SlideShare una empresa de Scribd logo
1 de 60
เกณฑ์ท ว ไปในการจำา แนกสิง
          ั่             ่
มีช ีว ิต
 การจัด หมวดหมู่            อริส โตเติล
  ของสิ่ง มีช ีว ิต มีม า     (Aristotle )
  ตั้ง แต่อ ดีต เมื่อ        แบ่ง สิง มีช ว ิต เป็น 2
                                     ่     ี
  ประมาณ 350 ปี               พวกคือ
  ก่อ นคริส ต์ศ ัก ราช       1. พืช
 โดยนัก                     2. สัต ว์
  วิท ยาศาสตร์เ หล่า นี้
จอห์น เรย์ ( John               Ray )

 นักพฤกษศาสตร์ แบ่งพืชออกเป็น 2 กลุม
                                    ่
 1. พืชใบเลียงเดี่ยว
             ้
 2. พืชใบเลียงคู่
             ้
 เป็นบุคคลแรกที่ใช้คำาว่า สปีชส์ ( Species )
                               ี
คาโรลัส ลินเนียส ( carolus
Linnaeus )
 นักธรรมชาติวทยาชาวสวีเดน
              ิ
 จำาแนกพืชมีดอกออกเป็นหมวดหมู่
 โดยใช้จำานวนเกสรตัวผู้
 และตังชื่อวิทยาศาสตร์ของสิ่งมีชวิตเป็นคนแรก
       ้                         ี
 บิดาแห่งวิชาอนุกรมวิธานสมัยใหม่
เกณฑ์ท ใ ช้จ ำา แนกสิง มีช ีว ิต
       ี่            ่
 1. ลักษณะโครงสร้างภายในและ
 ภายนอก
  โครงสร้า งภายนอกเหมือ นกัน หรือ
   คล้า ยคลึง กัน แต่อ าจมีโ ครงสร้า ง
   ภายในไม่เ หมือ นกัน
  เช่น ครีบ ของปลากับ ครีบ ของ
   ปลาวาฬ
 2. ลัก ษณะแบบแผนการ
 เจริญ เติบ โตของเอ็ม บริโ อ
  โดยเฉพาะสัตว์มีกระดูกสันหลัง
  เช่น ปลา นก กบ และคน
  ในระยะตัวอ่อนจะมีลักษณะช่อง
  เหงือกที่คล้ายคลึงกัน
 3. ลักษณะของซากดึกดำาบรรพ์ของ
 สิ่งมีชีวิต(Fossil)
  เทอราโนดอล กับ อาร์ค ีอ อป
    เทอร์ร ิก ซ์
  มีข ากรรไกรยาว มีฟ ัน ปลาย
    ปีก มีน ิ้ว
  คล้า ยคลึง กัน จึง จัด นกและ
 4. ลัก ษณะโครงสร้า งและ
 สารเคมีภ ายในเซลล์
  เช่น คลอโรพลาสต์ มีในเซลล์พืช
   แต่ไม่มีในเซลล์สัตว์
  เซนทริโอล และไลโซโซมพบใน
   เซลล์สัตว์เท่านั้น
 5. ลัก ษณะพฤติก รรมของสิ่ง
 มีช ีว ิต
  เช่นจิงโจ้ เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วย
   นำ้านมที่มีเฉพาะทวีปออสสเตรเลีย
   แต่มีกระเป๋าหน้าท้อง
  จึงจัดอยู่คนละกลุ่มกับสัตว์เลี้ยงลูก
   ด้วยนำ้านมในทวีปอื่นๆ
ลำา ดับ หมวดหมู่ส ิ่ง มีช ีว ิต
  นัก วิท ยาศาสตร์ จึง ได้จ ัด แบ่ง สิง มีช ว ิต ดัง กล่า วเหล่า นี้
                                      ่     ี
    ออกเป็น หมวดหมู่ใ หญ่จ นถึง หมวดหมู่ย อ ยตามลำา ดับ
                                                     ่
    ดัง นี้
    1. อาณาจัก ร (Kingdom)
    2. ไฟลัม (Phylum )
    3. คลาส (Class)
    4. ออร์เ ดอร์ (Order )
    5. แฟลมมิล ี่ (Family)
    6. จีน ส (Genus)
           ั
    7. สปีช ส ์ (Species)
            ี
ตัว อย่า งการหมวดหมูข องมนุษ ย์
                      ่

 ลำา ดับ 1 หมวดหมู่ ชือ ในหมวด
                       ่
 หมู่Kingdom Animalia

 ลัก ษณะสิ่ง มีช ีว ิต ในหมวดหมู่ เป็น สิ่ง มี
 ชีว ิต พวกที่น ิว เคลีย สมีผ นัง ห่อ หุ้ม
 ประกอบด้ว ย หลายเซลล์ม ีก ารแบ่ง
 หน้า ที่ข องแต่ล ะเซลล์เ พื่อ ทำา หน้า ที่
 เฉพาะอย่า งแบบถาวร ไม่ม ีค ลอโรฟิล ล์
 สร้า งอาหารเองไม่ไ ด้ ดำา รงชีว ิต ได้
 หลายลัก ษณะทั้ง บนบกในนำ้า และบาง
 2 หมวดหมู่ Phylum Chordata ลัก ษณะสิง มีช ว ิต ใน
                                      ่     ี
  หมวดหมู่ มีแ กนลำา ตัว

 3 หมวดหมู่ Class Mammalia ลัก ษณะสิง มีช ว ิต ในหมวด
                                     ่     ี
  หมู่ มีต ่อ มนำ้า นม ขนสัน เล็ก ๆ (hair)
                           ้

 4 หมวดหมู่ Order Primate ลัก ษณะสิง มีช ว ิต ในหมวด
                                    ่     ี
  หมู่ มีน ิ้ว 5นิว ปลายนิว มีเ ส้น แบน นิว หัว แม่ม อ พับ ขวาง
                  ้       ้               ้          ื
  กับ นิว อื่น ๆ
        ้

 5 หมวดหมู่ Family Homonidaeลัก ษณะสิง มีช ว ิต ใน
                                      ่     ี
  หมวดหมู่ เดิน 2 ขา มีฟ ัน เขี้ย วเล็ก อยูร ะดับ เดีย วกับ
                                           ่
  ฟัน อื่น

 6 หมวดหมู่ Genus Homo ลัก ษณะสิง มีช ว ิต ในหมวดหมู่
                                 ่     ี
  สามารถประดิษ ฐ์เ ครื่อ งมือ และสะสมเครื่อ งมือ ไว้

 7 หมวดหมู่ Species Homo sapiens sapiens ลัก ษณะสิง มี
                                                   ่
  ชีว ิต ในหมวดหมู่ มีค วามสามารถเชิง ศิล ป์ วาดรูป ไว้
ชื่อ ของสิ่ง มีช ีว ิต

 ชื่อ วิท ยาศาสตร์ม ีค วามสำา คัญ
  ในการแยกแยะและการจัด
  หมวดหมู่
 ชื่อ ทั่ว ไปบางชื่อ นั้น สามารถนำา
  ไปใช้ก ับ สิ่ง มีช ีว ิต ได้ห ลายชนิด
  และในขณะเดีย วกัน สิ่ง มีช ีว ิต
  ชนิด เดีย วกัน ก็อ าจมีช ื่อ ทั่ว ไป
  ได้ห ลายชื่อ ทำา ให้เ กิด ความ
 ชื่อ วิท ยาศาสตร์ถ ก คิด ค้น ขึ้น ใน
                     ู
  ศตวรรษที่ 18 โดยนัก พฤกษศาสตร์
  ชาวสวีเ ดนชื่อ Carolus Linnaeus
 ลัก ษณะการตั้ง ชื่อ ที่เ รีย กว่า Binomial
  nomenclature
 คือ การตั้ง ชื่อ ทีม ก ารใช้ช ื่อ สองชื่อ มา
                     ่ ี
  เรีย งต่อ กัน ประกอบไปด้ว ยชื่อ สกุล
  (Genus ,พหูพ จน์: Genera) ตามด้ว ยชื่อ
  พัน ธุ์ (Species,พหูพ จน์: Species - คำา
  เดีย วกัน ) รากศัพ ท์ข องภาษาที่ใ ช้จ ะ
  มาจากภาษาลาติน หรือ กรีก
เกณฑ์ก ารตั้ง ชื่อ

 ชื่อ วิท ยาศาสตร์ส ่ว นใหญ่จ ะตัง
                                  ้
  ขึ้น ตามลัก ษณะเฉพาะ ,
 ถิ่น ที่อ ยู่อ าศัย ของสิ่ง มีช ีว ิ
  ตนั้น ๆ,
 ชื่อ บุค คลที่ค ้น พบ
 หรือ ตั้ง ขึ้น เพื่อ เป็น เกีย รติแ ก่
  บุค คลสำา คัญ ๆ
 ตัว อย่า งเช่น ดอกไม้ท ะเล
  Stichodactyla gigantea ซึง เป็น หนึง ใน
                              ่         ่
  ดอกไม้ท ะเลทีม ข นาดใหญ่ม ากทีส ุด (
                   ่ ี                ่
  Gigantea = Giant = สิ่ง ทีม ข นาดใหญ่
                                ี
  มาก),
 ปลาการ์ต ูน Amphiprion chagosensis
  จะพบในเฉพาะบริเ วณหมูเ กาะ      ่
  Chagos ในมหาสมุท อิน เดีย
 ดอกไม้ท ะเล S. haddoni เพือ เป็น  ่
  เกีย รติแ ก่ Alfred C. Haddon นัก
วิธ ีเ ขีย นชื่อ วิท ยาศาสตร์

 ในทุก กรณี ชื่อ สกุล จะใช้อ ก ษรตัว
                              ั
  ใหญ่ส ำา หรับ ตัว อัก ษรแรก และชื่อ
  พัน ธุจ ะใช้อ ก ษรตัว เล็ก ทั้ง หมด
          ์           ั
  Amphiprion percula
 ควรจะใช้อ ก ษรตัว เขีย นหรือ ขีด
                  ั
  เส้น ใต้เ พือ แสดงให้เ ห็น ว่า เป็น
               ่
  ภาษาลาติน หรือ กรีก ผู้เ ขีย นจะ
  ต้อ งสะกดชือ สกุล เต็ม คำา เมือ เขีย น
                    ่             ่
  ชื่อ นั้น เป็น ครัง แรก หลัง จากนั้น
                        ้
 ชื่อ สกุล สามารถใช้ไ ด้โ ดยไม่
  จำา เป็น ต้อ งตามด้ว ยชื่อ พัน ธุ์ แต่
  ชื่อ พัน ธุ์จ ะต้อ งนำา ด้ว ยชื่อ สกุล
  เสมอ เพราะชื่อ พัน ธุ์อ าจจะซำ้า กัน
  ได้ใ นสกุล ที่ต ่า งกัน
 เพื่อ ความแม่น ยำา หลายที่อ าจจะ
  ใส่ช ื่อ ผู้ค ้น พบและปีท ี่ค ้น พบตาม
  หลัง ชื่อ วิท ยาศาสตร์
 ถ้า หากชื่อ ของผู้ค ้น พบอยู่ใ น
  วงเล็บ แสดงว่า ได้ม ีก าร
ตัวอย่างชื่อวิทยาศาสตร์



