test

2. คนทุกคนอยากมีชีวิตที่ดี
อยากมอีนาคตทดีี่ มคีุณภาพ อยากได้รับความสำาเร็จใน
สงิ่ททีำา อยากใหชี้วิตมคีวามสุข อยากใหต้นเองเป็นทรีั่ก
ของทุกคน
การคิดเป็นจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง
– ทำาให้เรามีความสุข หรือ ทุกข์ได้
– ทำาให้เราทำางานได้ราบรื่น สำาเร็จ หรือ ติดขัดมีปัญหาได้
– ทำาให้เราเป็นที่รักของคนอื่น หรือเป็นที่น่าเบื่อหน่ายของคนอื่นได้
การคิดแบบเดิม
o การคิดแบบตรรกะ คำาตอบที่ถูกต้องมีเพียงคำาตอบเดียว
o การคิดแบบวิจารณ์
o การคิดแบบฉันถูก – เธอผิด
o การคิดแบบถกเถียงโต้แย้ง

3. ดร.เอ็ดเวิร์ด เดอ โบโน

4. » ระวังไว้ !? หากองค์กรไหนยังใช้
ดร.เอ็ดเวิร์ด `เกดอา รโบคโิดนแ ปบรมบาเจดาิมรย´์ด้านความคิด
สร้างสรรค์ แนะนำาว่า `การคิดแบบเดิม´
(Traditional Thinking) ซึ่งได้แก่...
● การคิดแบบโต้แย้งวิจารณ์ (Critical Thinking)
● การคิดแบบตรรกะ (Logical Thinking)
● การคิดแบบตัดสินประเมนิ (Judgment Thinking)
โดยใช้การถกเถียงกัน(Argument) เป็นเครื่องมือตัดสินที่
มงุ่หาว่าใครผิด ใครถูก จนเป็นการคิดแบบ “ฉันถูก เธอผิด”
(I am right, you are wrong)
นั้นไม่เพียงพอที่จะช่วยให้การบริหารงานไปได้
อย่างราบรื่น รุดหน้า และสำาเร็จอย่างมี
ประสิทธิภาพ...เท่าที่ควร

5. การคิดแบบเดิมส่งผลกระทบต่อการ
ทำางาน
การคิดแบบเดิม คือ ประโยชน์ 95 % จุดบกพร่อง 5%
1.ทำาให้คนไม่กล้าคิด
เพราะเห็นว่าความคิดไม่สมบูรณ์แบบมากพอ มีจดุ
อ่อนให้คนวิจารณ์
2.ทำาให้คนที่คิดไม่กล้าพูด
3.ทำาใหค้นไมคิ่ด แต่รอวิจารณ์แทน
4.ทำาให้เกิดทัศนคติที่ผิด
5.ทำาให้ปัญหาไม่ได้รับการแก้ไขได้ทันกาล
6.ทำาให้คนหมดกำาลังใจ
7.ทำาใหก้ารประชุมแหง้แล้ง ไมม่ชีีวิตชีวา
8.ทำาให้ไม่เกิดความคิดใหม่ในองค์กร

