Más contenido relacionado La actualidad más candente (20) Similar a เทคนิคการจัดการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาทักษะการคิดด้วยรูปแบบต่าง ๆ (20) เทคนิคการจัดการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาทักษะการคิดด้วยรูปแบบต่าง ๆ 23. 23
แนวคิดการจัดการเรียนรู้ด้วยการใช้คาถามหมวก
ความคิด 6 ใบ ของ Edward De Bono
ใช้ในการพัฒนาทักษะการคิด อารมณ์และความรู้สึก
1. สีขาว หมายถึง ความเป็นกลาง แสดงการคิด
เกี่ยวกับข้อมูล ข้อเท็จจริง
2. สีแดง หมายถึง ความรู้สึกอารมณ์โกรธ ความ
ประทับใจ ความสนุกสนาน
3. สีดา หมายถึง การมองอย่างระมัดระวัง การคิด/
แสดงออกอย่างสุขุม รอบคอบ
24. 24
แนวคิดการจัดการเรียนรู้ด้วยการใช้คาถามหมวก
ความคิด 6 ใบ ของ Edward De Bono
ใช้ในการพัฒนาทักษะการคิด อารมณ์และความรู้สึก
4. สีเหลือง หมายถึง การคิดในทางบวก จุดเด่น
ประโยชน์ ความมั่นคง และการยอมรับ
5. สีเขียว หมายถึง ความคิดในการเปลี่ยนแปลงและ
การสร้างสรรค์
6. สีฟ้ า หมายถึง การคิดอย่างเป็นระบบ มีการควบคุม
และจัดการอย่างเป็นระบบ
25. 25
ขั้นตอนการจัดการเรียนรู้ด้วยการใช้คาถามหมวก
ความคิด 6 ใบ ของ Edward De Bono
จัดกิจกรรมโดยให้ผู้เรียนใช้คาถามประกอบการเรียน
ตามขั้นตอน ดังนี้
1. ขั้นนาเข้าสู่บทเรียน
2. ขั้นดาเนินการสอน โดยจัดสถานการณ์หรือเหตุการณ์
ให้ผู้เรียนใช้คาถามแต่ละแบบ ตามที่ตนได้รับมอบหมาย
3. ขั้นสรุป (ให้ผู้เรียนสรุปตามจุดประสงค์ของกิจกรรม)
4. ขั้นประเมินผล
32. 32
ทฤษฎีการเรียนรู้แบบร่วมมือ (Theory of
Cooperative Learning /Collaborative
Learning)
นักการศึกษาที่เผยแพร่แนวคิดนี้ ได้แก่ Slavin, David
Johnson, Roger Johnson โดยเน้นปฏิสัมพันธ์
ระหว่างผู้เรียนให้เกิดการเรียนรู้ที่มีองค์ประกอบ
3 ลักษณะ คือ
1. การแข่งขันกันของผู้เรียน
2. การเรียนรู้รายบุคคลของแต่ละคน
3. การร่วมมือกันหรือช่วยกันในการเรียนรู้
34. 34
รูปแบบการเรียนรู้แบบร่วมมือ
1. รูปแบบ JIGSAW 2. รูปแบบ STAD (Student
Teams-Achievement Division) 3. รูปแบบ TAI
(Team-Assisted Individualization) 4. รูปแบบ
TGT (Team Games Tournament) 5. รูปแบบ
L.T. (Learning Together) 6. รูปแบบ G.I.
(Group Investigation) 7. รูปแบบ CIRC
(Cooperative Integrated Reading and
Composition) 8. รูปแบบ Complex Instruction
35. 35
รูปแบบการเรียนรู้แบบร่วมมือ
1. รูปแบบ JIGSAW : 1. จัดผู้เรียนเข้ากลุ่มคละกันตาม
ความสามารถ เรียกว่า Home Group
2. มอบหมายให้สมาชิกแต่ละคนศึกษางานแต่ละประเด็นที่เกี่ยว
ของกับงานกลุ่ม 3. สมาชิกแยกย้ายไปศึกษาหาความรู้กับ
สมาชิกกลุ่มอื่นที่เป็นกลุ่มเชี่ยวชาญ(Expert Group) 4. นา
ความรู้กลับไปเสนอให้เพื่อนสมาชิกไปเรียนรู้ร่วมกัน 5.
