Más contenido relacionado
La actualidad más candente (9)
Similar a ไฟฟ้ากลุ.. (20)
ไฟฟ้ากลุ..
- 1. ั
1.ด.ญ.จริยา ฟองงาม เลขที 20 ชน ม.3/3
ั
2.ด.ญ.ธนัชพร พรหมวิชย เลขที 24 ชน ม.3/3ั
ั
3.ด.ญ.รัตนาภรณ์ ค ้าสม เลขที 28 ชน ม.3/3
ี ั
4.ด.ญ.รูซตา มะอายุ เลขที 30 ชน ม.3/3
ั
5.ด.ญ.สุนสา ภักดีผล เลขที 37 ชน ม.3/3
ิ
- 2. ้
เครืองใชไฟฟ้ า
้
เครืองใชไฟฟ้ า
้
เครืองใชไฟฟ้ า คือ อุปกรณ์ทเปลียนพลังงานไฟฟ้ าเป็ น
ี
้ ี ิ
พลังงานรูปอืน เพือนํ าไปใชในชวตประจําวัน ได ้แก่
้
1. เครืองใชไฟฟ้ าทีให ้แสงสว่าง
้
2. เครืองใชไฟฟ้ าทีให ้ความร ้อน
้
3. เครืองใชไฟฟ้ าทีให ้พลังงานกล
้
4. เครืองใชไฟฟ้ าทีให ้พลังงานเสยง ี
้
นอกจากนียังมีเครืองใชไฟฟ้ าทีสามารถเปลียนเป็ นพลังงาน
รูปอืนหลายรูปในเวลาเดียวกัน
- 3. ้
เครืองใชไฟฟาทีให้แสงสว่าง
้
ี ้
หลอดไฟ เป็ นอุปกรณ์ทใชเปลียนพลังงานไฟฟ้ าเป็ นแสงสว่าง
ิ ึ ั
ให ้เราสามารถมองเห็นสงต่างๆ ได ้ ซง โธมัส เอดิสน เป็ นผู ้
ประดิษฐ์หลอดไฟเป็ นครังแรก โดยใชคาร์บอนเสนเล็กๆ เป็ นไส ้
้ ้
หลอดและได ้มีการพัฒนาเรือยมาเป็ นลําดับ
ประเภทของหลอดไฟ
้
1. หลอดไฟฟ้ าธรรมดา มีไสหลอดทีทําด ้วยลวดโลหะทีมีจด ุ
่ ้
หลอมเหลวสูง เชน ทังสเตนเสนเล็กๆ ขดเอาไว ้เหมือนขดลวด
สปริงภายในหลอดแก ้วสูบอากาศออกหมดแล ้วบรรจุกาซเฉือย ๊
่ ่
เชน อาร์กอน (Ar) ไว ้ ก๊าซนีชวยป้ องกันไม่ให ้หลอดไฟฟ้ าดํา
หล ักการทํางานของหลอดไฟฟาธรรมดา ้
้ ึ
กระแสไฟฟ้ าไหลผ่านไสหลอดซงมีความต ้านทานสูง พลังงาน
้
ไฟฟ้ าจะเปลียนเป็ นพลังงานความร ้อน ทําให ้ไสหลอดร ้อนจัดจน
เปล่งแสงออกมาได ้ การเปลียนพลังงานเป็ นดังนี
พลังงานไฟฟ้ า >>>พลังงานความร ้อน >>>พลังงานแสง
- 4. 2. หลอดเรืองแสง หรือ หลอดฟลูออเรสเซนต์
(fluorescent) เป็ นอุปกรณ์ทเปลียนพลังงานไฟฟ้ าเป็ น
ี
ึ
พลังงานแสงสว่าง ซงมีการประดิษฐ์ในปี ค.ศ. 1938 โดยมี
ั
รูปร่างหลายแบบ อาจทําเป็ นหลอดตรง สน ยาว ขดเป็ น
วงกลมหรือครึงวงกลม เป็ นต ้น
- 5. ่
สวนประกอบของหลอดเรืองแสง
้
ตัวหลอดมีไสโลหะทังสเตนติดอยูทปลายทัง 2 ข ้าง ของ
่ ี
ึ
หลอดแก ้ว ซงผิวภายในของหลอดฉาบด ้วยสารเรืองแสง
่
อากาศในหลอดแก ้วถูกสูบออกจนหมดแล ้วใสไอปรอทไว ้