6. ตัวอย่าง`การคิดแบบเดิม´ ที่พบ
ได้บ่อยๆ ในการประชุมแห่งหนึ่ง ผู้ร่วมประชุมต้องการหาวิธใีหม่ๆ หรือความ
คิดใหม่ๆ (New Ideas) เพื่อแก้ปัญหาที่มีอยู่ เมื่อมีสมาชิกเสนอวิธีแก้
ปัญหาแบบใหม่วิธีหนึ่งในที่ประชุม ความคิดนั้นมีส่วนที่เป็น
ประโยชน์อยู่ประมาณ 95% และมีจุดอ่อนหรือข้อบกพร่องอยู่บ้าง
ประมาณ 5% แต่เป็นจุดอ่อนและปัญหา 5% นี้เอง ที่คนมักจะหยิบยก
ขึ้นมาถก และว่า "ยังไม่ดีพอ ยังไม่สมบูรณ์แบบ"ช่วงของการยกจุด
อ่อนขึ้นมาแย้งผู้เสนอนนั้ ผู้คนในที่ประชุมคึกคักมีชีวิตชีวาขึ้นมา
ทันที และดูจะเห็นตรงกันและเข้าใจสิ่งที่คนยกมาแย้งได้ง่ายมาก
เมื่อมีใครคนหนึ่งแย้งขึ้นมาก็จะมีคนอภิปรายสนับสนุนข้อแย้งนั้นได้
ยืดยาวอย่างมีรสชาติ พร้อมยกกรณีตัวอย่างมาอธิบายประกอบให้
เห็นอย่างเข้มแข็งและเป็นปึกแผ่นว่าความคิดนี้ดีแต่ใช้ไม่ได้หรอก
เมื่อมีคนเห็นจุดอ่อนมากมาย ความคิดใหม่ที่คนเสนอขึ้นมานั้นก็ตก
ไป
พอมีคนเสนอความคิดอนื่ขึ้นมาอีก ก็มีคนยก 5% ขึ้นมาแย้ง
อีกตามครรลองเดิม ประชุมกันสองสามชั่วโมงยังหาข้อสรุปไม่ได้ ใน
แต่ละวัน เวลาส่วนหนึ่งในการทำางานของหลายๆ คนโดยเฉพาะผู้
บริหารและหัวหน้างาน จึงใช้ไปกบัการประชุม เพราะบางเรื่อง

7. การคิดเป็นสิ่งอัศจรรย์
ทักษะการคิดที่สำาคัญที่สุด
1.ทักษะการคิดเป็นตัวดึงเอาทักษะด้านความรู้มาใช้ให้เกิด
ประโยชน์ตามโจทย์และสถานการณ์
2.ทักษะการคิดเป็นอย่างไร ทักษะด้านคนก็มักเป็นอย่างนั้น
อัธยาศัยก็เป็นอย่างนั้น เช่น คนคิดบวกก็มักพูดบวก คนคิดลบก็มัก
จะพูดไปในทางลบ
ถ้า คิดแบบเดิม คือ คิดแบบถกเถียงวิจารณ์ มักพูดวิจารณ์
จุดบกพรอ่งในความคิดของคนอื่น ชอบโต้แย้ง ชอบขัดคอ มักถก
เถียงว่าฉันถูก – เธอผิด
ผลที่ตามมา ทำาให้เกินขัดแย้งกันได้งา่ย ทำาให้คนอื่นไม่
พอใจ คนไม่ค่อยอยากคุยด้วย ไม่อยากติดต่องานด้วย ไม่อยาก
ร่วมงานด้วย
ถ้า คิดแบบใหม่ คือ คิดแบบสร้างสรรค์ พูดแบบ
สร้างสรรค์ ทำาอะไรที่สร้างสรรค์ ใส่ใจความรู้สึกของคนอื่น ให้
ความสำาคัญกับความคิดของคนอื่น ให้เกรียติคนอื่นมองภาพรวมได้

8. เทคนิคการคิดแบบสร้างสรรค์
การคิดริเริ่มสร้างสรรค์ (Laterl Thinking)
 การคิดนอกกรอบ คิดแก้ปัญหาด้วยวิธีการใหม่
การคิดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ(Simplicity)
 การแก้ความซบัซ้อนให้เป็นความเรียบง่าย แกร้ะบบ
ที่ยืดยาวจนเคยชินมาเป็นกระชับและได้ผลดีกว่าเดิม
การคิดอย่างเป็นระบบ(Six Thinking Hats)
 ทำาเราคิดอย่างมหีลักทมี่คีุณภาพ ใช้เป็นระบบใน
การติดเป็นทีม
การตัดสินใจอย่างมีคุณภาพ(Six Value Medals)
 ทำาให้สามารถคิดได้ครบถ้วนและรัดกุม ทงั้แนวกว้าง
และแนวลึก ทงั้แนวใกล้ และแนวไกลก่อนลงมอืทำา

9. เทคนิคการคิดแบบสร้างสรรค์
•การคิดทางบวกแบบสร้างสรรค์(Cresitive
Thinking)
– ทำาให้คิดทางบวกได้อย่างมีหลักการ ทำาใหเ้กิดความ
เข้าใจกันง่ายขึ้น เต็มใจใหค้วามร่วมมือ และเอื้อเฟือ
กันมากขึ้น

