1. MECHANICS OF MATERIALS
By
Assoc. Prof. Dr. Sittichai Seangatith
SCHOOL OF CIVIL ENGINEERING
INSTITUTE OF ENGINEERING
SURANAREE UNIVERSITY OF TECHNOLOGY
Instructor: Associate Professor Dr. Sittichai Seangatith
Email: sitichai@sut.ac.th
Tel. 044-224326, 4420-1, and 4750-1
Office: Room D23, Academic Building
Textbook:
1. Mechanics of Materials; Sittichai Seangatith, SUT, 2006.
2. Mechanics of Materials; Russell C. Hibbeler, 2nd SI Edition
(2005).
Objectives:
1. Be able to interpret and apply the stress-strain diagrams and other
relevant properties of the materials, and the concept of the factor
of safety.
2. Be able to determine and interpret various types of stresses
(normal: axial, bearing, and flexural stresses; and shear: simple,
torsion, and transverses shear stresses) of the structural
components, including the connections.
3. Be able to perform stress analysis (combine and transform the
normal and shear stresses) of beams and shafts under combined
loading.
Objectives: (Cont.)
4. Be able to analyze and design basic structural components such as
beams, shafts, and columns.
5. Be able to formulate and calculate the deformation of the structural
members under axial/ torsional/ and transverse loads.
2. ทําไมตองศึกษาวิชานี้
2. ทําใหเกิด Engineering senses
3. ไดประยุกตใช Engineering judgments
1. ฝกการมองปญหาในชีวิตจริงแบบวิศวกร
ปญหาจริง Model ทฤษฎี คําตอบ
4. เปนวิชาบังคับ กว. ของบางสาขาวิชา
5. อื่นๆ เชน เปนวิชา prerequisite ของบางสาขาวิชา
Chapter Subjects:
1. Stresses
2. Strain
3. Mechanical Properties of Materials
4. Axial Load
5. Torsion
6. Bending
7. Transverse Shear
8. Combined Loadings
9. Stress Transformation
11. (12) Deflection of Beams
10. (11) Design of Beams and Shafts
12. (13) Buckling of Columns
Conduct of Course:
Assignments and Quizzes 20%
Midterm Examination 35%
Final Examination 45%
Grading Guides:
90 and above A
85-89 B+
80-84 B
75-79 C+
70-74 C
65-69 D+
60-64 D
below 60 F
The above criteria may be changed at the instructor’s discretion.
Midterm Examination II 35%
วันพุธที่ 10 ตุลาคม 2550 9.00-11.00 น.
Final Examination 40%
วันอาทิตยที่ 18 พฤศจิกายน 2550 9.00-12.00 น.
3. สถิติที่นาสนใจ (และทาทาย) :
2/2550
0.81
472/194
2/2549
539/137
ลง/ติด F
1.47
GPAX
Class
2/2548
Trimester
Attendance Policy:
1. Class attendance is mandatory. Missing classes more than
80% will receive an automatic grade of “F”.
3. Homework must be turn in 1 week after assigned.
2. Students attending the lectures must bring the calculator for
a quiz and the lecture note.
4. Cheating on the quizzes, homework, and examinations will
get a zero score, and/or be punished according to the rules
and regulations of Suranaree University of Technology.
5. No make up quizzes or examinations will be given without a
written Dean's permission. Student who passes the make-up
examinations will be given a maximum grade of “C”.
อิทธิบาท 4: การเรียน
ฉันทะ - มีความพอใจ/รักในสิ่งที่เรียน
วิริยะ - มีความเพียร/พยายาม
จิตตะ – มีความตั้งใจ/จิตใจจดจอ
วิมังสา - ใชปญญาไตรตรองและคิดหาเหตุผล
ซื่อตรง สุภาพ สะอาด ประหยัด คือ จริยวัตรของมทส.