เล็กน ้อย
- 6. ี ้
อุปกรณ์ทใชเพือให้หลอดเรืองแสงทํางาน
์ ั
1. สตาร์ตเตอร์ (starter) ทําหน ้าทีเป็ นสวิตซอตโนมัต ิ
ในขณะหลอดเรืองแสง ยังไม่ตดและหยุดทํางานเมือหลอด
ิ
ติดแล ้ว
ั
2. แบลลัสต์ (Ballast) ทําหน ้าทีเพิมความต่างศกย์ เพือให ้
หลอดไฟเรืองแสงติดในตอนแรกและทําหน ้าที ควบคุม
กระแสไฟฟ้ าทีผ่านหลอด ให ้ลดลงเมือหลอดติดแล ้ว
้
การใชหลอดเรืองแสงต ้องต่อวงจรเข ้ากับสตาร์ตเตอร์และ
แบลลัสต์ แล ้วจึงต่อเข ้ากับสายไฟฟ้ าในบ ้าน
- 7. หล ักการทํางานของหลอดเรืองแสง
้ ้
เมือกระแสไฟฟ้ าผ่านไสหลอดจะทําให ้ไสหลอดร ้อนขึน ความ
ร ้อนทีเกิดทําให ้ปรอททีบรรจุไว ้ในหลอดกลายเป็ นไอมากขึน
เมือกระแสไฟฟ้ าผ่านไอปรอทได ้จะคายพลังงานไฟฟ้ าให ้ไอ
ปรอท ทําให ้อะตอมของไอปรอทอยูในภาวะถูกกระตุ ้น และ
่
อะตอมปรอทจะคายพลังงานออกมาเพือลดระดับพลังงานของตน
ี ั ี ั
ในรูปของรังสอลตราไวโอเลต เมือรังสดงกล่าวกระทบสารเรือง
แสงทีฉาบไว ้ทีผิวในของหลอดเรืองแสงนันก็จะเปล่งแสงได ้ โดย
ี ่
ให ้แสงสตางๆ ตามชนิดของสารเรืองแสงทีฉาบไว ้ภายในหลอด
นัน เชน แคดเมียมบอเรทจะให ้แสงสชมพู ซงค์ซลเคทให ้แสงส ี
่ ี ิ ิ ิ
ี ี
เขียว แมกนีเซยมทังสเตนให ้แสงสขาวอมฟ้ า และยังอาจผสม
ี
สารเหล่านีเพือให ้ได ้สผสมทีแตกต่างออกไปอีกด ้วย
- 8. ข้อดีของหลอดเรืองแสง
ิ ี
1. มีประสทธิภาพสูงกว่าหลอดไฟฟ้ าธรรมดา เสยค่าไฟฟ้ าเท่ากัน แต่
ได ้ไฟทีสว่างกว่า
2. ให ้แสงทีเย็นตา กระจายไปทัวหลอด ไม่รวมเป็ นจุดเหมือนหลอด
ไฟฟ้ าธรรมดา
ี
3. อาจจัดสของแสงแปรเปลียนได ้ โดยการเปลียนชนิดสารเรืองแสง
4. อุณหภูมของหลอดเรืองแสงไม่สงเท่ากับหลอดไฟธรรมดาขณะ
ิ ู
ทํางาน
3. หลอดนีออน หรือหลอดไฟโฆษณา เป็ นอุปกรณ์ไฟฟ้ าทีเปลียน
พลังงานไฟฟ้ าเป็ นแสงสว่าง มีลักษณะเป็ นหลอดแก ้วทีถูกลนไฟ ดัด
่ ๊
เป็ นรูปหรืออักษรต่างๆ สูบอากาศออกเป็ นสูญญากาศ แล ้วใสกาซบาง
ี ่
ชนิดทีให ้แสงสตางๆ ออกมาได ้ เมือมีกระแสไฟฟ้ าผ่านหลอดชนิดนีไม่
้ ้
มีไสหลอดไฟ แต่ใชขัวไฟฟ้ าทําด ้วยโลหะติดอยูทปลายทัง 2 ข ้าง
่ ี
แล ้วต่อกับแหล่งกําเนิดไฟฟ้ าทีมีความต่างศักย์สงประมาณ 10,000
ู
โวลต์ ซงมีความต่างศักย์ทสูงมาก จะทําให ้ก๊าซทีบรรจุไว ้ในหลอดเกิด