    เลขทะเบียน : 7-53000-001-0025
    ชื่อทั่วไป : โกสน
    ชื่อสามัญ : Croton
    ชื่อพื้นเมือง : โกสน, โกต๋น
    ชื่อวิทยาศาสตร์ : Codiaeum variegatum BIume.
    ชื่อวงศ์ : EUPHORBIACEAE
บียน : 7-53000-001-0021
ป : กุหลาบมอญ
ญ : Damask Rose
 อง : กุหลาบมอญ, (ทั่วไป); ยี่สุ่น, (กรุงเทพฯ); กุหลาบออน, (แม่ฮ่อ
าศาสตร์ : Rosadamascena    Mill. 
  ROSACECE
เลขทะเบียน : 7-53000-001-0091
ชื่อทั่วไป : น้อยหน่า
ชื่อสามัญ : -
ชื่อพื้นเมือง : น้อยหน่า , หม่าน้อยแน่ (ภาคเหนือ)
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Annonasquamosa   L. 
ชื่อวงศ์ : ANNONACEAE
เลขทะเบียน : 7-53000-001-0133
ชื่อทั่วไป : พริกขีหนู
                   ้
ชื่อสามัญ : Bird Chilli
ชื่อพื้นเมือง : พริกขีหนู (กลาง) ; พริกแด้ , พริกนก (เหนือ)
                      ้
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Capsicum frutescens    L. var. frutescens 
ชื่อวงศ์ : SOLANACEAE
อาณาจัก รสัต ว์ (Animal
Kingdom )
 ลัก ษณะสำา คัญ ของสิง มีช ว ิต ใน
                      ่     ี
 อาณาจัก รสัต ว์ มีด ง นี้ั
  เซลล์ม เ ยือ หุ้ม นิว เคลีย ส
            ี ่
   (Ucaryotic Cell )
  ประกอบด้ว ยหลายเซลล์ รวมกัน
   เป็น เนื้อ เยือ
                 ่
  สร้า งอาหารเองไม่ไ ด้
  เคลื่อ นที่ไ ด้ด ้ว ยตัว เองบางช่ว ง
ไฟลัม พอริเ ฟอรา (Phylum
Porifera)ีว ิต ในไฟลัม พอริเ ฟอรา ได้แ ก่
    สิง มีช
       ่
      ฟองนำ้า ชนิด ต่า ง ๆ พบได้ท ั้ง นำ้า เค็ม
      และนำ้า จืด
     ส่ว นใหญ่จ ะพบอยูใ นนำ้า เค็ม พบอยู่
                            ่
      ตามโขดหิน ก้อ นหิน ตั้ง แต่ร ะดับ
      ชายฝั่ง ทะเลจนถึง ทะเลลึก มีห ลาย
      สี สวยงาม รูป ร่า งเป็น ก้อ น ๆ บาง
      พวกมีล ัก ษณะคล้า ยแจกัน ดูเ ผิน ๆ
      อาจคิด ว่า ไม่ใ ช่ส ัต ว์เ พราะไม่
ไฟลัม ซีเ ลนเทอราตา (Phylum
coelenterata)
 เป็น สิ่ง มีช ีว ิต ที่พ บน้อ ยชนิด ในนำ้า จืด แต่
  จะพบมากชนิด ในนำ้า ทะเล ตั้ง แต่ช ายฝั่ง
  ทะเลระดับ นำ้า ขึ้น นำ้า ลงจนกระทั่ง ถึง ทะเล
  ลึก บางพวกมีร ูป ร่า งคล้า ยกระดิ่ง ควำ่า
  เรีย กว่า เมดูซ ่า (medusa) ว่า ยนำ้า ได้ บาง
  พวกมีร ูป ร่า งคล้า ยต้น ไม้ เรีย กว่า โปลิป
  (polyp) ด้า นฐานยึด ติด
 ด้า นตรงข้า มเป็น ปากมีเ ทนตาเคิล
  (tentacle) หรือ หนวดอยู่ร อบ ๆ ไว้จ ับ
ไฟลัม แพลทิเ ฮลมิน ทีส (Phylum
Platyhelminthes)
 ได้แ ก่ หนอนตัว แบน มีเ นือ เยื่อ สาม
                            ้
  ชั้น ไม่ม ช ่อ งตัว มีส มมาตรแบบ
            ี
  ด้า นข้า ง (bilateralsymmetry) มี
  ระบบย่อ ยอาหาร (บางชนิด ไม่ม ี)
 ได้แ ก่ พลานาเรีย (Dugesia)
 พยาธิใ บไม้ (fluke) เช่น พยาธิ
  ใบไม้ใ นตับ (Opisthorchis viverrini)
 พยาธิต ัว ตืด (tape worm) เช่น
ไฟลัม เนมาโทดา
(Nematoda)
 ได้แ ก่ หนอนตัว กลม มีเ นื้อ เยื่อ
  สามชั้น มีส มมาตรแบบด้า นข้า ง มี
  ช่อ งตัว เทีย ม (pseudocoet) เช่น
  พยาธิไ ส้เ ดือ น
  (Ascarislumbricoides) โรคเท้า ช้า ง
  (Brugia malayi)
ไฟลัม แอนเนลิด า (Phylum
  Annelida)ง ลำา ตัว แบ่ง เป็น ปล้อ ง
 หนอนปล้อ
  ชัด เจน มีเ นื้อ เยื่อ สามชั้น มี
  สมมาตรแบบด้า นข้า ง มีช ่อ งตัว
  ที่แ ท้จ ริง (coelom) มีร ะบบไหล
  เวีย นและระบบประสาท
 ได้แ ก่ แม่เ พรีย ง (Nereis) หนอน
  ฉัต ร
  (trbe worm)
ไฟลัม มอลลัส กา (Phylum
     Mollusca)
 สิ่ง มีช ีว ิต ในไฟลัม นี้ร วมเรีย กว่า มอลลัส (Mollus)
  เป็น พวกที่ม ีล ำา ตัว อ่อ นนุ่ม  มีเ ปลือ กแข็ง หุ้ม
  ภายนอกมีจ ำา นวนมากอัน ดับ สองลองจากแมลง
  พบทั่ว ไปบนบกในนำ้า เค็ม นำ้า จืด และนำ้า กร่อ ย
  ส่ว นใหญ่ด ำา รงชีว ิต เป็น อิส ระเคลื่อ นที่แ ละว่า ย
  นำ้า ไปมาได้ มีบ างชนิด ยึด ติด กับ หิน ฝัง ตัว ในดิน
  และทราย พวกนี้ม ีเ นื้อ เยื่อ 3ชั้น   แบ่ง เป็น กลุ่ม ๆ
    ดัง นี้
 1. หอยฝาเดีย ว (gastropoda) 2. หอยสอ
  ฝา  (pelecypoda)
 3. พวกที่ม ีล ำา ตัว เป็น รูป รี  4. พวกที่ม ีเ ปลือ กแข็ง
ไฟลัม อาร์โ ทรโพดา
 สัต ว์ใ นกลุ่มArthropda) า    อาร์
  (Phylum นี้ร วมเรีย กว่
  โทรพอด   เป็น กลุ่ม ที่ม ีช นิด และ
  จำา นวนมาก  มีล ัก ษณะสำา คัญ ร่ว ม
  กัน    คือ   
 มีเ ปลือ กแข้ง หุ้ม ลำา ตัว
  (exoskelton) ลำา ตัว แบ่ง เป็น 3
  ส่ว น  คือ   
 ส่ว นหัว  (head)

 บางกลุ่ม อาจมีส ว นหัว และส่ว นอก
                  ่
    เชื่อ มเป็น ส่ว นเดีย วกัน เรีย กว่า  เซฟ
    าโลทอ  แรกช์ (cephalothorax)
   มีห นวด  (antenna) และมีร ยางค์ท ี่เ ป็น
    ข้อ ๆ  ต่อ กัน รยางค์ท ำา หน้า ทีใ นการ
                                     ่
    เคลื่อ นทีแ ละจับ อาหาร
               ่
   ไรนำ้า   (daphnia)
   เพรีย งหิน  (Balanus)
   กัง ตั๊ก แตน (Squilla mantis)
      ้
   ตัว กระปิ (Oniscus)
ไฟลัม เอไคโนเดอร์
มาตา  (Phylum Echinodermata)
 สัตว์ในไฟลัมนี้อยูในทะเล
                    ่
  ทั้งหมด  ลักษณะสำาคัญ คือ  
 ผิวหยาบขรุขระเพราะมีสารประกอบพวก
  หินปูนผสมอยู่         
 มีรูปร่างกลมแบน  สีสันสวยงาม ลำาต้นมี
  ส่วนยื่นออกจากจุดศูนย์กลางในแนวรัศมี
  เป็นแขนจำานวน 5 แฉก  หรือ
  ทวีคูณ 5แฉก 
 โครงสร้างภายในเป็นแผ่นหินปูนยึดติด
  กัน  บางชนิดมี  หนามยื่น  ออกมาทางเดิน
 ปากอยู่ด า นล่า ง  ทวารหนัก เปิด ทางด้า น
           ้
    บน  มี  มีท ิว บ์ฟ ีต (tube feet) สำา หรับ ใช้
    ในการเคลื่อ นที่แ ละจับ อาหาร       
    บางพวกมีก ารมีก ารสืบ พัน ธุโ ดยไม่ ์
    อาศัย เพศ   
   และสามารถงอกส่ว นทีข าดหายไปได้  
                                 ่
   ตัว อย่า งสิ่ง มีช ีว ิต ในไฟลัม นี้เ ช่น   ดาว
    ทะเล (Sea star)
   ขนนกทะเล (Antedon )
   ดาวเปราะ (Brittle star )
   ปลิง ทะเล(Holothuria)
   เม่น ทะเล  (Diadema)
ไฟลัม คอร์ด าตา  (Phylum
Chordata) ม นี้แ บ่ง เป็น 2 กลุ่ม ใหญ่
 สัต ว์ใ นไฟลั
    คือ  
   โพรโทคอร์เ ดต(Protochordate) กับ
   สัต ว์ท ี่ม ก ระดูก สัน หลัง  (Vertebrate)
                ี
   โพโทคอร์เ คต  (Protochordate)
    สัต ว์ใ นกลุ่ม นี้ม โ ครงสร้า งที่เ รีย กว่า
                        ี
    โนโตคอร์ด  เป็น แกนของร่า งกายอยู่
    ทางด้า นหลัง ของลำา ตัว เหนือ ทางเดิน
    อาหาร  ตัว อย่า งเช่น  
   แอมฟิอ อกซัส   (Amphioxus) และ
 สัต ว์ม ีก ระดูก สัน
  หลัง (Vertebrate) สัต ว์ม ก ระดูก สัน
                               ี
  หลัง ทุก ชนิด นั้น  ในช่ว งที่เ ป็น ตัว
  อ่อ น  (embryo)
 ในระยะแรกๆ  ยัง ไม่ม ก ระดูก สัน
                             ี
  หลัง แต่ม ีไ นโตคอร์ด  เป็น แกนของ
  ร่า งกาย      เมื่อ ร่า งกายเจริญ ขึ้น จึง
  เกิด กระดูก สัน หลัง ขึ้น มาทำา หน้า ที่
  เป็น แกนของร่า งกายแทน   
 สัต ว์ม ีก ระดูก สัน หลัง ในไฟลัม นี้แ บ่ง
1. คลาสออสติอ ิค ไทอิส (Class
    Osteichthyes)
คลาสนี้เ ป็น ปลากระดุก แข็ง ต่า งๆ   อาศัย อยูใ นนำ้า จืด และน
                                              ่
                       




