SlideShare una empresa de Scribd logo
1 de 14
Descargar para leer sin conexión
ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
(Exponential Function and Logarithm Function)
ข้อกาหนด เลขยกกาลังที่มีเลขชี้กาลังเป็นจานวนเต็มบวก
บทนิยาม
aaaaa
n
 ... ( n ตัว) เมื่อ a เป็นจานวนจริงใด ๆ
n เป็นจานวนเต็มบวก
เรียก a ว่า ฐาน (base)
เรียก n ว่า เลขชี้กาลัง ( exponent)
เรียก n
a ว่า เลขยกกาลัง (power)
ทฤษฎีบท (Theorem)
ถ้า a , b เป็นจานวนจริงที่ไม่เป็น 0 และ m , n เป็นจานวนเต็ม จะได้
(1) nmnm
aaa


(2) mnnm
a)a( 
(3) nnn
baab )(
(4) n
nn
b
a
b
a






(5) mn
nm
m
n
a
a
a
a



1
(6) 1a
0

(7) n
n
a
1
a 

; n เป็นจานวนเต็มบวก
0
0 ไม่นิยาม
ตัวอย่างที่ 2
(1) 103
.10-4
= 103+(-4)
= 10-1
=
10
1
(2) X4
X5
= X4+5
= X9
(3) ถ้า 0X  แล้ว X.X-1
= X1+(-1)
= X0
= 1
ตัวอย่างที่ 3
(1) 6422)2(
62323


(2)
729
1
3
1
33)3( 6
6)3)(2(32


(3) ถ้า 0x  แล้ว 2
2)2)(1(21
x
1
xx)x( 

ตัวอย่างที่ 4
(1) 2222
x9x3)x3( 
(2) x4x4)x(2)x2(
2)(222 2
1
2
1
2
1

(3) 623223
1021.1)10()1.1()101.1(


ตัวอย่างที่ 5
(1) ถ้า 0y  แล้ว 2
2
2
y
x
)
y
x
( 
(2)
4
x
4
x
2
)x(
2
x
2)
2
1(
2
22
1
2
2
1











ตัวอย่างที่ 6
(1)
10
1
101010
10
10 123)2(3
2
3




(2) 128222
2
2 725)2(5
2
5



(3) ถ้า 0x  แล้ว 235
5
3
xx
x
x


รากที่ n ในระบบจานวนจริง และจานวนจริงในรูปกรณฑ์
บทนิยาม ถ้า n เป็นจานวนเต็มบวกที่มากกว่า 1 และถ้า a, x เป็นจานวนจริงซึ่งสอดคล้องกับ
สมการ xn
= a แล้วเราเรียก x ว่าเป็นรากที่ n ของ a
ตัวอย่างที่ 1 (1) รากที่ 2 ของ 4 คือ 2 และ -2 เพราะว่า (2)2
= 4 และ (-2)2
= 4
(2) รากที่ 3 ของ -8 คือ -2 เพราะว่า (-2)3
= -8
(3) รากที่ 6 ของ 64 มีสองจานวนคือ 2 หรือ -2
(4) รากที่ 6 ของ -64 ที่เป็นจานวนจริงไม่มีเลย
(5) รากที่ 3 ของ 64 มีจานวนเดียวคือ 4
(6) รากที่ 3 ของ -64 มีจานวนเดียวคือ -4
ข้อสังเกต
(1) ถ้า n เป็นจานวนเต็มคู่แล้ว จานวนบวกแต่ละจานวนจะมีรากที่ n เป็น
จานวนจริงสองจานวน รากหนึ่งจะเป็นจานวนบวก และอีกรากหนึ่งเป็น
จานวนลบ
(2) ถ้า n เป็นจานวนเต็มคู่ แล้วจานวนลบแต่ละจานวนจะไม่มีรากที่ n ที่เป็น
จานวนจริง
(3) ถ้า n เป็นจานวนเต็มคี่ แล้ว จานวนจริงแต่ละจานวนจะมีรากที่ n เป็นจานวน
จริงเพียงจานวนเดียว รากที่ n ของจานวนบวกเป็นจานวนบวกและรากที่ n
ของจานวนลบก็เป็นจานวนลบ
บทนิยาม ถ้า n เป็นจานวนเต็มบวกที่มากกว่า 1 และ a เป็นจานวนจริง ( ยกเว้นกรณีที่ n เป็น
จานวนคู่ และ a เป็นจานวนลบ ) แล้วเรากาหนดความหมายของ n a ดังนี้
n
a = n
a
1
สัญลักษณ์ที่เกี่ยวกับรากที่ n ของจานวนจริง
(ก) เครื่องหมาย n เรียกว่า เครื่องหมาย กรณฑ์ ( Radical) และเรียก n ว่าเป็นอันดับ
ของกรณฑ์ ( อันดับของ กรณฑ์)
(ข) n a อ่านว่า กรณฑ์อันดับที่ n ของ a หรือรากที่ n ของ a
(ค) 2 a นิยมเขียนแทนด้วย a
ทฤษฎีบทเกี่ยวกับรากที่ n ของจานวนจริง
ถ้า a และ b เป็นจานวนจริง และ m ; n เป็นจานวนเต็มบวกที่มีค่ามากกว่า 1 โดยที่ n a
และ n b หาค่าได้แล้ว
1.  nn a = a
2. n ab = nn ba 
3. n
b
a
=
n
n
b
a
; b  0
4.
n n
a =



คี่nเป็ นจำนวน;a
คู่nเป็ นจำนวน;a
5. m n a = mn a
6. kn km
a =
n m
a ; k เป็นจานวนเต็มบวก
7. n m
a =
m
n
a







