ตามรอยบูรพาจารย์ 9
- 3. อย่าไปข่มความรู้สึก อย่าไปบังคับจิตให ้สงบ
นึกพุทโธๆๆเอาไว ้อย่าไปนึกว่าเมื่อใดจิตจะสงบ
เมื่อใดจิตจะรู้เมื่อใดจิตจะสว่าง ให ้กาหนดรู้ลงทีจิต
อย่างเดียว นึกพุทโธๆๆ พุทโธก็อยู่กับจิต
จิตก็อยู่กับพุทโธ เมื่อมีการตั้งใจนึกพุทโธ
สติสัมปชัญญะจะมาเอง หน้าที่เพียงนึกพุธโธๆๆไว ้
จนกว่าจะถึงเวลาอันสมควร จิตจะสงบหรือไม่สงบ
ไม่สาคัญ ให ้เรานึกพุทโธไว ้โดยไม่ขาดระยะเป็น
เวลานานๆจนกระทั่งจิตมันคล่องตัว
ต่อการนึกพุทโธ
ในที่สุด
จิตจะนึกพุทโธๆๆเองโดยไม่ได ้ตั้งใจ
เมื่อจิตนึกพุทโธเองโดยไม่ได ้ตั้งใจ
แสดงว่าการภาวนาของเรากาลังจะได ้ผลแล ้ว
ในเมื่อจิตนึกอยู่ที่พุทโธๆๆ พุทโธก็เป็นเครื่องรู้ของ
จิต เครื่องระลึกของสติ เมื่อจิตมีเครื่องรู้สติมีเครื่อง
ระลึก ผู้ปฏิบัติตั้งใจปฏิบัติให ้มากๆ กระทาให ้มากๆ
ในที่สุดจิตจะเกิดความสงบ
หลวงพ่อพุธ ฐานิโย
- 9. สมาธิเป็นกาลังสาคัญมาก ถ ้า
ไม่มีสมาธิแล ้ววิปัสสนาจะเอา
กาลังมาจากไหน ปัญญา
วิปัสสนามิใช่เป็นของจะพึง
แต่งเอาได ้เมื่อไร แต่เกิดจาก
สมาธิที่หัดได ้ชานิชานาญ
มั่นคงดีแล ้วต่างหาก
ถึงผู้ได ้สุกขวิปัสสโกก็เถิด ถ ้า
ไม่สมถะแล ้วจะเอาวิปัสสนามา
จากไหน เป็นแต่สมถะของ
ท่านไม่คล่องเท่านั้น อย่างนี้
พอฟังได ้
1/3
- 10. ผู้ปฏิบัติทั้งหลาย
เมื่อได ้ทาสมาธิให ้มั่นคง
แน่นหนาดีแล ้ว
จนกระทั่งจะเข ้าจะออกก็ได ้
จะอยู่ให ้นานๆ และพิจารณา
กายอันนี้ให ้เป็นอสุภะหรือ
เป็นธาตุก็ได ้พิจารณาคนใน
โลกนี้ทั้งหมดให ้เป็นโครง
กระดูกทั้งหมดก็ได ้หรือ
พิจารณาให ้เห็นในโลกนี้
ทั้งหมดว่างเป็นอัชฌัตตา
กาศว่างเปล่าไปหมดก็ได ้
ฯลฯ
2/3
- 11. จิตผู้มีอสุภะเต็มที่แล ้ว
ไม่ว่าจะยืน เดิน นั่ง นอน
ย่อมเป็นสมาธิอยู่ตลอดเวลา
แล ้วก็มองเห็นกิเลสของตน
ซึ่งเกิดจากจิตของตนได ้ชัดเจนว่ากิเลส
คือ ความโลภ ความโกรธ ความหลง
มันเกิดจากสิ่งนี้ๆและมันตั้งอยู่ได ้ด ้วย
อาการอย่างนี้ๆ
แล ้วหาอุบายละด ้วยอย่างนี้ๆ
เหมือนกับน้าในสระที่ขุ่นมาเป็นร้อยๆปี
เพิ่งมาใสสะอาดมองเห็นสิ่งสารพัด
ที่มีอยู่ก ้นสระว่า
แต่ก่อนแต่ไรเราไม่นึกไม่คิดเลยว่า
ในก ้นสระมันจะมีของเหล่านี้ นั้นเรียกว่า
วิปัสสนาคือความรู้ความเห็นตามสภาพ
จริง มันเป็นจริงอย่างไรก็เห็นตามความ
เป็นจริงอย่างนั้น ไม่วิปริตผิดแปลกจาก
ความเป็นจริงของมัน
3/3