                     
                     
                        


                                                          

                                                         
                                                        
2. คลาสคอนดริค ไทอิส  (Class Chondirichythyes)
                                                     
                            




                     
                  สัต ว์ใ นคลาสนี้ม ีโ ครงสร้า งเป็น กระดูก อ่อ น
                                                          

                                                         
                             
. คลาสแอมฟิเ บีย  (Class Amphibia) น นำ้า สะเทิน บก
                           สัต ว์ส ะเทิ

                 




                                                                          

4. คลาสเรปทีเ ลีย  (Class Reptilia)
                               

ว่า   สัต ว์เ ลื้อ ยคลาน   เป็น สัต ว์ท ี่ม ก ระดูก สัน หลัง ที่ด ำา รงช
                                            ี
                 




                                                                          


                             
5. คลาสเอวีส สัต ว์ใ นคลาสนี้เ ป็น พวก   สัต ว์ป ีก   ได้แ ก่  
             (Class Aves )




. คลาสแมมมาเลีย  (Class Mammalia)
าสนี้เ รีย กว่า   สัต ว์เ ลี้ย งลูก ด้ว ยนม  (mammal)  เป็น สัต ว์เ ล
อาณาจัก รพืช  (Kingdom
 สิง มีช ีว ิต ทีจ อ ยู่ใ นอาณาจัก รนี้ ได้แ ก่
  Plantae) ั
    ่             ่
    พืช สีเ ขีย วทัง หมดซึง มี
                      ้       ่
    ประมาณ   240,000สปีช ีส ์  
   กระจ่า ยอยู่ท ว ไปทั้ง บนบก  ในนำ้า จืด
                        ั่
    และนำ้า เค็ม
   พืช เหล่า นี้ม ห ลายเชลล์ท ม ก ารจัด
                    ี            ี่ ี
    เรีย งตัว เป็น เนื้อ เยื่อ  
   ผนัง เชลล์ส ่ว นใหญ่เ ป็น เชลล์ล ูโ ลส  
   เป็น สิง มีช ว ิต ทีส ามารถสร้า งอาหาร
           ่     ี         ่
    ได้เ อง  (Autotrophicorganisms)
ดิว ิช ัน ไบรโอไฟตา  (Division
 Bryophyta) ระมาณ 20,000 สปีช ีต
  พืช ดิว ิช ัน นี้ม ป
                     ี
    ์์
   เป็น พืช ที่ไ ม่ม ท อ ลำา เลีย งนำ้า และ
                       ี ่
    อาหาร  (vascular ndle)
   มีข นาดเล็ก ไม่ม ร าก   ลำา ต้น   และใบ
                             ี
    ทีแ ท้จ ริง   ต้น พืช ระยะที่เ ห็น  เด่น ชัด
       ่
    และ
   ดำา รงชีว ิต อยูย ืน นานถึง ระยะทีเ ป็น แก
                     ่                     ่
    มีโ ทไฟต์ช อบขึน ในทีแ ฉะ  เช่น  
                           ้    ่
   มอส  (moss) ลิเ วอร์ต   (liverwort)
     เป็น ต้น
ดิว ิช ัน ไซโลไฟตา (Division
  Psilophyta)
 พืช ในวิด ิช ัน นี้เ ป็น พืช ที่ม เ นื้อ เยือ
                                    ี         ่
  ลำา เลีย งลำา ต้น มีข นาดเล็ก  เป็น
  เหลี่ย ม  ลำา ต้น ส่ว นใหญ่อ ยู่ใ นดิน
  เรีย กว่า ลำา ต้น ใต้ด ิน  (rhizome)
 มีส น ำ้า ตาล  ส่ว นอยู่ เหนือ ดิน เหนือ ดิน
      ี
  มีส เ ขีย วแตกกิ่ง
        ี
 ไม่ม ใ บ แต่ม เ กล็ด เล็ก ๆ  ติด อยูท ี่ผ ิว
          ี        ี                   ่
 ตัว อย่า งเช่น   หวายทะนอย หรือ
ดิว ิช ัน ไลโคไฟตา(Divison
Lycopyta)
 พืช ในดิว ิช ัน นีบ างชนิด เจริญ เป็น
                    ้
  อิส ระ บางชนิด เจริญ บนต้น ไม้ช นิด
  อืน เรีย กว่า อีพ ไ ฟต์ (Epiphyte) มี
    ่               ิ
  รากจำา นวนมากต้น แต่ม อ ายุส น ี    ั้
 ลำา ต้น สร้า งใบที่แ ท้จ ริง แล้ว เป็น ใบ
  ชนิด ไมโคฟีล ล์ (microphyll)
 ซึง มีข นาดเล็ก และไม่ม เ ส้น ใบ
      ่                        ี
        