10. อนาคต เราอยากเป็นแบบไหน ก็
เลือกการคิดแบบนั้น อยากเป็นคน
สร้างสรรค์ หรือ บั่นทอน
“ ชีวิตของเรา เราเลือกได้ “

11. หลุมพรางของความฉลาด
“ เก่งมาก ฉลาดมาก จะตกหลุมพราง
ความฉลาดได้ง่าย
หลุมพรางความฉลาดส่งผลต่อบุคลิก
ความคิดของตนเองดีที่สุดเพียงความคิด
เดียว ใช้ความคิดของตัวเองเป็นมาตรฐานเพื่อ
ตัดสินความคิดของคนอื่น
1 ชอบโต้แย้ง
2. รู้สึกว่าตนเหนือกว่าคนอื่น
3. หยิ่ง ยโส อวดดี ทะนงตน
4. ลังเลสงสยั ฟังอยากเชอื่ยาก

12. เอ็ดเวิร์ด เดอ โบโน กล่าวไว้ในมุมหนึ่งว่า
“ ความคิดสร้างสรรค์เป็นการคิดที่ทำาให้เราทำา
อะไรได้ด้วยวิธีที่ดีขึ้น
ง่ายขึ้น และเร็วขึ้น “
1.ความคิดสร้างสรรค์เกิดจากการเชื่อมโยงสิ่งที่ไม่
เกี่ยวข้องกันมาก่อนให้มาเกี่ยวข้องกันในมุมมอง
ใหม่ๆ
2. ความคิดใหม่ที่ไม่เหมอืนรูปแบบเดิม ๆ ที่ทำากัน
อยู่จนเคยชิน
3. ความคิดสร้างสรรค์ทำาให้คิดแล้วไม่สะดุด
งานไม่สะดุด

13. การทำาความคิดสร้างสรรค์ให้เป็นจริง
1. ตั่งเป้าหมายให้ชัดเจน
2. คิดความคิดใหมๆ่ หลาย ๆ ความคิดทจี่ะทำาใหไ้ด้ตาม
เป้าหมาย
3. เลือกความคิดสร้างสรรค์ที่โดดเด่นที่สุดสามความคิด
4. จากสามความคิดสร้างสรรค์ เลือกหาอันดับหนึ่ง
5. ดึงจุดเด่นของความคิดอันดับสอง และ สามมาเสริม
6. สรุปรวมเป็นความคิดสร้างสรรค์ ทจี่ะนำาไปใช้ทำาให้
เป็นนวัตกรรม
7. นำาความคิดสร้างสรรค์ไปลงมือปฏิบัติ
8. ได้นวัตกรรมใหม่
9. ได้ความสำาเร็จ และ ความเจริญก้าวหน้า

14. สิ่งสกัดกั้นความคิดสร้างสรรค์
1. การติดรูปแบบ
2. การตัดสินและประเมิน
3. ความคุ้นเคย
4. ความกดดันจากคนรอบข้าง
5. การติดเหตุผล และต้องการความชัดเจน
6. การเลี่ยงความเสี่ยง
7. การเลี่ยงปัญหา
8. การคิดทางลบ

15. อุปสรรค์ในการคิดริเริ่มสร้างสรรค์
1. คิดแก้ปัญหาด้วยวิธีใหม่ ๆ แบบสร้างสรรค์ไม่ค่อยได้
2. คิดให้นอกกรอบความเคยชินเดิมๆ ไม่ค่อยได้
3. คิดสร้างสรรค์เพื่อสร้างนวัตกรรมไม่ได้
4. ไม่คิดริเริ่มสิ่งใหม่ๆ ไม่ได้ ถา้ไม่ได้สั่ง
เทคนิคการคิดริเริ่มสร้างสรรค์
1.โฟกัสให้ชัดเจน
2.หาทางเลือก