ึ ี
การแตกตัวเป็ นนีออนและนํ าไฟฟ้ าได ้ เมือกระแสไฟฟ้ าผ่านก๊าซเหล่านี
ี ่
จะทําให ้ก๊าซร ้อนติดไฟให ้แสงสตางๆ ได ้
- 9. ้
ข ้อแนะนํ าการใชหลอดไฟอย่างประหยัด
้
1. ใชหลอดเรืองแสงจะให ้แสงสว่างมากกว่าหลอดธรรมดา
้
ประมาณ 4 เท่า เมือใชพลังงานไฟฟ้ าเท่ากัน และอายุการ
้
ใชงานจะทนกว่าประมาณ 8 เท่า
้ ้
2. ใชแสงสว่างให ้เหมาะกับการใชงาน ทีใดต ้องการแสง
สว่างไม่มากนักควรติดไฟน ้อยดวง
3. ทําความสะอาดโป๊ ะไฟ จะให ้แสงสว่างเต็มที
4. ปิ ดไฟทุกครังทีไม่จําเป็ นต ้องใช ้
- 10. การเปลียนรูปพลังงานนิวเคลียสเป็ นพลังงานความร ้อน พลังงานแสง
...
พล ังงานนิวเคลียร์ พล ังงานแสง พล ังงานความ
ร้อน
้
เตาอบไมโครเวฟเป็ นเครืองใชไฟฟ้ าทีสามารถเปลียนพลังงาน
ไฟฟ้ าให ้เป็ นพลังงาน
ึ ั
ซงไปมีผลทําให ้โมเลกุลของนํ าและไขมันในอาหารสนสะเทือน
จน เกิดความร ้อนการเปลียนรูปของพลังงานมีดังนี
พล ังงานไฟฟา พล ังงานคลืนแม่เหล็กไฟฟา พล ังานกล
้ ้
พล ังงานความร้อน
่ ้
พลังงานนิวเคลียร์สวนใหญ่ถกนํ ามาใชในการผลิต
ู
กระแสไฟฟ้ า ั
นิวเคลียร์ฟิชชนทีสามารถควบคุมได ้ภายในเตา
ปฏิกรณ์ปรมาณูพลังงานความร ้อนจํานวนมหาศาลทีได ้จากปฏิกรยา ิ ิ
นิวเคลียร์
้
จะนํ าไปใชในการทํานํ าเดือดกลายเป็ นไอ เพือขับดันกังหันและ
ผลิตกระแสไฟฟ้ าแต่การสร ้างโรงผลิตกระแสไฟฟ้ าพลังงานนิวเคลียร์
นัน ต ้องทุนสูง และหาสถานทีก่อสร ้างอยาก เนืองจากกากทีได ้จาก
ี ึ
ปฏิกรยาเป็ นสารกัมมันตรังสซงเป็ นอันตราย
ิ ิ
้
และใชเวลานานในการสลายตัว
- 11. ข้อดีของพล ังงานสุรยะ คือ
ิ
ี
1.ไม่ต ้องเสยค่าเชอเพลิงื
ิ
2.สะอาดและไม่ทําให ้เกิดมลพิษต่อสงแวดล ้อม
้ ื ้
3.มีให ้ใชได ้อีกนาน เพราะไม่เป็ นเชอเพลิงทีใชแล ้วหมดไป
้
4.สามารถใชได ้ทุกทีไม่วาจะอยูทใดบนโลก
่ ่ ี
ี
ข้อเสยของพล ังงานสุรยะ คือ
ิ
ี ้
1.อุปกรณ์ทใชกับพลังงานสุรยะมีราคาแพง
ิ
้
2 .สามารถใชได ้เฉาะเวลากลางวันเท่านัน
้
3.ต ้องขึนอยูกบสภาพดินฟ้ าอากาศ คือ ใชได ้เฉพาะวัน
่ ั
อากาศแจ่มใส
- 12. ้
เครืองใชไฟฟ้ าทีให ้พลังงานกล
้
เครืองใชไฟฟ้ าทีให ้พลังงานกล มีการเปลียน
ั
รูปพลังงานไฟฟ้ าเป็ นพลังงานกล โดยอาศยหลักการ