 1
= n
m
a
8. n 0 = 0
9. n
1 = 1
การบวกและการลบของจานวนที่ติดกรณฑ์
ข้อตกลง
จะนาจานวนที่ติดกรณฑ์ มาบวกหรือลบกันได้ต่อเมื่อจานวนนั้น ๆ ต้องมีคุณสมบัติครบ 2
ประการ คือ
1. อันดับของกรณฑ์ต้องเท่ากัน
2. จานวนที่อยู่ภายใต้กรณฑ์ต้องเท่ากัน
และเวลาบวกหรือลบกันให้นา " สัมประสิทธิ์หน้ากรณฑ์มาบวกหรือลบ " เท่านั้น
ตัวอย่างที่ 3 จงหาค่าของ 323335 
แนวคิด นาสัมประสิทธิ์หน้ากรณฑ์มาบวก ลบ กัน
323335  =   3235 
= 36
ตัวอย่างที่ 4 จงหาค่าของ 32712 
แนวคิด จะต้องทาตัวเลขภายใต้กรณฑ์ให้เท่ากันเสียก่อน แล้วจึงนามาบวกลบกัน
จะได้ 32712  = 33.93.4 
= 33332 
=   3132 
= 34
การคูณกรณฑ์ด้วยกรณฑ์
ข้อตกลง
1. จะนากรณฑ์มาคูณกันได้ก็ต่อเมื่ออันดับกรณฑ์ต้องเท่ากัน
2. เมื่ออันดับกรณฑ์เท่ากันก็ให้นาตัวเลขภายใต้กรณฑ์มาคูณกัน
3. นาสัมประสิทธิ์หน้ากรณฑ์มาคูณกัน
ตัวอย่างที่ 5 จงหาค่าของ    225273
แนวคิด จะเห็นว่าคูณกันได้เลยตามข้อตกลง
จะได้    225273 =   2.5.72.2.3
= 7012
ตัวอย่างที่ 6 จงหาค่าของ   3535 
แนวคิด
  3535  =       33533555 
= 5 - 3
= 2
ตัวอย่างที่ 7 จงหาค่าของ   3522 3
แนวคิด จะเห็นว่าโจทย์ที่ให้อันดับของกรณฑ์ตัวตั้งกับตัวคูณไม่เท่ากัน ต้องทาให้เท่ากันเสียก่อน
โดยนาอันดับของกรณฑ์ที่ทั้งตัวตั้งและตัวคูณมาหา ค.ร.น. โดยใช้ทฤษฎีบทข้อ 6 เข้าช่วย
km kn
a =
m n
a
จะได้ 3
2 =
2.3 2
2 = 6
4
3 =
3.2 3
3 = 6
27
  35223
 =   66
27542
=  6
27.45.2
= 6
10810
การคูณโดยอาศัยรูปผลต่างกาลังสอง
)))((
22
bababa 
ดังนั้น bababa  ))((
รูปผลต่างกาลังสองจะนามาใช้ในการแก้ปัญหาโจทย์เกี่ยวกับกรณฑ์ในกรณีที่ตัวส่วนติดกรณฑ์
การหารกรณฑ์ด้วยกรณฑ์
ข้อตกลง
1. จะนากรณฑ์มาหารกันได้ก็ต่อเมื่ออันดับของกรณฑ์ต้องเท่ากัน
2. เมื่ออันดับของกรณฑ์เท่ากันก็ให้นาตัวเลขภายใต้กรณฑ์มาหารกัน
3. ถ้าตัวส่วนติดกรณฑ์ต้องใช้รูปผลต่างกาลังสองแก้ปัญหา
ตัวอย่างที่ 8 จงหาค่าของผลหารต่อไปนี้
( 1 )
2
32
แนวคิด จากโจทย์จะเห็นว่าอันดับของกรณฑ์เท่ากัน สามารถกระทากันได้เลย
จะได้
2
32
=
2
32
= 16 = 4
( 2 )
2
15
แนวคิด จะเห็นว่าอันดับของกรณฑ์เท่ากัน แต่ผลหารไม่ลงตัว จะต้องทากรณฑ์ของตัวส่วนให้
หมดไป
โดยนา 2 คูณทั้งตัวเศษและตัวส่วน
จะได้
2
15
=
2
30
22
215



( 3 )
3
23
แนวคิด จะเห็นว่าอันดับกรณฑ์ไม่เท่ากันต้องเปลี่ยนเป็นกรณฑ์อันดับ 6
จะได้
3
23
=
6 3
6
3.2 3
2.3 2
3
4
3
2

=
  
6 6
6
6 36 3
6 36
3
274
33
34



=
3
1086
ตัวอย่างที่ 9 จงทาให้ส่วนไม่มีเครื่องหมายกรณฑ์
( 1 )
35
1

=
 
  3535
351


=
35
35


=
2
35 
ข้อสังเกต จากตัวอย่างข้างต้น   3535  เราสามารถใช้
รูปผลต่างกาลังสองมาใช้แก้ปัญหา
   bababa 
สรุป
1. กรณฑ์ เหมือนกันเท่านั้นจึงจะบวกลบกันได้
2. กรณฑ์ อันดับเดียวกันเท่านั้น จึงจะคูณ หารกันได้
3. การเปรียบเทียบ กรณฑ์ จะเปรียบเทียบได้ก็ต่อเมื่อเป็นกรณฑ์อันดับเดียวกัน
การหารากที่สองของจานวนที่อยู่ในรูป y2x 
นักเรียนพิจารณาการกระจายต่อไปนี้
ab2)ba(bab2a)ba(
22222

ab2)ba()b(b.a2)a()ba(
222

ดังนั้น
ba)ba(ab2)ba(
2

ถ้า

 Rb,a ซึ่ง x = a + b และ y = ab ;
1. ab2)ba(  = ba 
2. ab2)ba(  = ba  =
0เมื่อb
bเมื่อa
ab
ba







3. รากที่สองของ )ba(ab2)ba( 
4. รากที่สองของ )ba(ab2)ba( 
5.
2
)ba(ab2)ba( 
ตัวอย่างที่ 1 จงหารากที่สองของ 9610 
แนวคิด 1. พยายามแยกตัวประกอบ(Facter)ตัวที่อยู่ในกรณฑ์
2. หน้ากรณฑ์สัมประสิทธิ์ต้องเป็น 2
จะได้ 9610  = 24.410 
= 24210 
= 4.62)46( 
=
2
)46( 
=
2
)26( 
ดังนั้น รากที่สองของ 9610  = 24210 
= 2
)26( 
= )26( 
ตัวอย่างที่ 2 จงหาค่าของ 625 
แนวคิด 625  = 2.32)23( 
= 2
)23( 
= 23 
ตัวอย่างที่ 3 จงหารากที่สองของ 5818 
แนวคิด 5818  = 5818 
= 5.4218
2

= 80218 
= 8.102)810( 
= )810( 
= 2210( 
การแก้สมการจานวนที่อยู่ในรูปเครื่องหมายกรณฑ์
หลักการแก้สมการ ( การหาเซตคาตอบ)
เป้าหมายหลัก คือ ต้องทาให้ตัวแปรและตัวเลขในสมการไม่ติดกรณฑ์
1. ถ้ามีเพียงหนึ่งกรณฑ์ ให้ย้ายข้างให้เหลือกรณฑ์ตัวเดียว
2. ถ้ามีกรณฑ์ 2 ตัว ให้ย้ายไปอยู่ข้างละ 1 ตัว
3. ในกรณฑ์ที่มีกรณฑ์มากให้แบ่งกรณฑ์ไปอยู่แต่ละข้างให้ยึดหลักว่า " ผลบวกของ
สัมประสิทธิ์ของตัวแปรทั้งสองข้างนั้นต้องเท่ากันหรือใกล้เคียงกันมากที่สุด"
4. ยกกาลังเพื่อให้กรณฑ์หมด โดยนา a)a(
nn  มาใช้
5. แก้สมการตามปกติ
6. ตรวจคาตอบที่ได้ว่าสมการเป็นจริงหรือไม่
ตัวอย่างที่ 1 จงหาเซตคาตอบจากสมการ x119x 
แนวคิด 9x  = x - 11
2
)9x(  =
2
)11x(  (ยกกาลังสองทั้งสองข้าง)
x + 9 = 121x22x
2