16. “อดีตเปลี่ยนไม่ได้ แต่อนาคต
เปลี่ยนได้ ”
เปลยี่นความคิด ชีวิตเปลี่ยน
1.ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน
2.ตั้งมนั้ มงุ่มนั่
3.บังคับตนเอง
4.เพิ่มความรู้ใส่ตน
5.ลงมอืทำาจริง ๆ
6.อดทน
7.สลัดทิ้งความเคยชินเดิมๆ

17. ถ้าคิดริเริ่มสร้างสรรค์ได้จะเกิด
ประโยชน์อะไรกับตนเองบ้าง
1. สบายใจ โล่งใจ ไม่อึดอัดจากการคิดไม่ออก
2. มีความสขุกับการทำางาน เพราะคิดออก คิดได้
ภูมิใจ
3. ทำางานด้วยความสนุก
4. มีความมั่นใจ อุ่นใจ ไม่ว่าจะมีปัญหาอะไร
เพราะเขารู้ว่าจะคิดแก้ปัญหาได้
5. มีกำาลังใจ สร้างสรรค์สงิ่ดีงามให้เกิดขึ้นได้

18. การคิดแบบสร้างสรรค์มีประโยชน์ในการทำางาน
1.ทำาให้คนกล้าคิด
2. ทำาให้คนคิดได้แล้วกล้าพูด
3. ทำาให้คนชอบคิดและฟังความคิดของคนอื่น
4. ทำาให้มีทัศนคติที่สร้างสรรค์
5. ทำาให้ปัญหาได้รับการแก้ไขทันเวลา
6.ทำาให้คนมีกำาลังใจ
7.ทำาให้การประชุมมีชีวิตชีวา และสนุก
8. ทำาให้เกิดความคิดใหม่ๆ และ นวัตกรรมใหม่ใน
องค์กร

19. “ ถ้าปราศจากความสามารถใน
การคิด คุณก็เหมือนจุกก๊อกที่
ลอยไปตามสายนำ้าโดยไม่การ
ควบคุมทิศทางให้ไปสู่เป้าหมาย
ที่ต้องการในชีวิต “
“ การติดรูปแบบทำาให้เราไม่
กล้าแม้แต่จะคิดทำาอะไรใหม่ ๆ
ทั้งที่เราเห็นว่าจะเป็นประโยชน์
เราไม่กล้าแตกต่างจากคนอื่น “

20. “ การคิดแบบวิจารณ์เป็นการ
มองไม่ครบถ้วน เพราะมงุ่เน้น
แต่การคิด 5% แต่ไม่ได้มองอีก
ด้านหนึ่งซึ่งมีประโยชน์
มากมายคือ 95% “
“ ความคิดริเริ่มเป็น
หัวใจของธุรกิจ ถ้าไม่มี
ความคิดริเริ่ม ธุรกิจก็
ขาดหัวใจ “

21. “ การคิดแบบสร้างสรรค์
มีความจำาเป็นต่อการทำางานให้สำาเร็จเป็น
อย่างยงิ่ เพราะทำาให้เราคิดหาทางเลือกใน
การทำางานให้สำาเร็จได้หลายทางเลือก “
“ คุณภาพในการคิดเป็นตัวกำาหนดคุณภาพ
ของอนาคตเรา คนคิดอย่างไรก็ทำาอย่างนนั้
ดำาเนินชีวิตไปในทางที่ตนเองคิด “

22. “ ทุกคนสามารถฝึกตนให้เป็นคนทำาอะไร
ใหม่ๆ ดีๆ โดยไม่ต้องรอใครสงั่
ได้ด้วยการฝึกการคิดแบบสร้างสรรค์และ
ฝึกตนให้กล้าที่จะสงิ่ดี ๆ ใหม่ ๆ”

23. “ ความคิดสร้างสรรค์อย่าง
เดียวเป็นแค่อากาศ ถ้าคิดแล้ว
ไม่ลงมือทำา ความคิดนั้นก็เป็น
อากาศที่ลอยหายไป ไม่ทำาให้
เกิดประโยชน์ใดๆ ถ้าคิดแล้ว
ลงมือทำาให้เกิดเป็นจริงได้ ก็
ทำาให้อากาศมาทำาประโยชน์
จริงขึ้นได้ “