Más contenido relacionado
La actualidad más candente (20)
กระดาษใยสับปะรด
- 4. สับปะรดพันธ์ุนางแล หรือพันธ์ุน้า ผึ้ง
มีผู้กล่าวว่าพันธุ์น้า ผึ้งนี้นา มา จากประเทศศรีลังกาบางท่านก็
กล่าวว่านามาจากมณฑลยูนนานของจีนแต่จาก ลักษณะต่างๆ ไม่
ว่าจะเป็นลักษณะของต้น ใบ ดอก และผล จะคล้ายคลึงกันพันธุ์
ปัตตาเวียมาก จึงอาจเป็นพันธุ์ย่อย หรือกลายพันธุ์มาจาก พันธุ์
ปัตตาเวีย มีปลูกมากที่ ต.นางแล อ.เมือง จ.เชียงราย เนื่องจากมีรส
หวานจัดเป็นที่นิยมของตลาด
- 6. เมื่อปี พ.ศ.2525 ก็ได้เริ่มมีการรวมกลุ่มและก่อตั้งสหกรณ์
ปี พ.ศ.2548-2552 ก็ได้เริ่มชักชวนดึงแขกเข้ามาเยี่ยมชมผลงาน
ปี พ.ศ.2557 เริ่มมีเครื่องมือช่วยเรื่องกระบวนการทา ต่างๆ
ปัจจุบันก็มีชาวต่างชาติให้ความสนใจเป็นอย่างมา และเข้ามาดูงาน
อยู่เรื่อยๆ
- 11. 1.การต้มเยื่อ
การต้มเยื่อแต่ละครั้ง ใช้ใบสับปะรด 14 กิโลกรัม โซดาไฟ 1
กิโลกรัมน้า ประมาณ 18 ลิตร ต้มด้วยกะทะขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 36
นิ้ว เป็นเวลา 3-4 ชั่วโมง ถ้าต้องการฟอกนาเยื่อเติมผงคลอรีน หรือ
ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 100 กรัม ผสมให้เข้ากันทิ้งไว้ประมาณ 15
นาที ล้างให้สะอาดเติมสีย้อมผ้า 1 ซอง แล้วนา ไปผลิตเป็นแผ่นกระดาษ
ได้ 20 แผ่น ขนาดของกระดาษ 55x80 เซนติเมตร
- 12. 2.การล้างใบสับปะรดในน้า
ก่อนนา ใบสับปะรดไปแช่หรือล้างน้า ควรเลือกและตัดแต่งส่วนที่สกปรก
มากหรือเป็นเชื้อราที่ไม่สามารถล้างออกด้วยน้า ได้ทิ้งไปเพื่อให้ได้กระดาษที่มี
คุณภาพดี การล้างใบสับปะรดให้ล้างด้วยน้า สะอาดเพื่อให้เศษดิน ทราย และสิ่ง
สกปรกต่าง ๆ ที่ติดมาหลุดร่วงออกไป วิธีการล้างที่ดีควรแช่ไว้พักหนึ่งก่อน
เพื่อให้สิ่งสกปรกต่าง ๆ อ่อนตัวและล้างออกได้โดยง่าย หากมีบ่อล้างหรือ
ภาชนะแช่อื่น ๆ เพียงพอ อาจแช่น้า ไว้ข้ามคืนแล้วค่อยล้างออกก็ได้
- 13. 3.การต้มใบสับปะรดด้วยโซดาไฟ
การต้มด้วยโซดาไฟ (โซเดียมไฮดรอกไซด์ ) ที่มีฤทธ์ิเป็นด่าง
จะทา ให้ใบสับปะรด เปื่อยยุ่ยเมื่อนา ไปตีเยื่อจะแตกตัวได้ดี การดู
ว่าใบสับปะรดที่ต้มได้ที่หรือยังสามารถทดสอบได้ด้วยการใช้มือ
