสียในรูป กรดยูริก สีดาคือกากอาหาร (อุจจาระ)  พบในสัตว์สงวนน้า  สัตว์ขาข้อที่อาศัยอยู่บนบก/แมลง  Mollusk ที่อยู่บนบก  สัตว์เลื้อยคลาน  นก URIC ACID
  • 9.  เกิดจากกระบวนการเผาผลาญสารอาหาร  C6H12O6+6O2+6H2O+36ADP+36Pi6CO2+12H2O+36ATP  ขับออกทางปอด  พืชกาจัดออกทางปากใบ/นากลับไปใช้ในการสังเคราะห์ด้วยแสง CO2
  • 10.  ขับส่วนที่เกินความต้องการออก  ขับในรูป  ปัสสาวะ (max)  เหงื่อ  ลมหายใจ  อุจจาระ (min)  ขับออกทางปัสสาวะ เหงื่อ อุจจาระ จะ มีเกลือแร่ปนอยู่ด้วย  ขับออกทางลมหายใจจะมีแต่น้า (gas) เท่านั้น  สาหรับพืชเก็บสะสมไว้ที่ sap vacuole น้าและเกลือแร่
  • 11. การขับถ่ายของสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว  แบคทีเรีย สาหร่ายสีเขียวแกมน้าเงิน: ของเสียแพร่ผ่านเยื่อหุ้มเซลล์ (CO2)  โพรโทซัวน้าเค็ม: ขับของเสียออกจากเยื่อหุ้มเซลล์  อะมีบา พารามีเซียม และโพรโทซัวน้าจืดอื่นๆ :  ของเสียแพร่ออกจากเยื่อหุ้มเซลล์สู่น้ารอบๆ ในรูปของ NH3 และ CO2  contractile vacuole ทาหน้าที่ขับน้าส่วนเกินออกจากเซลล์ ซึ่งทาหน้าที่คล้ายไต ของสัตว์ชั้นสูง
  • 12.  ไม่มีโครงสร้างในการขับถ่ายของเสีย แต่ทุกเซลล์สัมผัสกับน้าโดยตรง  ของเสียในเซลล์เป็นแอมโมเนีย ถูกกาจัดออกสู่สภาพแวดล้อมภายนอกโดยการแพร่  ไฮดรา : ของเสียสะสมภายในช่องแกสโตรวาสคิวลาร์ แล้วขับออกทางปาก การขับถ่ายของฟองน้า ไฮดรา แมงกะพรุน
  • 13.  เฟลมเซลล์ (Flame cell) : ทาหน้าที่กาจัดของเสีย  กระจายอยู่ 2 ข้างตลอดความยาวของลาตัว เชื่อมต่อกับช่องขับถ่ายที่ผนังลาตัว  ภายในมีซีเลีย โบกพัดน้าและของเสียไหลไปตามท่อและออกสู่ภายนอกทางรูขับถ่าย  ของเหลวที่กรองผ่าน Flame cell เข้าสู่เซลล์ด้วยกระบวนการ pinocytosis  ของเสียที่ถูกกาจัดออกสู่ภายนอกเป็นสารพวกแอมโมเนีย การขับถ่ายของพลานาเรียหรือหนอนตัวแบน
  • 14.  อวัยวะขับถ่ายของเสียคือ เนฟริเดียม (Nephridium) พบทุกปล้อง ๆ ละ 1 คู่ เป็นท่อ ขดไปมา มีปลายเปิดทั้งสองข้าง  ปลายข้างหนึ่งคล้ายปากแตร มีซิเลียติดตามขอบ ทาหน้าที่กรองสารต่างๆ เรียกว่า เนโฟรสโตรม (nephrostome) อีกข้างเป็นท่อเปิดออกข้างนอกเรียกว่า รูขับถ่าย (Nephridiopore) รับของเหลวพวกแอมโมเนีย และยูเรีย เพื่อขับออกนอกร่างกาย  ลักษณะการทางานของเนฟริเดียมคล้ายหน่วยไตของสัตว์มีกระดูกสันหลัง การขับถ่ายของไส้เดือนดิน ดูดซึมน้าและเกลือแร่ กลับเข้าสู่ระบบเลือด ของเสียถูกกาจัดออก หลอดขับถ่าย หลอดพัก
