SlideShare una empresa de Scribd logo
1 de 38
Descargar para leer sin conexión
Cooperative Learning
รู ปแบบการจัดกระบวนการเรียนรู้
แบบร่ วมมือร่ วมใจ
Cooperative
Learning

   สเปนเซอร์ เคแกน
(Spenser Kagan, 1994)
 นักการศึกษาชาวสหรัฐ ได้ ทาการวิจัย
  และพัฒนารู ปแบบการเรียนรู้ แบบ
  ร่ วมมือร่ วมใจอย่ างจริงจังมาตั้งแต่ ปี
  ค.ศ. 1985
แผนภูมิแสดงแนวคิดหลักของการเรี ยนรู ้แบบ
 Cooperative Learning
Cooperative Learning
Teams หมายถึง การจัดกลุ่มของผูเ้ รี ยนที่จะ
  ทางานร่ วมกัน
 กลุ่มละ 4 คน ประกอบด้วยเด็กที่มีผลสัมฤทธิ์ใน
  การเรี ยนสูง ปานกลาง ค่อนข้างต่า และหญิงชาย
  เท่า ๆ กัน
 จัดให้เด็กอยูในกลุ่มเดียวกันประมาณ 6 สัปดาห์
               ่
  แล้วเปลี่ยนจัดกลุ่มใหม่
Cooperative Learning


 Will หมายถึง ความมุ่งมันและอุดมการณ์ของ
                              ่
 เด็กที่จะร่ วมงานกัน
 Team building การสร้างความ
 มุ่งมันของทีมที่จะทางานร่ วมกัน
       ่
 Class building การสร้างความ
 มุ่งมันของชั้นเรี ยนที่จะช่วยกัน
         ่
 Learning and teaching to
 Be able to do
Cooperative Learning

Management หมายถึง การจัดการ
เพื่อให้กลุ่มทางานอย่างมีประสิ ทธิภาพ
Cooperative Learning
 Social Skills เป็ นทักษะใน
 การทางานร่ วมกัน มีความสัมพันธ์ที่
 ดีต่อกัน
Cooperative Learning
    Four Basic Principles
(PIES)
             P = Positive Interdependence
ผูเ้ รี ยนต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
             I = Individual Accountability
ยอมรับว่าแต่ละคนในกลุ่มต่าง ๆ มีความสามารถและมีความสาคัญ
ต่อกลุ่ม
             E = Equal Participation ทุกคนในกลุ่ม
ต้องให้ความร่ วมมือและมีส่วนร่ วมในงานของกลุ่มอย่างเท่าเทียม
กัน
             S = Simultaneous Interaction ทุก
คนในกลุ่มต้องมีปฏิสมพันธ์กนตลอดเวลาที่ทางานในกลุ่ม
                        ั       ั
Cooperative Learning

Structures หมายถึง รู ปแบบของ
กิจกรรมในการทางานกลุ่ม
Cooperative Learning
    รู ปแบบกิจกรรมของ Kagan
                 Time – Pair – Share
เป็ นกิจกรรมจับคู่สลับกันพูดในหัวข้อและในเวลาที่
กาหนด เช่น คนละ 1 นาที เมื่อคนหนึ่งพูด อีกคน
หนึ่งฟัง แล้วสลับกัน
                 Round Robin ผูเ้ รี ยนในกลุ่ม
ทั้ง 4 คน ผลัดกันพูดแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ
เรื่ องใดเรื่ องหนึ่งจนครบทุกคน
Cooperative Learning
                Round Table ผูเ้ รี ยนแต่ละ
คนในกลุ่มเขียนแสดงความคิดเห็นในเรื่ องใดเรื่ อง
หนึ่งในกระดาษแผ่นเดียวกันแล้ววนไปเรื่ อย ๆ จน
ผูเ้ รี ยนทุกคนเขียนทั้งหมด แล้วนามาสรุ ป
                Team – Pair – Solo เป็ น
กิจกรรมที่ให้แต่ละคนในกลุ่มคิดแก้ปัญหาใดปั ญหา
หนึ่งก่อน จากนั้นเปลี่ยนเป็ นรวมกันคิดเป็ นคู่ ซึ่ งจะ
ทาให้ผเู ้ รี ยนแต่ละคนเรี ยนรู ้แบบการแก้ปัญหา ในที่
สุ ดแต่ละคนสามารถแก้ปัญหาทานองเดียวกันได้
รู ปแบบกิจกรรมของคนอื่น ๆ
               จิกซอว์ (Jigsaw) เป็ นการมอบหมาย
ให้ตวแทนของสมาชิกในกลุ่มไปรวมกลุ่มใหม่ เรี ยกว่า
     ั
กลุ่มเชี่ยวชาญ (Expert Group) กลุ่มเชี่ยวชาญ
นี้จะศึกษาเรื่ องย่อยที่แบ่งไว้เป็ นตอนในช่วงเวลาหนึ่ง
แล้วกลับมาอธิ บายให้สมาชิกในกลุ่มเดิม (Home
Group)
จุดประสงค์ ของการจัดกระบวนการเรียนรู้
1. การพัฒนาสติปัญญา มี     2. ทักษะทางสังคม เช่น การร่ วมมือ
ทักษะการคิด การสื่ อสาร    การช่วยเหลือ การปฏิสมพันธ์ในทาง
                                               ั
การแก้ปัญหา
                             สร้างสรรค์ ความอดทนต่อความ
                                     แตกต่าง ฯลฯ
3. การพัฒนาตนเอง เช่น
ควบคุมตนเองในการเรี ยน     4. ความเท่าเทียมกัน
เข้าใจตนเอง เห็นคุณค่าใน   ยอมรับว่าทุกคนเท่าเทียม
ตนเอง มีความมันใจ
               ่                   ่
                           กัน ไม่วาจะมีความ
                           แตกต่างในเรื่ องใด
เทคนิคการเรียนแบบร่ วมมือร่ วมใจ
1. เทคนิคการแบ่งกลุ่มแบบกลุ่มสัมฤทธิ์
   (Student Teams
   Achievement Divisions หรื อ
   STAD)
โดยจัดสมาชิกในกลุ่ม 4 คน ระดับสติปัญญาต่างกัน
เช่น เก่ง 1 คน ปานกลาง 2 คน และอ่อน 1 คน ผูสอน        ้
กาหนดบทเรี ยนและการทางานของกลุ่มไว้แล้ว ผูสอนทา     ้
การสอนบทเรี ยนให้ผเู ้ รี ยนทั้งชั้น จากนั้นให้กลุ่มทางาน
ตามที่กาหนด ผูเ้ รี ยนในกลุ่มช่วยเหลือกัน
เทคนิคการเรียนแบบร่ วมมือร่ วมใจ
2.เทคนิคการแข่งขันระหว่างกลุ่มด้วย
เกม (Teams – Game
Tournament หรื อ TGT)

