SlideShare una empresa de Scribd logo
1 de 37
F 1
ทานศาสดามุหัมมัด ( ศ็อลฯ ) เกิดในเวลาเชาตรูของวันจันทร ที่ 12 เดือนรอบี
อุลเอาวัล ปชางตรงกับวันที่ 23 เมษายน ค.ศ. 571 ณ นครมักกะฮฺ ทานเปนคนชาว
อาหรับเผากุร็อยซฺ บิดาของทานชื่อวาอับดุลลอฮ บุตรอับดุลมุฏเฏาะลิบ บุตรฮาซิม
บุตรอับดุลมะนาฟ บุตรซะหเราะห บุตรกิลาบ มารดาของทานชื่อวาอามีนะฮฺ บุตรวฮับ
บุตรอับดุลมะนาฟ บุตรซะหเราะฮฺ บุตรกิลาบ ตนตระกูลฝายมารดาของทาน ไป
รวมกับตระกูลฝายบิดาที่กิลาบ ซึ่งสายคนที่หาฝายบิดาและเปนทวดที่สี่ฝายมารดา
และตนตระกูลของทานศาสดามุหัมมัดที่สูงขึ้นไปนั้นรวมสายจากทานนบีอิสมาอีล บุตร
ของนบีอิบรอฮีม ( อะลัยฮิสสะลาม )
ปที่ประสูติศาสดามุหัมมัดรูจักกันอยางแพรหลายวา “ ปชาง ” ทั้งนี้เพราะวาใน
ปนั้น แมทัพแหงเอธิโอเปยซึ่งเปนขาหลวงปกครองเมืองเยเมน มีชื่อวา " อับรอฮะหฺ " ได
กรีฑาทัพชางมุงสูนครมักกะฮฺหวังที่จะทําลายวิหารกะบะฮฺ กองกําลังของนครมักกะฮฺไม
มีกําลังพอที่จะตานกองทัพของอับรอฮะหฺอันมหึมานี้ได ชาวมักกะฮฺตางก็ทําไดเพียงแต
เฝามองเหตุการณ และขอความคุมครองจากพระเจาเทานั้น พระองคอัลลอฮฺทรง
ปกปองวิหารกะบะฮฺและยับยั้งแผนอันชั่วรายของกองทัพอับรอฮะหฺนี้โดยการสงฝูงนก
ชนิดหนึ่งเรียกวา “ อะบาบีล ” นกแตละตัวคาบกอนกรวดชนิดหนึ่งที่มีเชื้อรายไปทิ้งที่
กองทัพของอับรอฮะหฺ และเชื้อรายนั้นไดแพรกระจายไปทั่วกองทัพ กองทัพของอับรอ
ฮะหฺ ฺถึงกับราบพนาสูรทั้งคนทั้งชางและมา รางกายของคนและสัตวเหมือนกับธัญญา
พืชที่ถูกแมลงกัดกิน ดังที่อัลกุรอานไดบันทึกไวในซูเราะฮฺอัล - ฟล พวกทหารของอับรอ
ฮะหฺตางลาถอยหนีดวยความกลัว ที่หนีไมทันก็กลายเปนศพตายระเนระนาด อับรอ
ฮะหฺตองถอนทัพกลับอยางระสําระสาย เขาเองก็ถูกพิษรายนั้นดวยและเสียชีวิตลงใน
เวลาตอมา หลังจากเหตุการณอัศจรรยนี้เกิดขึ้นไมกี่เดือน มักกะฮฺก็ไดรับเกียรติตอนรับ
การประสูติของศาสดามุหัมมัด (ศอลฯ) ดวยเหตุนี้จึงเรียกปที่ประสูติของศาสดามุหัม
มัดวา ปชางปชางปชางปชาง
F 2
ทานศาสดามุหัมมัด ( ศ็อลฯ ) กําพราบิดาตั้งแตยังอยูในครรภมารดา ซึ่งลมปวย
และเสียชีวิตที่มะดีนะฮฺในขณะที่เดินทางกลับจากการคาที่ซีเรีย เมื่อศาสดามุหัมมัดได
ประสูตินั้น อามีนะฮฺผูเปนมารดาไดแจงขาวไปยังทานอับดุลมุฏเฏาะลิบผูเปนปูของทาน
ศาสดา ทานจึงสงคนมารับไป และทานไดพาเด็กนอยผูนี้ไปยังวิหารกะบะฮฺ และตั้งชื่อ
วา “ มุหัมมัด ” ซึ่งชื่อนี้ไมเปนที่คุนเคยแกชาวอาหรับมากนัก ตามธรรมเนียมของชาว
อาหรับในสมัยนั้นมักจะสงลูกนอยไปยังทะเลทรายหลังจากสัปดาหแรกที่เกิดมา และให
อยูที่นั้นจนกระทั่งอายุได 5 หรือ 6 ขวบ ชวงแรกอามีนะฮฺไดมอบใหนางษุวัยบะฮฺซึ่งเปน
คนใชของอบูละฮับ ลุงของทานนบี เปนแมนมทานนบีอยูสองสามวัน ตอมาทานอับดุล
มุฏเฏาะลิบไดวาจางนางหะลีมะฮฺ จากเผาสะอฺดซึ่งเปนหญิงชนบทคนหนึ่งใหเปนแมนม
ของทานนบีและนําทานไปเลี้ยงที่ชนบท เมื่อทานนบีมีอายุครบ 6 ขวบ นางไดสงทานน
บีคืนแกมารดาของทานเลี้ยงดูตอไป ในชวงที่นางหะลีมะฮฺไดเลี้ยงดูทานนบีนั้น นาง
ไดรับโชคผลและความจําเริญอยางมากมายผิดปกติ
อามีนะฮฺ มีความสุขมากที่ลูกชายของเธอไดกลับมาสูออมอกของเธออีกครั้งหนึ่ง
การไปอยูในชนบททําใหเขาเปนคนที่มีสุขภาพดีและรางกายแข็งแรง มีความ
คลองแคลวและรูภาษาอาหรับแทๆ จากทะเลทราย ซึ่งเหลานี้เปนรากฐานที่จะกาวสู
เปนบุคคลที่สําคัญในอนาคตตอไป อามีนะฮฺ ตองการพาบุตรชายใหไปรูจักญาติทาง
มารดา และสรางความคุนเคยกับพวกลุงซึ่งเปนเผานัจญารในนครมะดีนะฮฺ โดยมีทาส
หญิงของนางที่มีชื่อวา อุมมุอัยมัน ติดตามไปดวย ขากลับจากมะดีนะฮฺ ขณะเดินทาง
มาถึงสถานที่หนึ่งมีชื่อวา อัล - อับวา นางอามีนะฮฺก็ลมปวยลงและเสียชีวิตอยูที่นั้น
หลังจากนั้นทาสหญิงผูซื่อสัตยก็พาเด็กนอยกําพราบิดาและมารดากลับมายังนครมัก
กะฮฺ มุหัมมัดก็อยูภายใตการอุปการะของปูคือ อับดุลมุฏเฏาะลิบ แตก็แคเพียง 2 ป
เทานั้นปูก็ถึงแกกรรมอีก ซึ่งขณะนั้นมุหัมมัดอายุไดแคเพียง 8 ป เทานั้น ฉะนั้นมุหัมมัด
จึงเปนเด็กกําพราทั้งพอแมและปูตั้งแตอายุยังนอย
หลังจากนั้น หนาที่เลี้ยงดูมุหัมมัดก็ตกเปนของอบูฏอลิบผูเปนลุง ซึ่งรักเอ็นดู
หลานชายอยางยิ่ง จนกระทั่งเติบใหญ เนื่องจากลุงของทานไมใชคนร่ํารวย มุหัมมัดจึง
ตองทํางาน โดยพาฝูงแกะและอูฐตามเนินเขาและหุบเขาในทะเลทราย มุหัมมัดมีนิสัย
F 3
กรุณาตอคนยากจน และผูมีทุกขมาตั้งแตเยาววัย เปนคนที่ชอบอยูอยางสงบ รักการคิด
ใครครวญ ผูคนในเผาเดียวกันตางก็รักใครและใหเกียรติเพราะทานมีนิสัยออนโยน มี
อัธยาศัยไมตรี การที่ทานถือความซื่อสัตย ซื่อตรงตอหนาที่ เปนอยางยิ่งอยางไมสะทก
สะทานนั้น ทําใหมมุหัมมัดไดรับการขนานนามวา ” อัลอมีน ” ซึ่งแปลวาผูควรแกการ
เชื่อถือหรือผูที่ไดรับการไววางใจ เมื่ออายุไดสิบสองป มุหัมมัดไดเดินทางไปคาขายที่
ซีเรียกับลุง และที่ซีเรียนี้เองทานไดพบกับนักบวชชาวคริสเตียนคนหนึ่งมีชื่อวา “ บูฮัย
รอ ” ซึ่งไดทํานายวามุหัมมัดจะเปนศาสดาองคสุดทายและไดกลาวไววา " หลานชาย
ของทานมีลักษณะเปนมหาบุรุษแท ๆ ทานจงเลี้ยงดูเขาอยางดีเถิด ” หลังจากนั้นทา
นอบูฏอลิบจึงนําหลานชายของทานกลับมายังมักกะฮฺและรักษาความลับนี้ไมใหใครรู
ลุงของทานมีฐานะทางการเงินไมคอยจะดีนัก ประกอบกับเปนครอบครัวใหญ
จะตองหาเลี้ยงดูลูกหลานหลายคน จึงเปนเรื่องธรรมดาที่จะตองหารายไดมาจุนเจือ
ครอบครัวและสรางความมั่นคงใหแกลูกๆ หลานๆ ที่อยูในความดูแลใหไดรับความสุข
วันหนึ่งทานไดทราบขาววาเศรษฐีนีเคาะดีญะฮฺซึ่งเปนบุตรสาวของคุวัยลิดตองการจาง
คนเผากุร็อยซฺใหทําการคาขายใหแกเธอ และเธอพรอมที่จะแบงกําไรอยางงามแกผูที่มี
ความสามารถ ทานจึงพามุหัมมัดไปสมัครงานกับเธอ ดวยกิตติศัพทแหงความซื่อสัตย
ของมุหัมมัด เศรษฐีนีเคาะดีญะฮฺจึงตกลงรับมุหัมมัดเปนลูกจางควบคุมกองคาราวาน
พาณิชยไปยังเมืองชีเรีย โดยเธอไดใหทาสของเธอที่มีชื่อวามัยสะเราะฮฺรวมเดินทางกับ
มุหัมมัดดวย การเดินทางคาขายของมุหัมมัดในครั้งนี้ประสบความสําเร็จอยางงดงาม
และไดกําไรอยางมหาศาลซึ่งสรางความประทับใจแกเคาะดีญะฮฺเปนอยางมาก
ประกอบกับมัยสะเราะฮฺ ไดรายงานใหนางทราบถึงความขยันขันแข็งและความซื่อสัตย
ของมุหัมมัดในระหวางปฏิบัติหนาที่อยางละเอียดถี่ถวน ซึ่งเพิ่มความสนใจของนางตอ
มุหัมมัดมากขึ้น จนกระทั่งนางตัดสินใจตองการรวมชีวิตกับมุหัมมัด
ผลจากการคาขายในครั้งนี้ ทําใหทานนบีไดมีโอกาสรูจักกับเศรษฐีนีเคาะดีญะฮฺ
ซึ่งในเริ่มแรกรูจักในนามลูกจางกับนายจาง ตอมาดวยกิตติศัพทแหงความซื่อสัตยของ
ทานนบี ประกอบกับความสามารถในเชิงธุรกิจที่สามารถนํากําไรอยางมหาศาลใหแก
นาง ทําใหนางมีความสนใจในตัวทานนบีเปนอยางมาก และไดเสนอตัวขอรวมชีวิตกับ
F 4
ทานนบี ในขณะนั้นนางเปนหญิงหมายมีอายุได 40 ป เคยแตงงานมาแลว 2 ครั้ง มีบุตร
รวมทั้งหมด 3 คน หญิง 1 ชาย 2 คน นางเปนคนเผาอะสัด นางเปนหญิงที่มีเกียรติและ
ร่ํารวยมากในนครมักกะฮฺ นางไดสงแมสื่อชื่อวา นุฟยซะฮฺ ซึ่งเปนเพื่อนของนางไปพูด
เจรจากับทานนบี ทานนบีก็รับคําดวยเต็มใจ ซึ่งในขณะนั้นทานนบีมีอายุไดเพียง 25 ป
ชีวิตใหมของทานนบีจึงเปดฉากขึ้น คือชีวิตของการแตงงานที่เต็มไปดวยความรัก
และความสุข ความมั่งคั่งของนางบัดนี้ก็เปนของทานนบีดวย ถึงแมวาทานนบีเปน
ผูรับผิดชอบในธุรกิจของนาง แตหัวใจของทานนั้นมิไดหมกมุนอยูกับงานอยางเดียว
ความร่ํารวยมิไดมีความหมายสําหรับทานแตประการได ทานใชความมั่งคั่งซื้อและ
ปลดปลอยทาสและหญิงรับใชหลายคนใหเปนอิสระ นอกจากนี้ทานยังไดปลดเปลื้อง
หนี้สินแกผูที่ยากไรซึ่งไมสามารถที่จะชําระหนี้ของตนเองได ชีวิตการแตงงานของทั้ง
สองดําเนินไปดวยความสุข นางเคาะดีญะฮฺนิยมชมชอบความปรีชาสามารถ และ
บุคลิกภาพอันสงางามของทานนบีเปนอยางมาก นางปลอยใหทานมีเวลาเปนของตัวเอง
ไดอยางอิสระโดยไมตองกังวลใดๆ เลย ยามที่ทานมีความเศราโศกและความทุกข นาง
ก็คอยปลอบโยนและใหกําลังใจทานตลอดเวลา ทานนบีอยูรวมชีวิตกับนางดวยความ
ซื่อสัตย รักใครและเอ็นดูจนถึงวาระสุดทายของนาง ทานนบีไดบุตรกับนางดวยกัน 6
คนเปนบุตรชาย 2 คน ซึ่งทั้งหมดไดเสียชีวิตตั้งแตยังเด็ก สวนบุตรสาว 4 คน คือ ซัยนับ
รุก็อยยะฮฺ อุมมุกุลษูม และฟาตีมะฮฺ นอกจากนี้นางไดมอบทาสคนหนึ่งชื่อวา ซัยดฺ บิน
หาริษะฮฺใหแกทานนบีและทานนบีไดใหอิสระภาพพรอมกับประกาศเปนลูกบุญธรรม
ของทาน
เมื่ออายุยางเขาปที่ 40 มุหัมมัดมักใชเวลาสวนใหญคํานึงใครครวญถึงเหตุการณ
ตางๆ เพงพินิจถึงความจริงของชีวิตและความเปนไปของโลก ในขณะที่ชาวอาหรับมีชีวิต
F 5
อยางปาเถื่อนและงมงายอยูกับรูปเคารพของแตละเผา มุหัมมัดมักจะไปที่ถ้ําในภูเขาฮิ
รออฺซึ่งอยูทางเหนือของมักกะฮฺ ประมาณสามไมล และใชเวลาอยูที่นั่นเดือนหนึ่งทุก ๆ
ป เพื่อแสวงหาความสงบ นั่งสํารวมจิต โดยมีคนใชเอาอาหารและเสบียงไปสง อยูมา
วันหนึ่งในขณะที่ทานกําลังนั่งอยางสงบในถ้ําฮิรออฺ ไดมีมะลาอิกะฮฺตนหนึ่งปรากฏตัว
เขามาหาทาน ทานไดเลาเหตุการณในครั้งนั้นไววา :
" ญิบริลไดมาหาฉัน แลวกลาววา “( มุหัมมัด ) จงอานเถิด ” ฉันก็ตอบวา " ฉันอานไม
เปน " เขาไดกอดรัดฉันจนกระทั่งฉันคิดวาจะตาย หลังจากนั้นเขาก็คลายออก เขาทํา
อยางนั้นสามครั้ง แลวในครั้งที่สี่เขาก็กลาววา “( มุหัมมัด ) จงอานเถิด ” ฉันไดตอบวา
" ฉันอานไมเปน " แลวเขาก็กลาวนําโองการอัลกุรอานที่วา " จงอานเถิด ( มุหัมมัด )
ดวยพระนามแหงพระเจาของเจาผูทรงสราง พระองคทรงสรางมนุษยมาจากกอนเลือด
จงอานเถิด และพระเจาของเจาผูทรงใจบุญยิ่ง ผูทรงสอนดวยปากกาทรงสอนมนุษยใน
สิ่งที่เขาไมรู … ( อัลกุร อาน ซูเราะฮฺ อัลอะลัก อายะฮฺ 1-5 )” เมื่อทานนบีไดอานแลวมะ
ลาอิกะฮฺตนนั้นก็ไดหายจากไป
ทานนบีรูสึกตกใจกับเหตุการณที่เกิดขึ้น ทานรูสึกหวาดกลัวจึงรีบกลับบานเลา
เหตุการณใหทานหญิงเคาะดีญะฮฺฟง ทานคิดวาถูกผีเขาสิงหรือมีจิตใจไมปกติ แตนาง
เคาะดีญะฮฺผูมีจิตใจที่เขมแข็งยืนยันวา
“ โอลูกของลุงเอย ทานจงดีใจและจงยืนหยัดตอไปเถิด ดิฉันขอสาบานตอผูซึ่งตัวของ
ดิฉันอยูในอุงพระหัตถของพระองค ดิฉันหวังวาทานจะตองเปนนบีแหงประชาชาตินี้ ”
และแลวนางก็พาสามีของนางไปหา “ วะเราะเกาะฮฺ ” บุตรของเนาฟล ผูเปน
ลูกพี่ลูกนองคนหนึ่งของนาง ชายผูนี้เปนคนที่มีความรูในคัมภีรของชาวคริสเตียนและยิว
เมื่อวะเราะเกาะฮฺฟงรายละเอียดตางๆ จากนางเคาะดีญะฮฺแลว ทานไดกลาวขึ้นวา
“ ถาหากเรื่องที่เธอเลาทั้งหมดนั้นเปนความจริง นี่จะตองเปนพระประสงคของพระเจา
อยางแนนอน พระเจาองคนี่แหละที่ทรงพูดกับโมเซสที่ภูเขาซีนาย มุหัมมัดจะเปน
ศาสดาของชนชาตินี้ จงบอกเขาเถิดวา จงมีความเขมแข็ง “
ตอมาไมนานนัก มะลีกะฮฺญิบรีลไดเขามาหาทานนบีอีกพรอมนําโองการใหมมา
โดยกลาววา “ โอผูอยูใตผาคลุม จงลุกขึ้นตักเตือนเถิด จงสรรเสริญพระผูเปนเจา จง
ทําตัวของเจาใหบริสุทธิ์ จงหลีกเลี่ยงความไมสะอาดทั้งมวล จงอยาใหเพื่อที่จะได
F 6
กลับคืนมา และเพื่อพระเจาจงอดทนเถิด … ( อัลกุรอาน ซูเราะฮฺ อัลมุดัซซิร อายะฮฺที่ 1-
7) ” ทานนบีไดเลาเรื่องโองการนี้ใหนางเคาะดีญะฮฺฟง ซึ่งโองการดังกลาวไดสั่งใหทาน
ทําการเผยแพร แตทานไมรูวาจะไปเผยแพรใหกับใคร ทานเคาะดีญะฮฺพยายาม
ปลอบโยน และยืนยันวาจะอยูเคียงขางทานตลอดไปไมวาจะเกิดอะไรขึ้น นางไดพา
สามีของนางไปหาวะเราะเกาะฮฺอีกครั้งหนึ่ง และเลาเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับสามีของ
นางใหแกวะเราะเกาะฮฺฟง ดวยความรอบรูของวะเราะเกาะฮฺ ทานไดกลาววา
“ ขอสาบานวาทานคือศาสดาของชนชาตินี้ ทานจะถูกทําราย ทานจะถูกดา ถูกจองลาง
จองผลาญ และถาฉันยังมีชีวิตอยูถึงวันนั้น ฉันจะชวยมุหัมมัดเผยแพรศาสนา จะ
ชวยงานของพระเจาเคียงคูกับศาสดาของพระองค และพระเจาทรงทราบดีถึง
เจตนารมณของฉัน “
จากคําเตือนของวะเราะเกาะฮฺทําใหทานนบีรูสึกหนักใจเปนอยางมาก เพราะการ
เผยแพรสาสนของทานนั้นจะตองเผชิญหนากับชาวกุร็อยซฺอยางหลีกเลี่ยงไมได
มุหัมมัดไดรับมอบหนาที่เปนศาสดาผูประกาศศาสนาเมื่ออายุไดสี่สิบป ทานเริ่ม
เทศนาคําสอนของอิสลามในหมูประชาชนในเมืองมักกะฮฺโดยการเชิญชวนอยางลับ ๆ
ทานเริ่มการชักชวนและเผยแพรสาสนอิสลามในหมูญาติพี่นองของทานกอน แลวสู
เพื่อนสนิทมิตรสหาย ตลอดจนประชาชนชาวมักกะฮฺในภาพรวม คําสอนของทานเนนใน
เรื่องความเปนหนึ่งของพระผูเปนเจา ( เตาฮีด ) อันเปนหลักสําคัญของศาสนาอิสลาม
ทานตอตานและเรียกรองใหประชาชนเลิกบูชารูปปน รูปเคารพ และเจว็ดตางๆ ซึ่งใน
สมัยนั้นชาวมักกะฮฺสวนใหญกราบไหวบูชารูปปนและเจว็ดตางๆ แมแตในรอบๆ วิหาร
กะบะฮก็เต็มไปดวยรูปบูชามากกวา 300 องค ภรรยาของทานคือ นางเคาะดีญะฮ เปน
คนแรกรับการชักชวนของทาน กลาวกันวานอกจากทานหญิงเคาะดีญะฮแลวบุคคลที่เขา
รับอิสลามกอนใครอื่นมีดวยกัน 3 ทาน คนแรกคือ ทานอะลี บุตรอะบีฏอลิบ ซึ่งเปน
บุตรลุงที่ทานนบีรับมาอุปการะ ทานอะลีถือวาเปนบุคคลแรกรับอิสลามในกลุมเยาวชน
คนที่สองคือทานซัยด บุตรของฮาริษะฮ ซึ่งเปนบุตรบุญธรรมของทานนบี และถือวาเปน
บุคคลแรกรับอิสลามในกลุมทาส สวนบุคคลที่สามคือ ทานอบูบักร บุตรของกุฮาฟะฮ
ทานผูนี้มีสภาพแตกตางกับสองทานที่แลว เพราะทานมิไดเปนเครือญาติใกลชิดกับ
F 7
ทานนบีและมิไดอยูในวัยเด็กเหมือนสองทานแรก หากแตทานเปนพอคาที่มีสติปญญา
ความคิดที่หลักแหลม ทานอบูบักรถือวาเปนบุคคลแรกรับอิสลามในกลุมผูใหญหรือ
บุคคลทั่วไป
หลังจากบุคคลทั้งสามแลว มีสาวกทานอื่นๆ ทยอยเขารับอิสลามกัน เชน ทานอุ
สมาน อิบนุอัฟฟาน , อัซซุเบร อิบนุลเอาวาม , อับดุลเราะฮฺมาน อิบนุเอาฟฺ , สะอฺดุบ