112x23x
2
 = 0
)16x)(7x(  = 0
 16,7x 
ตรวจคาตอบ
1. กรณี x = 7 จะได้ 71197  เป็นเท็จ ดังนั้น 7 ไม่เป็นคาตอบของสมการ
2. กรณี x = 16 จะได้ 1611916  เป็นจริง ดังนั้น 16 เป็นคาตอบของสมการ
ดังนั้น เซตคาตอบของสมการ คือ  16
ตัวอย่างที่ 2 จงหาเซตคาตอบของสมการ 011x8x 
แนวคิด 8x  = 11x 
2
)8( x =  2
11x  (ยกกาลังสองทั้งสองข้าง)
8x  = 11x21x 
1x2  = 8
1x  = 4 ( ย้าย 2 มาหาร 8)
2
)1x(  = 2
4 ( ใช้กฎ a)a(
nn  )
x - 1 = 16
x = 17
ตรวจคาตอบ
1117817  = 0
1169  = 0
3 - 4 + 1 = 0
0 = 0 สมการเป็นจริง
 เซตคาตอบคือ  17
ตัวอย่างที่ 3 จงแก้สมการ 4x53x42x31x2 
แนวคิด จะเห็นว่าโจทย์ข้อนี้มี 4 กรณฑ์ ให้แบ่งเป็นข้างละ 2 กรณฑ์ โดยพยายามให้ผลบวกของ
สัมประสิทธิ์ของ x ทั้ง 2 ข้างเท่ากันหรือใกล้เคียงกัน แล้วยกกาลังสองทั้งสองข้าง 2
ครั้ง
จะได้ 4x51x2  = 2x33x4 
2
)4x51x2(  =
2
)2x33x4( 
)4x5)(1x2(2)4x5()1x2(  =
)2x3)(3x4(2)2x3()3x4( 
)4x5)(1x2(  = )2x3)(3x4( 
 2
)45)(12(  xx =  2
)23)(34(  xx
4x13x10
2
 = 6x17x12
2

2x4x2
2
 = 0 ( นา 2 มาหารทุก
เทอม)
x2
- 2x + 1 = 0
(x-1) (x-1) = 0
x = 1
ตรวจคาตอบ
4)1(51)1(2  = 2)1(33)1(4 
11  = 11 
1 - 1 = 1 - 1
0 = 0 สมการเป็นจริง
 เซตคาตอบ = { 1 }
กราฟของฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียล
นิยาม ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียล คือ ฟังก์ชันที่อยู่ในรูป
  1a,0a,ayRRy,xf
x


จากสมการ y = ax
จะเรียก a ว่า ฐาน ( base) ซึ่งแบ่งการพิจารณาค่าของ a ออกได้ 2 ช่วง
เมื่อนามาเขียนกราฟได้ดังนี้
กรณี 0 < a < 1 กรณี a > 1
y y
(0,1) (0,1)
0 0
ข้อสังเกตจากกราฟ
1. กราฟของฟังก์ชัน y =ax
, a > 0 , a 1 จะผ่านจุด (0,1)
2. ถ้า 0 < a < 1 โดเมนเพิ่มขึ้น เรนจ์จะลดลง
เรียก y = ax
เป็นฟังก์ชันลด ( Decreasing Function)
3. ถ้า a > 1 โดเมนเพิ่มขึ้น เรนจ์จะเพิ่มขึ้น
เรียก y = ax
เป็นฟังก์ชันเพิ่ม ( Increasing Function)
4. ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียล เป็นฟังก์ชัน 1 - 1 จาก R ไปทั่วถึง R+
(one to one onto)
ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียล เป็นฟังก์ชัน 1 - 1 หมายความว่า ถ้า ax
= ay
แล้ว x = y
R R+
f :

R
ทั่วถึง
11
R
x x
ตัวอย่างที่ 1 ฟังก์ชันที่กาหนดให้ต่อไปนี้ เป็นฟังก์ชันเพิ่มหรือฟังก์ชันลด
1. y =
x






5
1
2. y = 3x
3. y = 3-x
แนวคิด
1. ฟังก์ชันลด เพราะ
5
1
เป็นฐาน ซึ่ง 0<
5
1
<1
2. ฟังก์ชันเพิ่ม เพราะ 3 เป็นฐาน ซึ่ง 3 > 1
3. ฟังก์ชันลด เพราะ y = 3-x
=
x
x
3
1
3
1






 ดังนั้น
3
1
เป็นฐาน
ซึ่ง 0 <
3
1
<1
สมการเอกซ์โพเนนเชียล
สมการเอกซ์โพเนนเชียล คือ สมการที่มีตัวแปรเป็นเลขชี้กาลัง โดยที่ฐานเป็นค่าคงตัว
หลักการทั่วไปในการแก้สมการ
1. ถ้าโจทย์มี 2 พจน์ ให้จัดพจน์แต่ละพจน์ไว้คนละข้างของสมการ ทาฐานของเลขยก
กาลังให้เท่ากัน แล้วเทียบเลขชี้กาลัง
2. ถ้าโจทย์มีมากกว่า 2 พจน์ ให้จัดข้างใดข้างหนึ่งของสมการให้เท่ากับศูนย์ แยกตัว
ประกอบ ( factor) แล้วพิจารณาค่าของตัวแปร
ตัวอย่างที่ 1 จงแก้สมการ 2x
= 8
แนวคิด ทาฐานให้เท่ากัน แล้วเทียบเลขชี้กาลัง
จะได้ 2x
= 23
 x = 3
ตัวอย่างที่ 2 จงแก้สมการ 5x
=
125
1
แนวคิด ทาฐานให้เท่ากัน แล้วเทียบเลขชี้กาลัง
จะได้ 5x
= 3
5
1
5x
= 53
 x = -3
ตัวอย่างที่ 3 จงหาเซตคาตอบของสมการ   642
1

xx
แนวคิด โจทย์ข้อนี้ เป็นลักษณะโจทย์ 2 พจน์ ต้องทาฐานให้เท่ากัน เทียบเลขชี้กาลัง
แล้วแก้สมการปกติ
จะได้ (2x
)x-1
= 64
xx 
2
2 = 64 = 26
 x2
– x = 6
x2
– x – 6 = 0
(x-3)(x+2) = 0
จะได้ x = 3, -2
 เซตคาตอบของสมการคือ { -2 , 3 }

Más contenido relacionado

La actualidad más candente

ระบบสมการกำลังสอง
ระบบสมการกำลังสองระบบสมการกำลังสอง
ระบบสมการกำลังสองRitthinarongron School
 
แบบทดสอบ เรื่องทฤษฎีจำนวนเบื้องต้น
แบบทดสอบ เรื่องทฤษฎีจำนวนเบื้องต้นแบบทดสอบ เรื่องทฤษฎีจำนวนเบื้องต้น
แบบทดสอบ เรื่องทฤษฎีจำนวนเบื้องต้นทับทิม เจริญตา
 
