Más contenido relacionado
La actualidad más candente (20)
Similar a Astronomy 03 (20)
Astronomy 03
- 5. 2.1 ทฤษฎีทวีปเลื่อนของเวเกเนอร์
ในปี พ.ศ. 2458 นักอุตุนิยมวิทยา
ชาวเยอรมัน ชื่อ ดร. อัลเฟรด เวเก
เนอร์ ได้ตั้งสมมุติฐานว่าผืนแผ่นดิน
ทั้งหมดบนโลกแต่เดิมเป็นผืนแผ่นดิน
ผืนเดียวกัน เรียกว่า พันเจีย
(Pangaea) ซึ่งเป็นภาษากรีก
แปลว่า แผ่นดินทั้งหมด
- 6. พันเจีย (Pangaea)
• เป็นมหาทวีปคลุมพื้นที่จากขั้วโลกเหนือถึงขั้วโลกใต้ ล้อมรอบ
ด้วยมหาสมุทรพันทาลัสซา ซึ่งแบ่งมหาสมุทรออกเป็น 2 ส่วน
ส่วนเหนือเส้นศูนย์สูตร คือ ลอเรเซีย และส่วนใต้เส้นศูนย์สูตร
คือ กอนด์วานา
• ลอเรเซีย ประกอบด้วย ทวีปอเมริกาเหนือ กรีนแลนด์ และทวีป
ยูเรเซีย (ยกเว้นอินเดีย)
• กอนด์วานา ประกอบด้วย ทวีปอเมริกาใต้ ทวีปแอฟริกา ทวีป
แอนตาร์กติกา ทวีปออสเตรเลีย อนุทวีปอินเดีย และเกาะ
มาดากัสการ์
- 13. หลักฐานที่แสดงว่าทวีปต่าง ๆ เคยเชื่อมต่อกัน
1. หลักฐานรูปร่างของขอบทวีปที่สามารถเชื่อมต่อกัน
ได้
2. หลักฐานความคล้ายคลึงกันของกลุ่มหิน และแนว
เทือกเขาที่ต่อกันได้
3. หลักฐานที่เกี่ยวกับหินที่เกิดจากการสะสมตัวของ
ตะกอนจากธารน้าแข็ง
4. หลักฐานจากซากดึกดาบรรพ์
- 31. 2.2.1 เทือกสันเขาใต้สมุทรและร่องลึกก้นสมุทร(ต่อ)
• ร่องลึกก้นสมุทร เกิดเป็นแนวแคบแต่ลึกมาก เช่น ร่องลึกก้นสมุทร
มาเรียนา มีความลึกประมาณ 11 กิโลเมตร
• ร่องลึกก้นสมุทรพบอยู่บริเวณขอบของทวีปบางทวีป เช่น บริเวณ
ด้านตะวันตกของทวีปอเมริกากลางและอเมริกาใต้ หรือเกิดใกล้
กับแนวหมู่เกาะภูเขาไฟรูปโค้ง เช่น หมู่เกาะญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ เกาะ
สุมาตรา
• เทือกสันเขาใต้สมุทร เป็นบริเวณที่เกิดการปะทุของภูเขาไฟ การ
แทรกดันของแมกมาในบริเวณดังกล่าว จะดันให้แผ่นธรณี
มหาสมุทรเคลื่อนที่ออกจากกัน จากส่วนกลางของเทือกสันเขาใต้
สมุทร ในขณะที่บริเวณร่องลึกก้นสมุทรจะเป็นการจมตัวของชั้น
ธรณีภาค ทาให้ธรณีภาคเคลื่อนที่
- 35. 2.2.2 อายุหินบริเวณพื้นมหาสมุทร
• จากการสารวจมหาสมุทรแปซิฟิก มหาสมุทรแอตแลนติก และ
มหาสมุทรอินเดีย รวมทั้งทะเลใกล้เคียงพบหินบะซอลต์ที่บริเวณหุบเขา
ทรุดหรือรอยแยกบริเวณสันเขาใต้สมุทร
• หินบะซอลต์ที่อยู่ไกลจากรอยแยกมีอายุมากกว่าหินบะซอลต์ที่อยู่ใกล้
หุบเขาทรุด