สมาชิกแต่ละคนทดสอบความรู้และสรุปผลเป็นรายกลุ่ม
36. 36
รูปแบบการเรียนรู้แบบร่วมมือ
2. รูปแบบ STAD (Student Teams-Achievement
Division) : 1. จัดผู้เรียนเข้ากลุ่มคละความสามารถ
2. ทากิจกรรมเรียนรู้ร่วมกัน สมาชิกแต่ละคนทา
กิจกรรม/แบบฝึกหัด เก็บคะแนนไว้เป็นคะแนนพื้นาาน
ก่อนทากิจกรรมและแบบฝึก 3. ทา
แบบทดสอบครั้งสุดท้าย 4.
วิเคราะห์คะแนนพัฒนาการโดยใช้เกณฑ์ที่เหมาะสม
เช่น ไม่พัฒนาการ ได้ 0 คะแนน พัฒนาการ 1-5 ได้ 5
คะแนน พัฒนาการ 6-10 ได้ 10 คะแนน
37. 37
รูปแบบการเรียนรู้แบบร่วมมือ
3. รูปแบบ TAI (Teams Assisted Individualized) :
1. จัดผู้เรียนเข้ากลุ่มคละความสามารถ
2. ให้นักเรียนเก่ง-อ่อน จับคู่เพื่อศึกษาใบงานและทา
แบบฝึกร่วมกัน โดยกาหนดเกณฑ์การผ่าน แบบฝึก
75% ถ้าผลการทาแบบฝึกยังไม่ผ่านให้ใช้ชุดเดิมหรือ
แบบฝึกชุดใหม่ที่ง่ายกว่า
3. ทาแบบทดสอบครั้งสุดท้าย และสรุปผลการเรียนเป็น
ความสาเร็จของกลุ่ม
38. 38
รูปแบบการเรียนรู้แบบร่วมมือ
4. รูปแบบ LT (Learning Together) :
1. จัดผู้เรียนเข้ากลุ่มคละความสามารถ
2. แบ่งหน้าที่ทากิจกรรมใบงานโดยแบ่งหน้าที่ของ
สมาชิกแต่ละคน ตามความสนใจและเหมาะสม เช่น
อ่านใบงาน จดบันทัก เขียนคาถาม เสนอความเห็น
ตรวจให้คะแนนประเมินผลงาน หรือนาเสนอผลงาน
หน้าชั้นเรียน
3. ทาแบบทดสอบหลังเรียนเป็นรายบุคคล
4. สรุปผลการทดสอบเป็นคะแนนของกลุ่ม
39. 39
รูปแบบการเรียนรู้แบบร่วมมือ
5. รูปแบบ GI (Group Investigation) :
1. จัดผู้เรียนเข้ากลุ่มคละความสามารถ
2. ทากิจกรรมใบงานตามที่ได้รับมอบหมาย โดยแบ่ง
ประเด็นเนื้อหาออกเป็นหัวข้อย่อย และมอบให้สมาชิก
แต่ละคนตามความสนใจและความเหมาะสมไปศึกษา
ค้นคว้าจากแหล่งเรียนรู้ที่ครูจัดให้ หรือแหล่งอื่นๆ
3. นาผลการสารวจค้นคว้าของสมาชิกแต่ละคน มาสรุป
รวมเป็นผลงานของกลุ่ม
4. กลุ่มนาเสนอผลงานด้วยวิธีการที่เหมาะสม
40. 40
การจัดการเรียนแบบวัฏจักรการเรียนรู้
(Learning Cycle) แบบ 5Es ในทัศนะของ
โครงการศึกษาหลักสูตรวิทยาศาสตร์สาขา
ชีววิทยาในสหรัาอเมริกา (BSCS) มีดังนี้
1. ขั้นสร้างความสนใจ(Engagement Phase)
2. ขั้นสารวจ (Exploration Phase)
3. ขั้นอธิบายความรู้ (Explanation Phase)
4. ขั้นขยายหรือประยุกต์ใช้ความรู้
(Expansion Phase)
5. ขั้นประเมินผลความรู้(Evaluation Phase)
41. 41
การจัดการเรียนแบบวัฏจักรการเรียนรู้
(Learning Cycle) แบบ 7Es ประกอบด้วย
1. ขั้นเตรียมความรู้พื้นาาน (Eliciting Phase)
2. นาสร้างความสนใจ (Engagement Phase)
3. ขั้นสารวจ (Exploration Phase)
4. ขั้นอธิบายความรู้ (Explanation Phase)
5. ขั้นคิดขยายความรู้(Elaboration Phase)
6. ขั้นประเมินผลความรู้(Evaluation Phase) 7.
