Más contenido relacionado
La actualidad más candente (20)
Similar a Malaysia (ประเทศมาเลเซีย) (20)
Más de Ritthiporn Lekdee (8)
Malaysia (ประเทศมาเลเซีย)
- 2. แบ่งออกเป็น 2 ส่วน
ส่วนแรกคือ คาบสมุทรมลายู หรือ
มาเลเซียตะวันตก มีพรมแดนทางทิศเหนือ
ติดประเทศไทย และทิศใต้ติดกับสิงคโปร์
ส่วนที่สองคือ ตอนเหนือของเกาะบอร์เนียว
หรือ มาเลเซียตะวันออก มีพรมแดนทางทิศ
ใต้ติดอินโดนีเซีย และมีพรมแดนล้อมรอบ
ประเทศบรูไน
- 6. พื้นที่ : 329,758 ตารางกิโลเมตร
เมืองหลวง : กรุงกัวลาลัมเปอร์
เมืองราชการ : เมืองปุตราจายา
ภูมิอากาศ : ร้อนชื้น อุณหภูมิเฉลี่ย 28 องศาเซลเซียส
ประชากร : จานวน 26.24 ล้านคน
- 7. ภาษา : ภาษาราชการ คือ
ภาษามาเลย์ นอกจากนี้
มีการใช้ภาษาอังกฤษ
จีน และทมิฬ
ศาสนา :
อิสลาม
(ศาสนาประจาชาติ ร้อยละ 60.4)
พุทธ (ร้อยละ 19.2)
คริสต์ (ร้อยละ 11.6)
ฮินดู (ร้อยละ 6.3) อื่น ๆ (ร้อยละ 2.5)
หน่วยเงินตรา :
ริงกิตมาเลเซีย
ประมาณ 3.20 ริงกิต =
1 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ
ประมาณ 10.42 บาท = 1 ริงกิต
- 10. สินค้าเกษตร : คาบสมุทรมาเลเซีย – ยางพารา, น้ามันปาล์ม, โกโก้, ข้าว ซาบาห์ - พืชทดแทน, ยาง,
ไม้สัก, มะพร้าว, ข้าว ซาราวัค - ยางพารา, พริกไทย, ไม้สัก
สินค้าอุตสาหกรรม : คาบสมุทรมาเลเซีย – การผลิตและแปรรูปยางพาราและน้ามันปาล์ม อุตสาหกรรม
การผลิต ขนาดเบา อิเลคทรอนิคส์ เหมืองดีบุก ไม้ การแปรรูปไม้สัก ซาบาห์ – ป่าไม้, การผลิตปิโตรเลียม
ซาราวัค – การแปรรูปสินค้าเกษตร, การผลิตและกลั่นปิโตรเลียม, ป่าไม้
ดุลบัญชีเดินสะพัด (Current Account Balance) : 14.06 พันล้านเหรียญสหรัฐ (2548)
เงินสารองเงินตราต่างประเทศ : 70.23 พันล้านเหรียญสหรัฐ (2548)
หนี้จากต่างประเทศ : 52.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ (2548)
สาขาการผลิตที่สาคัญ
- 13. ได้แก่ ดินแดนที่อยู่ในคาบสมุทรมลายูหรือมลายา ติดชายแดนทางใต้
ของประเทศไทย มีเนื้อที่ประมาณ50,800 ตารางไมล์ ประกอบด้วยรัฐต่าง ๆ 11 รัฐ
ตอนกลางเป็นที่ราบสูง มีภูเขาใหญ่หลายเทือกปกคลุมด้วยป่าทึบบริเวณกว้างขวาง
แถบริมฝั่งทะเลทั้ง 2 ข้างเป็นที่ราบ ดินอุดมสมบูรณ์ ชายฝั่งทะเลตะวันตกเป็นหาดเลนยาว
พื้นที่มีหล่มบึงมาก ส่วนด้านตะวันออกเป็นหาดทรายยาวเหยียด ไม่เหมาะแก่การเป็นท่าเรือ
ตะวันตก
- 14. ได้แก่ ดินแดนทางภาคเหนือของเกาะบอร์เนียว มีเนื้อที่ประมาณ 70,200
