Más contenido relacionado La actualidad más candente (20) Similar a อารยธรรมยุคกลาง ยุคใหม่(อัพเดท2557) (13) Más de Heritagecivil Kasetsart (20) อารยธรรมยุคกลาง ยุคใหม่(อัพเดท2557)4. ประวัติศาสตร์มนุษยชาติ
1.3 ยุคโลหะ (Copper Age)
4,000-2,500 B.C.
- การใช้ทองแดงและสำาริด
- การสร้างระบบชลประทาน
- เมืองเป็นศูนย์กลางขอฃการกสิกรรม
- การเกิดชนชั้น
1.4 สมัยก่อนประวัติศาสตร์ในประเทศไทย
- วัฒนธรรมบ้านเก่า อ.เมือง
จ.กาญจนบุรี
- วัฒนธรรมบ้านเชียง อ.หนองหาน
5. ประวัติศาสตร์มนุษยชาติ
2.สมัยประวัติศาสตร์และอารยธรรมโลก
2.1 อารยธรรมตะวันตกยุคโบราณ
2.1.1 อารยธรรมอียิปต์ : ของขวัญจากแมน่ำ้าไนล์
2.1.2 อารยธรรมเมโสโปเตเมยี : ดินแดน
พระจันทร์เสี้ยวอันอุดมสมบูรณ์
2.1.3 อารยธรรมของกลุ่มชนในตะวันออกกลาง :
ฟีนีเชีย ฮีบรู และเปอร์เซีย
2.1.4 อารยธรรมกรีก : นักธรรมชาตินิยมและ
มนุษยนิยม
2.1.5 อารยธรรมโรมนั : นักรบและนักปกครองผู้
ยิ่งใหญ่
6. สมัยประวัติศาสตร์และอารยธรรม
โลก (ต่อ)
2.2 อารยธรรมตะวันออกยุคโบราณ
2.2.1 อารยธรรมอินเดีย : อนุทวีป
ที่น่าทึ่ง
2.2.2 อารยธรรมจีน : ดินแดนแห่ง
ลัทธิประเพณี
2.3 อารยธรรมยุคกลาง
2.3.1 อารยธรรมยุโรปยุคกลาง :
ยุคแห่งศรัทธา
2.3.2 อารยธรรมอิสลาม : แหล่ง
ความรู้และความเจริญในยุคกลาง
7. สมัยประวัติศาสตร์และอารยธรรม
โลก (ต่อ)
2.4 อารยธรรมยุคใหม่
2.4.1 การฟื้นฟูศิลปวิทยา
2.4.2 การปฏิรูปศาสนา
2.4.3 การปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์
2.4.4 การปฏิวัติอุตสาหกรรม
2.4.5 การปฏิวัติประชาธิปไตย
2.4.6 สงครามโลกครั้งที่ 1
2.4.7 สงครามโลกครั้งที่ 2
2.4.8 โลกหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
8. สมัยประวัติศาสตร์
1.ยุคโบราณ (Early
Civilizations)
3,500 ปีก่อนค.ศ. - ค.ศ.476
2.ยุคกลาง (Middle Ages)
ค.ศ.800 - ศตวรรษที่ 15
3.ยุคใหม่ (Modern Times)
ศตวรรษที่ 15 - ตน้ศตวรรษที่
20 (World War I)
4.ยุคปจัจุบัน (Contemporary
World)
กลางศตวรรษที่ 20
(หลังWorld War II) - ปัจจุบัน
9. ยุค
โบราณ
จีน
กลุ่มชนใน
ตะวันออก
กลาง
โรมัน
อารยธ
รรม
ตะวัน
ออก
อารยธ
รรม
ตะวัน
ตก
กรีก
อียิปต์
อินเดีย
เมโสโป
เตเมีย
11. อารยธรร
ม
ยุคใหม่
การปฏิวัติ
ทาง
วิทยาศาส
ตร์
การ
ปฏิวัติ
อุตสาหก
รรม
การ
ปฏิรูป
ศาสนา
การฟื้นฟู
ศิลปวิทย
า
สงครามโ
ลกครั้งที่
1
การปฏิวัติ
ประชาธิป
ไตย
12. โลกร่วม
สมัย
(ยุค
ปัจจุบัน)
โลกหลัง
สงครามโลก
ครั้งที่ 2
สงครามโล
กครั้งที่ 2
เกิดภาวะ
สงคราม
เย็น
ทุกประเทศ
ในยุโรป
ร่วมมือกัน
สร้าง
สันติภาพ
14. อารยธรรมยุโรปยุคกลาง : ยุคแห่ง
ศรัทธา หรือ ยุคมดื
C.5-C.15
- เกิดขึ้นหลังจากจักรวรรดิโรมันตะวันตกล่ม
สลายเพราะถูก
อานารยชนเผ่าเยอรมันรุกราน
- รูปแบบการปกครองสมัยนี้เรียกว่า ระบบ
ฟิวดัล(Feudalism)
หรือ ศักดินาสวามิภักดิ์
- คริสต์ศาสนาเรืองอำานาจ เหนือชีวิตของทุก
คนในยุคกลาง
- ผลดีและผลเสยีของระบบฟิวดัล