ขั้นนาความรู้ไปประยุกต์ใช้ (Extension Phase)
42. 42
การจัดการเรียนรู้แบบ CIPPA
1. ขั้นทบทวนความรู้เดิม
2. ขั้นแสวงหาความรู้ใหม่
3. ขั้นทาความเข้าใจข้อมูลความรู้ใหม่ เพื่อ
เชื่อมโยงกับความรู้เดิม
4. ขั้นแลกเปลี่ยนความรู้ความเข้าใจกับกลุ่ม
5. ขั้นสรุปและการจัดระเบียบความรู้
6. ขั้นการปฏิบัติและแสดงผลงาน
7. ขั้นการประยุกต์ใช้ความรู้
43. 43
ชนิด/แบบการเรียนรู้ของ Gagne ประกอบด้วย 8 แบบ
แบบที่ 1 การเรียนรู้ด้วยสัญญาณ (Signal
learning) เป็นการเรียนรู้ระดับพื้นฐานมีลักษณะที่ง่าย
โดยผู้เรียนจะมีพฤติกรรมตอบสนองตามเงื่อนไขสัญญาณที่จัด
ให้ เช่น ลักษณะอาการหรือพฤติกรรมแสดงออกเมื่อเผชิญสิ่ง
เร้า หรือเหตุการณ์ที่มีอารมณ์แบบต่างๆ
แบบที่ 2 การตอบสนองสิ่งเร้า (Stimulus
response) เป็นพฤติกรรมการแสดงออกของผู้เรียนเมื่อได้
ยินหรือรับรู้คาสั่ง คาขอร้องให้ปฏิบัติในสถานการณ์ต่างๆ
44. 44
ชนิด/แบบการเรียนรู้ของ Gagne ประกอบด้วย 8 แบบ
แบบที่ 3 การเคลื่อนไหวทางกายแบบต่อเนื่อง
(Motor chains) เป็นการเชื่อมโยงทักษะทางกายที่
ซับซ้อนของผลการตอบสนองสิ่งเร้าตั้งแต่ 2 ทักษะขึ้นไป เช่น
การเขียนอักษรหรือพยัญชนะแต่ละตัวหรือเขียนเป็นคาหรือ
ทักษะการเคลื่อนไหวด้านอื่น
แบบที่ 4 ความสัมพันธ์เชื่อมโยงของข้อความ (Verbal
association) เป็นการเชื่อมโยงคาหรือความคิดตั้งแต่สอง
ส่วนขึ้นไป เช่น การแปลความมายหรือคาข้อความสั้นๆ
45. 45
แบบที่ 5 การจาแนกแบบหลายระดับ (Multiple
discriminations) เป็นการตอบสนองในการนาเสนอ
แนวทางหรือวิธีการที่แตกต่างกัน และแจกแจงด้วยประเด็นที่
ไม่เหมือนกันในแต่ละแนวทางหรือแต่ละวิธีการ เช่น การ
จาแนกความเหมือนและความต่างระหว่างหญ้ากับต้นไม้
แบบที่ 6 การสร้างความคิดรวบยอด (Concept
learning) เป็นการนาเสนอผลการตอบสนองสิ่งเร้าตาม
แบบแผนลักษณะหรือสาระสาคัญของสิ่งของหรือเหตุการณ์ที่
เป็นนามธรรม
46. 46
แบบที่ 7 การเรียนรู้เกี่ยวกับกฎเกณฑ์ (Rules
learning) เป็นการเชื่อมโยงสถานการณ์ของสิ่งเร้าหรือ
ความคิดรวบยอดตั้งแต่สองประเด็นขึ้นไปเพื่อนามาใช้อธิบาย
เหตุการณ์หรือสถานการณ์ที่ต้องการด้วยหลักการเหตุผล
แบบที่ 8 การเรียนรู้ด้านการแก้ปัญหา (Problem
solving learning) เป็นการเชื่อมโยงกฎหรือหลักการที่
รู้เข้าใจแล้วมาใช้เป็นองค์ประกอบเพื่อแก้ปัญหาที่เผชิญใน
สถานการณ์การเรียนรู้
47. 47
รูปแบบการสอนของ Gagne ประกอบด้วย 9 ขั้น
ขั้นที่ 1. กระตุ้นและเสริมสร้างความสนใจของผู้เรียน
ขั้นที่ 2. แจ้งวัตถุประสงค์ของบทเรียนให้ผู้เรียนทราบ
ขั้นที่ 3. กระตุ้นให้ระลึกถึงความรู้เดิม
ขั้นที่ 4. นาเสนอสิ่งเร้าหรือเสนอเนื้อหาใหม่
ขั้นที่ 5. ให้แนวการเรียนรู้หรือจัดระบบข้อมูลให้มี
ความหมาย
48. 48
รูปแบบการสอนของ Gagne ประกอบด้วย 9 ขั้น
ขั้นที่ 6. กระตุ้นให้ผู้เรียนแสดงความสามารถ
ตอบสนองต่อสิ่งเร้าที่เรียน
ขั้นที่ 7. ให้ข้อมูลป้ อนกลับเพื่อเสริมแรงแก่ผู้เรียน