แบบฝึกทักษะแคลคูลัสเบื้องต้น สว.กจ
แบบฝึกทักษะแคลคูลัสเบื้องต้น สว.กจแบบฝึกทักษะแคลคูลัสเบื้องต้น สว.กจ
แบบฝึกทักษะแคลคูลัสเบื้องต้น สว.กจชัชชญา ช่างเจริญ
 
เฉลยลิมิต
เฉลยลิมิตเฉลยลิมิต
เฉลยลิมิตkrurutsamee
 
เลขยกกำลังม.4
เลขยกกำลังม.4เลขยกกำลังม.4
เลขยกกำลังม.4KruGift Girlz
 
การแก้อสมการ
การแก้อสมการการแก้อสมการ
การแก้อสมการAon Narinchoti
 
3.3 โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับสมการกำลังสองตัวแปรเดียว
3.3 โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับสมการกำลังสองตัวแปรเดียว3.3 โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับสมการกำลังสองตัวแปรเดียว
3.3 โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับสมการกำลังสองตัวแปรเดียวSomporn Amornwech
 
วงกลมหนึ่งหน่วย
วงกลมหนึ่งหน่วยวงกลมหนึ่งหน่วย
วงกลมหนึ่งหน่วยJiraprapa Suwannajak
 
แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ปริมาตรของพีระมิด
แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ปริมาตรของพีระมิดแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ปริมาตรของพีระมิด
แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ปริมาตรของพีระมิดคุณครูพี่อั๋น
 
ระบบสมการเชิงเส้น
ระบบสมการเชิงเส้นระบบสมการเชิงเส้น
ระบบสมการเชิงเส้นRitthinarongron School
 
ตรรกศาสตร์และการพิสูจน์
ตรรกศาสตร์และการพิสูจน์ตรรกศาสตร์และการพิสูจน์
ตรรกศาสตร์และการพิสูจน์K.s. Mam
 
โจทย์อัตราการเกิดปฎิกิริยา พร้อมเฉลย
โจทย์อัตราการเกิดปฎิกิริยา พร้อมเฉลยโจทย์อัตราการเกิดปฎิกิริยา พร้อมเฉลย
โจทย์อัตราการเกิดปฎิกิริยา พร้อมเฉลยawirut
 
การแก้สมการ
การแก้สมการการแก้สมการ
การแก้สมการAon Narinchoti
 
เอกสารประกอบการเรียนเรขาคณิตวิเคราะห์และภาคตัดกรวย
เอกสารประกอบการเรียนเรขาคณิตวิเคราะห์และภาคตัดกรวยเอกสารประกอบการเรียนเรขาคณิตวิเคราะห์และภาคตัดกรวย
เอกสารประกอบการเรียนเรขาคณิตวิเคราะห์และภาคตัดกรวยAun Wny
 
อนุพันธ์
อนุพันธ์อนุพันธ์
อนุพันธ์krurutsamee
 

La actualidad más candente (20)

ระบบสมการกำลังสอง
ระบบสมการกำลังสองระบบสมการกำลังสอง
ระบบสมการกำลังสอง
 
แบบทดสอบ เรื่องทฤษฎีจำนวนเบื้องต้น
แบบทดสอบ เรื่องทฤษฎีจำนวนเบื้องต้นแบบทดสอบ เรื่องทฤษฎีจำนวนเบื้องต้น
แบบทดสอบ เรื่องทฤษฎีจำนวนเบื้องต้น
 
แบบฝึกทักษะแคลคูลัสเบื้องต้น สว.กจ
แบบฝึกทักษะแคลคูลัสเบื้องต้น สว.กจแบบฝึกทักษะแคลคูลัสเบื้องต้น สว.กจ
แบบฝึกทักษะแคลคูลัสเบื้องต้น สว.กจ
 
ลอการิทึม
ลอการิทึมลอการิทึม
ลอการิทึม
 
เฉลยลิมิต
เฉลยลิมิตเฉลยลิมิต
เฉลยลิมิต
 
เลขยกกำลังม.4
เลขยกกำลังม.4เลขยกกำลังม.4
เลขยกกำลังม.4
 
21 จำนวนจริง ตอนที่8_การแก้อสมการค่าสัมบูรณ์
21 จำนวนจริง ตอนที่8_การแก้อสมการค่าสัมบูรณ์21 จำนวนจริง ตอนที่8_การแก้อสมการค่าสัมบูรณ์
21 จำนวนจริง ตอนที่8_การแก้อสมการค่าสัมบูรณ์
 
การแก้อสมการ
การแก้อสมการการแก้อสมการ
การแก้อสมการ
 
3.3 โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับสมการกำลังสองตัวแปรเดียว
3.3 โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับสมการกำลังสองตัวแปรเดียว3.3 โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับสมการกำลังสองตัวแปรเดียว
3.3 โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับสมการกำลังสองตัวแปรเดียว
 
วงกลมหนึ่งหน่วย
วงกลมหนึ่งหน่วยวงกลมหนึ่งหน่วย
วงกลมหนึ่งหน่วย
 
แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ปริมาตรของพีระมิด
แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ปริมาตรของพีระมิดแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ปริมาตรของพีระมิด
แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ปริมาตรของพีระมิด
 
ระบบสมการเชิงเส้น
ระบบสมการเชิงเส้นระบบสมการเชิงเส้น
ระบบสมการเชิงเส้น
 
ตรรกศาสตร์และการพิสูจน์
ตรรกศาสตร์และการพิสูจน์ตรรกศาสตร์และการพิสูจน์
ตรรกศาสตร์และการพิสูจน์
 
ใบงานเลขยกกำลังม.5
ใบงานเลขยกกำลังม.5ใบงานเลขยกกำลังม.5
ใบงานเลขยกกำลังม.5
 
ฟังก์ชัน
ฟังก์ชันฟังก์ชัน
ฟังก์ชัน
 
กรณฑ์ที่สอง
กรณฑ์ที่สองกรณฑ์ที่สอง
กรณฑ์ที่สอง
 
โจทย์อัตราการเกิดปฎิกิริยา พร้อมเฉลย
โจทย์อัตราการเกิดปฎิกิริยา พร้อมเฉลยโจทย์อัตราการเกิดปฎิกิริยา พร้อมเฉลย
โจทย์อัตราการเกิดปฎิกิริยา พร้อมเฉลย
 
การแก้สมการ
การแก้สมการการแก้สมการ
การแก้สมการ
 
เอกสารประกอบการเรียนเรขาคณิตวิเคราะห์และภาคตัดกรวย
เอกสารประกอบการเรียนเรขาคณิตวิเคราะห์และภาคตัดกรวยเอกสารประกอบการเรียนเรขาคณิตวิเคราะห์และภาคตัดกรวย
เอกสารประกอบการเรียนเรขาคณิตวิเคราะห์และภาคตัดกรวย
 