ตารางไมล์ ประกอบด้วยรัฐ 2 รัฐคือ ซาราวัก และซาบาห์ (บอร์เนียวเหนือ)
พื้นที่โดยทั่วไปเป็นที่สูง ประกอบด้วยป่าทึบและภูเขาสูงใหญ่ บางยอดเขาสูงเกินกว่าหมื่นฟุต
มีที่ราบขนาดย่อมอยู่ตามริมฝั่งทะเล แม่น้ามักเป็นสายสั้นๆ และไหลเชี่ยวผ่านหุบเขาที่แคบ
และลาดชันไปออกทะเลทางทิศตะวันตก
ตะวันออก
- 19. ความเป็นมาของธงชาติประเทศมาเลเซีย
สาหรับธงชาติประเทศมาเลเซียนั้น ตามประวัติความเป็นมา ปรากฏว่ามีการปรับเปลี่ยนธงชาติจานวน 3
ช่วงและ 3 รูปแบบด้วยกัน โดยล่าสุดคือในช่วงปี พ.ศ.2506 ประเทศมาเลเซียมีการปรับเปลี่ยนและแก้ไข
แบบธงชาติให้เป็นธงชาติที่ถูกใช้อยู่ในรูปแบบปัจจุบัน ซึ่งมีชื่อว่ายาลูร์ เกลิมัง (Jalur Gemilang) หรือ
“ธงริ้วแห่งเกียรติศักดิ์” ถูกออกแบบโดยโมฮัมเม็ดฮัมซาห์ โดยธงชาติแบบปัจจุบันจะสามารถสังเกตุเห็น
ได้อย่างชัดเจนว่า มีการเพิ่มเติมแถบแดงสลับขาวเป็นจานวน 14 แถบด้วยกัน และมีการเพิ่มเติมรัศมีดารา
แห่งสหพันธ์เพิ่มเป็น 14 แฉกเช่นกัน เนื่องจากต้องการสื่อและแทนรัฐในสหพันธ์ทั้ง 14 รัฐในประเทศ
มาเลเซีย เพราะประเทศมาเลเซียได้รับเอารัฐซาบาห์ รัฐซาราวัก และรัฐสิงคโปร์เข้าร่วมสหพันธ์ใน
ภายหลังด้วย แม้ว่าต่อมาประเทศสิงคโปร์จะมีการแยกตัวออกไป เพื่อประกาศเป็นเอกราชในภายหลัง
ในช่วงปี พ.ศ. 2508 แล้วก็ตาม แต่ประเทศมาเลเซียก็ได้มีการเปลี่ยนความหมายของรัฐสิงคโปร์เป็น
รัฐบาลกลางที่กรุงกัวลาลัมเปอร์แทน
- 20. ลักษณะและความหมายของธงชาติ
ลักษณะของธงชาติยาลูร์ เกลิมัง (Jalur Gemilang) หรือ “ธงริ้วแห่งเกียรติศักดิ์” ของ
ประเทศมาเลเซียนั้น จะเป็นธงชาติสี่เหลี่ยมผืนผ้ามีขนาดกว้างประมาณ 1 ส่วน และยาว 2
ส่วนเท่านั้น โดยธงชาตินี้จะมีพื้นธงเป็นสีแดงสลับกับพื้นสีขาวทั้งหมด 14 แถบ แต่ละแถบ
สีจะมีความกว้างเท่ากันหมด ส่วนตรงมุมธงชาติตรงด้านคันธงจะมีรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีน้า
เงินที่มีขนาดกว้าง 8 ใน 14 ส่วนของผืนธงด้านกว้าง ส่วนความยาวจะยาวกึ่งหนึ่งของผืน
ธงในด้านยาว ภายในพื้นผ้าสีน้าเงินนี้จะมีเครื่องหมายพระจันทร์เสี้ยวและดาว 14 แฉกอยู่
ซึ่งมีชื่อว่า ดาราสหพันธ์
- 21. สัญลักษณ์และสีต่าง ๆ บนตัวธงชาติจะมีความหมายต่าง ๆ ดังนี้
- แถบริ้วพื้นสีแดงและพื้นสีขาว มีด้วยกัน 14 แถบ ซึ่งจะสื่อและให้ความหมายถึงสถานะอันเสมอภาคของรัฐทั้ง 13 รัฐ
ภายในประเทศ และรัฐบาลกลางที่กรุงกัวลาลัมเปอร์