ขั้นที่ 8. ประเมินผลการแสดงออกของผู้เรียน
เพื่อให้ทราบถึงการบรรลุจุดประสงค์
ขั้นที่ 9. เสริมสร้างความคงทนและการถ่ายโอน
การเรียนรู้
49. 49
แนวคิดการจัดการเรียนรู้แบบวัฏจักรการเรียนรู้
(4 MAT Learning Cycle) ในทัศนะของ Kolb
เชื่อว่า การเรียนรู้เกิดจากความสัมพันธ์สองมิติ คือ
การรับรู้ และกระบวนการจัดกระทาข้อมูล โดยการ
รับรู้ผ่านทางประสบการณ์ที่เป็นรูปธรรม และผ่าน
ทางความคิดรวบยอดที่เป็นนามธรรม
จาแนกลักษณะผู้เรียน 4 กลุ่ม คือ (๑) ผู้เรียนที่ถนัด
จินตนาการ (๒) ถนัดการวิเคราะห์
(๓) ถนัดการใช้สามัญสานึก และ
(๔) ถนัดในการปรับเปลี่ยน
50. 50
รูปแบบการเรียนรู้แบบนาตนเอง (Self-Directed
Learning) ของ Eggen & Kauchak
ประกอบด้วย
1. Assess Knowledge Relative The problem
2. Identify Additional Information Needed
3. Develop and Implement Plan to Gather New
Information
4. Use New Knowledge in Problem Solving
5. ตรวจสอบการบรรลุวัตถุประสงค์ของการแก้ปัญหา
51. 51
ขั้นการจัดการเรียนโดยใช้ทฤษฎี พหุปั ญญา
1. ขั้นเตรียมการ โดยวิเคราะห์ผู้เรียน ออกแบบและ
จัดทาแผนการเรียน โดยจัดทาเป็ นแผนบูรณาการ
ระหว่างกลุ่มสาระการเรียนรู้ ในลักษณะที่เป็ นหน่วย
การเรียนรู้
2. ขั้นจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ประกอบด้วย ขั้น
นาเข้าสู่บทเรียน การจัดกิจกรรมการเรียน ขั้น
สรุป และวัดประเมินผล
52. 52
การจัดการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็ นฐาน :BBL
เป็ นกระบวนการเรียนรู้ที่มุ่งเน้นการพัฒนาสมองของ
นักเรียน โดยพัฒนาสมองทั้งสองซีกอย่างสมดุลและสอดคล้อง
กับระดับพัฒนาการทางสติปัญญาของผู้เรียน เพื่อให้ผู้เรียนเกิด
ความสามารถในด้านทักษะการคิดขั้นพื้นฐาน และกระบวนการ
คิดขั้นสูง โดยใช้วิธีการเรียนที่ส่งเสริมให้นักเรียนแสดง
ความสามารถด้านการคิด อาทิ การเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็ นฐาน
การเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ การเรียนรู้แบบแก้ปัญหา การ
เรียนรู้แบบโครงงาน การเรียนรู้แบบ4MAT การเรียนรู้โดย
ใช้พหุปัญญา การเรียนรู้แบบ Constructivism
54. 54
คุณลักษณะของการจัดการเรียนรู้ที่มี
ประสิทธิภาพ ในทัศนะของ Dean
1. ครูจัดเตรียมการเรียนรู้ที่ดีมีคุณภาพ เป้ าหมายชัดเจน
2. ผู้สอนมีโอกาสสัมผัส/มีปฏิสัมพันธ์กับผู้เรียนมากที่สุด
3. สร้างความคาดหวังในระดับสูงให้กับผู้เรียน
4. นาเสนอความรู้ให้สอดคล้องกับระดับพัฒนาการของผู้เรียน
5. จัดโครงสร้างของงานให้เหมาะกับระดับผู้เรียน
6. มีความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการสอนและ
กิจกรรมที่หลากหลายและเหมาะสม
55. 55
คุณลักษณะของการจัดการเรียนรู้ที่มี
ประสิทธิภาพ ในทัศนะของ Dean
7. ใช้คาถามระดับสูงเพื่อกระตุ้นให้ผู้เรียนพัฒนาการคิด
8. มีการให้ข้อมูลป้ อนกลับอย่างสม่าเสมอทุกระยะ