• นักวิทยาศาสตร์อธิบายว่า เมื่อแผ่นธรนีเกิดรอยแยก จะเกิดการเคลื่อน
ตัวออกจากกันอย่างช้า ๆ ตลอดเวลา ในขณะเดียวกันเนื้อของหินบะ
ซอลต์จากส่วนล่างจะแทรกเสริมขึ้นมาตรงรอยแยกเป็นชั้นใหม่ ทาให้
บริเวณรอยแยกเกินหินบะซอลต์ใหม่เรื่อย ๆ
• ดังนั้นแผ่นธรณีบริเวณเทือกสันเขาใต้สมุทรจึงมีอายุอ่อนที่สุด
แผ่นธรณีใกล้ขอบทวีปจะมีอายุมากกว่า
- 38. 2.2.3 ภาวะแม่เหล็กโลกบรรพกาล
• หมายถึง ร่องรอยสนามแม่เหล็กโลกในอดีต นิยมศึกษาจากหินบะซอลต์ ที่มีแร่
แมกนีไทต์ (Fe3O4) เป็นองค์ประกอบ ในขณะที่ลาวาบะซอลต์ไหลบนผิวโลก
อะตอมของธาตุเหล็กที่อยู่ในแร่แมกนีไทต์ จะถูกเหนี่ยวนาโดยสนามแม่เหล็ก
โลก ทาให้มีการเรียงตัวในทิศทางเดียวกับเส้นแรงแม่เหล็กโลก
• สนามแม่เหล็กในปัจจุบันเป็นสนามแม่เหล็กแบบขั้วปกติ (normal
magnetism) คือ ขั้วเหนือและขั้วใต้ของสนามแม่เหล็กโลกจะอยู่บริเวณ
ใกล้กับขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้ทางภูมิศาสตร์คล้ายคลึงกับปัจจุบัน
• ภาวะของสนามแม่เหล็กโลกบรรพกาลในบางช่วงเวลาทางธรณีวิทยาเป็น
สนามแม่เหล็กแบบกลับขั้ว (reverse magnetism) หมายถึง ขั้วเหนือ
ของแม่เหล็กโลกจะอยู่ใกล้ขั้วโลกใต้ และขั้วใต้ของแม่เหล็กโลกจะอยู่ขั้วโลก
เหนือ
- 50. แผ่นธรณี (plate)
• มีสถานะเป็นของแข็ง ประกอบด้วยชั้นเปลือกโลก
รวมกันส่วนบนสุดของชั้นเนื้อโลก แผ่นธรณี
แบ่งเป็น 2 แบบ คือ
- แผ่นธรณีทวีป (continental plate)
- แผ่นธรณีมหาสมุทร (oceanic plate)
แผ่นธรณีทวีปจะมีความหนามากกว่าแต่มีความ
หนาแน่นน้อยกว่าแผ่นธรณีมหาสมุทร
- 52. 2.4 ลักษณะการเคลื่อนที่ของแผ่นธรณี
2.4.1 แผ่นธรณีเคลื่อนที่แยกออกจากกัน (divergent plates)
เนื่องมาจากการดันตัวของสารร้อนในชั้นฐานธรณีภาค ทาให้
แผ่นธรณีโก่งตัวขึ้น ส่วนยอดจะยืดออกและบางลง พร้อมกับเกิดรอย
แตกและทรุดตัวลง กลายเป็นหุบเขาทรุด (rift valley)
ในขณะเดียวกันความดันในชั้นฐานธรณีภาคจะลดลง ทาให้หิน
ในชั้นฐานธรณีภาคหลอมละลายบางส่วนเกิดเป็นแมกมาและแทรก
ตัวขึ้นมา ทาให้แผ่นธรณีเคลื่อนที่แยกออกจากกันซึ่งการเคลื่อนที่
แยกออกจากกัน
- 58. 1) แผ่นธรณีมหาสมุทรชนกับแผ่นธรณีมหาสมุทร
• เมื่อแผ่นธรณีมหาสมุทร 2 แผ่น เคลื่อนที่เข้าหากันอย่างช้า ๆ
แผ่นที่มีอายุมาก มีความหนาแน่นมาก และอุณหภูมิต่ากว่า จะ
มุดตัวลงไปในชั้นเนื้อโลกที่บริเวณแนวมุดตัวทาให้เกิดร่องลึกก้น