นุอะบีวักก็อส , ฏ็อลฮะ อิบนุอับดิลลาฮฺ , อะบูอุบัยดะฮฺ , อามิร อิบนุลญัรรอฮฺ , อัลอัร
กอม อิบนุ อะบิล อัรกอม เปนตน ทานนบีและบรรดาสาวกไดรวมตัวกันอยางลับๆและ
จัดทําศูนยเผยแพรศาสนาอิสลามที่บานของอัลอัรกอม อิบนุ อัรกอม เมื่อเวลาผานไป
จํานวนผูเขารับอิสลามก็เพิ่มมากขึ้น ภายในเวลาสามหรือสี่ปก็ไดมีผูเขารับศาสนา
อิสลามเกือบสี่สิบคน อยางไรก็ตาม ในชวง 3 ปแรกนั้นมุสลิมใหมทุกคนยังคงปกปด
ตัวเองอยู
หลังจากสามปผานพนไป ทานนบีไดรับคําสั่งจากพระเจาใหประกาศศาสนา
อยางเปดเผย ทานนบีเริ่มกลาวโจมตีบรรดาเทวรูปและเจว็ดตางๆ อันเปนที่
สักการะบูชาของชาวมักกะฮฺ อยางตรงไปตรงมาและเปดเผย ซึ่งการกระทําเชนนี้
สําหรับชาวกุร็อยซฺแลวนับวารุนแรงมาก จนทําใหพวกเขาเกลียดชังและประกาศเปน
ศัตรูกับทานนบีอยางเปดเผย กอนหนานี้ พวกกุร็อยซฺไมคอยถือเรื่องการเผยแพร
ศาสนาของทานนบีเปนเรื่องจริงจังมากนัก นอกจากจะเยยหยันทานเลนเทานั้น แตเมื่อ
เริ่มมีผูคนหันมานับถือมากขึ้น พวกกุร็อยซฺจึงคิดวางแผนการตอสูอยางจริงจัง เพราะ
ชาวกุร็อยซฺเกรงกลัววา หากอิสลามไดรับการยอมรับ นั้นก็หมายความวา ศาสนาแหง
บรรพบุรุษ ที่มีการกราบไหวบูชารูปเจว็ด ก็จะตองถูกทําลาย ดังนั้นพวกเขาจึงรวมตัว
กันขัดขวางการเผยแพรสัจธรรมของทานนบีอยางสุดความสามารถ ในขณะที่ทานนบี
เผยแพรศาสนานั้น ลุงของทานคือ อะบูฎอลิบ ถึงแมวามิไดเขารับศาสนาอิสลาม แตก็
ปกปองหลานรักของทานจากการถูกทํารายจากชาวกุร็อยซฺ
การดื้อรั้นและการตอตานของพวกกุร็อยซไดทวีความรุนแรงมากขึ้น เมื่อพวกเขา
เห็นทานนบีและบรรดาสานุศิษยของทานยังเด็ดเดี่ยวในคําสอนศาสนาอิสลาม
จนกระทั่งพวกเขาใชมารตร การเด็ดขาดโดยการจับกักขังและทรมานสานุศิษยของ
ทานนบีที่เปนพวกทาส กลุมคนออนแอ และคนยากจนไรที่พึ่งพิง บุคคลเหลานี้ถูกจับไป
ทรมานใหตากแดดอันรอนระอุและใหนอนบนผืนทรายหรือที่เนินหินที่รอนจัด ถูกสั่งให
อดอาหาร และน้ําดื่ม ตลอดจนถูกทารุณกรรมอยางไรความเปนมนุษย ดังที่พวกเขา
F 8
กระทําตอทานบิลาลและสาวกทานอื่นๆ จนกระทั่งสาวกบางทานทนตอการทารุณกรรม
เหลานี้ไมไหวจนตองจบชีวิตไป อยางเชนครอบครัวของอัมมาร บิน ยาสิร เปนตน
เนื่องจากชาวมุสลิมถูกทํารายและประหัตประหารเชนนี้ ทานนบีจึงไดแนะนําให
พวกเขาไปหาที่พึ่งในดินแดนอื่น ในสมัยนั้นอบิสสิเนียเปนที่รูจักดีของชาวมักกะฮฺใน
ฐานะที่เปนตลาดสินคาของอารเบีย ในเดือนที่ 7 ของปที่ 5 ของการเผยแพรศาสนาของ
ทานศาสดา ชาวมุสลิมผูชาย 11 คน และผูหญิง 4 คน รวมทั้งทานอุษมาน บุตรอัฟฟาน
และภรรยาของทานไดเดินทางไปยังเมืองอบิสิเนีย ซึ่งในเวลานั้น กษัตริยแหงอบิสิเนีย
คือ นะญาซี ไดตอนรับชนมุสลิมเหลานี้ดวยอัธยาศัยไมตรี
เมื่อบรรดาหัวหนาชาวมักกะฮฺรูเรื่องถึงการอพยพของชาวมุสลิมนี้ พวกเขาไดสั่ง
ใหเหลาทหารพวกเขาออกติดตามไป แตก็ไมทัน พวกเขาก็ไมละความพยายาม ในฐานะ
ที่ประเทศอบิสิเนียมีมิตรไมตรีกับนครมักกะฮฺ พวกหัวหนาชาวมักกะฮฺจึงสงทูตไปเขา
เฝากษัตริยอบิสิเนียเพื่อขอใหพระองคทรงขับพวกมุสลิมออกจากอาณาจักรของ
พระองค พระองคทรงเรียกและฟงเหตุผลทั้งสองฝาย และในที่สุดพระองคทรง
ประทับใจในอุดมการณของฝายชาวมุสลิมเปนอยางมาก จึงทรงอนุญาตใหชาวมุสลิม
พํานักอยูในอาณาจักรของพระองคไดอยางสงบ ทูตของหัวหนาชาวมักกะฮฺจึงตอง
กลับไปยังมักกะฮฺดวยมือเปลาอยางผิดหวัง
ผลที่สําคัญที่ไดจากการอพยพในครั้งนี้ก็คือ ทําใหชาวมุสลิมในเมืองมักกะฮฺมี
กําลังใจมากขึ้นเมื่อไดรูวา ขณะนี้ยังมีสถานที่อีกแหงหนึ่งที่พวกตนสามารถหลบไปพึ่ง
อาศัยใหพนจากการประหัตประหารของชาวมักกะฮฺได ในที่สุดเหตุการณครั้งนี้
กอใหเกิดความคิดที่จะทําการอพพยโยกยายชาวมุสลิมจากมักกะฮฺไปยังเมืองมะดีนะฮ
ในเวลาตอไป ในขณะเดียวกัน ชาวมุสลิมในมักกะฮฺเพิ่มความลําบากยากแคนยิ่งขึ้นอัน
เนื่องมาจากชาวมักกะฮฺเสียหนาและไดรับความผิดหวังจากกษัตริยอบิสิเนีย จึงเพิ่ม
ความโกรธแคนตอชาวมุสลิมมากขึ้นเปนทวีคูณ
หลังจากที่ชาวมุสลิมพํานักอยูที่อบิสิเนียไดสองเดือนและทราบขาววาชาวมักกะฮฺ
ไดยกเลิกการกดดันชาวมุสลิมแลว ผูอพยพจึงพากันกลับมายังมักกะฮฺ เมื่อชาวกุร็อยซ
F 9
มักกะฮฺเห็นชาวมุสลิมก็ยิ่งรูสึกริษยาในความสําเร็จของอิสลามมากขึ้น จึงเริ่มทําการ
ประหัตประหารพวกมุสลิมหนักมือยิ่งขึ้นอีก ทานนบีจึงแนะนําใหบรรดาสาวกของทาน
หลบภัยไปอยูที่อบิสิเนียอีกครั้งหนึ่ง ครั้งนี้มีผูอพยพหลบหนีไปจํานวนถึง 101 คน เปน
สตรี 10 คน
ฝายกุร็อยซฺเริ่มตกใจในความสําเร็จอยางรวดเร็วของทานนบี พวกเขาไดสง
ตัวแทนไปหาทานอบูฎอลิบซึ่งเปนลุงของทานนบี ขอใหทานเจรจากับทานนบีใหยอม
ยกเลิกการเผยแพรศาสนาอิสลามนี้ โดยที่พวกเขายอมที่จะใหทุกสิ่งทุกอยางที่ทานนบี
ตองการ ไมวาจะเปนในเรื่องอํานาจยศฐาบรรดาศักดิ์ เหลานารีที่แสนสวย หรือ
ทรัพยสินเงินทอง ทานนบีไดตอบแกทานอบูฎอลิบดวยเสียงที่หนักแนนไววา
“ โอทานลุงของฉัน … ถึงแมจะเอาดวงอาทิตยมาวางในมือขวาของฉัน และเอาดวงจันทร
มาวางบนมือซายก็ตาม ฉันก็จะไมขอเลิกภารกิจของฉันอันนี้ ”
ในปที่หกแหงการเผยแพรศาสนาของทานนบี ทานฮัมซะฮซึ่งเปนลุงของทานนบี
และเคยดื่มนมรวมแมเดียวกันกับทานนบีเขารับอิสลาม และทานอุมัร บุตรค็อฎฎอบ ก็
เขารับอิสลาม ซึ่งนับเปนชัยชนะที่ยิ่งใหญของทานนบี เพราะทั้งสองเปนคนที่กลาหาญ
และมีอิทธิพลในมักกะฮฺพอสมควร เมื่อคําสอนของทานนบีไดแพรขยายและมีผูเขารับ
อิสลามมากขึ้นทุกวัน ชาวกุร็อยซมักกะฮฺจึงรวมตัวกันตอตานเผาฮาซิม ซึ่งเปนฝายของ
ทานนบีโดยการคว่ําบาตรและตัดความสัมพันธกับเผาอื่นๆ พวกเขาไดหามทําการซื้อ
ขายปจจัยยังชีพกับเผาฮาซิม ทําใหทานนบีและเผาฮาซิมตกอยูในสภาพที่ขาดแคลน
ปจจัยที่จําเปนในการดํารงชีวิตและตกอยูในสภาพเชนนี้นานถึงสามป ทานนบีถูก
ทดสอบอยางหนักหนวง แตทานก็ไมเคยทอและไมเคยหมดความไววางใจในพระเจา
เลย
และในเวลานี้เองทานก็ไดรับขาวราย ขาวการสิ้นชีวิตของนางเคาะดีญะฮฺ และ
ทานอบูฏอลิบอันเปนปที่สิบแหงการเผยแพรศาสนาของทานศาสดา และถือวาเปนป
แหงความโศกเศรา นางเคาะดีญะฮฺภรรยาผูประเสริฐของทาน ซึ่งเปนผูสนับสนุนให
กําลังใจดวยความรักความเห็นใจ เคยเปนเพื่อนที่คอยปลอบประโลมใจในยามมีทุกขกับ
F 10
ทานรวมถึงยี่สิบหาป บัดนี้นางก็ลาจากทานไปแลว และการสูญเสียอบูฏอลิบไปก็
เทากับทานเสียผูปกปองคุมครองไปเสียแลว อบูฎอลิบเสียชีวิตอายุไดประมาณ 80 ป
การสูญเสียทั้งสองทําใหสถานการณระหวางพวกมุสลิมกับพวกกุร็อยซฺเลวรายยิ่งขึ้น
การจอมผลาญ ประหัตประหารของพวกศัตรูก็รุนแรงขึ้นทุกวัน แมกระนั้นทานก็ยังไม
ทอและไมเคยคิดที่จะละทิ้งความพยายาม
ศาสดามุหัมมัดตระหนักดีวา ทานไมอาจจะทนอยูในมักกะฮฺตอไปได
หลังจากอบูฏอลิบซึ่งเปนลุงและเคาะดีญะฮฺภรรยาของทานไดสิ้นชีวิตไปแลว และ
หลังจากที่พวกกุร็อยชมักกะฮไดบีบคั้นทานอยางหนักหนวง พวกกุร็อยชฺจะทําทุกวิถีทาง
เพื่อจะหยุดการเผยแพรศาสนาของทานใหได ทานจึงคิดจะเดินทางออกไปเผยแพร
ศาสนาอิสลามนอกนครมักกกะฮฺ ทานเริ่มตนดวยการไปเยือนชนเผาตาง ๆ ทาน
พยายามเทศนาหลักคําสอนของศาสนาใหมใหแกชนเหลานั้นไดรับทราบ ซึ่งบางเผาก็
สนใจในคําสอนของทาน บางเผาก็หาวาทานเสียสติ ระยะนั้นทานตองเหน็ดเหนื่อยมาก
แตทานยังมีความมั่นคงในอุดมการณไมเปลี่ยนแปลงระยะนี้จะมีเสียงวิพากวิจารณถึง
ตัวทานในทางไมดีอยูตลอด แตทานก็อดทนไมโตตอบกับเสียงวิจารณเหลานั้น
ศาสดามุหัมมัดตองเผชิญกับเหตุการณครั้งสําคัญที่สุด และถูกกลั่นแกลงอยาง
หนักหนวงในขณะที่ทานเดินทางไปเผยแพรศาสนาที่เมืองฏออีฟเพื่อเชิญชวนใหชนชั้น
ปกครองของเมืองนี้ศรัทธาตอเอกภาพของพระเจา เรียกรองใหพวกเขาเชื่อในพระเจา
องคเดียว พวกเขามิใชเพียงไมยอมรับ ยังพูดจาถากถางทานดวยคําพูดที่หยาบคาย
พรอมทั้งโหไลทานใหพนจากที่นั่น ประชาชนบางกลุมขวางปาทานดวยกอนหิน จน
ศีรษะแตกเลือดโทรมกาย ทานยืนทอดอาลัยตอความหยาบคายของพวกฏออีฟดวย
หัวใจที่ออนระโหยพรอมทั้งขอใหพระเจายกโทษใหชนกลุมนี้จากความโงเขลาที่ได
ปฏิบัติตอทาน
หลังจากทานกลับมาจากฏออีฟแลว ก็ไดเริ่มสั่งสอนเทศนาแกผูที่เดินทางมา
แสวงบุญ ณ วิหารกะอบะฮฺ ซึ่งสวนมากเปนผูแทนจากเผาตาง ๆ ของชาวอาหรับ ทาน
ไดอธิบายถึงหลักการของศาสนาอิสลามใหทราบวา ขอเท็จจริงศาสนานี้เกี่ยวของกับ
ศาสนาของศาสดาอิสมาอีล ซึ่งเปนบรรพบุรุษของพวกอาหรับ หลายเผารับฟงดวย
F 11
ความสนใจตอคําสอนของทาน แตขอศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมอีก มีอยูหลายครั้งที่
พวกกุร็อยชไดแอบสงผูแทนของตนเขาปะปนไปอยูรวมพิธีกับผูแสวงบุญ และคอยเตือน
ใหสติผูนําเผาเหลานั้นไมใหเคลิบเคลิ้มหลงใหลไปกับคําเชิญชวนของมุหัมมัด พวกเขา
พยายามใสไคลวามุหัมมัดเปนคนเสียสติ เปนนักมายากลใชเวทยมนตคาถา เพื่อ
หลอกลวงชาวอาหรับ เปนเรื่องนาแปลกใจที่วา เมื่อพวกกุร็อยชฺยุยงใสไคลหนักหนวง
เทาใด อาหรับเ ผ าตาง ๆ และผูแสวงบุญก็ยิ่งอยากรูจักมุหัมมัดมากขึ้น เพื่อตองการ
พิสูจนคํากลาวหาของพวกกุร็อยชฺวามีความจริงเพียงใด ดังนั้นแทนที่มุหัมมัดจะไปหา
พวกเขา พวกนั้นกลับขวนขวาย อยากพบทานศาสดามากขึ้น และเมื่อมาไดยิน ไดฟง
แลว พวกยัษริบบางกลุมไดเกิดความเลื่อมใสขึ้นมาทันที โดยเฉพาะอยางยิ่งในปที่ 11
ของการเผยแพรศาสนาของทานนบี นักแสวงบุญจากเมืองยัษริบ ( มะดีนะฮฺ ) จาก
เผาค็อซร็อจญจํานวน 6 คน ตอบรับการเชิญชวนของทาน ความหวังในการเผยแพร
ศาสนาเริ่มมีความหวังขึ้นมาบาง
ในขณะที่หนึ่งปผานไป ตรงกับปที่ 12 แหงการเผยแพรศาสนาของทานนบี เดือน
อันศักดิ์สิทธิ์และฤดูกาลแหงการแสวงบุญกลับมาถึง ผูแสวงบุญจากเมืองยัษริบจํานวน
12 เขาพบทานศาสดาที่ภูเขาอัลอะเกาะบะฮฺ และไดเขารวมเปนพันธมิตรกับทานดวย
สนธิสัญญาที่เรียกวา “ สนธิสัญญาอัลอะเกาะบะฮฺฉบับแรก ” ในสนธิสัญญานี้พวกเขา
ตกลงกันที่จะยึดมั่นในเรื่องเอกภาพของพระเจาโดยไมกราบไหวรูปเคารพ จะไมลัก
ขโมย หรือลวงประเวณี จะไมฆาลูกๆ ของตน หรือไมทําความชั่วทั้ง ๆ ที่รู และจะตอง
ยอมรับคําบัญชาของพระเจาอยางไมมีเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น พวกผูแทนจากเมืองยัษริบ
เหลานี้ก็ยินดีรับฟงตามเงื่อนไขดังกลาว ในตอนขากลับไปยังเมืองยัษริบนั้น ศาสดา
มุหัมมัดไดสงมุสอับ อิบนุ อุมัยรฺ ไปกับพวกเขาดวย เพื่อสอนกุรฺอานและหลักคําสอน
ของอิสลามใหคนเหลานั้น หลังจากสนธิสัญญานี้แลว อิสลามจึงไดเริ่มแพรหลายไปใน
เมืองยัษริบอยางรวดเร็ว มุสอับอาศัยอยูกับบรรดามุสลิมของเผาเอาสฺ และค็อซร็อจญ
และไดสอนศาสนาแหงพระผูเปนเจาและการเปดเผยสัจธรรมใหพวกเขา จํานวนมุสลิม
ในเมืองยัษริบไดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเดือนศักดิ์สิทธิ์หวนกลับมา มุสอับก็เดินทางมายัง
นครมักกะฮฺและรายงานผลความกาวหนาในเรื่องพลังอํานาจและการผนึกกําลังของ
F 12
มุสลิมในเมืองมะดีนะฮฺใหทานศาสดาฟงและไดแจงแกทานดวยวาคนเหลานั้นจะมาทํา
การแสวงบุญในฤดูกาลนี้เปนจํานวนมากกวาที่เคยเปนมา
ป ค.ศ. 622 ไดมีจํานวนผูแสวงบุญจากเมืองยัษริบจํานวนมาก คือบุรุษเจ็ดสิบ
สามคนและสตรีสองคน เมื่อศาสดามุหัมมัดไดทราบขาวนี้ ทานก็คิดจะทําสนธิสัญญา
อีกฉบับหนึ่งกับพวกเขาซึ่งนอกจากคําสั่งสอนของอิสลามอยางสุภาพออนโยนและสอน
ใหอดทนแลว ทานตองการทําสัญญาเรียกรองใหพวกเขาพรอมที่จะเสียสละในการ
ปกปองภยันตรายตางๆ และโตตอบการประทุษรายและการรุกรานที่อาจเกิดขึ้นแก
ทานนบีและชาวมุสลิม ศาสดามุหัมมัดจึงไดติดตออยางลับ ๆ กับพวกหัวหนากลุมนั้น
และไดทราบวาพวกเขาก็เตรียมตัวไวอยางดีแลวที่จะทํางานเชนนั้น พวกเขาตกลงที่จะ
ไปพบกันที่เขาอัลอะเกาะบะฮฺในตอนกลางคืนของวันที่สองแหงการแสวงบุญ มุสลิมจาก
เมืองยัษริบเก็บการนัดพบนั้นไวเปนความลับ มิใหแพรงพรายใหแกผูไมศรัทธาในเผา
ของพวกเขาเอง และชาวกุร็อยซฺทราบ เมื่อถึงเวลาพวกเขาก็มาพบกับทานศาสดาตามที่
นัดไวโดยลอบมาในความมืดยามค่ําคืน เมื่อพวกเขามาถึงอัลอะเกาะบะฮฺทั้งชายและ
หญิงก็ขึ้นไปบนภูเขาและรอทานศาสดาอยูที่นั่น
ศาสดามุหัมมัดมาถึงพรอมดวยลุงของทานคืออัลอับบาส บุตร อับดุลมุฏเฏาะลิบ
อัลอับบาส ซึ่งตอนนั้นยังมิไดเปลี่ยนมารับอิสลาม แตดวยความเปนหวงหลานชายจึง
ติดตามมาดวย สัญญาอัลอะเกาะบะฮฺครั้งนี้เรียกวา “ สนธิสัญญาอัลอะเกะบะฮฺครั้งที่
สอง ” ขอความที่สําคัญในสัญญาครั้งนี้คือ กลุมตัวแทนจากเมืองยัษริบนี้ สัญญาที่
ปกปองศาสดามุหัมมัด และจะกระทําทุกสิ่งทุกอยางเหมือนกับการปกปองภรรยาและ
ลูกๆ ของพวกเขาเอง การทําสัญญาของพวกยัษริบในครั้งนี้มี อัลบารออฺ อิบนุ มุอฺรูร
เปนหัวหนาของกลุมนี้ อัลบารออฺ อิบนุ มุอฺรูร เขารับอิสลามหลังจากที่มีการทํา
สนธิสัญญาอะเกาะบะฮฺฉบับแรก
ขาวนี้เมื่อทราบถึงพวกกุร็อยซฺมักกะฮฺ พวกเขารูสึกไมพอใจทันที่ พวกเขาไดพา
กันมาหาหัวหนาของเผาค็อซร็อจญ ณ ที่พัก แตฝายมุสลิมก็เงียบเสีย ทําใหพวกกุร็อยซฺ
ไมสามารถที่จะจับผิดได เพราะไมมีหลักฐานที่ชัดเจน ดังนั้นพวกยัษริบจึงรีบกลับเมือง
กอนที่พวกกุร็อยซฺจะหาหลักฐานได เมื่อพวกกุร็อยซฺรูความจริง พวกเขาจึงรีบตามไป
F 13
แตก็ไมทัน คงจับไดชาวยัษริบเพียงคนเดียว คือ สะอฺด อิบนุ อุบาดะฮฺ เขาถูกใสโซ
ตรวนและทรมาน จนกระทั่ง จูเบร อิบนุ มุตอัม อิบนุ อดียะฮฺ และฮารีษ อิบนุ อุมัยยะฮฺ
ตองไปขอถายตัวเขาดวยเงินจํานวนหนึ่งเพื่อใหพนโทษ
สนธิสัญญาทําใหทานนบีมีความหวังและเปนการเปดประตูสูชัยชนะ สวนพวก
กุร็อยซฺมีความกลัวและวิตกกังวลเปนอยางมาก พวกเขาคิดวาถาขบวนการนี้ยังไมถูก
ทําลายอยางถอนรากถอนโคน อนาคตของพวกเขาจะตกอยูในอันตราย ชัยชนะของ