อนุพันธ์
อนุพันธ์อนุพันธ์
อนุพันธ์
 

Similar a ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม

ข้อสอบจำนวนจริง
ข้อสอบจำนวนจริงข้อสอบจำนวนจริง
ข้อสอบจำนวนจริงkruaunpwk
 
สรุปสูตรคณิตศาสตร์
สรุปสูตรคณิตศาสตร์สรุปสูตรคณิตศาสตร์
สรุปสูตรคณิตศาสตร์wisita42
 
อสมการ
อสมการอสมการ
อสมการkrusongkran
 
ตัวกำหนด(Determinant)
ตัวกำหนด(Determinant)ตัวกำหนด(Determinant)
ตัวกำหนด(Determinant)kroojaja
 
บทที่1 จำนวนจริง
บทที่1 จำนวนจริงบทที่1 จำนวนจริง
บทที่1 จำนวนจริงBombam Waranya
 
สรุปตรีโกณมิติ
สรุปตรีโกณมิติสรุปตรีโกณมิติ
สรุปตรีโกณมิติThphmo
 
เลขยกกำลังและลอการิทึม
เลขยกกำลังและลอการิทึมเลขยกกำลังและลอการิทึม
เลขยกกำลังและลอการิทึมJiraprapa Suwannajak
 
Pat 1 พฤศจิกายน 2557
Pat 1 พฤศจิกายน 2557Pat 1 พฤศจิกายน 2557
Pat 1 พฤศจิกายน 2557the_pinkk
 
สรุปสูตร ม.1
สรุปสูตร ม.1สรุปสูตร ม.1
สรุปสูตร ม.1krutew Sudarat
 
Pre โควตา มช. คณิตศาสตร์1
Pre โควตา มช. คณิตศาสตร์1Pre โควตา มช. คณิตศาสตร์1
Pre โควตา มช. คณิตศาสตร์1yinqpant
 
สรุปสูตรและเนื้อหาคณิตศาสตร์ ม.ปลาย
สรุปสูตรและเนื้อหาคณิตศาสตร์ ม.ปลายสรุปสูตรและเนื้อหาคณิตศาสตร์ ม.ปลาย
สรุปสูตรและเนื้อหาคณิตศาสตร์ ม.ปลายCoo Ca Nit Sad
 
เจาะลึกแนวข้อสอบPat1 พร้อมสรุปสูตรและทฤษฎีครบทุกบท
เจาะลึกแนวข้อสอบPat1 พร้อมสรุปสูตรและทฤษฎีครบทุกบทเจาะลึกแนวข้อสอบPat1 พร้อมสรุปสูตรและทฤษฎีครบทุกบท
เจาะลึกแนวข้อสอบPat1 พร้อมสรุปสูตรและทฤษฎีครบทุกบทTutor Ferry
 
เจาะลึกการออกข้อสอบ Pat1 คณิตศาสตร์พร้อมสรุปสูตรและทฤษฎีครบทุกบท
เจาะลึกการออกข้อสอบ Pat1 คณิตศาสตร์พร้อมสรุปสูตรและทฤษฎีครบทุกบทเจาะลึกการออกข้อสอบ Pat1 คณิตศาสตร์พร้อมสรุปสูตรและทฤษฎีครบทุกบท
เจาะลึกการออกข้อสอบ Pat1 คณิตศาสตร์พร้อมสรุปสูตรและทฤษฎีครบทุกบทChokchai Taveecharoenpun
 
คณิตศาสตร์ ม.ปลาย พค31001
คณิตศาสตร์ ม.ปลาย พค31001คณิตศาสตร์ ม.ปลาย พค31001
คณิตศาสตร์ ม.ปลาย พค31001Thidarat Termphon
 

Similar a ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม (20)

ข้อสอบจำนวนจริง
ข้อสอบจำนวนจริงข้อสอบจำนวนจริง
ข้อสอบจำนวนจริง
 
สรุปสูตรคณิตศาสตร์
สรุปสูตรคณิตศาสตร์สรุปสูตรคณิตศาสตร์
สรุปสูตรคณิตศาสตร์
 
อสมการ
อสมการอสมการ
อสมการ
 
ตัวกำหนด(Determinant)
ตัวกำหนด(Determinant)ตัวกำหนด(Determinant)
ตัวกำหนด(Determinant)
 
Realnumbers
RealnumbersRealnumbers
Realnumbers
 
บทที่1 จำนวนจริง
บทที่1 จำนวนจริงบทที่1 จำนวนจริง
บทที่1 จำนวนจริง
 
สรุปตรีโกณมิติ
สรุปตรีโกณมิติสรุปตรีโกณมิติ
สรุปตรีโกณมิติ
 
เลขยกกำลังและลอการิทึม
เลขยกกำลังและลอการิทึมเลขยกกำลังและลอการิทึม
เลขยกกำลังและลอการิทึม
 
Pat 1 พฤศจิกายน 2557
Pat 1 พฤศจิกายน 2557Pat 1 พฤศจิกายน 2557
Pat 1 พฤศจิกายน 2557
 
Pat1 พ.ย. 57
Pat1 พ.ย. 57Pat1 พ.ย. 57
Pat1 พ.ย. 57
 
สรุปสูตร ม.1
สรุปสูตร ม.1สรุปสูตร ม.1
สรุปสูตร ม.1
 
Pre โควตา มช. คณิตศาสตร์1
Pre โควตา มช. คณิตศาสตร์1Pre โควตา มช. คณิตศาสตร์1
Pre โควตา มช. คณิตศาสตร์1
 
Basic m4-1-chapter3
Basic m4-1-chapter3Basic m4-1-chapter3
Basic m4-1-chapter3
 
สรุปสูตรและเนื้อหาคณิตศาสตร์ ม.ปลาย
สรุปสูตรและเนื้อหาคณิตศาสตร์ ม.ปลายสรุปสูตรและเนื้อหาคณิตศาสตร์ ม.ปลาย
สรุปสูตรและเนื้อหาคณิตศาสตร์ ม.ปลาย
 
Onet math
Onet mathOnet math
Onet math
 
Number
NumberNumber
Number
 
เจาะลึกแนวข้อสอบPat1 พร้อมสรุปสูตรและทฤษฎีครบทุกบท
เจาะลึกแนวข้อสอบPat1 พร้อมสรุปสูตรและทฤษฎีครบทุกบทเจาะลึกแนวข้อสอบPat1 พร้อมสรุปสูตรและทฤษฎีครบทุกบท
เจาะลึกแนวข้อสอบPat1 พร้อมสรุปสูตรและทฤษฎีครบทุกบท
 