เป็ นเทคนิคการจัดกลุ่มเช่นเดียวกับ
STAD แต่ไม่มีการสอบทุกสัปดาห์
เทคนิคการเรียนแบบร่ วมมือร่ วมใจ
3. เทคนิคการตรวจสอบเป็ นกลุ่ม
  (Group Investigation)
 สมาชิกในกลุ่มมี 2-6 คน แต่ละกลุ่มเลือกหัว
  เรื่ องที่ตองการศึกษาค้นคว้า สมาชิกในกลุ่มแบ่ง
             ้
  งานกันทั้งกลุ่ม มีการวางแผน การดาเนินงานตาม
  แผน การวิเคราะห์และสังเคราะห์งานที่ทา การ
  นาเสนอผลงาน หรื อรายงานต่อหน้าชั้น การให้
  รางวัลหรื อคะแนนให้เป็ นกลุ่ม
เทคนิคการเรียนแบบร่ วมมือร่ วมใจ
4. เทคนิคจิกซอ (Jigsaw) เป็ นเทคนิคที่ใช้
     กับบทเรี ยนที่หวข้อที่เรี ยน แบ่งเป็ นหัวข้อย่อยได้
                    ั
1)       ผูสอนแบ่งหัวข้อที่จะเรี ยนเป็ นหัวข้อย่อย ๆ ให้เท่ากับ
           ้
  จานวนสมาชิกของแต่ละกลุ่ม
2) จัดกลุ่มผูเ้ รี ยน โดยให้มีความสามารถคละกันภายใน
  กลุ่ม เป็ นกลุ่มบ้าน (home group) สมาชิกแต่
  ละคนในกลุ่มอ่านเฉพาะหัวข้อย่อยที่ตนได้รับมอบหมาย
  เท่านั้น โดยใช้เวลาตามที่ผสอนกาหนด
                             ู้
เทคนิคการเรียนแบบร่ วมมือร่ วมใจ
3)     จากนั้นผูเ้ รี ยนที่อ่านหัวข้อย่อยเดียวกันมานังด้วยกัน
                                                     ่
  เพื่อทางาน ซักถาม และทากิจกรรม ซึ่งเรี ยกว่ากลุ่ม
  เชี่ยวชาญ (expert group) สมาชิกทุก ๆ คน
  ร่ วมมือกันอภิปรายหรื อทางานอย่างเท่าเทียมกันโดยใช้เวลา
  ตามที่ผสอนกาหนด
           ู้
4) ผูเ้ รี ยนแต่ละคนในกลุ่มผูเ้ ชี่ยวชาญ กลับมายังกลุ่มบ้าน
  (home group) ของตน จากนั้นผลัดเปลี่ยนกัน
  อธิบายให้เพื่อนสมาชิกในกลุ่มฟัง เริ่ มจากหัวข้อย่อย
  1,2,3 และ 4 เป็ นต้น
5) ทาการทดสอบหัวข้อย่อย 1-4 กับผูเ้ รี ยนทั้งห้อง
  คะแนนของสมาชิกแต่ละคนในกลุ่มรวมเป็ นคะแนนกลุ่ม
  กลุ่มที่ได้คะแนนสูงสุดจะได้รับการติดประกาศ
เทคนิคการเรียนแบบร่ วมมือร่ วมใจ
7. เทคนิคการเรี ยนแบบร่ วมมือร่ วมกลุ่ม
  (Co-op Co-op)
 ผูเ้ รี ยนช่วยกันอภิปรายหัวข้อที่จะศึกษาแบ่งหัวข้อ
  ใหญ่เป็ นหัวข้อย่อย แล้วจัดผูเ้ รี ยนเข้ากลุ่มตาม
  ความสามารถที่แตกต่างกัน กลุ่มเลือกหัวข้อที่จะ
  ศึกษาตามความสนใจของกลุ่ม กลุ่มแบ่งหัวข้อย่อย
  เป็ นหัวข้อเล็ก เพื่อผูเ้ รี ยนแต่ละคนในกลุ่มเลือกไป
  ศึกษาและนาเสนอต่อกลุ่ม กลุ่มรวบรวมหัวข้อต่าง
  ๆ จากผูเ้ รี ยนทุกคนในกลุ่ม แล้วรายงานผลงานต่อ
  ชั้น แล้วมีการประเมินผลงานของกลุ่ม
เทคนิคการเรียนแบบร่ วมมือร่ วมใจ
8. การพูดเป็ นคู่ (Rally Robin)
  เป็ นเทคนิคเปิ ดโอกาสให้ผเู ้ รี ยนพูด
  ตอบ แสดงความคิดเห็นเป็ นคู่ ๆ
เทคนิคการเรียนแบบร่ วมมือร่ วมใจ
9. การเขียนแบบคู่ (Rally Table)
  เป็ นเทคนิคคล้ายกับการพูดเป็ นคู่ทุก
  ประการ ต่างกันเพียงการเขียนเป็ นคู่เป็ นการ
  ร่ วมมือเป็ นคู่ ๆ โดยผลัดกันเขียน หรื อวาด
เทคนิคการเรียนแบบร่ วมมือร่ วมใจ
10. การพูดรอบวง (Round Robin)
  เป็ นเทคนิคที่สมาชิกของกลุ่มผลัดกันพูด
  ตอบ เล่า อธิ บาย โดยไม่ใช้การเขียน การวาด
  และเป็ นการพูดที่ผลัดกันทีละคนตามเวลาที่
  กาหนด จนครบ 4 คน
เทคนิคการเรียนแบบร่ วมมือร่ วมใจ
11. การเขียนรอบวง (Round Table)
 เป็ นเทคนิคที่เหมือนกับการพูดรอบวง แตกต่าง
  กันที่เน้นการเขียน การวาด (ใช้อุปกรณ์ :
  กระดาษ 1 แผ่น และปากกา 1 ด้ามต่อกลุ่ม)
  วิธีการคือ ผลัดกันเขียนลงในกระดาษที่เตรี ยม
  ไว้ทีละคนตามเวลาที่กาหนด
เทคนิคการเรียนแบบร่ วมมือร่ วมใจ
12. การแก้ปัญหาด้ วยการต่ อภาพ (Jigsaw
  problem Solving)
 เป็ นเทคนิคที่สมาชิกของแต่ละคนคิดคาตอบของ
  ตนเองไว้ จากนั้นกลุ่มนาคาตอบของทุกๆ คน
  รวมกันแล้วอภิปรายเพื่อหาคาตอบที่ดีที่สุด
เทคนิคการเรียนแบบร่ วมมือร่ วมใจ
13. คิดเดี่ยว – คิดคู่ – ร่ วมกันคิด
  (Think – Pair – Share)
   เป็ นเทคนิคโดยเริ่ มจากปั ญหาหรื อโจทย์
  คาถาม โดยสมาชิกแต่ละคนคิดหาคาตอบ
  ด้วยตนเองก่อน แล้วนาคาตอบไปอภิปราย
  กับเพื่อนเป็ นคู่ จากนั้นจึงนาคาตอบของตน
  หรื อของเพื่อนที่เป็ นคู่เล่าให้เพื่อน ๆ ทั้งชั้น
  ฟัง
เทคนิคการเรียนแบบร่ วมมือร่ วมใจ
14. อภิปรายเป็ นคู่ (Pair Discussion)
  เป็ นเทคนิคที่เมื่อผูสอนตั้งคาถามหรื อกาหนด
                       ้
                                  ั
  โจทย์แล้วให้สมาชิกที่นงใกล้กนร่ วมกันคิดและ
                          ั่
  อภิปรายเป็ นคู่
เทคนิคการเรียนแบบร่ วมมือร่ วมใจ
15. อภิปรายเป็ นทีม (Team Discussion)
   เป็ นเทคนิคที่เมื่อผูสอนตั้งคาถามแล้วให้สมาชิกของ
                        ้
  กลุ่มทุก ๆ คนร่ วมกันคิด พูด อภิปรายพร้อมกัน
เทคนิคการเรียนแบบร่ วมมือร่ วมใจ
16. ทาเป็ นกลุ่ม – ทาเป็ นคู่ – และทาคน
  เดียว (Team – Pair – Solo)
   เป็ นเทคนิคที่เมื่อผูสอนกาหนดปั ญหาหรื อ
                        ้
  โจทย์หรื องานให้ทาแล้ว สมาชิกจะทางาน
  ร่ วมกันทั้งกลุ่ม จนทางานได้สาเร็ จ แล้วถึง
  ขั้นสุ ดท้ายให้สมาชิกแต่ละคนทางานคน
  เดียวจนสาเร็ จ
เทคนิคการเรียนแบบร่ วมมือร่ วมใจ
17. การเรียงแถว (Line – Ups)
   เป็ นเทคนิคง่าย ๆ โดยให้ผเู ้ รี ยนยืนเป็ นแถว
  เรี ยงลาดับภาพคา หรื อสิ่ งที่ผสอนกาหนดไว้
                                  ู้
  เช่น ผูสอนให้ภาพต่าง ๆ แก่ผเู ้ รี ยน แล้วให้
            ้
  ผูเ้ รี ยนยืนเรี ยงลาดับภาพขั้นตอนของวงจร
  ชีวตของแมลง ห่วงโซ่ อาหาร เป็ นต้น
        ิ
เทคนิคการเรียนแบบร่ วมมือร่ วมใจ
18. การพูดเป็ นคู่ตามเวลาทีกาหนด
                             ่
  (Time – Pair – Share)
   เป็ นเทคนิคการเรี ยนแบบร่ วมมือที่สมาชิก
  จับคู่ สมาชิกคนที่ 1 พูดในเวลาที่กาหนด
  เพื่อตอบโจทย์หรื อปั ญหาที่กาหนด สมาชิก
  คนที่ 2 ฟัง จากนั้นสมาชิกคนที่ 2 พูด คน
  ที่ 1 ฟัง การพูดใช้เวลาเท่ากับครั้งแรก
เทคนิคการเรียนแบบร่ วมมือร่ วมใจ
19. การทาโครงงานเป็ นกลุ่ม (Team Project)
   เป็ นเทคนิคการเรี ยนด้วยวิธีโครงงาน โดยผูสอนอาจจะ
                                                ้
  กาหนดวิธีการทาโครงงาน กาหนดบทบาทของสมาชิก
  แต่ละคนในกลุ่ม ให้ร่วมกันทาโครงงานตามมอบหมาย
  หรื ออาจใช้วธีให้ผเู ้ รี ยนร่ วมกันคิดทาโครงงานเอง โดย
                 ิ
  ผูเ้ รี ยนแบ่งหน้าที่ให้สมาชิกทุกคนมีบทบาทในการ
  ทางาน
เทคนิคการเรียนแบบร่ วมมือร่ วมใจ
20. คิดเดี่ยว – คิดคู่ – คิดเป็ นกลุ่ม
  (Think – Pair – Square)
   เป็ นเทคนิคโดยเริ่ มจากปั ญหาหรื อโจทย์
  คาถาม โดยสมาชิกแต่ละคนคิดคาตอบด้วย
  ตนเองก่อน แล้วนาคาตอบของตนไป
  อภิปรายกับเพื่อนเป็ นคู่ จากนั้นก็อภิปรายกับ
  สมาชิกในกลุ่มของตนก่อน แล้วอาจนา
  คาตอบเล่าให้เพื่อน ๆ ทั้งชั้นฟัง
เทคนิคการเรียนแบบร่ วมมือร่ วมใจ
21. พูดวงกลมซ้ อน (Inside –
  Outside Circle)
  เป็ นเทคนิคที่ผเู ้ รี ยนอาจนังหรื อยืนเป็ นวงกลม
                                    ่
  ซ้อนกัน 2 วง แต่ละวงมีจานวนกลุ่มเท่ากัน วงใน
  หันหน้าออก วงนอกหันหน้าเข้า หรื ออาจนังหรื อ           ่
  ยืนเป็ นคูก็ได้ ผูเ้ รี ยนที่เป็ นคู่หรื อกลุ่มที่เป็ นคู่กนจะ
            ่                                                ั
  พูด หรื ออภิปราย หรื อนาเสนอผลงานกลุ่มแก่กน                  ั
  และกัน โดยผลัดกันพูด อาจมีการกาหนดเวลาด้วย
  จากนั้นหมุนเวียนเปลี่ยนคู่หรื อกลุ่มใหม่ไปเรื่ อย ๆ
  โดยไม่ซ้ ากัน โดยผูเ้ รี ยนวงนอกและวงในเคลื่อนที่
  ไปในทิศทางตรงกันข้าม เพื่อให้พบสมาชิกไม่ซ้ า
  กลุ่มเดิม
เทคนิคการเรียนแบบร่ วมมือร่ วมใจ
22. การให้ ข้อมูลย้ อนกลับแบบหมุนเวียน
  (Rotating Feedback)
   เป็ นเทคนิคที่สมาชิกทุกคนในแต่ละกลุ่มให้
  ข้อมูลย้อนกลับ ซึ่งอาจเป็ น
  ข้อคิด ข้อเสนอแนะ ข้อดี ข้อบกพร่ อง
  ต่อผลงานของกลุ่มอื่นๆ โดยหมุนเวียนไปที
  ละกลุ่มจนครบอย่างเป็ นระบบ หรื ออาจมี
  กาหนดเวลาให้แต่ละกลุ่มด้วยก็ได้
ข้ อดีของเทคนิคการเรียนแบบร่ วมมือร่ วมใจ
1. สร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่าง
  สมาชิก เพราะทุก ๆ คนร่ วมมือในการ
  ทางานกลุ่ม ทุก ๆ คนมีส่วนร่ วมเท่า
  เทียมกัน
2. สมาชิกทุกคนมีโอกาสพูด
  แสดงออก แสดงความคิดเห็น ลงมือ
  กระทาอย่างเท่าเทียมกัน
ข้ อดีของเทคนิคการเรียนแบบร่ วมมือร่ วมใจ
3. เสริ มให้มีความช่วยเหลือกัน เช่น
  เด็กเก่งช่วยเด็กที่เรี ยนไม่เก่ง ทาให้เด็ก
  เก่งภาคภูมิใจ รู ้จกสละเวลา ส่ วนเด็กที่
                     ั
  ไม่เก่งเกิดความซาบซึ้งในน้ าใจของ
  เพื่อนสมาชิกด้วยกัน
ข้ อดีของเทคนิคการเรียนแบบร่ วมมือร่ วมใจ
4. ร่ วมกันคิดทุกคน ทาให้เกิดการระดม
  ความคิด นาข้อมูลที่ได้มาพิจารณาร่ วมกันเพื่อ
  ประเมินคาตอบที่เหมาะที่สุด เป็ นการส่ งเสริ ม
  ให้ช่วยกันคิดหาข้อมูลให้มากและวิเคราะห์
  และตัดสิ นใจเลือก
ข้ อดีของเทคนิคการเรียนแบบร่ วมมือร่ วมใจ
5. ส่ งเสริ มทักษะทางสังคม เช่น การ
  อยูร่วมกันด้วยมนุษยสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
       ่
  เข้าใจกันและกัน อีกทั้งเสริ มทักษะการ
  สื่ อสาร ทักษะการทางานเป็ นกลุ่ม สิ่ ง
  เหล่านี้ลวนส่ งเสริ มผลสัมฤทธิ์ ทางการ
             ้
  เรี ยนรู ้ให้สูงขึ้น