มุหัมมัดอาจเกิดขึ้น พวกเจาจึงวางแผนใชมารตราการขั้นเด็ดขาดกับมุหัมมัดและชาว
มุสลิม ทานนบีก็รูดีวาการนองเลือดระหวางพวกกุร็อยซฺกับชาวมุสลิมเห็นที่จะไมมีทาง
หลีกพน ทานจึงสั่งใหมิตรสหายตลอดจนสาวกของทานอพยพไปยังเมืองยัษริบ มุสลิม
จึงเริ่มอพยพไปทีละคนทีละกลุม บางครั้งก็เปนกลุมเล็กๆ ทั้งนี้เพื่อไมใหพวกกุร็อยซเกิด
ความสงสัย อยางไรก็ตามบางคนที่จับได ก็ถูกทรมานไป
มักกะฮฺเปนสถานที่แหงแลงเต็มไปดวยเนินเขา สภาพทางภูมิศาสตรนับวามี
อิทธิพลตอผูคนในเมืองเปนอยางมากทีเดียว ชาวมักกะฮฺมักเปนคนอารมณรายและไม
คอยมีความคิดที่ลึกซึ้ง ตรงกันขามยัษริบเปนเมืองที่อุดมสมบูรณมีพืชผลไมมากชนิด
ดินฟาอากาศ ก็ไมทารุณเหมือนมักกะฮฺ ผูคนจึงมีจิตใจออนโยน มีความเกรงใจและชาง
คิด เพราะฉะนั้นในระยะตนของการเผยแพรอิสลามเมืองมะดีนะฮฺจึงเปนที่ ๆ เหมาะสม
มากกวามักกะฮฺมาก ในมะดีนะฮฺไมมีพวกนักบวชคอยตอตานความเจริญเติบโตของ
อิสลามเหมือนในมักกะฮฺ ฉะนั้นจึงเปนการงายที่จะเผยแพรคําสอนศาสนาอิสลาม
มากกวาที่อื่น นอกจากนี้ในเมืองนี้ยังมีชาวยิวอาศัยอยูดวย พวกยิวถือวามุหัมมัดเปน
ผูสนับสนุนคัมภีรของพวกตน ฉะนั้นพวกเขาจึงรอตอนรับทานศาสดาดวยความ
กระตือรือรน
หลังจากที่ทานศาสดาไดสั่งสานุศิษยของทานใหโยกยาย อพยพไปอยูที่เมืองยัษ
ริบแลว ประกอบกับทราบขาววาพวกกุร็อยซฺกําลังวางแผนจะสังหารทานนบีอยาง
แนนอน และในเวลาเดียวกันนั้น ทานนบีไดรับคําบัญชาจากพระเจาใหเดินทางไปพรอม
กับทานอบูบักรฺ ทานนบีไดหลบออกจากบานในเวลากลางคืน โดยใหทานอาลี บุตร
อบูฎอลิบ นอนอยูบนเตียงของทาน ภายใตสถานการณที่คนหนุมจากเผาตางๆ ได
F 14
ลอมรอบบานทานเพื่อรอการสังหารทาน ทานไดหลบหนีออกไปกับอบูบักรโดยไปหลบ
อยูในถ้ําแหงหนึ่ง ซึ่งอยูไมไกลจากเมืองมักกะฮฺนัก โดยไมมีใครเห็น นอกจากอับดุลลอ
ฮฺ ลูกของอบูบักรฺ กับนองสาวสองคนของทาน คือ อาอิชะฮฺ และอัสมา ทั้งสองไดซอน
อยูในถ้ําเปนเวลาสามวัน ดวยความชวยเหลือจากพระเจา พวกกุร็อยซฺตามตัวไมพบ
ถึงแมวาพวกเขาไดมาถึงปากถ้ําแลวก็ตาม เพราะวาหนาปากถ้ํามีใยแมงมุมและมี
นกพิราบมาสรางรังอยู โดยที่พวกเขานึกไมถึงวาทานนบีอยูในถ้ํานั้น
เมื่อเห็นวาปลอดภัยดีแลว ทานนบีและอบูบักรฺจึงออกเดินทางตอไป โดยมีคนใช
ชื่อวา อับดุลลอฮฺ อินุ อุรัยกิต เปนผูนําทาง ซึ่งไดนําทางสองไปทางตอนใตของมักกะฮฺ
แลวออกเดินทางไปอยางระมัดระวังตามเสนทางที่ไมมีผูคนใช เพื่อหลีกเลี่ยงไมใหพบ
กับพวกกุร็อยซฺ ในวันที่ 2 เดือนร็อบบิลอุลอัววัล ตรงกับเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 622
ทานนบีมาถึงที่เมืองกุบาอฺ ซึ่งอยูหางจากเมืองยัษริบประมาณ 6 ไมล ณ ที่นั้นทานนบีได
สรางมัสยิด ซึ่งมีชื่อวา มัสยิดกุบาอฺ และถือวาเปนมัสยิดแหงแรกในอิสลาม ทานนบีได
พักที่นั้นเปนเวลาประมาณสองอาทิตย จึงเดินทางเขาเมืองยัษริบในวันศุกรโดยมี
ชาวเมืองยัษริบออกมาตอนรับเปนจํานวนมาก
เหตุการณครั้งนี้เรียกวาการอพยพหรือ ฮิจญเราะฮฺอันเปนการเริ่มตนศักราชของ
ชาวมุสลิม นับแตนั้นมา เวลาแหงการประหัตประหารชาวมุสลิมในเมืองมักกะฮฺก็เปนอัน
สิ้นสุดลง และยุคแหงเมืองมะดีนะฮฺก็เริ่มตนขึ้น ภาระกิจของทานศาสดายังไมสําเร็จ
เสร็จสิ้นแตความสําเร็จก็เริ่มขึ้นแลวที่มะดีนะฮฺ ทานศาสดาไมเพียงแตไดรับการตอนรับ
อยางมีเกียรติเทานั้น แตยังไดรับการแตงตั้งใหเปนประธานของชุมชนอีกดวย สถานะ
และอํานาจของทานศาสดาก็เพิ่มขึ้น และอิสลามก็ไดตั้งหลักปกฐานมั่นคงขึ้นทุกวัน ณ
เมืองนี้ทานศาสดามีอิสรภาพที่จะเทศนาคําสอนของพระผูเปนเจา ทามกลางผูหลงผิด
ในที่สุดก็หันมามีศรัทธาในศาสนาใหมนี้มากขึ้นและไดแผขยายออกไปเรื่อย ๆ
F 15
เมื่อทานศาสดาไดมาอยูที่เมืองยัษริบแลว เมืองนั้นก็ไดรับขนานนามใหมเปนมะ
ดีนะตุนนะบี หรือเมืองแหงศาสดา ภาระกิจแรกที่ทานศาสดาทําที่เมืองนี้ก็คือสราง
มัสญิดขึ้นหนึ่งหลังซึ่งทานไดลงมือทํางานเองเหมือนกรรมกรคนหนึ่ง มัสญิดหลังนี้เปน
สถานที่ทําการละหมาดและศูนยรวมการเผยแพรศาสนาอิสลาม
ในสมัยนั้น มะดีนะฮฺประกอบดวยกลุมคน เผาพันธหลายกลุมดวยกัน นอกจาก
เผาเอาสฺ และค็อซร็อจญแลว ยังมีเผาพันธพวกยิวจํานวนหนึ่ง เชน เผาก็อยนุกออฺ เผากู
รอยเซาะฮฺ เผานะฎีร และเผาค็อยบัร ทานนบีรูดีวาความหลากหลายในเผาพันธนั้น
อาจสรางความวุนวายเกิดขึ้นได โดยเฉพาะอยางชาวยิวคงไมยิ่งดีนักที่เห็นความสําเร็จ
ของศาสนาอิสลาม เพราะชาวยิวมักจะพูดเสมอวาตนเปนประชาชาติที่พระเจาทรง
คัดเลือกและมีความประเสริฐกวาประชาชาติอื่นๆ ในโลก ดวยเหตุดังกลาวนี้ ทานนบีได
รีบสรางความเปนปกแผนเปนอันหนึ่งเดียวกันในหมูมุสลิม โดยใชศาสนาเปนตัวกระตุน
สรางความเปนเอกภาพและภารดรภาพเกิดขึ้นในสังคมมุสลิมมะดีนะฮฺ โดยเฉพาะอยาง
ยิ่งระหวางชาวมุสลิมที่อพยพมากมักกะฮฺ หรือที่เรียกวา กลุมมุฮาญิรีน ซึ่งเปนผูลี้ภัย
และชาวมุสลิมพื้นเมือง หรือที่เรียกวา กลุมอันศอร ซึ่งเปนผูใหความชวยเหลือ
ชาวอันศอรนอกจากชวยเหลือในยามคับขันแลว คนเหลานี้ยังเสียสละเงินทอง
จัดหาบานเรือนและทรัพยสมบัติใหแกชาวมุฮาญิรีน ความเปนพี่นองระหวางชาวมุฮาญิ
รีนกับชาวอันศอรนั้นไดเปนไปอยางลึกซึ้ง กระทั่งยอมหยาภรรยาตนเองเพื่อมอบใหแก
ชาวมุฮาญิรีน และสามารถรับมรดกของกันและกันไดเวลาคนหนึ่งคนใดสิ้นชีวิตไป เมื่อ
อิสลามเจริญรุงเรืองขึ้นจนเปนกลุมอํานาจที่เปนเอกเทศแยกออกไป บรรดาผูที่ถือรูป
เคารพทั้งหลายที่ยังไมรับอิสลามตางก็พากันอิจฉาริษยา มีบางคนที่ทําที่เปนเขารับ
อิสลามแตภายในนั้นตั้งใจที่จะตอตานทานศาสดาอยูอยางลับ ๆ พวกนี้เรียกวาพวกมุ
นาฟกูน หรือพวกหนาไหวหลังหลอก ขาดความจริงใจ คนเหลานี้เปนคนที่มีอันตราย
F 16
มากยิ่งกวาศัตรูที่เปดเผยเสียอีก สวนชาวยิวในมะดีนะฮฺนั้นเปนอีกรูปแบบหนึ่ง
กลาวคือตอนแรกพวกเขารวมกันกับชาวมะดีนะฮฺในการตอนรับทานศาสดาเปนอันดี
ทั้งนี้พวกเขาหวังที่จะชักชวนทานศาสดามาเขาเปนพวกของตน แตเมื่อภายหลังไดพบวา
พวกเขาไมอาจจะทําได พวกเขาจึงคอย ๆ ถอนความชวยเหลือออกไปทีละนอย ๆ และ
ไดกลายเปนศัตรูของอิสลามไปในที่สุด
ทานศาสดาพยายามสรางความรูสึกความเปนพี่นองขึ้นระหวางคนเหลานั้นให
มากที่สุด เพราะทานแลเห็นความจริงที่วาอาณาจักรอิสลามจะมีรากฐานที่แข็งแรงไมได
หากไมไดรับการค้ําจุนจากประชาชนทุกฝาย ความมีขันติตอศาสนาอื่น ๆ นั้นเปนสิ่งที่
จําเปนในเมื่อมีคนหลายเผาหลายชาติอาศัยอยูรวมกัน ดวยวัตถุประสงคนี้ทานศาสดา
จึงไดจัดตั้งระเบียบขึ้นเรียกวา ” ธรรมนูญแหงมะดีนะฮฺ “ ซึ่งเปนระเบียบเพื่อการเลิก
ลมการอาฆาตพยาบาทกันระหวางเผาและเพื่อใหสิทธิ์ตางแกประชาชนทุกกลุม
โดยเฉพาะชาวยิวที่อาศัยอยูในมะดีนะฮฺและรอบ ๆ มะดีนะฮฺ เนื้อความสําคัญใน
ธรรมนูญนั้นมีอยูดังนี้
1) ชุมชนทั้งหลายที่ลงนามในพันธะสัญญา นี้จักเปนชาติเดียวกัน
2) ถากลุมชนใดที่ลงนามในพันธะสัญญานี้ถูกขาศึกศัตรูรุกรานชนกลุมอื่นจะรวมกําลัง
กันชวย ทําการปกปอง
3) จักไมมีกลุมชนใดในชาติเดียวกันนี้ไปทําสนธิสัญญาอยางลับ ๆ กับพวกกุร็อยช หรือ
ให ที่พึ่งพาอาศัยแกคนเหลานั้นหรือชวยเหลือคนเหลานั้นใหตอตานชาวมะดีนะฮฺ
4) ชาวมุสลิม ชาวยิวและชุมชนอื่น ๆ ของสาธารณรัฐนี้ยอมมีอิสระที่จะนับถือศาสนา
ของตนไดและปฏิบัติกิจตามศาสนาของตนไดโดยไมมีใครขัดขวาง
5) การการะทําผิดสวนตัวเล็ก ๆ นอย ๆ ของผูที่ไมใชมุสลิมจะตองถือวาเปนความผิด
สวนตัวไมเกี่ยวของกับชุมชนที่บุคคลนั้นอยู
F 17
6) ผูที่ถูกกดขี่จะตองไดรับการปกปอง
7) นับตั้งแตนี้ไปการทําใหเลือดตกยางออก การฆาและความรุนแรงตาง ๆ ถือวาเปน
สิ่งหะ รอม ( นารังเกียจ ) ในมะดีนะฮฺ
8) ศาสดามุหัมมัด ( ศ็อลฯ ) ศาสดาแหงพระผูเปนเจาจะเปนประธานของสาธารณรัฐ
และ จะเปนศาลอุทธรณสูงสุดในดินแดนนี้
ความสําคัญของธรรมนูญนี้อยูตรงที่วาเปนธรรมนูญฉบับแรกในโลกที่เขียนไว
เปนลายลักษณอักษร กอนหนาที่ทานศาสดาไดมีผูปกครอง แตก็ไมมีใครเคยให
รัฐธรรมนูญที่เขียนเปนลายลักษณอักษรแกประชาชนของตน
ทานศาสดามุหัมมัดเปนคนแรกที่ประจักษถึงความสําคัญของความรวมมือและ
การใหความสําคัญตอประชาชนในการบริหารรัฐและการรักษาสัญญานี้ยังไดแสดงให
เห็นดวยวาทานศาสดามุหัมมัดมิใชเปนแตนักสั่งสอนศาสนาเทานั้นแตยังเปนรัฐบุรุษที่
เปนนักปกครองที่ดีดวย
เมื่อศาสนาอิสลามไดกอตัวเปนรัฐแลว มีความจําเปนอยางยิ่งที่จะตองมีความ
พรอมในดานกําลังทหาร การเมืองและเศรษฐกิจ มิฉะนั้นแลวรัฐอิสลามแหงมะดีนะฮฺจะ
ถูกโจมตี และรุกรานจากพวกกุร็อยซฺ และเหลาศัตรูรอบๆ มะดีนะฮฺไดงาย นัก
ประวัติศาสตรที่ไมหวังดีตออิสลามหลายทานกลาวหาศาสนาอิสลามวาชอบทําสงคราม
และเผยแพรศาสนาดวยคมดาบ อันที่จริงแลวอิสลามเปนศาสนาสันติ ที่จําเปนตองทํา
สงครามนั้นก็เพราะวาเพื่อปกปองศาสนาและอธิปไตยของรัฐเทานั้น ในสมัยของทานน
บีเองหลังจากอพยพมายังมะดีนะฮฺแลวมีสงครามเกิดขึ้นระหวางชาวมุสลิมกับศัตรูตางๆ
ถึง 47 ครั้ง และในจํานวนนั้นทานนบีเขารวมสงครามดวยตนเองถึง 27 ครั้ง ในบรรดา
สงครามตางๆ เหลานี้ มีสงครามที่สําคัญดังนี้
F 18
สงครามบัดรฺเปนสงครามครั้งแรก และเปนสงครามที่สําคัญที่สุดที่เกิดขึ้น
ระหวางชาวมุสลิมกับพวกกุร็อยซฺ เกิดขึ้นในเดือนรอมฏอนปที่ 2 หลังจากอพยพ หรือ
ค.ศ. 624 ณ บอบัดรฺ ซึ่งกองทัพมุสลิมมีจํานวนพล 313 คน สวนกองทัพกุร็อยซฺมีจํานวน
ผลประมาณหนึ่งพันคน โดยมีอบูญะฮัลเปนแมทัพ
สาเหตุของสงคราม
สาเหตุของสงครามบัดรในครั้งนี้กลาวคือ ทานศาสดามุหัมมัด ( ศ็อลฯ ) ทราบ
ขาววากองคาราวานพาณิชยของพวกกุร็อยซฺ ซึ่งนําโดยอบูซุฟยานกลับมาจากซีเรีย ทาน
นบบีไดปรึกษาหารือกับเหลาสาวกของทาน และตัดสินใจที่จะสงทหารไปโจมตีกอง
คาราวานของอบูซุฟยานนี้ อบูซุฟยานไหวตัวกอน จึงเปลี่ยนเสนทาง พรอมกับขอกําลัง
ชวยเหลือจากมักกะฮฺ ฝายกุร็อยซฺมักกะฮฺจึงยกกองทัพมาเพื่อที่จะบดขยี้ฝายมุสลิม
กองทัพทั้งสองฝายไดประจัญบานกัน ณ บอบัดรฺ ซึ่งอยูหางจากมะดีนะฮฺเพียงไมกี่ไมล
ทานศาสดาสั่งใหตั้งทัพอยูใกลกับเนินเขาอัล อาริช และเพื่อจะตัดน้ําจากฝายขาศึกซึ่ง
ตั้งทัพอยูทางดานใตของหุบเขา ทานจึงไดสั่งขุดบอขนาดใหญขึ้นหลายบอใหน้ําไหล
กลับเขามาในบอเหลานั้น ทั้งนี้มิใชเพียงเพื่อกันไมใหสายน้ําไหลเขาสูคายพักของพวก
ขาศึกเทานั้น แตเพื่อเก็บน้ําไวใหฝายมุสลิมใชดวย ตอนเชาตรูของวันที่ 13 มีนาคม
ค.ศ. 624 ทานไดจัดทัพและใหคําแนะนําแกพวกทหารของทานกอนจะเคลื่อนทัพไป
ทานไดวิงวอนขอตอพระเจา ขอใหทหารของทานมีชัยชนะตอกองทัพของขาศึกที่มี
จํานวนมากกวาหลายเทา
ตามธรรมเนียมของอาหรับ นายทัพของทั้งสองฝายจะตองตอสูกันตัวตอตัว นาย
ทัพของฝายกุร็อยชมีชัยบะฮ อุตบะฮและวะลีด บิน อุตบะฮไดทาทายนายทัพฝาย
มุสลิม ซึ่งมีอุบัยดะฮฺ ฮัมซะฮฺและอะลีออกไปสูกันตัวตอตัว นายทัพฝายกุร็อยชตอสู
อยางกลาหาญแตก็แพและถูกฆาตายเกือบหมด กองทัพทั้งสองจึงเขาประจัญบานกัน
F 19
ดวยขวัญและกําลังใจที่เหนือกวา ประกอบกับความชวยเหลือจากพระเจา ในที่สุด
กองทัพมักกะฮฺก็พายแพ พวกทหารที่เหลือตางก็แตกทัพและหนีออกจากสนามรบ
ทหารที่เหลือถูกจับเปนเชลยเปนจํานวนมาก อบูญะฮัล ผูเปนปรปกษที่รายกาจที่สุดของ
ทานศาสดาก็ถูกฆาตายในสนามรบดวย
ผลของสงคราม
ผลของสงครามในครั้งนี้ฝายมุสลิมไดรับชัยชนะ ทหารของกุร็อยซฺถูกฆาตาย 70
คน และถูกจับเปนเชลยเปนจํานวนมาก สวนฝายมุสลิมเปนซะฮีดแค 14 คนเทานั้น
ทานศาสดาไดสั่งใหสานุศิษยของทานปฏิบัติตอเชลยศึกที่ไมมีเสื้อผาใสก็รับแจกเสื้อผา
และพวกเขาไดรับการเลี้ยงดูดวยอาหารเชนเดียวกับฝายมุสลิม มุสลิมบางคนถึงกับ
สละขนมปงใหเชลยศึกกินสวนตัวเองกินเพียงอินทผลัม ตอมาทานศาสดาก็ตัดสินใจที่
จะปลอยเชลยศึกไปโดยใหมีการเสียคาไถ แมแตญาติของทานเองก็ใหสอนหนังสือ
ใหแกเด็กชายมุสลิมสิบคนแทนการเสียคาไถ สวนพวกที่ยากจนไมมีเงินคาไถก็ไดรับ
การปลอยตัวไปโดยใหสัญญาวาจะไมตอสูกับมุสลิมอีกในภายหนา การปฏิบัติของ
มุสลิมตอเชลยศึกอยางโอบออมอารีเชนนี้เปนสิ่งที่ไมเคยมีมากอนเลยในประวัติศาสตร
ผลของสงครามบัดรฺเปนเหตุการณที่มีความหมายตอชะตากรรมขอลงอิสลาม
อยางมากที่สุดในประวัติศาสตรของอิสลาม เพราะหากฝายมุสลิมไมสามารถเอาชนะ
สงครามครั้งนี้ได อิสลามก็อาจจะถูกกวาดลางใหสูญไปจากโลกนี้เลยก็ได ชัยชนะใน
สงครามครั้งนี้ไดใหความหวังใหมแกชาวมุสลิมและเปนกําลังใจแกพวกเขาเปนอยาง
มาก ในสงครามนี้อํานาจของพวกกุร็อยชก็ถูกทําลายลงและความหยิ่งผยองของพวก
เขาก็ลดลงไปดวย ในขณะที่อิทธิพลของทานศาสดามุหัมมัด ( ศ็อลฯ ) และอํานาจของ
อิสลามเริ่มมีมากขึ้นตลอดไปถึงอาณาบริเวณนอกเมืองมะดีนะฮฺดวย สงครามครั้งนี้ยังมี
ผลกระทบกระเทือนอยางหนักตอชาวยิวและชนเผาใกลเคียงคือ เบดูอินพวกเขาไดรูวา
บัดนี้ไดมีพลังอันไมอาจจะเอาชนะไดเกิดขึ้นแลวในอารเบีย แตกอนนี้พวกยิวไมไดให
ความสําคัญอันใดแกชาวมุสลิมนักแตเดี๋ยวนี้พวกเขาเริ่มรูถึงความเขมแข็งของมุสลิม
สงครามบัดรชวยใหฝายมุสลิมผนึกกําลังของอิสลามในมะดีนะฮฺ และทําใหพวกเขาตอสู
กับผูคนที่มีทิฐิในเมืองนั้น ไดอยางไมหวั่นหวาด
ชีวประวัตินบี(ปลาย).Pdf
ชีวประวัตินบี(ปลาย).Pdf
ชีวประวัตินบี(ปลาย).Pdf
ชีวประวัตินบี(ปลาย).Pdf
ชีวประวัตินบี(ปลาย).Pdf
ชีวประวัตินบี(ปลาย).Pdf
ชีวประวัตินบี(ปลาย).Pdf
ชีวประวัตินบี(ปลาย).Pdf
ชีวประวัตินบี(ปลาย).Pdf
ชีวประวัตินบี(ปลาย).Pdf
ชีวประวัตินบี(ปลาย).Pdf
ชีวประวัตินบี(ปลาย).Pdf
ชีวประวัตินบี(ปลาย).Pdf
ชีวประวัตินบี(ปลาย).Pdf
ชีวประวัตินบี(ปลาย).Pdf
ชีวประวัตินบี(ปลาย).Pdf
ชีวประวัตินบี(ปลาย).Pdf
ชีวประวัตินบี(ปลาย).Pdf