 หรือ อาจมี เส้น ใบไมแต่ไ ม่แ ตก
    แขนง   
   เมื่อ สปอโรไฟต์เ จริญ เต็ม ที่จ ะสร้า งส
    ปอร์ภ ายในอัป สปอร์บ นใบ
    คล้า ย  ไมโครฟีล ล์ เรีย กว่า   สปอโร
    ฟีล ล์  (sprophyll)
   ซึง จะเรีย งตัว กัน แน่น เห็น  เป็น
      ่
    แท่ง  เรีย กว่า
   สตอบิล ัส  (strobilus) อยู่ต รงบริเ วณ
    ปลายสุด ของกิง   ่
   หรือ ลำา ต้น สปอร์เ จริญ เป็น แกมีโ ท
ดิว ิช ัน สฟีโ นไฟตา (Division
    Sphenophyta)
    ในดิวิชนนีสปอร์โรไฟต์มีลำาต้นที่มข้อและปล้อง
             ั ้                     ี
    เห็นได้ชดเจน เมือเจริญเต็มทีภายในกลวง
             ั       ่          ่
   ประกอบด้วยลำาต้นที่อยู่เหนือพืนดินมีสเขียว
                                  ้      ี
    ทำาหน้าทีสังเคราะห์ด้วย แสงแทนใบเพราะใบชนิด
               ่
    ไมโครฟีลล์ มีขนาดเล็กมาก ลักษณะเป็นเกล็ด
   จำานวนหลายใบเจริญรอบๆ ข้อ ลำาต้น ที่อยู่ใต้ดิน สี
    นำ้าตาล มีรากจำานวนมากเจริญจากข้อมีสรอบิลสที่
                                                ั
    บริเวณปลายกิ่ง
   เช่น หญ้าถอดปล้อง หรือหญ้าเงือก หรือ หญ้าหู
    หนอก (Equisetum)
ดิว ิช ัน เทอโรไฟตา(Division
  Pterophyta)
 พืช ในดิว ิช ัน นี้ เป็น กลุ่ม พืช ที่ม จ ำา นวน
                                          ี
  ชนิด หรือ สปีช ีส ม ากกว่า ดิว ิช ัน
                     ์
  อืน ๆ  ทั้ง หมดที่ผ ่า นมา
    ่
 ตัว อย่า งพืช ในดิว ิช ัน นี้ เช่น เฟิร ์น มี
  ราก ลำา ต้น และใบ  เห็น ได้ช ัด เจน
  และมีค วามสับ ซ้อ นมากขึน กว่า พืช
                                  ้
  กลุ่ม ที่ผ ่า นมา
  เฟิร ์น มีข นาดแตกต่า งกัน ตั้ง แต่ข นาด
  เล็ก ถึง ขนาดใหญ่
 ส่ว นใหญ่ช อบขึน ในทีช ุ่ม ชื้น และมีร ม
                       ้     ่                  ่
- บางชนิด เป็น พืช ลอยนำ้า เช่น แหนแดง
จอกหูห นู
- บางชนิด อยูใ นร่ม หรือ ที่ช น แฉะ เช่น ผัก
             ่                ื้
แว่น ผัก กูด
- บางชนิด แกาะอยูต ามต้น ไม้ห รือ กิง ไม้
                   ่                 ่
เช่น ชายผ้า สีด า เฟิร ์น เขากวาง
ดิว ิช ัน โคนิเ ฟอโรไฟ
ตา( Division Coniferophyta)
 พืช ในดิว ิช ัน นีเ ป็น ไม้ย ืน ต้น ที่ม ข นาด
                     ้                     ี
  สูง ใหญ่ แตกกิง ก้า นมาก  
                       ่
 ใบเป็น ใบเดี่ย วแต่ม ก มีข นาดเล็ก
                            ั
  คล้า ยรูป เข็ม มีเ มล็ด สำา หรับ
  สืบ พัน ธุ์ ใบเป็น ใบเดีย ว     
                              ่
 แต่ม ก มีข นาดเล็ก คล้า ยรูป เข็ม มี
          ั
  เมล็ด สำา หรับ สืบ พัน ธุ์ เมล็ด ไม่ม ผ นังี
  รัง ไข่ห ่อ หุ้ม เมล็ด ติด อยู่ก บ ส่ว นที่ม ี
                                   ั
  รูป โคนพืช พวกนี้ช อบขึน ตามที่ม ี
                          ้
  อากาศเย็น   เช่น ในเขตหนาว
 ถ้า เป็น เขตร้อ นจะอยูต ามผู้เ ขาสูง
                         ่
  ระดับ 800 เมตรขึ้น ไปเพราะ  มีอ ากาศ
  เย็น เช่น ดอยอิน ทนนท์
  ภูก ระดึง   ดอยขุน ตาล
 ตัว อย่า งพืช   เช่น สนสอง
  ใบ   (Pinus merkusii)
  สนสามใบ   (Pinus khasya)
 ดิว ิช ัน ไชแคโดไฟตา  (Division
Cycadophyta)
 พืช ในดิว ิช ัน นีม ล ำา ต้น ใหญ่ ลำา ต้น
                       ้ ี
  ส่ว นใหญ่ใ ต้ด น   มีล ัก ษณะเป็น หัว
                     ิ
  เก็บ อาหารจำา พวกแป้ง  อีก ส่ว นหนึ่ง
  อยู่เ หนือ ดิน    
  สร้า งใบเป็น กระจุก อยู่ท ย อดของ
                                 ี่
  ลำา ต้น   ซึง ไม่ค อ ยแตกแขนง ใบเป็น
              ่         ่
  ใบประกอบขนาดใหญ่
 ใบย่อ ยมีจ ำา นวนมาก ขนาดเล็ก และ
  แข็ง พืช ในกลุ่ม นี้ คือ
ดิว ิช ัน แอนโทไฟตา(Division
Anthophyta)
 พืช ในดิว ิช ัน นีเ ป็น พืช ที่ส ร้า ง
                    ้
  อวัย วะสืบ พัน ธุ์ เรีย กว่า ดอก เป็น ก
  ลุ่ม พืช ทีม ว ิว ัฒ นาการมากที่ส ด
             ่ ี                    ุ
 ในบรรดาพืช ที่ม เ นือ เยื่อ  ลำา เลีย ง
                          ี ้
  ทัง หมด ดอกทีเ ป็น อวัย วะ  สืบ พัน ธุ์
     ้                  ่
  สร้า งเมล็ด มีร ง ไข่ห ่อ หุ้ม
                      ั
 บางชนิด มีด อกขนาดใหญ่เ ห็น ได้
  ชัด เจน  เช่น  กุห ลาบ ชบา
  พืช มีด อกเหล่า นี้ บางชนิด อยู่ใ นนำา
                                        ้
  เช่น บัว ผัก ตบ
 บางชนิด เกาะต้น ไม้อ น เช่น กล้ว ยไม้
                               ื่
  บางชนิด เลื้อ ย
  พัน กับ ต้น ไม้อ น  เช่น เถาวัล ย์ เป็น ต้น
                       ื่
  บางชนิด เป็น ปรสิต เช่น   กาฝาก
  ฝอยทอง
 ดิว ิช ัน นี้แ บ่ง เป็น 2กลุ่ม ย่อ ย คือ พืช
  ใบเลี้ย งคู่ และพืช ใบเลี้ย งเดีย วโดย
                                       ่
  ใช้โ ครงสร้า งสำา คัญ ของ
  เอ็ม บริโ อ   ราก  ลำา ต้น ใบ   และดอก
ดิว ิช ัน กิง โกไฟตา(Division
 พืช ในอาณาจัก รนี้ป จ จุบ น มีเ พีย ง
Ginkgophyta)          ั     ั
  ชนิด เดีย ว คือ แป๊ะ
  ก๊ว ย  (ginkgobilloba)เป็น ไม้ย ื่น ต้น
  เหมือ นสน เจริญ ได้ด ี ในเขตหนาว
  เช่น จีน ญีป ุ่น   แป๊ะ ก๊ว ยเป็น พืช แยก
               ่
  เพศ คือ ต้น ตัว ผู้ส ร้า งสตรอบิล ัส ตัว ผู้
    (malestrobilus)เป็น ช่อ
 ประกอบ  ด้ว ยสตรอบิล ัส หลายอัน ต้น
  ตัว เมีย จะสร้า งเมล็ด ที่ไ ม่ม ร ง ไข่ห ่อ
                                  ี ั
  หุ้ม เป็น ช่อ  ช่อ ละ 2 เมล็ด

Más contenido relacionado

La actualidad más candente

อาณาจักรสิ่งมีชีวิต1
อาณาจักรสิ่งมีชีวิต1อาณาจักรสิ่งมีชีวิต1
อาณาจักรสิ่งมีชีวิต1tarcharee1980
 
111006099215982 1111190995955
111006099215982 1111190995955111006099215982 1111190995955
111006099215982 1111190995955Bira39
 
ความหลากหลายทางชีวภาพ
ความหลากหลายทางชีวภาพความหลากหลายทางชีวภาพ
ความหลากหลายทางชีวภาพSupaluk Juntap
 
กำเนิดสปีชีส์
กำเนิดสปีชีส์กำเนิดสปีชีส์
กำเนิดสปีชีส์Wan Ngamwongwan
 
ไฟลัมพอริเฟอรา
ไฟลัมพอริเฟอราไฟลัมพอริเฟอรา
ไฟลัมพอริเฟอราPannee Ponlawat
 
Taxonomy(อนุกรมวิทฐาน)
Taxonomy(อนุกรมวิทฐาน)Taxonomy(อนุกรมวิทฐาน)
Taxonomy(อนุกรมวิทฐาน)firstnarak
 
ใบความรู้ที่ 4 เรื่อง ความหลากหลายทางพันธุกรรม
ใบความรู้ที่ 4 เรื่อง ความหลากหลายทางพันธุกรรมใบความรู้ที่ 4 เรื่อง ความหลากหลายทางพันธุกรรม
ใบความรู้ที่ 4 เรื่อง ความหลากหลายทางพันธุกรรมSumalee Khvamsuk
 
Unlock ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต
Unlock ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตUnlock ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต
Unlock ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตmahachaisomdet
 
ไดโนเสาร
ไดโนเสาร ไดโนเสาร
ไดโนเสาร FoFour Thirawit
 
Kingdom for knowledge บทที่ 2
Kingdom for knowledge บทที่ 2 Kingdom for knowledge บทที่ 2
Kingdom for knowledge บทที่ 2 Choom' B't
 
อาณาจักรสัตว์
อาณาจักรสัตว์อาณาจักรสัตว์
อาณาจักรสัตว์sirieiei
 
ฟองน้ำทะเล (IS-2)
ฟองน้ำทะเล (IS-2)ฟองน้ำทะเล (IS-2)
ฟองน้ำทะเล (IS-2)AmmyMoreen
 

La actualidad más candente (18)

อาณาจักรสิ่งมีชีวิต1
อาณาจักรสิ่งมีชีวิต1อาณาจักรสิ่งมีชีวิต1
อาณาจักรสิ่งมีชีวิต1
 
111006099215982 1111190995955
111006099215982 1111190995955111006099215982 1111190995955
111006099215982 1111190995955
 
Taxonomy
TaxonomyTaxonomy
Taxonomy
 
ความหลากหลายทางชีวภาพ
ความหลากหลายทางชีวภาพความหลากหลายทางชีวภาพ
ความหลากหลายทางชีวภาพ
 
10 intro-taxonomy
10 intro-taxonomy10 intro-taxonomy
10 intro-taxonomy
 
กำเนิดสปีชีส์
กำเนิดสปีชีส์กำเนิดสปีชีส์
กำเนิดสปีชีส์
 
Taxonomy
TaxonomyTaxonomy
Taxonomy
 
ไฟลัมพอริเฟอรา
ไฟลัมพอริเฟอราไฟลัมพอริเฟอรา
ไฟลัมพอริเฟอรา
 
อาณาจักรสิ่งมีชีวิต
อาณาจักรสิ่งมีชีวิต อาณาจักรสิ่งมีชีวิต
อาณาจักรสิ่งมีชีวิต
 
Manybio
ManybioManybio
Manybio
 
Taxonomy(อนุกรมวิทฐาน)
Taxonomy(อนุกรมวิทฐาน)Taxonomy(อนุกรมวิทฐาน)
Taxonomy(อนุกรมวิทฐาน)
 
ใบความรู้ที่ 4 เรื่อง ความหลากหลายทางพันธุกรรม
ใบความรู้ที่ 4 เรื่อง ความหลากหลายทางพันธุกรรมใบความรู้ที่ 4 เรื่อง ความหลากหลายทางพันธุกรรม
ใบความรู้ที่ 4 เรื่อง ความหลากหลายทางพันธุกรรม
 
Unlock ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต
Unlock ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตUnlock ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต
Unlock ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต
 
Animal55
Animal55Animal55
Animal55
 
ไดโนเสาร
ไดโนเสาร ไดโนเสาร
ไดโนเสาร
 
Kingdom for knowledge บทที่ 2
Kingdom for knowledge บทที่ 2 Kingdom for knowledge บทที่ 2
Kingdom for knowledge บทที่ 2
 
อาณาจักรสัตว์
อาณาจักรสัตว์อาณาจักรสัตว์
อาณาจักรสัตว์
 
ฟองน้ำทะเล (IS-2)
ฟองน้ำทะเล (IS-2)ฟองน้ำทะเล (IS-2)
ฟองน้ำทะเล (IS-2)
 

Destacado

Outstanding Teaching from Omega Learning
Outstanding Teaching from Omega LearningOutstanding Teaching from Omega Learning
Outstanding Teaching from Omega LearningOmega Learning
 
Ultimate teen reading list
Ultimate teen reading listUltimate teen reading list
Ultimate teen reading listjbockman
 
Product speaker mega hom kuala kangsar 14.12.2014 [safari resort]
Product speaker   mega hom kuala kangsar  14.12.2014 [safari resort]Product speaker   mega hom kuala kangsar  14.12.2014 [safari resort]
Product speaker mega hom kuala kangsar 14.12.2014 [safari resort]Norazman Md Noh
 
Book talks
Book talksBook talks
Book talksjbockman
 
กลไกการรักษาดุลยภาพ 54
กลไกการรักษาดุลยภาพ 54กลไกการรักษาดุลยภาพ 54
กลไกการรักษาดุลยภาพ 54Oui Nuchanart
 
Aplikasi Kata Keterangan
Aplikasi Kata KeteranganAplikasi Kata Keterangan
Aplikasi Kata Keterangansalamiah74
 