16. จักรวรรดิโรมันตะวันตกทำาให้เกิด
ยุคกลางของยุโรป
- อานารยชนเผ่าเยอรมันรุกราน และโจรผู้ร้าย
ชุกชุม ชาวนาจึงเกิดความหวาดกลัวจนต้องยก
ที่ดินของตนให้ผู้มีอำานาจเพื่อขอความคุ้มครอง
โดยยอมเปลี่ยนสภาพเป็นผู้เช่าที่ดินของลอร์ด
- ทำาให้เกิดระบบฟิวดัล ซึ่งเป็นพื้นฐานการ
ปกครอง เศรษฐกิจ และสังคมของสมัยนี้
- อำานาจการปกครองกระจาย
(decentralization) ไปตามส่วนต่างๆที่
ขุนนางเป็นใหญ่
- เศรษฐกิจเป็นแบบพอเพียง เลี้ยงตัวเอง (self -
sufficience)
17. รูปแบบการปกครองระบบ
ฟิวดัล(Feudalism)
หรือ ศักดินาสวามภิักดิ์
- มีการสวามิภักดิ์ และสง่ส่วยกันเป็นทอดๆ
ระหว่างข้า(vassal)กับเจ้าเหนือหัว (Lord) โดย
เจ้าเหนือหัวจะต้องให้ความคุ้มครองและความ
ยุติธรรมแก่ข้า
- เศรษฐกิจในสมัยนี้ เรียกว่า ระบบ
แมนเนอร์(Manorial system) ซึ่งมีความ
สมบูรณ์ด้านการเกษตรในตัวเอง การค้าขาย
แทบไม่มีเลย
18. รูปแบบการปกครองระบบ
ฟิวดัล(Feudalism)
หรือ ศักดินาสวามิภักดิ์ (ต่อ)
การยึดครองที่ดินในระบบแมนเนอร์แบ่งออก
เป็น 2 พวกคือ
1.ดีมีนส์ เป็นไร่นาส่วนที่ดีที่สุด
2.วิลเลนเนเจียม เป็นที่ดินของขุนนางที่ให้
ชาวนาและทาสติดที่ดินไป เพาะปลูก
การทำานาในระบบแมนเนอร์เป็นนาเปิด
(open – field system)
19. รูปแบบการปกครองระบบ
ฟิวดัล(Feudalism)
หรือ ศักดินาสวามิภักดิ์ (ต่อ)
- ชาวนามีทั้งที่เป็นเสรีชน (villein) และไพร่ติด
ที่ดิน (serve)
- ขุนนางมีบรรดาศักดิ์ลดหลั่นกันลงมา เช่น
Duke, Earl, Lord และ Baron
- กษัตริย์เป็นหัวหน้าขอบเขตขัณฑสีมา แต่
อำานาจที่แท้จริงอยู่กับขุนนางตามแคว้นต่างๆ
กษัตริย์จึงได้ฉายาว่า “First among the
equals”
- ขุนนางจะต้องฝึกฝนการรบพุ่งและสถาปนาเป็น
อัศวินในขั้นต้น ส่วนอีกประเภทหนึ่งคือขุนนาง
ที่สืบทอดจากบรรพบุรุษ
30. Narbonne Gate, the main entrance to the fortress. The gatehouse, or barbican,
is open at the top, so defenders could attack it from the towers. How to greet unwelcome
guests? With arrows, rocks, boiling water, and molten lead, of course.
31. A side view of the Narbonne Gate. Much of the castle was built during
the 12th and 13th centuries.
32. The Tower of Justice, one of 53 towers. In the background is the
Basilica of St. Nazaire.
33. A final view of Carcassonne, from across the Aude River.
34. Sunset on the walls of Chateau Comtal, the heart of the castle.
35. In 1853, work began to restore Carcassonne to its former glory,
led by architect Viollet-Le-Duc. He devoted the next decades of his life to
the castle, and it became his masterpiece.
39. Medieval Village - Puy du Fou
A reconstruction of a typical Medieval village within the walls
includes a moat too. There are shops with craftsmen going about their
business, an inn as well as animals roaming about.