Más contenido relacionado

La actualidad más candente

พุทธานุพุทธประวัติ
พุทธานุพุทธประวัติ พุทธานุพุทธประวัติ
พุทธานุพุทธประวัติ Onpa Akaradech
 
ปริเฉทที่ 2
ปริเฉทที่ 2ปริเฉทที่ 2
ปริเฉทที่ 2Onpa Akaradech
 
อีบุ๊ค เรียนรู้หลักการทรงงาน ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
อีบุ๊ค เรียนรู้หลักการทรงงาน ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอีบุ๊ค เรียนรู้หลักการทรงงาน ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
อีบุ๊ค เรียนรู้หลักการทรงงาน ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวPanda Jing
 
ศาสนาชินโต
ศาสนาชินโตศาสนาชินโต
ศาสนาชินโตPadvee Academy
 
Materi i jalan menuju iman
Materi i   jalan menuju imanMateri i   jalan menuju iman
Materi i jalan menuju imanpermadina
 
ศาสนาเชน
ศาสนาเชนศาสนาเชน
ศาสนาเชนPadvee Academy
 
Spiritual power by @asepfakhri
Spiritual power by @asepfakhriSpiritual power by @asepfakhri
Spiritual power by @asepfakhriAsep Supriatna
 
วิชาพระพุทธศาสนามหายาน ตอน นิกายโยคาจาร
วิชาพระพุทธศาสนามหายาน ตอน นิกายโยคาจารวิชาพระพุทธศาสนามหายาน ตอน นิกายโยคาจาร
วิชาพระพุทธศาสนามหายาน ตอน นิกายโยคาจารPadvee Academy
 
ผลกระทบทางจริยธรรม และประเด็นทางสังคม ที่เกี่ยวข้องกับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
ผลกระทบทางจริยธรรม และประเด็นทางสังคมที่เกี่ยวข้องกับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศผลกระทบทางจริยธรรม และประเด็นทางสังคมที่เกี่ยวข้องกับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
ผลกระทบทางจริยธรรม และประเด็นทางสังคม ที่เกี่ยวข้องกับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศNawanan Theera-Ampornpunt
 
135 402 cross-cultural management11 การสื่อสารต่างวัฒนธรรม
135 402 cross-cultural management11 การสื่อสารต่างวัฒนธรรม135 402 cross-cultural management11 การสื่อสารต่างวัฒนธรรม
135 402 cross-cultural management11 การสื่อสารต่างวัฒนธรรมWannarat Wattana
 
พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์
พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์
พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์Nhui Srr
 
ศาสนาบาไฮ
ศาสนาบาไฮศาสนาบาไฮ
ศาสนาบาไฮPadvee Academy
 
คู่มือเข้าค่ายจริยธรรมประถมศึกษา
คู่มือเข้าค่ายจริยธรรมประถมศึกษาคู่มือเข้าค่ายจริยธรรมประถมศึกษา
คู่มือเข้าค่ายจริยธรรมประถมศึกษาniralai
 
ศาสนาซิกข์
ศาสนาซิกข์ศาสนาซิกข์
ศาสนาซิกข์Padvee Academy
 
วิชาพุทธปรัชญา : พื้นฐานพุทธปรัชญา
วิชาพุทธปรัชญา : พื้นฐานพุทธปรัชญาวิชาพุทธปรัชญา : พื้นฐานพุทธปรัชญา
วิชาพุทธปรัชญา : พื้นฐานพุทธปรัชญาPadvee Academy
 
กระบวนการบำบัดรักษาผู้ป่วยยาและสารเสพติดแนวใหม่
กระบวนการบำบัดรักษาผู้ป่วยยาและสารเสพติดแนวใหม่กระบวนการบำบัดรักษาผู้ป่วยยาและสารเสพติดแนวใหม่
กระบวนการบำบัดรักษาผู้ป่วยยาและสารเสพติดแนวใหม่Isara Chiawiriyabunya
 
03ศาสนาเชน...ใหม่ 007
03ศาสนาเชน...ใหม่ 00703ศาสนาเชน...ใหม่ 007
03ศาสนาเชน...ใหม่ 007Dream'Es W.c.
 
การรายงานความเสี่ยงที่สร้างความปลอดภัยและยั่งยืน Suradet sriangkoon
การรายงานความเสี่ยงที่สร้างความปลอดภัยและยั่งยืน   Suradet sriangkoonการรายงานความเสี่ยงที่สร้างความปลอดภัยและยั่งยืน   Suradet sriangkoon
การรายงานความเสี่ยงที่สร้างความปลอดภัยและยั่งยืน Suradet sriangkoonSuradet Sriangkoon
 

La actualidad más candente (20)

พุทธานุพุทธประวัติ
พุทธานุพุทธประวัติ พุทธานุพุทธประวัติ
พุทธานุพุทธประวัติ
 
ปริเฉทที่ 2
ปริเฉทที่ 2ปริเฉทที่ 2
ปริเฉทที่ 2
 
อีบุ๊ค เรียนรู้หลักการทรงงาน ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
อีบุ๊ค เรียนรู้หลักการทรงงาน ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอีบุ๊ค เรียนรู้หลักการทรงงาน ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
อีบุ๊ค เรียนรู้หลักการทรงงาน ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
 
ศาสนาชินโต
ศาสนาชินโตศาสนาชินโต
ศาสนาชินโต
 
Materi i jalan menuju iman
Materi i   jalan menuju imanMateri i   jalan menuju iman
Materi i jalan menuju iman
 
ศาสนาเชน
ศาสนาเชนศาสนาเชน
ศาสนาเชน
 
Spiritual power by @asepfakhri
Spiritual power by @asepfakhriSpiritual power by @asepfakhri
Spiritual power by @asepfakhri
 
Fluid
FluidFluid
Fluid
 
วิชาพระพุทธศาสนามหายาน ตอน นิกายโยคาจาร
วิชาพระพุทธศาสนามหายาน ตอน นิกายโยคาจารวิชาพระพุทธศาสนามหายาน ตอน นิกายโยคาจาร
วิชาพระพุทธศาสนามหายาน ตอน นิกายโยคาจาร
 
ผลกระทบทางจริยธรรม และประเด็นทางสังคม ที่เกี่ยวข้องกับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
ผลกระทบทางจริยธรรม และประเด็นทางสังคมที่เกี่ยวข้องกับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศผลกระทบทางจริยธรรม และประเด็นทางสังคมที่เกี่ยวข้องกับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
ผลกระทบทางจริยธรรม และประเด็นทางสังคม ที่เกี่ยวข้องกับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
 
135 402 cross-cultural management11 การสื่อสารต่างวัฒนธรรม
135 402 cross-cultural management11 การสื่อสารต่างวัฒนธรรม135 402 cross-cultural management11 การสื่อสารต่างวัฒนธรรม
135 402 cross-cultural management11 การสื่อสารต่างวัฒนธรรม
 
พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์
พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์
พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์
 
Chapter2 communication-v62 a
Chapter2 communication-v62 aChapter2 communication-v62 a
Chapter2 communication-v62 a
 
ศาสนาบาไฮ
ศาสนาบาไฮศาสนาบาไฮ
ศาสนาบาไฮ
 
คู่มือเข้าค่ายจริยธรรมประถมศึกษา
คู่มือเข้าค่ายจริยธรรมประถมศึกษาคู่มือเข้าค่ายจริยธรรมประถมศึกษา
คู่มือเข้าค่ายจริยธรรมประถมศึกษา
 
ศาสนาซิกข์
ศาสนาซิกข์ศาสนาซิกข์
ศาสนาซิกข์
 
วิชาพุทธปรัชญา : พื้นฐานพุทธปรัชญา
วิชาพุทธปรัชญา : พื้นฐานพุทธปรัชญาวิชาพุทธปรัชญา : พื้นฐานพุทธปรัชญา
วิชาพุทธปรัชญา : พื้นฐานพุทธปรัชญา
 
กระบวนการบำบัดรักษาผู้ป่วยยาและสารเสพติดแนวใหม่
กระบวนการบำบัดรักษาผู้ป่วยยาและสารเสพติดแนวใหม่กระบวนการบำบัดรักษาผู้ป่วยยาและสารเสพติดแนวใหม่
กระบวนการบำบัดรักษาผู้ป่วยยาและสารเสพติดแนวใหม่
 
03ศาสนาเชน...ใหม่ 007
03ศาสนาเชน...ใหม่ 00703ศาสนาเชน...ใหม่ 007
03ศาสนาเชน...ใหม่ 007
 
การรายงานความเสี่ยงที่สร้างความปลอดภัยและยั่งยืน Suradet sriangkoon
การรายงานความเสี่ยงที่สร้างความปลอดภัยและยั่งยืน   Suradet sriangkoonการรายงานความเสี่ยงที่สร้างความปลอดภัยและยั่งยืน   Suradet sriangkoon
การรายงานความเสี่ยงที่สร้างความปลอดภัยและยั่งยืน Suradet sriangkoon
 

Similar a ชีวประวัตินบี(ปลาย).Pdf

คีตกวีเอกของไทย.pdf
คีตกวีเอกของไทย.pdfคีตกวีเอกของไทย.pdf
คีตกวีเอกของไทย.pdfpinglada
 