บีบดูหากใบสับปะรดนิ่มเละโดยง่ายแสดงว่าต้มได้ที่แล้วให้ตัก
ขึ้นพักไว้ก่อนเพื่อให้คลายตัวแล้วจึงนา ไปล้างน้า สะอาดต่อไป
การต้มใบสับปะรด น้า ต้มที่ผสมโซดาไฟที่เหลือจากการต้มใบ
สับปะรดครั้งที่ 1 สามารถใช้ในการต้มใบสับปะรดครั้งที่ 2 และ 3
ได้
- 14. โดยไม่ต้องเปลี่ยนน้า ในการต้ม เพียงใส่โซดาไฟเพิ่ม
จา นวน 3 ใน 5 ส่วนของการต้มครั้งแรกและเติมน้า ทดแทนน้า
ที่สูญเสียไปกับการต้มก็สามารถใช้ต้มได้ดีเช่นเดียวกับการต้ม
ครั้งแรก การต้มในครั้งที่ 2 และ 3 จะประหยัดเวลาและ
เชื้อเพลิงในการต้ม เนื่องจากน้า ต้มนั้นมีความร้อนอยู่แล้ว ข้อ
ควรระวังในการต้มใบสับปะรดด้วยโซฟาไฟ คือ การใช้
อัตราส่วนของโซดาไฟสูงเกินไปจะทา ลายเยื่อใบสับปะรดที่มี
ความบางเยื่อที่ได้จะเละเป็นผงละเอียดเล็ก ๆ
- 16. 4.ล้างด้วยน้า สะอาด
นา เยื่อที่ผ่านการต้มมาล้างโซดาไฟออกให้หมดด้วยน้า สะอาด 2 - 3
ครั้ง เยื่อที่ล้างด้วยโซดาไฟไม่หมดอาจทา ให้กระดาษมีคุณภาพไม่ดี
กรอบแห้งเมื่อเก็บไว้นาน ๆ เยื่อที่ได้จากการต้มจะมีลักษณะเปื่อยยุ่ยและ
ไม่เป็นชิ้นเป็นเส้น เช่น เยื่อปอสา การล้างเยื่อสับปะรดจึงต้องใช้ถุงผ้าตา
ข่ายไนล่อนตาถี่ชนิดเดียวกับที่ใช้ตะแกรง หล่อกระดาษใส่ และล้างอีกที
หนึ่งเพื่อรักษาเยื่อไว้ไม่ให้เสียไปกับน้า ที่ใช้ล้าง การระบายน้า ของเยื่อไม่
ดีเท่าปอสา จึงต้องใช้วิธีการเหยียบให้น้า ระบายร่วมกับการล้างเยอื่
- 17. 5.การฟอกขาวเยื่อ
การฟอกขาว จะใช้วิธีการฟอกขาวด้วยการต้มด้วยไฮโดรเจน
เปอร์ออกไซด์ เข้มข้น 50% และโซเดียมซิลิเกต ในอัตราส่วน
ไฮโดรเจน-เปอร์ออกไซด์ 10%, โซเดียมซิลิเกต 5% ของน้า หนัก
เยื่อใบสับปะรด หลังการต้มด้วยโซดาไฟ คือ ใช้ไฮโดรเจนเปอร์
ออกไซด์ 100 กรัม โซเดียมซิลิเกต 50 กรัมต่อน้า หนักเยื่อใบ
สับปะรด หลังการต้มที่ใช้ในการผลิต 1 กิโลกรัม ใส่ลงในน้า ที่
ใช้ในการต้มประมาณ 5 ลิตร
- 18. เมื่อน้า เริ่มร้อนแต่ยังไม่เดือด โดยสังเกตได้จากน้า เริ่มมี
ไอลอยที่บริเวณผิวหน้าและมีเสียงร้องของน้า จึงเติม
ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ลงไปก่อนและใช้ไม้กวนละลาย
แล้วจึงเติมโซเดียมซิลิเกตลงไป แล้วใช้ไม้กวนละลายให้
