Más contenido relacionado
La actualidad más candente (20)
Similar a โครงงานเปรียบเทียบเครื่องดนตรีไทยกับเครื่องดนตรีในประเทศกลุ่มสมาชิกอาเซียน (14)
โครงงานเปรียบเทียบเครื่องดนตรีไทยกับเครื่องดนตรีในประเทศกลุ่มสมาชิกอาเซียน
- 3. Krapeu หรือที่เรียกว่า กรอเปอ เป็นเครื่องดนตรีที่มีรูปร่างเหมือนจะเข้ ประดับด้วย
ลวดลายมีสายสามสายสาหรับดีด คาว่า Krapeu ในภาษากัมพูชาหมายถึง กรอเปอ เป็น
เครื่องดนตรีคลาสสิคของกัมพูชาสมัยปัจจุบัน มักจะมี 3 หรือ 5 ขารองรับตัวเครื่อง เมื่อ
แสดงผู้เล่นจะนั่งข้างเครื่องดนตรี มือซ้ายดีดพิณขึ้นและลง ขณะที่มือขวาดึงด้วยการใช้ไม้ดีด
กรอเปอจะใช้สาหรับเป็นเครื่องดนตรีในงานแต่งงาน
- 4. ลักษณะของ กรอเปอ กับ จระเข้ ไทยนั้นมีความคล้ายคลึงกันแต่ที่จะแตกต่างกันก็คือ
ขนาดและสัดส่วนของกรอเปอนั้นจะใหญ่กว่าจระเข้ของไทยด้านปลายจะเชิดแหลมส่วน
จระเข้ของไทยเรานั้นด้านปลายจะไม่เชิดแหลม และอีกส่วนที่แตกต่างกันนั้นก็คือ นม นม
ของกรอเปอนั้นมี่จานวน 12 นม ส่วนนมของจระเข้ไทยนั้นมี11นม
การบรรเลง ส่วนในเรื่องของการบรรเลงนั้นเหมือนกันแต่การดีดนั้นจะไม่เหมือนของไทย
ตรงการนาไม้ดีดเข้าดีดออก
คล้ายกับจะเข้ของไทย
- 8. คล้ายกับซอด้วงของไทย
ซอด้วงเป็นซอสองสาย มีเสียงแหลม ก้องกังวาน ซอด้วงนั้น แต่เดิมใช้กระบอกไม้ไผ่มาทา
กะโหลกของซอด้วงนี้ปัจจุบันใช้ไม้จริงหรืองาช้าง แต่ที่นิยมนั้น กะโหลกซอด้วงต้องทาด้วย
ไม้ไม้เนื้อแข็ง ส่วนหน้าซอนิยมใช้หนังงูเหลือมขึง เพราะทาให้เกิดเสียงแก้วเกิดความไพเราะ
อย่างยิ่ง ลักษณะของซอด้วงมีรูปร่างเหมือนกับซอของจีนที่เรียกว่า ฮู – ฉิน (Huchin) ทุก
อย่าง เหตุที่เรียกว่า ซอด้วง ก็เพราะมีรูปร่างคล้ายเครื่องดักสัตว์ เพราะตัวด้วงดักสัตว์ ทา
ด้วยกระบอกไม้ไผ่เหมือนกัน จึงได้เรียกชื่อไปตามลักษณะนั้น
- 11. สรอไฬโตจ สรอไฬธม เป็นเครื่องดนตรีโบราณประเภทเครื่องเป่าของกัมพูชา เปรียบได้
กับปี่นอกปี่ในของไทย นิยมเล่นกันในวงพิณพาทย์และวงดนตรีอื่นๆ มาตั้งแต่ก่อนสมัยนคร
วัด โดยมีหลักฐานเป็นภาพจารึกบนฝาผนังของนครวัดนครธมมากมาย
การเป่าสรอไฬโตจ สรอไฬธมมีความยากลาบากมากเนื่องจากนักดนตรีต้องเลี้ยงลมหายใจไว้