เหนียวนํ าแม่เหล็กไฟฟ้ า ด ้วยอุปกรณ์ ทีเรียกว่า มอเตอร ◌์
ึ
และ เครืองควบคุมความเร็ว ซงเป็ นอุปกรณ์หลักใน
้ ้
เครืองใชไฟฟ้ าทีให ้พลังงานกล ตัวอย่าง เครืองใชไฟฟ้ าที
่
ให ้พลังงานกล เชน เครืองปรับอากาศ ตู ้เย็น เครืองดูดฝุ่ น
ั
พัดลม เครืองซกผ ้า เครืองปั นนํ าผลไม ้ ฯลฯ
- 13. มอเตอร์
้
เป็ นเครืองใชไฟฟ้ าทีเปลียนพลังงานไฟฟ้ าเป็ นพลังงาน
กล ประกอบด ้วยขดลวดทีพันรอบแกนโลหะทีวางอยูระหว่าง ่
ขัวแม่เหล็ก โดยเมือผ่านกระแสไฟฟ้ าเข ้าไปยังขดลวดทีอยู่
ระหว่างขัวแม่เหล็ก จะทําให ้ขดลวดหมุนไปรอบแกน และเมือ
สลับขัวไฟฟ้ า การหมุนของขดลวดจะหมุนกลับทิศทางเดิม
มอเตอร์ มี 2 ประเภท คือ มอเตอร์กระแสตรง และมอร์
กระแสสลับ
้
มอเตอร์กระแสตรง เป็ นมอเตอร์ทต ้องใชไฟฟ้ กระแสตรง
ี
ผ่านเข ้าไปในขดลวดอาร์เมเจอร์เพือทําให ้ เกิดการดูดและผลัก
กันของแม่เหล็กถาวรกับแม่เหล็กไฟฟ้ าทีเกิดจากขดลวด
มอเตอร์จงหมุนได ้
ึ
้
มอเตอร์กระแสสล ับ เป็ นมอเตอร์ทต ้องใชกับไฟฟ้ า
ี
้
กระแสสลับ โดยใชหลักการดูดและผลักกันของแม่เหล็กถาวรกับ
แม่เหล็กไฟฟ้ าจากขดลวดมาทําให ้ เกิดการหมุนของมอเตอร์
- 14. ขณะทีมอเตอร์กําลังหมุนจะเกิดการเหนียวนํ าไฟฟ้ าขึน
้
ทําให ้เกิดกระแสไฟฟ้ าซอนขึนภายในขดลวด แต่มทศ ี ิ
ทางการไหลสวนทางกับกระแสไฟฟ้ าทีมาจากแหล่งกําเนิด
พลังงานไฟฟ้ าเดิม ทําให ้ขดลวดของมอเตอร์ไม่ร ้อนจนเกิด
ไฟไหม ้ได ้
เครืองควบคุมความเร็วของมอเตอร์ ทําได ้โดย การ
เพิมหรือลดความต ้านทานให ้กระแสไฟฟ้ าผ่านได ้มากหรือ
้ ึ
น ้อยภานในเครืองใชไฟฟ้ านัน ซงเป็ นผลให ้ความเร็วของ
่
การหมุนมอเตอร์เปลียนไปจากเดิม เชน เมือต ้องการให ้พัด
้
ลมหมุนชาลง ก็ให ้เพิมความต ้านทานเพือให ้กระแสไฟฟ้ า
้
เข ้าได ้น ้อยลงเป็ นผลให ้พัดลมหมุนชาลง ฉะนันใน
้
เครืองใชไฟฟ้ าทีให ้พลังงานกลจะต ้องมีเครืองควบคุม
ความเร็วของมอตอร์เสมอ
- 15. ้ ี
เครืองใชไฟฟ้ าทีให ้พลังงานเสยง
้
เครืองใชไฟฟ้ าทีเปลียนพลังงานไฟฟ้ าเป็ นพลังงาน
ี ี
เสยง ได ้แก่ เครืองรับวิทย เครืองขยายเสยง ◌ุ เครือง
ี
บันทึกเสยง ฯลฯ
เครือง รับวิทยุ เป็ นอุปกรณ์ทเปลียนพลังงาน
ี
ไฟฟ้ าเป็ นพลังงานเสยง โดยรับคลืนวิทยุ จากสถานีสงแล ้วใช ้