Magnetic Stripe card
Magnetic Stripe cardMagnetic Stripe card
Magnetic Stripe cardMalcolm_Zhang
 
โครงสร้างและหน้าที่ของพืช
โครงสร้างและหน้าที่ของพืชโครงสร้างและหน้าที่ของพืช
โครงสร้างและหน้าที่ของพืชเข็มชาติ วรนุช
 

Destacado (13)

Transportation body
Transportation bodyTransportation body
Transportation body
 
Outstanding Teaching from Omega Learning
Outstanding Teaching from Omega LearningOutstanding Teaching from Omega Learning
Outstanding Teaching from Omega Learning
 
Software libre vs_propietario
Software libre vs_propietarioSoftware libre vs_propietario
Software libre vs_propietario
 
Selamat datang
Selamat datangSelamat datang
Selamat datang
 
Ultimate teen reading list
Ultimate teen reading listUltimate teen reading list
Ultimate teen reading list
 
Product speaker mega hom kuala kangsar 14.12.2014 [safari resort]
Product speaker   mega hom kuala kangsar  14.12.2014 [safari resort]Product speaker   mega hom kuala kangsar  14.12.2014 [safari resort]
Product speaker mega hom kuala kangsar 14.12.2014 [safari resort]
 
Book talks
Book talksBook talks
Book talks
 
Valentine <3
Valentine <3Valentine <3
Valentine <3
 
Zadanie2
Zadanie2Zadanie2
Zadanie2
 
กลไกการรักษาดุลยภาพ 54
กลไกการรักษาดุลยภาพ 54กลไกการรักษาดุลยภาพ 54
กลไกการรักษาดุลยภาพ 54
 
Aplikasi Kata Keterangan
Aplikasi Kata KeteranganAplikasi Kata Keterangan
Aplikasi Kata Keterangan
 
Magnetic Stripe card
Magnetic Stripe cardMagnetic Stripe card
Magnetic Stripe card
 
โครงสร้างและหน้าที่ของพืช
โครงสร้างและหน้าที่ของพืชโครงสร้างและหน้าที่ของพืช
โครงสร้างและหน้าที่ของพืช
 

Similar a ความหลากหลายทางชีวภาพ

ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต
ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต
ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตOui Nuchanart
 
Plant kingdom 1
Plant kingdom 1Plant kingdom 1
Plant kingdom 1krunidhswk
 
กำเนิดสปีชีส์
กำเนิดสปีชีส์กำเนิดสปีชีส์
กำเนิดสปีชีส์Wan Ngamwongwan
 
อาณาจักรมอเนอรา โปรติสตา ฟังไจ
อาณาจักรมอเนอรา โปรติสตา ฟังไจอาณาจักรมอเนอรา โปรติสตา ฟังไจ
อาณาจักรมอเนอรา โปรติสตา ฟังไจkrunidhswk
 
E0b982e0b884e0b8a3e0b887e0b887e0b8b2e0b899e0b980e0b884e0b8a3e0b8b7e0b988e0b8a...
E0b982e0b884e0b8a3e0b887e0b887e0b8b2e0b899e0b980e0b884e0b8a3e0b8b7e0b988e0b8a...E0b982e0b884e0b8a3e0b887e0b887e0b8b2e0b899e0b980e0b884e0b8a3e0b8b7e0b988e0b8a...
E0b982e0b884e0b8a3e0b887e0b887e0b8b2e0b899e0b980e0b884e0b8a3e0b8b7e0b988e0b8a...MukMik Melody
 
Bio is all around us
Bio is all around usBio is all around us
Bio is all around usAlisaYamba
 
ความหลากหลายของชีวิต.pdf
ความหลากหลายของชีวิต.pdfความหลากหลายของชีวิต.pdf
ความหลากหลายของชีวิต.pdfKalasin University
 
ทิ้งถ่วง หรือ หิ่งห้อย
ทิ้งถ่วง หรือ หิ่งห้อยทิ้งถ่วง หรือ หิ่งห้อย
ทิ้งถ่วง หรือ หิ่งห้อยNassaree Jeh-uma
 
ทิ้งถ่วง หรือ หิ่งห้อย
ทิ้งถ่วง หรือ หิ่งห้อยทิ้งถ่วง หรือ หิ่งห้อย
ทิ้งถ่วง หรือ หิ่งห้อยNassaree Jeh-uma
 
วิวัฒนาการ
วิวัฒนาการวิวัฒนาการ
วิวัฒนาการLPRU
 
อาณาจักรสัตว์Science
อาณาจักรสัตว์Scienceอาณาจักรสัตว์Science
อาณาจักรสัตว์Scienceteeraya
 

Similar a ความหลากหลายทางชีวภาพ (20)

ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต
ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต
ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต
 
Biodiversity
BiodiversityBiodiversity
Biodiversity
 
Biodiversity
BiodiversityBiodiversity
Biodiversity
 
Plant kingdom 1
Plant kingdom 1Plant kingdom 1
Plant kingdom 1
 
กำเนิดสปีชีส์
กำเนิดสปีชีส์กำเนิดสปีชีส์
กำเนิดสปีชีส์
 
Protista5555
Protista5555Protista5555
Protista5555
 
แบบทดสอบ บทที่ 1
แบบทดสอบ บทที่ 1แบบทดสอบ บทที่ 1
แบบทดสอบ บทที่ 1
 
อาณาจักรมอเนอรา โปรติสตา ฟังไจ
อาณาจักรมอเนอรา โปรติสตา ฟังไจอาณาจักรมอเนอรา โปรติสตา ฟังไจ
อาณาจักรมอเนอรา โปรติสตา ฟังไจ
 
Original insect2
Original insect2Original insect2
Original insect2
 
E0b982e0b884e0b8a3e0b887e0b887e0b8b2e0b899e0b980e0b884e0b8a3e0b8b7e0b988e0b8a...
E0b982e0b884e0b8a3e0b887e0b887e0b8b2e0b899e0b980e0b884e0b8a3e0b8b7e0b988e0b8a...E0b982e0b884e0b8a3e0b887e0b887e0b8b2e0b899e0b980e0b884e0b8a3e0b8b7e0b988e0b8a...
E0b982e0b884e0b8a3e0b887e0b887e0b8b2e0b899e0b980e0b884e0b8a3e0b8b7e0b988e0b8a...
 
Bio is all around us
Bio is all around usBio is all around us
Bio is all around us
 
Kingdom_Animalia.pdf
Kingdom_Animalia.pdfKingdom_Animalia.pdf
Kingdom_Animalia.pdf
 
ความหลากหลายของชีวิต.pdf
ความหลากหลายของชีวิต.pdfความหลากหลายของชีวิต.pdf
ความหลากหลายของชีวิต.pdf
 
ทิ้งถ่วง หรือ หิ่งห้อย
ทิ้งถ่วง หรือ หิ่งห้อยทิ้งถ่วง หรือ หิ่งห้อย
ทิ้งถ่วง หรือ หิ่งห้อย
 
ทิ้งถ่วง หรือ หิ่งห้อย
ทิ้งถ่วง หรือ หิ่งห้อยทิ้งถ่วง หรือ หิ่งห้อย
ทิ้งถ่วง หรือ หิ่งห้อย
 
53010812271
5301081227153010812271
53010812271
 
วิวัฒนาการ
วิวัฒนาการวิวัฒนาการ
วิวัฒนาการ
 
อาณาจักรพืช
อาณาจักรพืชอาณาจักรพืช
อาณาจักรพืช
 
Diver i
Diver iDiver i
Diver i
 
อาณาจักรสัตว์Science
อาณาจักรสัตว์Scienceอาณาจักรสัตว์Science
อาณาจักรสัตว์Science
 