สิ่งที่นักศึกษาจําเปนตองเตรียมตัวในการศึกษาวิชานี้
1. ทบทวนการเขียน free-body diagram ของโครงสราง เชน ชิ้นสวนรับแรงใน
แนวแกน เพลา คาน
2. ทบทวนการใชสมการความสมดุลในการหาแรงปฏิกิริยาและแรงภายในของ
โครงสราง
3. ทบทวนการเขียน shear และ moment diagram ของคาน
สิ่งที่นักศึกษาจําเปนตองปฏิบัติในการศึกษาวิชานี้
1. เตรียมเอกสารการเรียนใหครบ
2. อานเอกสารการเรียนอยางเพียงพอ กอนเขาเรียน: ประมาณ 1 ชม/lecture
3. หลังจากเขาเรียน ทบทวนเอกสารการเรียนและทําแบบฝกหัดอยางสม่ําเสมอ
4. ทบทวนการหาจุด centroid และคา moment of inertia ของพื้นที่ประกอบ
5. 1.2 สมดุลของวัตถุที่เปลี่ยนแปลงรูปรางได (Equilibrium of a Deformable
Body)
แรงภายนอก (External Loads)
Surface force
แรงกระทําเปนจุด
(concentrated force/point load)
แรงแผกระจาย
(distributed load)
Body force เชน น้ําหนักของวัตถุที่เกิด
จากแรงดึงดูดของโลก เปนตน เมื่อ support ปองกันไมใหเกิดการเลื่อน (translation) ในทิศทางใดแลว support นั้นจะ
ทําใหเกิดแรงปฏิกิริยาขึ้นบนองคอาคารของโครงสรางในทิศทางนั้น
ถา support ปองกันไมใหเกิดการหมุน (rotation) รอบแกนใดๆ แลว support นั้นจะทํา
ใหเกิด moment ปฏิกิริยาขึ้นบนองคอาคารของโครงสรางรอบแกนนั้น
6. สมการความสมดุล (Equations of equilibrium)
วัตถุใดๆ จะอยูในสภาวะความสมดุลเมื่อวัตถุนั้นมี
สมดุลของแรง (balance of force) เพื่อปองกันการเคลื่อนที่ของวัตถุ
อยางมีความเรง (acceleration)
0
=
∑F
สมดุลของโมเมนต (balance of
moment) รอบจุดใดๆ เพื่อปองกัน
การหมุนของวัตถุ
0
O =
∑M
ใน 3 มิติ
Ax
Ay
Az
My
Mz
Mx
ใน 2 มิติ
x
y
1962 N
Ax
Ay
T
70o
แรงลัพธภายใน (Internal Resultant Loading)
เมื่อวัตถุอยูในสภาวะสมดุล แรงลัพธภายในที่เกิดขึ้นตรงจุดที่สนใจจะหา
ไดโดยวิธีตัดหนาตัด (method of sections)
ชิ้นสวนที่ถูกกระทําโดยแรงในแนวแกน
คาน
7. ตัวอยางที่ 1-1
จงหาคาแรงและโมเมนตลัพธภายในที่เกิดขึ้นที่หนาตัด G ของคานไม
หาแรงปฏิกิริยา
0;
E
M =
∑
(0.9 m) 10 kN(3 m) 4.5 kN(2 m)
BC
F = +
43.333 kN
BC
F = →
0;
x
F =
∑
43.333 kN
x BC
E F
= = ←
0;
y
F =
∑
10 kN 4.5 kN=14.5 kN
y
E = + ↑
FBD ของชิ้นสวน AG มี unknowns 4 คา ดังนั้น ตองหาแรง FBA กอน
8. FBD ของชิ้นสวน AG มี unknowns 4 คา ดังนั้น ตองหาแรง FBA กอน
0;
x
F =
∑
4
( ) 43.333 kN
5
BA
F =
54.167 kN
BA
F =
จาก FBD ของจุด B
จาก FBD ของชิ้นสวน AG
0;
x
F =
∑
0;
y
F =
∑
0;
G
M =
∑
4
54.167 kN( ) 0
5
G
N + =
43.333 kN
G
N = −
3
10 kN 54.167 kN( ) 0