40. คริสต์ศาสนาเรืองอำานาจในยุคกลาง
- คริสต์ศาสนา มีอิทธิพลเหนือชีวิตและจิตใจของ
คนในแมนเนอร์ โดยมีสันตะปาปาเป็นประมุข
- เชอื่ใน Doctrine of Predestination ชีวิต
ถูกพระเจ้าลิขิตไว้แล้ว
- เน้นความสุขในโลกหน้า โดยยอมทุกข์ยากใน
โลกนี้ ชีวิตจิตใจ ถูก
ครอบงำาโดยศาสนจักร เพื่อขึ้นสวรรค์ในโลก
หน้า
- ศาสนาคริสต์มีพิธีกรรมต่างๆที่ศาสนิกชนต้อง
ปฏิบัติหลายอย่าง ตั้งแต่เกิดจนตาย
41. คริสต์ศาสนาเรืองอำานาจในยุคกลาง
(ต่อ)
- เครื่องมือที่สนับสนุนฝ่ายศาสนจักรให้อยู่เหนือ
ฝ่ายอาณาจักร หรือวิธีการลงโทษผู้ที่ไม่เชื่อฟัง
หรือพวกนอกรีต โดยการทำาบัพพาชนียกรรม
หมายถึง การตัดขาดจากศาสนา
- พระมีการศึกษามากกว่าขุนนางและคนธรรมดา
- พระเป็นผู้วางนโยบายเศรษฐกิจในสังคมยุค
กลาง ฐานะของพระจึงมั่งคงั่
มีอำานาจ มีความรู้ และมีทรัพย์สมบัติ (ที่ดินและ
เงิน)
- อาราม(Monastery) ให้การศึกษาชนชั้นสูง
ในยุโรปยุคกลาง
42. 15th century painting of Pope Urban II at the Council of Clermont,
where he preached an impassioned sermon to take back the Holy Land.
51. Monasteries and churches throughout the empire were financed
by the emperor and by wealthy citizens. The architecture of many of these
buildings, like this one in Greece, showed the influence of Constantinople.
57. มหาวิหาร นอร์
ทดาม
แห่งปารีส
(Notre Dame
De Paris) เป็น
มหาวิหารโรมัน
คาธอลิค
ตัวอย่างของ
สถาปัตยกรรม
โกธคิ-ฝรั่งเศส ที่ดี
ที่สุด
61. ผลดีของระบบฟิวดัล
- เกิดลัทธิวีรคติ ได้แก่ ความสุภาพอ่อนโยนใน
การประพฤติต่อผู้อื่น
มีความกล้าหาญ เสียสละ ช่วยเหลือสตรีและเด็ก
ให้เกียรติกับศัตรูที่
ยอมแพ้ เหล่านี้เป็นระเบียบที่ใช้อบรมสุภาพ
บุรุษในยุโรปยุคกลาง
จนถึงปัจจุบัน
- ขุนนางเป็นผู้อุปถัมภ์และเก็บรวบรวมศิลปกรรม
และวรรณกรรม
- ชาวไร่ชาวนาไม่อดตาย มีที่ดินทำากินตลอด
เวลา และอยู่ในความอุปถัมภ์
62. According to the History of Knights the young man was made a
knight at the age of 21. This was an occasion of elaborate ceremony and
solemn vows. After a purification bath, the candidate for knighthood knelt or
stood all night in prayer before the altar on which lay the precious armor he
would don on the morrow.
63. ผลเสียของระบบฟิวดัล
- สมัยฟิวดัลมีการรบพุ่งระหว่างขุนนางอยู่ตลอด
เวลา ทำาให้เสยีทรัพย์สนิ
และชีวิตผคู้น รวมทั้งความเจริญต่างๆหยุด
ชะงัก อีกทั้งยังเป็นอุปสรรค
ต่อการค้าขาย
- แต่ละแมนเนอร์อยู่เป็นอิสระ ไม่ติดต่อกัน ไม่
นิยมการค้าขาย ทำาให้
ความเจริญมักมีอยู่เป็นถิ่นๆ
- ขุนนางมีอำานาจและทำาการปกครองเป็น
หย่อมๆ ทำาให้การรวมอำานาจ
เข้าสู่ศูนย์กลางไม่สะดวก
64. ผลเสียของระบบฟิวดัล (ต่อ)
- ศาสนจักรสั่งสอนผู้คนเชื่อฟังและปฏิบัติตามโดย
ไม่กล้านอกรีต เพราะกลัวจะตกนรก
- เศรษฐกิจซบเซา เนอื่งจากชนชั้นกลางที่เป็น
พ่อค้าไม่สามารถค้าขายได้อย่างสะดวกและ
ปลอดภัย
65. ความเสื่อมของระบบฟิวดัล
1.ปฏิวัติทางการค้า ตั้งแต่ศตวรรษที่ 11
เป็นต้นมา
- การฟื้นฟูการค้ากับตะวันออกใกล้
- เกิดหัวเมืองการค้า และถนนหนทาง
- มีความต้องการสินค้ามากขึ้นนับตั้งแต่สงคราม
ครูเสดเป็นต้นมา
- จึงเกิดชนชั้นกลางที่รำ่ารวย
2.กาฬโรคระบาด ในศตวรรษที่ 14