ความหลากหลายทางชีวภาพ

  • 1.
  • 2.
  • 3. เกณฑ์ท ว ไปในการจำา แนกสิง ั่ ่ มีช ีว ิต  การจัด หมวดหมู่  อริส โตเติล ของสิ่ง มีช ีว ิต มีม า (Aristotle ) ตั้ง แต่อ ดีต เมื่อ  แบ่ง สิง มีช ว ิต เป็น 2 ่ ี ประมาณ 350 ปี พวกคือ ก่อ นคริส ต์ศ ัก ราช  1. พืช  โดยนัก  2. สัต ว์ วิท ยาศาสตร์เ หล่า นี้
  • 4. จอห์น เรย์ ( John Ray )  นักพฤกษศาสตร์ แบ่งพืชออกเป็น 2 กลุม ่  1. พืชใบเลียงเดี่ยว ้  2. พืชใบเลียงคู่ ้  เป็นบุคคลแรกที่ใช้คำาว่า สปีชส์ ( Species ) ี
  • 5. คาโรลัส ลินเนียส ( carolus Linnaeus )  นักธรรมชาติวทยาชาวสวีเดน ิ  จำาแนกพืชมีดอกออกเป็นหมวดหมู่  โดยใช้จำานวนเกสรตัวผู้  และตังชื่อวิทยาศาสตร์ของสิ่งมีชวิตเป็นคนแรก ้ ี  บิดาแห่งวิชาอนุกรมวิธานสมัยใหม่
  • 6. เกณฑ์ท ใ ช้จ ำา แนกสิง มีช ีว ิต ี่ ่  1. ลักษณะโครงสร้างภายในและ ภายนอก  โครงสร้า งภายนอกเหมือ นกัน หรือ คล้า ยคลึง กัน แต่อ าจมีโ ครงสร้า ง ภายในไม่เ หมือ นกัน  เช่น ครีบ ของปลากับ ครีบ ของ ปลาวาฬ
  • 7.  2. ลัก ษณะแบบแผนการ เจริญ เติบ โตของเอ็ม บริโ อ  โดยเฉพาะสัตว์มีกระดูกสันหลัง  เช่น ปลา นก กบ และคน  ในระยะตัวอ่อนจะมีลักษณะช่อง เหงือกที่คล้ายคลึงกัน
  • 8.  3. ลักษณะของซากดึกดำาบรรพ์ของ สิ่งมีชีวิต(Fossil)  เทอราโนดอล กับ อาร์ค ีอ อป เทอร์ร ิก ซ์  มีข ากรรไกรยาว มีฟ ัน ปลาย ปีก มีน ิ้ว  คล้า ยคลึง กัน จึง จัด นกและ
  • 9.  4. ลัก ษณะโครงสร้า งและ สารเคมีภ ายในเซลล์  เช่น คลอโรพลาสต์ มีในเซลล์พืช แต่ไม่มีในเซลล์สัตว์  เซนทริโอล และไลโซโซมพบใน เซลล์สัตว์เท่านั้น
  • 10.  5. ลัก ษณะพฤติก รรมของสิ่ง มีช ีว ิต  เช่นจิงโจ้ เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วย นำ้านมที่มีเฉพาะทวีปออสสเตรเลีย แต่มีกระเป๋าหน้าท้อง  จึงจัดอยู่คนละกลุ่มกับสัตว์เลี้ยงลูก ด้วยนำ้านมในทวีปอื่นๆ
  • 11. ลำา ดับ หมวดหมู่ส ิ่ง มีช ีว ิต นัก วิท ยาศาสตร์ จึง ได้จ ัด แบ่ง สิง มีช ว ิต ดัง กล่า วเหล่า นี้ ่ ี ออกเป็น หมวดหมู่ใ หญ่จ นถึง หมวดหมู่ย อ ยตามลำา ดับ ่ ดัง นี้ 1. อาณาจัก ร (Kingdom) 2. ไฟลัม (Phylum ) 3. คลาส (Class) 4. ออร์เ ดอร์ (Order ) 5. แฟลมมิล ี่ (Family) 6. จีน ส (Genus) ั 7. สปีช ส ์ (Species) ี
  • 12. ตัว อย่า งการหมวดหมูข องมนุษ ย์ ่  ลำา ดับ 1 หมวดหมู่ ชือ ในหมวด ่ หมู่Kingdom Animalia  ลัก ษณะสิ่ง มีช ีว ิต ในหมวดหมู่ เป็น สิ่ง มี ชีว ิต พวกที่น ิว เคลีย สมีผ นัง ห่อ หุ้ม ประกอบด้ว ย หลายเซลล์ม ีก ารแบ่ง หน้า ที่ข องแต่ล ะเซลล์เ พื่อ ทำา หน้า ที่ เฉพาะอย่า งแบบถาวร ไม่ม ีค ลอโรฟิล ล์ สร้า งอาหารเองไม่ไ ด้ ดำา รงชีว ิต ได้ หลายลัก ษณะทั้ง บนบกในนำ้า และบาง
  • 13.  2 หมวดหมู่ Phylum Chordata ลัก ษณะสิง มีช ว ิต ใน ่ ี หมวดหมู่ มีแ กนลำา ตัว  3 หมวดหมู่ Class Mammalia ลัก ษณะสิง มีช ว ิต ในหมวด ่ ี หมู่ มีต ่อ มนำ้า นม ขนสัน เล็ก ๆ (hair) ้  4 หมวดหมู่ Order Primate ลัก ษณะสิง มีช ว ิต ในหมวด ่ ี หมู่ มีน ิ้ว 5นิว ปลายนิว มีเ ส้น แบน นิว หัว แม่ม อ พับ ขวาง ้ ้ ้ ื กับ นิว อื่น ๆ ้  5 หมวดหมู่ Family Homonidaeลัก ษณะสิง มีช ว ิต ใน ่ ี หมวดหมู่ เดิน 2 ขา มีฟ ัน เขี้ย วเล็ก อยูร ะดับ เดีย วกับ ่ ฟัน อื่น  6 หมวดหมู่ Genus Homo ลัก ษณะสิง มีช ว ิต ในหมวดหมู่ ่ ี สามารถประดิษ ฐ์เ ครื่อ งมือ และสะสมเครื่อ งมือ ไว้  7 หมวดหมู่ Species Homo sapiens sapiens ลัก ษณะสิง มี ่ ชีว ิต ในหมวดหมู่ มีค วามสามารถเชิง ศิล ป์ วาดรูป ไว้
  • 14. ชื่อ ของสิ่ง มีช ีว ิต  ชื่อ วิท ยาศาสตร์ม ีค วามสำา คัญ ในการแยกแยะและการจัด หมวดหมู่  ชื่อ ทั่ว ไปบางชื่อ นั้น สามารถนำา ไปใช้ก ับ สิ่ง มีช ีว ิต ได้ห ลายชนิด และในขณะเดีย วกัน สิ่ง มีช ีว ิต ชนิด เดีย วกัน ก็อ าจมีช ื่อ ทั่ว ไป ได้ห ลายชื่อ ทำา ให้เ กิด ความ
  • 15.  ชื่อ วิท ยาศาสตร์ถ ก คิด ค้น ขึ้น ใน ู ศตวรรษที่ 18 โดยนัก พฤกษศาสตร์ ชาวสวีเ ดนชื่อ Carolus Linnaeus  ลัก ษณะการตั้ง ชื่อ ที่เ รีย กว่า Binomial nomenclature  คือ การตั้ง ชื่อ ทีม ก ารใช้ช ื่อ สองชื่อ มา ่ ี เรีย งต่อ กัน ประกอบไปด้ว ยชื่อ สกุล (Genus ,พหูพ จน์: Genera) ตามด้ว ยชื่อ พัน ธุ์ (Species,พหูพ จน์: Species - คำา เดีย วกัน ) รากศัพ ท์ข องภาษาที่ใ ช้จ ะ มาจากภาษาลาติน หรือ กรีก
  • 16. เกณฑ์ก ารตั้ง ชื่อ  ชื่อ วิท ยาศาสตร์ส ่ว นใหญ่จ ะตัง ้ ขึ้น ตามลัก ษณะเฉพาะ ,  ถิ่น ที่อ ยู่อ าศัย ของสิ่ง มีช ีว ิ ตนั้น ๆ,  ชื่อ บุค คลที่ค ้น พบ  หรือ ตั้ง ขึ้น เพื่อ เป็น เกีย รติแ ก่ บุค คลสำา คัญ ๆ
  • 17.  ตัว อย่า งเช่น ดอกไม้ท ะเล Stichodactyla gigantea ซึง เป็น หนึง ใน ่ ่ ดอกไม้ท ะเลทีม ข นาดใหญ่ม ากทีส ุด ( ่ ี ่ Gigantea = Giant = สิ่ง ทีม ข นาดใหญ่ ี มาก),  ปลาการ์ต ูน Amphiprion chagosensis จะพบในเฉพาะบริเ วณหมูเ กาะ ่ Chagos ในมหาสมุท อิน เดีย  ดอกไม้ท ะเล S. haddoni เพือ เป็น ่ เกีย รติแ ก่ Alfred C. Haddon นัก
  • 18. วิธ ีเ ขีย นชื่อ วิท ยาศาสตร์  ในทุก กรณี ชื่อ สกุล จะใช้อ ก ษรตัว ั ใหญ่ส ำา หรับ ตัว อัก ษรแรก และชื่อ พัน ธุจ ะใช้อ ก ษรตัว เล็ก ทั้ง หมด ์ ั Amphiprion percula  ควรจะใช้อ ก ษรตัว เขีย นหรือ ขีด ั เส้น ใต้เ พือ แสดงให้เ ห็น ว่า เป็น ่ ภาษาลาติน หรือ กรีก ผู้เ ขีย นจะ ต้อ งสะกดชือ สกุล เต็ม คำา เมือ เขีย น ่ ่ ชื่อ นั้น เป็น ครัง แรก หลัง จากนั้น ้
  • 19.  ชื่อ สกุล สามารถใช้ไ ด้โ ดยไม่ จำา เป็น ต้อ งตามด้ว ยชื่อ พัน ธุ์ แต่ ชื่อ พัน ธุ์จ ะต้อ งนำา ด้ว ยชื่อ สกุล เสมอ เพราะชื่อ พัน ธุ์อ าจจะซำ้า กัน ได้ใ นสกุล ที่ต ่า งกัน  เพื่อ ความแม่น ยำา หลายที่อ าจจะ ใส่ช ื่อ ผู้ค ้น พบและปีท ี่ค ้น พบตาม หลัง ชื่อ วิท ยาศาสตร์  ถ้า หากชื่อ ของผู้ค ้น พบอยู่ใ น วงเล็บ แสดงว่า ได้ม ีก าร
  • 20. ตัวอย่างชื่อวิทยาศาสตร์  เลขทะเบียน : 7-53000-001-0025 ชื่อทั่วไป : โกสน ชื่อสามัญ : Croton ชื่อพื้นเมือง : โกสน, โกต๋น ชื่อวิทยาศาสตร์ : Codiaeum variegatum BIume. ชื่อวงศ์ : EUPHORBIACEAE
  • 21. บียน : 7-53000-001-0021 ป : กุหลาบมอญ ญ : Damask Rose อง : กุหลาบมอญ, (ทั่วไป); ยี่สุ่น, (กรุงเทพฯ); กุหลาบออน, (แม่ฮ่อ าศาสตร์ : Rosadamascena    Mill.  ROSACECE
  • 22. เลขทะเบียน : 7-53000-001-0091 ชื่อทั่วไป : น้อยหน่า ชื่อสามัญ : - ชื่อพื้นเมือง : น้อยหน่า , หม่าน้อยแน่ (ภาคเหนือ) ชื่อวิทยาศาสตร์ : Annonasquamosa   L.  ชื่อวงศ์ : ANNONACEAE