Más contenido relacionado

La actualidad más candente

สารคดีท่องเที่ยว แอ่วเหนือเมื่อหน้าหนาว
สารคดีท่องเที่ยว   แอ่วเหนือเมื่อหน้าหนาวสารคดีท่องเที่ยว   แอ่วเหนือเมื่อหน้าหนาว
สารคดีท่องเที่ยว แอ่วเหนือเมื่อหน้าหนาว
waraporny
 
ตัวอย่างแผนการสอนคอมพิวเตอร์
ตัวอย่างแผนการสอนคอมพิวเตอร์ตัวอย่างแผนการสอนคอมพิวเตอร์
ตัวอย่างแผนการสอนคอมพิวเตอร์
srkschool
 
แบบประเมินต่างๆ
แบบประเมินต่างๆแบบประเมินต่างๆ
แบบประเมินต่างๆ
Naphachol Aon
 
รูปแบบการพัฒนาหลักสูตร
รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรรูปแบบการพัฒนาหลักสูตร
รูปแบบการพัฒนาหลักสูตร
Bigbic Thanyarat
 
โครงงานศึกษาดินที่ปลูกพืชได้ดีที่สุด
โครงงานศึกษาดินที่ปลูกพืชได้ดีที่สุดโครงงานศึกษาดินที่ปลูกพืชได้ดีที่สุด
โครงงานศึกษาดินที่ปลูกพืชได้ดีที่สุด
Joy Jantima
 
โครงงานสำรวจพฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟนนักเรียนชั้น ม.4-5
โครงงานสำรวจพฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟนนักเรียนชั้น ม.4-5โครงงานสำรวจพฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟนนักเรียนชั้น ม.4-5
โครงงานสำรวจพฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟนนักเรียนชั้น ม.4-5
kessara61977
 
แบบสังเกตพฤติกรรมความกระตือรือร้นในการเข้าร่วมกิจกรรม
แบบสังเกตพฤติกรรมความกระตือรือร้นในการเข้าร่วมกิจกรรมแบบสังเกตพฤติกรรมความกระตือรือร้นในการเข้าร่วมกิจกรรม
แบบสังเกตพฤติกรรมความกระตือรือร้นในการเข้าร่วมกิจกรรม
Nutsara Mukda
 
การเขียนข้อสอบวัดพฤติกรรมด้านพุทธิพิสัย
การเขียนข้อสอบวัดพฤติกรรมด้านพุทธิพิสัยการเขียนข้อสอบวัดพฤติกรรมด้านพุทธิพิสัย
การเขียนข้อสอบวัดพฤติกรรมด้านพุทธิพิสัย
Benjapron Seesukong
 