เข้ากัน (ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์จะเป็นตัวทา ปฏิกิริยาใน
การฟอกขาวเยื่อ แต่มีคุณสมบัติที่ระเหยไปในอากาศได้
โดยง่าย ส่วนโซเดียมซิลิเกตจะช่วยรั้งเปรียบเสมือนกับ
ฉนวนกั้นไม่ให้ไฮโดรเจน-เปอร์ออกไซด์ระเหยไป
โดยง่าย)
- 20. การฟอกเยื่อขาว อาจใช้การฟอกขาว ด้วยการแช่น้า ผสม
คลอรีนทา ได้เป็นเวลาประมาณ 12 ชั่วโมง แต่มีข้อเสีย คือ
คลอรีนเป็นสารเคมีที่มีฤทธ์ิตกค้างนานสลายตัวตาม
ธรรมชาติได้ยาก น้า ผสมคลอรีนที่เหลือจากการฟอกขาว
หากไม่มีการบา บัดที่ดีจะเป็นผลเสียต่อสภาพแวดล้อมได้ ซึ่ง
ต่างจากไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ที่สามารถสลายตัวได้ง่าย
กว่าล้างด้วยน้า สะอาด จากนั้นนา เยื่อที่ผ่านการฟอกขาวมา
ล้างด้วยน้า สะอาดประมาณ 2-3 ครั้ง เพื่อให้หมดจากสารเคมี
ที่ใช้ในการฟอกขาว
- 22. วิธีการย้อม
ตวงน้า ตามที่กา หนด จากนั้นนา สีตามต้องการละลายใน
น้า อุ่น (ปริมาณพอสมควรที่จะละลายสีได้หมด) นา มาเทลงใน
น้า ที่ตวงได้ การตวงน้า ครั้งแรกควรปรับลดตามปริมาณน้า อุ่นที่
ใช้ผสมสีด้วย คนให้สีเข้ากับน้า จึงนา เยื่อกระดาษจากใบ
สับปะรด (อาจเป็นเยื่อที่ผ่านการฟอกขาวหรือเยื่อที่ไม่ฟอกขาวก็
ได้) ลงคลุกกับน้า สีโดยใช้มือคลุกพลิกไปพลิกมาจนสีจับเยอื่
กระดาษสม่า เสมอกัน ใส่เกลือ 100 กรัม คนและคลุกเคล้ากับเยอื่
กระดาษให้ทั่วกับเยื่อกระดาษให้ทั่วกันตั้งทิ้งไว้25 นาที
- 23. หลังจากนั้นเติมเกลือส่วนที่เหลือ 100 กรัม กับโซดา
แอช 100 กรัม ลงไปคลุกกับเยื่อกระดาษจนทั่วอีกครั้ง
หนึ่ง ตั้งทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง จากนั้นจึงนา มาล้างด้วยน้า
สะอาดหลาย ๆ ครั้ง จนเห็นว่าสีส่วนเกินไม่ละลาย
ออกมากับน้า แล้ว จึงได้เยื่อกระดาษจากใบสับปะรดย้อม
สีพร้อมทา แผ่นต่อไปเยื่อกระดาษจากใบสับปะรดที่ใช้ใน
การย้อมสีสามารถใช้ได้ทั้งเยื่อที่ไม่ผ่านการฟอกขาวเยอื่
และเยื่อที่ผ่านการฟอกขาวแล้วล้างด้วยน้า สะอาด
- 24. ล้างเยื่อที่ผ่านการย้อมสีแล้วด้วยน้า สะอาดประมาณ 2
ครั้ง เพื่อกา จัดสีส่วนเกินออกไปให้หมด ทดสอบหลังการ
ล้างด้วยน้า สะอาดแล้วด้วยการบีบเยื่อดูหากน้า ไหล