  • 15.  อวัยวะขับถ่ายของแมลง: ท่อมัลพิ เกียน (Malpighian tubule)  ของเสียจากเลือดในโพรงลาตัว+ เกลือแร่แพร่เข้าสู่ Malpighian tubule ด้วยกระบวนการ active transport และ passive transport  ของเหลวที่มีของเสียปนอยู่เคลื่อนเข้า ทางเดินอาหารโดยการหดตัวของ กล้ามเนื้อผนังมัลพิเกียนทิวบูล  ที่ทางเดินอาหาร : ดูดซึมน้าและสาร ต่างๆ กลับเข้าร่างกายโดย เรกตัล แพด (Rectal pad)  ของเสียที่แมลงขับออกทางทวารหนัก : กากอาหาร กรดยูริก เกลือแร่ การขับถ่ายของแมลง
  • 16.  ไต เป็นอวัยวะขับถ่ายของเสีย  ของเสียเป็นสารประกอบไนโตรเจนลักษณะเป็นของเหลวจาพวกแอมโมเนีย การขับถ่ายของปลา
  • 18.  โครงสร้างร่างกายที่ป้องกันการสูญเสียน้าและแร่ธาตุ มีผิวหนังหนา มีเกล็ด/ขนปกคลุม  ของเสียจากทุกส่วนของร่างกายผ่านมาทางกระแสเลือดและเข้าสู่ไตแล้วขับออกนอก ร่างกาย  ของเสียเป็นกรดยูริก  อุจจาระจิ้งจกมี 2 สี สีดาเป็นกากอาหาร สีขาวเป็นกรดยูริก การขับถ่ายของนกและสัตว์เลื้อยคลาน
  • 19. อวัยวะที่ใช้ในการขับถ่ายของสิ่งมีชีวิต สิ่งมีชีวิต โครงสร้างที่ใช้ โปรโตซัว อะมีบา พารามีเซียม (สิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว) เยื่อหุ้มเซลล์, Contractile vacuole เพื่อขับน้า ส่วนเกิน ฟองน้า (P. Porifera) และ ไฮดรา (P. Cnidaria) แพร่โดยตรงเข้าเซลล์ หนอนตัวแบน (P. Platyhelminthes) เฟลมเซลล์ (Flame cell) ระบบ Protonephridia ไส้เดือนดิน (P. Annelida) เนฟริเดีย (Nephridia) แมลง (P. Arthropoda : Insect) ท่อมัลพิเกียน (Mulphighian Tubule) สัตว์มีกระดูกสันหลัง, คน (P. Chordata), P. Mollusca ไต (Kidney)
  • 20.  โครงสร้างของไต  โครงสร้างระดับอวัยวะ: ไต, ท่อไต, กระเพาะปัสสาวะ, ท่อปัสสาวะ  โครงสร้างระดับเซลล์: glomerulus, Bowman’s capsule, ท่อหน่วยไตส่วนต้น, ห่วงเฮนเล, ท่อหน่วยไตส่วนท้าย, ท่อไตรวม, renal blood vessel  การทางานของไต  ความผิดปกติของระบบขับถ่าย การขับถ่ายของคน
  • 21. ไต (KIDNEY)  มี 1 คู่ รูปร่างคล้ายเม็ดถั่ว  อยู่ในช่องท้องทั้งสองข้างของ กระดูกสันหลังบริเวณเอว  ยาว ≈ 10 cm  กรองของเสียออกจากเลือด โดยเฉพาะของเสียจากเมแทบอ ลิซึมของสารโปรตีน  กาจัดสารส่วนเกิน  ควบคุมดุลยภาพของสารใน เลือด  สร้างฮอร์โมน อิริโทรปอยอิติน (Erythropoietin) กระตุ้นไข กระดูกให้สร้างเม็ดเลือดแดง
  • 22.  Nephron (หน่วยไต) จานวนมาก แต่ละข้าง มีหน่วยไตประมาณ 1 ล้านหน่วย  ไตชั้นนอก (Cortex): สีจาง โครงสร้างส่วน ใหญ่ของ Nephron ได้แก่ Bowman’s capsule, ท่อหน่วยไตส่วนต้น, ท่อหน่วยไต ส่วนท้าย ทาหน้าที่กรองของเสียออกจาก เลือด  ไตชั้นใน (Medulla): สีเข้มกว่าชั้น Cortex ลักษณะคล้ายพีระมิด เป็นส่วนที่ดูดซับของดี กลับ ประกอบด้วยห่วงเฮนเล  Pelvis (กรวยไต): รวบรวมน้าปัสสาวะให้ ไหลเข้าสู่ท่อไต  ท่อไตรวม (collecting duct): พบทั้งในชั้น Cortex และ Medulla papilla เนื้อไต