ไม่ให้ขาดตอน วิธีการถือเครื่องดนตรีขึ้นกับความถนัด บ้างก็ใช้มือขวาอยู่บน บ้างก็ใช้มือซ้าย
อยู่บน ไม่กาหนดวิธีการตายตัว
- 12. ปี่ใน ของชาวเขมร ( สรอไฬธม ) กับปี่ในของชาวไทยนั้นรูปร่างลักษณะนั้นมีความ
คล้ายคลึงกันอย่างมากแต่ที่จะแตกต่างจากปี่ในของไทยก็คือรูปแบบลักษณะของการ
บรรเลง คือการเป่าไปในทางดาเนินทานองหลัก แต่ปี่ของไทยเรานั้นจะไม่เป่าดาเนินทานอง
หลัก แต่จะมีทานองเป็นเอกลักษณ์ประจาของตัวเองหรือตามหลักศัพท์สังคีตของไทยที่นัก
ดนตรีไทยรู้จักในคาว่าทางเก็บ แต่ที่ยังคงมีความคล้ายคลึงกันก็คือ การเป่าโหย และการ
พรมนิ้ว ( คือการเป่าโดยใช้นิ้วขยับเพื่อบังคับเสียงให้เป็นเสียงสั่นโดยเร็วแต่ไม่ถึงกับเร็ว
มาก) จากที่ได้อธิบายให้เห็นจะเห็นว่ามีความคล้ายคลึงกันมาก
คล้ายกับปี่ในของไทย
- 15. พิณ เป็นเครื่องดนตรีประเภทเครื่องสายแบบหนึ่ง มีหลายชนิดแตกต่างตามท้องที่ ในภาคอีสาน
ของประเทศไทย พิณอาจมีชื่อเรียกแตกต่างกันไปตามท้องถิ่น เช่น "ซุง" หรือ "เต่ง" จัดเป็น
เครื่องดนตรีประเภทเครื่องสาย มีรูปร่างคล้ายกีตาร์แต่มีขนาดเล็กกว่า โดยทั่วไปมี 3 สาย ใน
บางท้องถิ่นอาจมี 2 หรือ 4 สาย บรรเลงโดยการดีดด้วยวัสดุทีเป็นแผ่นบาง เช่นไม้ไผ่เหลา หรือ
อาจใช้ปิ้กกีตาร์ดีดก็ได้ สมัยก่อนจะเล่นเครื่องเดียวเพื่อเกี้ยวสาว ปัจจุบันมักใช้บรรเลงในวง
ดนตรีโปงลาง วงดนตรีลาซิ่ง หรือวงดนตรีลูกทุ่ง
คล้ายกับพิณและกระจับปี่ของไทย
- 16. กระจับปี่ เป็นพิณชนิดหนึ่ง มี ๔ สาย กระพุ้งพิณมีลักษณะ เป็นกล่องแบน รูปทรงสี่เหลี่ยม
คางหมูมุมมนด้านหน้าทาเป็นช่อง ให้เสียงกังวาน ทวนทาเป็นก้านเรียวยาวและกลมกลึงปลาย
แบน และงอนโค้งไปด้านหลัง ตรงปลายทวนมีลิ่มสลักเป็นลูกบิดไม้ สาหรับขึ้นสาย ๔ ลูก สาย
ส่วนมากทาด้วยสายเอ็น หรือลวดทองเหลือง ตลอดแนวทวนด้านหน้าทาเป็น "สะพาน"หรือ
นม ปักทาด้วยไม้ เขาสัตว์หรือกระดูกสัตว์ สาหรับหมุนสายมี ๑๑ นมกระจับปี่พัฒนามาจาก
เครื่องดนตรีประเภทหนึ่งของอินเดีย มีต้นกาเนิดจากการดีดสายธนูตามหลักฐานพบว่า
กระจับปี่มีมาตั้งแต่ สมัยสุโขทัย
- 25. ปี่นอกจะมีการกลึงวัสดุให้เป็นเลายาว กลางป่อง บานที่ปลายขลุ่ย แกะลวดลายเป็นเกลียวง