- ดาวที่มี 14 แฉก สื่อและให้ความหมายในเรื่องของความเป็นเอกภาพในหมู่รัฐทั้ง 14 รัฐภายในประเทศมาเลเซีย
- รูปพระจันทร์เสี้ยว สื่อและให้ความหมายถึง ศาสนาประจาชาติของประเทศมาเลเซียอันได้แก่ ศาสนาอิสลาม
- สีเหลืองในพระจันทร์เสี้ยว พร้อมทั้งดาราสหพันธ์ ซึ่งสีเหลืองคือสีแห่งยังดี เปอร์ตวน อากง ผู้เป็นประมุขแห่งสหพันธรัฐ
- พื้นสีน้าเงิน สื่อและให้ความหมายในส่วนของ ความสามัคคีทั้งหมดของชาวมาเลเซีย
- 22. เพลงชาติของสหพันธรัฐมาเลเซีย
ชื่อว่า "เนการากู" (โรมัน: Negaraku, ยาวี: ,نڬاراكوแปลว่า "แผ่นดินของข้า")
เพลงนี้ได้รับเลือกให้เป็นเพลงชาติมาเลเชียเมื่อสหพันธรัฐมาลายาได้รับเอกราชจากสหราชอาณาจักรในปี
พ.ศ. 2500 ทานองเพลงนี้เดิมใช้เป็นเพลงสรรเสริญประจารัฐเประ ซึ่งเพลงนี้ได้หยิบยืมทานองมาจาก
เพลงฝรั่งเศสที่มีชื่อว่า "ลา โรซาลี" (La Rosalie) อีกชั้นหนึ่ง ผู้ประพันธืทานองเพลงนี้คือ
ปีแยร์-ฌอง เดอ เบรังเยร์ (Pierre-Jean de Béranger)
ชาวฝรั่งเศสผู้มีชีวิตอยู่ระหว่างปี พ.ศ. 2323 - 2400
- 23. ประมุขของประเทศ
สมเด็จพระราชาธิบดี สุลตาน มุซตาซีมุ บิลลาฮ์ อับดุล ฮาลิม มุอัซซัม ชาฮ์ อิบนี อัลมาร์ฮุม สุลตาน บาดิร ชาฮ์
ทรงเป็นสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งมาเลเซียลาดับที่ 5 และ 14
และสุลต่านแห่งรัฐเกดะห์ พระองค์ปัจจุบัน
“ หน้าที่สาคัญที่สุดของกษัตริย์คือจะต้องทาให้แผ่นดินไม่มีความ
ชั่วร้ายและการทาลายล้าง ให้บังเกิดขึ้นแก่ปวงชนในประเทศ ”
- 25. ตนกู อับดุล ระห์มัน
ส.ส. จาก กัวลา มูดา
(1903–1990)
คนที่ 1
ดารงตาแหน่งเป็นเวลา 4770 วัน : 4 สมัย
บิดาแห่งอิสรภาพ
(Bapa Kemerdekaan)
บิดาแห่งมาเลเซีย
(Bapa Malaysia)
และ
- 26. อับดุล ราซะก์
ส.ส. จาก เปกัน
(1922–1976)
คนที่ 2
ดารงตาแหน่งเป็นเวลา 1940 วัน : 2 สมัย
บิดาแห่งการพัฒนา
(Bapa Pembangunan)
- 27. ฮุซเซน อน
ส.ส. จาก ยะโฮร์ ตรีมุร
(1922–1990)
คนที่ 3
ดารงตาแหน่งเป็นเวลา 2010 วัน : 2 สมัย
บิดาแห่งเอกภาพ
(Bapa Perpaduan)
- 28. มหาเธร์ โมฮัมหมัด
ส.ส. จาก กูบัง ปาร์ซู
(b. 1925)
คนที่ 4
ดารงตาแหน่งเป็นเวลา 8142 วัน : 6 สมัย
บิดาแห่งยุคสมัยใหม่
(Bapa Pemodenan)
- 29. อับดุลละห์ อะห์มัด บาดาวี
ส.ส. จาก เกปาลา บาตัส
(b. 1939)
คนที่ 5
ดารงตาแหน่งเป็นเวลา 1981 วัน : 3 สมัย
บิดาแห่งการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
(Bapa Pembangunan Modal Insan)
- 30. นาจิบ ราซะก์