ี ่
์ ั ี
อุปกรณ์อเล็กทรอนิกสขยายสญญาณเสยงทีมีอยูในรูปของ
ิ ่
ั ั
สญญาณไฟฟ้ าให ้แรงขึนเมือผ่านสญญาณไฟฟ้ านีไปยังลําโพง
ั ี
จะทําให ้ลําโพงสน สะเทือนเปลียนเป็ นเสยงทีสามารถรับฟั งได ้
เสาอากาศ ขยาย
ั
สญญาณ ลําโพง ี
เสยง
(รับคลืนวิทยุ)
แผนผังการเปลียนพลังงาน
ี
ไฟฟ้ าเป็ นพลังงานเสยงของเครืองรับวิทยุ
- 16. ี
เครืองบันทึกเสยง (Tape recorder)
ี
เครืองบันทึกเสยง ขณะบันทึกด ้วยการพูดผ่าน
ึ ี ั
ไมโครโฟน ซงจะเปลียนพลังงานเสยงเป็ นสญญาณไฟฟ้ า
ี ึ
แล ้วบันทึกลงในแถบบันทึกเสยงซงฉาบด ้วยสารแม่เหล็กใน
ั
รูปของสญญาณแม่เหล็ก ดังแผนผัง
ี
เสยง ไมโครโฟน ั
สญญาณไฟฟ้ า บัน
ั
ทึกเป็ นสญญาณแม่เหล็ก
ี
ลง บนแถบบันทึกเสยง
- 17. ้
เครืองใชไฟฟ้ าทีให ้แสงสว่าง
้ ้
หลอดไฟฟา เป็ นเครืองใชไฟฟ้ าทีมีใชในทุกบ ้านทีมีการใชพลังงาน
้ ้
้
ไฟฟ้ า เป็ นเครืองใชทีเปลียนพลังงานไฟฟ้ า ไปเป็ นพลังงานแสง หลอดไฟฟ้ า
้
ทีใชทัวไป มี 3 ชนิด คือ
หลอดไฟฟาแบบธรรมดา
้
้
1. ไสหลอด ทําด ้วยโลหะทีมีจดหลอดเหลวสูง ทนความร ้อนได ้มาก มีความ
ุ
่
ทานสูง เชน ทังสเตน
2. หลอดแก ้วทําจากแก ้วทีทนความร ้อนได ้ดี ไม่แตกง่าย สูบอากาศออกจน
หมดภายในบรรจุกาซไนโตรเจนและอาร์กอนเล็กน ้อย ก๊าซชนิดนีทําปฏิกรยา
๊ ิ ิ
ยาก ชวยป้ องกันไม่ให ้ไสหลอดระเหิดไปจับทีหลอดแก ้ว และชวยไม่ให ้ไส ้
่ ้ ่
ิ ้
หลอดไม่ขาดง่าย ถ ้าบรรจุกาซออกซเจนจะทําปฏิกรยากับไสหลอด ซงทําให ้
๊ ิ ิ ึ
้
ไสหลอดขาดง่าย
3. ขัวหลอดไฟ เป็ นจุดต่อวงจรไฟฟ้ า มี 2 แบบ คือ แบบเขียวและแบบ
เกลียว
นืองจากหลอดไฟฟ้ าประเภทนีให ้แสงสว่างได ้ด ้วยการเปล่ยนพลังงานไฟฟ้ า
ิ
เป็ นพลังงานความร ้อนก่อนทีจะให ้แสงสว่างออกมา จึงทําให ้สนเปลือง
พลังงานไฟฟ้ า มากกว่าหลอดชนิดอืน ในขนาด กําลังไฟฟ้ า ของหลอดไฟซง ึ
่
จะกําหนดไว ้ทีหลอดไฟทุกดวง เชน หลอดไฟ้ าขนาด 100 วัตต์ เป็ นต ้น
- 18. หลอดเรืองแสงหรือหลอดฟลูออเรสเซนต์
(Fluorescent Lamp)
หลอดเรืองแสงหรือหลอดฟลูออเรสเซนต์ (Fluorescent Lamp)
ทําด ้วยหลอดแก ้วทีสูบอากาศออกจนหมดแล ้วบรรจุไอปรอทไว ้
้
เล็กน ้อย มีไสทีปลายหลอดทังสองข ้าง หลอดเรืองแสงอาจทํา
่
เป็ นหลอดตรง หรือครึงวงกลมก็ได ้ สวนประกอบและการทํางาน