- ผู้คนล้มตายเป็นจำานวนมาก แรงงานหายาก
- ทาสติดที่ดิน เป็นเสรีชนมากขึ้น
3.สงครามครูเสด ศตวรรษที่ 11-13
66. สงครามครูเสด
สาเหตุของสงครามครูเสด
- สงครามครูเสดเกิดจากความขัดแย้งระหว่างค
ริสตจักรในยุโรปกับอาณาจักรมุสลิมเติร์กใน
เอเชียไมเนอร์ หรือเอเชียตะวันตก ที่บุกมา
ประชิดจักรวรรดิโรมันตะวันออก
- ผู้แสวงบุญชาวคริสต์ได้หลั่งไหลเข้าไปยังนคร
เยรูซาเล็ม ซึ่งถูกยึดครองโดยพวกเติร์ก แต่ถูก
ปล้นสดมภ์หรือได้รับการปฏิบัติไม่ดี
67. สาเหตุของสงครามครูเสด (ต่อ)
- พวกขุนนางและกษัตริย์ต่างก็ชอบรบพุ่งทำา
สงครามซึ่งกันและกัน การยกย่องความกล้า
หาญและความเป็นนักรบ ทำาให้ประชาชนชาว
คริสต์สมัครเข้าเป็นทหารกันมาก พวกสงัฆราช
ได้ยุยงให้ประชาชนฮึกเหิมเพื่อส่งเสริมให้คน
เหล่านี้ไปรบกับพวกมุสลิมเติร์กแทน โดยอ้างว่า
จะได้บุญกุศล และเพื่อชิงนครเยรูซาเล็มอัน
ศักดิ์สิทธิ์กลับคืนมา
- สันตะปาปาเออร์บานที่ 2 ได้เรียกประชุมชาว
คริสต์ เพื่อทำาสงครามกับชาวมุสลิมเติร์ก จึงเกิด
เป็นสงครามครูเสด ตั้งแต่ ค.ศ.1096 ถึง ค.ศ.
68. สาเหตุของสงครามครูเสด (ต่อ)
- การค้าในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนตกอยู่ในความ
ควบคุมของชาวมุสลิม พวกพ่อค้าต่างชาติโดย
เฉพาะพ่อค้าจากเวนิซ ปิซา และเจนัว ต่างก็มี
ผลประโยชน์ทางการค้าอยู่ในแถบนี้ แต่ถูกปิด
กั้นเสน้ทาง ดังนั้นผลประโยชน์ทางการค้าจึงมี
บทบาทสำาคัญอยู่ในสงครามครูเสด
- สาเหตุที่ได้ชอื่ว่าสงครามครูเสด เพราะ
สันตะปาปานำาเครื่องหมายกางเขนสีแดง แจก
จ่ายแก่ผไู้ปรบ ไม้กางเขนจึงเป็นสัญลักษณ์ของ
สงครามครูเสด
70. ผลของสงครามครูเสด (ต่อ)
- ผลจากสงครามครูเสดและสงครามในยุโรปใน
เวลาต่อมา ทำาให้อัศวินและขุนนางตายเป็น
จำานวนมาก ระบบศักดินาสวามิภักดิ์จึงอ่อนแอ
ลง
- พ่อค้ารำ่ารวยจากการค้าขายระหว่างตะวันออก
กับตะวันตก โดยมีคาบสมุทรอิตาลีเป็นหัวเมือง
การค้าที่สำาคัญ เป็นที่มาของ Renaissance
- กษัตริย์ได้รับการสนับสนุนจากพ่อค้าและชนชั้น
กลางที่รำ่ารวย ทำาให้เกิดเป็นรัฐชาติที่กษัตริย์
รวมอำานาจเข้าสู่ศูนย์กลางได้สำาเร็จ
75. อารยธรรมอิสลาม: แหล่งความรู้และ
- ศาสนาอคิสลวาามมกเำาจเนริดิญขใึ้นน ใยนุคบกริเลวณางคาบสมุทรอา
ระเบีย
ในต้นคริสต์ศตวรรษที่ 7 โดยมีพระมุฮัมมัดเป็นผู้
ประกาศศาสนา
- ได้รับอิทธิพลของศาสนายูดาห์และศาสนาคริสต์
ในการนับถือ
พระเจ้าองค์เดียว คือ อัลเลาะห์
- การขยายตัวของศาสนาและจักรวรรดิอิสลาม
สมัยอุมัยยัด ศูนย์กลางอำานาจอยู่ที่กรุง
ดามัสกัส (ซีเรีย)
สมัยอับบาสดิ (ค.ศ.750- ค.ศ.1258)
78. อารยธรรมอิสลาม: แหล่งความรู้และ
ความเจริญในยุคกลาง (ตอ่)
- หลังคริสต์ศตวรรษที่ 9 จักรวรรดิอิสลามเริ่ม
เสื่อมลง มีการแยกตัวเป็น
อิสระ เช่น สเปน โมรอคโค ตูนีเซีย และอียิปต์
- ต่อมาจักรวรรดิถูกรุกรานโดยเตอร์กและ
มองโกล ทำาให้แตกแยกออกเป็นรัฐเล็กรัฐน้อย
และรวมเป็นจักรวรรดิออตโตมนั ใน คริสต์
ศตวรรษที่ 14
- อารยธรรมอิสลามเป็นแหล่งสะสมความรู้ความ
เจริญของดินแดนต่างๆที่เคยอยู่ใต้จักรวรรดิ
80. Age of the Caliphs
Expansion under the Prophet Mohammad, 622-632
Additions during the Patriarchal Caliphate, 632-661
Additions during the Umayyad Caliphate, 661-750
83. Rituals of the Hajj (pilgrimage) include walking seven times
around the Kaaba in Mecca.