ส.ส. จาก เปกัน
(b. 1953)
คนที่ 6
ดารงตาแหน่งเป็นเวลา 1985 วัน : 1 สมัย
และกาลังอยู่ในวาระ
บิดาแห่งการเปลี่ยนแปลง
(Bapa Transformasi)
- 54. ตึกแฝดเปโตรนาส
(Petronas TwinTowers)
ตึกแฝดเปโตรนาส เคยเป็นตึกที่สูงที่สุดในโลกสร้างโดย บริษัท ปิโตรเลียม เนชั่นแนล เบอร์ฮาด
(Petroliam Nasional Berhad) หรือเรียกสั้นๆ ว่า ปิโตรนาส (Petronas) เป็นบริษัทผลิตและจาหน่าย
น้ามันของมาเลเซีย เราสามารถยืนชมความงามของตึกได้ภายนอกโดยยืนอยู่ฟากที่น้าพุกาลังเริงระบาและ
สามารถเข้าไปในตึกเพื่อชมทิวทัศน์ของ กัวลาลัมเปอร์ (Kuala Lumpur – KL) จากสกายบริดจ์
(Sky Bridge) ซึ่งเป็นสะพานเชื่อมระหว่างชั้นที่ 41 โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
- 56. อนุสาวรีย์แห่งชาติมาเลเซีย
(The Malaysian
National Monument)
อนุสาวรีย์แห่งชาติมาเลเซีย หรืออนุสาวรีย์ทหารอาสา สร้างขึ้นเพื่อราลึกถึงทหารหาญที่เสียชีวิต
จากสงครามในอดีตได้แก่สงครามโลกครั้งที่ 1 (คศ.1914-1918) สงครามโลกครั้งที่ 2 (1939-
1945) ญี่ปุ่นบุกยึดมาเลเซีย และการต่อสู้กับคอมมิวนิสต์ (1948-1960) อนุสาวรีย์แห่งนี้ตั้งอยู่
ใจกลางกรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งตกแต่งให้เป็นสวนสาธารณะและเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ทั้งชาว
มาเลเซียและชาวต่างชาติเดินทางมาชมกันเป็นจานวนมาก
- 57. จัตุรัสเมอร์เดกา ตั้งอยู่ ณ จุดบรรจบของแม่น้าคลางกับแม่น้ากอมบัก
เป็นสถานที่แห่งประวัติศาสตร์ที่ซึ่งธงชาติอังกฤษถูกปลดลงแล้วแทนที่
ด้วยธงชาติมาเลเซีย คาว่า “เมอร์เดกา” หมายถึงเอกราช จุดเด่นอยู่ที่
เสาธงขนาดใหญ่สูงถึง 100 เมตร และเต็มไปด้วยอาคารในยุคอาณา
นิคมและกลิ่นอายของสถาปัตยกรรมอังกฤษ จตุรัสเมอร์เดกา เป็น
สถานที่อีกแห่งหนึ่งที่ใครมาเที่ยวกรุงกัวลาลัมเปอร์ ก็ต้องมาเดินที่
จตุรัสกลางเมืองหลวงของมาเลเซีย อันเป็นสถานที่มีความหมายทาง
ประวัติศาสตร์ของชาติ และของประชาชนชาวมาเลเซีย เพราะเป็น
สถานที่จัดพิธีคืนความเป็นเอกราชให้กับเจ้าของประเทศ หลังจากตก
เป็นเมืองขึ้นของชาติตะวันตกนานถึง 446 ปี (พ.ศ 2054 – 2500 )
เริ่มจากประเทศโปรตุเกส ที่บุกมาทางเรือและเข้ายึด เมืองมะละกา อัน
เป็นเมืองท่า จากนั้นก็อยู่ภายใต้การปกครองของชาวดัทช์ และอังกฤษ
ในเวลาต่อมา จนมาถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2500 มาเลเซียก็ได้