เจาะลึกการออกข้อสอบ Pat1 คณิตศาสตร์พร้อมสรุปสูตรและทฤษฎีครบทุกบท
เจาะลึกการออกข้อสอบ Pat1 คณิตศาสตร์พร้อมสรุปสูตรและทฤษฎีครบทุกบทเจาะลึกการออกข้อสอบ Pat1 คณิตศาสตร์พร้อมสรุปสูตรและทฤษฎีครบทุกบท
เจาะลึกการออกข้อสอบ Pat1 คณิตศาสตร์พร้อมสรุปสูตรและทฤษฎีครบทุกบท
 
คณิตศาสตร์ ม.ปลาย พค31001
คณิตศาสตร์ ม.ปลาย พค31001คณิตศาสตร์ ม.ปลาย พค31001
คณิตศาสตร์ ม.ปลาย พค31001
 
เลขยกกำลัง
เลขยกกำลังเลขยกกำลัง
เลขยกกำลัง
 

ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม

  • 1. ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม (Exponential Function and Logarithm Function) ข้อกาหนด เลขยกกาลังที่มีเลขชี้กาลังเป็นจานวนเต็มบวก บทนิยาม aaaaa n  ... ( n ตัว) เมื่อ a เป็นจานวนจริงใด ๆ n เป็นจานวนเต็มบวก เรียก a ว่า ฐาน (base) เรียก n ว่า เลขชี้กาลัง ( exponent) เรียก n a ว่า เลขยกกาลัง (power) ทฤษฎีบท (Theorem) ถ้า a , b เป็นจานวนจริงที่ไม่เป็น 0 และ m , n เป็นจานวนเต็ม จะได้ (1) nmnm aaa   (2) mnnm a)a(  (3) nnn baab )( (4) n nn b a b a       (5) mn nm m n a a a a    1 (6) 1a 0  (7) n n a 1 a   ; n เป็นจานวนเต็มบวก 0 0 ไม่นิยาม ตัวอย่างที่ 2 (1) 103 .10-4 = 103+(-4) = 10-1 = 10 1 (2) X4 X5 = X4+5 = X9 (3) ถ้า 0X  แล้ว X.X-1 = X1+(-1) = X0 = 1
  • 2. ตัวอย่างที่ 3 (1) 6422)2( 62323   (2) 729 1 3 1 33)3( 6 6)3)(2(32   (3) ถ้า 0x  แล้ว 2 2)2)(1(21 x 1 xx)x(   ตัวอย่างที่ 4 (1) 2222 x9x3)x3(  (2) x4x4)x(2)x2( 2)(222 2 1 2 1 2 1  (3) 623223 1021.1)10()1.1()101.1(   ตัวอย่างที่ 5 (1) ถ้า 0y  แล้ว 2 2 2 y x ) y x (  (2) 4 x 4 x 2 )x( 2 x 2) 2 1( 2 22 1 2 2 1            ตัวอย่างที่ 6 (1) 10 1 101010 10 10 123)2(3 2 3     (2) 128222 2 2 725)2(5 2 5    (3) ถ้า 0x  แล้ว 235 5 3 xx x x  
  • 3. รากที่ n ในระบบจานวนจริง และจานวนจริงในรูปกรณฑ์ บทนิยาม ถ้า n เป็นจานวนเต็มบวกที่มากกว่า 1 และถ้า a, x เป็นจานวนจริงซึ่งสอดคล้องกับ สมการ xn = a แล้วเราเรียก x ว่าเป็นรากที่ n ของ a ตัวอย่างที่ 1 (1) รากที่ 2 ของ 4 คือ 2 และ -2 เพราะว่า (2)2 = 4 และ (-2)2 = 4 (2) รากที่ 3 ของ -8 คือ -2 เพราะว่า (-2)3 = -8 (3) รากที่ 6 ของ 64 มีสองจานวนคือ 2 หรือ -2 (4) รากที่ 6 ของ -64 ที่เป็นจานวนจริงไม่มีเลย (5) รากที่ 3 ของ 64 มีจานวนเดียวคือ 4 (6) รากที่ 3 ของ -64 มีจานวนเดียวคือ -4 ข้อสังเกต (1) ถ้า n เป็นจานวนเต็มคู่แล้ว จานวนบวกแต่ละจานวนจะมีรากที่ n เป็น จานวนจริงสองจานวน รากหนึ่งจะเป็นจานวนบวก และอีกรากหนึ่งเป็น จานวนลบ (2) ถ้า n เป็นจานวนเต็มคู่ แล้วจานวนลบแต่ละจานวนจะไม่มีรากที่ n ที่เป็น จานวนจริง (3) ถ้า n เป็นจานวนเต็มคี่ แล้ว จานวนจริงแต่ละจานวนจะมีรากที่ n เป็นจานวน จริงเพียงจานวนเดียว รากที่ n ของจานวนบวกเป็นจานวนบวกและรากที่ n ของจานวนลบก็เป็นจานวนลบ บทนิยาม ถ้า n เป็นจานวนเต็มบวกที่มากกว่า 1 และ a เป็นจานวนจริง ( ยกเว้นกรณีที่ n เป็น จานวนคู่ และ a เป็นจานวนลบ ) แล้วเรากาหนดความหมายของ n a ดังนี้ n a = n a 1 สัญลักษณ์ที่เกี่ยวกับรากที่ n ของจานวนจริง (ก) เครื่องหมาย n เรียกว่า เครื่องหมาย กรณฑ์ ( Radical) และเรียก n ว่าเป็นอันดับ ของกรณฑ์ ( อันดับของ กรณฑ์) (ข) n a อ่านว่า กรณฑ์อันดับที่ n ของ a หรือรากที่ n ของ a (ค) 2 a นิยมเขียนแทนด้วย a
  • 4. ทฤษฎีบทเกี่ยวกับรากที่ n ของจานวนจริง ถ้า a และ b เป็นจานวนจริง และ m ; n เป็นจานวนเต็มบวกที่มีค่ามากกว่า 1 โดยที่ n a และ n b หาค่าได้แล้ว 1.  nn a = a 2. n ab = nn ba  3. n b a = n n b a ; b  0 4. n n a =    คี่nเป็ นจำนวน;a คู่nเป็ นจำนวน;a 5. m n a = mn a 6. kn km a = n m a ; k เป็นจานวนเต็มบวก 7. n m a = m n a         1 = n m a 8. n 0 = 0 9. n 1 = 1 การบวกและการลบของจานวนที่ติดกรณฑ์ ข้อตกลง จะนาจานวนที่ติดกรณฑ์ มาบวกหรือลบกันได้ต่อเมื่อจานวนนั้น ๆ ต้องมีคุณสมบัติครบ 2 ประการ คือ 1. อันดับของกรณฑ์ต้องเท่ากัน 2. จานวนที่อยู่ภายใต้กรณฑ์ต้องเท่ากัน และเวลาบวกหรือลบกันให้นา " สัมประสิทธิ์หน้ากรณฑ์มาบวกหรือลบ " เท่านั้น ตัวอย่างที่ 3 จงหาค่าของ 323335  แนวคิด นาสัมประสิทธิ์หน้ากรณฑ์มาบวก ลบ กัน 323335  =   3235  = 36