84. Map showing distribution of Shia and Sunni Muslims in Africa, Asia and Europe
(ผู้ที่นับถือนิกายชิอะห์ มเีพียงประมาณ 1 ใน 10 ของมสุลิมทวั่
โลก)
85. โดมแห่งศิลา (Dome of the Rock)
ก่อสร้างในคริสต์ศตวรรษที่ 7 ได้ชอื่ว่าเป็น
สงิ่ปลูกสร้างของอิสลามที่เก่าแก่ที่สดุในโลก
และเป็นสเุหร่าศักดิ์สทิธสิ์ำาหรับชาวมุสลิม
โดมแห่งนี้ตกแต่งด้วยลวดลายเรขาคณิตและ
ลายดอกไม้งดงาม
96. อารยธรรมยุคใหม่ (ศตวรรษที่ 15
- ต้นศตวรรษที่ 20)
การฟื้นฟูศิลปวิทยาการ (C.15-C.17)
- Renaissance คือ การฟื้นฟู
อารยธรรมคลาสสคิของกรีก
และโรมันขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
-จุดเริ่มตน้คือ หัวเมืองการค้าใน
คาบสมุทรอิตาลี เชน่
ฟลอเรนซ์ เจนัว เวนิซ
97. ลักษณะของ Renaissance
- ยกย่องความสามารถของมนุษย์
(มนุษยนิยม)
- มองโลกในแงดี่ ชื่นชมชวีิตปัจจุบัน
- ไม่ยอมจำานนต่ออำานาจศาสนา
- เน้นความเป็นปัจเจกชน
- มีผลงานหลายด้าน เช่น วรรณคดี
ศิลปะ สถาปัตยกรรม การเมือง ศาสนา
วิทยาศาสตร์
- วิชาความรู้แพร่หลายโดยการพิมพ์
ที่ใช้แท่นพิมพ์เคลื่อนที่
- ขยายตัวจากคาบสมุทรอิตาลี ไปยัง
100. นกัมนษุยนิยมสมยั Renaissance
1.อิตาลี –
Petrarch,Boccaccio,Machiavelli
2.ฝรั่งเศส –
Rabelais,Ronsard,Michel de
Montaigne
3.สเปน – Michael de
Cervantes,Erasmus
4.อังกฤษ – Sir Thomas More ,
Shakespeare,Bacon
102. Francesco Petrarca
บิดาทางวรรณคดีสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา
การ
เพทราคเห็นว่ามนุษย์เป็นสิ่งทสี่ำาคัญที่สุด เป็นผล
งานชิ้นเอกของพระผเู้ป็นเจ้า จงึมีค่าควรแก่การ
สนใจศึกษา งานเขียนของเพทราคแสดงถึง
เจตนารมณ์ และอุดมคติของสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา
การ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของโลก
103. Giovanni
Boccaccio
ตัวแทนของชนชั้นกลาง
ยุคใหม่ในอิตาลี
บอคคาชิโอ มคีวาม
สามารถในการล้อเลียน
เยาะเย้ย และเสียดสีสังคม
โดยเฉพาะสังคมในสมัย
กลาง ขณะเดียวกันเขาก็
ปลูกฝังทัศนคติใหม่ๆให้แก่
ชนชั้นกลาง ทเี่ริ่มก่อตัว
ขึ้นในสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา
การ โดยเน้นการแสวงหา
ความรู้ ความขัยนหมนั่
เพียรในการทำางาน ความ
เชื่อมนั่ในตนเอง และไม่
104. Machiavelli
ผู้เขียนเรื่อง “เจ้านคร”
(The Princ e ห)นังสือทมี่ชีื่อเสียงของมาคิ
อาเวลลี คือเรื่อง The Prince
เขาเสนอว่าผู้ปกครองต้องแยก
เรื่องการเมอืง การปกครอง
ออกจากศีลธรรมทางศาสนา
อย่างเด็ดขาด งานเขียนของ
เขาสะท้อนความคิดทางโลก
และมมีนุษย์เป็นจุดศูนย์กลาง
