Más contenido relacionado
La actualidad más candente (20)
Similar a บทที่ 10 การเงินการธนาคาร การคลังรัฐบาล (12)
บทที่ 10 การเงินการธนาคาร การคลังรัฐบาล
- 5. 2. ปริมาณเงินในความหมายกว้าง (Broad Money : M2)
1) ปริมาณเงินทั้งหมด หมายถึง ปริมาณของเหรียญกษาปณ์ ธนบัตร
เงินฝากกระแสรายวัน เงินฝากออมทรัพย์ และเงินฝากประจาในระบบธนาคาร
พาณิชย์ รวมกันทั้งหมดที่ออกมาใช้หมุนเวียนอยู่ในมือประชาชนในขณะใด
ขณะหนึ่ง
2) ปริมาณเงินทั้งหมด (M3) หมายถึง ปริมาณของเหรียญกษาปณ์
ธนบัตร เงินฝากกระแสรายวัน เงินฝากออมทรัพย์ และเงินฝากประจาในระบบ
ธนาคารพาณิชย์ เงินฝากประจาในสถาบันการเงินทุกประเภท เงินฝากที่เป็นเงินตรา
ต่างประเทศ และตั๋วสัญญาใช้เงินของบริษัทเงินทุนและบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ที่
รวมกันออกใช้ในท้องตลาดในขณะใดขณะหนึ่ง
- 6. สิ้นเดือนธันวาคม 2549 หน่วย: ล้านบาท
1 ธนบัตรและเหรียญที่ออกใช้ : 806,374.7
2 อยู่ในมือรัฐบาล 1,123.6
3 อยู่ในมือธนาคารพาณิชย์ 135,108.2
4 อยู่ในมือธุรกิจและครัวเรือน 652,729.3
5 อยู่ในมือสถาบันการเงินอื่นๆ 17,413.6
6 เงินฝากเผื่อเรียก : 457,930.3
7 อยู่ในมือรัฐบาล 135,672.2
8 อยู่ในมือธนาคารพาณิชย์ 59,468.3
9 อยู่ในมือธุรกิจและครัวเรือน 247,566.5
10 อยู่ในมือสถาบันการเงินอื่นๆ 15,223.3
11 ปริมาณเงินทั้งหมด (M1) : (4 + 5 + 9 + 10) 932,932.7
ปริมาณเงินในประเทศไทย
- 9. “ยอดรายจ่ายของผู้ซื้อจะเท่ากับยอดรายรับของผู้ขายเสมอ”
MV = PT หรือ P = MV/T
โดยมี M = ปริมาณเงินหมุนเวียน
V = อัตราความเร็วในการหมุนเวียนของเงิน (คงที่)
(จานวนครั้งที่เงินแต่ละหน่วยโดยเฉลี่ยแล้วถูกนาไปใช้ในรายการแลกเปลี่ยนทุก
ชนิดในระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง )
P = ระดับราคาสินค้า
T = ปริมาณของสินค้าซึ่งขายกันในช่วงระยะเวลาหนึ่งๆ(คงที่)
- 10. ความต้องการถือเงิน (demandformoney)
1. เพื่อใช้จ่ายประจาวัน (transaction motive)
2. เพื่อเป็นทุนสารองเมื่อมีเหตุจาเป็น(precautionary motive)
3. เพื่อเก็งกาไร (speculative motive)
ความต้องการถือเงินทั้ง 3 ประเภท จะเปลี่ยนแปลงในทาง
ตรงกันข้ามกับอัตราดอกเบี้ย และจะเปลี่ยนแปลงไปในทาง
เดียวกันกับรายได้
- 13. อัตราดอกเบี้ย ขึ้นอยู่กับความต้องการถือเงิน
ปริมาณเงินขึ้นอยู่กันนโยบายการเงิน ไม่ขึ้นอยู่กับอัตราดอกเบี้ย จึงเป็นเส้นตรงตั้ง
ฉากขนานกับอัตราดอกเบี้ย
อัตราดอกเบี้ย
ปริมาณเงิน
r2
r1
M2 M1M
M
r
อัตราดอกเบี้ยดุลยภาพ
เส้นความต้องการถือเงิน
เส้นปริมาณเงิน
- 15. สาเหตุสาคัญที่ก่อให้เกิดภาวะเงินเฟ้ อ
1. ภาวะเงินเฟ้ อที่เกิดจากแรงดึงของอุปสงค์ (Demand Pull
Inflation ) หมายถึง ภาวะเงินเฟ้อที่เกิดขึ้น เนื่องมาจากความ
ต้องการซื้อรวม มีปริมาณมากกว่าจานวนสินค้าและบริการที่
เสนอขายรวม ซึ่งปัจจัย สาคัญที่ทาให้อุปสงค์มวลรวมหรือ
ความต้องการที่จะซื้อของประเทศมีมากจนเกินไป
2. ภาวะเงินเฟ้ อที่เกิดจากแรงผลักดันของอุปทาน (Cost Push
Infation ) หมายถึง ถาวะเงินเฟ้อที่ส่งผลกระทบทาให้ระดับของ
ราคาสินค้าและบริการโดยทั่วไปเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว อัน
เนื่องมาจากต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้น
- 16. ผลของการเกิดภาวะเงินเฟ้ อ
(1) ผลที่มีต่อระดับการผลิตและการลงทุน
(2) ผลที่มีต่อการกระจายรายได้ ได้แก่
- ลูกหนี้จะเป็นฝ่ายได้เปรียบ เพราะค่าเงินบาทลดลงไปเรื่อยๆ