เพื่อให้จับถนัดมือ ด้านในเลาขลุ่ยเจาะกลึงให้เป็นช่องทะลุกันหมด เจาะรู 6 รูสาหรับควบคุมคีย์
สูงต่าของเสียง ส่วนด้านสาหรับเป่านั้นเจาะเป็นช่องเสียบลิ้นปี่ หรือส่วนที่ทาให้เกิดเสียง ทาจาก
โลหะเล็กๆ เรียกว่ากาพวด ซึ่งต้องเอาไปประกอบกับช่องเป่าที่ทาไว้ จึงจะสามารถทาให้เกิดเสีย
ได้เมื่อลมผ่านเข้าไป เสียงของปี่นอกจะออกแนวแหลม ดัง มีความเกรี้ยวกราดมากกว่าขลุ่ย
คล้ายกับปี่นอกของไทย
- 27. Gandingan เป็นชุดของฆ้องแขวนขนาดใหญ่ 4 อัน ใช้เล่นเป็นส่วนหนึ่งของวงมโหรี
Kulintang เมื่อรวมเข้ากับวงแล้ว Gangingan จะมีหน้าที่เป็นเครื่องดนตรีชิ้นที่สองเล่น
หลังจากเครื่องดนตรีทานองหลัก เมื่อเล่น Gandingan เดี่ยว ๆ จะเป็นสัญญาณสื่อสารโดย
ส่งข้อความหรือคาเตือนในระยะไกล
- 30. Rebab มีส่วนประกอบออกเป็น 4 ส่วน คือส่วนยอด ส่วนลาตัว ส่วนกะโหลก และคัน
ชักเป็นเครื่องดนตรีพื้นเมืองของชาวมาเลย์ประเภทเครื่องดีดสามสาย ส่วนโค้งของ
ตัวเครื่องที่ยื่นออกไปเป็นไม้เนื้อแข็งรูปสามเหลี่ยม มักจะทาจากไม้ของต้นขนุน
ด้านหน้าตัวเครื่องปิดด้วยแผ่นกระเพาะด้านในของวัว ใช้ก้อนขี้ผึ้งเล็กๆยึดกับส่วนตัว
เครื่องด้านบนทางซ้ายมือเพื่อขึงหน้าให้ตึง
- 37. โปงลาง มีลักษณะวิธีการบรรเลงคล้ายกับระนาดเอก คือนาท่อนไม้ หรือ
กระบอกไม้มาร้อยติดกันเป็นผืน และใช้ไม้ตีเป็นทานองเพลง แขวนตี กับเสา
บ้าง ขึงบนรางบ้าง หรือบางทีก็ผูกติดกับตัวผู้บรรเลง เครื่องดนตรีชนิดนี้พบ
ทั่วไปในหลายประเทศ สาหรับในประเทศไทยพบในแถบภาคอีสาน และเรียก
เครื่องดนตรีนี้หลายชื่อด้วยกัน
- 38. ระนาด สันนิษฐานว่าเกิดการ การดัดแปลงของกรับ ลักษระของระนาดนั้น
เป็นท่อนไม้เหลาแบน หนา แล้วนามาร้อยด้วยเชือกเข้าด้วยกัน จากนั้นจึง
นาไปผูกติดกับฐานที่เป็นไม้อีกหนึ่ง เสียงของระนาดนั้นจะให้เสียงที่ทุ้ม
หวาน ใช้เล่นนาในเพลงต่างๆ
- 39. พิณ เป็นเครื่องดนตรีประเภทเครื่องสายแบบหนึ่ง มีหลายชนิดแตกต่างตามท้องที่ ในภาคอีสาน
ของประเทศไทย พิณอาจมีชื่อเรียกแตกต่างกันไปตามท้องถิ่น เช่น "ซุง" หรือ "เต่ง" จัดเป็น
เครื่องดนตรีประเภทเครื่องสาย มีรูปร่างคล้ายกีตาร์แต่มีขนาดเล็กกว่า โดยทั่วไปมี 3 สาย ใน
บางท้องถิ่นอาจมี 2 หรือ 4 สาย บรรเลงโดยการดีดด้วยวัสดุทีเป็นแผ่นบาง เช่นไม้ไผ่เหลา หรือ