เอกสารประกอบการนิเทศการสอนฉบับครู
เอกสารประกอบการนิเทศการสอนฉบับครูเอกสารประกอบการนิเทศการสอนฉบับครู
เอกสารประกอบการนิเทศการสอนฉบับครู
Jaratpong Moonjai
 
ปกนอก ปกใน
ปกนอก ปกในปกนอก ปกใน
ปกนอก ปกใน
amixdouble
 

La actualidad más candente (20)

แผ่นพับโครงงานการงานอาชีพ 1
แผ่นพับโครงงานการงานอาชีพ 1แผ่นพับโครงงานการงานอาชีพ 1
แผ่นพับโครงงานการงานอาชีพ 1
 
สารคดีท่องเที่ยว แอ่วเหนือเมื่อหน้าหนาว
สารคดีท่องเที่ยว   แอ่วเหนือเมื่อหน้าหนาวสารคดีท่องเที่ยว   แอ่วเหนือเมื่อหน้าหนาว
สารคดีท่องเที่ยว แอ่วเหนือเมื่อหน้าหนาว
 
ตัวอย่างแผนการสอนคอมพิวเตอร์
ตัวอย่างแผนการสอนคอมพิวเตอร์ตัวอย่างแผนการสอนคอมพิวเตอร์
ตัวอย่างแผนการสอนคอมพิวเตอร์
 
คุรุมุทิตาหนังสือที่ระลึกเนื่องในงานเกษียณอายุราชการครูศริพร นาหอคำ โรงเรียน...
คุรุมุทิตาหนังสือที่ระลึกเนื่องในงานเกษียณอายุราชการครูศริพร นาหอคำ  โรงเรียน...คุรุมุทิตาหนังสือที่ระลึกเนื่องในงานเกษียณอายุราชการครูศริพร นาหอคำ  โรงเรียน...
คุรุมุทิตาหนังสือที่ระลึกเนื่องในงานเกษียณอายุราชการครูศริพร นาหอคำ โรงเรียน...
 
แบบประเมินต่างๆ
แบบประเมินต่างๆแบบประเมินต่างๆ
แบบประเมินต่างๆ
 
คำประสม
คำประสมคำประสม
คำประสม
 
ใบความรู้โครงงานคุณธรรม
ใบความรู้โครงงานคุณธรรมใบความรู้โครงงานคุณธรรม
ใบความรู้โครงงานคุณธรรม
 
รูปแบบการพัฒนาหลักสูตร
รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรรูปแบบการพัฒนาหลักสูตร
รูปแบบการพัฒนาหลักสูตร
 
โครงงานศึกษาดินที่ปลูกพืชได้ดีที่สุด
โครงงานศึกษาดินที่ปลูกพืชได้ดีที่สุดโครงงานศึกษาดินที่ปลูกพืชได้ดีที่สุด
โครงงานศึกษาดินที่ปลูกพืชได้ดีที่สุด
 
ศาสนาซิกข์
ศาสนาซิกข์ศาสนาซิกข์
ศาสนาซิกข์
 
Casestudy การศึกษารายกรณี
Casestudy การศึกษารายกรณีCasestudy การศึกษารายกรณี
Casestudy การศึกษารายกรณี
 
1.แบบประเมินความพึงพอใจในการจัดกิจกรรมต่อต้านยาไอซ์ในโรงเรียน (1)
1.แบบประเมินความพึงพอใจในการจัดกิจกรรมต่อต้านยาไอซ์ในโรงเรียน (1)1.แบบประเมินความพึงพอใจในการจัดกิจกรรมต่อต้านยาไอซ์ในโรงเรียน (1)
1.แบบประเมินความพึงพอใจในการจัดกิจกรรมต่อต้านยาไอซ์ในโรงเรียน (1)
 
โครงงานสำรวจพฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟนนักเรียนชั้น ม.4-5
โครงงานสำรวจพฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟนนักเรียนชั้น ม.4-5โครงงานสำรวจพฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟนนักเรียนชั้น ม.4-5
โครงงานสำรวจพฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟนนักเรียนชั้น ม.4-5
 
แบบสังเกตพฤติกรรมความกระตือรือร้นในการเข้าร่วมกิจกรรม
แบบสังเกตพฤติกรรมความกระตือรือร้นในการเข้าร่วมกิจกรรมแบบสังเกตพฤติกรรมความกระตือรือร้นในการเข้าร่วมกิจกรรม
แบบสังเกตพฤติกรรมความกระตือรือร้นในการเข้าร่วมกิจกรรม
 
แรงลัพธ์
แรงลัพธ์แรงลัพธ์
แรงลัพธ์
 
การเขียนข้อสอบวัดพฤติกรรมด้านพุทธิพิสัย
การเขียนข้อสอบวัดพฤติกรรมด้านพุทธิพิสัยการเขียนข้อสอบวัดพฤติกรรมด้านพุทธิพิสัย
การเขียนข้อสอบวัดพฤติกรรมด้านพุทธิพิสัย
 
เอกสารประกอบการนิเทศการสอนฉบับครู
เอกสารประกอบการนิเทศการสอนฉบับครูเอกสารประกอบการนิเทศการสอนฉบับครู
เอกสารประกอบการนิเทศการสอนฉบับครู
 
แบบประเมินทักษะกระบวนการ
แบบประเมินทักษะกระบวนการแบบประเมินทักษะกระบวนการ
แบบประเมินทักษะกระบวนการ
 
ห้องสีขาว 1.1
ห้องสีขาว 1.1ห้องสีขาว 1.1
ห้องสีขาว 1.1
 
ปกนอก ปกใน
ปกนอก ปกในปกนอก ปกใน
ปกนอก ปกใน
 

Destacado

การเรียนรู้แบบร่วมมือ
การเรียนรู้แบบร่วมมือการเรียนรู้แบบร่วมมือ
การเรียนรู้แบบร่วมมือ
Krumath Pawinee
 
การจัดการเรียนรู้ Stad
การจัดการเรียนรู้ Stadการจัดการเรียนรู้ Stad
การจัดการเรียนรู้ Stad
Sandee Toearsa
 
การจัดการเรียนการสอนแบบ Tgt
การจัดการเรียนการสอนแบบ Tgtการจัดการเรียนการสอนแบบ Tgt
การจัดการเรียนการสอนแบบ Tgt
thitinanmim115
 
การเรียนรู้แบบร่วมมือ
การเรียนรู้แบบร่วมมือการเรียนรู้แบบร่วมมือ
การเรียนรู้แบบร่วมมือ
wannisa_bovy
 
Cooperative learning macal 2013
Cooperative learning macal 2013Cooperative learning macal 2013
Cooperative learning macal 2013
Laura Chambless
 
ทฤษฎีการเรียนรู้เพื่อการจัดการเรียนการ
ทฤษฎีการเรียนรู้เพื่อการจัดการเรียนการทฤษฎีการเรียนรู้เพื่อการจัดการเรียนการ
ทฤษฎีการเรียนรู้เพื่อการจัดการเรียนการ
khamnueng_1
 
บทความวิชาการ
บทความวิชาการบทความวิชาการ
บทความวิชาการ
nuydog
 
การมีสติ
การมีสติการมีสติ
การมีสติ
nuydog
 
หน่วยที่ 13 เกมและสถานการณ์จำลอง
หน่วยที่ 13 เกมและสถานการณ์จำลองหน่วยที่ 13 เกมและสถานการณ์จำลอง
หน่วยที่ 13 เกมและสถานการณ์จำลอง
anupong boonruam
 
การสอนคิดแบบหมวก 6 ใบ (power point)
การสอนคิดแบบหมวก 6 ใบ  (power point)การสอนคิดแบบหมวก 6 ใบ  (power point)
การสอนคิดแบบหมวก 6 ใบ (power point)
Boukee Singlee
 

Destacado (20)

การเรียนรู้แบบร่วมมือ
การเรียนรู้แบบร่วมมือการเรียนรู้แบบร่วมมือ
การเรียนรู้แบบร่วมมือ
 
การเรียนรู้แบบร่วมมือ
การเรียนรู้แบบร่วมมือการเรียนรู้แบบร่วมมือ
การเรียนรู้แบบร่วมมือ
 