- ผู้เก็งกาไร คือ ผู้ที่มีรายได้จากการทากาไรจะเป็นฝ่ายได้เปรียบในขณะที่ผู้ที่มี
รายได้ประจาจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
- ผู้ที่ถือสินทรัพย์ที่มีราคาไม่แน่นอนตายตัว จะเป็นฝ่ายได้เปรียบในขณะที่ ผู้ที่มี
ถือสินทรัพย์ที่เป็นตัวเงิน เช่น เงินสด และเงินฝากประจา จะเป็นฝ่าย
เสียเปรียบ
- 18. ภาวะเงินฝืด (Deflation)
ภาวะเงินฝืด หมายถึง การที่ระดับราคาสินค้าและบริการ
โดยทั่วไปในระบบเศรษฐกิจ (General Price Level ) ลดลง
อย่างรวดเร็ว (Height Price ) สาหรับการลดลงของระดับราคา
สินค้าและบริการโดยทั่วไปต้องมิใช่เป็นการลดลงเพียงระยะสั้นๆ
แล้วหมดไป แต่จะต้องเป็นสถานการณ์ที่ระดับของราคาสินค้าและ
บริการโดยทั่วไปลดลงไปเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง
- 19. ความหมายของธนาคารพาณิชย์
(The Meaning of Commercial Bank)
การประกอบธุรกิจประเภทรับฝากเงินที่ต้องจ่ายคืน เมื่อมีการ
ทวงถามเกิดขึ้น หรือเมื่อสิ้นระยะเวลาอันกาหนดไว้และใช้
ประโยชน์เงินนั้นในทางหนึ่งหรือหลายทาง เช่น การให้สินเชื่อ การ
ซื้อขายตั๋วแลกเงิน หรือตราสารเปลี่ยนมืออื่นใด และ การซื้อขาย
เงินปริวรรตต่างประเทศ
- 21. 3. การรับซื้อลดเช็ค หรือตั๋วเงิน หรือตราสารเปลี่ยนมืออื่นๆ
4. การรับอาวัลตั๋วเงิน หรือการรับรองตั๋วเงิน หรือการออกเล็ตเตอร์ออฟ
เครดิต หรือการค้าประกัน
5. การโอนเงินและการเรียกเก็บเงิน
6. การรับฝากเงินทั้งระยะสั้นและระยะยาว
7. การซื้อขายเงินปริวรรตต่างประเทศ
8. บริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจธนาคารพาณิชย์ เช่น การออกเครดิต
การ์ด การออกเช็คของขวัญ การบริการให้เช่าตู้นิรภัย เป็นต้น
- 26. (1) การเบิกเงินเกินบัญชี (Overdrafts or O/D ) คือ ธนาคารจะให้
กู้ยืมก็ต่อเมื่อลูกค้าจะต้องมีบัญชีเงินฝากประเภทกระแสรายวันอยู่กับ
ธนาคาร โดยจะอนุญาตให้ลูกค้าเบิกเงินหรือสั่งจ่ายเงินได้เกินกว่า
จานวนเงินฝาก ในบัญชีกระแสรายวันของตนตามวงเงินที่ได้ทาตาม
ความตกลงกันไว้กับธนาคารล่วงหน้า
(2) การกู้ยืมทั่วๆ ไป (Loans ) การกู้ยืมประเภทต่างๆ เช่น การกู้เงิน
เพื่อการพาณิชย์ การกู้เงินเพื่อการอุตสาหกรรม และการกู้เงินเพื่อการ
เกษตรกรรม และการกู้เงินเพื่อการอุปโภคบริโภค
(3) การซื้อลดตั๋วเงิน ตั๋วเงิน คือ ใบสัญญาที่ระบุว่าผู้ออกตั๋วจะใช้เงิน
ให้แก่ผู้รับตั๋วเงินหรือผู้ถือตั๋วเงิน เมื่อครบกาหนดระยะเวลาที่ระบุให้
ตั๋วเงิน
- 28. ความรับผิดชอบของธนาคารพาณิชย์ต่อปริมาณเงิน
( The Responsibility of Commercial Banks byMoney Supply)
ความรับผิดชอบต่อลูกค้า ได้แก่ผู้ฝากเงิน และผู้กู้ยืมเงิน ธนาคาร
พาณิชย์จะต้องรับผิดชอบต่อลูกค้าในด้านความมั่นคงและความ
ปลอดภัยเกี่ยวกับการเงินและให้บริการในรูปต่างๆ
ความรับผิดชอบต่อผู้ถือหุ้นและพนักงาน เมื่อธนาคารพาณิชย์ใน
ประเทศไทยเป็นบริษัทมหาชน การที่บุคคลเข้ามาซื้อหุ้นของธนาคาร
พาณิชย์ก็เพื่อหวังผลประโยชน์
- 30. บทบาทของธนาคารพาณิชย์ต่อปริมาณเงิน (The Roles of
Commercial Band by Money Supply)
การรับฝากเงิน เมื่อธนาคารพาณิชย์เป็นแหล่งระดมเงินออมที่สาคัญ
ที่สุดในระบบเศรษฐกิจ โดยที่แหล่งสะสมเงินออกจานวนมหาศาล
ดังกล่าวกล่าวจะอยู่ในรูปของเงินฝากประเภทกระแสรายวัน หรือเงิน
ฝากประเภทออมทรัพย์
การให้กู้ยืมเงิน ธนาคารพาณิชย์ในประเทศไทยนับเป็นแหล่งเงินกู้ราย
ใหญ่ที่สุดของประเทศ และเมื่อธนาคารพาณิชย์สามารถที่จะระดม
เงินทุนและเงินออกได้แล้ว ทั้งนี้เพื่อทาให้เกิดการลงทุนและการจ้าง
แรงงานต่อไป