  • 23. เลขทะเบียน : 7-53000-001-0133 ชื่อทั่วไป : พริกขีหนู ้ ชื่อสามัญ : Bird Chilli ชื่อพื้นเมือง : พริกขีหนู (กลาง) ; พริกแด้ , พริกนก (เหนือ) ้ ชื่อวิทยาศาสตร์ : Capsicum frutescens    L. var. frutescens  ชื่อวงศ์ : SOLANACEAE
  • 24. อาณาจัก รสัต ว์ (Animal Kingdom )  ลัก ษณะสำา คัญ ของสิง มีช ว ิต ใน ่ ี อาณาจัก รสัต ว์ มีด ง นี้ั  เซลล์ม เ ยือ หุ้ม นิว เคลีย ส ี ่ (Ucaryotic Cell )  ประกอบด้ว ยหลายเซลล์ รวมกัน เป็น เนื้อ เยือ ่  สร้า งอาหารเองไม่ไ ด้  เคลื่อ นที่ไ ด้ด ้ว ยตัว เองบางช่ว ง
  • 25. ไฟลัม พอริเ ฟอรา (Phylum Porifera)ีว ิต ในไฟลัม พอริเ ฟอรา ได้แ ก่  สิง มีช ่ ฟองนำ้า ชนิด ต่า ง ๆ พบได้ท ั้ง นำ้า เค็ม และนำ้า จืด  ส่ว นใหญ่จ ะพบอยูใ นนำ้า เค็ม พบอยู่ ่ ตามโขดหิน ก้อ นหิน ตั้ง แต่ร ะดับ ชายฝั่ง ทะเลจนถึง ทะเลลึก มีห ลาย สี สวยงาม รูป ร่า งเป็น ก้อ น ๆ บาง พวกมีล ัก ษณะคล้า ยแจกัน ดูเ ผิน ๆ อาจคิด ว่า ไม่ใ ช่ส ัต ว์เ พราะไม่
  • 26.
  • 27. ไฟลัม ซีเ ลนเทอราตา (Phylum coelenterata)  เป็น สิ่ง มีช ีว ิต ที่พ บน้อ ยชนิด ในนำ้า จืด แต่ จะพบมากชนิด ในนำ้า ทะเล ตั้ง แต่ช ายฝั่ง ทะเลระดับ นำ้า ขึ้น นำ้า ลงจนกระทั่ง ถึง ทะเล ลึก บางพวกมีร ูป ร่า งคล้า ยกระดิ่ง ควำ่า เรีย กว่า เมดูซ ่า (medusa) ว่า ยนำ้า ได้ บาง พวกมีร ูป ร่า งคล้า ยต้น ไม้ เรีย กว่า โปลิป (polyp) ด้า นฐานยึด ติด  ด้า นตรงข้า มเป็น ปากมีเ ทนตาเคิล (tentacle) หรือ หนวดอยู่ร อบ ๆ ไว้จ ับ
  • 28.
  • 29. ไฟลัม แพลทิเ ฮลมิน ทีส (Phylum Platyhelminthes)  ได้แ ก่ หนอนตัว แบน มีเ นือ เยื่อ สาม ้ ชั้น ไม่ม ช ่อ งตัว มีส มมาตรแบบ ี ด้า นข้า ง (bilateralsymmetry) มี ระบบย่อ ยอาหาร (บางชนิด ไม่ม ี)  ได้แ ก่ พลานาเรีย (Dugesia)  พยาธิใ บไม้ (fluke) เช่น พยาธิ ใบไม้ใ นตับ (Opisthorchis viverrini)  พยาธิต ัว ตืด (tape worm) เช่น
  • 30.
  • 31. ไฟลัม เนมาโทดา (Nematoda)  ได้แ ก่ หนอนตัว กลม มีเ นื้อ เยื่อ สามชั้น มีส มมาตรแบบด้า นข้า ง มี ช่อ งตัว เทีย ม (pseudocoet) เช่น พยาธิไ ส้เ ดือ น (Ascarislumbricoides) โรคเท้า ช้า ง (Brugia malayi)
  • 32. ไฟลัม แอนเนลิด า (Phylum Annelida)ง ลำา ตัว แบ่ง เป็น ปล้อ ง  หนอนปล้อ ชัด เจน มีเ นื้อ เยื่อ สามชั้น มี สมมาตรแบบด้า นข้า ง มีช ่อ งตัว ที่แ ท้จ ริง (coelom) มีร ะบบไหล เวีย นและระบบประสาท  ได้แ ก่ แม่เ พรีย ง (Nereis) หนอน ฉัต ร (trbe worm)
  • 33.
  • 34. ไฟลัม มอลลัส กา (Phylum Mollusca)  สิ่ง มีช ีว ิต ในไฟลัม นี้ร วมเรีย กว่า มอลลัส (Mollus) เป็น พวกที่ม ีล ำา ตัว อ่อ นนุ่ม  มีเ ปลือ กแข็ง หุ้ม ภายนอกมีจ ำา นวนมากอัน ดับ สองลองจากแมลง พบทั่ว ไปบนบกในนำ้า เค็ม นำ้า จืด และนำ้า กร่อ ย ส่ว นใหญ่ด ำา รงชีว ิต เป็น อิส ระเคลื่อ นที่แ ละว่า ย นำ้า ไปมาได้ มีบ างชนิด ยึด ติด กับ หิน ฝัง ตัว ในดิน และทราย พวกนี้ม ีเ นื้อ เยื่อ 3ชั้น   แบ่ง เป็น กลุ่ม ๆ   ดัง นี้  1. หอยฝาเดีย ว (gastropoda) 2. หอยสอ ฝา  (pelecypoda)  3. พวกที่ม ีล ำา ตัว เป็น รูป รี  4. พวกที่ม ีเ ปลือ กแข็ง
  • 35.
  • 36. ไฟลัม อาร์โ ทรโพดา  สัต ว์ใ นกลุ่มArthropda) า    อาร์ (Phylum นี้ร วมเรีย กว่ โทรพอด   เป็น กลุ่ม ที่ม ีช นิด และ จำา นวนมาก  มีล ัก ษณะสำา คัญ ร่ว ม กัน    คือ     มีเ ปลือ กแข้ง หุ้ม ลำา ตัว (exoskelton) ลำา ตัว แบ่ง เป็น 3 ส่ว น  คือ     ส่ว นหัว  (head) 
  • 37.  บางกลุ่ม อาจมีส ว นหัว และส่ว นอก ่ เชื่อ มเป็น ส่ว นเดีย วกัน เรีย กว่า  เซฟ าโลทอ  แรกช์ (cephalothorax)  มีห นวด  (antenna) และมีร ยางค์ท ี่เ ป็น ข้อ ๆ  ต่อ กัน รยางค์ท ำา หน้า ทีใ นการ ่ เคลื่อ นทีแ ละจับ อาหาร ่  ไรนำ้า   (daphnia)  เพรีย งหิน  (Balanus)  กัง ตั๊ก แตน (Squilla mantis) ้  ตัว กระปิ (Oniscus)
  • 38.
  • 39. ไฟลัม เอไคโนเดอร์ มาตา  (Phylum Echinodermata)  สัตว์ในไฟลัมนี้อยูในทะเล ่ ทั้งหมด  ลักษณะสำาคัญ คือ    ผิวหยาบขรุขระเพราะมีสารประกอบพวก หินปูนผสมอยู่           มีรูปร่างกลมแบน  สีสันสวยงาม ลำาต้นมี ส่วนยื่นออกจากจุดศูนย์กลางในแนวรัศมี เป็นแขนจำานวน 5 แฉก  หรือ ทวีคูณ 5แฉก   โครงสร้างภายในเป็นแผ่นหินปูนยึดติด กัน  บางชนิดมี  หนามยื่น  ออกมาทางเดิน
  • 40.  ปากอยู่ด า นล่า ง  ทวารหนัก เปิด ทางด้า น ้ บน  มี  มีท ิว บ์ฟ ีต (tube feet) สำา หรับ ใช้ ในการเคลื่อ นที่แ ละจับ อาหาร          บางพวกมีก ารมีก ารสืบ พัน ธุโ ดยไม่ ์ อาศัย เพศ     และสามารถงอกส่ว นทีข าดหายไปได้   ่  ตัว อย่า งสิ่ง มีช ีว ิต ในไฟลัม นี้เ ช่น   ดาว ทะเล (Sea star)  ขนนกทะเล (Antedon )  ดาวเปราะ (Brittle star )  ปลิง ทะเล(Holothuria)  เม่น ทะเล  (Diadema)
  • 41.
  • 42. ไฟลัม คอร์ด าตา  (Phylum Chordata) ม นี้แ บ่ง เป็น 2 กลุ่ม ใหญ่  สัต ว์ใ นไฟลั คือ    โพรโทคอร์เ ดต(Protochordate) กับ  สัต ว์ท ี่ม ก ระดูก สัน หลัง  (Vertebrate) ี  โพโทคอร์เ คต  (Protochordate) สัต ว์ใ นกลุ่ม นี้ม โ ครงสร้า งที่เ รีย กว่า ี โนโตคอร์ด  เป็น แกนของร่า งกายอยู่ ทางด้า นหลัง ของลำา ตัว เหนือ ทางเดิน อาหาร  ตัว อย่า งเช่น    แอมฟิอ อกซัส   (Amphioxus) และ
  • 43.  สัต ว์ม ีก ระดูก สัน หลัง (Vertebrate) สัต ว์ม ก ระดูก สัน ี หลัง ทุก ชนิด นั้น  ในช่ว งที่เ ป็น ตัว อ่อ น  (embryo)  ในระยะแรกๆ  ยัง ไม่ม ก ระดูก สัน ี หลัง แต่ม ีไ นโตคอร์ด  เป็น แกนของ ร่า งกาย      เมื่อ ร่า งกายเจริญ ขึ้น จึง เกิด กระดูก สัน หลัง ขึ้น มาทำา หน้า ที่ เป็น แกนของร่า งกายแทน     สัต ว์ม ีก ระดูก สัน หลัง ในไฟลัม นี้แ บ่ง
  • 44. 1. คลาสออสติอ ิค ไทอิส (Class Osteichthyes) คลาสนี้เ ป็น ปลากระดุก แข็ง ต่า งๆ   อาศัย อยูใ นนำ้า จืด และน ่                                                                                                                      2. คลาสคอนดริค ไทอิส  (Class Chondirichythyes)                                                  สัต ว์ใ นคลาสนี้ม ีโ ครงสร้า งเป็น กระดูก อ่อ น                                                                                
  • 45. . คลาสแอมฟิเ บีย  (Class Amphibia) น นำ้า สะเทิน บก สัต ว์ส ะเทิ                                                        4. คลาสเรปทีเ ลีย  (Class Reptilia)                ว่า   สัต ว์เ ลื้อ ยคลาน   เป็น สัต ว์ท ี่ม ก ระดูก สัน หลัง ที่ด ำา รงช ี                                                                      