ของหลอดเรืองแสง มีดงนี ั
1. ตัวหลอด ภายในสูบอากาศออกจนหมดแล ้วบรรจุไอปรอท
และก๊าซอาร์กอน เล็กน ้อย ผิวด ้านในของหลอดเรืองแสงฉาบ
ด ้วยสารเรืองแสงชนิดต่างๆ แล ้วแต่ความต ้องการให ้เรืองแสง
ี ่ ี
เป็ นสใด เชน ถ ้าต ้องการให ้เรืองแสงสเขียว ต ้องฉาบด ้วยสาร
ิ ิ ิ ี ี
ซงค์ซลเคต แสงสขาวแกมฟ้ าฉาบด ้วยมักเนเซยมทังสเตน แสง
ี
สชมพูฉาบด ้วยแคดเนียมบอเรต เป็ นต ้น
้
2. ไสหลอด ทําด ้วยทังสเตนหรือวุลแฟรมอยูทปลายทังสองข ้าง
่ ี
้ ้
เมือกระแสไฟฟ้ าผ่านไสหลอดจะทําให ้ไสหลอดร ้อนขึน ความ
ร ้อนทีเกิดขึนจะทําให ้ไอปรอททีบรรจุไว ้ในหลอดกลายเป็ นไอ
มากขึน แต่ขณะนันกระแสไฟฟ้ ายังผ่านไอปรอทไม่สะดวก เพราะ
ปรอทยังเป็ นไอน ้อยทําให ้ความต ้านทานของหลอดสูง
- 19. ์
3. สตาร์ตเตอร์ ทําหน ้าทีเป็ นสวิตซไฟฟ้ าอัตโนมัตของวงจรโดยต่อ
ิ
ขนานกับหลอด ทําด ้วยหลอดแก ้วภายในบรรจุกาซนีออนและแผ่น
๊
โลหะคูทงอตัวได ้ เมือได ้รับความร ้อน เมือกระแสไฟฟ้ าผ่านก๊าซ
่ ี
นีออน ก๊าซนีออนจะติดไฟเกิดความร ้อนขึน ทําให ้แผ่นโลหะคูงอจน
่
แตะติดกันทําให ้กลายเป็ นวงจรปิ ดทําให ้กระแสไฟฟ้ าผ่านแผ่น โลหะ
ได ้ครบวงจร ก๊าซนีออนทีติดไฟอยูจะดับและเย็นลง แผ่นโลหะคูจะ
่ ่
แยกออกจากกันทําให ้เกิดความต ้านทานสูงขึนอย่างทันทีซงขณะ ึ
้ ้
เดียวกันกระแสไฟฟ้ าจะผ่านไสหลอดได ้มากขึนทําให ้ไสหลอดร ้อนขึน
มาก ปรอทก็จะเป็ นไอมากขึนจนพอทีนํ ากระแสไฟฟ้ าได ้
4. แบลลัสต์ เป็ นขดลวดทีพันอยูบนแกนเหล็ก ขณะกระแสไฟฟ้ า
่
ไหลผ่านจะเกิดการเหนียวนํ าแม่เหล็กไฟฟ้ าทําให ้เกิดแรงเคลือน
ไฟฟ้ าเหนียวนํ าขึน เมือแผ่นโลหะคูในสตาร์ตเตอร์แยกตัวออกจากกัน
่
ั
นันจะเกิดวงจรเปิ ดชวขณะ แรงเคลือนไฟฟ้ าเหนียวนํ าทีเกิดขึนใน
แบลลัสต์จงทําให ้เกิดความต่าง ศักย์ระหว่างไสหลอดทังสองข ้าง
ึ ้
สูงขึนเพียงพอทีจะทําให ้กระแสไฟฟ้ าไหลผ่าน ไอปรอทจากไสหลอด ้
้
ข ้างหนึงไปยังไสหลอดอีกข ้างหนึงได ้ แรงเคลือนไฟฟ้ าเหนียวนํ าที
เกิดจากแบลลัสต์นันจะทําให ้เกิดกระแสไฟฟ้ า เหนียวนํ าไหลสวนทาง
กับกระแสไฟฟ้ าจากวงจรไฟฟ้ าในบ ้าน ทําให ้กระแส ไฟฟ้ าทีจะเข ้าสู่
วงจรของหลอดเรืองแสงลดลง