5
G
V
− − + =
=22.5 kN
G
V
3
(54.167 lb)( )(0.6 m) (10 kN)(0.6 m) 0
5
G
M − + =
13.5 kN-m
G
M =
ตัวอยางที่ 1-2
จงหาคาแรงและโมเมนตภายในที่หนาตัด B ของทอเหล็ก ซึ่งมีมวล 2 kg/m
(2 kg/m)(0.5 m)(9.81 N/kg) 9.81 N
BD
W = =
(2 kg/m)(1.25 m)(9.81 N/kg) 24.525 N
AD
W = =
แผนภาพ free-body diagram
Equilibrium Equations
0;
x
F =
∑
0;
y
F =
∑
0;
z
F =
∑
( ) 0
B x
F =
( ) 0
B y
F =
( ) 9.81 N 24.525 N 50 N=0
B z
F − − −
( ) 84.3 N
B z
F =
( ) 0;
B x
M =
∑
( ) 70 N-m 50 N(0.5 m) 24.525 N(0.5 m) 9.81 N(0.25 m) 0
B x
M + − − − =
( ) 0;
B z
M =
∑ ( ) 0
B z
M =
( ) 0;
B y
M =
∑
( ) 24.525 N(0.625 m) 50 N(1.25 m) 0
B y
M + + =
( ) 77.8 N-m
B y
M = −
( ) 30.3 N-m
B x
M = −
1.3 หนวยแรง (Stress)
หนวยแรง (stress) ที่จุดหนึ่งบนวัตถุบงบอกถึงความเขมขน
(intensity) ของแรงภายใน (internal force) ที่กระทําอยูบนพื้นที่เล็กๆ
ที่ตัดผานจุดนั้นและอยูบนระนาบของหนาตัดของวัตถุดังกลาว
หนวยแรงถูกแบงออกเปน 2 ประเภทตาม
ทิศทางที่แรงกระทํากับพื้นที่นั้น
หนวยแรงตั้งฉาก (normal stress)
หรือ σ คือความเขมขนของแรงภายในที่
กระทําตั้งฉากกับพื้นที่เล็กๆ ∆A
A
Fn
A
∆
∆
= →
∆ 0
lim
σ
Sigma
9. หนวยแรงเฉือน (shear stress) หรือ τ คือความเขมขนของแรงภายในที่
กระทําขนานกับพื้นที่ ∆A
A
Ft
A
∆
∆
= →
∆ 0
lim
τ
Tau
หนวยแรงในระบบแกนตั้งฉากรอบจุดใดๆ บนวัตถุ
สัญลักษณ
σz เครื่องหมาย subscript
“z” ระบุถึงดานที่หนวย
แรงตั้งฉากกระทํา
A
Fz
A
z
∆
∆
=
→
∆ 0
lim
σ
A
Fx
A
zx
∆
∆
=
→
∆ 0
lim
τ
A
Fy
A
zy
∆
∆
= →
∆ 0
lim
τ
τzx เครื่องหมาย subscript
ตัวแรก (z) ระบุถึงดานที่
หนวยแรงเฉือนกระทํา
และเครื่องหมาย subscript
ตัวที่สอง (x) ระบุถึง
ทิศทางของหนวยแรง
เฉือนที่อยูบนดานนั้น
11. เมื่อวัสดุของแทงวัตถุเปนวัสดุเนื้อเดียว (homogenous material) และมี
คุณสมบัติเหมือนกันทุกทิศทาง (isotropic material) เชน steel และ
aluminum เปนตน แลว
A
P
=
σ
คาเฉลี่ยของหนวยแรงตั้งฉากที่มีคามากที่สุด
ขั้นตอน
1. เขียน axial หรือ normal force diagram ซึ่ง
แสดงการเปลี่ยนแปลงของแรง P เทียบกับ
ระยะ x ไปตามแนวแกนของแทงวัตถุ โดย
กําหนดใหแรงดึงมีคาเปน + และแรงกดอัด
มีคาเปน -
2. หาคาหนวยแรงจาก P/A ของแตละสวนของ
แทงวัตถุ และเลือกคาสูงสุด (maximum) ไป
ใชงาน
ตัวอยางที่ 1-3
จงหาคาหนวยแรงตั้งฉากเฉลี่ยสูงสุดที่เกิดขึ้นในแทงเหล็กหนา 10 mm
1. หา Internal Loading
- เขียน FBD ของ
ชิ้นสวนของแทงเหล็ก
- เขียน axial force