พระราชประวัติของ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือสมเด็จย่า
พระราชประวัติของ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือสมเด็จย่าพระราชประวัติของ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือสมเด็จย่า
พระราชประวัติของ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือสมเด็จย่าSRINAKARIN MOTHER PRINCESS SCHOOL
 
1 06+อุภัยพากยปริวัตน์+ภาค+1 2
1 06+อุภัยพากยปริวัตน์+ภาค+1 21 06+อุภัยพากยปริวัตน์+ภาค+1 2
1 06+อุภัยพากยปริวัตน์+ภาค+1 2Tongsamut vorasan
 
บาลี 06 80
บาลี 06 80บาลี 06 80
บาลี 06 80Rose Banioki
 
1 06+อุภัยพากยปริวัตน์+ภาค+1 2
1 06+อุภัยพากยปริวัตน์+ภาค+1 21 06+อุภัยพากยปริวัตน์+ภาค+1 2
1 06+อุภัยพากยปริวัตน์+ภาค+1 2Wataustin Austin
 
1 06 อุภัยพากย์ปริวัตน์ ภาค 1 2
1 06 อุภัยพากย์ปริวัตน์ ภาค 1 21 06 อุภัยพากย์ปริวัตน์ ภาค 1 2
1 06 อุภัยพากย์ปริวัตน์ ภาค 1 2Tongsamut vorasan
 

Similar a ชีวประวัตินบี(ปลาย).Pdf (8)

คีตกวีเอกของไทย.pdf
คีตกวีเอกของไทย.pdfคีตกวีเอกของไทย.pdf
คีตกวีเอกของไทย.pdf
 
สงครามครูเสด
สงครามครูเสดสงครามครูเสด
สงครามครูเสด
 
พระราชประวัติของ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือสมเด็จย่า
พระราชประวัติของ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือสมเด็จย่าพระราชประวัติของ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือสมเด็จย่า
พระราชประวัติของ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือสมเด็จย่า
 
1 06+อุภัยพากยปริวัตน์+ภาค+1 2
1 06+อุภัยพากยปริวัตน์+ภาค+1 21 06+อุภัยพากยปริวัตน์+ภาค+1 2
1 06+อุภัยพากยปริวัตน์+ภาค+1 2
 
บาลี 06 80
บาลี 06 80บาลี 06 80
บาลี 06 80
 
1 06+อุภัยพากยปริวัตน์+ภาค+1 2
1 06+อุภัยพากยปริวัตน์+ภาค+1 21 06+อุภัยพากยปริวัตน์+ภาค+1 2
1 06+อุภัยพากยปริวัตน์+ภาค+1 2
 
1 06 อุภัยพากย์ปริวัตน์ ภาค 1 2
1 06 อุภัยพากย์ปริวัตน์ ภาค 1 21 06 อุภัยพากย์ปริวัตน์ ภาค 1 2
1 06 อุภัยพากย์ปริวัตน์ ภาค 1 2
 
มอญศึกษา
มอญศึกษามอญศึกษา
มอญศึกษา
 

Más de Muhammadrusdee Almaarify

ความร เก__ยวก_บรอมฎอน
ความร  เก__ยวก_บรอมฎอนความร  เก__ยวก_บรอมฎอน
ความร เก__ยวก_บรอมฎอนMuhammadrusdee Almaarify
 
ความประเสริฐของ 10 คืนสุดท้ายเดือนเราะมะฎอน
ความประเสริฐของ 10 คืนสุดท้ายเดือนเราะมะฎอนความประเสริฐของ 10 คืนสุดท้ายเดือนเราะมะฎอน
ความประเสริฐของ 10 คืนสุดท้ายเดือนเราะมะฎอนMuhammadrusdee Almaarify
 
30 หะดีษเฎาะอีฟและเมาฎุอฺเกี่ยวกับรอมดอนและการถือศีลอด
30 หะดีษเฎาะอีฟและเมาฎุอฺเกี่ยวกับรอมดอนและการถือศีลอด30 หะดีษเฎาะอีฟและเมาฎุอฺเกี่ยวกับรอมดอนและการถือศีลอด
30 หะดีษเฎาะอีฟและเมาฎุอฺเกี่ยวกับรอมดอนและการถือศีลอดMuhammadrusdee Almaarify
 
1 วันกับกิจวัตรในเดือนเราะมะฎอน
1 วันกับกิจวัตรในเดือนเราะมะฎอน1 วันกับกิจวัตรในเดือนเราะมะฎอน
1 วันกับกิจวัตรในเดือนเราะมะฎอนMuhammadrusdee Almaarify
 
أخطاؤنا في رمضان... 7ـ أخطاء عامة في شهر رمضان
أخطاؤنا في رمضان... 7ـ أخطاء عامة في شهر رمضانأخطاؤنا في رمضان... 7ـ أخطاء عامة في شهر رمضان
أخطاؤنا في رمضان... 7ـ أخطاء عامة في شهر رمضانMuhammadrusdee Almaarify
 
أخطاؤنا في رمضان... 5ـ الأخطاء الخاصة بالنساء
أخطاؤنا في رمضان... 5ـ الأخطاء الخاصة بالنساءأخطاؤنا في رمضان... 5ـ الأخطاء الخاصة بالنساء
أخطاؤنا في رمضان... 5ـ الأخطاء الخاصة بالنساءMuhammadrusdee Almaarify
 
أخطاؤنا في رمضان... 4ـ الأخطاء الخاصة بصلاة الوتر، ودعاء القنوت
أخطاؤنا في رمضان... 4ـ الأخطاء الخاصة بصلاة الوتر، ودعاء القنوتأخطاؤنا في رمضان... 4ـ الأخطاء الخاصة بصلاة الوتر، ودعاء القنوت
أخطاؤنا في رمضان... 4ـ الأخطاء الخاصة بصلاة الوتر، ودعاء القنوتMuhammadrusdee Almaarify
 
أخطاؤنا في رمضان... 3ـ الأخطاء التي يقع فيها الأئمة عند صلاة ال
أخطاؤنا في رمضان... 3ـ الأخطاء التي يقع فيها الأئمة عند صلاة الأخطاؤنا في رمضان... 3ـ الأخطاء التي يقع فيها الأئمة عند صلاة ال
أخطاؤنا في رمضان... 3ـ الأخطاء التي يقع فيها الأئمة عند صلاة الMuhammadrusdee Almaarify
 
أخطاؤنا في رمضان... 2ـ الأخطاء الخاصة بصلاة التراويح
أخطاؤنا في رمضان... 2ـ الأخطاء الخاصة بصلاة التراويحأخطاؤنا في رمضان... 2ـ الأخطاء الخاصة بصلاة التراويح
أخطاؤنا في رمضان... 2ـ الأخطاء الخاصة بصلاة التراويحMuhammadrusdee Almaarify
 

Más de Muhammadrusdee Almaarify (20)

دعاء بدوح
دعاء بدوح دعاء بدوح
دعاء بدوح
 
ความร เก__ยวก_บรอมฎอน
ความร  เก__ยวก_บรอมฎอนความร  เก__ยวก_บรอมฎอน
ความร เก__ยวก_บรอมฎอน
 
ความประเสริฐของ 10 คืนสุดท้ายเดือนเราะมะฎอน
ความประเสริฐของ 10 คืนสุดท้ายเดือนเราะมะฎอนความประเสริฐของ 10 คืนสุดท้ายเดือนเราะมะฎอน
ความประเสริฐของ 10 คืนสุดท้ายเดือนเราะมะฎอน
 
30 หะดีษเฎาะอีฟและเมาฎุอฺเกี่ยวกับรอมดอนและการถือศีลอด
30 หะดีษเฎาะอีฟและเมาฎุอฺเกี่ยวกับรอมดอนและการถือศีลอด30 หะดีษเฎาะอีฟและเมาฎุอฺเกี่ยวกับรอมดอนและการถือศีลอด
30 หะดีษเฎาะอีฟและเมาฎุอฺเกี่ยวกับรอมดอนและการถือศีลอด
 
1 วันกับกิจวัตรในเดือนเราะมะฎอน
1 วันกับกิจวัตรในเดือนเราะมะฎอน1 วันกับกิจวัตรในเดือนเราะมะฎอน
1 วันกับกิจวัตรในเดือนเราะมะฎอน
 
รอมฎอน แผ่นพับ
รอมฎอน   แผ่นพับรอมฎอน   แผ่นพับ
รอมฎอน แผ่นพับ
 
تذكرة الصيام
تذكرة الصيامتذكرة الصيام
تذكرة الصيام
 
أخطاؤنا في رمضان... 7ـ أخطاء عامة في شهر رمضان
أخطاؤنا في رمضان... 7ـ أخطاء عامة في شهر رمضانأخطاؤنا في رمضان... 7ـ أخطاء عامة في شهر رمضان
أخطاؤنا في رمضان... 7ـ أخطاء عامة في شهر رمضان
 
أخطاؤنا في رمضان... 5ـ الأخطاء الخاصة بالنساء
أخطاؤنا في رمضان... 5ـ الأخطاء الخاصة بالنساءأخطاؤنا في رمضان... 5ـ الأخطاء الخاصة بالنساء
أخطاؤنا في رمضان... 5ـ الأخطاء الخاصة بالنساء
 
أخطاؤنا في رمضان... 4ـ الأخطاء الخاصة بصلاة الوتر، ودعاء القنوت
أخطاؤنا في رمضان... 4ـ الأخطاء الخاصة بصلاة الوتر، ودعاء القنوتأخطاؤنا في رمضان... 4ـ الأخطاء الخاصة بصلاة الوتر، ودعاء القنوت
أخطاؤنا في رمضان... 4ـ الأخطاء الخاصة بصلاة الوتر، ودعاء القنوت
 
أخطاؤنا في رمضان... 3ـ الأخطاء التي يقع فيها الأئمة عند صلاة ال
أخطاؤنا في رمضان... 3ـ الأخطاء التي يقع فيها الأئمة عند صلاة الأخطاؤنا في رمضان... 3ـ الأخطاء التي يقع فيها الأئمة عند صلاة ال
أخطاؤنا في رمضان... 3ـ الأخطاء التي يقع فيها الأئمة عند صلاة ال
 
أخطاؤنا في رمضان... 2ـ الأخطاء الخاصة بصلاة التراويح
أخطاؤنا في رمضان... 2ـ الأخطاء الخاصة بصلاة التراويحأخطاؤنا في رمضان... 2ـ الأخطاء الخاصة بصلاة التراويح
أخطاؤنا في رمضان... 2ـ الأخطاء الخاصة بصلاة التراويح
 