- 20. หลักการทํางานของหลอดเรืองแสง
เมือกระแสไฟฟ้ าผ่านไอปรอทจะคายพลังงานไฟฟ้ าให ้อะตอมไอ
ปรอท ทําให ้อะตอมของไอปรอทอยูในสภาวะถูกกระตุ ้น (excited
่
state) และอะตอมของปรอทจะคายพลังงานออกมาเพือลดระดับ
ี ั ึ ่
พลังงาน ในรูปของรังสอลตราไวโอเลต ซงอยูในชวงของแสงทีมอง
่
ี ี
ไม่เห็น เมือรังสนกระทบสารเรืองแสงทีฉาบไว ้ทีผิวหลอด สารเรืองแสง
ี ่
จะเปล่งแสงสตางๆตามชนิดของสารเรืองแสงทีฉาบไว ้ในหลอดนัน
ข้อดีของหลอดเรืองแสง
1. เมือให ้พลังงานไฟฟ้ าเท่ากันจะให ้แสงสว่างมากกว่าหลอด
้
ไฟฟ้ าแบบธรรมดาประมาณ 4 เท่า และมีอายุการใชงานนานกว่า
หลอดไฟฟ้ าธรรมดาประมาณ 8 เท่า
2. อุณหภูมของหลอดไม่สงเท่ากับหลอดไฟฟ้ าแบบธรรมดา
ิ ู
้
3. ถ ้าต ้องการแสงสว่างเท่ากับหลอดไฟฟ้ าธรรมดา จะใชวัตต์ท ี
ี
ตํากว่า จึงเสยค่าไฟฟ้ าน ้อยกว่า
- 21. ี
ข้อเสยของหลอดเรืองแสง
ี ้
1. เมือติดตังจะเสยค่าใชจ่ายสูงกว่าหลอดไฟฟ้ า
้
แบบธรรมดา เพราะต ้องใชแบลลัสต์และสตาร์ตเตอร์ เสมอ
2. หลอดเรืองแสงมักระพริบเล็กน ้อยไม่เหมาะในการ
้
ใชอ่านหนังสอื
- 22. ้
เครืองใชไฟฟ้ าทีให ้พลังงานความร ้อน
้
เครืองใชไฟฟ้ าทีให ้พลังงานความร ้อน เป็ น
้
เครืองใชทีเปลียนพลังงานไฟฟ้ าเป็ นพลังงานความร ้อน
้
โดยใชหลักการคือ เมือปล่อยกระแสไฟฟ้ าผ่านขดลวดตัวนํ า
ทีมีความต ้านทานสูงๆ ลวดตัวนํ านันจะร ้อนจนสามารถนํ า
้
ความร ้อนออกไปใชประโยชน์ได ้ เนืองจากเป็ น
้
เครืองใชไฟฟ้ าทีให ้พลังงานความร ้อนมาก จึงสนเปลียนิ
้
พลังงานไฟฟ้ ามากเมือเปรียบกับการใชเครืองใชไฟฟ้ า ้
ประเภทอืนๆ มือใชในเวลาทีเท่ากัน ฉะนันขณะใช ้
้
้ ้
เครืองใชไฟฟ้ าให ้พลังงานความร ้อนจึงควรใชด ้วยความ
้
ระมัดระวัง ตัวอย่างเครืองใชไฟฟ้ าทีให ้พลังงานความร ้อน
่
เชน เตารีด หม ้อหุงข ้าว กระทะไฟฟ้ า กาต ้มนํ า เครืองต ้ม
กาแฟ เตาไฟฟ้ า ฯลฯ
- 23. ่ ้
สวนประกอบในเครืองใชไฟฟาทีให้พล ังงานความร้อน มีดังนี
้
1. ขดลวดความร ้อน หรือแผ่นความร ้อน มักทําจากโลหะผสม
ึ
ระหว่างนิเกิลกับโครเมียม เรียกว่า นิโครม ซงมีสมบัตคอมีจด
ิ ื ุ
หลอมเหลวสูงมากจึงทนความร ้อนได ้สูงเมือมีความร ้อนเกิดขึนมากๆจึง
ไม่ขาด และมีความต ้านทานสูงมาก
์