อธิปไตยกลับคืนมาจากประเทศอังกฤษ พร้อมกับมีการชักธงชาติของ
มาเลเซียขึ้นสู่ยอดเสาเป็นครั้งแรก ณ บริเวณจตุรัสแห่งนี้ และ ในวันที่
31 สิงหาคมของทุกปีจะมีพิธีสวนสนามและเฉลิมฉลองอันยิ่งใหญ่ มี
ประชาชนชาวมาเลเซียร่วมในพิธีหลายหมื่นคน
จตุรัสเมอร์เดกา
(Merdeka Square หรือ Dataran Merdeka)
- 58. อาคารสุลต่านอับดุลซามัด (Sultan Abdul Samad Building)
อาคารสุลต่านอับดุลซามัด สร้างขึ้นในปีพ.ศ. 2440 ตั้ง
ชื่อตามพระนามของสุลต่านแห่งสลังงอร์ โดยใช้เป็นที่ทา
การของหน่วยงานราชการในยุคที่อังกฤษเข้ามาปกครอง
ปัจจุบันเป็นอาคารสานักงานของศาลฎีกา อาคารสุลต่าน
อับดุลซามัค และ หอนาฬิกาสูง 40 เมตร เป็นตัวอาคาร
เก่าแถบ Merdeka Square ซึ่งเป็น สถาปัตยกรรม
แบบมัวร์ (Moorish) ส่วนที่เป็นหอนาฬิกาสูง 40
เมตรทมักจะเรียกกันว่าเป็น บิ๊กเบนของมาเลเซีย ส่วน
ด้านบนจะเป็นโดมขนาดใหญ่สีทอง อาคารนี้สร้างเมื่อ
เป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ เพื่อใช้เป็นศูนย์บริหารอาณา
นิคมของอังกฤษ ปัจจุบันใช้อาคารที่ทาการของรัฐบาล
- 59. พระราชวังอิสตาน่า ไนการ่า
(Istana Negara Palace)
พระราชวังอิสตาน่าไนการ่า พระราชวังแห่งชาติ สถานที่ประทับของสมเด็จพระราชาธิบดี
หรือยังดีเปอร์ตวนอากง พระราชวังแห่งนี้จะเป็นกลุ่มอาคารรูปทรงโดมเชื่อมกับทางหลวงไป
ยังตัวเมือง และมีถนนทางเข้าพิเศษหลายเส้นทางพระราชวังแห่งนี้ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า
100,000 ตารางเมตร ซึ่งมีการครอบครองมาตั้งแต่ทศวรรษที่ 1990 และกลายเป็นเขต
พระราชฐานนับตั้งแต่นั้น
- 62. เกนติ้ง ไฮแลนด์
(Genting Highlands)
เกนติ้ง ไฮแลนด์ (Genting Highlands) เกนติ้ง ไฮแลนด์ เมืองที่ได้รับสมญานามว่า “เมือง
แห่งความบันเทิง” นับเป็นเมืองที่เหมาะกับทุกครอบครัว และทุกงบประมาณการท่องเที่ยว ยอด
เขาเกนติ้ง ไฮแลนด์ อยู่สูงจากระดับน้าทะเลถึง 6,000 ฟุต จึงมีอากาศเย็นสบาย บรรยากาศ
สดชื่น พร้อมทิวทัศน์ของเทือกเขาเขียวขจี ที่สวยงามราวกับภาพวาด
- 66. รถไฟ รถไฟฟ้า
การคมนาคมทางรถไฟ รถไฟฟ้า จะมีแค่เฉพาะ
กรุงกัวลาลัมเปอร์ (Kuala Lumpur)
ซึ่งเป็นเมืองหลวง รถไฟ รถไฟฟ้าที่ใช้ในเมืองนี้นั้น ก็มีด้วยกันทั้งหมด 5 ระบบ
รถไฟฟ้าชานเมือง KTM Komuter สาย A และ B รวมระยะทาง 153 กิโลเมตร
รถไฟลอยฟ้า STAR สาย C และ D รวมระยะทาง 27 กิโลเมตร
รถไฟลอยฟ้า-ใต้ดิน PUTRA สาย E รวมระยะทาง 29 กิโลเมตร