สมุทรและทาให้หินบริเวณเนื้อโลกตอนบนของแผ่นที่อยู่ด้านบน
มีจุดหลอมเหลวต่าลง เกิดการหลอมเหลวบางส่วนเกิดเป็นแมก
มา แมกมาดังกล่าวจะเคลื่อนตัวขึ้นสู่ผิวโลก เกิดเป็นหมู่เกาะ
ภูเขาไฟรูปโค้ง (valcanic island arc) ซึ่งขนานไปกับแนว
ร่องลึกก้นสมุทร แนวมุดตัวดังกล่าวจะเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่
แผ่นดินไหวระดับลึก และภูเขาไฟมีพลัง
- 65. 2.4.3 แผ่นธรณีเคลื่อนที่ผ่านกันหรือแผ่นธรณี
เคลื่อนที่เฉือนกัน (transform plates)
• วงจรการพาความร้อน และ แรงดัน – แรงดึง ที่เกิดบริเวณ
เทือกสันเขาใต้สมุทร – เขตมุดตัว ส่งผลให้แผ่นธรณีไถล
เลื่อนผ่านและเฉือนกัน เกิดเป็นรอยเลื่อนเฉือนระนาบ
ด้านข้าง (transform fault)
• แผ่นธรณีเคลื่อนที่ผ่านกัน พบได้ทั้งในมหาสมุทรและบนทวีป
แผ่นธรณีที่เคลื่อนที่ผ่านกันในมหาสมุทรเกิดบริเวณเทือกสัน
เขาใต้สมุทร โดยที่แผ่นธรณีมหาสมุทรและบางส่วนของ
เทือกเขาใต้มหาสมุทรเลื่อนผ่านกัน
- 67. • ในกรณีแผ่นธรณีเคลื่อนที่
ผ่านกันบนทวีป เช่น รอย
เลื่อนแซนแอนเดรียส (San
Andreas fault) ในรัฐ
แคลิฟอเนียร์ ประเทศ
สหรัฐอเมริกา เป็นการ
เคลื่อนที่ผ่านกันของแผ่น
ธรณีแปซิฟิกกับแผ่นธรณี
อเมริกาเหนือ
2.4.3 แผ่นธรณีเคลื่อนที่ผ่านกันหรือแผ่นธรณี
เคลื่อนที่เฉือนกัน (transform plates)(ต่อ)
- 73. • การโค้งงอของชั้นหิน มักเกิดเป็นรูปประทุน และรูป
ประทุนหงายสลับกัน ระนาบสมมติที่แบ่งผ่านส่วนโค้ง
ที่สุดของชั้นหิน เรียกว่า ระนาบแกนชั้นหินคดโค้ง
(axial plane) และระนาบดังกล่าวจะตั้งฉากกับแรง
ที่กระทาต่อหิน ผลของการโค้งงอของชั้นหินดังกล่าว จะ
ทาให้ได้ลักษณะหุบเขาและสันเขาสลับกัน
2.5.1ชั้นหินคดโค้ง(fold) (ต่อ)
- 74. 2.5.2 รอยเลื่อน (fault)
• รอยเลื่อน คือ ระนาบรอยแตกตัดผ่านหินซึ่งมีการ
เคลื่อนที่ผ่านกัน และหินจะเคลื่อนที่ตามระนาบรอยแตก
นั้น เราสามารถจาแนกรอยเลื่อนออกได้เป็น 3 ประเภท
หลัก ๆ
- รอยเลื่อนปกติ (normal fault)
- รอยเลื่อนย้อน (reverse fault)
- รอยเลื่อนตามแนวระดับ (strike-slip fault)
- 80. สรุป
บทที่ 2 โลกและการเปลี่ยนแปลง
2.1 ทฤษฎีทวีปเลื่อนของเวเกเนอร์
หลักฐานและเหตุผล
1) หลักฐานจากรอยต่อของทวีป
2) หลักฐานจากความคล้ายคลึงกันของกลุ่มหินและแนวภูเขา
3) หลักฐานจากหินที่เกิดจากการสะสมตัวของตะกอนจากธารน้าแข็ง
4) หลักฐานจากซากดึกดาบรรพ์