24 ساعة
24 ساعة24 ساعة
24 ساعة
 
في ظلال رمضان
في ظلال رمضانفي ظلال رمضان
في ظلال رمضان
 
في رمضان
في رمضانفي رمضان
في رمضان
 
فتح
فتحفتح
فتح
 
صفقات وفرص رمضانية
صفقات وفرص رمضانيةصفقات وفرص رمضانية
صفقات وفرص رمضانية
 
جدول الصيام
جدول الصيامجدول الصيام
جدول الصيام
 
هدية
هديةهدية
هدية
 
หนังสือตัจวีด 1
หนังสือตัจวีด 1หนังสือตัจวีด 1
หนังสือตัจวีด 1
 

ชีวประวัตินบี(ปลาย).Pdf

  • 1. F 1 ทานศาสดามุหัมมัด ( ศ็อลฯ ) เกิดในเวลาเชาตรูของวันจันทร ที่ 12 เดือนรอบี อุลเอาวัล ปชางตรงกับวันที่ 23 เมษายน ค.ศ. 571 ณ นครมักกะฮฺ ทานเปนคนชาว อาหรับเผากุร็อยซฺ บิดาของทานชื่อวาอับดุลลอฮ บุตรอับดุลมุฏเฏาะลิบ บุตรฮาซิม บุตรอับดุลมะนาฟ บุตรซะหเราะห บุตรกิลาบ มารดาของทานชื่อวาอามีนะฮฺ บุตรวฮับ บุตรอับดุลมะนาฟ บุตรซะหเราะฮฺ บุตรกิลาบ ตนตระกูลฝายมารดาของทาน ไป รวมกับตระกูลฝายบิดาที่กิลาบ ซึ่งสายคนที่หาฝายบิดาและเปนทวดที่สี่ฝายมารดา และตนตระกูลของทานศาสดามุหัมมัดที่สูงขึ้นไปนั้นรวมสายจากทานนบีอิสมาอีล บุตร ของนบีอิบรอฮีม ( อะลัยฮิสสะลาม ) ปที่ประสูติศาสดามุหัมมัดรูจักกันอยางแพรหลายวา “ ปชาง ” ทั้งนี้เพราะวาใน ปนั้น แมทัพแหงเอธิโอเปยซึ่งเปนขาหลวงปกครองเมืองเยเมน มีชื่อวา " อับรอฮะหฺ " ได กรีฑาทัพชางมุงสูนครมักกะฮฺหวังที่จะทําลายวิหารกะบะฮฺ กองกําลังของนครมักกะฮฺไม มีกําลังพอที่จะตานกองทัพของอับรอฮะหฺอันมหึมานี้ได ชาวมักกะฮฺตางก็ทําไดเพียงแต เฝามองเหตุการณ และขอความคุมครองจากพระเจาเทานั้น พระองคอัลลอฮฺทรง ปกปองวิหารกะบะฮฺและยับยั้งแผนอันชั่วรายของกองทัพอับรอฮะหฺนี้โดยการสงฝูงนก ชนิดหนึ่งเรียกวา “ อะบาบีล ” นกแตละตัวคาบกอนกรวดชนิดหนึ่งที่มีเชื้อรายไปทิ้งที่ กองทัพของอับรอฮะหฺ และเชื้อรายนั้นไดแพรกระจายไปทั่วกองทัพ กองทัพของอับรอ ฮะหฺ ฺถึงกับราบพนาสูรทั้งคนทั้งชางและมา รางกายของคนและสัตวเหมือนกับธัญญา พืชที่ถูกแมลงกัดกิน ดังที่อัลกุรอานไดบันทึกไวในซูเราะฮฺอัล - ฟล พวกทหารของอับรอ ฮะหฺตางลาถอยหนีดวยความกลัว ที่หนีไมทันก็กลายเปนศพตายระเนระนาด อับรอ ฮะหฺตองถอนทัพกลับอยางระสําระสาย เขาเองก็ถูกพิษรายนั้นดวยและเสียชีวิตลงใน เวลาตอมา หลังจากเหตุการณอัศจรรยนี้เกิดขึ้นไมกี่เดือน มักกะฮฺก็ไดรับเกียรติตอนรับ การประสูติของศาสดามุหัมมัด (ศอลฯ) ดวยเหตุนี้จึงเรียกปที่ประสูติของศาสดามุหัม มัดวา ปชางปชางปชางปชาง
  • 2. F 2 ทานศาสดามุหัมมัด ( ศ็อลฯ ) กําพราบิดาตั้งแตยังอยูในครรภมารดา ซึ่งลมปวย และเสียชีวิตที่มะดีนะฮฺในขณะที่เดินทางกลับจากการคาที่ซีเรีย เมื่อศาสดามุหัมมัดได ประสูตินั้น อามีนะฮฺผูเปนมารดาไดแจงขาวไปยังทานอับดุลมุฏเฏาะลิบผูเปนปูของทาน ศาสดา ทานจึงสงคนมารับไป และทานไดพาเด็กนอยผูนี้ไปยังวิหารกะบะฮฺ และตั้งชื่อ วา “ มุหัมมัด ” ซึ่งชื่อนี้ไมเปนที่คุนเคยแกชาวอาหรับมากนัก ตามธรรมเนียมของชาว อาหรับในสมัยนั้นมักจะสงลูกนอยไปยังทะเลทรายหลังจากสัปดาหแรกที่เกิดมา และให อยูที่นั้นจนกระทั่งอายุได 5 หรือ 6 ขวบ ชวงแรกอามีนะฮฺไดมอบใหนางษุวัยบะฮฺซึ่งเปน คนใชของอบูละฮับ ลุงของทานนบี เปนแมนมทานนบีอยูสองสามวัน ตอมาทานอับดุล มุฏเฏาะลิบไดวาจางนางหะลีมะฮฺ จากเผาสะอฺดซึ่งเปนหญิงชนบทคนหนึ่งใหเปนแมนม ของทานนบีและนําทานไปเลี้ยงที่ชนบท เมื่อทานนบีมีอายุครบ 6 ขวบ นางไดสงทานน บีคืนแกมารดาของทานเลี้ยงดูตอไป ในชวงที่นางหะลีมะฮฺไดเลี้ยงดูทานนบีนั้น นาง ไดรับโชคผลและความจําเริญอยางมากมายผิดปกติ อามีนะฮฺ มีความสุขมากที่ลูกชายของเธอไดกลับมาสูออมอกของเธออีกครั้งหนึ่ง การไปอยูในชนบททําใหเขาเปนคนที่มีสุขภาพดีและรางกายแข็งแรง มีความ คลองแคลวและรูภาษาอาหรับแทๆ จากทะเลทราย ซึ่งเหลานี้เปนรากฐานที่จะกาวสู เปนบุคคลที่สําคัญในอนาคตตอไป อามีนะฮฺ ตองการพาบุตรชายใหไปรูจักญาติทาง มารดา และสรางความคุนเคยกับพวกลุงซึ่งเปนเผานัจญารในนครมะดีนะฮฺ โดยมีทาส หญิงของนางที่มีชื่อวา อุมมุอัยมัน ติดตามไปดวย ขากลับจากมะดีนะฮฺ ขณะเดินทาง มาถึงสถานที่หนึ่งมีชื่อวา อัล - อับวา นางอามีนะฮฺก็ลมปวยลงและเสียชีวิตอยูที่นั้น หลังจากนั้นทาสหญิงผูซื่อสัตยก็พาเด็กนอยกําพราบิดาและมารดากลับมายังนครมัก กะฮฺ มุหัมมัดก็อยูภายใตการอุปการะของปูคือ อับดุลมุฏเฏาะลิบ แตก็แคเพียง 2 ป เทานั้นปูก็ถึงแกกรรมอีก ซึ่งขณะนั้นมุหัมมัดอายุไดแคเพียง 8 ป เทานั้น ฉะนั้นมุหัมมัด จึงเปนเด็กกําพราทั้งพอแมและปูตั้งแตอายุยังนอย หลังจากนั้น หนาที่เลี้ยงดูมุหัมมัดก็ตกเปนของอบูฏอลิบผูเปนลุง ซึ่งรักเอ็นดู หลานชายอยางยิ่ง จนกระทั่งเติบใหญ เนื่องจากลุงของทานไมใชคนร่ํารวย มุหัมมัดจึง ตองทํางาน โดยพาฝูงแกะและอูฐตามเนินเขาและหุบเขาในทะเลทราย มุหัมมัดมีนิสัย
  • 3. F 3 กรุณาตอคนยากจน และผูมีทุกขมาตั้งแตเยาววัย เปนคนที่ชอบอยูอยางสงบ รักการคิด ใครครวญ ผูคนในเผาเดียวกันตางก็รักใครและใหเกียรติเพราะทานมีนิสัยออนโยน มี อัธยาศัยไมตรี การที่ทานถือความซื่อสัตย ซื่อตรงตอหนาที่ เปนอยางยิ่งอยางไมสะทก สะทานนั้น ทําใหมมุหัมมัดไดรับการขนานนามวา ” อัลอมีน ” ซึ่งแปลวาผูควรแกการ เชื่อถือหรือผูที่ไดรับการไววางใจ เมื่ออายุไดสิบสองป มุหัมมัดไดเดินทางไปคาขายที่ ซีเรียกับลุง และที่ซีเรียนี้เองทานไดพบกับนักบวชชาวคริสเตียนคนหนึ่งมีชื่อวา “ บูฮัย รอ ” ซึ่งไดทํานายวามุหัมมัดจะเปนศาสดาองคสุดทายและไดกลาวไววา " หลานชาย ของทานมีลักษณะเปนมหาบุรุษแท ๆ ทานจงเลี้ยงดูเขาอยางดีเถิด ” หลังจากนั้นทา นอบูฏอลิบจึงนําหลานชายของทานกลับมายังมักกะฮฺและรักษาความลับนี้ไมใหใครรู ลุงของทานมีฐานะทางการเงินไมคอยจะดีนัก ประกอบกับเปนครอบครัวใหญ จะตองหาเลี้ยงดูลูกหลานหลายคน จึงเปนเรื่องธรรมดาที่จะตองหารายไดมาจุนเจือ ครอบครัวและสรางความมั่นคงใหแกลูกๆ หลานๆ ที่อยูในความดูแลใหไดรับความสุข วันหนึ่งทานไดทราบขาววาเศรษฐีนีเคาะดีญะฮฺซึ่งเปนบุตรสาวของคุวัยลิดตองการจาง คนเผากุร็อยซฺใหทําการคาขายใหแกเธอ และเธอพรอมที่จะแบงกําไรอยางงามแกผูที่มี ความสามารถ ทานจึงพามุหัมมัดไปสมัครงานกับเธอ ดวยกิตติศัพทแหงความซื่อสัตย ของมุหัมมัด เศรษฐีนีเคาะดีญะฮฺจึงตกลงรับมุหัมมัดเปนลูกจางควบคุมกองคาราวาน พาณิชยไปยังเมืองชีเรีย โดยเธอไดใหทาสของเธอที่มีชื่อวามัยสะเราะฮฺรวมเดินทางกับ มุหัมมัดดวย การเดินทางคาขายของมุหัมมัดในครั้งนี้ประสบความสําเร็จอยางงดงาม และไดกําไรอยางมหาศาลซึ่งสรางความประทับใจแกเคาะดีญะฮฺเปนอยางมาก ประกอบกับมัยสะเราะฮฺ ไดรายงานใหนางทราบถึงความขยันขันแข็งและความซื่อสัตย ของมุหัมมัดในระหวางปฏิบัติหนาที่อยางละเอียดถี่ถวน ซึ่งเพิ่มความสนใจของนางตอ มุหัมมัดมากขึ้น จนกระทั่งนางตัดสินใจตองการรวมชีวิตกับมุหัมมัด ผลจากการคาขายในครั้งนี้ ทําใหทานนบีไดมีโอกาสรูจักกับเศรษฐีนีเคาะดีญะฮฺ ซึ่งในเริ่มแรกรูจักในนามลูกจางกับนายจาง ตอมาดวยกิตติศัพทแหงความซื่อสัตยของ ทานนบี ประกอบกับความสามารถในเชิงธุรกิจที่สามารถนํากําไรอยางมหาศาลใหแก นาง ทําใหนางมีความสนใจในตัวทานนบีเปนอยางมาก และไดเสนอตัวขอรวมชีวิตกับ
  • 4. F 4 ทานนบี ในขณะนั้นนางเปนหญิงหมายมีอายุได 40 ป เคยแตงงานมาแลว 2 ครั้ง มีบุตร รวมทั้งหมด 3 คน หญิง 1 ชาย 2 คน นางเปนคนเผาอะสัด นางเปนหญิงที่มีเกียรติและ ร่ํารวยมากในนครมักกะฮฺ นางไดสงแมสื่อชื่อวา นุฟยซะฮฺ ซึ่งเปนเพื่อนของนางไปพูด เจรจากับทานนบี ทานนบีก็รับคําดวยเต็มใจ ซึ่งในขณะนั้นทานนบีมีอายุไดเพียง 25 ป ชีวิตใหมของทานนบีจึงเปดฉากขึ้น คือชีวิตของการแตงงานที่เต็มไปดวยความรัก และความสุข ความมั่งคั่งของนางบัดนี้ก็เปนของทานนบีดวย ถึงแมวาทานนบีเปน ผูรับผิดชอบในธุรกิจของนาง แตหัวใจของทานนั้นมิไดหมกมุนอยูกับงานอยางเดียว ความร่ํารวยมิไดมีความหมายสําหรับทานแตประการได ทานใชความมั่งคั่งซื้อและ ปลดปลอยทาสและหญิงรับใชหลายคนใหเปนอิสระ นอกจากนี้ทานยังไดปลดเปลื้อง หนี้สินแกผูที่ยากไรซึ่งไมสามารถที่จะชําระหนี้ของตนเองได ชีวิตการแตงงานของทั้ง สองดําเนินไปดวยความสุข นางเคาะดีญะฮฺนิยมชมชอบความปรีชาสามารถ และ บุคลิกภาพอันสงางามของทานนบีเปนอยางมาก นางปลอยใหทานมีเวลาเปนของตัวเอง ไดอยางอิสระโดยไมตองกังวลใดๆ เลย ยามที่ทานมีความเศราโศกและความทุกข นาง ก็คอยปลอบโยนและใหกําลังใจทานตลอดเวลา ทานนบีอยูรวมชีวิตกับนางดวยความ ซื่อสัตย รักใครและเอ็นดูจนถึงวาระสุดทายของนาง ทานนบีไดบุตรกับนางดวยกัน 6 คนเปนบุตรชาย 2 คน ซึ่งทั้งหมดไดเสียชีวิตตั้งแตยังเด็ก สวนบุตรสาว 4 คน คือ ซัยนับ รุก็อยยะฮฺ อุมมุกุลษูม และฟาตีมะฮฺ นอกจากนี้นางไดมอบทาสคนหนึ่งชื่อวา ซัยดฺ บิน หาริษะฮฺใหแกทานนบีและทานนบีไดใหอิสระภาพพรอมกับประกาศเปนลูกบุญธรรม ของทาน เมื่ออายุยางเขาปที่ 40 มุหัมมัดมักใชเวลาสวนใหญคํานึงใครครวญถึงเหตุการณ ตางๆ เพงพินิจถึงความจริงของชีวิตและความเปนไปของโลก ในขณะที่ชาวอาหรับมีชีวิต
  • 5. F 5 อยางปาเถื่อนและงมงายอยูกับรูปเคารพของแตละเผา มุหัมมัดมักจะไปที่ถ้ําในภูเขาฮิ รออฺซึ่งอยูทางเหนือของมักกะฮฺ ประมาณสามไมล และใชเวลาอยูที่นั่นเดือนหนึ่งทุก ๆ ป เพื่อแสวงหาความสงบ นั่งสํารวมจิต โดยมีคนใชเอาอาหารและเสบียงไปสง อยูมา วันหนึ่งในขณะที่ทานกําลังนั่งอยางสงบในถ้ําฮิรออฺ ไดมีมะลาอิกะฮฺตนหนึ่งปรากฏตัว เขามาหาทาน ทานไดเลาเหตุการณในครั้งนั้นไววา : " ญิบริลไดมาหาฉัน แลวกลาววา “( มุหัมมัด ) จงอานเถิด ” ฉันก็ตอบวา " ฉันอานไม เปน " เขาไดกอดรัดฉันจนกระทั่งฉันคิดวาจะตาย หลังจากนั้นเขาก็คลายออก เขาทํา อยางนั้นสามครั้ง แลวในครั้งที่สี่เขาก็กลาววา “( มุหัมมัด ) จงอานเถิด ” ฉันไดตอบวา " ฉันอานไมเปน " แลวเขาก็กลาวนําโองการอัลกุรอานที่วา " จงอานเถิด ( มุหัมมัด ) ดวยพระนามแหงพระเจาของเจาผูทรงสราง พระองคทรงสรางมนุษยมาจากกอนเลือด จงอานเถิด และพระเจาของเจาผูทรงใจบุญยิ่ง ผูทรงสอนดวยปากกาทรงสอนมนุษยใน สิ่งที่เขาไมรู … ( อัลกุร อาน ซูเราะฮฺ อัลอะลัก อายะฮฺ 1-5 )” เมื่อทานนบีไดอานแลวมะ ลาอิกะฮฺตนนั้นก็ไดหายจากไป ทานนบีรูสึกตกใจกับเหตุการณที่เกิดขึ้น ทานรูสึกหวาดกลัวจึงรีบกลับบานเลา เหตุการณใหทานหญิงเคาะดีญะฮฺฟง ทานคิดวาถูกผีเขาสิงหรือมีจิตใจไมปกติ แตนาง เคาะดีญะฮฺผูมีจิตใจที่เขมแข็งยืนยันวา “ โอลูกของลุงเอย ทานจงดีใจและจงยืนหยัดตอไปเถิด ดิฉันขอสาบานตอผูซึ่งตัวของ ดิฉันอยูในอุงพระหัตถของพระองค ดิฉันหวังวาทานจะตองเปนนบีแหงประชาชาตินี้ ” และแลวนางก็พาสามีของนางไปหา “ วะเราะเกาะฮฺ ” บุตรของเนาฟล ผูเปน ลูกพี่ลูกนองคนหนึ่งของนาง ชายผูนี้เปนคนที่มีความรูในคัมภีรของชาวคริสเตียนและยิว เมื่อวะเราะเกาะฮฺฟงรายละเอียดตางๆ จากนางเคาะดีญะฮฺแลว ทานไดกลาวขึ้นวา “ ถาหากเรื่องที่เธอเลาทั้งหมดนั้นเปนความจริง นี่จะตองเปนพระประสงคของพระเจา อยางแนนอน พระเจาองคนี่แหละที่ทรงพูดกับโมเซสที่ภูเขาซีนาย มุหัมมัดจะเปน ศาสดาของชนชาตินี้ จงบอกเขาเถิดวา จงมีความเขมแข็ง “ ตอมาไมนานนัก มะลีกะฮฺญิบรีลไดเขามาหาทานนบีอีกพรอมนําโองการใหมมา โดยกลาววา “ โอผูอยูใตผาคลุม จงลุกขึ้นตักเตือนเถิด จงสรรเสริญพระผูเปนเจา จง ทําตัวของเจาใหบริสุทธิ์ จงหลีกเลี่ยงความไมสะอาดทั้งมวล จงอยาใหเพื่อที่จะได
  • 6. F 6 กลับคืนมา และเพื่อพระเจาจงอดทนเถิด … ( อัลกุรอาน ซูเราะฮฺ อัลมุดัซซิร อายะฮฺที่ 1- 7) ” ทานนบีไดเลาเรื่องโองการนี้ใหนางเคาะดีญะฮฺฟง ซึ่งโองการดังกลาวไดสั่งใหทาน ทําการเผยแพร แตทานไมรูวาจะไปเผยแพรใหกับใคร ทานเคาะดีญะฮฺพยายาม ปลอบโยน และยืนยันวาจะอยูเคียงขางทานตลอดไปไมวาจะเกิดอะไรขึ้น นางไดพา สามีของนางไปหาวะเราะเกาะฮฺอีกครั้งหนึ่ง และเลาเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับสามีของ นางใหแกวะเราะเกาะฮฺฟง ดวยความรอบรูของวะเราะเกาะฮฺ ทานไดกลาววา “ ขอสาบานวาทานคือศาสดาของชนชาตินี้ ทานจะถูกทําราย ทานจะถูกดา ถูกจองลาง จองผลาญ และถาฉันยังมีชีวิตอยูถึงวันนั้น ฉันจะชวยมุหัมมัดเผยแพรศาสนา จะ ชวยงานของพระเจาเคียงคูกับศาสดาของพระองค และพระเจาทรงทราบดีถึง เจตนารมณของฉัน “ จากคําเตือนของวะเราะเกาะฮฺทําใหทานนบีรูสึกหนักใจเปนอยางมาก เพราะการ เผยแพรสาสนของทานนั้นจะตองเผชิญหนากับชาวกุร็อยซฺอยางหลีกเลี่ยงไมได มุหัมมัดไดรับมอบหนาที่เปนศาสดาผูประกาศศาสนาเมื่ออายุไดสี่สิบป ทานเริ่ม เทศนาคําสอนของอิสลามในหมูประชาชนในเมืองมักกะฮฺโดยการเชิญชวนอยางลับ ๆ ทานเริ่มการชักชวนและเผยแพรสาสนอิสลามในหมูญาติพี่นองของทานกอน แลวสู เพื่อนสนิทมิตรสหาย ตลอดจนประชาชนชาวมักกะฮฺในภาพรวม คําสอนของทานเนนใน เรื่องความเปนหนึ่งของพระผูเปนเจา ( เตาฮีด ) อันเปนหลักสําคัญของศาสนาอิสลาม ทานตอตานและเรียกรองใหประชาชนเลิกบูชารูปปน รูปเคารพ และเจว็ดตางๆ ซึ่งใน สมัยนั้นชาวมักกะฮฺสวนใหญกราบไหวบูชารูปปนและเจว็ดตางๆ แมแตในรอบๆ วิหาร กะบะฮก็เต็มไปดวยรูปบูชามากกวา 300 องค ภรรยาของทานคือ นางเคาะดีญะฮ เปน คนแรกรับการชักชวนของทาน กลาวกันวานอกจากทานหญิงเคาะดีญะฮแลวบุคคลที่เขา รับอิสลามกอนใครอื่นมีดวยกัน 3 ทาน คนแรกคือ ทานอะลี บุตรอะบีฏอลิบ ซึ่งเปน บุตรลุงที่ทานนบีรับมาอุปการะ ทานอะลีถือวาเปนบุคคลแรกรับอิสลามในกลุมเยาวชน คนที่สองคือทานซัยด บุตรของฮาริษะฮ ซึ่งเปนบุตรบุญธรรมของทานนบี และถือวาเปน บุคคลแรกรับอิสลามในกลุมทาส สวนบุคคลที่สามคือ ทานอบูบักร บุตรของกุฮาฟะฮ ทานผูนี้มีสภาพแตกตางกับสองทานที่แลว เพราะทานมิไดเปนเครือญาติใกลชิดกับ