diagram
- สมการความสมดุล
สรุป: แรงในแนวแกน
สูงสุดมีคา 30 kN เกิดขึ้น
ในชวง BC
3
30(10 )N
85.7 MPa
(0.035 m)(0.010 m)
BC
BC
P
A
σ = = =
12. ตัวอยางที่ 1-4
โคมไฟมีน้ําหนัก 80 kg ถากําหนดให rod AB และ BC มีเสนผานศูนยกลาง
10 mm และ 8 mm จงหาหนวยแรงตั้งฉากเฉลี่ยที่เกิดขึ้นใน rod ทั้งสอง
หา Internal Loading
เขียน FBD
หา Internal Loading: สมการความสมดุล
0;
x
F =
∑
0;
y
F =
∑
4
( ) cos60 0
5
o
BC BA
F F
− =
3
( ) sin60 784.8 N=0
5
o
BC BA
F F
+ −
395.2 N
BC
F =
632.4 N
BA
F =
หา Average Normal Stress
2
395.2 N
7.86 MPa
(0.004 m)
BC
BC
BC
F
A
σ
π
= = =
2
632.4 N
8.05 MPa
(0.005 m)
AB
AB
AB
F
A
σ
π
= = =
395.2 N
632.4 N
10 mm
8 mm
ทบทวน
13. สมการความสมดุล (Equations of equilibrium)
วัตถุใดๆ อยูในสภาวะความสมดุลเมื่อวัตถุนั้นมี
¾ สมดุลของแรง (balance of force) เพื่อปองกันการเคลื่อนที่ของวัตถุ
อยางมีความเรง (acceleration)
0
=
∑F
¾ สมดุลของโมเมนต (balance of
moment) รอบจุดใดๆ เพื่อปองกัน
การหมุนของวัตถุ
0
O =
∑M
ใน 2 มิติ
x
y
1962 N
Ax
Ay
T
70o
เมื่อ support ปองกันไมใหเกิดการเลื่อน (translation) เกิดขึ้นในทิศทางใดแลว support
นั้นจะทําใหเกิดแรงปฏิกิริยาขึ้นบนองคอาคารของโครงสรางในทิศทางนั้น
ถา support ปองกันไมใหเกิดการหมุน (rotation) รอบแกนใดๆ แลว support นั้นจะทํา
ใหเกิด moment ปฏิกิริยาขึ้นบนองคอาคารของโครงสรางรอบแกนนั้น
แรงลัพธภายใน (Internal Resultant Loading)
เมื่อวัตถุอยูในสภาวะสมดุล แรงลัพธภายในที่เกิดขึ้นตรงจุดที่สนใจจะหาได
โดยวิธีตัดหนาตัด (method of sections)
ชิ้นสวนที่ถูกกระทําโดยแรงในแนวแกน
คาน
14. หนวยแรง (stress) ที่จุดหนึ่งบนวัตถุบงบอกถึงความเขมขน
(intensity) ของแรงภายใน (internal force) ที่กระทําอยูบนพื้นที่เล็กๆ
ที่ตัดผานจุดนั้นและอยูบนระนาบของหนาตัดของวัตถุดังกลาว
หนวยแรงถูกแบงออกเปน 2 ประเภทตาม
ทิศทางที่แรงกระทํากับพื้นที่นั้น
หนวยแรงตั้งฉาก (normal stress)
หรือ σ คือความเขมขนของแรงภายในที่
กระทําตั้งฉากกับพื้นที่เล็กๆ ∆A
A
Fn
A
∆
∆
= →
∆ 0
lim
σ
หนวยแรงเฉือน (shear stress) หรือ τ คือความเขมขนของแรงภายในที่
กระทําขนานกับพื้นที่ ∆A
A
Ft
A
∆
∆
= →
∆ 0
lim
τ
การกระจายของคาเฉลี่ยของหนวยแรงตั้งฉาก
ขอสมมุติฐาน
แทงวัตถุมีลักษณะตรงทั้งกอนและหลังจากที่ถูกกระทําโดยแรง
หนาตัดของแทงวัตถุยังคงเปนระนาบที่มีลักษณะเหมือนเดิม
แรงในแนวแกนกระทําผานจุด centroid ของหนาตัดของแทงวัตถุ
A
P
=
σ
A
dF dA
σ
=
∫ ∫
dF dA
σ
=