อาจใช้ปิ้กกีตาร์ดีดก็ได้ สมัยก่อนจะเล่นเครื่องเดียวเพื่อเกี้ยวสาว ปัจจุบันมักใช้บรรเลงในวง
ดนตรีโปงลาง วงดนตรีลาซิ่ง หรือวงดนตรีลูกทุ่ง
- 43. Dan nhi เป็นเครื่องดนตรีประเภทเครื่องสาย (เครื่องสี) มีลักษณะคล้ายซอด้วงของไทยมี
เสียงสูงต่าที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ Dan nhi มี สาย 2 สาย ขึงบนกล่องเสียงที่มีลักษณะยาว
สายทามาจากไหมถัก และที่หุ้มกล่องเสียงทามาจากหนังงู แต่ในปัจจุบันเครื่องสายแบบนี้มัก
ทาจากลวดและกล่องเสียงไม้ เวลาเล่นจะวางไว้บนเข่าของนักดนตรี
- 44. คล้ายกับซอด้วงของไทย
ซอด้วงเป็นซอสองสาย มีเสียงแหลม ก้องกังวาน ซอด้วงนั้น แต่เดิมใช้กระบอกไม้ไผ่มาทา
กะโหลกของซอด้วงนี้ปัจจุบันใช้ไม้จริงหรืองาช้าง แต่ที่นิยมนั้น กะโหลกซอด้วงต้องทาด้วย
ไม้ไม้เนื้อแข็ง ส่วนหน้าซอนิยมใช้หนังงูเหลือมขึง เพราะทาให้เกิดเสียงแก้วเกิดความไพเราะ
อย่างยิ่ง ลักษณะของซอด้วงมีรูปร่างเหมือนกับซอของจีนที่เรียกว่า ฮู – ฉิน (Huchin) ทุก
อย่าง เหตุที่เรียกว่า ซอด้วง ก็เพราะมีรูปร่างคล้ายเครื่องดักสัตว์ เพราะตัวด้วงดักสัตว์ ทา
ด้วยกระบอกไม้ไผ่เหมือนกัน จึงได้เรียกชื่อไปตามลักษณะนั้น
- 50. Dizi เป็นขลุ่ยจีนดั้งเดิมมีปุ่ม 3 ปุ่ม อาจจะมีแผ่นบาง ๆ เพื่อปิดรูไว้เพื่อทาให้
เกิดเสียงรัว เชื่อกันว่า Dizi นามาจากทิเบตในช่วงยุคราชวงค์ฮั่นและตั้งแต่นั้น
มาก็มีการใช้ในประเทศจีนมา เป็นเวลากว่า 2 พันปีแล้ว ผู้เล่นจะมีเทคนิคใน
การเป่ามากมาย ซึ่งก็จะทาให้เกิดเสียงที่แตกต่างกันไป
- 51. ขลุ่ยเพียงออ เป็นเครื่องดนตรีไทย ประเภทเครื่องเป่าชนิดไม่มีลิ้น ทาจากไม้รวกปล้องยาวๆ
ด้านหน้าเจาะรูเรียงกัน สาหรับปิดเปิดเพื่อเปลี่ยนเสียง ตรงที่เป่าไม่มีลิ้นแต่มีดาก รูปร่างของขลุ่ย
เมือพิจารณาแล้วจะเป็นเครื่องดนตรีที่เก่าแก่ที่สุดชนิดหนึ่ง จากหลักฐานที่พบขลุ่ยในหีบศพ
ภรรยาเจ้าเมืองไทยที่ริมฝั่งแม่น้าฮวงเหอ ซึ่งมีหลักฐานจารึกศักราชไว้ไม่ต่ากว่า ๒,๐๐๐ ปี
ปัจจุบันขลุ่ยมีราคาสูง เนื่องจากไม้รวกชนิดที่ทาขลุ่ยมีน้อยลงและใช้เวลาทามากจึงใช้วัตถุอื่นมา