  • 7. F 7 ทานนบีและมิไดอยูในวัยเด็กเหมือนสองทานแรก หากแตทานเปนพอคาที่มีสติปญญา ความคิดที่หลักแหลม ทานอบูบักรถือวาเปนบุคคลแรกรับอิสลามในกลุมผูใหญหรือ บุคคลทั่วไป หลังจากบุคคลทั้งสามแลว มีสาวกทานอื่นๆ ทยอยเขารับอิสลามกัน เชน ทานอุ สมาน อิบนุอัฟฟาน , อัซซุเบร อิบนุลเอาวาม , อับดุลเราะฮฺมาน อิบนุเอาฟฺ , สะอฺดุบ นุอะบีวักก็อส , ฏ็อลฮะ อิบนุอับดิลลาฮฺ , อะบูอุบัยดะฮฺ , อามิร อิบนุลญัรรอฮฺ , อัลอัร กอม อิบนุ อะบิล อัรกอม เปนตน ทานนบีและบรรดาสาวกไดรวมตัวกันอยางลับๆและ จัดทําศูนยเผยแพรศาสนาอิสลามที่บานของอัลอัรกอม อิบนุ อัรกอม เมื่อเวลาผานไป จํานวนผูเขารับอิสลามก็เพิ่มมากขึ้น ภายในเวลาสามหรือสี่ปก็ไดมีผูเขารับศาสนา อิสลามเกือบสี่สิบคน อยางไรก็ตาม ในชวง 3 ปแรกนั้นมุสลิมใหมทุกคนยังคงปกปด ตัวเองอยู หลังจากสามปผานพนไป ทานนบีไดรับคําสั่งจากพระเจาใหประกาศศาสนา อยางเปดเผย ทานนบีเริ่มกลาวโจมตีบรรดาเทวรูปและเจว็ดตางๆ อันเปนที่ สักการะบูชาของชาวมักกะฮฺ อยางตรงไปตรงมาและเปดเผย ซึ่งการกระทําเชนนี้ สําหรับชาวกุร็อยซฺแลวนับวารุนแรงมาก จนทําใหพวกเขาเกลียดชังและประกาศเปน ศัตรูกับทานนบีอยางเปดเผย กอนหนานี้ พวกกุร็อยซฺไมคอยถือเรื่องการเผยแพร ศาสนาของทานนบีเปนเรื่องจริงจังมากนัก นอกจากจะเยยหยันทานเลนเทานั้น แตเมื่อ เริ่มมีผูคนหันมานับถือมากขึ้น พวกกุร็อยซฺจึงคิดวางแผนการตอสูอยางจริงจัง เพราะ ชาวกุร็อยซฺเกรงกลัววา หากอิสลามไดรับการยอมรับ นั้นก็หมายความวา ศาสนาแหง บรรพบุรุษ ที่มีการกราบไหวบูชารูปเจว็ด ก็จะตองถูกทําลาย ดังนั้นพวกเขาจึงรวมตัว กันขัดขวางการเผยแพรสัจธรรมของทานนบีอยางสุดความสามารถ ในขณะที่ทานนบี เผยแพรศาสนานั้น ลุงของทานคือ อะบูฎอลิบ ถึงแมวามิไดเขารับศาสนาอิสลาม แตก็ ปกปองหลานรักของทานจากการถูกทํารายจากชาวกุร็อยซฺ การดื้อรั้นและการตอตานของพวกกุร็อยซไดทวีความรุนแรงมากขึ้น เมื่อพวกเขา เห็นทานนบีและบรรดาสานุศิษยของทานยังเด็ดเดี่ยวในคําสอนศาสนาอิสลาม จนกระทั่งพวกเขาใชมารตร การเด็ดขาดโดยการจับกักขังและทรมานสานุศิษยของ ทานนบีที่เปนพวกทาส กลุมคนออนแอ และคนยากจนไรที่พึ่งพิง บุคคลเหลานี้ถูกจับไป ทรมานใหตากแดดอันรอนระอุและใหนอนบนผืนทรายหรือที่เนินหินที่รอนจัด ถูกสั่งให อดอาหาร และน้ําดื่ม ตลอดจนถูกทารุณกรรมอยางไรความเปนมนุษย ดังที่พวกเขา
  • 8. F 8 กระทําตอทานบิลาลและสาวกทานอื่นๆ จนกระทั่งสาวกบางทานทนตอการทารุณกรรม เหลานี้ไมไหวจนตองจบชีวิตไป อยางเชนครอบครัวของอัมมาร บิน ยาสิร เปนตน เนื่องจากชาวมุสลิมถูกทํารายและประหัตประหารเชนนี้ ทานนบีจึงไดแนะนําให พวกเขาไปหาที่พึ่งในดินแดนอื่น ในสมัยนั้นอบิสสิเนียเปนที่รูจักดีของชาวมักกะฮฺใน ฐานะที่เปนตลาดสินคาของอารเบีย ในเดือนที่ 7 ของปที่ 5 ของการเผยแพรศาสนาของ ทานศาสดา ชาวมุสลิมผูชาย 11 คน และผูหญิง 4 คน รวมทั้งทานอุษมาน บุตรอัฟฟาน และภรรยาของทานไดเดินทางไปยังเมืองอบิสิเนีย ซึ่งในเวลานั้น กษัตริยแหงอบิสิเนีย คือ นะญาซี ไดตอนรับชนมุสลิมเหลานี้ดวยอัธยาศัยไมตรี เมื่อบรรดาหัวหนาชาวมักกะฮฺรูเรื่องถึงการอพยพของชาวมุสลิมนี้ พวกเขาไดสั่ง ใหเหลาทหารพวกเขาออกติดตามไป แตก็ไมทัน พวกเขาก็ไมละความพยายาม ในฐานะ ที่ประเทศอบิสิเนียมีมิตรไมตรีกับนครมักกะฮฺ พวกหัวหนาชาวมักกะฮฺจึงสงทูตไปเขา เฝากษัตริยอบิสิเนียเพื่อขอใหพระองคทรงขับพวกมุสลิมออกจากอาณาจักรของ พระองค พระองคทรงเรียกและฟงเหตุผลทั้งสองฝาย และในที่สุดพระองคทรง ประทับใจในอุดมการณของฝายชาวมุสลิมเปนอยางมาก จึงทรงอนุญาตใหชาวมุสลิม พํานักอยูในอาณาจักรของพระองคไดอยางสงบ ทูตของหัวหนาชาวมักกะฮฺจึงตอง กลับไปยังมักกะฮฺดวยมือเปลาอยางผิดหวัง ผลที่สําคัญที่ไดจากการอพยพในครั้งนี้ก็คือ ทําใหชาวมุสลิมในเมืองมักกะฮฺมี กําลังใจมากขึ้นเมื่อไดรูวา ขณะนี้ยังมีสถานที่อีกแหงหนึ่งที่พวกตนสามารถหลบไปพึ่ง อาศัยใหพนจากการประหัตประหารของชาวมักกะฮฺได ในที่สุดเหตุการณครั้งนี้ กอใหเกิดความคิดที่จะทําการอพพยโยกยายชาวมุสลิมจากมักกะฮฺไปยังเมืองมะดีนะฮ ในเวลาตอไป ในขณะเดียวกัน ชาวมุสลิมในมักกะฮฺเพิ่มความลําบากยากแคนยิ่งขึ้นอัน เนื่องมาจากชาวมักกะฮฺเสียหนาและไดรับความผิดหวังจากกษัตริยอบิสิเนีย จึงเพิ่ม ความโกรธแคนตอชาวมุสลิมมากขึ้นเปนทวีคูณ หลังจากที่ชาวมุสลิมพํานักอยูที่อบิสิเนียไดสองเดือนและทราบขาววาชาวมักกะฮฺ ไดยกเลิกการกดดันชาวมุสลิมแลว ผูอพยพจึงพากันกลับมายังมักกะฮฺ เมื่อชาวกุร็อยซ
  • 9. F 9 มักกะฮฺเห็นชาวมุสลิมก็ยิ่งรูสึกริษยาในความสําเร็จของอิสลามมากขึ้น จึงเริ่มทําการ ประหัตประหารพวกมุสลิมหนักมือยิ่งขึ้นอีก ทานนบีจึงแนะนําใหบรรดาสาวกของทาน หลบภัยไปอยูที่อบิสิเนียอีกครั้งหนึ่ง ครั้งนี้มีผูอพยพหลบหนีไปจํานวนถึง 101 คน เปน สตรี 10 คน ฝายกุร็อยซฺเริ่มตกใจในความสําเร็จอยางรวดเร็วของทานนบี พวกเขาไดสง ตัวแทนไปหาทานอบูฎอลิบซึ่งเปนลุงของทานนบี ขอใหทานเจรจากับทานนบีใหยอม ยกเลิกการเผยแพรศาสนาอิสลามนี้ โดยที่พวกเขายอมที่จะใหทุกสิ่งทุกอยางที่ทานนบี ตองการ ไมวาจะเปนในเรื่องอํานาจยศฐาบรรดาศักดิ์ เหลานารีที่แสนสวย หรือ ทรัพยสินเงินทอง ทานนบีไดตอบแกทานอบูฎอลิบดวยเสียงที่หนักแนนไววา “ โอทานลุงของฉัน … ถึงแมจะเอาดวงอาทิตยมาวางในมือขวาของฉัน และเอาดวงจันทร มาวางบนมือซายก็ตาม ฉันก็จะไมขอเลิกภารกิจของฉันอันนี้ ” ในปที่หกแหงการเผยแพรศาสนาของทานนบี ทานฮัมซะฮซึ่งเปนลุงของทานนบี และเคยดื่มนมรวมแมเดียวกันกับทานนบีเขารับอิสลาม และทานอุมัร บุตรค็อฎฎอบ ก็ เขารับอิสลาม ซึ่งนับเปนชัยชนะที่ยิ่งใหญของทานนบี เพราะทั้งสองเปนคนที่กลาหาญ และมีอิทธิพลในมักกะฮฺพอสมควร เมื่อคําสอนของทานนบีไดแพรขยายและมีผูเขารับ อิสลามมากขึ้นทุกวัน ชาวกุร็อยซมักกะฮฺจึงรวมตัวกันตอตานเผาฮาซิม ซึ่งเปนฝายของ ทานนบีโดยการคว่ําบาตรและตัดความสัมพันธกับเผาอื่นๆ พวกเขาไดหามทําการซื้อ ขายปจจัยยังชีพกับเผาฮาซิม ทําใหทานนบีและเผาฮาซิมตกอยูในสภาพที่ขาดแคลน ปจจัยที่จําเปนในการดํารงชีวิตและตกอยูในสภาพเชนนี้นานถึงสามป ทานนบีถูก ทดสอบอยางหนักหนวง แตทานก็ไมเคยทอและไมเคยหมดความไววางใจในพระเจา เลย และในเวลานี้เองทานก็ไดรับขาวราย ขาวการสิ้นชีวิตของนางเคาะดีญะฮฺ และ ทานอบูฏอลิบอันเปนปที่สิบแหงการเผยแพรศาสนาของทานศาสดา และถือวาเปนป แหงความโศกเศรา นางเคาะดีญะฮฺภรรยาผูประเสริฐของทาน ซึ่งเปนผูสนับสนุนให กําลังใจดวยความรักความเห็นใจ เคยเปนเพื่อนที่คอยปลอบประโลมใจในยามมีทุกขกับ
  • 10. F 10 ทานรวมถึงยี่สิบหาป บัดนี้นางก็ลาจากทานไปแลว และการสูญเสียอบูฏอลิบไปก็ เทากับทานเสียผูปกปองคุมครองไปเสียแลว อบูฎอลิบเสียชีวิตอายุไดประมาณ 80 ป การสูญเสียทั้งสองทําใหสถานการณระหวางพวกมุสลิมกับพวกกุร็อยซฺเลวรายยิ่งขึ้น การจอมผลาญ ประหัตประหารของพวกศัตรูก็รุนแรงขึ้นทุกวัน แมกระนั้นทานก็ยังไม ทอและไมเคยคิดที่จะละทิ้งความพยายาม ศาสดามุหัมมัดตระหนักดีวา ทานไมอาจจะทนอยูในมักกะฮฺตอไปได หลังจากอบูฏอลิบซึ่งเปนลุงและเคาะดีญะฮฺภรรยาของทานไดสิ้นชีวิตไปแลว และ หลังจากที่พวกกุร็อยชมักกะฮไดบีบคั้นทานอยางหนักหนวง พวกกุร็อยชฺจะทําทุกวิถีทาง เพื่อจะหยุดการเผยแพรศาสนาของทานใหได ทานจึงคิดจะเดินทางออกไปเผยแพร ศาสนาอิสลามนอกนครมักกกะฮฺ ทานเริ่มตนดวยการไปเยือนชนเผาตาง ๆ ทาน พยายามเทศนาหลักคําสอนของศาสนาใหมใหแกชนเหลานั้นไดรับทราบ ซึ่งบางเผาก็ สนใจในคําสอนของทาน บางเผาก็หาวาทานเสียสติ ระยะนั้นทานตองเหน็ดเหนื่อยมาก แตทานยังมีความมั่นคงในอุดมการณไมเปลี่ยนแปลงระยะนี้จะมีเสียงวิพากวิจารณถึง ตัวทานในทางไมดีอยูตลอด แตทานก็อดทนไมโตตอบกับเสียงวิจารณเหลานั้น ศาสดามุหัมมัดตองเผชิญกับเหตุการณครั้งสําคัญที่สุด และถูกกลั่นแกลงอยาง หนักหนวงในขณะที่ทานเดินทางไปเผยแพรศาสนาที่เมืองฏออีฟเพื่อเชิญชวนใหชนชั้น ปกครองของเมืองนี้ศรัทธาตอเอกภาพของพระเจา เรียกรองใหพวกเขาเชื่อในพระเจา องคเดียว พวกเขามิใชเพียงไมยอมรับ ยังพูดจาถากถางทานดวยคําพูดที่หยาบคาย พรอมทั้งโหไลทานใหพนจากที่นั่น ประชาชนบางกลุมขวางปาทานดวยกอนหิน จน ศีรษะแตกเลือดโทรมกาย ทานยืนทอดอาลัยตอความหยาบคายของพวกฏออีฟดวย หัวใจที่ออนระโหยพรอมทั้งขอใหพระเจายกโทษใหชนกลุมนี้จากความโงเขลาที่ได ปฏิบัติตอทาน หลังจากทานกลับมาจากฏออีฟแลว ก็ไดเริ่มสั่งสอนเทศนาแกผูที่เดินทางมา แสวงบุญ ณ วิหารกะอบะฮฺ ซึ่งสวนมากเปนผูแทนจากเผาตาง ๆ ของชาวอาหรับ ทาน ไดอธิบายถึงหลักการของศาสนาอิสลามใหทราบวา ขอเท็จจริงศาสนานี้เกี่ยวของกับ ศาสนาของศาสดาอิสมาอีล ซึ่งเปนบรรพบุรุษของพวกอาหรับ หลายเผารับฟงดวย
  • 11. F 11 ความสนใจตอคําสอนของทาน แตขอศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมอีก มีอยูหลายครั้งที่ พวกกุร็อยชไดแอบสงผูแทนของตนเขาปะปนไปอยูรวมพิธีกับผูแสวงบุญ และคอยเตือน ใหสติผูนําเผาเหลานั้นไมใหเคลิบเคลิ้มหลงใหลไปกับคําเชิญชวนของมุหัมมัด พวกเขา พยายามใสไคลวามุหัมมัดเปนคนเสียสติ เปนนักมายากลใชเวทยมนตคาถา เพื่อ หลอกลวงชาวอาหรับ เปนเรื่องนาแปลกใจที่วา เมื่อพวกกุร็อยชฺยุยงใสไคลหนักหนวง เทาใด อาหรับเ ผ าตาง ๆ และผูแสวงบุญก็ยิ่งอยากรูจักมุหัมมัดมากขึ้น เพื่อตองการ พิสูจนคํากลาวหาของพวกกุร็อยชฺวามีความจริงเพียงใด ดังนั้นแทนที่มุหัมมัดจะไปหา พวกเขา พวกนั้นกลับขวนขวาย อยากพบทานศาสดามากขึ้น และเมื่อมาไดยิน ไดฟง แลว พวกยัษริบบางกลุมไดเกิดความเลื่อมใสขึ้นมาทันที โดยเฉพาะอยางยิ่งในปที่ 11 ของการเผยแพรศาสนาของทานนบี นักแสวงบุญจากเมืองยัษริบ ( มะดีนะฮฺ ) จาก เผาค็อซร็อจญจํานวน 6 คน ตอบรับการเชิญชวนของทาน ความหวังในการเผยแพร ศาสนาเริ่มมีความหวังขึ้นมาบาง ในขณะที่หนึ่งปผานไป ตรงกับปที่ 12 แหงการเผยแพรศาสนาของทานนบี เดือน อันศักดิ์สิทธิ์และฤดูกาลแหงการแสวงบุญกลับมาถึง ผูแสวงบุญจากเมืองยัษริบจํานวน 12 เขาพบทานศาสดาที่ภูเขาอัลอะเกาะบะฮฺ และไดเขารวมเปนพันธมิตรกับทานดวย สนธิสัญญาที่เรียกวา “ สนธิสัญญาอัลอะเกาะบะฮฺฉบับแรก ” ในสนธิสัญญานี้พวกเขา ตกลงกันที่จะยึดมั่นในเรื่องเอกภาพของพระเจาโดยไมกราบไหวรูปเคารพ จะไมลัก ขโมย หรือลวงประเวณี จะไมฆาลูกๆ ของตน หรือไมทําความชั่วทั้ง ๆ ที่รู และจะตอง ยอมรับคําบัญชาของพระเจาอยางไมมีเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น พวกผูแทนจากเมืองยัษริบ เหลานี้ก็ยินดีรับฟงตามเงื่อนไขดังกลาว ในตอนขากลับไปยังเมืองยัษริบนั้น ศาสดา มุหัมมัดไดสงมุสอับ อิบนุ อุมัยรฺ ไปกับพวกเขาดวย เพื่อสอนกุรฺอานและหลักคําสอน ของอิสลามใหคนเหลานั้น หลังจากสนธิสัญญานี้แลว อิสลามจึงไดเริ่มแพรหลายไปใน เมืองยัษริบอยางรวดเร็ว มุสอับอาศัยอยูกับบรรดามุสลิมของเผาเอาสฺ และค็อซร็อจญ และไดสอนศาสนาแหงพระผูเปนเจาและการเปดเผยสัจธรรมใหพวกเขา จํานวนมุสลิม ในเมืองยัษริบไดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเดือนศักดิ์สิทธิ์หวนกลับมา มุสอับก็เดินทางมายัง นครมักกะฮฺและรายงานผลความกาวหนาในเรื่องพลังอํานาจและการผนึกกําลังของ
  • 12. F 12 มุสลิมในเมืองมะดีนะฮฺใหทานศาสดาฟงและไดแจงแกทานดวยวาคนเหลานั้นจะมาทํา การแสวงบุญในฤดูกาลนี้เปนจํานวนมากกวาที่เคยเปนมา ป ค.ศ. 622 ไดมีจํานวนผูแสวงบุญจากเมืองยัษริบจํานวนมาก คือบุรุษเจ็ดสิบ สามคนและสตรีสองคน เมื่อศาสดามุหัมมัดไดทราบขาวนี้ ทานก็คิดจะทําสนธิสัญญา อีกฉบับหนึ่งกับพวกเขาซึ่งนอกจากคําสั่งสอนของอิสลามอยางสุภาพออนโยนและสอน ใหอดทนแลว ทานตองการทําสัญญาเรียกรองใหพวกเขาพรอมที่จะเสียสละในการ ปกปองภยันตรายตางๆ และโตตอบการประทุษรายและการรุกรานที่อาจเกิดขึ้นแก ทานนบีและชาวมุสลิม ศาสดามุหัมมัดจึงไดติดตออยางลับ ๆ กับพวกหัวหนากลุมนั้น และไดทราบวาพวกเขาก็เตรียมตัวไวอยางดีแลวที่จะทํางานเชนนั้น พวกเขาตกลงที่จะ ไปพบกันที่เขาอัลอะเกาะบะฮฺในตอนกลางคืนของวันที่สองแหงการแสวงบุญ มุสลิมจาก เมืองยัษริบเก็บการนัดพบนั้นไวเปนความลับ มิใหแพรงพรายใหแกผูไมศรัทธาในเผา ของพวกเขาเอง และชาวกุร็อยซฺทราบ เมื่อถึงเวลาพวกเขาก็มาพบกับทานศาสดาตามที่ นัดไวโดยลอบมาในความมืดยามค่ําคืน เมื่อพวกเขามาถึงอัลอะเกาะบะฮฺทั้งชายและ หญิงก็ขึ้นไปบนภูเขาและรอทานศาสดาอยูที่นั่น ศาสดามุหัมมัดมาถึงพรอมดวยลุงของทานคืออัลอับบาส บุตร อับดุลมุฏเฏาะลิบ อัลอับบาส ซึ่งตอนนั้นยังมิไดเปลี่ยนมารับอิสลาม แตดวยความเปนหวงหลานชายจึง ติดตามมาดวย สัญญาอัลอะเกาะบะฮฺครั้งนี้เรียกวา “ สนธิสัญญาอัลอะเกะบะฮฺครั้งที่ สอง ” ขอความที่สําคัญในสัญญาครั้งนี้คือ กลุมตัวแทนจากเมืองยัษริบนี้ สัญญาที่ ปกปองศาสดามุหัมมัด และจะกระทําทุกสิ่งทุกอยางเหมือนกับการปกปองภรรยาและ ลูกๆ ของพวกเขาเอง การทําสัญญาของพวกยัษริบในครั้งนี้มี อัลบารออฺ อิบนุ มุอฺรูร เปนหัวหนาของกลุมนี้ อัลบารออฺ อิบนุ มุอฺรูร เขารับอิสลามหลังจากที่มีการทํา สนธิสัญญาอะเกาะบะฮฺฉบับแรก ขาวนี้เมื่อทราบถึงพวกกุร็อยซฺมักกะฮฺ พวกเขารูสึกไมพอใจทันที่ พวกเขาไดพา กันมาหาหัวหนาของเผาค็อซร็อจญ ณ ที่พัก แตฝายมุสลิมก็เงียบเสีย ทําใหพวกกุร็อยซฺ ไมสามารถที่จะจับผิดได เพราะไมมีหลักฐานที่ชัดเจน ดังนั้นพวกยัษริบจึงรีบกลับเมือง กอนที่พวกกุร็อยซฺจะหาหลักฐานได เมื่อพวกกุร็อยซฺรูความจริง พวกเขาจึงรีบตามไป