The Prince มีอิทธิพลอย่าง
ยิ่งต่อแนวความคิดทางการ
เมอืงสมยัใหมข่องยุโรป
บรรดากษัตริย์และเจ้าผู้ครอง
106. Rabelais
นักเขียนชาวฝรั่งเศสสมัยเรเนสซอง
ส์
ราเบอเล่ส ์เป็นบาทหลวงททีิ่้งวัด
เป็นแพทย์ทไี่ม่ได้รักษาพยาบาลเป็นอาชีพ
และเป็นนักศึกษาที่ซาบซึ้งต่อวิทยาการสมัยคโดยเฉพาะวรรณคดี ทำาใหเ้ขาเป็นนักเขียนทชื่อเสียงเด่น ราเบอเล่สไ์ด้ชื่อว่า เป็นผู้ใหก้ำาเนิร้อยแก้วฝรั่งเศสสมยัใหม่ โดยเน้นการผละออความเข้มงวดทางศีลธรรม มาสู่ความเป็นมนุษ 108. Michel de Montaigne
ได้ชอื่ว่าเป็นผู้วางรากฐานของยุคแห่งเหตุผล ซึ่งมี
อิทธิพลในศตวรรษที่ 18
มงแตนญ์ เป็นนักกฎหมายทลี่ะทงิ้วิชาชีพ
เพื่อใช้ชีวิตทั้งชีวิตในการศึกษาวิทยาการสมัยคผลงานทสี่ำาคัญ คือ ความเรียง (Essays) มงแตผู้ที่สงสัยไมย่อมเชื่ออะไรทั้งสิ้น เขาเชื่อว่า เพอื่จะถึงความจริงอันถูกต้องแน่แท้ คนจะต้องทำาตัวให้
ปลอดจากอคติของศาสนา เขาเชื่อว่า เป้าหมายทของชีวิตคือการแสวงหาความรื่นรมย์ อันเกิดจาก
ภมูปิัญญา เขามอีิทธิพลอย่างมากต่อบรรดานักคินักเขียนรุ่นหลังๆ
110. Miguel de Cervantes
งานชิ้นเอกของเซอร์บันเตส
คือ Don Quixote ซงึ่นัก
วิจารณ์วรรณคดียกย่องว่าเป็น
นวนิยายทยี่งิ่ใหญท่สีุ่ดทเี่คยมมีา
เป็นเรื่องราวของอัศวินที่คิด
ฟุ้งซ่านในเรื่องของความกล้า
หาญและเกียรติยศตามประเพณี
สมยักลาง เขากบัผู้ติดตามได้เดิน
ทางผจญภยัไปทวั่สเปน ด้วย
ลีลาการเขียนที่สละสลวย งดงาม
แฝงด้วยความขบขันอย่าง
ละเมยีดละไม แสดงถึงชีวิตความ
เป็นอยู่ของสเปนในสมัยคริสต์
ศตวรรษที่16 โดยผู้เขียน
112. Desiderius Erasmus
นักมนุษยนิยมคนสำาคัญที่มีอิทธิพล
ต่อการปฏิรูปศาสนา
อีรัสมสั นักบวชชาว
ฮอลแลนด์ ผู้ทไี่ด้รับสมญาว่า
“เจ้าแห่งนักมนุษยนิยม” เขา
เป็นผู้ที่มีอิทธิพลในด้านความ
คิดอย่างลึกซึ้งและกว้างขวาง
ทสีุ่ดในคริสต์ศตวรรษที่ 16
งานทสี่ำาคัญที่สุดของเขาคือ
The Praise of Folly ซึ่ง
เขียนเยาะเย้ยเสียดสีการ
ปฏบิัติตนของคนในสมยันนั้
ซงึ่เต็มไปด้วยความโง่เขลา
ความหลงเชื่อในไสยศาสตร์
114. William Shakespeare
เป็นกวีและนักเขียนบทละครชาวอังกฤษที่มีชื่อเสียง
และอิทธิพลที่สุดในโลก
งานประพันธ์ของเชคสเปียร์
แสดงใหเ้ห็นแง่มมุต่างๆ ในทางโลก
เขาได้แสดงบุคลิกภาพต่างๆของ
มนุษย์ออกมาในตัวละคร อีกทงั้ยัง
ได้วิเคราะหอ์ารมณ์ แรงบันดาลใจ
ความขัดแย้งในเชิงจิตวิทยาของ
มนุษย์ได้อย่างลึกซึ้ง เขายกย่อง
มนุษย์ให้เป็นผู้กำาโชคชะตาของ
ตนเอง มนุษย์จึงเป็นศูนย์กลางของ
ทกุสงิ่ทุกอย่าง บทละครของเชคส
เปียร์ยังสะท้อนอารยธรรมกรีกและ
โรมนัโบราณ การค้นพบดินแดน
ใหม่การค้นคว้าวิทยาศาสตร์
115. Sir Thomas More