การจัดการเรียนรู้ Stad
การจัดการเรียนรู้ Stadการจัดการเรียนรู้ Stad
การจัดการเรียนรู้ Stad
 
co-op
co-opco-op
co-op
 
การจัดการเรียนรู้แบบแบ่งกลุ่มผลสัมฤทธิ์ (Stad
การจัดการเรียนรู้แบบแบ่งกลุ่มผลสัมฤทธิ์ (Stadการจัดการเรียนรู้แบบแบ่งกลุ่มผลสัมฤทธิ์ (Stad
การจัดการเรียนรู้แบบแบ่งกลุ่มผลสัมฤทธิ์ (Stad
 
การจัดการเรียนการสอนแบบ Tgt
การจัดการเรียนการสอนแบบ Tgtการจัดการเรียนการสอนแบบ Tgt
การจัดการเรียนการสอนแบบ Tgt
 
วิธีสอนโดยการใช้มิติสัมพันธ์
วิธีสอนโดยการใช้มิติสัมพันธ์วิธีสอนโดยการใช้มิติสัมพันธ์
วิธีสอนโดยการใช้มิติสัมพันธ์
 
การเรียนรู้แบบร่วมมือ
การเรียนรู้แบบร่วมมือการเรียนรู้แบบร่วมมือ
การเรียนรู้แบบร่วมมือ
 
Cooperative learning macal 2013
Cooperative learning macal 2013Cooperative learning macal 2013
Cooperative learning macal 2013
 
Jigsaw
JigsawJigsaw
Jigsaw
 
Jigsaw Teaser
Jigsaw TeaserJigsaw Teaser
Jigsaw Teaser
 
ทฤษฎีการเรียนรู้เพื่อการจัดการเรียนการ
ทฤษฎีการเรียนรู้เพื่อการจัดการเรียนการทฤษฎีการเรียนรู้เพื่อการจัดการเรียนการ
ทฤษฎีการเรียนรู้เพื่อการจัดการเรียนการ
 
LyonJUG : Comment Jigsaw est prêt à tuer le classpath
LyonJUG : Comment Jigsaw est prêt à tuer le classpath LyonJUG : Comment Jigsaw est prêt à tuer le classpath
LyonJUG : Comment Jigsaw est prêt à tuer le classpath
 
บทความวิชาการ
บทความวิชาการบทความวิชาการ
บทความวิชาการ
 
การมีสติ
การมีสติการมีสติ
การมีสติ
 
หน่วยที่ 13 เกมและสถานการณ์จำลอง
หน่วยที่ 13 เกมและสถานการณ์จำลองหน่วยที่ 13 เกมและสถานการณ์จำลอง
หน่วยที่ 13 เกมและสถานการณ์จำลอง
 
วิธีการสอนแบบเรียนปนเล่น
วิธีการสอนแบบเรียนปนเล่นวิธีการสอนแบบเรียนปนเล่น
วิธีการสอนแบบเรียนปนเล่น
 
วิเคราะห์วิธีการสอนที่เหมาะกับวิชาคณิตศาสตร์ (1)
วิเคราะห์วิธีการสอนที่เหมาะกับวิชาคณิตศาสตร์ (1)วิเคราะห์วิธีการสอนที่เหมาะกับวิชาคณิตศาสตร์ (1)
วิเคราะห์วิธีการสอนที่เหมาะกับวิชาคณิตศาสตร์ (1)
 
Task Based Instruction by Aylin Aydın, Uludag University
Task Based Instruction by Aylin Aydın, Uludag UniversityTask Based Instruction by Aylin Aydın, Uludag University
Task Based Instruction by Aylin Aydın, Uludag University
 
การสอนคิดแบบหมวก 6 ใบ (power point)
การสอนคิดแบบหมวก 6 ใบ  (power point)การสอนคิดแบบหมวก 6 ใบ  (power point)
การสอนคิดแบบหมวก 6 ใบ (power point)
 

Similar a การเรียนแบบร่วมมือ

งานนำเสนอ..[1]
งานนำเสนอ..[1]งานนำเสนอ..[1]
งานนำเสนอ..[1]
chinanad
 
เทคนิคการสอน กระบวนการกลุ่ม
เทคนิคการสอน  กระบวนการกลุ่มเทคนิคการสอน  กระบวนการกลุ่ม
เทคนิคการสอน กระบวนการกลุ่ม
Junya Punngam
 
ครูผู้ช่วย ภารกิจ
ครูผู้ช่วย ภารกิจครูผู้ช่วย ภารกิจ
ครูผู้ช่วย ภารกิจ
She's Kukkik Kanokporn
 
เทคนิคการสอน
เทคนิคการสอนเทคนิคการสอน
เทคนิคการสอน
kittitach06709
 
กลวิธี คิดเดี่ยว
กลวิธี คิดเดี่ยวกลวิธี คิดเดี่ยว
กลวิธี คิดเดี่ยว
jutarat
 
ภารกิจการเรียนรู้ ครูผู้ช่วย
ภารกิจการเรียนรู้ ครูผู้ช่วยภารกิจการเรียนรู้ ครูผู้ช่วย
ภารกิจการเรียนรู้ ครูผู้ช่วย
Jo Smartscience II
 
เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการสอนแบบ 4 mat
เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการสอนแบบ 4 matเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการสอนแบบ 4 mat
เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการสอนแบบ 4 mat
Siriphan Kristiansen
 
ครูผู้ช่วย
ครูผู้ช่วยครูผู้ช่วย
ครูผู้ช่วย
Jutamart Bungthong
 
การเรียนรู้แบบร่วมมือ
การเรียนรู้แบบร่วมมือการเรียนรู้แบบร่วมมือ
การเรียนรู้แบบร่วมมือ
Sukanya Burana
 
การเรียนรู้แบบร่วมมือ
การเรียนรู้แบบร่วมมือการเรียนรู้แบบร่วมมือ
การเรียนรู้แบบร่วมมือ
Sukanya Burana
 
เทคนิคการสอนและรูปแบบที่ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง
เทคนิคการสอนและรูปแบบที่ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลางเทคนิคการสอนและรูปแบบที่ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง
เทคนิคการสอนและรูปแบบที่ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง
Kunwater Tianmongkon
 
หลักสูตร Is คำอธิบายรายวิชา ม.ปลายdoc
หลักสูตร Is คำอธิบายรายวิชา ม.ปลายdocหลักสูตร Is คำอธิบายรายวิชา ม.ปลายdoc
หลักสูตร Is คำอธิบายรายวิชา ม.ปลายdoc
krupornpana55
 
นำเสนอ23สิงหาคม
นำเสนอ23สิงหาคมนำเสนอ23สิงหาคม
นำเสนอ23สิงหาคม
Atima Teraksee
 

Similar a การเรียนแบบร่วมมือ (20)

งานนำเสนอ..[1]
งานนำเสนอ..[1]งานนำเสนอ..[1]
งานนำเสนอ..[1]
 
เทคนิคการสอน กระบวนการกลุ่ม
เทคนิคการสอน  กระบวนการกลุ่มเทคนิคการสอน  กระบวนการกลุ่ม
เทคนิคการสอน กระบวนการกลุ่ม
 
Expand
ExpandExpand
Expand
 
ResearchfoundationPro.pdf
ResearchfoundationPro.pdfResearchfoundationPro.pdf
ResearchfoundationPro.pdf
 
ครูผู้ช่วย ภารกิจ
ครูผู้ช่วย ภารกิจครูผู้ช่วย ภารกิจ
ครูผู้ช่วย ภารกิจ
 
เทคนิคการสอน
เทคนิคการสอนเทคนิคการสอน
เทคนิคการสอน
 
ระดับครูผู้ช่วย
ระดับครูผู้ช่วยระดับครูผู้ช่วย
ระดับครูผู้ช่วย
 
กลวิธี คิดเดี่ยว
กลวิธี คิดเดี่ยวกลวิธี คิดเดี่ยว
กลวิธี คิดเดี่ยว
 
ภารกิจการเรียนรู้ ครูผู้ช่วย
ภารกิจการเรียนรู้ ครูผู้ช่วยภารกิจการเรียนรู้ ครูผู้ช่วย
ภารกิจการเรียนรู้ ครูผู้ช่วย
 