เจาะรูซึ่งรวดเร็วกว่า เช่น ไม้เนื้อแข็ง ไม้ไผ่ ไม้ชิงชัน ไม้พยุง บางครั้งอาจทาจากท่อพลาสติกแต่
คุณภาพเสียงไม่ดีเท่าขลุ่ยไม้ ขลุ่ยที่มีเสียงไพเราะมากส่วนใหญ่จะเป็นขลุ่ยผิวไม้แห้งสนิท
คล้ายกับขลุ่ยเพียงออของไทย
- 54. คล้ายกับซอด้วงของไทย
ซอด้วงเป็นซอสองสาย มีเสียงแหลม ก้องกังวาน ซอด้วงนั้น แต่เดิมใช้กระบอกไม้ไผ่มาทา
กะโหลกของซอด้วงนี้ปัจจุบันใช้ไม้จริงหรืองาช้าง แต่ที่นิยมนั้น กะโหลกซอด้วงต้องทาด้วย
ไม้ไม้เนื้อแข็ง ส่วนหน้าซอนิยมใช้หนังงูเหลือมขึง เพราะทาให้เกิดเสียงแก้วเกิดความไพเราะ
อย่างยิ่ง ลักษณะของซอด้วงมีรูปร่างเหมือนกับซอของจีนที่เรียกว่า ฮู – ฉิน (Huchin) ทุก
อย่าง เหตุที่เรียกว่า ซอด้วง ก็เพราะมีรูปร่างคล้ายเครื่องดักสัตว์ เพราะตัวด้วงดักสัตว์ ทา
ด้วยกระบอกไม้ไผ่เหมือนกัน จึงได้เรียกชื่อไปตามลักษณะนั้น
- 56. Pipa บางครั้งเรียก ขลุ่ยจีน มีรูปร่างเหมือนผลแพร์ ใช้เป็นเครื่องดนตรีมาเป็น
เวลายาวนานกว่า 2 พันปีในจีน วิธีการเล่น คือใช้ทุกนิ้วข้างขวายกเว้น
นิ้วหัวแม่มือกดสายจากขวาไปซ้าย และใช้นิ้วหัวแม่มือขวาดีดจากซ้ายไปขวา เมื่อ
เริ่มแรกสายจะถูกดีดด้วยปิ๊กอันใหญ่ จากนั้นก็ค่อยๆเปลี่ยนมาใช้นิ้วข้างขวาแทน
- 57. พิณ เป็นเครื่องดนตรีประเภทเครื่องสายแบบหนึ่ง มีหลายชนิดแตกต่างตามท้องที่ ในภาคอีสาน
ของประเทศไทย พิณอาจมีชื่อเรียกแตกต่างกันไปตามท้องถิ่น เช่น "ซุง" หรือ "เต่ง" จัดเป็น
เครื่องดนตรีประเภทเครื่องสาย มีรูปร่างคล้ายกีตาร์แต่มีขนาดเล็กกว่า โดยทั่วไปมี 3 สาย ใน
บางท้องถิ่นอาจมี 2 หรือ 4 สาย บรรเลงโดยการดีดด้วยวัสดุทีเป็นแผ่นบาง เช่นไม้ไผ่เหลา หรือ
อาจใช้ปิ้กกีตาร์ดีดก็ได้ สมัยก่อนจะเล่นเครื่องเดียวเพื่อเกี้ยวสาว ปัจจุบันมักใช้บรรเลงในวง
ดนตรีโปงลาง วงดนตรีลาซิ่ง หรือวงดนตรีลูกทุ่ง
คล้ายกับพิณและกระจับปี่ของไทย
- 58. กระจับปี่ เป็นพิณชนิดหนึ่ง มี ๔ สาย กระพุ้งพิณมีลักษณะ เป็นกล่องแบน รูปทรงสี่เหลี่ยม
คางหมูมุมมนด้านหน้าทาเป็นช่อง ให้เสียงกังวาน ทวนทาเป็นก้านเรียวยาวและกลมกลึงปลาย
แบน และงอนโค้งไปด้านหลัง ตรงปลายทวนมีลิ่มสลักเป็นลูกบิดไม้ สาหรับขึ้นสาย ๔ ลูก สาย
ส่วนมากทาด้วยสายเอ็น หรือลวดทองเหลือง ตลอดแนวทวนด้านหน้าทาเป็น "สะพาน"หรือ