เซอร์ ทอมสั มอร์ นักคิดและ
นักเขียนแนวมนุษยนิยมที่สำาคัญ
ทสีุ่ดคนหนงึ่ของอังกฤษ ในต้น
คริสต์ศตวรรษที่ 16 งานชิ้น
สำาคัญคือ Utopia ซงึ่เป็นดิน
แดนในจินตนาการที่เป็นแบบ
สังคมนิยมทแี่ทจ้ริง ไมมี่
ทรัพย์สินหรือผลประโยชน์ส่วน
บุคคล ทกุสิ่งเป็นของส่วนรวม
ประชาชนทุกคนมีเสรีภาพใน
การนับถือศาสนา สงครามถือว่า
ผิดกฎหมาย เหล็กมคี่ามากกว่า
ทอง เพราะมปีระโยชน์มากกว่า
Utopia เป็นงานเขียนที่เกี่ยว
116. Sir Francis Bacon
นักวิทยาศาสตร์ที่ทำาให้ชาวยุโรปหันมามาสนวิทยาศาสตร์ของโลกยุคใหม่
122. จิตรกรเอกในสมัยเรอเนสซองส์เน้นความงามที่
เป็นจริงตามธรรมชาติ
Michael Angelo
ไมเคิล แองเจโร เป็นประติมากร
ชาวเมอืงฟลอเรนซ์ ผู้มีความ
สามารถเป็นเลิศ ในการลอกเลียน
แบบประติมากรรมกรีกและโรมัน
โบราณ ผลงานชิ้นสำาคัญ คือ รูป
แกะสลักDavid ซึ่งมชีีวิตจิตใจ
และอารมณ์ ความรู้สึก เขายังได้
วาดภาพจิตรกรรม
บนเพดานของโบสถ์ซิสทีนในกรุง
โรม เช่น ภาพการสร้างโลกของ
พระเจ้า การเกดิของอดัมและอีวา
โดยเน้นความสำาคัญของมนุษย์
และปัจเจกบุคคล เขาสามารถ
125. โบสถ์ซิสทีน (Sistine
chapel)
เป็นที่พำานักของพระ
สนัตปาปา
เป็นโบสถ์ที่มีชื่อเสียง
ด้านสถาปัตยกรรม
สมัยเรเนสซอง
โดยศิลปินที่มีชอื่เสยีง
อย่าง
ไมเคิล แองเจโล และ
อีกหลายท่าน
126. Raffaello Sanzio
ราฟาแอล เป็นศิลปินชาว
เมอืงฟลอเรนซ์ ทมี่คีวาม
สามารถแสดงออกถึง “ความ
งามในอุดมคติ” จากผลงานที่
มชีื่อว่า Madonna and
Child with John-Baptist
เขายังได้วาดภาพจิตรกรรมฝา
ผนังในห้องสมุดของ
สันตะปาปาจูเลียสที่ 2 ทชีื่่อว่า
School of Athens โดยได้
ทำางานร่วมกบัไมเคิล แองเจโร
ในกรุงวาติกัน ภาพของราฟา
แอลจะมีลักษณะสวยงามแบบ
129. Alessandro Botticelli
บอตติเชลลี ชาวเมอืงฟลอเรนซ์ ผู้มผีลงาจิตรกรรมชื่อว่า Birth of Venus ซึ่งได้รับทางความคิดจากนักมนุษยนิยม โดยการศึกจากธรรมชาติ และกายวิภาคของมนุษย์อย่าเปิดเผย ซงึ่แต่เดิมนนั้คริสต์ศาสนาจะไมย่อรูปเปลือยแบบต่างๆ ทำาใหเ้มอืงฟลอเรนซ์กเป็นแหล่งรวมงานศิลปะและความคิดด้าน
มนุษยนิยมและธรรมชาตินิยม
133. Leonardo da Vinci
ดาวินชีเป็นจิตรกรผู้
มชีื่อเสียง ชาวอิตาลี มี
ความสามารถทั้งด้าน
ประติมากรรม
สถาปัตยกรรม เป็นนัก
คณิตศาสตร์ นักปรัชญา
นักประดิษฐ์ นัก
พฤกษศาสตร์ เป็นผู้
ชำานาญด้านกายวิภาค
เป็นนักธรณีวิทยา และ
วิศวกร
ภาพจิตรกรรมที่มีชื่อ
เสียงโด่งดัง คือ
134. The Last Supper เป็นผลงานที่คณะสงฆ์
ในเมืองมิลาน ได้จ้างให้ลีโอนาโด วาดบนฝาผนัง
โบสถ์ ภาพนี้มีชอื่เสยีงในเรื่องของการ
จัดPerspective ซึ่งเหมือนภาพลวงตา ทำาให้รู้สึก