Pys3 pbl
Pys3 pblPys3 pbl
Pys3 pbl
 
Pys3 pbl
Pys3 pblPys3 pbl
Pys3 pbl
 
Pys3 pbl
Pys3 pblPys3 pbl
Pys3 pbl
 
บทความการเรียนแบบร่วมมือ
บทความการเรียนแบบร่วมมือบทความการเรียนแบบร่วมมือ
บทความการเรียนแบบร่วมมือ
 
เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการสอนแบบ 4 mat
เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการสอนแบบ 4 matเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการสอนแบบ 4 mat
เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการสอนแบบ 4 mat
 
ครูผู้ช่วย
ครูผู้ช่วยครูผู้ช่วย
ครูผู้ช่วย
 
การเรียนรู้แบบร่วมมือ
การเรียนรู้แบบร่วมมือการเรียนรู้แบบร่วมมือ
การเรียนรู้แบบร่วมมือ
 
การเรียนรู้แบบร่วมมือ
การเรียนรู้แบบร่วมมือการเรียนรู้แบบร่วมมือ
การเรียนรู้แบบร่วมมือ
 
เทคนิคการสอนและรูปแบบที่ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง
เทคนิคการสอนและรูปแบบที่ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลางเทคนิคการสอนและรูปแบบที่ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง
เทคนิคการสอนและรูปแบบที่ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง
 
หลักสูตร Is คำอธิบายรายวิชา ม.ปลายdoc
หลักสูตร Is คำอธิบายรายวิชา ม.ปลายdocหลักสูตร Is คำอธิบายรายวิชา ม.ปลายdoc
หลักสูตร Is คำอธิบายรายวิชา ม.ปลายdoc
 
นำเสนอ23สิงหาคม
นำเสนอ23สิงหาคมนำเสนอ23สิงหาคม
นำเสนอ23สิงหาคม
 

Más de Teeraporn Pingkaew

Más de Teeraporn Pingkaew (14)

Img 20130114 0004
Img 20130114 0004Img 20130114 0004
Img 20130114 0004
 
Img 20130114 0001
Img 20130114 0001Img 20130114 0001
Img 20130114 0001
 
พระบาทสมเด็จปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเด็จ
พระบาทสมเด็จปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเด็จพระบาทสมเด็จปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเด็จ
พระบาทสมเด็จปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเด็จ
 
งานสำคัญ
งานสำคัญงานสำคัญ
งานสำคัญ
 
บุคคลต้นแบบ
บุคคลต้นแบบบุคคลต้นแบบ
บุคคลต้นแบบ
 
บุคคลต้นแบบ
บุคคลต้นแบบบุคคลต้นแบบ
บุคคลต้นแบบ
 
Img 20130114 0007
Img 20130114 0007Img 20130114 0007
Img 20130114 0007
 
Img 20130114 0006
Img 20130114 0006Img 20130114 0006
Img 20130114 0006
 
Img 20130114 0004
Img 20130114 0004Img 20130114 0004
Img 20130114 0004
 
Img 20130114 0003
Img 20130114 0003Img 20130114 0003
Img 20130114 0003
 
Img 20130114 0002
Img 20130114 0002Img 20130114 0002
Img 20130114 0002
 
Img 20130114 0008
Img 20130114 0008Img 20130114 0008
Img 20130114 0008
 
Img 20130114 0001
Img 20130114 0001Img 20130114 0001
Img 20130114 0001
 
Cooperative learning
Cooperative learningCooperative learning
Cooperative learning
 