2. เทอร์โมสตาร์ท หรือสวิตซความร ้อนอัตโนมัต ิ ทําหน ้าทีควบคุม
่
อุณหภูมไม่ให ้ร ้อนเกินไป มีสวนประกอบเป็ นโลหะต่างชนิดกัน 2 แผ่น
ิ
่
มาประกบกัน เมือได ้รับความร ้อนจะขยายตัวได ้ไม่เท่ากัน เชน เหล็ก
กับทองเหลือง โดยให ้แผ่นโลหะทีขยายตัวได ้น ้อย(เหล็ก)อยูด ้านบน ่
่
สวนโลหะทีจะขยายตัวได ้มาก(ทองเหลือง)อยูด ้านล่าง เมือ
่
กระแสไฟฟ้ าไหลผ่านแผ่นโลหะทังสองมากขึน จะทําให ้มีอณหภูมสง ุ ิ ู
ึ
จนแผ่นโลหะทังสองซงขยายตัวได ้ต่างกันโลหะทีขยายตัวได ้มากจะ
ั
ขยายตัวโค ้งงอ เป็ นเหตุให ้จุดสมผัสแยกออกจากกัน เกิดเป็ นวงจรเปิ ด
กระแสไฟฟ้ าจึงไหลผ่านไม่ได ้ และเมือแผ่นโลหะทังสองเย็นลงก็จะ
ั
สมผัสกันเหมือนเดิม เกิดเป็ นวงจรปิ ด กระแสไฟฟ้ าจึงไหลผ่านได ้อีก
ครังหนึง
- 24. ึ ้
3. แผ่นไมกา หรือ แผ่นใยหิน ซงเป็ นฉนวนไฟฟ้ า ในเครืองใชไฟฟ้ า
ทีให ้พลังงาน ่
ความร ้อนบางชนิด เชนเตารีด หม ้อหุงข ้าว เตาไฟฟ้ า
จะมีแผ่นไมกา หรือใยหิน เพือป้ องกันไม่ให ้ขดลวดหลอมละลาย และ
้
ป้ องกันไฟฟ้ ารัวขณะใชงาน
้ ้
ข้อควรระว ังในการใชเครืองใชไฟฟาทีให้พล ังงานความร้อน
้
้
เนืองจากเครืองใชไฟฟ้ าทีให ้พลังงานความร ้อนจะมี
กระแสไฟฟ้ าปริมาณมากไหลผ่าน มากกว่าเครืองใชประเภทอืนๆ จึง ้
้
ควรใชด ้วยความระมัดระวังดังนี
ี
1. หมันตรวจสอบดูแลสายไฟ เต ้ารับ เต ้าเสยบ ให ้อยูในสภาพ
่
ํ
เรียบร ้อยไม่ชารุด
้ ี
2. เมือเลิกใชงานต ้องถอดเต ้าเสยบออกจากเต ้ารับทุกครังไม่
ี
ควรเสยบทิงไว ้
้
ในการเลือกเครืองใชไฟฟ้ าทุกชนิดต ้องพิจารณาถึงคุณภาพ
้ ี ้
ของเครืองใชไฟฟ้ า รู ้จักวิธใชทีถูกต ้อง รู ้จักวิธป้องกันอันตรายจาก
ี
ไฟฟ้ ารัวและไฟฟ้ าลักวงจรและตรวจดูแลอุปกรณ์อยูเสมอ ่
- 25. ้
เครืองใชไฟฟาทีพล ังงานหลายรูปพร้อมก ัน
้
้ ้
เครืองใชไฟฟ้ าบางชนิดขณะใชงานจะมีการเปลียน
รูปพลังงานไฟฟ้ าเป็ นพลังงานอืนได ้พร ้อมกันหลายรูปแบบ
เชน่
โทรทัศน์ จะเปลียนรูปพลังงานไฟฟ้ าเป็ น พลังงาน
แสง และ พลังงานเสยง ี
ไดร์เป่ าผม จะเปลียนรูปพลังงานไฟฟ้ าเป็ นพลังงาน
กล และพลังงานความร ้อน
วิทยุเทป จะปลียนรูปพลังงานไฟฟ้ าเป็ นพลังาน
ี
กลและพลังงานเสยง เป็ นต ้น
้
คุณรู ้จักเครืองใชไฟฟ้ าประเภทนีชนิดอืนๆอีกหรือไม่