นม ปักทาด้วยไม้ เขาสัตว์หรือกระดูกสัตว์ สาหรับหมุนสายมี ๑๑ นมกระจับปี่พัฒนามาจาก
เครื่องดนตรีประเภทหนึ่งของอินเดีย มีต้นกาเนิดจากการดีดสายธนูตามหลักฐานพบว่า
กระจับปี่มีมาตั้งแต่ สมัยสุโขทัย
- 59. Guzheng เป็นเครื่องดนตรีดั้งเดิมของจีน เป็นแม่แบบของ koto เครื่องดนตรีญี่ปุ่น yatga
เครื่องดนตรีของมองโกเลีย และ Kayageum เครื่องดนตรีของเกาหลีแม่แบบของ Guzheng
คือ se (เครื่องดนตรีประเภทสายโบราณของจีน) สายของมันแต่เดิมแล้วทาด้วยไหม จากนั้น
ก็เปลี่ยนเป็นสายโลหะและเหล็กที่พันด้วยไนลอนตามลาดับ จานวนสายของ Guzheng จะมี
จานวนไม่แน่นอนอย่างน้อยที่สุดมี 6 เส้น หรือมากที่สุด 23 เส้น
- 60. จะเข้ เป็นเครื่องดนตรีไทยประเภทหนึ่ง ที่สันนิษฐานกันว่าได้รับอิทธิพลมาจากมอญ มี
ลักษณะยาวรี ตัวใหญ่ ตัวจะเข้มักทาจากไม้แก่นขนุนขุด ด้านในกลวงเพื่อสะท้อนเสียง ส่วน
ของสายนั้นทาจากเอ็น เส้นไหม และ ลวดทองเหลือง (จะเข้มี 3 สาย) มีตัวดีดที่ทาให้เกิด
เสียงเป็นทานองตามคีย์ต่างๆ สันนิษฐานกันว่า จะเข้พัฒนามาจากพิณ ซึ่งเป็นเครื่องดนตรี
ไทยประเภทเครื่องสายอีกประเภทหนึ่ง มักมีการใช้จะเข้ในการบรรเลงเพลงในวงมโหรี
สมัยก่อนมักเล่นคู่กับกระจับปี่
คล้ายกับจะเข้ของไทย
- 62. ขิม คือเครื่องดนตรีประเภทเครื่องตี ที่ใช้สายโลหะขึงอยู่บนกล่องเสียง ตัวขิมทาด้วยไม้ มี
ลักษณะกลวงอยู่ภายใน ด้านบนขึงสายทองเหลืองเรียงสลับกันเป็นแถวๆตามแนวนอน มี
ด้วยกันทั้งหมด 14 แถว แถวละ 3 สาย รวมสายขิมทั้งหมด 42 สายที่นิยมใช้สายทองเหลือง
เพราะมีสาเนียงกังวานไพเราะดี สายขิมทุกสายมีหมุดทองเหลืองยึดอยู่ทั้ง 2 ด้าน ด้านละ 42
ตัว หมุดทางด้านขวามือของผู้บรรเลงใช้หมุนสาหรับเทียบเสียงได้ ส่วนหมุดทางด้านซ้ายมือใช้
สาหรับยึดสายขิมเท่านั้นบนพื้นของตัวขิมมี "หย่อง" 2 อันทาหน้าที่ถ่ายทอดแรงสะเทือนจาก
สายขิมลงไปสู่ตัวขิม
คล้ายกับขิมของไทย
- 67. ผู้จัดทา
นางสาวชนม์นิภา ตระกูล เลขที่ ๑๐
นางสาวพรนภา โชติรัตน์ เลขที่ ๒๑
นางสาวพิชาดา กิตติวงศธร เลขที่ ๒๓
นางสาวอิสรีย์ ศรีมหาพรหม เลขที่ ๒๗
นางสาวศริณญา คาสาลี เลขที่ ๒๘
นางสาวศริญญา ศรีพรม เลขที่ ๒๙
ชั้นมัธยมศึกษาปี่ที่ 5/5
โรงเรียนกาแพงเพชรพิทยาคม