การเรียนแบบร่วมมือ

  • 2. Cooperative Learning สเปนเซอร์ เคแกน (Spenser Kagan, 1994) นักการศึกษาชาวสหรัฐ ได้ ทาการวิจัย และพัฒนารู ปแบบการเรียนรู้ แบบ ร่ วมมือร่ วมใจอย่ างจริงจังมาตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1985
  • 4. Cooperative Learning Teams หมายถึง การจัดกลุ่มของผูเ้ รี ยนที่จะ ทางานร่ วมกัน  กลุ่มละ 4 คน ประกอบด้วยเด็กที่มีผลสัมฤทธิ์ใน การเรี ยนสูง ปานกลาง ค่อนข้างต่า และหญิงชาย เท่า ๆ กัน  จัดให้เด็กอยูในกลุ่มเดียวกันประมาณ 6 สัปดาห์ ่ แล้วเปลี่ยนจัดกลุ่มใหม่
  • 5. Cooperative Learning Will หมายถึง ความมุ่งมันและอุดมการณ์ของ ่ เด็กที่จะร่ วมงานกัน Team building การสร้างความ มุ่งมันของทีมที่จะทางานร่ วมกัน ่ Class building การสร้างความ มุ่งมันของชั้นเรี ยนที่จะช่วยกัน ่ Learning and teaching to Be able to do
  • 6. Cooperative Learning Management หมายถึง การจัดการ เพื่อให้กลุ่มทางานอย่างมีประสิ ทธิภาพ
  • 7. Cooperative Learning Social Skills เป็ นทักษะใน การทางานร่ วมกัน มีความสัมพันธ์ที่ ดีต่อกัน
  • 8. Cooperative Learning Four Basic Principles (PIES) P = Positive Interdependence ผูเ้ รี ยนต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน I = Individual Accountability ยอมรับว่าแต่ละคนในกลุ่มต่าง ๆ มีความสามารถและมีความสาคัญ ต่อกลุ่ม E = Equal Participation ทุกคนในกลุ่ม ต้องให้ความร่ วมมือและมีส่วนร่ วมในงานของกลุ่มอย่างเท่าเทียม กัน S = Simultaneous Interaction ทุก คนในกลุ่มต้องมีปฏิสมพันธ์กนตลอดเวลาที่ทางานในกลุ่ม ั ั
  • 9. Cooperative Learning Structures หมายถึง รู ปแบบของ กิจกรรมในการทางานกลุ่ม
  • 10. Cooperative Learning รู ปแบบกิจกรรมของ Kagan Time – Pair – Share เป็ นกิจกรรมจับคู่สลับกันพูดในหัวข้อและในเวลาที่ กาหนด เช่น คนละ 1 นาที เมื่อคนหนึ่งพูด อีกคน หนึ่งฟัง แล้วสลับกัน Round Robin ผูเ้ รี ยนในกลุ่ม ทั้ง 4 คน ผลัดกันพูดแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ เรื่ องใดเรื่ องหนึ่งจนครบทุกคน
  • 11. Cooperative Learning Round Table ผูเ้ รี ยนแต่ละ คนในกลุ่มเขียนแสดงความคิดเห็นในเรื่ องใดเรื่ อง หนึ่งในกระดาษแผ่นเดียวกันแล้ววนไปเรื่ อย ๆ จน ผูเ้ รี ยนทุกคนเขียนทั้งหมด แล้วนามาสรุ ป Team – Pair – Solo เป็ น กิจกรรมที่ให้แต่ละคนในกลุ่มคิดแก้ปัญหาใดปั ญหา หนึ่งก่อน จากนั้นเปลี่ยนเป็ นรวมกันคิดเป็ นคู่ ซึ่ งจะ ทาให้ผเู ้ รี ยนแต่ละคนเรี ยนรู ้แบบการแก้ปัญหา ในที่ สุ ดแต่ละคนสามารถแก้ปัญหาทานองเดียวกันได้
  • 12. รู ปแบบกิจกรรมของคนอื่น ๆ จิกซอว์ (Jigsaw) เป็ นการมอบหมาย ให้ตวแทนของสมาชิกในกลุ่มไปรวมกลุ่มใหม่ เรี ยกว่า ั กลุ่มเชี่ยวชาญ (Expert Group) กลุ่มเชี่ยวชาญ นี้จะศึกษาเรื่ องย่อยที่แบ่งไว้เป็ นตอนในช่วงเวลาหนึ่ง แล้วกลับมาอธิ บายให้สมาชิกในกลุ่มเดิม (Home Group)
  • 13. จุดประสงค์ ของการจัดกระบวนการเรียนรู้ 1. การพัฒนาสติปัญญา มี 2. ทักษะทางสังคม เช่น การร่ วมมือ ทักษะการคิด การสื่ อสาร การช่วยเหลือ การปฏิสมพันธ์ในทาง ั การแก้ปัญหา สร้างสรรค์ ความอดทนต่อความ แตกต่าง ฯลฯ 3. การพัฒนาตนเอง เช่น ควบคุมตนเองในการเรี ยน 4. ความเท่าเทียมกัน เข้าใจตนเอง เห็นคุณค่าใน ยอมรับว่าทุกคนเท่าเทียม ตนเอง มีความมันใจ ่ ่ กัน ไม่วาจะมีความ แตกต่างในเรื่ องใด
  • 14. เทคนิคการเรียนแบบร่ วมมือร่ วมใจ 1. เทคนิคการแบ่งกลุ่มแบบกลุ่มสัมฤทธิ์ (Student Teams Achievement Divisions หรื อ STAD) โดยจัดสมาชิกในกลุ่ม 4 คน ระดับสติปัญญาต่างกัน เช่น เก่ง 1 คน ปานกลาง 2 คน และอ่อน 1 คน ผูสอน ้ กาหนดบทเรี ยนและการทางานของกลุ่มไว้แล้ว ผูสอนทา ้ การสอนบทเรี ยนให้ผเู ้ รี ยนทั้งชั้น จากนั้นให้กลุ่มทางาน ตามที่กาหนด ผูเ้ รี ยนในกลุ่มช่วยเหลือกัน
  • 15. เทคนิคการเรียนแบบร่ วมมือร่ วมใจ 2.เทคนิคการแข่งขันระหว่างกลุ่มด้วย เกม (Teams – Game Tournament หรื อ TGT) เป็ นเทคนิคการจัดกลุ่มเช่นเดียวกับ STAD แต่ไม่มีการสอบทุกสัปดาห์
  • 16. เทคนิคการเรียนแบบร่ วมมือร่ วมใจ 3. เทคนิคการตรวจสอบเป็ นกลุ่ม (Group Investigation)  สมาชิกในกลุ่มมี 2-6 คน แต่ละกลุ่มเลือกหัว เรื่ องที่ตองการศึกษาค้นคว้า สมาชิกในกลุ่มแบ่ง ้ งานกันทั้งกลุ่ม มีการวางแผน การดาเนินงานตาม แผน การวิเคราะห์และสังเคราะห์งานที่ทา การ นาเสนอผลงาน หรื อรายงานต่อหน้าชั้น การให้ รางวัลหรื อคะแนนให้เป็ นกลุ่ม
  • 17. เทคนิคการเรียนแบบร่ วมมือร่ วมใจ 4. เทคนิคจิกซอ (Jigsaw) เป็ นเทคนิคที่ใช้ กับบทเรี ยนที่หวข้อที่เรี ยน แบ่งเป็ นหัวข้อย่อยได้ ั 1) ผูสอนแบ่งหัวข้อที่จะเรี ยนเป็ นหัวข้อย่อย ๆ ให้เท่ากับ ้ จานวนสมาชิกของแต่ละกลุ่ม 2) จัดกลุ่มผูเ้ รี ยน โดยให้มีความสามารถคละกันภายใน กลุ่ม เป็ นกลุ่มบ้าน (home group) สมาชิกแต่ ละคนในกลุ่มอ่านเฉพาะหัวข้อย่อยที่ตนได้รับมอบหมาย เท่านั้น โดยใช้เวลาตามที่ผสอนกาหนด ู้
  • 18. เทคนิคการเรียนแบบร่ วมมือร่ วมใจ 3) จากนั้นผูเ้ รี ยนที่อ่านหัวข้อย่อยเดียวกันมานังด้วยกัน ่ เพื่อทางาน ซักถาม และทากิจกรรม ซึ่งเรี ยกว่ากลุ่ม เชี่ยวชาญ (expert group) สมาชิกทุก ๆ คน ร่ วมมือกันอภิปรายหรื อทางานอย่างเท่าเทียมกันโดยใช้เวลา ตามที่ผสอนกาหนด ู้ 4) ผูเ้ รี ยนแต่ละคนในกลุ่มผูเ้ ชี่ยวชาญ กลับมายังกลุ่มบ้าน (home group) ของตน จากนั้นผลัดเปลี่ยนกัน อธิบายให้เพื่อนสมาชิกในกลุ่มฟัง เริ่ มจากหัวข้อย่อย 1,2,3 และ 4 เป็ นต้น 5) ทาการทดสอบหัวข้อย่อย 1-4 กับผูเ้ รี ยนทั้งห้อง คะแนนของสมาชิกแต่ละคนในกลุ่มรวมเป็ นคะแนนกลุ่ม กลุ่มที่ได้คะแนนสูงสุดจะได้รับการติดประกาศ
  • 19. เทคนิคการเรียนแบบร่ วมมือร่ วมใจ 7. เทคนิคการเรี ยนแบบร่ วมมือร่ วมกลุ่ม (Co-op Co-op)  ผูเ้ รี ยนช่วยกันอภิปรายหัวข้อที่จะศึกษาแบ่งหัวข้อ ใหญ่เป็ นหัวข้อย่อย แล้วจัดผูเ้ รี ยนเข้ากลุ่มตาม ความสามารถที่แตกต่างกัน กลุ่มเลือกหัวข้อที่จะ ศึกษาตามความสนใจของกลุ่ม กลุ่มแบ่งหัวข้อย่อย เป็ นหัวข้อเล็ก เพื่อผูเ้ รี ยนแต่ละคนในกลุ่มเลือกไป ศึกษาและนาเสนอต่อกลุ่ม กลุ่มรวบรวมหัวข้อต่าง ๆ จากผูเ้ รี ยนทุกคนในกลุ่ม แล้วรายงานผลงานต่อ ชั้น แล้วมีการประเมินผลงานของกลุ่ม