รถไฟฟ้ารางเดียว KL Monorail สาย F รวมระยะทาง 8 กิโลเมตร (อยู่ระหว่างการก่อสร้างอีก 8 กิโลเมตร)
รถไฟฟ้าด่วนสนามบิน KLIA Express รวมระยะทาง 57 กิโลเมตร
- 68. รถไฟลอยฟ้า STAR หรือชื่อเต็มว่า
“System Transit Aliran Ringan”
เป็นรถไฟฟ้าขนาดเบา (Light Rail System) ที่ใช้คนขับ เริ่ม
ก่อสร้างในปี 1993 เพื่อรับการแข่งขันกีฬาของประเทศใน
เครือจักรภพอังกฤษ (Commonwelath Game) ที่มาเลเซีย
เป็นเจ้าภาพในปี 1998 การก่อสร้างในช่วง 12 กิโลเมตรแรก
จาก Sultan Ismail – Ampang เสร็จในปี 1996 ช่วงที่ 2
จาก Chan Sow Lin – Sri Petaling เสร็จทันในปี 1998
และยังได้ก่อสร้างออกไปอีก 3 กิโลเมตร จาก Sultan Ismail
– Sentul Timur รวมระยะทางทั้งหมด 27 กิโลเมตร (ระดับ
พื้นดิน 17.9 กิโลเมตร และยกระดับ 9.4 กิโลเมตร) มีสถานี
ทั้งหมด 25 สถานี (สถานีระดับพื้นดิน 17 สถานี และสถานี
ยกระดับ 8 สถานี) รถไฟฟ้าความเร็วเฉลี่ย 35 กิโลเมตร/
ชั่วโมง (ความเร็วสูงสุด 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง) รถ 1 ขบวน มี
4 – 6 ตู้ บริการตั้งแต่เวลา 06.00 – 24.00น. ออกทุก 10
นาที ในช่วงปกติ และทุกๆ 3 นาทีในช่วงเร่งด่วน รับผู้โดยสาร
ได้ 27 ล้านคน/ปี
- 69. รถไฟลอยฟ้า-ใต้ดิน PUTRA หรือชื่อเต็มว่า
“Projek Usahasama Transit Ringan Automatik”
เป็นรถไฟฟ้าขนาดเบา (Light Rail System) ที่ไม่ใช้คนขับ เป็นรถไฟฟ้ายกระดับและใต้ดิน เริ่มก่อสร้างในปี 1994 ช่วงแรกจาก
Subang Depot – Pasar Seni เปิดบริการครั้งแรกในวันที่ 26 มิถุนายน ปี1999 รวมระยะทาง 14.1 กิโลเมตร หลังจากนั้นจึง
เปิดบริการถึง Terminal Putra ในวันที่ 1 เมษายน ปี2001 รวมระยะทางทั้งหมด 29 กิโลเมตร มี 24 สถานี เส้นทางรถไฟฟ้า
สายนี้ 4.4 กิโลเมตร เป็นทางใต้ดิน อยู่ระหว่างสถานี Dang Wangi – Ampang Park ภายในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินทุกสถานีมีลิฟต์
สาหรับคนพิการ ห้องน้า และประตูชานชาลา (Screen Doors) เปิดบริการตั้งแต่เวลา 06.00 – 24.00น. ออกทุก 5นาที ในช่วง
ปกติ และทุกๆ 2.9 – 3.3 นาทีในช่วงเวลาเร่งด่วน รถไฟฟ้าที่นามาใช้บริการมีทั้งหมด 35 ขบวน ขบวนละ 2 ตู้ ความเร็วเฉลี่ย 35
กิโลเมตร/ชั่วโมง (ความเร็วสูงสุด 90 กิโลเมตร/ชั่วโมง) รับผู้โดยสารได้ 35 ล้านคน/ปี
- 70. รถไฟฟ้ารางเดียว
KL Monorail
เป็นรถไฟฟ้าขนาดเบา (Light Rail System) มีลักษณะที่แปลกจากขนส่งมวลชนแบบอื่นตรงที่ว่าเป็นรถไฟที่วิ่ง