  • 5. ตัวอย่างที่ 4 จงหาค่าของ 32712  แนวคิด จะต้องทาตัวเลขภายใต้กรณฑ์ให้เท่ากันเสียก่อน แล้วจึงนามาบวกลบกัน จะได้ 32712  = 33.93.4  = 33332  =   3132  = 34 การคูณกรณฑ์ด้วยกรณฑ์ ข้อตกลง 1. จะนากรณฑ์มาคูณกันได้ก็ต่อเมื่ออันดับกรณฑ์ต้องเท่ากัน 2. เมื่ออันดับกรณฑ์เท่ากันก็ให้นาตัวเลขภายใต้กรณฑ์มาคูณกัน 3. นาสัมประสิทธิ์หน้ากรณฑ์มาคูณกัน ตัวอย่างที่ 5 จงหาค่าของ    225273 แนวคิด จะเห็นว่าคูณกันได้เลยตามข้อตกลง จะได้    225273 =   2.5.72.2.3 = 7012 ตัวอย่างที่ 6 จงหาค่าของ   3535  แนวคิด   3535  =       33533555  = 5 - 3 = 2 ตัวอย่างที่ 7 จงหาค่าของ   3522 3 แนวคิด จะเห็นว่าโจทย์ที่ให้อันดับของกรณฑ์ตัวตั้งกับตัวคูณไม่เท่ากัน ต้องทาให้เท่ากันเสียก่อน โดยนาอันดับของกรณฑ์ที่ทั้งตัวตั้งและตัวคูณมาหา ค.ร.น. โดยใช้ทฤษฎีบทข้อ 6 เข้าช่วย km kn a = m n a จะได้ 3 2 = 2.3 2 2 = 6 4 3 = 3.2 3 3 = 6 27
  • 6.   35223  =   66 27542 =  6 27.45.2 = 6 10810 การคูณโดยอาศัยรูปผลต่างกาลังสอง )))(( 22 bababa  ดังนั้น bababa  ))(( รูปผลต่างกาลังสองจะนามาใช้ในการแก้ปัญหาโจทย์เกี่ยวกับกรณฑ์ในกรณีที่ตัวส่วนติดกรณฑ์ การหารกรณฑ์ด้วยกรณฑ์ ข้อตกลง 1. จะนากรณฑ์มาหารกันได้ก็ต่อเมื่ออันดับของกรณฑ์ต้องเท่ากัน 2. เมื่ออันดับของกรณฑ์เท่ากันก็ให้นาตัวเลขภายใต้กรณฑ์มาหารกัน 3. ถ้าตัวส่วนติดกรณฑ์ต้องใช้รูปผลต่างกาลังสองแก้ปัญหา ตัวอย่างที่ 8 จงหาค่าของผลหารต่อไปนี้ ( 1 ) 2 32 แนวคิด จากโจทย์จะเห็นว่าอันดับของกรณฑ์เท่ากัน สามารถกระทากันได้เลย จะได้ 2 32 = 2 32 = 16 = 4 ( 2 ) 2 15 แนวคิด จะเห็นว่าอันดับของกรณฑ์เท่ากัน แต่ผลหารไม่ลงตัว จะต้องทากรณฑ์ของตัวส่วนให้ หมดไป โดยนา 2 คูณทั้งตัวเศษและตัวส่วน จะได้ 2 15 = 2 30 22 215    ( 3 ) 3 23
  • 7. แนวคิด จะเห็นว่าอันดับกรณฑ์ไม่เท่ากันต้องเปลี่ยนเป็นกรณฑ์อันดับ 6 จะได้ 3 23 = 6 3 6 3.2 3 2.3 2 3 4 3 2  =    6 6 6 6 36 3 6 36 3 274 33 34    = 3 1086 ตัวอย่างที่ 9 จงทาให้ส่วนไม่มีเครื่องหมายกรณฑ์ ( 1 ) 35 1  =     3535 351   = 35 35   = 2 35  ข้อสังเกต จากตัวอย่างข้างต้น   3535  เราสามารถใช้ รูปผลต่างกาลังสองมาใช้แก้ปัญหา    bababa  สรุป 1. กรณฑ์ เหมือนกันเท่านั้นจึงจะบวกลบกันได้ 2. กรณฑ์ อันดับเดียวกันเท่านั้น จึงจะคูณ หารกันได้ 3. การเปรียบเทียบ กรณฑ์ จะเปรียบเทียบได้ก็ต่อเมื่อเป็นกรณฑ์อันดับเดียวกัน
  • 8. การหารากที่สองของจานวนที่อยู่ในรูป y2x  นักเรียนพิจารณาการกระจายต่อไปนี้ ab2)ba(bab2a)ba( 22222  ab2)ba()b(b.a2)a()ba( 222  ดังนั้น ba)ba(ab2)ba( 2  ถ้า   Rb,a ซึ่ง x = a + b และ y = ab ; 1. ab2)ba(  = ba  2. ab2)ba(  = ba  = 0เมื่อb bเมื่อa ab ba        3. รากที่สองของ )ba(ab2)ba(  4. รากที่สองของ )ba(ab2)ba(  5. 2 )ba(ab2)ba(  ตัวอย่างที่ 1 จงหารากที่สองของ 9610  แนวคิด 1. พยายามแยกตัวประกอบ(Facter)ตัวที่อยู่ในกรณฑ์ 2. หน้ากรณฑ์สัมประสิทธิ์ต้องเป็น 2 จะได้ 9610  = 24.410  = 24210  = 4.62)46(  = 2 )46(  = 2 )26(  ดังนั้น รากที่สองของ 9610  = 24210  = 2 )26(  = )26( 
  • 9. ตัวอย่างที่ 2 จงหาค่าของ 625  แนวคิด 625  = 2.32)23(  = 2 )23(  = 23  ตัวอย่างที่ 3 จงหารากที่สองของ 5818  แนวคิด 5818  = 5818  = 5.4218 2  = 80218  = 8.102)810(  = )810(  = 2210(  การแก้สมการจานวนที่อยู่ในรูปเครื่องหมายกรณฑ์ หลักการแก้สมการ ( การหาเซตคาตอบ) เป้าหมายหลัก คือ ต้องทาให้ตัวแปรและตัวเลขในสมการไม่ติดกรณฑ์ 1. ถ้ามีเพียงหนึ่งกรณฑ์ ให้ย้ายข้างให้เหลือกรณฑ์ตัวเดียว 2. ถ้ามีกรณฑ์ 2 ตัว ให้ย้ายไปอยู่ข้างละ 1 ตัว 3. ในกรณฑ์ที่มีกรณฑ์มากให้แบ่งกรณฑ์ไปอยู่แต่ละข้างให้ยึดหลักว่า " ผลบวกของ สัมประสิทธิ์ของตัวแปรทั้งสองข้างนั้นต้องเท่ากันหรือใกล้เคียงกันมากที่สุด" 4. ยกกาลังเพื่อให้กรณฑ์หมด โดยนา a)a( nn  มาใช้ 5. แก้สมการตามปกติ 6. ตรวจคาตอบที่ได้ว่าสมการเป็นจริงหรือไม่