  • 46. 5. คลาสเอวีส สัต ว์ใ นคลาสนี้เ ป็น พวก   สัต ว์ป ีก   ได้แ ก่   (Class Aves ) . คลาสแมมมาเลีย  (Class Mammalia) าสนี้เ รีย กว่า   สัต ว์เ ลี้ย งลูก ด้ว ยนม  (mammal)  เป็น สัต ว์เ ล
  • 47. อาณาจัก รพืช  (Kingdom  สิง มีช ีว ิต ทีจ อ ยู่ใ นอาณาจัก รนี้ ได้แ ก่ Plantae) ั ่ ่ พืช สีเ ขีย วทัง หมดซึง มี ้ ่ ประมาณ   240,000สปีช ีส ์    กระจ่า ยอยู่ท ว ไปทั้ง บนบก  ในนำ้า จืด ั่ และนำ้า เค็ม  พืช เหล่า นี้ม ห ลายเชลล์ท ม ก ารจัด ี ี่ ี เรีย งตัว เป็น เนื้อ เยื่อ    ผนัง เชลล์ส ่ว นใหญ่เ ป็น เชลล์ล ูโ ลส    เป็น สิง มีช ว ิต ทีส ามารถสร้า งอาหาร ่ ี ่ ได้เ อง  (Autotrophicorganisms)
  • 48. ดิว ิช ัน ไบรโอไฟตา  (Division  Bryophyta) ระมาณ 20,000 สปีช ีต พืช ดิว ิช ัน นี้ม ป ี ์์  เป็น พืช ที่ไ ม่ม ท อ ลำา เลีย งนำ้า และ ี ่ อาหาร  (vascular ndle)  มีข นาดเล็ก ไม่ม ร าก   ลำา ต้น   และใบ ี ทีแ ท้จ ริง   ต้น พืช ระยะที่เ ห็น  เด่น ชัด ่ และ  ดำา รงชีว ิต อยูย ืน นานถึง ระยะทีเ ป็น แก ่ ่ มีโ ทไฟต์ช อบขึน ในทีแ ฉะ  เช่น   ้ ่  มอส  (moss) ลิเ วอร์ต   (liverwort) เป็น ต้น
  • 49. ดิว ิช ัน ไซโลไฟตา (Division Psilophyta)  พืช ในวิด ิช ัน นี้เ ป็น พืช ที่ม เ นื้อ เยือ ี ่ ลำา เลีย งลำา ต้น มีข นาดเล็ก  เป็น เหลี่ย ม  ลำา ต้น ส่ว นใหญ่อ ยู่ใ นดิน เรีย กว่า ลำา ต้น ใต้ด ิน  (rhizome)  มีส น ำ้า ตาล  ส่ว นอยู่ เหนือ ดิน เหนือ ดิน ี มีส เ ขีย วแตกกิ่ง ี  ไม่ม ใ บ แต่ม เ กล็ด เล็ก ๆ  ติด อยูท ี่ผ ิว ี ี ่  ตัว อย่า งเช่น   หวายทะนอย หรือ
  • 50. ดิว ิช ัน ไลโคไฟตา(Divison Lycopyta)  พืช ในดิว ิช ัน นีบ างชนิด เจริญ เป็น ้ อิส ระ บางชนิด เจริญ บนต้น ไม้ช นิด อืน เรีย กว่า อีพ ไ ฟต์ (Epiphyte) มี ่ ิ รากจำา นวนมากต้น แต่ม อ ายุส น ี ั้  ลำา ต้น สร้า งใบที่แ ท้จ ริง แล้ว เป็น ใบ ชนิด ไมโคฟีล ล์ (microphyll)  ซึง มีข นาดเล็ก และไม่ม เ ส้น ใบ ่ ี       
  • 51.  หรือ อาจมี เส้น ใบไมแต่ไ ม่แ ตก แขนง     เมื่อ สปอโรไฟต์เ จริญ เต็ม ที่จ ะสร้า งส ปอร์ภ ายในอัป สปอร์บ นใบ คล้า ย  ไมโครฟีล ล์ เรีย กว่า   สปอโร ฟีล ล์  (sprophyll)  ซึง จะเรีย งตัว กัน แน่น เห็น  เป็น ่ แท่ง  เรีย กว่า  สตอบิล ัส  (strobilus) อยู่ต รงบริเ วณ ปลายสุด ของกิง ่  หรือ ลำา ต้น สปอร์เ จริญ เป็น แกมีโ ท
  • 52. ดิว ิช ัน สฟีโ นไฟตา (Division  Sphenophyta) ในดิวิชนนีสปอร์โรไฟต์มีลำาต้นที่มข้อและปล้อง ั ้ ี เห็นได้ชดเจน เมือเจริญเต็มทีภายในกลวง ั ่ ่  ประกอบด้วยลำาต้นที่อยู่เหนือพืนดินมีสเขียว ้ ี   ทำาหน้าทีสังเคราะห์ด้วย แสงแทนใบเพราะใบชนิด ่ ไมโครฟีลล์ มีขนาดเล็กมาก ลักษณะเป็นเกล็ด  จำานวนหลายใบเจริญรอบๆ ข้อ ลำาต้น ที่อยู่ใต้ดิน สี นำ้าตาล มีรากจำานวนมากเจริญจากข้อมีสรอบิลสที่ ั บริเวณปลายกิ่ง  เช่น หญ้าถอดปล้อง หรือหญ้าเงือก หรือ หญ้าหู หนอก (Equisetum)
  • 53. ดิว ิช ัน เทอโรไฟตา(Division Pterophyta)  พืช ในดิว ิช ัน นี้ เป็น กลุ่ม พืช ที่ม จ ำา นวน ี ชนิด หรือ สปีช ีส ม ากกว่า ดิว ิช ัน ์ อืน ๆ  ทั้ง หมดที่ผ ่า นมา ่  ตัว อย่า งพืช ในดิว ิช ัน นี้ เช่น เฟิร ์น มี ราก ลำา ต้น และใบ  เห็น ได้ช ัด เจน และมีค วามสับ ซ้อ นมากขึน กว่า พืช ้ กลุ่ม ที่ผ ่า นมา เฟิร ์น มีข นาดแตกต่า งกัน ตั้ง แต่ข นาด เล็ก ถึง ขนาดใหญ่  ส่ว นใหญ่ช อบขึน ในทีช ุ่ม ชื้น และมีร ม ้ ่ ่
  • 54. - บางชนิด เป็น พืช ลอยนำ้า เช่น แหนแดง จอกหูห นู - บางชนิด อยูใ นร่ม หรือ ที่ช น แฉะ เช่น ผัก ่ ื้ แว่น ผัก กูด - บางชนิด แกาะอยูต ามต้น ไม้ห รือ กิง ไม้ ่ ่ เช่น ชายผ้า สีด า เฟิร ์น เขากวาง
  • 55. ดิว ิช ัน โคนิเ ฟอโรไฟ ตา( Division Coniferophyta)  พืช ในดิว ิช ัน นีเ ป็น ไม้ย ืน ต้น ที่ม ข นาด ้ ี สูง ใหญ่ แตกกิง ก้า นมาก   ่  ใบเป็น ใบเดี่ย วแต่ม ก มีข นาดเล็ก ั คล้า ยรูป เข็ม มีเ มล็ด สำา หรับ สืบ พัน ธุ์ ใบเป็น ใบเดีย ว      ่  แต่ม ก มีข นาดเล็ก คล้า ยรูป เข็ม มี ั เมล็ด สำา หรับ สืบ พัน ธุ์ เมล็ด ไม่ม ผ นังี รัง ไข่ห ่อ หุ้ม เมล็ด ติด อยู่ก บ ส่ว นที่ม ี ั
  • 56.   รูป โคนพืช พวกนี้ช อบขึน ตามที่ม ี ้ อากาศเย็น   เช่น ในเขตหนาว  ถ้า เป็น เขตร้อ นจะอยูต ามผู้เ ขาสูง ่ ระดับ 800 เมตรขึ้น ไปเพราะ  มีอ ากาศ เย็น เช่น ดอยอิน ทนนท์ ภูก ระดึง   ดอยขุน ตาล  ตัว อย่า งพืช   เช่น สนสอง ใบ   (Pinus merkusii) สนสามใบ   (Pinus khasya)
  • 57.  ดิว ิช ัน ไชแคโดไฟตา  (Division Cycadophyta)  พืช ในดิว ิช ัน นีม ล ำา ต้น ใหญ่ ลำา ต้น ้ ี ส่ว นใหญ่ใ ต้ด น   มีล ัก ษณะเป็น หัว ิ เก็บ อาหารจำา พวกแป้ง  อีก ส่ว นหนึ่ง อยู่เ หนือ ดิน       สร้า งใบเป็น กระจุก อยู่ท ย อดของ ี่ ลำา ต้น   ซึง ไม่ค อ ยแตกแขนง ใบเป็น ่ ่ ใบประกอบขนาดใหญ่  ใบย่อ ยมีจ ำา นวนมาก ขนาดเล็ก และ แข็ง พืช ในกลุ่ม นี้ คือ
  • 58. ดิว ิช ัน แอนโทไฟตา(Division Anthophyta)  พืช ในดิว ิช ัน นีเ ป็น พืช ที่ส ร้า ง ้ อวัย วะสืบ พัน ธุ์ เรีย กว่า ดอก เป็น ก ลุ่ม พืช ทีม ว ิว ัฒ นาการมากที่ส ด ่ ี ุ  ในบรรดาพืช ที่ม เ นือ เยื่อ  ลำา เลีย ง ี ้ ทัง หมด ดอกทีเ ป็น อวัย วะ  สืบ พัน ธุ์ ้ ่ สร้า งเมล็ด มีร ง ไข่ห ่อ หุ้ม ั  บางชนิด มีด อกขนาดใหญ่เ ห็น ได้ ชัด เจน  เช่น  กุห ลาบ ชบา
  • 59.   พืช มีด อกเหล่า นี้ บางชนิด อยู่ใ นนำา ้ เช่น บัว ผัก ตบ  บางชนิด เกาะต้น ไม้อ น เช่น กล้ว ยไม้ ื่ บางชนิด เลื้อ ย พัน กับ ต้น ไม้อ น  เช่น เถาวัล ย์ เป็น ต้น ื่ บางชนิด เป็น ปรสิต เช่น   กาฝาก ฝอยทอง  ดิว ิช ัน นี้แ บ่ง เป็น 2กลุ่ม ย่อ ย คือ พืช ใบเลี้ย งคู่ และพืช ใบเลี้ย งเดีย วโดย ่ ใช้โ ครงสร้า งสำา คัญ ของ เอ็ม บริโ อ   ราก  ลำา ต้น ใบ   และดอก
  • 60. ดิว ิช ัน กิง โกไฟตา(Division  พืช ในอาณาจัก รนี้ป จ จุบ น มีเ พีย ง Ginkgophyta) ั ั ชนิด เดีย ว คือ แป๊ะ ก๊ว ย  (ginkgobilloba)เป็น ไม้ย ื่น ต้น เหมือ นสน เจริญ ได้ด ี ในเขตหนาว เช่น จีน ญีป ุ่น   แป๊ะ ก๊ว ยเป็น พืช แยก ่ เพศ คือ ต้น ตัว ผู้ส ร้า งสตรอบิล ัส ตัว ผู้   (malestrobilus)เป็น ช่อ  ประกอบ  ด้ว ยสตรอบิล ัส หลายอัน ต้น ตัว เมีย จะสร้า งเมล็ด ที่ไ ม่ม ร ง ไข่ห ่อ ี ั หุ้ม เป็น ช่อ  ช่อ ละ 2 เมล็ด