  • 23.  เป็นท่อออกมาจากไตทั้งสองข้าง  เชื่อมต่อจากกรวยไตไปสู่กระเพาะปัสสาวะ  เส้นผ่านศูนย์กลาง ≈ 1 cm  ทาหน้าที่ลาเลียงปัสสาวะไปยังกระเพาะปัสสาวะ ท่อไต (URETER)
  • 24.  ตั้งอยู่ในช่องท้องน้อย มีผนังยืดหดดี  เป็นที่พักน้าปัสสาวะจากท่อไตทั้งสองข้างไหล มารวมกัน  ความจุ 500 ml  รูเปิดออกทางท่อปัสสาวะ มี sphincter (หู รูด) คอยควบคุมการปิด-เปิด กระเพาะปัสสาวะ (URINARY BLADDER)
  • 25.  Male (ผู้ชาย) :  ยาว ≈ 25 cm  มีต่อมลูกหมากและท่อนา น้าเชื้อมาเปิด/ เป็นทางออก ร่วมกับน้าอสุจิ  เปิดออกสู่ภายนอกที่ปลา ยองคชาต  Female (ผู้หญิง) :  ยาว ≈ 4 cm  ท่อสั้นมาก  โอกาสติดเชื้อง่าย กระเพาะปัสสาวะอักเสบ กรวยไตอักเสบ  น้าปัสสาวะเปิดออกสู่ ภายนอกโดยตรง ท่อปัสสาวะ (URETHRA)
  • 26. Glomerulus Bowman’s capsule ท่อของหน่วยไต (renal tubule) Proximal Convoluted Tubule Henle’s loop Distal Convoluted Tubule Collecting Duct Renal blood vessel โครงสร้างระดับเซลล์ : หน่วยไต (NEPHRON)
  • 27.  กลุ่มเส้นเลือดฝอย/ ยื่นเข้าไปใน Bowman’s capsule  แตกแขนงจาก afferent arteriole  ทาหน้าที่กรองของเสียออกจากเลือด  Glomerulus มีเซลล์ชนิดพิเศษเรียก podocyte  ช่องว่างระหว่าง podocyte เรียก filtration slit (slit pore)  สารที่ผ่านมากับเลือดจะถูกกรองผ่าน filtration slit  ของเหลวที่ถูกกรองได้เรียก filtrate (น้ากรอง)  เลือดที่ไม่ผ่านการกรองจะลาเลียงออก ทาง efferent arteriole โครงสร้างระดับเซลล์ : GLOMERULUS
  • 28.  กระเปาะรูปถ้วยหุ้มรอบ Glomerulus  Bowman’s space เป็นช่องว่างระหว่าง Bowman’s capsule และ Glomerulus  เป็นที่รองรับ filtrate แล้วไหลสู่ renal tubule (ท่อหน่วยไต) BOWMAN’S CAPSULE
  • 29.  ท่อขดสั้นๆ อยู่ในชั้น cortex  ผนังของท่อประกอบด้วย mitochondria มาก (แหล่งพลังงาน) เพราะมี กระบวนการ active transport ดูดสารที่มีประโยชน์ เช่น กลูโคส กรดอะมิโน  Microvilli มาก ช่วยเพิ่มพื้นที่ดูดสารต่างๆ กลับ PROXIMAL CONVOLUTED TUBULE (ท่อขดส่วนต้น)
  • 30. HENLE’S LOOP (ห่วงเฮนเล)  ห่วงรูปท่อตัว U/ ท่อโค้งลงสู่ medulla แล้ววกกลับขึ้นสู่ชั้น cortex  ท่อเรียงตัวลึกลงในท่อไต  มี vasa recta เรียงตัวขนานกับห่วง  อาศัย countercurrent mechanism ในการดูดซึมสารกลับ  ประกอบด้วย  Descending limb (ท่อตัว U ขาลง)  ไม่ยอมให้ NaCl ผ่าน  ยอมให้ H2O ผ่าน  Ascending limb (ท่อตัว U ขาขึ้น)  thin segment : ยอมให้ NaCl ผ่าน ไม่ยอมให้ H2O ผ่าน  thick segment : ยอมให้ NaCl ผ่าน ไม่ยอมให้ H O ผ่าน