9. ให้คาชมเชยและการเสริมแรงที่เหมาะสม
10. มีการบันทึกผลการเรียนและความก้าวหน้าของผู้เรียนแต่
ละคนที่เหมาะสม
11. มีการบริหารจัดการชั้นเรียนที่ดี/มีการสะท้อนผลการ
ทางานที่ดี และมีการประเมินความก้าวหน้าผู้เรียน
56. 56
ปัจจัยที่เอื้อต่อการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ
ในทัศนะของ Cooper & McIntyre
1. ครูจัดทาแผนการเรียนรู้ที่ชัดเจน
2. ครูเชื่อมโยงความรู้พื้นาานกับบทเรียนใหม่
3. จัดกิจกรรมเล่าเรื่องประกอบบทเรียน
4. ใช้วิธีการอ่านออกเสียงช่วยในการเรียนรู้
5. สื่อความหมายให้เกิดความเข้าใจโดยปรับขยายการใช้ภาษา
6. ใช้การอธิบายด้วยคาพูดประกอบการอภิปรายและใช้
คาถามที่นาไปสู่คาตอบที่ใช้การวิเคราะห์
57. 57
ปัจจัยที่เอื้อต่อการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ
ในทัศนะของ Cooper & McIntyre
7. สร้างแผนภูมิความรู้ประกอบการบันทึกช่วยความจา
8. ใช้สื่อและภาพที่เป็นรูปธรรม ประกอบการอธิบาย
9. สร้างกรอบการเขียนและการนาเสนองานที่มีคุณค่า
10. ใช้รูปแบบการนาเสนอข่าวสารความรู้ตามกรอบที่ผู้เรียน
จัดทาขึ้น
11. จัดกิจกรรมในรูปแบบของกลุ่มหรือจับคู่ฝึกทักษะทางาน
12. จัดแสดงละคร บทบาทสมมติ เอกสารใบความรู้/ใบงาน
61. 61
แนวคิดทฤษฎีด้านปัญญาที่ประสบความสาเร็จ
(Theory of Successful Intelligence)
1. การใช้ความสามารถที่จาเป็นนามาบูรณาการเพื่อทา
ให้เกิดความสาเร็จตามเป้ าหมายภายใต้บริบทที่ต่างกัน
2. การตระหนักถึงจุดเด่นหรือสิ่งที่ตนทาได้ดี รวมทั้ง
จุดอ่อนที่จะต้องชดเชย
3. การปรับเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสม
4. การสร้างความสมดุลในการใช้ความสามารถด้านการ
วิเคราะห์ การคิดสร้างสรรค์ และการฝึกปฏิบัติ
62. 62
รูปแบบการสอนมโนทัศน์ (Concept Attainment)
1. เตรียมข้อมูลให้ผู้เรียนฝึกจาแนก
2. กาหนดข้อตกลงในการทากิจกรรม
3. เสนอตัวอย่างมโนทัศน์ที่ต้องการสอนและ
ที่ไม่ใช่ตัวอย่าง
4. ให้ผู้เรียนระบุคุณสมบัติเฉพาะของมโนทัศน์นั้น
5. ผู้เรียนสรุปและให้คาจากัดความของมโนทัศน์
6. ผู้สอนและผู้เรียนอภิปรายร่วมกันใน
กระบวนการคิดหาคาตอบ
63. 63
รูปแบบการสอน Concept โดยใช้ Deductive and
Inductive Approach
Deductive Approach ประกอบด้วย
ขั้นที่ 1. ครูระบุชื่อและอธิบายความคิดรวบยอด
ขั้นที่ 2. ผู้เรียนระบุคุณลักษณะสาคัญของความคิดรวบยอด
ขั้นที่ 3. ผู้เรียนยกตัวอย่างประกอบความคิดรวบยอดนั้น
ขั้นที่ 4. ผู้เรียนตั้งชื่อความคิดรวบยอดและนิยามความหมาย
ความคิดรวบยอดนั้น
64. 64
รูปแบบการสอน Concept โดยใช้ Inductive
Approach มีขั้นตอน ดังนี้
ขั้นที่ 1. ครูกาหนดประเด็นความคิดรวบยอดและผู้เรียน
นาเสนอตัวอย่างประกอบที่หลากหลาย
ขั้นที่ 2. ผู้เรียนระบุคุณลักษณะร่วมและข้อแตกต่างของ
ความคิดรวบยอดผ่านสมมุติาาน
ขั้นที่ 3. ผู้เรียนสรุปสาระของความคิดรวบยอด
ขั้นที่ 4. ผู้เรียนตั้งชื่อความคิดรวบยอดและนิยามความหมาย
ของความคิดรวบยอดนั้น