ออกมาจากเยื่อเป็นน้า ใสสะอาดแสดงว่าล้างสะอาดดีแล้ว
แต่ถ้ายังมีสีปนออกมาอยู่ต้องล้างต่อให้สะอาด เยอื่ที่ล้าง
ไม่สะอาดจะมีผลต่อการตกสีของกระดาษได้
- 25. 7.การทา แผ่นกระดาษ
การทา แผ่นกระดาษ หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “การหล่อ
กระดาษ” การทา แผ่นกระดาษจากใบสับปะรดนี้จะทา
แผ่นกระดาษด้วยวิธีที่เรียกว่า “การแตะกระดาษ” ด้วยการนาเยื่อ
มาปั้นเป็นก้อนบีบน้า ออกพอประมาณ ชั่งให้ได้น้า หนักตามที่
ต้องการ (กระดาษมาตรฐาน คือ 55 x 80 เซนติเมตร น้า หนักเยื่อ
เปียก 3 ขีด หรือ 300 กรัม)
- 26. ละลายก้อนเยื่อลงในตะแกรงที่ลอยอยู่ในน้า ในอ่าง แตะกระดาษ
ใช้มือกระจายให้ทั่วเยื่อตะแกรง การที่จะให้เยื่อกระจายตัวสม่า เสมอ
ทั่วทั้งแผ่นด้วยการใช้ฝ่ามือหรือหลังมือตีน้า เบาๆ ทั่วทั้งแผ่น จึง
เรียกว่า “การแตะ” จากนั้นค่อย ๆ ยกตะแกรงขึ้นตรง ๆ เพื่อไม่ให้เยอื่
กระดาษเลื่อนตัวไปทางใดทางหนึ่ง แล้วจึงวางตะแกรงบนรางไม้ที่
วางเรียงกันสองอันในแนวราบเพื่อให้กระดาษหมดน้า พักหนึ่งจึงยก
ออกไปตากต่อไป
- 27. 8.การตากกระดาษ
นาตะแกรงกระดาษไปตากแดด ประมาณ 1 ชั่วโมง จึงนาเข้า
ตากในร่มหรือในที่มีแดดราไร ที่มีอากาศถ่ายเทได้ดี และ
หลีกเลี่ยงที่มีลมแรงหรือลมกรรโชก การตากด้วยการหันหลัง
ตะแกรงพิงกันทา มุมประมาณ 60 องศา เช่นเดียวกับการตาก
กระดาษสา สาเหตุที่ต้องผึ่งกระดาษในสถานที่ร่ม โปร่งที่มีอากาศ
ถ่ายเทได้ดีเพราะกระดาษสับปะรด
- 28. มีการหดตัวสูง การตากในที่แดดจัดมาก ๆ จะทา ให้
กระดาษหดตัวอย่างรวดเร็ว และหลุดออกจากตะแกรง
ยับย่นไม่เรียบร้อยทา ให้กระดาษไม่ได้คุณภาพ หาก
ต้องการกระดาษหน้าเรียบเมื่อตากกระดาษจนหมดแล้ว
ใช้ขันอลูมิเนียมขนาดเล็กที่มีน้า หนักเบา ขอบมนไม่มีคม
ขัดลูบผิวหนังของกระดาษเบา ๆ จนหน้าเรียบทั่วแผ่น
- 30. จึงนา เอากระดาษที่ผลิตได้ไปทา เป็นผลิตภัณฑ์ของใช้ของที่
ระลึกรูปแบบต่าง ๆ เช่น กล่องใส่ของหลายขนาดรูปร่างต่าง ๆ
เช่น สี่เหลี่ยมวงรีหัวใจประดับด้วยดอกไม้ใบไม้ลวดลายเล็ก ๆ
กล่องใส่กระดาษโน๊ต กรอบรูป กระดาษห่อของขวัญ กล่องใส่
ทิชชู ที่คั่นหนังสือ กล่องบุหงา สมุดโน๊ต และพวงกุญแจ เป็นต้น