  • 31.  ท่อขดไปมาคล้ายท่อขดส่วนต้น อยู่ถัดจากห่วงเฮนเลเข้ามาในเนื้อไตชั้นคอร์เท็กซ์  ฮอร์โมนวาโซเปรสซิน/ADH จากต่อมใต้สมองส่วนท้ายมาเพิ่มการดูดกลับน้า  ฮอร์โมน Aldosterone จากต่อมหมวกไตชั้นนอก มามีผลต่อการดูดกลับโซเดียมอิออน  ตอนปลายเปิดเข้าสู่ท่อรวม (collecting duct) ซึ่งรับของเหลวจากท่อหน่วยไตส่งไป ทางกรวยไต DISTAL CONVOLUTED TUBULE (ท่อขดไตส่วนท้าย)
  • 32.  ท่อรวมน้าปัสสาวะจาก nephron อื่น  เมื่อของเหลวที่กรองได้ผ่านมาถึงตาแหน่งนี้ เรียกว่า น้าปัสสาวะ (Urine)  น้าปัสสาวะจะเปิดเข้าสู่กรวยไต (Renal pelvis) ไปสู่ท่อไต (Ureter) ซึ่งนาน้าปัสสาวะ ไปเก็บสะสมในกระเพาะปัสสาวะ เพื่อรอการขับทิ้ง COLLECTING DUCT (ท่อรวม)
  • 34.  Abdominal aorta : เป็นส่วนของ aorta อยู่ในช่องท้อง, นาเลือดจากหัวใจไปเลี้ยง อวัยวะภายในช่องท้อง  Renal artery : แยกไปไตซ้ายและขวา, นาเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของไต  Afferent arteriole : วิ่งเข้า Bowman’s capsule, มี juxtaglomerular cell ผลิต renin ที่ควบคุมความดันเลือด, แตกแขนงเป็น glomerulus  Glomerulus : กลุ่มเส้นเลือดฝอย ทาหน้าที่กรองของเสียออกจากเลือด  Efferent arteriole : วิ่งออกจาก Bowman’s capsule, แตกแขนงเป็นเส้นเลือดฝอย พันรอบหน่วยไต  peritubular capillaries (juxtamedullary nephron  vasa recta ) : พันรอบ renal tubule, ทาหน้าที่ดูด/หลั่งสาร, รักษา hyperosmolarity  renal vein : แยกไปไตซ้ายขวา, รับเลือดจากไตทั้งสองข้างเข้าเส้นเลือดดาใหญ่  Inferior vena cava : รับเลือดจาก renal vein ทั้งสองข้างจากไต, นาเลือดไปยัง หัวใจ RENAL BLOOD VESSEL
  • 35.  กรองของเสียออกจากเลือด และกาจัด ออกเป็นน้าปัสสาวะ  กระบวนการเกิดน้าปัสสาวะ 3 กระบวนการ  การกรองที่โกลเมอรูลัส (glomerular filtration)  การดูดกลับที่ท่อของหน่วยไต (tubular reabsorption)  การหลั่งสารที่ท่อของหน่วยไต (tubular secretion) กลไกการทางานของหน่วยไต
  • 36.  Ultrafiltration (แยกสารเฉพาะที่มีโมเลกุลขนาด ใหญ่ออกจากสารละลาย)  ความเข้มข้นสูงกว่าเส้นเลือดฝอยทั่วไป 2 เท่า  เลือดจาก afferent arteriole จะถูกกรองผ่าน glomerulus  เม็ดเลือดและสารโมเลกุลขนาดใหญ่จะไม่ผ่านการ กรอง  สารที่กรองได้คล้ายกับ plasma  น้ากรอง (filtrate):  พบ: H2O, amino acid, glucose, เกลือแร่ (Na K Cl), vitamin, hormone, urea, uric acid  ไม่พบ: RBC, Hb, albumin, globulin, prothrombin, fibrinogen  WBC: เคลื่อนที่แบบอะมีบาลอดผ่าน glomerulus ได้ การกรองที่โกลเมอรูลัส (GLOMERULAR FILTRATION)