  • 10. ตัวอย่างที่ 1 จงหาเซตคาตอบจากสมการ x119x  แนวคิด 9x  = x - 11 2 )9x(  = 2 )11x(  (ยกกาลังสองทั้งสองข้าง) x + 9 = 121x22x 2  112x23x 2  = 0 )16x)(7x(  = 0  16,7x  ตรวจคาตอบ 1. กรณี x = 7 จะได้ 71197  เป็นเท็จ ดังนั้น 7 ไม่เป็นคาตอบของสมการ 2. กรณี x = 16 จะได้ 1611916  เป็นจริง ดังนั้น 16 เป็นคาตอบของสมการ ดังนั้น เซตคาตอบของสมการ คือ  16 ตัวอย่างที่ 2 จงหาเซตคาตอบของสมการ 011x8x  แนวคิด 8x  = 11x  2 )8( x =  2 11x  (ยกกาลังสองทั้งสองข้าง) 8x  = 11x21x  1x2  = 8 1x  = 4 ( ย้าย 2 มาหาร 8) 2 )1x(  = 2 4 ( ใช้กฎ a)a( nn  ) x - 1 = 16 x = 17 ตรวจคาตอบ 1117817  = 0 1169  = 0 3 - 4 + 1 = 0 0 = 0 สมการเป็นจริง
  • 11.  เซตคาตอบคือ  17 ตัวอย่างที่ 3 จงแก้สมการ 4x53x42x31x2  แนวคิด จะเห็นว่าโจทย์ข้อนี้มี 4 กรณฑ์ ให้แบ่งเป็นข้างละ 2 กรณฑ์ โดยพยายามให้ผลบวกของ สัมประสิทธิ์ของ x ทั้ง 2 ข้างเท่ากันหรือใกล้เคียงกัน แล้วยกกาลังสองทั้งสองข้าง 2 ครั้ง จะได้ 4x51x2  = 2x33x4  2 )4x51x2(  = 2 )2x33x4(  )4x5)(1x2(2)4x5()1x2(  = )2x3)(3x4(2)2x3()3x4(  )4x5)(1x2(  = )2x3)(3x4(   2 )45)(12(  xx =  2 )23)(34(  xx 4x13x10 2  = 6x17x12 2  2x4x2 2  = 0 ( นา 2 มาหารทุก เทอม) x2 - 2x + 1 = 0 (x-1) (x-1) = 0 x = 1 ตรวจคาตอบ 4)1(51)1(2  = 2)1(33)1(4  11  = 11  1 - 1 = 1 - 1 0 = 0 สมการเป็นจริง  เซตคาตอบ = { 1 }
  • 12. กราฟของฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียล นิยาม ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียล คือ ฟังก์ชันที่อยู่ในรูป   1a,0a,ayRRy,xf x   จากสมการ y = ax จะเรียก a ว่า ฐาน ( base) ซึ่งแบ่งการพิจารณาค่าของ a ออกได้ 2 ช่วง เมื่อนามาเขียนกราฟได้ดังนี้ กรณี 0 < a < 1 กรณี a > 1 y y (0,1) (0,1) 0 0 ข้อสังเกตจากกราฟ 1. กราฟของฟังก์ชัน y =ax , a > 0 , a 1 จะผ่านจุด (0,1) 2. ถ้า 0 < a < 1 โดเมนเพิ่มขึ้น เรนจ์จะลดลง เรียก y = ax เป็นฟังก์ชันลด ( Decreasing Function) 3. ถ้า a > 1 โดเมนเพิ่มขึ้น เรนจ์จะเพิ่มขึ้น เรียก y = ax เป็นฟังก์ชันเพิ่ม ( Increasing Function) 4. ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียล เป็นฟังก์ชัน 1 - 1 จาก R ไปทั่วถึง R+ (one to one onto) ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียล เป็นฟังก์ชัน 1 - 1 หมายความว่า ถ้า ax = ay แล้ว x = y R R+ f :  R ทั่วถึง 11 R x x
  • 13. ตัวอย่างที่ 1 ฟังก์ชันที่กาหนดให้ต่อไปนี้ เป็นฟังก์ชันเพิ่มหรือฟังก์ชันลด 1. y = x       5 1 2. y = 3x 3. y = 3-x แนวคิด 1. ฟังก์ชันลด เพราะ 5 1 เป็นฐาน ซึ่ง 0< 5 1 <1 2. ฟังก์ชันเพิ่ม เพราะ 3 เป็นฐาน ซึ่ง 3 > 1 3. ฟังก์ชันลด เพราะ y = 3-x = x x 3 1 3 1        ดังนั้น 3 1 เป็นฐาน ซึ่ง 0 < 3 1 <1 สมการเอกซ์โพเนนเชียล สมการเอกซ์โพเนนเชียล คือ สมการที่มีตัวแปรเป็นเลขชี้กาลัง โดยที่ฐานเป็นค่าคงตัว หลักการทั่วไปในการแก้สมการ 1. ถ้าโจทย์มี 2 พจน์ ให้จัดพจน์แต่ละพจน์ไว้คนละข้างของสมการ ทาฐานของเลขยก กาลังให้เท่ากัน แล้วเทียบเลขชี้กาลัง 2. ถ้าโจทย์มีมากกว่า 2 พจน์ ให้จัดข้างใดข้างหนึ่งของสมการให้เท่ากับศูนย์ แยกตัว ประกอบ ( factor) แล้วพิจารณาค่าของตัวแปร ตัวอย่างที่ 1 จงแก้สมการ 2x = 8 แนวคิด ทาฐานให้เท่ากัน แล้วเทียบเลขชี้กาลัง จะได้ 2x = 23  x = 3
  • 14. ตัวอย่างที่ 2 จงแก้สมการ 5x = 125 1 แนวคิด ทาฐานให้เท่ากัน แล้วเทียบเลขชี้กาลัง จะได้ 5x = 3 5 1 5x = 53  x = -3 ตัวอย่างที่ 3 จงหาเซตคาตอบของสมการ   642 1  xx แนวคิด โจทย์ข้อนี้ เป็นลักษณะโจทย์ 2 พจน์ ต้องทาฐานให้เท่ากัน เทียบเลขชี้กาลัง แล้วแก้สมการปกติ จะได้ (2x )x-1 = 64 xx  2 2 = 64 = 26  x2 – x = 6 x2 – x – 6 = 0 (x-3)(x+2) = 0 จะได้ x = 3, -2  เซตคาตอบของสมการคือ { -2 , 3 }