คร่อมบนรางคอนกรีตยกระดับ วิ่งอยู่บนเกาะกลางถนนใจกลางกรุงกัวลาลัมเปอร์ เริ่มก่อสร้างในปี 1997 เปิดใช้
บริการในวันที่ 31 สิงหาคม ปี 2003 ในช่วง Titiwangsa – Tun Sambanthan ระยะทาง 8.6 กิโลเมตร มี
สถานีที่เปิดบริการอยู่ 10 สถานี รถออกทุก 2-5 นาที ตัวรถไฟฟ้ามีขนาดเล็ก 1 ขบวน มี 4 ตู้ วิ่งค่อนข้างช้า จุ
ผู้โดยสารได้น้อยเมื่อเทียบกับรถไฟฟ้า STAR และPUTRA โครงการรถไฟฟ้ารางเดียวนี้ ในอนาคตจะเปิดเส้นทาง
เชื่อมกับเมืองหลวงใหม่ของมาเลเซียที่ชื่อว่า “Putrajaya” และจะมีความยาวทั้งหมดรวม 18 กิโลเมตร
มีสถานี 24 สถานี แผนงานจะเสร็จสมบูรณ์ในปี 2004 และจะเป็นใต้ดินในช่วงที่เข้าเมือง Putrajaya อีกด้วย
- 71. รถไฟฟ้าด่วนสนามบิน KLIA Express
เป็นรถไฟฟ้าด่วนสนามบินแบบฮ่องกง วิ่งส่งผู้โดยสาร
ระหว่าง สนามบินนานาชาติกรุงกัวลาลัมเปอร์ (Kuala
Lumpur International Airport-KLIA) ปลายทาง
สถานีรถไฟกลาง KL Sentral รวมระยะทาง 57
กิโลเมตร มีสถานีรวมทั้งหมด 5 สถานี เปิดใช้บริการครั้ง
แรกในวันที่ 14 เมษายน ปี 2002 ตัวรถไฟฟ้าที่ใช้ เป็น
ของบริษัท ERL (Express Rail Link) ใช้รถ Desiro
ของบริษัท Siemens ความเร็วสูงสุด 160 กิโลเมตร/
ชั่วโมง จานวนรถที่นามาใช้บริการ 12 ขบวน รถออกทุกๆ
15นาที บริการตั้งแต่เวลา 05.00 – 01.00น. ใช้เวลา
เดินทางจากสนามบินKLIAมาสถานีKL Sentral 28 นาที
ราคา 35 RM (1 RM = 9 ถึง 11 บาท โดยเฉลี่ย)
- 73. อาหารประจาชาติ
อาหารมาเลเซีย มีลักษณะเด่นอยู่ที่การใช้สมุนไพร เครื่องเทศ พริก มีรสเผ็ด และมักจะใช้ผงกะหรี่
สมุนไพรที่นามาประกอบอาหารนอกจากสมุนไพรท้องถิ่นซึ่งมีอยู่มากมาย บางครั้งยังมีการรวมสมุนไพร
หลายชนิดเข้าด้วยกัน เพื่อให้มีกลิ่นหอม
อาหารจะมีลักษณะเฉพาะต่างกัน ในปีนังจะใช้ผงกะหรี่ในการประกอบอาหารมาก เพราะคนส่วนใหญ่ชอบ
ผงกะหรี่ ขณะที่ทางตอนใต้ของประเทศจะนิยมใช้กะทิ คล้ายกับอาหารไทย โดยจะใช้กะทิกับอาหารเกือบ
ทุกอย่าง
- 75. นาซิ เลอมัก (Nasi Lemak) อาหารยอดนิยมของ
ประเทศมาเลเซีย โดยนาซิ เลอมัก
จะเป็นข้าวหุงกับกะทิ และใบเตย ทานพร้อมเครื่อง
เคียง 4 อย่าง ได้แก่
ปลากะตักทอดกรอบ แตงกวาหั่น ไข่ต้มสุก และ
ถั่วอบ ซึ่งนาซิ เลอมักแบบดั้งเดิมจะห่อด้วยใบตอง
และมักทานเป็นอาหารเช้า แต่ในปัจจุบัน กลายเป็น
อาหารยอดนิยมที่ทานได้ทุกมื้อ และแพร่หลายใน
ประเทศเพื่อนบ้านอีกหลายแห่ง เช่น สิงคโปร์
และภาคใต้ของไทยด้วย
ตัวอย่างอาหารประจาชาติ