ว่าห้องดูลึกกว่าของจริง โดยมีวิวทิวทัศน์และ
ท้องฟ้าอยู่เบื้องหลัง
135. Mona Lisa
ภาพ Monalisa ซงึ่มชีื่อ
เสียงในเรื่องแสงเงา กายวิภาค
และเทคนิคต่างๆ ในการสร้างที่
ว่าง (space) ซึ่งทำาใหภ้าพมี
ความสมดุลและกลมกลืนกันอีก
ประการหนึ่งก็คือ ศิลปินไม่
จำาเป็นต้องสร้างภาพ หรือ ผล
งานให้ออกมาในรูปแมพ่ระ
หรือเทพธิดาเทา่นนั้
เพราะMonalisa เป็นเพียง
สภุาพสตรีชาวเมอืงฟลอเรนซ์
ธรรมดาคนหนงึ่เท่านนั้
138. Martin Luther
ผู้ก่อตั้งโปรเตสแตนท์ นิกายลูเธอร์
มาร์ติน ลูเธอร์ เป็นพระชาว
เยอรมัน
ผู้นำาในการปฏริูปศาสนา โดย
ยึดข้อความในคัมภีร์ไบเบิลเป็น
หลักแต่เพียงอย่างเดียว โดยตัด
เรื่องขนบธรรมเนียมประเพณี
ของศาสนจักรออกไป เหลือ
เพียง 2 ประการ คือ การทำาพิธี
ล้างบาป และการรับศีลมหาสนิท
เขาต่อต้านอภิสิทธิ์ของคณะ
สงฆ์ ในฐานะตัวกลางระหว่าง
สวรรค์กับโลกมนุษย์ และถอืว่า
139. Zwingli
ก่อตั้งนิกายสวิงกลีใน
สวิสเซอร์แลนด์
สวิงลี เป็นบาทหลวงชาว
สวิสเซอร์แลนด์ ผู้ทำาการปฏริูป
ศาสนาในสวิสเซอร์แลนด์ เริ่ม
ด้วยการประท้วง การขายใบ
ไถบ่าป เช่นเดียวกับลูเธอร์ และ
โจมตีสถาบันสันตะปาปา โดยเน้น
การตีความจากพระคัมภรี์โดยตรง
140. John Calvin
ก่อตั้งนิกายเคลวินในเจนีวา
จอห์น เคลวิน เป็นนัก
ปฏริูปศาสนาชาวฝรั่งเศส
ได้รับอิทธิพลของลูเธอร์
โดยยึดเอาพระคัมภีร์เป็น
สำาคัญ เคลวินต้องการให้
ศาสนามีบทบาทในการ
ปกครองให้วัดและพระสงฆ์
เป็นผู้นำาชุมชน ดูแลความ
ควบคุมความประพฤติและ
การศึกษา ใหเ้ลิกความ
สนุกสนาน และความ
ฟมุ่เฟือยต่างๆ เน้นการ
141. HENRY VIII
ก่อตั้งนิกาย Church of
England ห รื อ พ รAะเnจ้าgเฮlนiรcีทaี่ 8n ทรง
เป็นผู้นำาการปฏิรูปศาสนา
ในประเทศอังกฤษ โดยทรง
ก่อตั้งนิกาย Anglican
เนื่องจากทรงต้องการจะ
หย่าขาดกับพระนางแคทเธอ
รีน เพราะทรงโปรดปราน
นางพระกำานัลชื่อ Anne
Boleyne แต่พระ
สันตะปาปา Clementที่7
ไม่ยอมอนุมัติการหย่า และ
เนื่องจากพระองค์ต้องการ
143. - ลูเธอร์ได้ถูกบัพพาชนียกรรมโดย
สนัตะปาปา โดยมีเจ้าผู้ครอง นครรัฐแซก
โซนี และรัฐเยอรมันอื่นๆสนับสนุน เพอื่หา
โอกาสยึดศาสนสมบัติและตัดทอนอำานาจ
ของพวกพระ
- ลูเธอร์ได้ทำาการแปลพระคัมภีร์ภาคพันธ
สัญญาใหม่จากภาษาละตินเป็นภาษา
เยอรมนั
144. - สนธิสัญญาอ๊อกซเบิร์ก(ค.ศ.1555) เป็นสนธิ
สญัญาที่ยุติสงครามศาสนา ทำาให้เจ้าผู้ครองรัฐ
มีอำานาจที่จะเลือกศาสนาให้แก่ราษฎรในรัฐของ
ตน และยอมรับรองนิกายลูเธอร์ว่าเป็นสาขาหนึ่ง
ของนิกายโปรเตสแตนท์
- การต่อต้านการปฏิรูปศาสนาของนิกาย
โรมันคาทอลิก ในกลางศตวรรษที่ 14 โดยคณะ
บาทหลวงเยซูอิต นิกายคาทอลิกจึงฟื้นฟูและมี
คนนับถือแพร่หลาย