  • 37.  เซลล์เยื่อบุผิวที่ท่อของหน่วยไตมีบทบาทในการดูดสารกลับเนื่องจากมี microvilli และมี Mitochondria มาก  proximal tubule: ดูดกลับกลูโคส กรดอะมิโน วิตามิน และ NaCl (Active transport) ส่วน น้า K+ และ HCO3 - (Passive transport)  ห่วงเฮนเลส่วนวกลง: ดูดน้ากลับโดยวิธี Osmosis  ห่วงเฮนเลส่วนวกขึ้น: ดูด NaCl กลับ ทั้งแบบ Active transport และ Passive transport  Distal tubule: ดูดน้ากลับ แบบ Passive transport ส่วน NaCl และ HCO3 - ดูด กลับแบบ Active transport  Collecting Duct: ดูดน้ากลับโดยวิธี Osmosis ยอมให้ยูเรียผ่านออกโดยการแพร่  การดูดสารกลับถูกควบคุมด้วยฮอร์โมน Aldosterone หลั่งจากชั้นคอร์เทกซ์ของต่อม หมวดไต กระตุ้น Distal tubule และ Collecting Duct ให้เพิ่มการดูด H2O และ Na+ กลับคืนเลือด การดูดกลับที่ท่อของหน่วยไต (TUBULAR REABSORPTION)
  • 38.  สารบางชนิดหลั่งจากเลือดเข้าสู่ของเหลวที่กรองได้ในทิวบูล  proximal tubule: มีการหลั่ง H+, K+, NH+ 4  H+: เพื่อรักษาระดับ pH ในของเหลวในร่างกายให้คงที่  K+: เมื่อความเข้มข้นของ K+ สูงเกินไปเพราะทาให้การส่งกระแสประสาทบกพร่อง และความแรงในการหดตัวของกล้ามเนื้อลดลง  Distal tubule: มีการหลั่ง H+, K+, ยาบางชนิดเช่น เพนิซิลลิน และยาพิษ  K+: ควบคุมระดับความเข้มข้นของ K+ และ Na+ ในร่างกาย แปรผันการหลั่ง K+ และการดูดกลับ Na+  H+: เพื่อควบคุม pH ในเลือด โดยควบคุมการหลั่ง H+ และการดูดกลับ HCO3 - การหลั่งสารที่ท่อของหน่วยไต (TUBULAR SECRETION)
  • 41. องค์ประกอบของสารที่ตรวจพบในบริเวณต่างๆ ตาแหน่ง องค์ประกอบของสารที่ตรวจพบ Glomerulus เม็ดเลือด, โปรตีน, กรดอะมิโน, กลูโคส, ยูเรีย, น้าและแร่ธาตุ Bowman’s capsule กรดอะมิโน, กลูโคส, ยูเรีย, น้าและแร่ธาตุ Proximal tubule กรดอะมิโน, กลูโคส, ยูเรีย, น้าและแร่ธาตุ Loop of Henle ยูเรีย, น้าและแร่ธาตุ Distal tubule ยูเรีย, น้าและแร่ธาตุ Urine ยูเรีย, น้าและแร่ธาตุ
  • 43.  รักษาสมดุลน้าในร่างกาย: ขับปัสสาวะเพื่อควบคุมน้า เกิดจากฮอร์โมน Antidiuretic (ADH) ควบคุมการดูดกลับของน้าที่ท่อหน่วยไตและท่อรวม  ร่างกายขาดน้า: ADH หลั่งมาก ดูดน้ากลับมาก ปัสสาวะสีเหลืองจัด กระหายน้า  ร่างกายมีน้ามาก: ADH หลั่งน้อย ดูดน้ากลับน้อย ปัสสาวะสีจาง  รักษาสมดุลเกลือแร่ของร่างกาย: โดยฮอร์โมน Aldosterone กระตุ้นการดูดกลับของ แร่ธาตุ ถ้าขาดฮอร์โมนนี้ปัสสาวะมีแร่ธาตุมาก เรียกว่า เบาเค็ม  การรักษาระดับ pH ของร่างกาย: ร่างกายผลิตกรดทุกวัน การคั่งของกรดทาให้เบื่อ อาหาร ไตเสื่อมสภาพ ปัสสาวะเป็นกรด  ควบคุมความดันโลหิต: ความดันโลหิตสูงเกิดจากความผิดปกติของการควบคุมสมดุล น้าและเกลือแร่  ผลิตและควบคุมการทางานของฮอร์โมน: เช่น Vitamin D ช่วยสร้างกระดูก หน้าที่ของไต