  • 13. F 13 แตก็ไมทัน คงจับไดชาวยัษริบเพียงคนเดียว คือ สะอฺด อิบนุ อุบาดะฮฺ เขาถูกใสโซ ตรวนและทรมาน จนกระทั่ง จูเบร อิบนุ มุตอัม อิบนุ อดียะฮฺ และฮารีษ อิบนุ อุมัยยะฮฺ ตองไปขอถายตัวเขาดวยเงินจํานวนหนึ่งเพื่อใหพนโทษ สนธิสัญญาทําใหทานนบีมีความหวังและเปนการเปดประตูสูชัยชนะ สวนพวก กุร็อยซฺมีความกลัวและวิตกกังวลเปนอยางมาก พวกเขาคิดวาถาขบวนการนี้ยังไมถูก ทําลายอยางถอนรากถอนโคน อนาคตของพวกเขาจะตกอยูในอันตราย ชัยชนะของ มุหัมมัดอาจเกิดขึ้น พวกเจาจึงวางแผนใชมารตราการขั้นเด็ดขาดกับมุหัมมัดและชาว มุสลิม ทานนบีก็รูดีวาการนองเลือดระหวางพวกกุร็อยซฺกับชาวมุสลิมเห็นที่จะไมมีทาง หลีกพน ทานจึงสั่งใหมิตรสหายตลอดจนสาวกของทานอพยพไปยังเมืองยัษริบ มุสลิม จึงเริ่มอพยพไปทีละคนทีละกลุม บางครั้งก็เปนกลุมเล็กๆ ทั้งนี้เพื่อไมใหพวกกุร็อยซเกิด ความสงสัย อยางไรก็ตามบางคนที่จับได ก็ถูกทรมานไป มักกะฮฺเปนสถานที่แหงแลงเต็มไปดวยเนินเขา สภาพทางภูมิศาสตรนับวามี อิทธิพลตอผูคนในเมืองเปนอยางมากทีเดียว ชาวมักกะฮฺมักเปนคนอารมณรายและไม คอยมีความคิดที่ลึกซึ้ง ตรงกันขามยัษริบเปนเมืองที่อุดมสมบูรณมีพืชผลไมมากชนิด ดินฟาอากาศ ก็ไมทารุณเหมือนมักกะฮฺ ผูคนจึงมีจิตใจออนโยน มีความเกรงใจและชาง คิด เพราะฉะนั้นในระยะตนของการเผยแพรอิสลามเมืองมะดีนะฮฺจึงเปนที่ ๆ เหมาะสม มากกวามักกะฮฺมาก ในมะดีนะฮฺไมมีพวกนักบวชคอยตอตานความเจริญเติบโตของ อิสลามเหมือนในมักกะฮฺ ฉะนั้นจึงเปนการงายที่จะเผยแพรคําสอนศาสนาอิสลาม มากกวาที่อื่น นอกจากนี้ในเมืองนี้ยังมีชาวยิวอาศัยอยูดวย พวกยิวถือวามุหัมมัดเปน ผูสนับสนุนคัมภีรของพวกตน ฉะนั้นพวกเขาจึงรอตอนรับทานศาสดาดวยความ กระตือรือรน หลังจากที่ทานศาสดาไดสั่งสานุศิษยของทานใหโยกยาย อพยพไปอยูที่เมืองยัษ ริบแลว ประกอบกับทราบขาววาพวกกุร็อยซฺกําลังวางแผนจะสังหารทานนบีอยาง แนนอน และในเวลาเดียวกันนั้น ทานนบีไดรับคําบัญชาจากพระเจาใหเดินทางไปพรอม กับทานอบูบักรฺ ทานนบีไดหลบออกจากบานในเวลากลางคืน โดยใหทานอาลี บุตร อบูฎอลิบ นอนอยูบนเตียงของทาน ภายใตสถานการณที่คนหนุมจากเผาตางๆ ได
  • 14. F 14 ลอมรอบบานทานเพื่อรอการสังหารทาน ทานไดหลบหนีออกไปกับอบูบักรโดยไปหลบ อยูในถ้ําแหงหนึ่ง ซึ่งอยูไมไกลจากเมืองมักกะฮฺนัก โดยไมมีใครเห็น นอกจากอับดุลลอ ฮฺ ลูกของอบูบักรฺ กับนองสาวสองคนของทาน คือ อาอิชะฮฺ และอัสมา ทั้งสองไดซอน อยูในถ้ําเปนเวลาสามวัน ดวยความชวยเหลือจากพระเจา พวกกุร็อยซฺตามตัวไมพบ ถึงแมวาพวกเขาไดมาถึงปากถ้ําแลวก็ตาม เพราะวาหนาปากถ้ํามีใยแมงมุมและมี นกพิราบมาสรางรังอยู โดยที่พวกเขานึกไมถึงวาทานนบีอยูในถ้ํานั้น เมื่อเห็นวาปลอดภัยดีแลว ทานนบีและอบูบักรฺจึงออกเดินทางตอไป โดยมีคนใช ชื่อวา อับดุลลอฮฺ อินุ อุรัยกิต เปนผูนําทาง ซึ่งไดนําทางสองไปทางตอนใตของมักกะฮฺ แลวออกเดินทางไปอยางระมัดระวังตามเสนทางที่ไมมีผูคนใช เพื่อหลีกเลี่ยงไมใหพบ กับพวกกุร็อยซฺ ในวันที่ 2 เดือนร็อบบิลอุลอัววัล ตรงกับเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 622 ทานนบีมาถึงที่เมืองกุบาอฺ ซึ่งอยูหางจากเมืองยัษริบประมาณ 6 ไมล ณ ที่นั้นทานนบีได สรางมัสยิด ซึ่งมีชื่อวา มัสยิดกุบาอฺ และถือวาเปนมัสยิดแหงแรกในอิสลาม ทานนบีได พักที่นั้นเปนเวลาประมาณสองอาทิตย จึงเดินทางเขาเมืองยัษริบในวันศุกรโดยมี ชาวเมืองยัษริบออกมาตอนรับเปนจํานวนมาก เหตุการณครั้งนี้เรียกวาการอพยพหรือ ฮิจญเราะฮฺอันเปนการเริ่มตนศักราชของ ชาวมุสลิม นับแตนั้นมา เวลาแหงการประหัตประหารชาวมุสลิมในเมืองมักกะฮฺก็เปนอัน สิ้นสุดลง และยุคแหงเมืองมะดีนะฮฺก็เริ่มตนขึ้น ภาระกิจของทานศาสดายังไมสําเร็จ เสร็จสิ้นแตความสําเร็จก็เริ่มขึ้นแลวที่มะดีนะฮฺ ทานศาสดาไมเพียงแตไดรับการตอนรับ อยางมีเกียรติเทานั้น แตยังไดรับการแตงตั้งใหเปนประธานของชุมชนอีกดวย สถานะ และอํานาจของทานศาสดาก็เพิ่มขึ้น และอิสลามก็ไดตั้งหลักปกฐานมั่นคงขึ้นทุกวัน ณ เมืองนี้ทานศาสดามีอิสรภาพที่จะเทศนาคําสอนของพระผูเปนเจา ทามกลางผูหลงผิด ในที่สุดก็หันมามีศรัทธาในศาสนาใหมนี้มากขึ้นและไดแผขยายออกไปเรื่อย ๆ
  • 15. F 15 เมื่อทานศาสดาไดมาอยูที่เมืองยัษริบแลว เมืองนั้นก็ไดรับขนานนามใหมเปนมะ ดีนะตุนนะบี หรือเมืองแหงศาสดา ภาระกิจแรกที่ทานศาสดาทําที่เมืองนี้ก็คือสราง มัสญิดขึ้นหนึ่งหลังซึ่งทานไดลงมือทํางานเองเหมือนกรรมกรคนหนึ่ง มัสญิดหลังนี้เปน สถานที่ทําการละหมาดและศูนยรวมการเผยแพรศาสนาอิสลาม ในสมัยนั้น มะดีนะฮฺประกอบดวยกลุมคน เผาพันธหลายกลุมดวยกัน นอกจาก เผาเอาสฺ และค็อซร็อจญแลว ยังมีเผาพันธพวกยิวจํานวนหนึ่ง เชน เผาก็อยนุกออฺ เผากู รอยเซาะฮฺ เผานะฎีร และเผาค็อยบัร ทานนบีรูดีวาความหลากหลายในเผาพันธนั้น อาจสรางความวุนวายเกิดขึ้นได โดยเฉพาะอยางชาวยิวคงไมยิ่งดีนักที่เห็นความสําเร็จ ของศาสนาอิสลาม เพราะชาวยิวมักจะพูดเสมอวาตนเปนประชาชาติที่พระเจาทรง คัดเลือกและมีความประเสริฐกวาประชาชาติอื่นๆ ในโลก ดวยเหตุดังกลาวนี้ ทานนบีได รีบสรางความเปนปกแผนเปนอันหนึ่งเดียวกันในหมูมุสลิม โดยใชศาสนาเปนตัวกระตุน สรางความเปนเอกภาพและภารดรภาพเกิดขึ้นในสังคมมุสลิมมะดีนะฮฺ โดยเฉพาะอยาง ยิ่งระหวางชาวมุสลิมที่อพยพมากมักกะฮฺ หรือที่เรียกวา กลุมมุฮาญิรีน ซึ่งเปนผูลี้ภัย และชาวมุสลิมพื้นเมือง หรือที่เรียกวา กลุมอันศอร ซึ่งเปนผูใหความชวยเหลือ ชาวอันศอรนอกจากชวยเหลือในยามคับขันแลว คนเหลานี้ยังเสียสละเงินทอง จัดหาบานเรือนและทรัพยสมบัติใหแกชาวมุฮาญิรีน ความเปนพี่นองระหวางชาวมุฮาญิ รีนกับชาวอันศอรนั้นไดเปนไปอยางลึกซึ้ง กระทั่งยอมหยาภรรยาตนเองเพื่อมอบใหแก ชาวมุฮาญิรีน และสามารถรับมรดกของกันและกันไดเวลาคนหนึ่งคนใดสิ้นชีวิตไป เมื่อ อิสลามเจริญรุงเรืองขึ้นจนเปนกลุมอํานาจที่เปนเอกเทศแยกออกไป บรรดาผูที่ถือรูป เคารพทั้งหลายที่ยังไมรับอิสลามตางก็พากันอิจฉาริษยา มีบางคนที่ทําที่เปนเขารับ อิสลามแตภายในนั้นตั้งใจที่จะตอตานทานศาสดาอยูอยางลับ ๆ พวกนี้เรียกวาพวกมุ นาฟกูน หรือพวกหนาไหวหลังหลอก ขาดความจริงใจ คนเหลานี้เปนคนที่มีอันตราย
  • 16. F 16 มากยิ่งกวาศัตรูที่เปดเผยเสียอีก สวนชาวยิวในมะดีนะฮฺนั้นเปนอีกรูปแบบหนึ่ง กลาวคือตอนแรกพวกเขารวมกันกับชาวมะดีนะฮฺในการตอนรับทานศาสดาเปนอันดี ทั้งนี้พวกเขาหวังที่จะชักชวนทานศาสดามาเขาเปนพวกของตน แตเมื่อภายหลังไดพบวา พวกเขาไมอาจจะทําได พวกเขาจึงคอย ๆ ถอนความชวยเหลือออกไปทีละนอย ๆ และ ไดกลายเปนศัตรูของอิสลามไปในที่สุด ทานศาสดาพยายามสรางความรูสึกความเปนพี่นองขึ้นระหวางคนเหลานั้นให มากที่สุด เพราะทานแลเห็นความจริงที่วาอาณาจักรอิสลามจะมีรากฐานที่แข็งแรงไมได หากไมไดรับการค้ําจุนจากประชาชนทุกฝาย ความมีขันติตอศาสนาอื่น ๆ นั้นเปนสิ่งที่ จําเปนในเมื่อมีคนหลายเผาหลายชาติอาศัยอยูรวมกัน ดวยวัตถุประสงคนี้ทานศาสดา จึงไดจัดตั้งระเบียบขึ้นเรียกวา ” ธรรมนูญแหงมะดีนะฮฺ “ ซึ่งเปนระเบียบเพื่อการเลิก ลมการอาฆาตพยาบาทกันระหวางเผาและเพื่อใหสิทธิ์ตางแกประชาชนทุกกลุม โดยเฉพาะชาวยิวที่อาศัยอยูในมะดีนะฮฺและรอบ ๆ มะดีนะฮฺ เนื้อความสําคัญใน ธรรมนูญนั้นมีอยูดังนี้ 1) ชุมชนทั้งหลายที่ลงนามในพันธะสัญญา นี้จักเปนชาติเดียวกัน 2) ถากลุมชนใดที่ลงนามในพันธะสัญญานี้ถูกขาศึกศัตรูรุกรานชนกลุมอื่นจะรวมกําลัง กันชวย ทําการปกปอง 3) จักไมมีกลุมชนใดในชาติเดียวกันนี้ไปทําสนธิสัญญาอยางลับ ๆ กับพวกกุร็อยช หรือ ให ที่พึ่งพาอาศัยแกคนเหลานั้นหรือชวยเหลือคนเหลานั้นใหตอตานชาวมะดีนะฮฺ 4) ชาวมุสลิม ชาวยิวและชุมชนอื่น ๆ ของสาธารณรัฐนี้ยอมมีอิสระที่จะนับถือศาสนา ของตนไดและปฏิบัติกิจตามศาสนาของตนไดโดยไมมีใครขัดขวาง 5) การการะทําผิดสวนตัวเล็ก ๆ นอย ๆ ของผูที่ไมใชมุสลิมจะตองถือวาเปนความผิด สวนตัวไมเกี่ยวของกับชุมชนที่บุคคลนั้นอยู
  • 17. F 17 6) ผูที่ถูกกดขี่จะตองไดรับการปกปอง 7) นับตั้งแตนี้ไปการทําใหเลือดตกยางออก การฆาและความรุนแรงตาง ๆ ถือวาเปน สิ่งหะ รอม ( นารังเกียจ ) ในมะดีนะฮฺ 8) ศาสดามุหัมมัด ( ศ็อลฯ ) ศาสดาแหงพระผูเปนเจาจะเปนประธานของสาธารณรัฐ และ จะเปนศาลอุทธรณสูงสุดในดินแดนนี้ ความสําคัญของธรรมนูญนี้อยูตรงที่วาเปนธรรมนูญฉบับแรกในโลกที่เขียนไว เปนลายลักษณอักษร กอนหนาที่ทานศาสดาไดมีผูปกครอง แตก็ไมมีใครเคยให รัฐธรรมนูญที่เขียนเปนลายลักษณอักษรแกประชาชนของตน ทานศาสดามุหัมมัดเปนคนแรกที่ประจักษถึงความสําคัญของความรวมมือและ การใหความสําคัญตอประชาชนในการบริหารรัฐและการรักษาสัญญานี้ยังไดแสดงให เห็นดวยวาทานศาสดามุหัมมัดมิใชเปนแตนักสั่งสอนศาสนาเทานั้นแตยังเปนรัฐบุรุษที่ เปนนักปกครองที่ดีดวย เมื่อศาสนาอิสลามไดกอตัวเปนรัฐแลว มีความจําเปนอยางยิ่งที่จะตองมีความ พรอมในดานกําลังทหาร การเมืองและเศรษฐกิจ มิฉะนั้นแลวรัฐอิสลามแหงมะดีนะฮฺจะ ถูกโจมตี และรุกรานจากพวกกุร็อยซฺ และเหลาศัตรูรอบๆ มะดีนะฮฺไดงาย นัก ประวัติศาสตรที่ไมหวังดีตออิสลามหลายทานกลาวหาศาสนาอิสลามวาชอบทําสงคราม และเผยแพรศาสนาดวยคมดาบ อันที่จริงแลวอิสลามเปนศาสนาสันติ ที่จําเปนตองทํา สงครามนั้นก็เพราะวาเพื่อปกปองศาสนาและอธิปไตยของรัฐเทานั้น ในสมัยของทานน บีเองหลังจากอพยพมายังมะดีนะฮฺแลวมีสงครามเกิดขึ้นระหวางชาวมุสลิมกับศัตรูตางๆ ถึง 47 ครั้ง และในจํานวนนั้นทานนบีเขารวมสงครามดวยตนเองถึง 27 ครั้ง ในบรรดา สงครามตางๆ เหลานี้ มีสงครามที่สําคัญดังนี้
  • 18. F 18 สงครามบัดรฺเปนสงครามครั้งแรก และเปนสงครามที่สําคัญที่สุดที่เกิดขึ้น ระหวางชาวมุสลิมกับพวกกุร็อยซฺ เกิดขึ้นในเดือนรอมฏอนปที่ 2 หลังจากอพยพ หรือ ค.ศ. 624 ณ บอบัดรฺ ซึ่งกองทัพมุสลิมมีจํานวนพล 313 คน สวนกองทัพกุร็อยซฺมีจํานวน ผลประมาณหนึ่งพันคน โดยมีอบูญะฮัลเปนแมทัพ สาเหตุของสงคราม สาเหตุของสงครามบัดรในครั้งนี้กลาวคือ ทานศาสดามุหัมมัด ( ศ็อลฯ ) ทราบ ขาววากองคาราวานพาณิชยของพวกกุร็อยซฺ ซึ่งนําโดยอบูซุฟยานกลับมาจากซีเรีย ทาน นบบีไดปรึกษาหารือกับเหลาสาวกของทาน และตัดสินใจที่จะสงทหารไปโจมตีกอง คาราวานของอบูซุฟยานนี้ อบูซุฟยานไหวตัวกอน จึงเปลี่ยนเสนทาง พรอมกับขอกําลัง ชวยเหลือจากมักกะฮฺ ฝายกุร็อยซฺมักกะฮฺจึงยกกองทัพมาเพื่อที่จะบดขยี้ฝายมุสลิม กองทัพทั้งสองฝายไดประจัญบานกัน ณ บอบัดรฺ ซึ่งอยูหางจากมะดีนะฮฺเพียงไมกี่ไมล ทานศาสดาสั่งใหตั้งทัพอยูใกลกับเนินเขาอัล อาริช และเพื่อจะตัดน้ําจากฝายขาศึกซึ่ง ตั้งทัพอยูทางดานใตของหุบเขา ทานจึงไดสั่งขุดบอขนาดใหญขึ้นหลายบอใหน้ําไหล กลับเขามาในบอเหลานั้น ทั้งนี้มิใชเพียงเพื่อกันไมใหสายน้ําไหลเขาสูคายพักของพวก ขาศึกเทานั้น แตเพื่อเก็บน้ําไวใหฝายมุสลิมใชดวย ตอนเชาตรูของวันที่ 13 มีนาคม ค.ศ. 624 ทานไดจัดทัพและใหคําแนะนําแกพวกทหารของทานกอนจะเคลื่อนทัพไป ทานไดวิงวอนขอตอพระเจา ขอใหทหารของทานมีชัยชนะตอกองทัพของขาศึกที่มี จํานวนมากกวาหลายเทา ตามธรรมเนียมของอาหรับ นายทัพของทั้งสองฝายจะตองตอสูกันตัวตอตัว นาย ทัพของฝายกุร็อยชมีชัยบะฮ อุตบะฮและวะลีด บิน อุตบะฮไดทาทายนายทัพฝาย มุสลิม ซึ่งมีอุบัยดะฮฺ ฮัมซะฮฺและอะลีออกไปสูกันตัวตอตัว นายทัพฝายกุร็อยชตอสู อยางกลาหาญแตก็แพและถูกฆาตายเกือบหมด กองทัพทั้งสองจึงเขาประจัญบานกัน
  • 19. F 19 ดวยขวัญและกําลังใจที่เหนือกวา ประกอบกับความชวยเหลือจากพระเจา ในที่สุด กองทัพมักกะฮฺก็พายแพ พวกทหารที่เหลือตางก็แตกทัพและหนีออกจากสนามรบ ทหารที่เหลือถูกจับเปนเชลยเปนจํานวนมาก อบูญะฮัล ผูเปนปรปกษที่รายกาจที่สุดของ ทานศาสดาก็ถูกฆาตายในสนามรบดวย ผลของสงคราม ผลของสงครามในครั้งนี้ฝายมุสลิมไดรับชัยชนะ ทหารของกุร็อยซฺถูกฆาตาย 70 คน และถูกจับเปนเชลยเปนจํานวนมาก สวนฝายมุสลิมเปนซะฮีดแค 14 คนเทานั้น ทานศาสดาไดสั่งใหสานุศิษยของทานปฏิบัติตอเชลยศึกที่ไมมีเสื้อผาใสก็รับแจกเสื้อผา และพวกเขาไดรับการเลี้ยงดูดวยอาหารเชนเดียวกับฝายมุสลิม มุสลิมบางคนถึงกับ สละขนมปงใหเชลยศึกกินสวนตัวเองกินเพียงอินทผลัม ตอมาทานศาสดาก็ตัดสินใจที่ จะปลอยเชลยศึกไปโดยใหมีการเสียคาไถ แมแตญาติของทานเองก็ใหสอนหนังสือ ใหแกเด็กชายมุสลิมสิบคนแทนการเสียคาไถ สวนพวกที่ยากจนไมมีเงินคาไถก็ไดรับ การปลอยตัวไปโดยใหสัญญาวาจะไมตอสูกับมุสลิมอีกในภายหนา การปฏิบัติของ มุสลิมตอเชลยศึกอยางโอบออมอารีเชนนี้เปนสิ่งที่ไมเคยมีมากอนเลยในประวัติศาสตร ผลของสงครามบัดรฺเปนเหตุการณที่มีความหมายตอชะตากรรมขอลงอิสลาม อยางมากที่สุดในประวัติศาสตรของอิสลาม เพราะหากฝายมุสลิมไมสามารถเอาชนะ สงครามครั้งนี้ได อิสลามก็อาจจะถูกกวาดลางใหสูญไปจากโลกนี้เลยก็ได ชัยชนะใน สงครามครั้งนี้ไดใหความหวังใหมแกชาวมุสลิมและเปนกําลังใจแกพวกเขาเปนอยาง มาก ในสงครามนี้อํานาจของพวกกุร็อยชก็ถูกทําลายลงและความหยิ่งผยองของพวก เขาก็ลดลงไปดวย ในขณะที่อิทธิพลของทานศาสดามุหัมมัด ( ศ็อลฯ ) และอํานาจของ อิสลามเริ่มมีมากขึ้นตลอดไปถึงอาณาบริเวณนอกเมืองมะดีนะฮฺดวย สงครามครั้งนี้ยังมี ผลกระทบกระเทือนอยางหนักตอชาวยิวและชนเผาใกลเคียงคือ เบดูอินพวกเขาไดรูวา บัดนี้ไดมีพลังอันไมอาจจะเอาชนะไดเกิดขึ้นแลวในอารเบีย แตกอนนี้พวกยิวไมไดให ความสําคัญอันใดแกชาวมุสลิมนักแตเดี๋ยวนี้พวกเขาเริ่มรูถึงความเขมแข็งของมุสลิม สงครามบัดรชวยใหฝายมุสลิมผนึกกําลังของอิสลามในมะดีนะฮฺ และทําใหพวกเขาตอสู กับผูคนที่มีทิฐิในเมืองนั้น ไดอยางไมหวั่นหวาด