  • 20. เทคนิคการเรียนแบบร่ วมมือร่ วมใจ 8. การพูดเป็ นคู่ (Rally Robin) เป็ นเทคนิคเปิ ดโอกาสให้ผเู ้ รี ยนพูด ตอบ แสดงความคิดเห็นเป็ นคู่ ๆ
  • 21. เทคนิคการเรียนแบบร่ วมมือร่ วมใจ 9. การเขียนแบบคู่ (Rally Table) เป็ นเทคนิคคล้ายกับการพูดเป็ นคู่ทุก ประการ ต่างกันเพียงการเขียนเป็ นคู่เป็ นการ ร่ วมมือเป็ นคู่ ๆ โดยผลัดกันเขียน หรื อวาด
  • 22. เทคนิคการเรียนแบบร่ วมมือร่ วมใจ 10. การพูดรอบวง (Round Robin) เป็ นเทคนิคที่สมาชิกของกลุ่มผลัดกันพูด ตอบ เล่า อธิ บาย โดยไม่ใช้การเขียน การวาด และเป็ นการพูดที่ผลัดกันทีละคนตามเวลาที่ กาหนด จนครบ 4 คน
  • 23. เทคนิคการเรียนแบบร่ วมมือร่ วมใจ 11. การเขียนรอบวง (Round Table) เป็ นเทคนิคที่เหมือนกับการพูดรอบวง แตกต่าง กันที่เน้นการเขียน การวาด (ใช้อุปกรณ์ : กระดาษ 1 แผ่น และปากกา 1 ด้ามต่อกลุ่ม) วิธีการคือ ผลัดกันเขียนลงในกระดาษที่เตรี ยม ไว้ทีละคนตามเวลาที่กาหนด
  • 24. เทคนิคการเรียนแบบร่ วมมือร่ วมใจ 12. การแก้ปัญหาด้ วยการต่ อภาพ (Jigsaw problem Solving) เป็ นเทคนิคที่สมาชิกของแต่ละคนคิดคาตอบของ ตนเองไว้ จากนั้นกลุ่มนาคาตอบของทุกๆ คน รวมกันแล้วอภิปรายเพื่อหาคาตอบที่ดีที่สุด
  • 25. เทคนิคการเรียนแบบร่ วมมือร่ วมใจ 13. คิดเดี่ยว – คิดคู่ – ร่ วมกันคิด (Think – Pair – Share) เป็ นเทคนิคโดยเริ่ มจากปั ญหาหรื อโจทย์ คาถาม โดยสมาชิกแต่ละคนคิดหาคาตอบ ด้วยตนเองก่อน แล้วนาคาตอบไปอภิปราย กับเพื่อนเป็ นคู่ จากนั้นจึงนาคาตอบของตน หรื อของเพื่อนที่เป็ นคู่เล่าให้เพื่อน ๆ ทั้งชั้น ฟัง
  • 26. เทคนิคการเรียนแบบร่ วมมือร่ วมใจ 14. อภิปรายเป็ นคู่ (Pair Discussion) เป็ นเทคนิคที่เมื่อผูสอนตั้งคาถามหรื อกาหนด ้ ั โจทย์แล้วให้สมาชิกที่นงใกล้กนร่ วมกันคิดและ ั่ อภิปรายเป็ นคู่
  • 27. เทคนิคการเรียนแบบร่ วมมือร่ วมใจ 15. อภิปรายเป็ นทีม (Team Discussion) เป็ นเทคนิคที่เมื่อผูสอนตั้งคาถามแล้วให้สมาชิกของ ้ กลุ่มทุก ๆ คนร่ วมกันคิด พูด อภิปรายพร้อมกัน
  • 28. เทคนิคการเรียนแบบร่ วมมือร่ วมใจ 16. ทาเป็ นกลุ่ม – ทาเป็ นคู่ – และทาคน เดียว (Team – Pair – Solo) เป็ นเทคนิคที่เมื่อผูสอนกาหนดปั ญหาหรื อ ้ โจทย์หรื องานให้ทาแล้ว สมาชิกจะทางาน ร่ วมกันทั้งกลุ่ม จนทางานได้สาเร็ จ แล้วถึง ขั้นสุ ดท้ายให้สมาชิกแต่ละคนทางานคน เดียวจนสาเร็ จ
  • 29. เทคนิคการเรียนแบบร่ วมมือร่ วมใจ 17. การเรียงแถว (Line – Ups) เป็ นเทคนิคง่าย ๆ โดยให้ผเู ้ รี ยนยืนเป็ นแถว เรี ยงลาดับภาพคา หรื อสิ่ งที่ผสอนกาหนดไว้ ู้ เช่น ผูสอนให้ภาพต่าง ๆ แก่ผเู ้ รี ยน แล้วให้ ้ ผูเ้ รี ยนยืนเรี ยงลาดับภาพขั้นตอนของวงจร ชีวตของแมลง ห่วงโซ่ อาหาร เป็ นต้น ิ
  • 30. เทคนิคการเรียนแบบร่ วมมือร่ วมใจ 18. การพูดเป็ นคู่ตามเวลาทีกาหนด ่ (Time – Pair – Share) เป็ นเทคนิคการเรี ยนแบบร่ วมมือที่สมาชิก จับคู่ สมาชิกคนที่ 1 พูดในเวลาที่กาหนด เพื่อตอบโจทย์หรื อปั ญหาที่กาหนด สมาชิก คนที่ 2 ฟัง จากนั้นสมาชิกคนที่ 2 พูด คน ที่ 1 ฟัง การพูดใช้เวลาเท่ากับครั้งแรก
  • 31. เทคนิคการเรียนแบบร่ วมมือร่ วมใจ 19. การทาโครงงานเป็ นกลุ่ม (Team Project) เป็ นเทคนิคการเรี ยนด้วยวิธีโครงงาน โดยผูสอนอาจจะ ้ กาหนดวิธีการทาโครงงาน กาหนดบทบาทของสมาชิก แต่ละคนในกลุ่ม ให้ร่วมกันทาโครงงานตามมอบหมาย หรื ออาจใช้วธีให้ผเู ้ รี ยนร่ วมกันคิดทาโครงงานเอง โดย ิ ผูเ้ รี ยนแบ่งหน้าที่ให้สมาชิกทุกคนมีบทบาทในการ ทางาน
  • 32. เทคนิคการเรียนแบบร่ วมมือร่ วมใจ 20. คิดเดี่ยว – คิดคู่ – คิดเป็ นกลุ่ม (Think – Pair – Square) เป็ นเทคนิคโดยเริ่ มจากปั ญหาหรื อโจทย์ คาถาม โดยสมาชิกแต่ละคนคิดคาตอบด้วย ตนเองก่อน แล้วนาคาตอบของตนไป อภิปรายกับเพื่อนเป็ นคู่ จากนั้นก็อภิปรายกับ สมาชิกในกลุ่มของตนก่อน แล้วอาจนา คาตอบเล่าให้เพื่อน ๆ ทั้งชั้นฟัง
  • 33. เทคนิคการเรียนแบบร่ วมมือร่ วมใจ 21. พูดวงกลมซ้ อน (Inside – Outside Circle) เป็ นเทคนิคที่ผเู ้ รี ยนอาจนังหรื อยืนเป็ นวงกลม ่ ซ้อนกัน 2 วง แต่ละวงมีจานวนกลุ่มเท่ากัน วงใน หันหน้าออก วงนอกหันหน้าเข้า หรื ออาจนังหรื อ ่ ยืนเป็ นคูก็ได้ ผูเ้ รี ยนที่เป็ นคู่หรื อกลุ่มที่เป็ นคู่กนจะ ่ ั พูด หรื ออภิปราย หรื อนาเสนอผลงานกลุ่มแก่กน ั และกัน โดยผลัดกันพูด อาจมีการกาหนดเวลาด้วย จากนั้นหมุนเวียนเปลี่ยนคู่หรื อกลุ่มใหม่ไปเรื่ อย ๆ โดยไม่ซ้ ากัน โดยผูเ้ รี ยนวงนอกและวงในเคลื่อนที่ ไปในทิศทางตรงกันข้าม เพื่อให้พบสมาชิกไม่ซ้ า กลุ่มเดิม
  • 34. เทคนิคการเรียนแบบร่ วมมือร่ วมใจ 22. การให้ ข้อมูลย้ อนกลับแบบหมุนเวียน (Rotating Feedback) เป็ นเทคนิคที่สมาชิกทุกคนในแต่ละกลุ่มให้ ข้อมูลย้อนกลับ ซึ่งอาจเป็ น ข้อคิด ข้อเสนอแนะ ข้อดี ข้อบกพร่ อง ต่อผลงานของกลุ่มอื่นๆ โดยหมุนเวียนไปที ละกลุ่มจนครบอย่างเป็ นระบบ หรื ออาจมี กาหนดเวลาให้แต่ละกลุ่มด้วยก็ได้
  • 35. ข้ อดีของเทคนิคการเรียนแบบร่ วมมือร่ วมใจ 1. สร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่าง สมาชิก เพราะทุก ๆ คนร่ วมมือในการ ทางานกลุ่ม ทุก ๆ คนมีส่วนร่ วมเท่า เทียมกัน 2. สมาชิกทุกคนมีโอกาสพูด แสดงออก แสดงความคิดเห็น ลงมือ กระทาอย่างเท่าเทียมกัน
  • 36. ข้ อดีของเทคนิคการเรียนแบบร่ วมมือร่ วมใจ 3. เสริ มให้มีความช่วยเหลือกัน เช่น เด็กเก่งช่วยเด็กที่เรี ยนไม่เก่ง ทาให้เด็ก เก่งภาคภูมิใจ รู ้จกสละเวลา ส่ วนเด็กที่ ั ไม่เก่งเกิดความซาบซึ้งในน้ าใจของ เพื่อนสมาชิกด้วยกัน
  • 37. ข้ อดีของเทคนิคการเรียนแบบร่ วมมือร่ วมใจ 4. ร่ วมกันคิดทุกคน ทาให้เกิดการระดม ความคิด นาข้อมูลที่ได้มาพิจารณาร่ วมกันเพื่อ ประเมินคาตอบที่เหมาะที่สุด เป็ นการส่ งเสริ ม ให้ช่วยกันคิดหาข้อมูลให้มากและวิเคราะห์ และตัดสิ นใจเลือก
  • 38. ข้ อดีของเทคนิคการเรียนแบบร่ วมมือร่ วมใจ 5. ส่ งเสริ มทักษะทางสังคม เช่น การ อยูร่วมกันด้วยมนุษยสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ่ เข้าใจกันและกัน อีกทั้งเสริ มทักษะการ สื่ อสาร ทักษะการทางานเป็ นกลุ่ม สิ่ ง เหล่านี้ลวนส่ งเสริ มผลสัมฤทธิ์ ทางการ ้ เรี ยนรู ้ให้สูงขึ้น