  • 44.  โพรทิสต์ : กาจัดของเสียออกทางเยื่อหุ้มเซลล์  โพรทิสต์น้าจืดบางชนิด : พารามีเซียมน้าจืด และอะมีบาน้าจืด มี contractile vacuole หดตัวไล่น้าส่วนเกินที่ออสโมซิสเข้ามาให้ออกไป  สัตว์ : ป้องกันการสูญเสียน้าโดยมีเกล็ด และสร้างปัสสาวะปริมาณน้อยและ สังเกตจาก Bowman’s capsule เล็ก หรือ loop of Henle ยาว  คน : รักษาสมดุลของน้าโดยสมองส่วน hypothalamus และ kidney การรักษาสมดุลของน้า
  • 46.  ปลาน้าจืด: สภาพแวดล้อมเป็น hypotonic จึงมีกระบวนการป้องกันน้าเข้าตัว และ กันเกลือแพร่ออก เช่น มีเกล็ด ปัสสาวะเจือจางและบ่อย มี active transport ที่ เหงือก ทวารหนักดูดเกลือกลับคืน  ปลาน้าเค็ม: สิ่งแวดล้อมเป็น hypertonic จึงมีกระบวนการป้องกันเกลือแพร่เข้ามา และน้าทะลักออก เช่น มีเกล็ด ปัสสาวะเข้มข้น มี active transport ขับเกลือแร่ออก ที่เหงือกและทวารหนัก  สัตว์ทะเลอื่น: มีของเหลวในร่างกาย isotonic ต่อน้าทะเล เช่น แมงกะพรุน ปลาดาว  นก: มีต่อมนาสิกหรือต่อมเกลือ (nasal gland, salt gland) ขับเกลือส่วนเกินออก บริเวณจมูก การรักษาสมดุลเกลือแร่
  • 48.  คน: ผิวหนังเป็นเซนเซอร์ รับอุณหภูมิ แล้วส่งข้อมูลไป ให้สมองส่วนไฮโพทาลามัส ควบคุม  T สูง: หลอดเลือดฝอยที่ ผิวหนังขยายตัว มีการขับ เหงื่อ เส้นขนเอนราบ ลด อัตรา metabolism  T ต่า: หลอดเลือดฝอยที่ ผิวหนังหดตัว ขนลุกชัน กล้ามเนื้อสั่นเทิ้ม เพิ่มอัตรา metabolism การรักษาสมดุลอุณหภูมิ
  • 49.  การจาศีลสัตว์เลือดเย็น: มีอัตราการหายใจและการเต้นของหัวใจต่ามาก เช่น กบ  การจาศีลของสัตว์เลือดอุ่น: การเปลี่ยนแปลงในร่างกายน้อยมาก เช่น หนูและค้างคาว บางชนิด  สัตว์เลือดอุ่นไม่ได้จาศีลแต่หลับในฤดูหนาว เช่น หมีขั้วโลก สกั๊งค์ การรักษาสมดุลอุณหภูมิ
  • 50.  รักษา pH พลาสมาให้อยู่ที่ประมาณ 7.4 มี 3 กระบวนการ  ระบบหายใจ: มี CO2 หรือ H+ เป็นตัวกระตุ้นพอนส์และเมดัลลา  ระบบขับถ่าย: ใช้ไต เช่นการขับ H+ ออกหรือดูดกลับ HCO3 - เข้า  ระบบบัฟเฟอร์: สารเคมีในเลือดทาปฏิกิริยาเพื่อปรับ pH เช่น คู่สาร H2CO3 / HCO3 - คู่สาร H2PO4 - / HPO4 2- หรือโปรตีน เช่น hemoglobin  กาลังในการรักษา pH: ไต (ออกเยอะ) > หายใจ (ออกทีละน้อย) > บัฟเฟอร์ (ปฏิกิริยาเคมี)  ความเร็วในการรักษา pH: บัฟเฟอร์ (วินาที) > หายใจ (นาที) > ไต (ชั่วโมง) การรักษาสมดุลกรดเบส